- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
๏ ฝ่ายอาจารย์ท่านครูผู้วิเศษ | จึงเขียนเวทวิทยาวิชาขยัน |
ให้องค์พระอภัยไพร่ทั้งนั้น | ไปป้องกันกายาในสาชล |
แล้วสอนสั่งครั้งนี้เป็นที่สุด | ไม่ม้วยมุดแล้วก็เห็นจะเป็นผล |
ไปข้างหน้าถ้าถึงที่อับจน | ถือพระมนต์มั่นไว้แล้วไม่ตาย |
พระอภัยไพร่พร้อมน้อมประณต | เล่าคาถาดาบสบ้างจดหมาย |
ฝรั่งแขกแยกกันนั่งสังวัธยาย | บ้างได้ปลายลืมต้นบ่นตะบอย ฯ |
๏ สงสารองค์พระอภัยเมื่อใกล้ค่ำ | ยิ่งร้อนรำจวนใจให้ละห้อย |
คิดคะนึงถึงนางเงือกน้ำน้อย | จะจากกลอยสวาทไปเสียไกลกัน |
นิจจาเอ๋ยเคยเห็นอยู่เย็นเช้า | จะแลเปล่าเปลี่ยวใจเมื่อผายผัน |
สงสารแก้วแววตาวิลาวัณย์ | จะโศกศัลย์เสียใจอาลัยลาน |
จำจะสั่งบังอรสมรมิ่ง | ครั้นจะนิ่งหนีอนงค์ก็สงสาร |
รำพึงพลางทางลาพระอาจารย์ | จากสถานเลียบเดินเนินคิรินทร์ |
ถึงข้างเขาเสาโคมที่โยมเงือก | พระถอดเกือกก้าวขึ้นนั่งบัลลังก์หิน |
เคาะระฆังดังหง่างนางได้ยิน | แหวกวารินรีบรุดผุดขึ้นมา |
เห็นพระองค์ทรงโฉมโสมนัส | ค่อยถดถัดขึ้นบนแท่นที่แผ่นผา |
น้อมคำนับอภิวันท์จำนรรจา | เสด็จมามืดค่ำทำอะไร ฯ |
๏ พระโฉมยงทรงศีลได้ยินถาม | จะบอกความมิใคร่บอกออกมาได้ |
เสนหาอาวรณ์ร้อนฤทัย | ภูวไนยนิ่งสะอื้นกลืนน้ำตา |
นางเงือกน้ำซ้ำถามถึงสามครั้ง | ไม่ปิดบังบอกแจ้งแห่งมัจฉา |
เมื่อวานนี้มีสำเภาเขาแวะมา | พี่จะลาโดยสารไปบ้านเมือง |
คิดถึงสองพระชนกที่ปกเกล้า | จะสร้อยเศร้าทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง |
แม้นไปถึงธานีบุรีเรือง | พอแจ้งเรื่องทุกข์ร้อนไม่นอนใจ |
สักปีครึ่งจึงจะกลับมารับน้อง | อย่ามัวหมองหมางจิตคิดสงสัย |
เห็นสำเภาเขามาถ้ามิไป | ไหนจะได้พบวงศ์พงศ์ประยูร |
จำจะจากพรากพลัดกำจัดเจ้า | อย่าสร้อยเศร้าสายสวาทไม่ขาดสูญ |
อยู่จงดีศรีสุดาอย่าอาดูร | จงเพิ่มพูนผาสุกทุกเวลา ฯ |
๏ นางเงือกน้ำกำสรดสลดจิต | ดังใครปลิดปลงชีวังให้สังขาร์ |
จะทานทัดขัดสนพ้นปัญญา | ชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย |
ด้วยพรั่นตัวกลัวภัยผีเสื้อสมุทร | ยังเวียนผุดพยาบาทคิดมาดหมาย |
ทั้งทรงครรภ์นั้นก็ได้สามเดือนปลาย | สงสารกายอยู่แต่ตนทนทรมาน |
ว่าน้องนี้มีครรภ์ให้หวั่นหวาด | ไม่มีญาติยามยากจากสถาน |
เห็นแต่องค์ทรงธรรม์เมื่อกันดาร | ไม่สงสารซัดเสียให้เมียม้วย |
ถึงอยู่ไปไหนเลยจะผาสุก | ถ้าเฉินฉุกฉวยกระไรใครจะช่วย |
พิไรร่ำกำสรดระทดระทวย | ดังจะม้วยมรณาด้วยอาลัย ฯ |
๏ พระฟังคำน้ำเนตรลงพรากพราก | โอ้เพื่อนยากร่วมจิตพิสมัย |
ไม่ทุกข์ร้อนหรือจะจรจากเจ้าไป | นี่จนใจจำลาสุดาดวง |
ถึงจากไปใช่ว่าจะผาสุก | เหมือนอุ้มทุกข์ไปสักเท่าภูเขาหลวง |
ไม่แกล้งกล่าวน้าวโน้มประโลมลวง | สุดาดวงนัยนาจงปรานี |
ซึ่งทรงครรภ์นั้นอย่าได้ปรารภ | จงนอบนบนับถือพระฤๅษี |
จะฝากฝังสั่งไว้ด้วยไมตรี | ให้เป็นที่พึ่งพาสีกาโยม |
อย่าครวญคร่ำกำสรดสลดนัก | วิมลพักตร์ผิวน้องจะหมองโฉม |
ถึงตัวไปใจเฝ้าอยู่เล้าโลม | จริงนะโยมเงือกน้อยกลอยฤทัย |
ถ้าโฉมฉายวายวางเหมือนอย่างว่า | เหมือนแกล้งฆ่าผัวรักให้ตักษัย |
จงผ่อนตามทรามถนอมอย่าตรอมใจ | เหมือนช่วยให้พี่ยาไปธานี ฯ |
๏ นางเงือกน้อยสร้อยเศร้าให้เหงาหงิม | น้ำตาปริ่มเปี่ยมตามารศรี |
สะอื้นอ้อนวอนว่ากับสามี | ว่าน้องนี้ไม่ห้ามตามพระทัย |
ด้วยธุระพระก็มีเป็นที่ยิ่ง | น้องเห็นจริงของพระองค์ไม่สงสัย |
แต่จะห้ามความรักหักอาลัย | มิใคร่ได้ด้วยจะลับไปนับนาน |
ถึงใครอื่นหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน | พระผู้เพื่อนยากไร้ไกลสถาน |
เคยปกเกล้าเช้าค่ำได้สำราญ | แต่นี้นานจะได้มาเห็นหน้ากัน |
ในทรวงของน้องนี้มีแต่โศก | แสนวิโยคญาติกาก็อาสัญ |
เป็นสองทุกข์ทั้งที่มามีครรภ์ | จะเป็นฉันใดไปก็ไม่รู้ |
อีกทุกหนึ่งถึงตัวที่ผัวร้าง | เปรียบเหมือนอย่างหญิงร้ายอายอดสู |
ฝูงมัจฉานาคินทร์ในสินธู | ที่ล่วงรู้ก็จะว่าเป็นราคี |
ไหนจะทุกข์ถึงองค์พระทรงโฉม | จะต้องโทมนัสไปในวิถี |
ด้วยแถวทางข้างหน้าในวารี | ไม่มีที่อาศัยที่ไหนเลย |
ต้องอดอยากยากไร้จะไผ่ผอม | เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของน้อยเอ๋ย |
เคยสำราญการไพร่พระไม่เคย | ผู้ใดเลยเขาจะมาพยาบาล |
แม้นน้องไปด้วยได้จะไปส่ง | ให้พระองค์ถึงปราสาทราชฐาน |
นางครวญคร่ำร่ำไห้อาลัยลาน | พระสงสารโศกาแล้วพาที |
อย่าทุกข์ทนหม่นหมองเลยน้องแก้ว | ตกยากแล้วเหลือจะรักซึ่งศักดิ์ศรี |
จะยากเย็นเป็นตายวายชีวี | ตามแต่ที่ผลกรรมได้ทำมา |
แม้นบุญปลอดรอดไปถึงไตรจักร | ไม่นานนักจักมาโลมโฉมมัจฉา |
แล้วหยิบธำมรงค์ครุฑบุษรา | กับจุฑามณีรัตน์ชัชวาล |
อยู่ห่างห่างวางให้ไม่ใกล้ชิด | แล้วทรงฤทธิ์ร่ำสอนด้วยอ่อนหวาน |
ถึงฤกษ์งามยามปลอดคลอดกุมาร | ยุพาพาลจะได้ผูกให้ลูกยา |
ค่อยอยู่เถิดโฉมฉายสายสมร | อย่าอาวรณ์พูนเทวษถึงเชษฐา |
แต่สั่งความทรามวัยอาลัยลา | จนแสงทองส่องฟ้านภาลัย |
จึงจากนางย่างเยื้องมาอาศรม | ไม่บรรทมจนแจ้งแสงสุริย์ใส |
พระทรงผ้าคากรองครองเปลือกไม้ | มากราบไหว้วันทาพระอาจารย์ |
แล้ววอนว่าข้านี้ให้วิตก | จะระหกระเหินไปไกลสถาน |
ถ้ามีทุกข์ฉุกเฉินถึงเกินการ | แสนสงสารนางมัจฉาในสาคร |
มาอยู่ด้วยได้เห็นเป็นเพื่อนยาก | จะจำจากโฉมฉายสายสมร |
หวังพระคุณอุ่นจิตดังบิดร | ช่วยดับร้อนในอุราซึ่งอาดูร |
ขอฝากไว้ใต้บาทเหมือนมาดหมาย | ช่วยป้องกันอัตรายให้หายสูญ |
จะได้สืบสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร | อนุกูลนัดดาจะลาไป ฯ |
๏ พระโยคีมีฤทธิ์ประสิทธิ์กล้า | ด้วยเมตตาตอบความตามวิสัย |
เป็นไรมีที่ธุระพระอภัย | มิให้ใครลามลวนกวนสีกา |
จงหักบ่วงห่วงใยไปเถิดท่าน | เกษมศานต์สมจิตทั้งศิษย์หา |
อย่ามีทุกข์สุขังมังคลา | แล้วสวดพาหูงให้ไปจงดี ฯ |
๏ พระอภัยไพร่นั่งอยู่พรั่งพร้อม | ประณตน้อมนับถือพระฤๅษี |
ต่างสงสารท่านไทใจอารี | อยู่กุฎีองค์เดียวจะเปลี่ยวใจ |
แขกฝรั่งทั้งองค์พระทรงยศ | ต่างกำสรดเศร้าหมองไม่ผ่องใส |
พิไรร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย | พระอภัยว่าพระองค์อยู่จงดี |
ได้พึ่งบุญอุ่นเกล้าทุกเช้าค่ำ | มิทันทำแทนทดบทศรี |
จะอำลาพากันไปวันนี้ | เหมือนไม่มีความรักพระนักธรรม์ |
ใครจะตักน้ำท่าหาลูกไม้ | ประเคนให้พระสิทธาเวลาฉัน |
เมื่อคิดไปใจหลานสงสารครัน | แล้วก้มกันแสงสะอื้นกลืนน้ำตา |
แขกฝรั่งตั้งร้อยพลอยร้องไห้ | ร่ำพิไรกล่าวความตามภาษา |
พระโยคีมีจิตคิดเมตตา | จึงว่าอย่าห่วงหลังเป็นกังวล |
ประเพณีชีไพรใจสันโดษ | ด้วยประโยชน์โพธิญาณการมรรคผล |
ไม่พอใจให้มนุษย์ปุถุชน | อยู่ปะปนคลาคล่ำให้รำคาญ |
ซึ่งชาวเจ้าเข้ามาอยู่อาศัย | เสียมิได้จึงช่วยด้วยสงสาร |
ไม่ประสงค์จงใจจะใช้การ | อย่าเป็นภารธุระที่ไม่มีใคร |
อันของฉันมันเผือกผลาผล | แต่เก็บหล่นที่แผ่นดินกินไม่ไหว |
ข้างหลังกุฏิ์อุทกังก็ขังไว้ | ไม่พักไปไกลยากลำบากกาย |
อย่าเป็นห่วงหน่วงหนักจักไปส่ง | จะไปลงเภตราเวลาสาย |
แล้วนำหน้าพาเดินตามเนินทราย | ศิษย์ทั้งหลายแวดล้อมมาพร้อมเพรียง |
แลเห็นลำสำเภาริมเขาขวาง | ไปตามทางฉนวนกั้นชั้นเฉลียง |
กรุงกษัตริย์ตรัสนิมนต์ขึ้นบนเตียง | อยู่พร้อมเพรียงนักสนมกรมใน |
สินสมุทรกุมารก็กรานกราบ | แสนสุภาพพูดจาอัชฌาสัย |
พระเจ้าตามาสำเภากับเขาไย | หรือจะไปด้วยกันขยันดี ฯ |
๏ พระทรงศีลยินคำทำเป็นว่า | ตาต้องมาตามตัวกลัวจะหนี |
ไม่บอกเล่าเจ้ามาค้างอยู่อย่างนี้ | จะต้องตีแน่แล้วไม่แคล้วเลย ฯ |
๏ กุมาราว่าวอนด้วยอ่อนหวาน | ไม่รักหลานแล้วหรือขาเจ้าตาเอ๋ย |
พระมารดรวอนชวนให้ชมเชย | จึงหลับเลยลืมลาพระอาจารย์ |
สิทธาเฒ่าสาวสุรางค์สำรวลสรวล | เจ้าแม่ม้วนเมินหน้าไม่ว่าขาน |
กษัตราว่าองค์พระทรงญาณ | จงประทานโทษทั่วทุกตัวคน |
ได้เดินลัดวัดวาสมาบาป | ทั้งกินอาบน้ำท่าผลาผล |
อย่าให้เป็นเวรไปแก่ไพร่พล | จะต้องทนเวทนาไปช้านาน ฯ |
๏ พระมหาดาบสพจนารถ | อนุญาตน้ำท่าผลาหาร |
รูปไม่ห้ามหามิได้ให้เป็นทาน | ใครต้องการเก็บได้เอาไปกิน |
ฝากแต่พระอภัยไพร่ทั้งหลาย | ให้สบายเหมือนกับบ่าวท้าวทั้งสิ้น |
จะเดินทางกลางชลาในวาริน | จงถือศีลภาวนาสมาทาน |
ท้าวจงไปให้เป็นสุขสถาผล | จรดลทางชลาทิศาสาร |
โพยภัยอันตรายอย่าแผ้วพาน | พระอาจารย์ก็จะลาจงคลาไคล ฯ |
๏ กรุงกษัตริย์จัดแจงแบ่งเป็นเขต | ส่วนทรงเดชอยู่กลางระวางใหญ่ |
แขกฝรั่งทั้งองค์พระอภัย | กั้นห้องให้อยู่สบายท้ายเภตรา |
พวกพหลคนงานทหารรบ | แทรกสมทบกับขุนนางที่ข้างหน้า |
ครั้นเสร็จจัดตรัสสั่งพวกเสนา | ให้ตีม้าล่อดังเป็นกังวาน |
พวกพหลพลนิกรถอนสมอ | บ้างขันช่อชวนกันเข้าขันกว้าน |
ฝ่ายฝรั่งตั้งเข็มเต็มชำนาญ | หมายอิสานสำคัญเป็นมั่นคง |
ออกจากที่คลี่ใบขึ้นใส่เสา | ถึงหว่างเขาคอยลมสมประสงค์ |
ให้นายท้ายบ่ายหน้าเภตราตรง | สำเภาทรงแล่นมาในสาคร |
ดูอ้างว้างทางเปลี่ยวเดี่ยวสันโดษ | ล้วนเขาโขดเคียงกันเป็นหลั่นสลอน |
พวกขุนนางต่างเอกเขนกนอน | ร้องละครเรื่องอิเหนาชาวชวา |
บ้างคิดเขียนเพลงยาวเมื่อคราวยาก | จะไปฝากมิ่งมิตรขนิษฐา |
พวกโยธีตีกรับขับเสภา | ตามประสาไม่สบายพอคลายใจ |
ส่วนห้ามแหนแสนสุรางค์นางสนม | ชวนกันชมมัจฉาชลาไหล |
ด้วยลมรื่นคลื่นคลายสบายใจ | ดูเขาไม้ต่างต่างตามทางมา ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมโลก | ค่อยสร่างโศกสร่างทุกข์เป็นสุขา |
สถิตแท่นแสนสบายท้ายเภตรา | เรียกลูกยาเข้ามาถามถึงความนาง |
เจ้านอนเรือเมื่อคืนวานซืนนี้ | พระบุตรีว่ากระไรที่ไหนบ้าง |
จงเล่าความตามคำอย่าอำพราง | พ่อเห็นนางกับเจ้าเฝ้ายิ้มแย้ม ฯ |
๏ สินสมุทรบุตราว่าพระแม่ | ท่านติแต่พระบิดาว่าตาแหลม |
แลเขม้นเห็นเขาเฝ้ากระแอม | ทำลอมแลมลดเลี้ยวเกี้ยวสีกา ฯ |
๏ พระฟังเล่าเข้าใจเห็นได้ช่อง | เคียงประคองรับขวัญด้วยหรรษา |
แล้วว่าค่ำทำเป็นไปเข้าไสยา | จึงบอกว่าบิตุรงค์นี้จงใจ |
ถ้าถึงที่บุรีเรืองเมืองผลึก | จะลาสึกออกเป็นข้าอยู่อาศัย |
นางนงลักษณ์จักเลี้ยงสักเพียงไร | แต่พูดจาอย่าให้ใครเขาได้ยิน |
แล้วว่าพ่อขอยืมสไบเจ้า | พลางหยิบเอาทรงห่อสมถวิล |
คิดคะนึงถึงธิดายุพาพิน | ให้หอมกลิ่นรื่นรื่นชื่นวิญญาณ์ |
สุริยงลงในน้ำพอค่ำพลบ | เขาจุดคบโคมรายทั้งซ้ายขวา |
พระกุมารกรานก้มบังคมลา | แล้วเมียงมาหานุชพระบุตรี ฯ |
๏ นางกษัตริย์ตรัสเรียกโอรสราช | ขึ้นร่วมอาสน์แอบอุรามารศรี |
ไม่เห็นห่มผ้านางอย่างทุกที | พระเทวีหวั่นหวาดประหลาดใจ |
จึงถามว่าผ้ากรองทองผืนนั้น | แม่ให้ขวัญเนตรเจ้าเอาไปไหน |
กุมาราว่าฉันจีบใส่หีบไว้ | นางว่าไม่เชื่อดอกมาหลอกกัน |
สินสมุทรสุดจะแก้ว่าแม่เจ้า | ลูกจะเล่าตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
พระบิดรวอนว่าสารพัน | ยืมกรองทองของฉันไว้ห่มนอน |
พระธิดาว่านั่นเป็นไรเล่า | น้อยหรือเจ้าไม่บอกเฝ้าหลอกหลอน |
แกล้งขอผ้าสไบให้บิดร | คงจะค่อนกล่าวขวัญเป็นมั่นคง |
ทำฮึดฮัดขัดใจเข้าไสยาสน์ | พระหน่อนาถนั่งกวนนวลหง |
แต่นี้ไปไม่หลอกจะบอกตรง | พระบิตุรงค์สั่งมาให้ว่าวอน |
แม้นไปถึงเมืองผลึกจะสึกหา | ขอเป็นข้าพระบุตรีศรีสมร |
จงเลี้ยงไว้ใช้งานการนคร | หรือมารดรเดือดใจไม่ไยดี ฯ |
๏ นางฟังคำทำว่าน่าสงสาร | ช่างอ่อนหวานน้อยหรือพระฤๅษี |
แล้วตอบคำทำว่าอย่าพาที | คนทั้งนี้เขาได้ยินจะนินทา |
ซึ่งพระองค์จงใจจะใครพึ่ง | ไม่สมซึ่งหมายมาดปรารถนา |
จะรับคำจำจนพ้นปัญญา | ด้วยมารดาจะมิได้อยู่ในวัง |
เจ้าลังกามาขอให้โอรส | พระทรงยศยกให้ดังใจหวัง |
พอเรือซัดพลัดพรากมาจากวัง | พวกฝรั่งเห็นจะมาอยู่ธานี |
แม้นไปถึงซึ่งเขตนิเวศน์สถาน | จะจัดแจงแต่งการภิเษกศรี |
ต้องจำใจไปลังกากับสามี | มิรู้ที่จะคิดอ่านประการใด |
ซึ่งบิดรสอนมาให้ว่ากล่าว | พรุ่งนี้เช้าจึงค่อยแจ้งแถลงไข |
ทุกวันนี้มีกรรมจะจำไกล | ถ้าหาไม่ก็ไม่ขัดพระอัชฌา |
ขอบังคมสมเด็จพระดาบส | ให้ทรงยศโปรดเกศเหมือนเชษฐา |
นางกล่าวแกล้งแจ้งคำทำมารยา | กุมารารู้เรื่องเคืองพระทัย |
จึงตอบความตามประสาเป็นทารก | ช่างยอมยกให้ฝรั่งต่างวิสัย |
จะชิงกันไม่ฟังช่างเป็นไร | พระมารดาข้าจะให้พระบิดร |
นางฟังคำทำห้ามเมื่อยามดึก | อย่าพูดฮึกไปเลยฟังแม่สั่งสอน |
พลางแย้มสรวลชวนชิดสนิทนอน | บนบรรจถรณ์นางประทับให้หลับไป ฯ |
๏ พอฟ้าขาวเช้าตรู่ก็รู้สึก | กุมารนึกเศร้าหมองไม่ผ่องใส |
น้อมประนมบังคมแล้วคลาไคล | เข้าห้องในแนบชิดพระบิตุรงค์ |
อภิวาทบาทมูลทูลฉลอง | เหมือนคำของทรามสงวนนวลหง |
พระอภัยให้ระทดสลดลง | เสียดายองค์พระธิดาน้ำตาคลอ |
พระเอนเอกเขนกขึงรำพึงคิด | ไม่แจ้งจิตเลยว่าเขามาขอ |
เหมือนตามไต้ในน้ำมาตำตอ | ถึงแค้นคอคงจะกลืนไม่คืนคาย |
แล้วคิดจำคำครูดูวันนั้น | ที่หมายมั่นว่าจะสมอารมณ์หมาย |
จะหาไหนได้เหมือนนุชสุดเสียดาย | ลูกผู้ชายชิงชู้ดูสักที |
จะเล้าโลมโฉมยงให้ปลงจิต | แม้นสมคิดก็จะพาสุดาหนี |
เหมือนอิเหนาเผาเมืองเรื่องยังมี | เรายังดีว่าอิเหนาเป็นเท่าไร |
แล้วตรัสเรียกลูกยาเข้ามาบอก | เจ้าจงหลอกลวงแม่พูดแก้ไข |
เข้าไปถึงจึงทำเป็นร่ำไร | ว่าอาลัยถึงบิดาจะลาตาย |
เพราะเทวีศรีสวัสดิ์ตัดสวาท | ที่มุ่งมาดมิได้สมอารมณ์หมาย |
ตั้งแต่เช้าเฝ้านั่งสั่งลูกชาย | จนตกบ่ายบุตราลาครรไล |
เข้าในห้องเห็นองค์นางนงลักษณ์ | ทำซบพักตร์ลงกับเพลาเฝ้าร้องไห้ |
สะอื้นร่ำสำลักกระอักกระไอ | นางตกใจจึงถามตามสงกา |
พ่อเป็นไรไม่บอกออกให้แจ้ง | อย่ากันแสงนักเลยจงเงยหน้า |
แม่รักเจ้าเท่าเทียมกับชีวา | ปรารถนาสิ่งใดจะให้ปัน |
กุมาราว่าเพราะพระแม่เจ้า | ไม่โปรดเกล้าแกล้งฆ่าบิดาฉัน |
ลูกจะมาลาม้วยเสียด้วยกัน | ทำโศกศัลย์ซบเสือกลงเกลือกกาย ฯ |
๏ นางทรงฟังยังให้สงสัยนัก | จึงซ้ำซักทรามสวาทเหมือนมาดหมาย |
สินสมุทรสุดดีไม่มีอาย | ทำฟูมฟายชลนาแล้วว่าพลาง |
พระบิดาข้าบาทจะขาดจิต | ด้วยสุดคิดสารพัดจะขัดขวาง |
พระแม่ตรัสตัดสวาทให้ขาดทาง | ไปรักข้างฝ่ายฝรั่งเมืองลังกา |
พระน้อยใจไม่อยู่จะสู้ม้วย | เพราะเหตุด้วยความรักนั้นนักหนา |
พอสิ้นแสงสุริยนสนธยา | จะพาข้าโจนน้ำให้จำตาย ฯ |
๏ นางฟังบุตรสุดสวาทอนาถนิ่ง | คิดว่าจริงใจหวั่นมิ่งขวัญหาย |
ด้วยความรักหักห้ามความละอาย | จึงปลอบสายสวาทว่าอย่าอาดูร |
ไปแจ้งความห้ามองค์พระทรงยศ | อย่าเพ่อปลดเปลื้องชีวาตม์ให้ขาดสูญ |
แม่ก็รู้ว่าบิดาอนุกูล | จึงต้องทูลตามจริงทุกสิ่งไป |
เมื่อมิฟังยังคิดพิศวาส | เธอฉลาดตามแต่จะแก้ไข |
ไม่ทานทัดขัดห้ามจะตามใจ | แต่อย่าไปโจนน้ำน่ารำคาญ ฯ |
๏ สินสมุทรสุดสบายหายสะอื้น | ทำชมชื่นวิงวอนด้วยอ่อนหวาน |
ลูกจะจำคำสัตย์ปฏิญาณ | ไปว่าขานขอชีวิตพระบิตุรงค์ |
แล้วจึงผลุนหมุนมาถึงดาบส | น้อมประณตทูลความตามประสงค์ |
ลูกไปทำทุกข์ตรอมจนยอมลง | ว่าตามแต่องค์พระบิดาจะปรานี ฯ |
๏ พระอภัยได้ยินสินสมุทร | ให้แสนสุดเสน่หามารศรี |
แต่นิ่งนึกตรึกตราจนราตรี | ยิ่งทวีถวิลโฉมประโลมลาน |
จึงหยิบธำมรงค์เพชรเจ็ดกะรัต | ใส่พระหัตถ์ลูกยาแล้วว่าขาน |
เจ้าเอาไปให้องค์นางนงคราญ | เปลี่ยนสังวาลมาให้พ่อจะขอชม ฯ |
๏ โอรสรับอภิวันท์แล้วผันผาย | ถึงโฉมฉายชวนชิดสนิทสนม |
พระบิดรผ่อนสบายคลายอารมณ์ | แต่ยังตรมตรอมใจด้วยไกลกัน |
แล้วนบนอบยอบกายถวายแหวน | พระว่าแม้นสุจริตอย่าบิดผัน |
แม่โฉมยงจงประทานสังวาลวรรณ | เป็นสำคัญจะได้อ้างต่างพยาน ฯ |
๏ นางยิ้มหยิบธำมรงค์มาทรงใส่ | ขอบฤทัยวาจาที่ว่าขาน |
แล้วแกล้งว่าน่าเบื่อเหลือรำคาญ | ไม่ได้การเฉโกเป็นโยคี |
ไม่เรียนร่ำบำเพ็งให้เคร่งครัด | มาเปลี่ยนผลัดกับสีกาน่าบัดสี |
แม้นมิให้ก็จะว่าไม่ปรานี | กลัวแต่ที่เธอจะทำโจนน้ำตาย |
แล้วโฉมยงทรงถอดสังวาลรัตน์ | ทำจบหัตถ์ยื่นให้เอาไปถวาย |
โอรสรับอภิวาทแล้วนาดกราย | มาห้องท้ายเภตราในราตรี |
เข้านั่งชิดบิตุรงค์แล้วส่งให้ | พระดีใจดังได้โลมนางโฉมศรี |
ค่อยลูบหลังลูกยาแล้วพาที | อยู่นอนนี่เถิดนะเจ้าได้เล่าความ |
แล้วเอนองค์ลงเอกเขนกเขนย | พระลูกเกยอยู่กับตักแล้วซักถาม |
พูดถึงแก้วแววตาพะงางาม | สักสามยามเดือนลับจึงหลับไป ฯ |