- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
๏ จะกล่าวถึงทุกพาราครั้นมาพร้อม | จึงแล่นล้อมเกาะกลางหว่างไศล |
ถึงสิงหลลังกาให้ซาใบ | ทอดอยู่ในวังวนชลธาร |
แล่วแต่งให้เรือช่วงล่วงไปถาม | ครั้นแจ้งความให้ผู้ถือหนังสือสาร |
รีบไปเขาเจ้าประจันมิทันนาน | เอาเรื่องสารไปแถลงแจ้งเนื้อความ |
ว่าพวกเมืองเอกโทท้าวโกสัย | มาพร้อมในกระแสสินธุ์ทุกถิ่นฐาน |
ทั้งเรือรบพันลำประจำการ | นายทหารสี่หมื่นพื้นฉกรรจ์ |
ทั้งองค์ท้าวเจ้าพาราก็มาด้วย | หวังจะช่วยต่อแย้งให้แข็งขัน |
บาทหลวงยิ้มอิ่มเอมเกษมครัน | บุญมาทันแล้วสิเองเกรงมันไย |
ชะจำเพาะเคราะห์ดีเป็นที่สุด | สั่งให้หยุดที่ท่าชลาไหล |
พอหายเหนื่อยเมื่อยล้ามาแต่ไกล | กูจะไปคิดอ่านการสงคราม |
จึงปรึกษาสองท้าวเจ้าประเทศ | คงสมเจตนาเตียนที่เสี้ยนหนาม |
อุตส่าห์ช่วยกันเถิดหวาพยายาม | จะได้งามหน้าเขยได้เชยชม |
ทั้งลูกสาวจะได้เสกเป็นเอกระ | เรียกว่าพระบุษบงอนงค์สนม |
แม้นได้วังลังกาอย่าปรารมภ์ | คงได้ชมบุญแท้เป็นแน่นอน |
เพราะความชอบของพ่อตาพาลูกสาว | เสมอดาวแจ่มจำรัสประภัสสร |
จะลอยแก้วแผ้วสว่างกลางอัมพร | ทั่วนครลังกาในสามัญ |
แกพูดพล่ามตามจิตคิดประสงค์ | โดยจำนงนึกหมายเหมือนรายฝัน |
พวกข้าศึกพันครัวอย่ากลัวมัน | อีกสองวันคงได้เห็นดั่งเจรจา |
แล้วสั่งพวกขุนนางข้างฝรั่ง | ให้แต่งตั้งโต๊ะใหญ่ไวไวหวา |
เครื่องกินอยู่หมูแฮมแกล้มสุรา | ท้าวรายาไก่แกะแพะทอดมัน |
เขาเป็นแขกแยกเลี้ยงคนละโต๊ะ | บังกะโละเร่งรัดไปจัดสรร |
ทั้งสองท้าวเกลียดหมูกินคู่กัน | เหล้าบ้าหรั่นดิ์ขวดใหญ่มาให้กู |
แล้วเรียกพระมังคลาสานุศิษย์ | มานั่งชิดรินเหล้าเอาอ้ายหนู |
ลูกของมึงทั้งสิ้นกินกับกู | แกเชือดหมูปนแกล้มแกมสุรา |
กินจนเมาเหล้าหมดเป็นสี่ขวด | แล้วพูดอวดพวกแขกแปลกภาษา |
ความยินดีปรีดิ์เปรมเอมอุรา | เมาจนตาแดงก่ำดั่งตำลึง |
แล้วฉุนแค้นแสนอายไม่หายแค้น | จะตอบแทนให้จงได้เพราะไกหึง |
คงจะไม่พ้นฝีมืออย่าอื้ออึง | ตีให้ถึงลังกาดาประดัง |
แกตรองตรึกนึกจะสมอารมณ์คิด | จึ่งชวนศิษย์ลงจากตึกเหมือนนึกหวัง |
เรียกทหารที่ไว้ใจระไวระวัง | มาพร้อมพรั่งรีบเดินตามเนินทราย ฯ |
๏ ท้าวโกสัยไปหน้าพาบาทหลวง | อาศัยดวงจันทร์กระจ่างสว่างฉาย |
แล้วปราบปรามห้ามพหลพลนิกาย | อย่าวุ่นวายอื้ออึงคะนึงไป |
ครั้นถึงท่าหน้าหาดเรือกลาดเกลื่อน | ชะสมเหมือนคำกล่าวท้าวโกสัย |
แกยินดีปรีดาให้พาไป | กำปั่นใหญ่พร้อมกันนอกสันดอน |
แต่บรรดาท้าวพระยาเรียกมาหมด | แกตั้งกฎหมายทำคำอักษร |
แล้วเขียนส่งให้ทุกท้าวเจ้านคร | เอาอักษรนี้ไปดูให้รู้กัน |
จะมาช่วยทำศึกเหมือนนึกหวัง | ชวนกันตั้งรบสู้เป็นคู่ขัน |
ใครไม่ตามบังคับจะสับฟัน | ฆ่าให้มันถึงตายวายชีวี |
สั่งสำเร็จเสร็จสรรพบังคับขาด | ปรึกษาราชการทัพนับดิถี |
วันสามค่ำฤกษ์พาเวลาดี | ยกเข้าตีปากน้ำเป็นสำคัญ |
ท้าวโกสัยอยู่กำกับทัพเหล่านี้ | แม้นไพรีต่อแย้งแข็งขยัน |
เองจงคิดหักโหมเข้าโรมรัน | ตีประจัญตั้งประดาเป็นหน้ากระดาน |
แต่ทางบกกูจะยกเข้าตีก่อน | แล้วจะต้อนไพร่พหลพลทหาร |
คอยฟังเสียงฆ้องระฆังกังสดาล | จึงเข้าต้านต่อรบสมทบกัน |
ยื่นกระบี่ด้ามงาอาญาสิทธิ์ | แล้วมอบกิจการทัพให้ขับขัน |
ท้าวโกสัยสั่งมหาเสนาพลัน | ให้เกณฑ์กันแต่บรรดาพวกมาเรือ |
ทั้งเมืองออกทุกทิศมิตรสหาย | เสนานายปากใต้ทั้งฝ่ายเหนือ |
ให้ตรวจคนที่ประจำในลำเรือ | ทั้งข้าวเกลือเครื่องเสบียงที่เลี้ยงคน |
แม้นลำไหนเบาบางขุนนางจัด | สารพัดน้ำท่าผลาผล |
ตามบังคับจับจ่ายทั้งไพร่พล | พร้อมพหลพลทหารชำนาญปืน |
บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยท้าวโกสัย | จงมีชัยเดชาใครฝ่าฝืน |
พิฆาตฆ่ามันให้ตายด้วยปลายปืน | อย่าว่าหมื่นว่าขุนว่ามุลนาย |
อาญาสิทธิ์ของกูผู้แม่ทัพ | ตามบังคับมึงอย่าลดตามกฎหมาย |
จึ่งว่ากูจะไปนอนผ่อนสบาย | แล้วผันผายขึ้นบกยกกันเดิน ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช | กับครูบาทหลวงเข้าในเขาเขิน |
ขึ้นตึกใหญ่ใกล้สว่างกระจ่างเนิน | วิหคเหินเพรียกพร้องก้องสำเนียง |
ไก่กระชั้นขันเฉื่อยจะเจื้อยแจ้ว | ดุเหว่าแว่วร้องขานประสานเสียง |
ฝูงกาแกแซ่ซ้องก้องสำเนียง | โกญจาเรียงมยุราถลาบิน |
บาทหลวงเข้าในห้องพลางตรองตรึก | เห็นสมนึกเหมือนหวังดั่งถวิล |
คงจะได้ลังกาในธานินทร์ | ปราบให้สิ้นเสี้ยนหนามตามปัญญา ฯ |
๏ ขอเดชะพระเป็นเจ้าของเราช่วย | ทั้งเจ้าห้วยโตรกเตริ่นที่เนินผา |
อันสิงสู่อยู่ที่หว่างเกาะลังกา | จงช่วยข้าครั้งนี้ให้มีชัย |
อย่าให้ขาดศาสนาลังกาทวีป | จงชูชีพพวกฝรั่งอย่างวิสัย |
ให้คงคืนชื่นบานสำราญใจ | เราจะได้สั่งสอนเหมือนก่อนมา |
แกตั้งสวดอธิษฐานอ่านหนังสือ | ประนมมือปากบ่นมนต์คาถา |
จนแสงทองส่องสว่างกระจ่างตา | ปิดตำราม่อยหลับระงับไป ฯ |
๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงภพ | เธอปรารภศึกเสือเหลือวิสัย |
ไม่รู้สิ้นเสี้ยนหนามความในใจ | จะแก้ไขเหลือจนเพราะคนพาล |
หมายจะให้ปรองดองตามน้องพี่ | มันถือดีเกะกะจริงนะหลาน |
ไปถือแต่สังฆราชเป็นชาติพาล | เสียวงศ์วานน้ำเนื้อเชื้อผู้ดี |
จึ่งตรัสเรียกจักราพฤฒาเฒ่า | อาจารย์เจ้าดับทุกข์ให้สุขี |
จะผันแปรแก้ไขฉันใดดี | จงเป็นที่พึ่งพาอานุกูล |
คิดกำจัดสัตว์บาปที่หยาบช้า | ให้มันล่าหลีกไปจากไอศูรย์ |
ไม่เป็นสุขทุกทิวาให้อาดูร | ทั่วประยูรพงศ์เผ่าเหล่าประชา |
ไม่เป็นอันทำกินทุกถิ่นฐาน | เป็นแต่การรบพุ่งยุ่งนักหนา |
ช่วยตัดรอนผ่อนผันตามปัญญา | จงกรุณาวงศ์วานในว่านเครือ ฯ |
๏ ฝ่ายครูพักตร์จักราพฤฒาเฒ่า | จึ่งก้มเกล้าทูลกษัตริย์แม้นขาดเหลือ |
ขอพระองค์ทรงธรรม์ช่วยจานเจือ | จะขาดเหลือสิ่งไรในพิธี ฯ |
๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | โสมนัสปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
จึ่งว่าสุดแต่ครูผู้ภักดี | ประสงค์ที่สิ่งใดจะให้ปัน ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายพวกเภตรารักษาอ่าว | เวลาเช้าแล่นไปแต่ไก่ขัน |
เห็นเภตรามามากสักห้าพัน | ล้วนกำปั่นรบเรียงเคียงกันไป |
เห็นพวกแขกแปลกเพศสังเกตยาก | จะออกปากไม่รู้ว่าภาษาไหน |
ให้พวกล่ามถามพลันไปทันใด | มันก็ไม่รู้จักพะยักคอ |
แล้วยกมือพูดไปก็ไม่รู้ | สังเกตดูส่งภาษานักหนาหนอ |
ไม่เข้าใจในทีแต่รีรอ | มันพูดจ้อแต่ไม่รู้สักผู้คน |
แล้วแล่นมาหน้าด่านชานปากอ่าว | นำเอาข่าวขึ้นไปแจ้งแห่งนุสนธิ์ |
กับขุนนางทางแถลงแห่งอุบล | ว่าเรือปล้นเรือรบสมทบกัน |
ทั้งเรือใบใหญ่น้อยลอยขนาน | อยู่เหนือด่านทอดสู้เป็นคู่ขัน |
จอดอยู่กลาดดาษดาสักห้าพัน | พูดกับมันไม่รู้ว่าภาษาใด ฯ |
๏ ขุนเสนาพาเข้าไปเฝ้าพร้อม | ประณตน้อมทูลแจ้งแถลงไข |
พระทรงทราบอนุสนธิ์จนพระทัย | ศึกคงใหญ่เหมือนครั้งแต่หลังมา |
พระตรัสกับพระเจ้าหลานชาญสมร | ให้เร่งต้อนพวกพหลพลอาสา |
ทั้งปลัดหัสกันวิลันดา | ข้างพวกฝาหรั่งเก่าเหล่าทมิฬ |
เคยประจญณรงค์ทั้งองอาจ | ได้สิทธิ์ขาดเคยใช้เหมือนใจถวิล |
ให้ไปตั้งชานชลาหน้าบุรินทร์ | รับทมิฬตั้งค่ายชายทะเล |
สินสมุทรวุฒิไกรลงไปด้วย | จะได้ช่วยป้องกันคิดหันเห |
วายุพัฒน์ไปด้วยหนาขาทะเล | คิดถ่ายเทช่วยบิดาอย่าช้าที |
สุดสาครหัสไชยไปข้างบก | จงรีบยกไปข้างทางหว่างวิถี |
วลายุดาหัสกันนั้นก็มี | วิชาดีคนละอย่างทางณรงค์ |
เจ้าไปกับบิดาทั้งอาหลาน | คอยต่อต้านแถวในไพรระหง |
ตีด่านเขาเจ้าประจันทางมันลง | จากแดนดงออกมาหน้าคีริน |
แต่ทัพหน้าวาหุโลมมีปีกหาง | ไปคอยขวางอยู่ในป่าพนาสัณฑ์ |
แต่ท่านครูจักราอยู่ธานินทร์ | รักษาถิ่นเมืองด่านชานนคร |
กับขุนนางผู้ใหญ่เอาไว้ด้วย | จะได้ช่วยดูทหารชาญสมร |
อยู่รักษาแดนดินถิ่นนคร | หนทางจรมาไประไวระวัง ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายมังคลานราราช | กับครูบาทหลวงสมอารมณ์หวัง |
ด้วยได้พวกทุกภาษามาประดัง | เป็นกำลังรบพุ่งกรุงลังกา |
พลางแย้มยิ้มอิ่มใจเห็นได้ช่อง | การที่ตรองไว้คงสมปรารถนา |
จำจะให้ขุนนางช่างพูดจา | ถือสาราเข้าไปแจ้งแห่งคดี |
แกจึ่งเรียกมังคลาสานุศิษย์ | มาช่วยคิดราชการแต่งสารศรี |
ครั้นเสร็จสรรพพับปิดผนิดดี | เอาตราตีประทับซ้ำเป็นสำคัญ |
สั่งให้ผู้รู้ภาษาไปว่ากล่าว | ที่เรื่องราวกรุงไกรไอศวรรย์ |
เอาม้าใช้ขี่ไปเป็นสำคัญ | ตามกูบัญชาใช้รีบไปมา ฯ |
๏ ฝ่ายเสนีที่ถือหนังสือลับ | พลางขึ้นขับม้ามิ่งวิ่งถลา |
เวลาบ่ายชายแสงพระสุริยา | มาถึงหน้าเมืองด่านชานนคร |
แล้วบอกกับนายประตูผู้รักษา | ว่าเรามาแต่ด่านชานสิงขร |
ถือสารามาเฝ้าเจ้านคร | เป็นการร้อนนำเราไปเฝ้าพลัน ฯ |
๏ ฝ่ายว่าผู้อยู่รักษาอาณาเขต | ครั้นแจ้งเหตุบอกคนใช้ให้ผายผัน |
ไปกราบเรียนกรมท่าเสนาพลัน | เอาความนั้นทูลองค์พระทรงชัย |
ว่าบัดนี้ขุนนางข้างฝรั่ง | มาอยู่ยังนอกทวารให้ขานไข |
ถือสารามาอยู่ประตูชัย | แล้วสั่งให้กราบทูลมูลความ |
พระทรงฟังสั่งว่ามาทั้งนี้ | มันก็มีแต่จะเบียนเป็นเสี้ยนหนาม |
คงจะมาหลอกล่อก่อสงคราม | ครั้นจะห้ามมิให้เฝ้าเหมือนเรากลัว |
แล้วก็เป็นผู้ใหญ่ต้องไว้ยศ | ให้ปรากฏเหมือนแม้นกับแหวนหัว |
ไม่ร้าวฉานการจะต้องให้หมองมัว | ไปพาตัวมันเข้ามาอย่าช้าที |
ขุนนางรับกลับออกมาบอกทูต | แล้วก็พูดราชการเรื่องสารศรี |
เอาพานทองลงยาราชาวดี | รับสารศรีขึ้นรถบทจร |
มีเกณฑ์แห่แตรสังข์สะพรั่งพร้อม | ขุนนางล้อมเดินเรียงเคียงสลอน |
มยุรฉัตรพัดโบกแลจามร | เข้านครตามอย่างทางบุราณ |
ถึงศาลาหน้าวังให้ยั้งหยุด | อาลักษณ์ซุดลงคำนับแล้วรับสาร |
กระบวนแห่แตรสังข์กังสดาล | ตีประสานเป่าสังข์กระทั่งแตร |
พวกทูตเดินเชิญพานสารอักษร | ชุลีกรคอยรับสั่งฟังกระแส |
พร้อมพระวงศ์พงศ์กษัตริย์หมอบอัดแอ | ฟังกระแสพระดำริคอยตริตรอง ฯ |
๏ ฝ่ายขุนนางข้างฝ่ายกรมท่า | เอาสาราเข้าประมูลทูลฉลอง |
ให้ทราบใต้บาทาฝ่าละออง | ทำให้ต้องเยี่ยงอย่างทางบุราณ ฯ |
๏ ป่างพระจอมนคเรศเกศกษัตริย์ | โองการตรัสปราศรัยหลายสถาน |
ทูตคำนับรับสั่งฟังโองการ | ตามบุราณเจ้านครแต่ก่อนมา |
แล้วพระองค์ทรงพิภพสบสมัย | รับสั่งให้พนักงานอ่านเลขา |
ในสารศรีองค์กษัตริย์ขัตติยา | พระมังคลาหน่อนรินทร์ปิ่นสากล |
เดิมเสวยราชัยไอศวรรย์ | ในเขตคันแว่นแคว้นแดนสิงหล |
ฝ่ายญาติไทยมาสำทับแทบอับจน | ชวนกันปล้นนคเรศนิเวศน์วัง |
จนตกไร้ได้ยากไปจากถิ่น | เก็บจนสิ้นแล้วจะเถือเอาเนื้อหนัง |
นี่หรือวงศ์พงศาทำน่าชัง | ดูเหมือนดั่งพวกโจรโลนลำพอง |
ไม่มีอายหมายมั่นชวนกันรบ | แล้วตลบรีบเอาเป็นเจ้าของ |
มาพูดจาว่าจะให้ไปปรองดอง | มันไม่ต้องเยี่ยงอย่างทางบุราณ |
จะขุดบ่อล่อลวงให้ตกลึก | เราไม่นึกดอกว่าเป็นอาหลาน |
แม้นมิได้ล้างทมิฬให้สิ้นปราณ | คงจะต้านต่อฤทธิ์ไม่คิดเกรง |
เห็นว่าเราเยาว์ยังกำลังน้อย | พาพวกพลอยมารุมกันคุมเหง |
ยกกองทัพนับหมื่นมาครื้นเครง | นี่ข่มเหงหรือมิใช่เป็นไพรี |
ชะจะยกเมืองให้พูดไขสือ | เราไม่ถือดอกอย่าสวดมาอวดผี |
เอาไว้หลอกทารกยกคดี | มันก็มิอยากเชื่อเหลือจะฟัง |
มิใช่คนหูเบาใครเล่าขับ | จะได้กลับวิ่งวกไปตกถัง |
แม้นชีวิตอยู่ไปแล้วไม่ฟัง | คงจะตั้งรบกันจนบรรลัย ฯ |
๏ พอจบสารจอมวงศ์พงศ์กษัตริย์ | โองการตรัสว่าเป็นจนพ้นวิสัย |
จะให้เราเอื้อเฟื้อเหลืออาลัย | จึ่งสั่งให้เลี้ยงดูผู้ที่มา |
แล้วพระองค์ทรงประดิษฐ์ลิขิตตอบ | ตามระบอบเรื่องความตามภาษา |
ครั้นเสร็จสรรพพับผนิดให้ปิดตรา | ส่งสาราให้ขุนนางแล้วรางวัล |
ทูตคำนับรับสาราทูลลากลับ | ก็รีบขับม้าไปเข้าไพรสัณฑ์ |
พอถึงที่ด่านเขาเจ้าประจัน | พระสุริยันเย็นคล้ำในอัมพร |
รีบเข้าไปในตึกบาทหลวงอยู่ | แล้วก็ชูเชิญพานสารอักษร |
ตามเยี่ยงอย่างข้าฝรั่งทั้งนคร | แต่ปางก่อนทำมาทุกธานี |
บาทหลวงเห็นสาราลุกมารับ | แกบังคับว่าให้อ่านเรื่องสารศรี |
ฉีกผนึกออกพลันด้วยทันที | แล้วก็คลี่เครื่องสารอ่านให้ฟัง ฯ |
๏ ในสารศรีสุวรรณวงศ์ดำรงรัฐ | เจ้าจังหวัดนคเรศนิเวศน์หวัง |
รมจักรจอมเจิมเฉลิมวัง | ด้วยทรงตั้งพระทัยนึกแล้วตรึกตรอง |
หวังจะให้หลานรักเป็นภักษ์ผล | มาคบคนที่ชั่วจึ่งมัวหมอง |
หมายจะให้กลับจิตคิดปรองดอง | กลับขุ่นข้องอิจฉาว่ามาลวง |
เราก็เป็นผู้ใหญ่มิใช่เด็ก | ลูกเล็กเล็กพูดไปแต่ใจหวง |
จะคิดการทุจริตมาคิดลวง | ใช่กระทรวงของผู้ใหญ่เป็นใจพาล |
เจ้าก็กลับจับจ้วงมาล่วงกล่าว | ในเรื่องราวคึกคักพูดหักหาญ |
เมื่อไม่คิดจิตเจ้าเอาแต่พาล | ก็ตามกาลแต่จะเป็นจะเห็นดี ฯ |
๏ จะรบรับสัประยุทธ์สุดแต่เจ้า | อันพงศ์เผ่าใช่จะกลัวเอาตัวหนี |
ไม่ห้ามปรามตามแต่ใจเป็นไรมี | จะราวีเคี่ยวขับก็รับรอง |
เมื่อสิ้นญาติขาดเชื้อในเนื้อไข | ตามแต่ใจของเจ้าอย่าเศร้าหมอง |
มิใช่จะเกรงกลัวขนหัวพอง | คงรับรองกันจนตายวายชีวง ฯ |
๏ พอจบสารอ่านซ้ำไปตามเรื่อง | บาทหลวงเคืองระคายหูกูไม่หลง |
จึ่งว่ากับมังคลาอย่าทะนง | ถ้าแม้นหลงกลมันคงบรรลัย |
อันสงครามครั้งนี้เป็นที่ยิ่ง | มันจึ่งชิงเอาสารามาปราศรัย |
จะไปหย่อนผ่อนตามมันทำไม | เราชิงชัยเอาสิงหลไม่พ้นมือ |
ชะรอยอ้ายพวกนี้ทีไม่สู้ | ตั้งกระทู้จะให้กลับไปนับถือ |
เห็นทีจะครั่นคร้ามขามฝีมือ | มันจึ่งดื้อด้านมาว่าแต่ดี |
เฮ้ยอย่างไรท้าวชวากูว่าขาน | เองตรองการให้ละเอียดพอเสียดสี |
มันจะสู้ได้หรือไม่พวกไพรี | จึ่งให้มีสาราเข้ามาลวง ฯ |