- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
๏ จะกล่าวถึงนางผีเสื้อเมื่อคราวนั้น | ไม่ผายผันไปคูหาที่อาศัย |
เที่ยวท่องน้ำดำผุดสมุทรไท | ให้ผีไพร่ภูตพรายรายระวัง |
กลัวลูกยาสามีจะหนีพ้น | เป็นกังวลมิได้สิ้นถวิลหวัง |
ครั้นเหนื่อยหนาวหาวนอนอ่อนกำลัง | ขึ้นยับยั้งอยู่เขาขวางกลางคงคา |
ในวันเมื่อเรือแล่นออกจากเกาะ | ไม่เห็นเพราะโยคีมีคาถา |
ท่านอ่านมนต์ดลจิตปิดนัยน์ตา | จึงเภตราล่วงไปได้หลายคืน |
ต่อผีพรายชายด่านอยู่ชั้นนอก | เข้ามาบอกเหตุให้จึงได้ตื่น |
ชะโงกชะแง้แลเล็งเขย่งยืน | ดูทะมืนเมฆาลูกตาวาว |
อันนางยักษ์จักษุเสมอทิพย์ | เห็นลิบลิบแล่นไปใบขาวขาว |
ดูไกลนักจักแหล่นสิ้นแดนดาว | ร้องเรียกบ่าวบอกความตามให้ทัน |
พวกผีพรายสายสมุทรผุดขึ้นสิ้น | บ้างแลบลิ้นเหลือกตาถลาถลัน |
เสียงโครมครามตามคลื่นเป็นหมื่นพัน | ทะเลลั่นดังจะล่มถล่มทลาย |
ส่วนนางมารหาญฮึกสะอึกโถม | จ้วงกระโจมโจนไล่ไพร่ทั้งหลาย |
เสียงครึกครื้นคลื่นคลั่งกำลังพราย | ภูเขาขวางพังทลายทะลุยไป ฯ |
๏ พอสำเภาลำทรงพงศ์กษัตริย์ | ออกแล่นลัดกลางมหาชลาไหล |
ล่วงสิบห้าราตรีไม่มีภัย | เห็นเขาใหญ่ในทะเลเหมือนเมฆา |
ตระหง่านเงื้อมเลื่อมสลับระยับยิบ | ยังลิบลิบแลไปไกลหนักหนา |
พอสิ้นแสงสุริยนสนธยา | ในเวหามืดคลุ้มชอุ่มบัง |
พายุหวนป่วนคลื่นเสียงครื้นครึก | ลั่นพิลึกโกลามาข้างหลัง |
ยังดึกดื่นคลื่นลั่นสนั่นดัง | เพียงจะพังแผ่นผาสุธาธาร |
สำเภาโผนโยนโยกโบกสะบัด | หางเสือพลัดแพลงพลาดเสียงฉาดฉาน |
เหล่าล้าต้าต้นหนพวกคนงาน | ต่างเซซานซวนทรงไม่ตรงกาย ฯ |
๏ สงสารท้าวสาวสุรางค์นางสนม | ถลาล้มกลิ้งคว่ำคะมำหงาย |
ฝ่ายฝูงผีปีศาจอสุรกาย | กับภูตพรายกองหน้าที่มาทัน |
จะล่มลำสำเภาเข้าไม่ได้ | แลเห็นไฟล้อมเหมือนกับเขื่อนขัณฑ์ |
ด้วยเดชะเวทมนตร์คนทั้งนั้น | ประกอบกันผีสางให้ห่างตัว |
แต่พวกพรายร้ายกาจปีศาจกล้า | โลดถลาหลอนหลอกบ้างกลอกหัว |
บ้างแลบลิ้นปลิ้นตาให้น่ากลัว | สำแดงตัวต่างต่างในกลางคืน ฯ |
๏ ฝ่ายพวกพลบนสำเภาเผาขนไก่ | จนติดไหม้ม้วนหนังเข้าทั้งผืน |
แขกฝรั่งนั่งรายทนายปืน | ลุกขึ้นยืนยิงประดังเสียงตังตึง |
ผียิ่งหลามตามไปจนใกล้สว่าง | ทั้งตัวนางผีเสื้อน้ำซ้ำมาถึง |
ทำอำนาจผาดเสียงสำเนียงอึง | โลดทะลึ่งเลี้ยวลัดสกัดทาง |
ยุดหางเสือเรือเอียงเพียงจะคว่ำ | พอคลื่นซ้ำซัดกระแทกก็แตกผาง |
คนกระจัดพลัดพรายบ้างวายวาง | เสียงสุรางค์ร้องอึงคะนึงไป |
พวกผู้ชายว่ายวนปนผู้หญิง | เที่ยวเกลือกกลิ้งกลางคลื่นลื่นไถล |
บ้างดำผุดสุดจะกลั้นก็บรรลัย | ฝูงปลาใหญ่ได้กลิ่นขึ้นกินคน |
บ้างคาบคว้าขาแข้งแย่งขยอก | ดูกลับกลอกกลิ้งเกลือกอยู่เสือกสน |
ฉนากฉลามตามไล่กินไพร่พล | อลวนว่ายสล้างกลางคงคา |
อันองค์ท้าวเจ้ามิ่งเมืองผลึก | พอตกลึกลมจับดับสังขาร์ |
สินสมุทรสุดรักพระธิดา | เอาใส่บ่าแบกว่ายสายสินธู |
ฝ่ายจีนจามพราหมณ์พวกแขกฝรั่ง | ขึ้นขี่หลังปลาโลมาแลราหู |
พระอภัยได้กระดานบานประตู | คิดถึงครูเกาะภาวนาไป ฯ |
๏ ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทรขึ้นผุดโผน | โจมกระโจนจับบุตรหลุดไปได้ |
จะจับผัวกลัวมนต์เป็นพ้นใจ | แต่โลดไล่โผงผางมากลางคืน |
ด้วยเดชะพระอภัยจะไม่ม้วย | พระพายช่วยพัดพามาบนคลื่น |
พอแสงทองส่องสว่างนภางค์พื้น | ถึงหาดตื้นตีนเขาลำเนาเนิน |
พระหนีนางวางวิ่งขึ้นสิงขร | แอบชะง่อนเงื้อมผาศิลาเผิน |
ผีเสื้อไล่ไปถึงเขาลำเนาเนิน | ให้เผอิญล้มลุกลงคลุกคลาน |
จะขึ้นเขาเล่าก็ลื่นขึ้นไม่ได้ | สุดอาลัยแลหาน่าสงสาร |
เห็นผัวนั่งพังพาบลงกราบกราน | แล้ววิงวอนอ่อนหวานด้วยมารยา |
พระรูปหล่อพ่อคุณของเมียเอ๋ย | ไฉนเลยหลบตัวกลัวนักหนา |
น้องอุตส่าห์พยายามตามพระมา | จงมาหาเมียบ้างอย่าหมางเมิน ฯ |
๏ แสนสงสารพระอภัยวิไลลักษณ์ | หนีนางยักษ์อยู่ที่หน้าแผ่นผาเผิน |
จะต่อไปก็ไม่รอดเป็นยอดเนิน | ด้วยสูงเกินแรงกายจะป่ายปีน |
เห็นจวนจนบ่นภาวนาร่ำ | บริกรรมคาถารักษาศีล |
พอพวกไพร่ไทยแขกฝรั่งจีน | มาถึงตีนเขาขวางข้างคิรี |
นางยักษ์เห็นเผ่นโผนจะโจนจับ | แล้วถอยกลับกลัวฤทธิ์ศิษย์ฤๅษี |
แขกฝรั่งวางวิ่งเป็นสิงคลี | ขึ้นถึงที่พระอภัยได้ทั้งร้อย |
ผีเสื้อน้ำร่ำเรียกริมบรรพต | พระทรงยศเยี่ยมพักตร์มาสักหน่อย |
นิ่งเสียได้ให้น้องนี้ต้องคอย | นี่ลูกน้อยไปอยู่ไหนไม่เห็นมา ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมจิต | กับพวกศิษย์พรั่งพร้อมอยู่จอมผา |
เห็นนางผีเสื้อสมุทรสุดศักดา | ไม่หาญกล้าใกล้ตัวด้วยกลัวมนต์ |
จะนิ่งอยู่อย่างนี้ก็มิชอบ | จำจะตอบนางยักษ์อีกสักหน |
ต้องตัดพ้อต่อว่าประสาจน | จึงขึ้นบนแผ่นผาแล้วพาที |
นี่แน่นางผีเสื้อเจ้าเหลือแสน | เฝ้าคุมแค้นขืนแกล้งว่าแหนงหนี |
มาตามติดคิดอ่านผลาญชีวี | จะฆ่าตีพี่ชายให้วายชนม์ |
ทั้งลูกน้อยพลอยพรากไปจากอก | แสนวิตกตายเป็นไม่เห็นหน |
เพราะหมองหมางนางงามตามประจญ | จึงทุกข์ทนแทบกายจะวายปราณ |
ทุกวันนี้พี่รักษาสิกขาบท | สู้เปลื้องปลดห่วงใยในสงสาร |
อันอินทรีย์ชีวิตอุทิศทาน | เจ้าต้องการกินบ้างหรืออย่างไร |
จะสูบเลือดเชือดเนื้อหรือเถือแล่ | ก็ตามแต่ปรารถนาอัชฌาสัย |
อันชีวาตม์อาตมาไม่อาลัย | อย่ากวนใจจู้จี้เลยสีกา ฯ |
๏ ผีเสื้อน้ำซ้ำว่านิจจาเอ๋ย | ไม่เห็นเลยที่ว่ารักนั้นหนักหนา |
ซึ่งตามติดคิดว่าพระเมตตา | ตามประสาผัวเมียไม่เสียกัน |
พระกลับตรัสตัดรักว่ายักษ์ร้าย | ไม่กล้ำกรายกลัวเกลียดด้วยเดียดฉันท์ |
อยู่เกาะแก้วพิสดารก็นานครัน | แต่สักวันหนึ่งก็ไม่อาลัยแล |
ทั้งลูกเต้าเอาไว้มิให้พบ | พากันหลบล่วงทางมาห่างแห |
น้ำพระทัยไม่เลี้ยงเป็นเที่ยงแท้ | จะไว้แต่อาลัยก็ไม่มี |
จึงต้องคิดติดตามด้วยความรัก | พระทรงศักดิ์ซ้ำอางขนางหนี |
กลับว่าน้องปองร้ายหมายชีวี | ไม่พอที่ทูนหัวจะกลัวเมีย |
ถึงจะไปไม่ห้ามจะตามส่ง | พระโฉมยงอย่าเพ่อตัดสลัดเสีย |
ให้อกน้องหมองไหม้ดังไฟเลีย | มาหาเมียเสียสักหน่อยให้ค่อยคลาย ฯ |
๏ พระฟังนางทางว่านิจจาเอ๋ย | แต่ก่อนเคยเคียงประโลมเจ้าโฉมฉาย |
ประเดี๋ยวนี้พี่บวชชวดสบาย | จะสอนสายสวาทเจ้าให้เข้าใจ |
จงฟังธรรมคำนับดับโมโห | ให้โทโสสร่างเสื่อมค่อยเลื่อมใส |
แล้วทรงเดชเทศนาภาษาไทย | ด้วยความในโลกีย์สี่ประการ |
คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส | ที่คฤหัสถ์หวงแหนไม่แก่นสาร |
ครั้นระงับดับขันธ์สันดาน | ย่อมสาธารณ์เปื่อยเน่าเสียเปล่าดาย |
อย่าลุ่มหลงจงอุตส่าห์รักษาศีล | ให้เพิ่มภิญโญไปดังใจหมาย |
อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตคิดอุบาย | จะจำตายตกนรกอเวจี |
พี่แบ่งบุญบรรพชาสถาผล | ส่วนกุศลให้สุดามารศรี |
กลับไปอยู่คูหาในวารี | อย่าได้มีห่วงใยอาลัยลาน |
อันตัวของอาตมากับสานุศิษย์ | ก็ไม่คิดคืนประเทศเขตสถาน |
จะจำศีลภาวนาสมาทาน | หมายวิมานเมืองสวรรค์จนบรรลัย ฯ |
๏ นางผีเสื้อเบื่อหูว่าจู้จี้ | เจ้าบาลีเลือกแปลมาแก้ไข |
ไหนนรกตกลงที่ตรงใด | ช่วยพาไปดูเล่นให้เห็นจริง |
เมืองสวรรค์นั้นก็ไปทางไหนเล่า | อย่าพูดเปล่าปลิ้นปลอกหลอกผู้หญิง |
หนีไปไหนก็ไม่รอดจะทอดทิ้ง | มานั่งนิ่งอยู่กับเกาะเห็นเหมาะใจ |
ชะช่างอวดบวชเรียนเขียนกอข้อ | น่าหัวร่อหรือพระองค์มาหลงใหล |
เอาเถาวัลย์พันพุงนุ่งเปลือกไม้ | อวดว่าได้บุญแรงมาแบ่งปัน |
ไม่นับถือฤๅษีหนีผู้หญิง | จะทอดทิ้งเมียไว้ช่างไม่ขัน |
เร่งสึกหามาจะได้ไปด้วยกัน | อย่าเทศน์ธรรม์เลยไม่พอใจฟัง |
เป็นดาบสฤๅษีก็มิรู้ | พระเป็นคู่ของข้ามาแต่หลัง |
จะขืนจากบากบั่นดันทุรัง | ก็ไม่ฟังคงจะเฝ้าอยู่เอาตัว |
แล้วกู่ก้องร้องประกาศปีศาจร้าย | ทั้งภูตพรายพรั่งพร้อมเข้าล้อมผัว |
ปีศาจแรงแผลงศักดาดูน่ากลัว | นิมิตตัวโตดำกำยำยืน |
แล้วนางมารอ่านคาถาพลาหก | ให้ฝนตกฟุ้งฟ้าไม่ฝ่าฝืน |
ทั้งฟ้าร้องก้องกระหึมเสียงครึมครืน | นภางค์พื้นบดบังกำลังมนต์ |
พระอภัยไม่รู้ที่จะคิด | กับพวกศิษย์แสนลำบากต้องตากฝน |
จะหนีนางทางไหนก็ไม่พ้น | สุดจะทนฝนชุกลงทุกที |
ไหนจะถูกลูกเห็บเจ็บสาหัส | พงศ์กษัตริย์สิ้นรักนางยักษี |
จึงปรึกษากับฝรั่งว่าครั้งนี้ | จะเป่าปี่ผลาญนางให้วางวาย |
แต่พวกเราเอาน้ำบ่อน้อยนั้น | หยอดปิดกรรณสองข้างเหมือนอย่างหมาย |
พวกไพร่พร้อมน้อมคำนับรับอุบาย | บ้วนน้ำลายหยอดหูทุกผู้คน ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ | จึงจบหัตถ์อธิษฐานการกุศล |
แล้ววันทาลาศีลพระทศพล | เอาเครื่องต้นแต่งองค์อลงการ์ |
แล้วถือปี่ที่ท่านอาจารย์ให้ | แข็งพระทัยออกจากชะวากผา |
ขึ้นหยุดยั้งนั่งแท่นแผ่นศิลา | ภาวนาอาคมเรียกลมปราณ |
แล้วทรงเป่าปี่แก้วให้แจ้วเสียง | สอดสำเนียงนิ้วเอกวิเวกหวาน |
พวกโยธีผีสางทั้งนางมาร | ให้เสียวซ่านซับซาบวาบหัวใจ |
แต่เพลินฟังนั่งโยกจนโงกหงุบ | ลงหมอบซุบซวนซบสลบไสล |
พอเสียงปี่ที่แหบหายลงไป | ก็ขาดใจยักษ์ร้ายวายชีวา ฯ |
๏ ครั้นฝนหายพรายผีหนีไปหมด | พระทรงยศแลดูบนภูผา |
เห็นนางไม่ไหวติงนิ่งนิทรา | ก็รู้ว่าขาดใจบรรลัยลาญ |
จึงปลุกไพร่ให้ตื่นขึ้นทั้งพวก | เหมือนหูหนวกเรียกใครก็ไม่ขาน |
ต้องทำใบ้ให้รู้ว่านางมาร | ถึงแก่กาลมรณานิคาลัย |
แขกฝรั่งทั้งนั้นสำคัญแน่ | ลุกขึ้นแลดูยักษ์เห็นตักษัย |
ต่างยอนหูให้น้ำลายนั้นหายไป | แล้วอวยชัยชมปี่ช่างดีจริง |
บ้างพรั่นจิตคิดลึกยังนึกแหนง | หรือนางแกล้งนิทรามารยาหญิง |
แขกฝรั่งทั้งสิ้นเอาหินทิ้ง | ไม่ไหวติงตายแท้แล้วแม่คุณ |
พอโพล้เพล้เวลาภาณุมาศ | ล่วงลีลาศลับเงาภูเขาขุน |
กระจ่างแจ้งแสงจันทร์อันจำรุญ | เสียงสกุณร่อนร้องก้องคิรินทร์ |
พระโฉมยงสงสารผีเสื้อสมุทร | มาสิ้นสุดชีวาตม์อยู่หาดหิน |
หมู่มัจฉากาแร้งจะแย่งกิน | จะปลงศพเสียให้สิ้นพ้นนินทา |
พระจึงชวนแขกฝรั่งสะพรั่งพร้อม | ลงจากจอมเขาเขินถึงเนินผา |
เห็นศพนางพลางพิศดูพักตรา | ชลนาคลอเนตรสังเวชใจ |
ลดพระองค์ลงนั่งข้างศิโรตม์ | สมาโทษนางยักษ์ที่ตักษัย |
พิไรร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย | สะอื้นไห้ใจหายเสียดายนาง |
นิจจาเอ๋ยเคยอยู่ในคูหา | เจ้าอุตส่าห์ปรนนิบัติไม่ขัดขวาง |
จนเกิดบุตรสุดสวาทนิราศร้าง | เจ้าอ้างว้างวิญญาณ์จึงมาตาม |
ได้พบกันวันเมื่อถึงเกาะแก้ว | พี่ห้ามแล้วเจ้าก็ยังไม่ฟังห้าม |
เวียนระวังตั้งจิตแต่ติดตาม | จนถึงความมรณานิคาลัย |
สงสารนักภัคินีเจ้าพี่เอ๋ย | เป็นคู่เชยเคียงชิดพิสมัย |
ถึงรูปชั่วตัวดำแต่น้ำใจ | จะหาไหนได้เหมือนเจ้าเยาวมาลย์ |
ตั้งแต่นี้มีแต่จะแลลับ | จนสิ้นดับกาลาปาวสาน |
จนม้วยดินสิ้นฟ้าแลบาดาล | มิได้พานพบสมรเหมือนก่อนมา |
พี่แบ่งบุญบรรพชิตอุทิศให้ | เจ้าจงไปสู่สวรรค์ให้หรรษา |
อันชาตินี้มีกรรมจำนิรา | เมื่อชาติหน้าขอให้พบประสบกัน |
เป็นมนุษย์ครุฑาเทวาธิราช | อย่ารู้ขาดเสนหาจนอาสัญ |
ให้สมวงศ์พงศ์ประยูรตระกูลกัน | อย่าต่างพันธุ์ผิดเพื่อนเหมือนเช่นนี้ |
พระครวญคร่ำร่ำไรไห้สะอื้น | สุดจะขืนแข็งอารมณ์พระโฉมศรี |
ทั้งทุกข์ถึงลูกยาในวารี | แต่คืนนี้มิได้เห็นว่าเป็นตาย |
ทั้งเสียเมียเสียบุตรสุดสลด | แสนกำสรดทรวงจะแยกแตกสลาย |
สะอื้นอ้อนอ่อนองค์ไม่ทรงกาย | พระโฉมฉายซวนซบสลบลง |
แขกฝรั่งฟังคำพระร่ำไห้ | พลอยอาลัยหลากจิตพิศวง |
เห็นแน่นิ่งวิ่งพร้อมเข้าล้อมองค์ | ต่างคิดสงสารสะอื้นกลืนน้ำตา |
บ้างต้องดูรู้ว่าสลบหลับ | ยังไม่ดับชีวังถึงสังขาร์ |
เข้านวดเคล้นเส้นสายปลายบาทา | บ้างโบกผ้าโบกมือกระพือลม |
พระกลับฟื้นคืนสมประดีได้ | เหมือนหลับใหลลืมจิตสนิทสนม |
พอแสงทองส่องสว่างน้ำค้างพรม | ทะเลลมคลื่นเงียบเซียบสำเนียง |
ไก่สวรรค์ขันเอกวิเวกวับ | ไก่ป่ารับขันขานประสานเสียง |
เรไรร้องก้องเกาะเสนาะเคียง | ดังสำเนียงดนตรีปี่ชวา |
อโณทัยไขแสงแจ้งกระจ่าง | ส่องสว่างกลางทะเลพระเวหา |
เห็นศพซากรากษสที่มรณา | เป็นศิลาน่าอนาถประหลาดใจ |
มีน้ำขาวราวกับน้ำตาลโตนด | ออกจากโอษฐ์นางมารเหมือนธารไหล |
พระดูนางพลางถามพวกพลไกร | เหตุไฉนศพนางเป็นอย่างนี้ |
คนทั้งร้อยพลอยว่าน่าประหลาด | หรือปีศาจผีเสื้อเป็นเชื้อผี |
ยังไม่ตายกลายแกล้งแปลงอินทรีย์ | หรือของดีอยู่ในนางเป็นอย่างไร |
บ้างว่าเป็นปรอทฤทธิ์วิธิเวท | ผู้วิเศษใส่ศิลามาแต่ไหน |
แต่ว่าพราหมณ์นามชื่อมหัศชัย | นั้นทูลว่าถ้าจะใคร่ให้หายแคลง |
อันอัคคีนี้เป็นการผลาญพิภพ | เอาเผาศพดูให้สิ้นที่กินแหนง |
ถึงยักษ์ร้ายกายสิทธิ์ฤทธิแรง | พระเพลิงแผลงฤทธิ์ผลาญไม่ทานทน |
พงศ์กษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ | จะใคร่รู้ดีร้ายให้หายฉงน |
ดำริพลางทางใช้พวกไพร่พล | ช่วยกันขนฟืนมาอย่าช้าที |
ฝ่ายจีนจามพราหมณ์แขกช่วยแบกไม้ | มากองไว้ข้างเขาจะเผาผี |
บ้างตัดไม้ไผ่แขวะแฉละดี | ช่วยกันสีไฟพลางกลางศิลา ฯ |
๏ พอได้ยินเสียงระฆังข้างหลังเขา | เห็นผู้เฒ่าออกจากชะวากผา |
ดูสรรพางค์ร่างกายแก่ชรา | แต่ผิวหน้านั้นละม้ายคล้ายทารก |
ทรงเสื้อโขมพัสตรานุ่งผ้าขาว | ผมนั้นยาวย้อยสยายประปรายปรก |
ถือไม้เท้าเนาวรัตน์พัดขนนก | ทำเดินงกงันมาแล้วพาที |
ว่าดูราสามีนางผีเสื้อ | เป็นหน่อเนื้อกษัตริย์ชาติราชสีห์ |
อย่าเผาศพนางยักษ์ด้วยอัคคี | ภัยจะมีถึงกายให้วายปราณ ฯ |
๏ พระอภัยได้ฟังยังฉงน | ผิดผู้คนผู้เฒ่าเห็นห้าวหาญ |
จึงปราศรัยไต่ถามความบุราณ | ขอเชิญท่านชี้แจงให้แจ้งใจ |
ข้าเห็นนางวางวายกลายเป็นหิน | จึงจะเผาเขาให้สิ้นที่สงสัย |
ท่านห้ามว่าข้านี้จะมีภัย | เหตุไฉนฉะนั้นหนอข้าขอฟัง ฯ |
๏ ฝ่ายมหิงข์สิงขรเทวราช | จึงประกาศเล่าตามเนื้อความหลัง |
เป็นเรื่องลึกดึกดำบรรพ์อนันตัง | แต่ครั้งตั้งฟ้าทะเลเมรุไกร |
นางผีเสื้อเมื่อแต่ก่อนเป็นก้อนหิน | อยู่กระสินธุ์สมุทรมหาชลาไหล |
นางอสูรชาติก่อนได้พรชัย | ถอดดวงใจฝากแฝงแท่งศิลา |
แล้วขึ้นจากฟากฝั่งมหรณพ | ไปรุกรบกับพระเพลิงที่เชิงผา |
ต้องไฟกรดหมดไหม้ทั้งกายา | ยังแต่ว่าอายุอสุรินทร์ |
กับดวงใจไม่ดับไปกลับชาติ | เป็นปีศาจสังหรณ์อยู่ก้อนหิน |
ถูกไอน้ำซ้ำได้ไอแผ่นดิน | บันดาลหินนั้นให้งอกออกทุกที |
เป็นหน้าตาขาแข้งอันแรงฤทธิ์ | ด้วยพรอิศรารักษ์พระลักษมี |
นับอนันต์วันคืนได้หมื่นปี | จึงเป็นผีเสื้อสมุทรผุดทะยาน |
ขึ้นต้องแสงพระอาทิตย์ยิ่งฤทธิ์กล้า | ปราบบรรดาพวกปีศาจด้วยอาจหาญ |
ได้เป็นใหญ่ในแม่น้ำอโนมาน | ใครล้างผลาญชีวันไม่บรรลัย |
ซึ่งเป่าปี่ผีเสื้อเนื้อเป็นหิน | เพราะสุดสิ้นวาโยอาโปไหล |
แม้นเผาจี่ปีศาจด้วยธาตุไฟ | จะคืนไล่กินมนุษย์ปุถุชน |
ถึงฆ่าฟันฉันใดก็ไม่ม้วย | เพราะเหตุด้วยกำเนิดเกิดหลายหน |
ต่อเพลิงกาฬผลาญพิภพจบสกล | จึงสิ้นชนม์ชีวานิคาลัย |
อันวารีที่ไหลออกจากปาก | คือแรงรากษสซ่านเหมือนธารไหล |
ใครกินน้ำกำลังจะเกรียงไกร | ทั้งโรคภัยมิได้มีมาบีฑา |
อันเราหรือคือมหิงขสิงขร | มาช่วยสอนด้วยสงสารท่านนักหนา |
พอสิ้นคำรำพันจำนรรจา | รูปชราร่างกายก็หายไป ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศักดิ์ประจักษ์เหตุ | ซึ่งเทเวศร์บอกแจ้งแถลงไข |
จึงเวยวารีด้วยดีใจ | ทั้งพวกไพร่พลอยกินสิ้นทุกคน |
เกิดกำลังดังน้ำสุรามฤต | มาเจือจิตเยือกเย็นทุกเส้นขน |
ครั้นเสร็จสรรพกษัตราก็พาพล | ขึ้นอยู่บนเงื้อมเขาลำเนาเนิน |
ปลูกที่ทับพลับพลาอยู่อาศัย | ที่ใกล้ใกล้ศพนางไม่ห่างเหิน |
ทำธงปักเป็นสัญญาไว้หน้าเนิน | จะคอยเดินสารสำเภาชาวบุรี ฯ |