ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา

๏ จะกล่าวพระมังคลานราราช กับครูบาทหลวงฝรั่งอยู่สั่งสอน
ครองเมืองกำพลเพชรเขตนคร แต่งเรือจรเจ็ดลำเป็นกำลัง
ไปสืบเรื่องเมืองลังกากลับมาแจ้ง ทูลแถลงเล่าตามเนื้อความหลัง
พระปิตุราชมาตุรงค์ดำรงวัง ไปบวชทั้งสามองค์ทรงศรัทธา
สุดสาครนงเยาว์เสาวคนธ์ ภิเษกสองครองสิงหลภาษา
แล้วได้ข่าวเจ้าวลายุดานุชา หน่อนราครองบุรินทร์เมืองสินชัย
วายุพัฒน์นัดดานราราช เป็นอุปราชเมืองเซ็นเป็นเขยไข
พระหัสกันผ่านพาราสุลาลัย ฝรั่งใหญ่ไพร่พลคณนา
พระทราบสิ้นยินดีเป็นที่สุด ด้วยพระนุชน้องนาถมีวาสนา
บาทหลวงฉุนหุนหันด่าวัณฬา มันชั่วช้าโฉดเฉาช่างเมามัว
ทำเสียชาติศาสนาข้างฝาหรั่ง ไปบวชนั่งฉอเลาะปะเหลาะผัว
ไม่ฝังปลูกลูกหลานวงศ์วานตัว มันชาติชั่วจริงเจียววะอีละเวง
ให้ศัตรูดูถูกทำลูกเต้า ยอมให้เขาชาวผลึกฮึกข่มเหง
ส่วนพวกพ้องของผัวมันกลัวเกรง จริงนะเองอีวัณฬามันบ้ากาม
ให้เรือใช้ไปนัดน้องกับสองหลาน เกณฑ์ทหารพร้อมพรั่งมาทั้งสาม
จะกำจัดสัตว์บาปคิดปราบปราม ทำสงครามครั้งนี้ให้มีชัย
เอ็งต่อลำกำปั่นสักพันหนึ่ง เกณฑ์อากึ่งตั้งทำริมน้ำไหล
ยาวสามเส้นเช่นกันหมดกำหนดไว้ เกณฑ์พวกไพร่ลงประจำลำละพัน
เป็นทหารล้านถ้วนกระบวนทัพ เรือสำหรับใช้แต่งให้แข็งขัน
น้องนัดดามาพร้อมรวมรอมกัน แก้แค้นมันไม่ได้มิใช่ชาย
อี่แม่เลี้ยงเอี้ยงดูคนผู้เฒ่า เคยเป็นเจ้าชาวกำพลคนทั้งหลาย
ปลอมไปด้วยช่วยว่าเสนานาย ถือกฎหมายอาชญาเฆี่ยนฆ่าตี
พวกเสนาข้าเฝ้าคนเฒ่าแก่ ให้ดูแลอยู่บำรุงชาวกรุงศรี
เร่งคิดอ่านการใหญ่เห็นได้ที เคราะห์เองคลายหลายปีจะดีครัน ฯ
๏ พระมังคลาฝาหรั่งฟังบาทหลวง สั่งกระทรวงเสนาปรีชาขยัน
ให้เร่งรัดจัดแจงบอกแบ่งปัน ต่อกำปั่นพันลำรีบทำการ
ด้วยเมืองเพชรกำพลผู้คนมาก บ้างฉุดลากถากฟันบ้างขันกว้าน
แต่เดือนห้ามาเดือนเจ็ดสำเร็จการ เกณฑ์ทหารลงประจำทุกลำเรือ
ทั้งปืนผาอาวุธเครื่องยุทธ์ครบ พลรบเริงราญทหารเสือ
หินสำหรับอับเฉาทั้งข้าวเกลือ แจกหมวกเสื้อไพร่ขุนนางต่างต่างกัน
ลำที่นั่งเหรายาวห้าเส้น สลักเป็นเกล็ดกระหนกแผ่นผกผัน
ล้วนหุ้มทองรองเรืองเครื่องสุบรรณ เป็นช่องชั้นบัลลังก์ล้วนฝังพลอย
เอาเข้มขาบทาบเป็นใบใส่สลับ ระยางระยับแย่งย้ายล้วนสายสร้อย
พร้อมสะพรั่งทั้งพันเป็นหลั่นลอย ต่างเตรียมคอยหน่อนาถจะยาตรา ฯ
๏ พระมังคลาอ่าองค์สรงสนาน พนักงานคอยถวายเครื่องซ้ายขวา
ทรงสำอางอย่างฝรั่งเมืองลังกา นางพระยายิ้มย่องประคองเคียง
ฝูงนารีที่จะไปให้ใช้สอย ทั้งใหญ่น้อยสาวแก่เซ็งแซ่เสียง
เชิญเครื่องอ่านพานเครื่องหอมอยู่พร้อมเพรียง แล้วแม่เลี้ยงนำหน้ามังคลาตาม
เสด็จออกนอกวังขุนนางกราบ ถือหอกดาบตามเสด็จไม่เข็ดขาม
ลงที่นั่งเสนาสง่างาม ให้โห่สามลาลั่นสนั่นดัง
ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องยกกองทัพ ดูคั่งคับโยธาทั้งหน้าหลัง
ออกมหาสาชลในวนวัง ต้นหนตั้งเข็มหมายฝ่ายอุดร
เดินกำปั่นพันลำในน้ำเขียว เป็นเกลียวเกลียวคลื่นกลิ้งเท่าสิงขร
ทุกคืนค่ำร่ำมาในสาคร หนทางจรเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระวลายุดาน้อง แต่ตรึกตรองถึงสมเด็จพระเชษฐา
ถึงเดือนเจ็ดจะเสด็จยกพลมา จึงปรึกษาเจนธนูคู่ชีวี
พวกเรือใช้ไปลังกากลับมาเล่า ว่าพระเจ้าลุงถือเป็นฤๅษี
ป้าทั้งสองครองพรตดาวบสินี ประเดี๋ยวนี้พลัดพรายสูญหายไป
พระเชษฐาว่าให้ยกไปช่วย จะไปด้วยเขาหรือจิตคิดไฉน
เจนธนูรู้หัวร่อตอบหน่อไท ถึงพระอภัยไม่อยู่ในบูรี
รำภายุพานางสุลารักษาอยู่ จะรบสู้มารดาน่าบัดสี
แต่ครั้งนี้มิไปเห็นไม่ดี จะเสียพี่พวกพ้องจะต้องไป
แต่ตั้งทัพยับยั้งหยุดสังเกต ว่าพระเชษฐานั้นจะทำไฉน
เขาชนะจะบำรุงซึ่งกรุงไกร ถ้าแพ้ไปเราก็มาเสียธานี ฯ
๏ พระวลายุดาฟังว่าชอบ จึงนบนอบสรรเสริญเจริญศรี
จะยกไปให้เขาเห็นพอเป็นที ท่านจงอยู่บูรีให้ปรีดา
แล้วตรัสสั่งทั้งสี่เสนีใหญ่ เกณฑ์นายไพร่ห้าสิบหมื่นพร้อมปืนผา
ทั้งข้าวน้ำลำเลียงเลี้ยงโยธา เรือรบห้าร้อยถ้วนกระบวนทัพ
แล้วแต่งองค์ลงที่นั่งนาคราช เรือพิฆาตคู่แข่งแซงสลับ
ได้ฤกษ์ดีดีห้องโห่ร้องรับ แล้วยกทัพเรือมาในวารี ฯ
๏ ฝ่ายหน่อนาถนัดดาวายุพัฒน์ ตั้งกองหัดฝึกทหารชาญชัยศรี
พอพวกอามาแถลงแจ้งคดี ให้ไปด้วยช่วยตีเมืองลังกา
จึงบอกครูสุริยันว่าฉันนึก จะทำศึกสมมาดปรารถนา
จะเสี่ยงบุญทูลขอพลพ่อตา ไปลังกาแก้มือไว้ชื่อชาย ฯ
๏ ฝ่ายท่านครูผู้ถือศีลซื่อสัตย์ จึ่งทานทัดหน่อนาถเหมือนมาดหมาย
ผลาญแม่พ่อทรชนไม่พ้นอาย ถึงตัวตายแล้วชื่อคงลือชา
บาทหลวงเฒ่าเจ้าโมโหทำโอหัง สอนให้มังคลาคิดผิดหนักหนา
เจ้าก็จงสงสารกับมารดา เสียลังกาก็เหมือนสูญประยูรวงศ์
ถึงไปด้วยช่วยสมทบอย่ารบพุ่ง ถ้าได้กรุงสมจิตคิดประสงค์
อย่าสังหารผลาญเหล่าพวกเผ่าพงศ์ รับแต่องค์มารดามาธานี
ฝ่ายพ่อเจ้าเขาบำรุงกรุงผลึก จะทำศึกกันไปอีกจงหลีกหนี
ช่วยแม่พ่อต่อไปจะได้ดี อย่าถือที่ทรยศไม่งดงาม ฯ
๏ วายุพัฒน์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ เดิมไม่รู้บุญบาปจึ่งหยาบหยาม
เชิญไปด้วยช่วยแนะนำจะทำตาม ให้ได้ความชอบชิดข้างบิตุรงค์
แล้วเข้าเฝ้าท้าวทมิฬกบิลราช อภิวาททูลความตามประสงค์
เดี๋ยวนี้อาข้าพเจ้ากับเผ่าพงศ์ รณรงค์รบพุ่งซึ่งกรุงไกร
ขอทูลลาฝ่าพระบาทปิตุเรศ ไปดับเหตุห้ามปรามตามวิสัย
แม้นมิฟังยังวิวาทขาดอาลัย จะชิงชัยช่วยปราบที่หยาบคาย ฯ
๏ ท้าวกบิลยินเล่าตบเพลาผาง เจ้าเป็นกลางอย่างนี้ดีใจหาย
มิพลไพร่ไปน้อยพ่อพลอยอาย ทังจะขายหน้าเมียจะเสียยศ
ในเมืองเราเล่าทหารนับล้านโกฏิ์ ทั้งคนโทษถอดเอาไปใช้ให้หมด
ไม่ห้ามปรามตามประสงค์องค์โอรส ให้ลือชาปรากฏยศไกร
พระนบนอบตอบรสพจนารถ คุณพระบาทบิดาจะหาไหน
ด้วยเดชะพระเดชปกเกศไป คงมิให้ได้อายขายบาทา
แล้วลาออกนอกวังขึ้นนั่งอาสน์ สั่งอำมาตย์มุลนายทั้งซ้ายขวา
ให้เร่งรัดจัดแจงแต่งนาวา เรือสักห้าร้อยสำหรับอยู่กับโรง
เอาออกอู่ดูทำที่ชำรุด ให้ผ่องผุดยุทธนาเห็นอ่าโถง
ให้เปลี่ยนไม้ใบเพลาเสากระโดง สายระโยงระยางเสือกเชือกน้ำมัน
ปืนจังก้าหน้าท้ายปืนรายกราบ ศรกำซาบดาบหอกซัดล้วนจัดสรร
แล้วเกณฑ์พลคนประจำลำละพัน ล้วนฉกรรจ์เก่งกาจชาติทมิฬ
ที่นั่งทรงธงทองกั้นห้องท้าย ฝาพระฉายลายเลิศล้วนเฉิดฉิน
พระที่นั่งหลังคารูปพานรินทร์ ท้าวกบิลเคยทรงตามคงคา
เลือกต้นหนคนรู้ล้วนผู้ใหญ่ ที่ดีได้ให้เป็นนายหลายภาษา
ยี่สิบลำนำทางกลางคงคา อังกฤษฝาหรั่งพราหมณ์แขกจามเจ๊ก
อ้ายยักษาหน้าหมีลงที่นั่ง ใส่เสื้อทั้งหมวกทองกระบองเหล็ก
ให้หมอบเมียงเคียงอาสน์มหาดเล็ก หนุ่มหนุ่มเด็กเชิญพระแสงแต่งตัวงาม
ได้ฤกษ์ดีตีเมืองเสียงก้องกึก ทหารฮึกโห่แห่เล็งแลหลาม
เป็นคู่เรียงเคียงแข่งบ้างแซงตาม ออกอ่าวข้ามเข็มตั้งตรงลังกา ฯ
๏ ฝ่ายกษัตริย์หัสกันครั้นได้แจ้ง ด้วยว่าแต่งเรือใช้ให้ไปหา
คิดจะใคร่ไปด้วยได้ช่วยอา จึงปรึกษาสุบันเขคะเนการ
จะเกณฑ์ไพร่ไปสมทบช่วยรบพุ่ง คืนเอากรุงลังกามหาสถาน
ได้แก้แค้นแทนที่จับให้อัประมาณ ฝ่ายอาจารย์จึ่งว่าคิดนั้นผิดนัก
เจ้าเป็นบุตรสุดสาครบิดรเจ้า เดี๋ยวนี้เล่าครองลังกาอาณาจักร
ชอบเขาด้วยช่วยบิดาสามิภักดิ์ จะคิดหักหาญพ่อเหมือนทรชน
พระมังคลาฝาหรั่งเชื่อสังฆราช จึ่งเสียญาติยากเย็นไม่เป็นผล
อันแม่พ่อก็รักลูกนั้นทุกคน เป็นกังวลบ่นบ้าพะว้าพะวัง
ถึงลูกเป็นใบ้บ้านัยน์ตาบอด ก็ไม่ทอดทิ้งลูกช่วยปลูกฝัง
แต่ลูกร้ายคล้ายกับเสือเหลือกำลัง ไม่ฟังสั่งสอนแสนแค้นรำคาญ
อันลูกดีที่สมัครรักแม่พ่อ จึ่งได้มรดกตกถึงเหลนหลาน
จงอุตส่าห์พยายามตามบุราณ อย่าคบพาลผ่าเหล่าเสียเผ่าพันธุ์ ฯ
๏ พระฟังคำร่ำว่าสารภาพ กลัวเกรงกราบเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์
แต่หลังคิดผิดพลั้งสิ้นทั้งนั้น พลางก้มกันแสงสะอื้นกลืนน้ำตา
แล้วตอบว่าข้านี้เสียทีเกิด หลงละเมิดเมามัวชั่วนักหนา
จะอยู่ไปไม่สิ้นคนนินทา จะขอฆ่าตัวตายด้วยอายใจ
สุบันเยเพทุบายภิปรายปลอบ อันผิดชอบชั่วดีเป็นวิสัย
ถึงทำผิดคิดเห็นจะเป็นไร ทำชอบให้หายผิดอย่าคิดตาย
ถึงม้วยแล้วแคล้วคลาดแต่ชาตินี้ อันชั่วดีมีอยู่ไม่รู้หาย
อันช้างงาสามารถเหมือนชาติชาย ถึงตัวตายไว้ชื่อให้ลือดี
ไม่ยกไปไม่งามเป็นความชั่ว ไปแก้ตัวเสียให้เลิศประเสริฐศรี
ให้เห็นว่ามากำราบปราบไพรี ได้พบพี่พบอาพูดจากัน
ช่วยห้ามปรามตามธรรมเนียมดูเหลี่ยมเล่ห์ แม่โว้เว้เนรคุณทำหุนหัน
จึงตัวเจ้าเข้าไปหามารดานั้น ตามพงศ์พันธุ์พวกบิดาให้ถาวร ฯ
๏ พระหัสกันอัญชุลีเห็นดีพร้อม ประณตน้อมยอมฟังที่สั่งสอน
แล้วลามาหาพระน้องตระกองกร พลางอ้อนวอนเวชายันจำนรรจา
พี่ธุระจะไปห้ามปราบปรามญาติ เกิดวิวาทว้าวุ่นขุ่นหนักหนา
จะยืมพลคนของพ่อกับเภตรา ไปลังกาพระน้องสักสองปี
จะเชิญครูอยู่ด้วยช่วยพระน้อง จงปกป้องครองเมืองให้เรืองศรี
เสร็จธุระจะมาถึงธานี ไม่ช้าทีหนีน้องอย่าหมองใจ
เวชายันวันทาคารวะ ตามแต่พระจะประสงค์จำนงไฉน
น้องนึกหวังดั่งบิดาด้วยอาลัย จะขอไปตามเสด็จจนเสร็จการ
พระสวมสอดกอดตระกองพระน้องรัก ยังเยาว์นักเหนื่อยองค์น่าสงสาร
ทั้งอาเขยเคยประจญเป็นคนพาล จะเกิดการโกลาที่ธานี
อยู่บำรุงกรุงไกรมไหสวรรย์ ฝากแม่วันชายามารศรี
อย่าข้องขัดหัทยาเป็นนารี จงปรานีพี่น้องปกครองกัน ฯ
๏ พระน้องฟังบังคมประนมหัตถ์ สุดจะขัดตัดรอนต้องผ่อนผัน
จึงว่าพระจะเสด็จจรจรัล ข้าหมายมั่นนึกไว้จะไปตาม
ถึงยากเย็นเป็นไฉนก็ไม่คิด กว่าชีวิตจะวายวางกลางสนาม
ไม่ไกลองค์คงอุตส่าห์พยายาม นี่พระห้ามเสียแล้วน้องต้องจนใจ
การบำรุงกรุงไกรไว้ธุระ หม่อมฉันจะดูแลคิดแก้ไข
มิให้เกิดเภทพาลประการใด กว่าองค์พระภูวไนยจะกลับมา ฯ
๏ พระว่าพ่อหน่อเนื้อเป็นเชื้อชาติ ประชาราษฎร์นั้นก็รักพ่อหนักหนา
เป็นเจ้าของครองสมบัติขัตติยา อยู่รักษาธานีไม่มีภัย
พระปลอบโยนโอนอ่อนสั่งสอนน้อง แล้วออกท้องพระโรงรัตน์จำรัสไข
เห็นพร้อมพรั่งสั่งมหาเสนาใน เราจะไปลังกาอย่าช้าการ
จัดเภตราห้าร้อยลำสำหรับรบ บรรทุกครบเครื่องสาตรากระยาหาร
คนประจำลำละพันประจัญบาน เร่งจัดการให้สำเร็จในเจ็ดวัน
ครั้นสั่งเสร็จเสด็จกลับผู้รับสั่ง ไม่รอรั้งรีบรัดเร่งจัดสรร
เรือสำหรับทัพรบมีครบครัน โซมน้ำมันใหม่เอี่ยมตระเตรียมการ
ลำที่นั่งหลังคาฝากระจก กระหนาบกระหนกนกคาบเขียนภาพหาญ
คชสีห์ที่เหมือนเป็นเผ่นทะยาน เกณฑ์ทหารลงประจำลำละพัน
ครั้นพร้อมพรั่งตั้งกระบวนพยุหทัพ สลอนสลับสล้างลำล้วนกำปั่น
นาคกระหนาบสามเกลียวเลี้ยวเกี่ยวกัน ครูสุบันเยเทียบให้เรียบร้อย ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถสวาทหวัง จะจากวังสุลาลัยให้ละห้อย
เหมือนอาลัยในสองพี่น้องน้อย ประคองค่อยรับขวัญวันชายา
แม่อยู่วังฟังคำพี่ร่ำสอน จงผันผ่อนพึ่งเดชพระเชษฐา
อย่าดึ้อดึงขึงขัดพระอัชฌา แม่อุตส่าห์ขึ้นเฝ้าทุกเช้าเย็น
อันคนอื่นหมื่นแสนไม่เแม้นเหมือน พระพี่เพื่อนเจ็บไข้จะได้เห็น
อย่าละเมินเหินห่างอย่าว่างเว้น อย่าหลงเล่นตุ๊กตาเลยหนาน้อง
พลางอุ้มแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ นางนั่งตักหน่อนาถฉลาดฉลอง
พระสอนใครให้อยู่วังหรือสั่งลอง ชะน้อยน้องน่าอยู่ในบูรี
พระไปไหนไปด้วยจนม้วยมอด จะเกาะกอดองค์ไว้มิให้หนี
ถ้าแม้นพระไม่ให้ไปดีดี ให้ฟ้าผี่เถิดไม่ให้ลงไปเรือ
หรือไปวังลังกาจะหาคู่ พระไม่รู้จักหรือฉันชื่อเสือ
ถึงนางฟ้ามาสนิทมาชิดเชื้อ มิฉีกเนื้อเสียก็ดูเถิดพูคะ
พระเป็นพี่ดีฉันน้องของเจ้าพี่ มเหสีก็กล้ามาเถิดหนะ
ไม่ว่าเล่นเห็นนิ่งนิ่งจริงจริงจ๊ะ ที่จะละเชิงลานั่นอย่าแคลง
แม้นไม่ให้ไปจริงจะทิ้งน้อง ฉันจะต้องเชิญพระองค์ทรงพระแสง
ตัดศีรษะฉะเชือดให้เลือดแดง สิ้นเรี่ยวแรงแล้วเมื่อไรจึ่งไคลคลา ฯ
๏ พระหัวร่ออ่อเช่นนี้ดอกขี้หึง พี่ก็พึ่งรู้ฤทธิ์กนิษฐา
เออนี่แน่แม่วันชายา ฉันจะว่าให้แม่เห็นแม่เป็นน้อง
จะหึงพี่มิให้เชยไม่เคยเห็น มิใช่เช่นกับเขาเป็นเจ้าของ
หากว่าพี่มีชู้มีคู่ครอง แม่มิต้องไหว้เขาหรือถืออย่างไร
นางทูลถามห้ามหรือไม่ให้หึงพี่ เยี่ยงอย่างห้ามปรามนี้อยู่ที่ไหน
หรือบาปกรรมธรรมดาใครว่าไว้ น้องไม่ให้หึงพี่ช่วยชี้มา ฯ
๏ หัสกันตันใจเห็นไม่ปล่อย ประคองค่อยเชยชิดกนิษฐา
จะขืนไปในทะเลลงเภตรา เวทนาพระน้องจะหมองมอม
ทั้งลมแดงแสงแดดจะแผดเผา จะโศกเศร้าเสียรูปซีดซูบผอม
ยุงก็กินริ้นก็ไต่ไรก็ตอม จะหายหอมมอมแมมทั้งแก้มคาง
หนทางไปไกลนักประดักประเดิด ขืนไปเถิดแก้มจะก่ำดั่งน้ำฝาง
แม่เอาไพลไปด้วยนะอย่าละวาง ไปทาคางข้างนอกแก้ชอกช้ำ
นางว่าจ๊ะจะถวายไม่วายเสวย เชิญชิดเชยชมชิมให้อิ่มหนำ
เพราะเป็นน้องต้องยากลำบากกรรม ถึงชอกช้ำช่างเถิดจ๊ะฉันจะไป ฯ
๏ พระยิ้มพลางทางว่าเวลาฤกษ์ เสียงเอิกเกริกอยู่แล้วห้ามปรามไม่ไหว
วางเถิดจ๊ะจะพาให้สาใจ แล้วออกไปสั่งสุรางค์นางน้อยน้อย
กับทั้งสี่พี่เลี้ยงตามเยี่ยงอย่าง ไปกับนางทางไกลได้ใช้สอย
จวนเวลาข้าเฝ้าเขาจะคอย ชวนน้องน้อยสรงชลสุคนธา
พระทรงเครื่องเรืองรองส่องพระฉาย สุดสบายสำอางสางเกศา
กนิษฐ์น้อยช้อยพระหัตถ์ผัดพักตรา สั่งเทวานางสวรรค์ชั้นโสฬส
แล้วโฉมงามตามเต้นเชิญพระแสง เถ้าแก่แซงสองฝ่ายถวายพระกลด
นางเกณฑ์หามตามส่องสองทรงยศ เสด็จบทจรมายืนหน้าแพ
แล้วลงลำกำปั่นสุวรรณฉาย ดาริ้วรายเรียงสล้างกลางกระแส
ประโคมฆ้องกลองดังเป่าสังข์แตร ทหารแห่โห่ครื้นยิงปืนตึง
เสียงตูมตามสามหนยกพลออก ปากอ่าวนอกน้อยใหญ่คลี่ใบขึง
บ้างโบกธงส่งฉาวเกรียวกราวอึง พอลมตึงคลี่ใบเคลื่อนไคลคลา
ทั้งสามเมืองเนื่องไปค่อยใกล้เขต สามเดือนเศษถึงสิงหลภาษา
เข้าทิศใต้ฝ่ายฝั่งข้างลังกา ทั้งวลาวายุพัฒน์หัสกัน
ต่างเปรมปรีดิ์ดีใจปราศรัยถาม ต่างเล่าความตามจริงทุกสิ่งสรรพ์
แต่มังคลามาไกลยังไม่ทัน พระหัสกันนั้นจึงว่าด้วยอาลัย
จะทำศึกนึกดูอดสูสุด เหมือนมนุษย์ทุจริตผิดวิสัย
แม้นจะทำตามจิตที่คิดไว้ เสียผู้ใหญ่ญาติวงศ์พงศ์ประยูร
เหมือนต่อสู้ปู่ย่าฆ่าพ่อแม่ จะมีแต่ติฉินไม่สิ้นสูญ
ทั้งสององค์ทรงพระอนุกูล ช่วยเพ็ดทูลทัดทั้งพระมังคลา
ให้ทรงคิดผิดชอบด้วยรอบรู้ จะรบสู้สุริย์วงศ์เผ่าพงศา
พวกไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะนินทา หรือเชษฐาอาจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ
๏ ฝ่ายวลาวายุพัฒน์ต่างตรัสตอบ พ่อว่าชอบเชิงความตามวิสัย
แต่ก่อนเราเบาจิตทำผิดไป เสียผู้ใหญ่ญาติวงศ์เสียพงศ์พันธุ์
เพราะพระมังคลาพาให้ยาก ต้องพลัดพรากพาราแทบอาสัญ
เธอมาถึงจึงค่อยห้ามปรามด้วยกัน คิดผ่อนผันพูดจาดูท่าทาง
กลัวแต่พระสังฆราชจะกราดกริ้ว ว่าบิดพลิ้วทานทัดเป็นขัดขวาง
ไม่เห็นรักจักระแวงแคลงระคาง จะทำอย่างไรเราอย่าเบาความ ฯ
๏ วายุพัฒน์ตัดสินเหมือนสินสมุทร แม้นไม่หยุดยับยั้งเราทั้งสาม
จะขืดขาดญาติวงศ์ทำสงคราม ก็อย่าตามเธอจะทำกระไรใคร
แต่ก่อนมาพาชั่วให้มัวหมอง ต้องจำจองเจียนจักถึงตักษัย
หากหลบลี้หนีทันไม่บรรลัย เธอก็ไม่ช่วยแก้มาแต่เธอ
เพราะคิดถึงจึงจะห้ามปรามทั้งนี้ ด้วยจงรักภักดีไม่มีเสมอ
แม้นเคืองขุ่นหุนหันสมันเกลอ เธอก็เธอเราก็เราจะเอากัน ฯ
๏ ทั้งสององค์ทรงพระสรวลว่าควรอยู่ คอยฟังเธอดูก่อนค่อยผ่อนผัน
แต่เรามาถ้ารู้เหตุถึงเขตคัน คนทั้งนั้นมันจะตื่นกันครื้นครึก
พระแม่เราเฝ้ารักษาลังกาอยู่ ย่ากับปู่ป้าลุงไปกรุงผลึก
จะเลื่องลืออื้ออึงอึกทึก ว่าข้าศึกยกมารบธานี
คิดจะใคร่ให้คนถือหนังสือลับ ไปคำนับพระยุพาสุลาศรี
ให้ทราบความสามพระชนนี ว่ามาดีมิได้หมายทำร้ายแรง
ต่างเห็นชอบลอบทำคำหนังสือ จัดคนถือสาราปากกล้าแข็ง
แต่ล้วนพราหมณ์สามนายแต่งกายแปลง ลงเรือน้อยค่อยแฝงลัดแลงมา ฯ
๏ ฝ่ายพวกพ้องกองตระเวนเห็นเรือรบ มาสมทบทอดอยู่ดูหนักหนา
จึงร้องถามตามแคลงแจ้งกิจจา ว่าพระวลายุพัฒน์หัสกัน
จึงแล่นรีบสิบคืนลมคลื่นส่ง ถึงกรุงตรงขึ้นลังกามหาสวรรย์
ทูลรำพายุพาสุลาลีวัน วลายุพัฒน์หัสกันกำปั่นมา
พอผู้ถือหนังสือลับเขาจับได้ มาส่งให้ไต่ถามตามภาษา
ทั้งสามนายถวายสารอ่านสารา ว่าพระวลาเจ้าบุรินทร์เมืองสินชัย
วายุพัฒน์นัดดาวราราช เป็นอุปราชเมืองเซ็นได้เป็นใหญ่
พระหัสกันผ่านพาราสุลาลัย สามกรุงไกรกราบประณตบทมาลย์
ได้ทราบความสามพระองค์ซึ่งทรงพรต เป็นดาบสสร้างสมพรหมวิหาร
พระปิตุราชมาตุรงค์พระวงศ์วาน อยู่สำราญทั่วทั้งเมืองลังกา
คิดคะนึงถึงพระคุณการุญรัก ให้ยศศักดิ์สืบวงศ์เผ่าพงศา
เพราะเบาความตามพระมังคลา ให้บิดามารดาร้อนรำคาญ
จึงหลบลี้หนีตัวกลัวพระเดช ไปอยู่ประเทศธานินทร์เป็นถิ่นฐาน
อันองค์พระมังคลาปรีชาชาญ ไปสำราญผ่านประเทศเพชรกำพล
ให้เรือใช้ไปสัญญาว่าเดือนเจ็ด จะเสด็จมาประเทศเขตสิงหล
ข้าทั้งสามตามมาในสาชล ยังพักพลคอยฟังพระมังคลา
เมื่อมาถึงจึ่งจะเชิญให้พระศพ มาภักดีด้วยพระบาทนาถนาถา
แม้นมิฟังทั้งพระน้องสองนัดดา จะอาสารบพุ่งกันกรุงไกร ฯ
๏ ฝ่ายสามนางต่างฟังจบหนังสือ ไม่เชื่อถือทุจริตผิดวิสัย
มันลวงล่อพ่อแม่ทำแต่ใจ เอาบ่าวไปตัดหัวแทนตัวมัน
ฝ่ายผู้ถือหนังสือฟังสั่งให้ฆ่า ทำมารยายิ้มหัวเราะเย้ยเยาะหยัน
ไม่ถามไต่ไล่เลียงให้เที่ยงธรรม์ เอาไปฟันเสียเถิดไม่พอใจดู ฯ
๏ ส่วนสามนางต่างคิดผิดประหลาด มันองอาจทายทายอายอดสู
จึงเรียกมาหน้าที่นั่งตั้งกระทู้ มึงร่วมรู้ผู้ถือหนังสือมา
ล่อลวงกูรู้เท่าอ้ายเจ้าเล่ห์ ทำโว้เว้วิปริตผิดหนักหนา
จึงสั่งให้ไปประหารผลาญชีวา มึงกลับท้าทายนั้นด้วยอันใด ฯ
๏ ฝ่ายสามนายชายฉลาดองอาจถาม ท่านเห็นความลวงล่อด้วยข้อไหน
ไม่ไล่เลียงเที่ยงแท้ให้แน่ใจ เห็นทำได้แล้วก็ทำแต่ลำพัง
จึ่งหัวเราะเยาะนายเป็นชายเฉา ใช้ให้เขามาหาที่บ้าหลัง
แม้นถามทักจับได้บอกออกให้ฟัง นี่สิสั่งให้ไปฆ่าเข้าตาจน ฯ
๏ ทั้งสามนางต่างว่ากูเป็นผู้หญิง ได้เคยชิงชังชายมาหลายหน
รู้อุบายถ่ายเทด้วยเล่ห์กล ทำแยบยลอย่างมึงถือหนังสือมา
แม้นจริงจังหวังสมัครรักแม่พ่อ จะผันผ่อนงอนง้อขอโทษา
ไม่ควรใช้ให้ทูตมาพูดจา จะต้องมาพรั่งพร้อมนอบน้อมนบ
นี่โกหกยกทัพมานับแสน เพราะคุมแค้นคิดกันเข้าบรรจบ
ทั้งปืนผาอาวุธเครื่องยุทธ์ครบ แม้นไม่รบเอาสาตรามาทำไม ฯ
๏ ฝ่ายสามทูตพูดแก้ว่าแม่เจ้า เนื้อความเท่านี้พระองค์มาสงสัย
นี่แน่แม่แต่ขุนนางเดินทางไกล ยังเกณฑ์ไพร่คนตามให้งามยศ
อันเจ้าบ้านผ่านเมืองมีเครื่องรบ ตามขนบธรรมเนียมเตรียมมาหมด
ทั้งสามหน่อวรนาถราชโอรส ทรงพระยศยกมาในสาคร
เรือรบมาห้าร้อยก็น้อยนัก ไม่สมศักดิ์ทรงฤทธิ์อดิศร
ผู้ใดเห็นเป็นสง่านรากร หรือมารดรมาระแวงว่าแต่งทัพ
แต่องค์พระมังคลานราราช ยังกริ้วกราดโกรธเกรี้ยวจะเคี่ยวขับ
สามพระหน่อก็เป็นน้อยมาคอยรับ หวังจะดับศึกพระมังคลา
แม้นพระจะมิฟังกำลังห้าม จะสงครามสามพระองค์คงอาสา
จึ่งแจ้งความตามหนังสือให้ถือมา กลับมาฆ่าคนสมัครที่ภักดี
จึงหัวเราะเพราะคิดนั้นผิดนัก ไม่สมศักดิ์จักบำรุงซึ่งกรุงศรี
ใครอาสาฆ่าตายวายชีวี ก็จะมีใครเข้ามาสามิภักดิ์ ฯ
๏ ทั้งสามนางต่างฟังคนทั้งสาม เห็นต้องความตามกระทรวงคิดหน่วงหนัก
มันผันแปรแก้หลุดสุดจะซัก จึงสั่งอัครมหาเสนาใน
จงบอกกล่าวข่าวเข็ญที่เป็นศึก ไปเมืองผลึกทูลแจ้งแถลงไข
ให้คุมตัวผู้ถือหนังสือไว้ ถ้าแม้นไม่เหมือนว่าจะฆ่าฟัน
แล้วเกณฑ์ฝรั่งทั้งหลายนายทหาร ขึ้นปราการกำแพงล้วนแข็งขัน
ใส่ปืนป้อมล้อมรอบเขตขอบคัน กะเกณฑ์กันเตรียมการจะราญรอน ฯ
๏ ฝ่ายเรือใช้ไปเมืองผลึกแล่น ถึงเขตแดนเดือนหนึ่งเดินเชิญอักษร
ตรงเข้าเฝ้าเจ้าพาราสุดสาคร เป็นการร้อนรู้เรื่องเคืองพระทัย
จึงทูลกล่าวสามพระองค์ซึ่งทรงพรต พระดาบสมิได้ว่าบัญชาไฉน
แต่ศรีสุวรรณนั้นว่าจะช้าใย รีบกลับไปลังกาตรวจตราการ
อาจะรอพอสำเร็จเสร็จพระศพ จะสมทบไปด้วยช่วยพระหลาน
แล้วให้พระกฤษณาปรีชาชาญ คุมทหารไปด้วยได้ช่วยกัน
หน่อนรินทร์สินสมุทรสั่งนุชน้อง เจ้าทั้งสองไปก่อนได้ผ่อนผัน
พอสำเร็จเสร็จศพสักสองวัน จะไปด้วยช่วยกันให้ทันการ
แล้วสั่งเวรเกณฑ์คนพลผลึก ที่เคยศึกสามารถองอาจหาญ
ไปด้วยสุดสาครช่วยรอนราญ แล้วประทานเสื้อหมวกพวกโยธา
พระหัสไชยใช้เสนาการะเวก ทหารเอกไปด้วยช่วยเชษฐา
สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา ไปทูลลาพระมุนีที่บัลลังก์
แล้วลาอามาลงทรงกำปั่น เรือทั้งนั้นติดตามมาหลามหลัง
แต่องค์พระกฤษณาพะว้าพะวัง แวะไปสั่งสามองค์วงศ์เทวา
พระพูดพลอดกอดตรีพลำน้อย เนตรชม้อยเพ่งพิศกนิษฐา
พอเทพินผินผันจำนรรจา ฉันจะลาน้องแก้วไปแล้วจ๊ะ
จะเหินห่างว่างเว้นทุกเย็นเช้า ให้น้องเอาใจช่วยฉันด้วยหนะ
นางยอบองค์ลงคำนับรับพุคะ แต่ฝ่ายพระกฤษณาเหลืออาลัย
น้ำตาคลอหน่อกษัตริย์สู้อัดอั้น ยิ่งกลั้นกลั้นกลืนกลืนยิ่งขืนไหล
จนเสนามาเชิญลุกเดินไป เอาชายสไบเช็ดพระชลนา
มาลงลำกำปั่นไม่ทันเพื่อน ค่อยลอยเลื่อนเหลียวแลชะแง้หา
ลับเวียงวังทั้งที่รักลับพักตรา พระกฤษณาอาลัยเสียใจจริง
จนออกลึกนึกสะท้อนถอนใจใหญ่ ตัวจะไปใจจะอยู่ที่ผู้หญิง
จนเป็นลมดมพิมเสนต้องเอนอิง ให้สวิงสวายวุ่นวายใจ ฯ
๏ จะกล่าวพระมังคลามาในน้ำ ทุกคืนค่ำข้ามมหาชลาไหล
ได้เจ็ดเดือนเหมือนกำหนดไม่ลดใบ ถึงทิศใต้ฟากฝั่งข้างลังกา
พบพระน้องสองหลานสำราญจิต แล้วทรงคิดการศึกนั่งปรึกษา
บาทหลวงถามสามองค์ด้วยสงกา เจ้ามาลอยคอยท่าอยู่ช้านาน
ได้สืบข่าวชาวเมืองรู้เรื่องมั่น อยู่พร้อมพรั่งหรือว่าไปไกลสถาน
พระวลาว่าพระองค์กับวงศ์วาน ไปทำการศพพระอัยกี
แต่อำมาตย์มาตุรงค์สามองค์นั้น ตั้งป้องกันเกณฑ์โยธาขึ้นหน้าที่
จะหักหาญราญรุกเข้าคลุกคลี เห็นไม่ดีด้วยท่านเป็นมารดา
ถึงชนะจะเป็นข้อทรยศ จงเงือดงดการศึกไว้ปรึกษา
บาทหลวงเอ๊ะเกะกะเจ้าวลา แต่แรกมาว่ากระไรจึ่งไม่คิด
ทำซุกซนจนจะขาดจากญาติ เดี๋ยวนี้สิออกตัวว่ากลัวผิด
เหมือนหินแตกแหลกระยำใช้สำริด ต่อไม่ติดจึ่งต้องใส่สุมไฟแรง
เหลวแล้วหล่อก่อสร้างรูปร่างใหม่ เห็นจะได้ด้วยกำลังฆ้อนทั่งแข็ง
ด้วยขัดข้องหมองหมางระคางแคลง จะช้อมแปลงเห็นไม่หายรอยร้ายราน
แม้นชิงชัยไว้ชื่อให้ลือเลื่อง ได้บ้านเมืองหมดสิ้นที่ถิ่นฐาน
เหมือนหลอมหล่อก็พอเห็นจะเป็นการ ด้วยคิดอ่านหว่านล้อมให้พร้อมเพรียง ฯ
๏ พระวลาอาหลานเห็นการวุ่น กลัวเจ้าคุณสังฆราชไม่อาจเถียง
บาทหลวงสั่งตั้งพระน้องกองลำเลียง สองหลานเรียงรายรับข้างทัพเรือ
พระมังคลาพาพลขึ้นบนฝั่ง เกณฑ์กันตั้งค่ายรายข้างฝ่ายเหนือ
ละไว้ช้าถ้าเราขาดข้าวเกลือ จะเหมือนเสือสิ้นฤทธิ์เร่งคิดการ
อีกสามวันนั้นหละเราจะเข้ารบ ให้ทำคบไว้ให้ทั่วตัวทหาร
กำดัดดึกฮึกโหมเข้าโรมราญ ปืนปราการรบพุ่งเอากรุงไกร ฯ
๏ พระมังคลาสานุศิษย์เห็นคิดชอบ ประณตนอบนึกชนะเห็นจะได้
แต่พระน้องสองหลานรำคาญใจ พากันไปหาท่านครูสุริยัน
คำนับน้อมพร้อมพรั่งกันทั้งสาม ต่างเล่าความตามจริงทุกสิ่งสรรพ์
พระสังฆราชคาดว่าสิบห้าวัน จะโรมรันรบพุ่งเข้ากรุงไกร ฯ
๏ ฝ่ายท่านครูรู้รอบเขตขอบแคว้น ว่าสิบแสนก็จะหักไม่ยักไหว
ด้วยขลุบคลีมีกลห้ามฝนไฟ ใครเข้าไปใกล้กรายตายเป็นเบือ
อันรมจักรนัคราการะเวก ทหารเอกเมืองผลีกล้วนศึกเสือ
ซึ่งเกณฑ์ไปให้รับกองทัพเรือ คอยดูเมื่อลุงอาจะมารบ
ให้เรือใช้ไปทำรบแล้วหลบถอย ออกแล่นลอยคอยกันเข้าบรรจบ
จะเข้าด้วยช่วยระดมอย่าสมทบ ให้เขารบกันกับพระมังคลา
คอยดูทีพี่กับอาบิดาเจ้า รบชนะจะได้เข้าขอโทษา
แม้นเพลี่ยงเขาเข้าด้วยช่วยบิดา จะเห็นว่าสามิภักดิ์ประจักษ์ใจ
ประเพณีมีพ่อเหมือนคอแขน แขนถ้าแม้นขาดหักไม่ตักษัย
เสียแม่พ่อคอขาดสิ้นชาติไป จงตรึกไตรให้งามตามทำนอง
ทั้งสามองค์ทรงเห็นเหมือนเช่นว่า ท่านเมตตาปรานีไม่มีสอง
จะตามคำจำจารึกไว้ตรึกตรอง แล้วพี่น้องอำลากลับมาเรือ
ออกกำปั่นพันห้าโยธาทัพ ตามบังคับขึ้นไปรายอยู่ฝ่ายเหนือ
เข้ารวมรอมพร้อมจิตด้วยชิดเชื้อ เพราะปลงเชื่อคำครูให้อุบาย
แต่งหนังสือชื่อหน่อวรนาถ ใส่กระดาษเสร็จสมอารมณ์หมาย
ให้เรือใช้ใหญ่น้อยไปลอยราย คอยถวายจะได้เห็นเป็นสำคัญ ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาพาทหาร ตัดต้นตาลตั้งรายเป็นค่ายมั่น
ค่ายละหมื่นปืนรบมีครบครัน ค่ายปิลันหุ้มหนังระวังการ
ขุดเป็นรางทางเดินใต้เนินได้ ถึงปืนใหญ่ยิงลูกไม่ถูกทหาร
พวกคนแทงแรงเรี่ยวล้วนเชี่ยวชาญ คงทนทานพราะว่ามือถือเหล็กเป็น
อันเหล็กเราเข้าไปกรายก็พ่ายแพ้ เปรียบเหมือนแม่เหล็กล่อแต่พอเห็น
เข้ารบรับกับเหล็กเพชรเด็ดกระเด็น อ่อนเหมือนเช่นชิ้นตะกั่วมันกลัวกัน
จึงพวกเพชรกำพลทนอาวุธ ฤทธิรุทรเรี่ยวแรงเข้มแข็งขัน
ขึ้นตั้งค่ายรายรอบเป็นขอบคัน ตรวจตรากันตีฆ้องเกราะกลองดัง ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ