ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย

๏ จะกล่าวต่อหน่อกษัตริย์หัสกัน กับสุบันเยครูอยู่เป็นสอง
ทำหมอยาผ่าฝีมีเงินทอง ชาวบ้านช่องชมชื่อเลื่องลือดี
แต่งตัวเป็นเช่นลังกามาแต่แรก ไม่เหมือนแขกแปลกเขาชาวกรุงศรี
ถึงเดือนห้าฝ่ายมุลาเจ้าธานี เธอเป็นฝีที่ในท้องตกหนองใน
พวกข้าเฝ้าป่าวร้องเสียงซ้องแซ่ ผู้ใดรู้ดูแผลช่วยแก้ไข
ให้หายโรคโศกเศร้าที่ท้าวไท จะตั้งให้เป็นขุนนางให้รางวัล
พอมีผู้รู้ส่อว่าหมอฝรั่ง รู้ดูทั้งรู้ผ่าหยูกยาขยัน
นำข้าเฝ้าเข้าไปหาพูดจากัน พาสุบันเยไปเข้าในวัง ฯ
๏ ฝ่ายกุดั่นดาราบุตราท้าว พึ่งรุ่นราวรับพ่อหมอฝาหรั่ง
นำเข้าไปใกล้สุวรรณที่บัลลังก์ อยู่พร้อมพรั่งทั้งสนมกรมใน
ให้หมอดูภูวนาถคาดให้แน่ จะผันแปรแก้พิษคิดไฉน
ฝรั่งดูรู้ตำราจึงว่าไป ฝีขึ้นในไตตับถึงอับจน
ไส้ทะลุพุพองน้ำหนองแตก เกิดกาฬแทรกซ่านเซ็นทุกเส้นขน
เป็นเช่นนี้มิรอดแต่สักคน เห็นไม่พ้นมรณาในห้าวัน ฯ
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าเมืองคิดเคืองหมอ เร่งผูกคอออกไปอ้ายสมัน
ใส่คุกไว้ไม่เหมือนว่าจะฆ่าฟัน ตัดหัวมันเสียบซ้ำให้หนำใจ
โอรสรับจับหมอผูกคอลาก ลงไปจากชานพักถีบผลักไส
อ้ายสมันนั้นตำรวจเร็วรวดไป ส่งตัวให้กรมเมืองบอกเรื่องความ
ทำมะรงลงเหล็กลากขึ้นคุก จำประทุกคาโตใส่โซ่ล่าม
เรียกเงินตราด่าซ้ำคุกคำราม ให้ขานยามตามผิดที่ติดตัว ฯ
๏ ฝ่ายหัสกันครั้นรู้ว่าครูผิด ต้องไปติดคุกกษัตริย์ต้องตัดหัว
หิ้วถุงเงินเดินตามให้คร้ามกลัว แจกให้ทั่วทำมะรงจงเมตตา
จะขอขึ้นไปพบในพลบค่ำ มันก็กำกับให้เข้าไปหา
ให้ค่าลดปลดเปลื้องเครื่องขื่อคา พอเห็นหน้าครูขับให้กลับไป
พระมาตึกนึกถึงท่านอาจารย์นัก เสือกซบพักตร์โศกาน้ำตาไหล
จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าง่วงเหงาใจ สะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา
โอ้แสนเข็ญเห็นไม่รอดจะมอดม้วย ใครจะช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษา
เห็นแต่ครูคู่ชีวิตเหมือนบิดา ลอบพามาพ้นตายไม่วายปราณ
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปยากแค้น ต้องขื่อคาหนาแน่นแสนสงสาร
สะอื้นอ้อนร้อนฤทัยดังไฟกาล เสโทซ่านซึมซบสลบไป ฯ
๏ ฝ่ายสุบันเยเวลาสักห้าทุ่ม เห็นผู้คุมกำกับเกือบหลับใหล
จึ่งร่ายมนตร์ดลขลังกำบังไฟ แล้วเป่าไปแปดทิศด้วยวิทยา
คนทั้งปวงง่วงหงับหลับไปหมด เสกสะกดกำบังขลังคาถา
ปัดตลอดลอดออกนอกขื่อคา แล้วรีบมาถึงที่ตึกดึกสามยาม
เห็นหัสกันนั้นซบสลบหลับ แก้ให้กลับฟื้นขึ้นได้ต่างไต่ถาม
พระดีใจได้ออกครูบอกความ เราถือตามสัตย์ธรรม์กรุณา
ไม่ทำกลปล้นสะดมเอาสมบัติ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตริษยา
มันจัณฑาลพานพาโลจึ่งโกรธา จะไปฆ่าเจ้าเมืองให้เลื่องลือ
แล้วหยุดหย่อนสอนมนตร์ดลชะงัด ให้พระหัสกันรับด้วยนับถือ
ได้ติดตามยามดึกด้วยฝึกปรือ ด้วยสัตย์ซื่อสุจริตไม่ปิดบัง
แล้วแต่งกายกรายกระบี่เหน็บตรีกริช ออกนำหน้าสานุศิษย์ติดตามหลัง
สะกดเงียบเซียบเสียงเข้าเวียงวัง ต่างขึ้นยังตึกอยู่ด้วยรู้ชัด
เห็นโอรสอดจิตคิดสมเพช เป็นปลายเหตุเวทนารักษาสัตย์
ถึงเจ้าเมืองเคืองแค้นขึ้นแท่นรัตน์ ถีบให้พลัดตกสุวรรณบัลลังก์
แล้วห้ำหั่นฟันฟาดฉุดฉาดฉะ ตัดศีรษะขาดสมอารมณ์หวัง
หิ้วหัวออกนอกเขตนิเวศน์วัง ออกไปฝังเสียปลายท้ายกรุงไกร ฯ
๏ แล้วข้ามทุ่งมุ่งหมายขึ้นท้ายน้ำ จะไปสำปันหนาที่อาศัย
พอรุ่งแจ้งแสงตะวันพากันไป เข้าเดินไพรพฤกษาพนาวัน
๏ ฝ่ายบุรินทร์อินทราเวลาเช้า เห็นจอมเกล้าเจ้าพารานั้นอาสัญ
ไม่มีหัวตัวหวะรอยฉะฟัน ต่างบอกกันวิ่งอึงคะนึงไป
ทั้งเสนาข้าบาทราชโอรส โศกกำสรดโศกาน้ำตาไหล
ฝ่ายขุนนางข้างนอกบอกข้างใน หมอที่ใส่คุกหนีมีวิชา
เครื่องจำจองกองอยู่ประตูปิด ไปด้วยฤทธิ์เวทมนตร์ดลคาถา
ฝ่ายข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์มาตยา เชิญกุดารายาครองธานี
แล้วฝังศพกลบหลุมประชุมพร้อม ก่อตึกคร่อมศพเจ้าไม่เผาผี
แล้วตีฆ้องร้องป่าวชาวบุรี ว่าหมอผีลอบเข้ามาฆ่าเจ้านาย
อย่าคบค้าฝรั่งรับสั่งห้าม ช่วยกันตามตัดศีรษะไปถวาย
พวกขุนนางทั้งแขกเที่ยวแยกย้าย ทั้งหญิงชายชังฝรั่งทั้งพารา ฯ
๏ ฝ่ายพระหัสกันสุบันเย มาถึงเทวะสิงสู่ที่ภูผา
มีศาลเจ้าเสาหินแก้วศิลา เป็นที่ป่าสูงสงัดถิ่นสัตว์ไพร
มีบ่อน้ำลำธารสะอ้านสะอาด พระหน่อนาถเหนื่อยล้าเข้าอาศัย
ขุดมันเผือกเลือกเอาเข้าเผาไฟ เก็บลูกไม้ม่วงปรางมาวางกอง
กินกับครูสุบันเยที่เทวฐาน อิ่มสำราญแรงกำลังขึ้นทั้งสอง
พระเด็ดดวงพวงผกามณฑาทอง มาร้อยกรองถวายไหว้ไทเทวา
เวลาค่ำสำนักนอนเนินเขา ขอเทพเจ้าจงพิทักษ์ช่วยรักษา
จนดึกดื่นรื่นรินกลิ่นผกา ทั้งสองรามาเหนื่อยเรื่อยหลับไป ฯ
๏ ฝ่ายหัสกันครั้นรุ่งสะดุ้งตื่น เห็นเจ้ายืนอยู่ตรงหน้าร้องปราศรัย
ว่าช่างกรองบุปผาพวงมาลัย นับถือเราเอามาให้ขอบใจนัก
ไปประจิมริมท่ามหารณพ จะให้พบลาภเลิศประเสริฐศักดิ์
เธอบอกเล่าเท่านั้นไม่ทันซัก เทพารักษ์รูปกายก็หายไป
พอครูตื่นชื่นชมโสมนัส หน่อกษัตริย์ตรัสแจ้งแถลงไข
อาจารย์ฟังสังรเสริญเจริญใจ ต่างกราบไหว้เทวาแล้วลาจร
เขม้นหมายประจิมเดินริมเขา เนินลำเนาเขาชะโงกโตรกสิงขร
พฤกษาออกดอกช่ออรชร หอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นโรย
เข้าป่าสูงฝูงนกวิหคร้อง เสียงแซ่ซ้องลิงค่างครวญครางโหย
ระรื่นร่มลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยโชย หอมยมโดยดอกไม้ชื่นใจจริง ฯ
๏ หัสกันนั้นพึ่งรุ่นชมบุนนาค นิยมอยากยิ้มแย้มเหมือนแก้มหญิง
ผลไม้ใกล้ทางม่วงปรางปริง ร่วงหล่นกลิ้งเกลื่อนกลาดดาษเดียร
พอบ่ายเย็นเห็นฝูงนกยูงฟ้อน หางปีกงอนงามกระจ่างเหมือนอย่างเขียน
เดินดูเล่นเห็นคนวิ่งวนเวียน ข้ามเนินเตียนตัดลงถึงคงคา
เหมือนคำท่านศาลเจ้าบอกเล่าแน่ เดินเลียบแลหาดทรายข้างซ้ายขวา
เห็นพี่น้องสององค์ทรงโศกา น้อยน้อยน่าเอ็นดูกับกุมาร
ค่อยย่างเหยียบเลียบฝั่งไปนั่งใกล้ แล้วปราศรัยไต่ถามตามสงสาร
ไปไหนมาอย่ากันแสงจงแจ้งการ อยู่ถิ่นฐานบ้านตำบลแห่งหนใด ฯ
๏ ฝ่ายพี่น้องสองฟังฝรั่งถาม จึงเล่าความหลังแจ้งแถลงไข
ฉันลูกท้าวเจ้าพาราสุราลัย ฝรั่งใหญ่ไพร่พลคณนา
พระบิตุราชมาตุรงค์ทิวงคต คนทั้งหมดข้าเฝ้าเขาปรึกษา
ให้ข้านี้พี่น้องครองพารา แต่ฝ่ายอาเขยเป็นใหญ่เขาไม่ยอม
เอาข้าเจ้าเข้าตึกขังไว้ทั้งคู่ อดกินอยู่ดูเถิดรูปจนซูบผอม
พี่เลี้ยงไปไขกุญแจเถ้าแก่พร้อม ช่วยอุ้มอ้อมแอบออกได้นอกวัง
เอาข้าเจ้าข้าวเกลือใส่เรือน้อย แล้วเสือกลอยลิบลับไม่กลับหลัง
มาหลายคืนคลื่นกระแทกเรือแตกพัง ข้าขึ้นฝั่งมากับน้องได้สองวัน
ชันษาข้านี้สิบสี่น้อง ได้สิบสองขวบเศษเสียเขตขัณฑ์
ข้านี้คือชื่อว่าเวชายัน พระน้องนั้นชื่อวันชายากุมารี
พระหัสกันสุบันเยว่าเทเวศร์ ท่านบอกเหตุเห็นจะต้องกับสองศรี
ดูผิวพักตร์ลักขณาน่าปรานี ครูอุ้มพี่จุมพิตศิษย์อุ้มน้อง
แล้วปลอบว่าข้าจะช่วยอยู่ด้วยข้า เหมือนวงศาอย่ากลัวอย่ามัวหมอง
จะแก้แค้นแทนให้ดังใจปอง ให้ทั้งสองครองสมบัติกษัตรา ฯ
๏ พระนบนอบตอบฝรั่งว่าครั้งนี้ ท่านปรานีมีพระคุณอุ่นเกศา
ฉันเหมือนบุตรสุดแต่ท่านจะกรุณา จะเมตตาพาไปไหนจะไปตาม
พระหัสกันสุบันเยเสน่ห์รัก สมยศศักดิ์สุภาพไม่หยาบหยาม
รูปก็งามนามก็เพราะเสนาะนาม ต่างแหวกย่ามหยิบส้มขนมเนย
น้ำตาลกรวดพลับทับทิมแช่อิ่มแห้ง ออกจัดแจงให้พี่น้องทั้งสองเสวย
ต่างพูดจาการุญค่อยคุ้นเคย อิ่มแล้วเลยหลับนอนผ่อนสำราญ ฯ
๏ ฝ่ายท่านครูผู้ใหญ่กองไฟรอบ ช่วยกันปลอบสององค์ด้วยสงสาร
ให้นอนกลางต่างรักษาพยาบาล ถามกุมารพูดจาถึงธานี
ด้วยท่านครูรู้เรื่องเมืองฝรั่ง เล่าว่าครั้งนางวัณฬามารศรี
ให้บอกกล่าวท้าวพระยาทุกธานี ไปช่วยตีเมืองผลึกทำศึกกัน
พระอภัยได้พระน้องกับสองบุตร ฤทธิรุทรเรี่ยวแรงแข็งขยัน
จับไทท้าวเจ้าละมานผลาญชีวัน ทั้งสองนั้นแตกตายวายชีวา
เธอก็ตามข้ามฝั่งฝรั่งใหญ่ ลูกเจ้าเมืองสุลาลัยไปอาสา
สมทบทัพกับแขกแตกกลับมา เขาจับได้ไม่ฆ่าปล่อยมาเมือง
เป็นไมตรีมิได้กลับมารับรบ เล่าจนจบแจ้งความมาตามเรื่อง
ซึ่งพี่น้องครองสมบัติต้องขัดเคือง จะไปเปลื้องปลดปราบให้ราบเตียน
หยิบแผนที่คลี่ดูทางต่างสังเกต ถิ่นประเทศเขตแดนตามแผนเขียน
ที่สงสัยไม่รู้ถามครูเรียน ไม่ผิดเพี้ยนพอสังเกตขอบเขตคัน
ครั้นสว่างต่างคนกินผลไม้ แล้วเข้าไพรพฤกษาพนาสัณฑ์
ฝ่ายท่านครูสุบันเยอุ้มเวชายัน พระหน่อหนุ่มอุ้มวันชายา ฯ
๏ ไปตามทางกลางแดนตามแผนที่ ต่างชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา
พระกรีดเล็บเก็บดวงพวงผกา ให้น้องยาต่างต่างตามทางเดิน
ขึ้นเขาใหญ่ไม้สูงชมฝูงนก หมู่วิหคหากินบ้างบินเหิน
ดูครึ้มครื้นรื่นร่มพนมเนิน พี่น้องน้อยพลอยเพลินจำเริญใจ
ประนมกรวอนถามนามปักษิน นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
หน่อกษัตริย์หัสกันว่ามันไป นอนสุมทุมพุ่มไม้พระไทรทอง
นางทูลถามนามนกวิหคพลอด เสียงหวิวหวอดฉอดเพราะเสนาะสนอง
พระว่านั่นมันพลอดให้กอดน้อง แม่ไม่ต้องกอดฉันมันนินทา
นางฝากตัวหัวร่อสอพลอพลอด ฉันก็กอดก็รักพระหนักหนา
ต่างชื่นชวนสรวลสันต์จำนรรจา ตามประสาพี่น้องประคองเคียง ฯ
๏ โน่นไก่ฟ้าหน้าขาวตัวยาวเฟื้อย จับขันเฉื่อยเอื้อยอิเอกวิเวกเสียง
กระตั้วไพรไก่แก้วเค้าแมวเมียง โนรีเรียงนกแก้วแจ้วเจรจา
ตะกรุมไต่ไม้อุโลกชะโงกชะแง้ พระว่าแน่แม่วันชายาจ๋า
นกหัวโล้นโหนไม้มันไต่มา นางผวาหวีดกลัวแล้วหัวเราะ
พระพี่จ๋าอย่าเข้าไปใกล้เลยนะ กลัวมันจะโจนมาจิกตาเจาะ
พระเชยปรางนางแนบแอบออเซาะ ช่างฉอเลาะเพราะประสงค์ว่าวงศ์วาน
เห็นม่าเหมี่ยวเที่ยวเดินบนเนินสูง เป็นฝูงฝูงจูงเด็กลูกเล็กหลาน
อรหันผันโผนโจนทะยาน เห็นคนคลานหลบหลีกปีกกระพือ
พระพี่น้องสองชมพนมพนัส กระเพิดกระพัดสกุณินบินหนีปรื๋อ
ต่างร้องบอกดอกไม้อยู่ใกล้มือ บ้างเด็ดถือทัดหูเชิดชูชม ฯ
๏ พระหัสกันสุบันเยเสน่หา เหมือนวงศาสุจริตสนิทสนม
สิบห้าวันดั้นเดินเนินพนม ถึงนิคมเขตพาราสุลาลัย
พบฝรั่งนั่งโป่งในดงกว้าง มันเถือกวางข้างธารละหานไหล
วางพี่น้องสององค์เดินตรงไป ทำปราศรัยไต่ถามดูตามแคลง
เราเดินดงหลงทางมากลางเถื่อน ถึงสามเดือนเถื่อนถิ่นนึกกินแหนง
ท่านเอ็นดูรู้วิถีช่วยชี้แจง นี่ตำแหน่งนคเรศประเทศใด ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งนั่งดูเป็นครู่พัก ที่รู้จักทักถามตามสงสัย
นั่นหน่อท้าวเจ้าพาราสุลาลัย สองทรามวัยเวชายันวันชายา
สุบันเยเพทุบายว่าฝ่ายท่าน เป็นพวกพาลบ้านไร่ไพรพฤกษา
รู้จักหน่อวรนาถราชธิดา หรือเดาว่าตานายจะคลายแคลง ฯ
๏ ฝ่ายเสนาว่าเราชื่อเนาวเสน เป็นหัศเกนเวนทหารชาญกำแหง
เมื่อแผ่นดินสิ้นกษัตริย์คิดจัดแจง อายาแมงแย่งสมบัติของนัดดา
จึ่งเกิดวุ่นขุนนางต่างต้องถอด บ้างเล็ดลอดหลีกหลบไม่คบหา
ฝ่ายตัวเราบ่าวไพร่จึงได้มา อยู่บ้านป่าหากินตามถิ่นไพร
สุบันเยเสสรวลว่าควรอยู่ ท่านจึงรู้จักแจ้งแถลงไข
เดี๋ยวนี้เล่าเราจะพาสองราไป อยู่เวียงชัยให้สำราญผ่านพารา
เนาวเสนเห็นแจ้งแถลงเล่า อุ้มลูกเจ้าไอศูรย์ทูนเกศา
ทั้งพวกพ้องร้องไห้ฟายน้ำตา ต่างพูดจาปราศรัยซักไซ้ความ
เธอฝรั่งลังกาภาษาแปร่ง เรารู้แจ้งแคลงใจขอไต่ถาม
จะคิดอ่านการณรงค์ทำสงคราม หรือจะปรามปราบพาลประการใด ฯ
๏ ฝ่ายท่านครูสะบันเยว่าเทเวศร์ ประสิทธิ์เดชดังพระกาฬผลาญวิสัย
เมื่อถึงจึงเราจะเข้าไป ตัดหัวไอ้อาเขยไม่เลยละ
ถึงคนอื่นหมื่นแสนแม้นจะสู้ เราเป็นครูผู้สำเร็จเด็ดศีรษะ
ให้สิ้นโคตรโทษที่ทำจะชำระ ให้สองพระกุมารผ่านพารา
เนาวเสนเห็นเป็นครูผู้วิเศษ จึงบอกเหตุทางเดินขึ้นเนินผา
สามวันจึงถึงกรุงข้ามทุ่งนา เราจะพาพวกไปด้วยช่วยเจ้านาย
อันขุนนางข้างในจำใจอยู่ โกรธศัตรูหมู่ขบถลดกฎหมาย
แม้นหน่อไทได้เมืองไม่เคืองระคาย คนทั้งหลายชายหญิงคงยิงยอม
แล้วให้ไปชุมนุมที่ซุ่มซ่อน พอพักผ่อนนอนหลับทับกระท่อม
จัดข้าวปลาอาหารคาวหวานพร้อม มาแวดล้อมเลี้ยงครูกับกูมาร
แล้วพาตัวไปในป่าเที่ยวหาบ่าว บอกกล่าวข่าวเจ้านายฝ่ายทหาร
ทั้งขุนนางต่างเข้ามาพยาบาล ช่วยกุมารมากมายได้หลายร้อย
บรรดามาสามิภักดิ์สะพรักพร้อม ประณตน้อมยอมใจให้ใช้สอย
รับสั่งความตามธรรมเนียมมาเตรียมคอย พระหน่อน้อยค่อยสำราญอยู่บ้านไพร
ทั้งช้างม้าข้าเฝ้าเขาถวาย ค่อยมากมายพรายแพร่งแถลงไข
ปลูกประทับพลับพลาพนาลัย เสนาในให้เข้าเฝ้าเหมือนเจ้านาย
พระหัสกันท่านครูผู้รับสั่ง จัดตำแหน่งแต่งตั้งคนทั้งหลาย
แล้วท่านครูสุบันเยเพทุบาย แต่งตัวนายล่วงหน้าไปธานี
ลอบบอกกล่าวชาวเมืองมาเนืองแน่น ตั้งแห่แหนพระพี่น้องทั้งสองศรี
มาประทับพลับพลาพนาลี ไปตั้งที่ท้องทุ่งท้ายกรุงไกร ฯ
๏ ฝ่ายอายาอาเขยเสวยราชย์ คิดประมาทมิได้แคลงแหนงไฉน
เมื่อสองกุมารหลานหนีก็ดีใจ หมายว่าไปไม่รอดคงมอดม้วย
มีห้ามแหนแสนสุรางค์เหมือนอย่างหุ่น ละม่อมละมุนรุ่นราวสาวสาวสวย
พิศวงหลงละเลิงรื่นเริงรวย ภาษีส่วยสมพัตสรอากรกำนัล
พวกสำเภาเหล่าลังกามาค้าขาย ของถวายหลายประเทศทุกเขตขัณฑ์
เกษมสุขทุกเวลาทิวาวัน ทั้งเมลิกันภรรยาอากุมาร ฯ
๏ พอเสนาฝรั่งที่ตั้งแต่ง มาทูลแจ้งข่าวศึกว่าฮึกหาญ
เวชายันวันชายาได้อาจารย์ เป็นคนพาลพวกฝรั่งเกาะลังกา
ขุนนางหนีที่ออกนอกตำแหน่ง กลับตั้งแต่งต้อนไพร่ได้นักหนา
ชาวบุรีหนีไปเข้าจนเบาตา จะยกมารบพุ่งเอากรุงไกร ฯ
๏ อายาแมงแจ้งเรื่องแค้นเคืองว่า ญาติกาอ้ายคนนี้อยู่ที่ไหน
จับตัวมาฆ่าฟันให้บรรลัย จะเป็นไส้ศึกอยู่ในบูรี
ชาวบ้านนอกคอกนาประชาราษฎร์ เร่งต้อนกวาดเข้ามาไว้อย่าให้หนี
เกณฑ์ทัพใหญ่ให้ทันสามวันนี้ จะไปตีพวกฝรั่งเมืองลังกา
ขุนนางใหม่ไปทั่วทุกรั้วแขวง สืบแสวงพวกที่หนีไปหา
ฆ่าลูกเมียเสียทั้งญาติตามอาชญา ต้อนบ้านนอกคอกนาเข้าธานี
ขุนนางเก่าเหล่าที่ไปเป็นใจนั้น คิดหวาดหวั่นพรั่นตัวยกครัวหนี
ขุนนางใหม่ได้ความยกตามตี เกิดกุลีที่ในกรุงรบพุ่งกัน ฯ
๏ พวกชายหญิงวิ่งร้องเสียงก้องกึก เสียงยิงปืนครื้นครึกพิลึกลั่น
บ้างหลีกหลบรบราฆ่าฟันกัน ถึงสามวันสามคืนเสียงครื้นครึก
ฝ่ายหัสกันนั้นกับครูได้รู้เรื่อง ว่าในเมืองอลหม่านเกิดการศึก
รีบยกทัพขับทหารสะท้านสะทึก เสียงคึกคึกข้ามทุ่งถึงกรุงไกร
ขุนนางเก่าเขารู้เปิดประตูรับ โยธาทัพโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว
พวกหน้าที่หนีหายแยกย้ายไป ขุนนางใหม่หนีออกนอกกำแพง
บ้างไปทางข้างใต้ไปข้างเหนือ บ้างลงเรือลดเลี้ยวไปเที่ยวแฝง
นางสาวสาวชาววังนั่งจัดแจง เก็บเครื่องแต่งแป้งขมิ้นใส่ปิ่นโต
ทั้งถุงไถ้ใส่ข้าวเม่าแลข้าวตาก เมื่ออดอยากยากแค้นจะแขวนโถ
บ้างตีอกตกใจร้องไห้โฮ เสียงเขาโห่หกล้มไม่สมประดี
อายาแมงแฝงตัวกลัวสง่า จูงเมลิกันภรรยาพากันหนี
เที่ยวแลหาข้าไทก็ไม่มี ออกประตูบูรีตะลีตะลาน
พอรุ่งแจ้งแสงตะวันสุบันเย สมคะเนไม่พักโหมหักหาญ
เข้าพาราพาพี่น้องสองกุมาร ขึ้นปราสาทราชฐานสำราญใจ ฯ
๏ พี่เลี้ยงเหล่าชาวแม่เสียงแซ่ซ้อง มาเฝ้าสองหน่อกษัตริย์ตรัสปราศรัย
แล้วเล่าความตามยากลำบากไป จนถึงได้กลับมายังธานี
ฝ่ายท้าวนางข้างในผู้ใหญ่น้อย อวยพรพลอยสรรเสริญจำเริญศรี
ฝ่ายเสนาพฤฒามาตย์ราชกวี มาภักดีปรีดาพร้อมหน้ากัน ฯ
๏ ฝ่ายท่านครูผู้ปราบเรียบราบเสร็จ จึงเสด็จออกที่นั่งนรังสรรค์
ขุนนางเข้าเฝ้าแหนอยู่แน่นนันต์ พร้อมเผ่าพันธุ์พงศาข้างหน้าข้างใน
สุบันเยจึงว่าเสนาทั้งหลาย รักเจ้านายภักดีจะมีไหน
จะภิเษกเอกฉัตรกำจัดภัย ตามวิสัยสุริย์วงศ์ดำรงวัง ฯ
๏ ฝ่ายอำมาตย์มาตยาเสนาพร้อม คำนับน้อมยอมจิตเหมือนคิดหวัง
พระเวชายันนั้นลงมาหน้าบัลลังก์ ก้มกราบทั้งครูพระหัสกัน
แล้ววอนว่าข้านี้ถึงที่ม้วย ท่านโปรดด้วยช่วยเมตตาไม่อาสัญ
อายุอ่อนหย่อนปัญญาสารพัน ขอเชิญท่านทั้งสองครองพารา
อันข้านี้พี่น้องขอรองบาท เป็นที่ราชโอรสมียศถา
ขอสนองสองพระคุณกรุณา ได้อุ้มพามาสนิทเหมือนบิดร
พวกข้าเฝ้าเหล่าฝรั่งจงตั้งจิต พึ่งพระคุณบุญฤทธิ์อดิศร
ทรงสัตยธรรม์กรุณาสถาวร จะวายร้อนทั่วจังหวัดปัถพี ฯ
๏ ฝ่ายสุบันเยฟังสังรเสริญ พลางเจริญพระพี่น้องทั้งสองศรี
กตัญญูรู้จักด้วยภักดี ควรเป็นที่ท้าวพระยาปรีชาชาญ
แต่เรานี้วิสัยมิได้รัก ซึ่งยศศักดิ์สมบัติพัสถาน
สันโดษเดี่ยวเที่ยวตามความสำราญ แต่พบพานสัตว์บาปต้องปราบปราม
จะคิดอยู่บูรีหามิได้ ช่วยแผ้วภัยให้พอเตียนที่เสี้ยนหนาม
ให้คนดีมีเมตตาสง่างาม จะไปตามความสบายเหมือนหมายใจ
พ่อรับที่ภิเษกเอกฉัตร สืบกษัตริย์ทรงธรรมตามวิสัย
ให้สมหวังดั่งหนึ่งจิตฉันคิดไว้ ดีกว่าให้ไอศูรย์ไม่ปูนปอง ฯ
๏ กุมาราว่าพระคุณการุญรัก ฉันคิดจักแทนคุณการุญสนอง
ไม่โปรดรับกลับมอบให้ครอบครอง เหมือนเพลิงกองก่อสุมรุมอุรา
จะครองวังทั้งหลายพวกชายหญิง ไม่เห็นจริงจะระแวงว่าแกล้งว่า
ให้แล้วกลับรับสมบัติเสียสัจจา จะขอฆ่าตัวให้บรรลัยลาญ
แล้วโศกาว่าอ้อนวอนทั้งสอง ครูประคองอุ้มองค์ด้วยสงสาร
อย่าโศกศัลย์กันแสงจงแจ้งการ พ่อไม่ผ่านโภไคยจะให้ปัน
ฉันใช่หน่อวรนาถชาติกษัตริย์ ผ่านสมบัติเขาจะชวนกันสรวลสันต์
ที่สมรักศักดิ์กษัตริย์หัสกัน เหมือนพงศ์พันธุ์ผ่านสมบัติขัตติยา
ข้างฝ่ายพ่อก็เป็นพระอุปราช บำรุงราชนิเวศน์กับเชษฐา
แม้นไม่ตามความฉันจำนรรจา ก็จะลาเลยไปอยู่ในดง ฯ
๏ หน่อนรินทร์ยินดีชุลีหัตถ์ ไม่ข้องขัดควรความตามประสงค์
แล้วปรึกษาข้าบาทญาติวงศ์ ต่างก็ปลงใจพร้อมยอมยินดี
เชิญกษัตริย์หัสกันถวัลย์ราชย์ เป็นสิทธิ์ขาดราชการผ่านกรุงศรี
พระเวชายันนั้นเป็นหน่อเจ้าธรณี ให้เป็นที่อุปราชราชวัง
วันชายานารีศรีสวัสดิ์ อยู่กับหัสกันพี่เป็นที่หวัง
ช่วยตรวจตราว่ากล่าวข้างชาววัง ร่วมบัลลังก์ดังหนึ่งน้องร่วมท้องกัน
ฝ่ายท่านครูกับพระอุปราช ร่วมปราสาทราชวังนรังสรรค์
ไม่มีเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล รักสุบันเยสนิทเหมือนบิดร
ฝรั่งใหญ่ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ เกรงพระบาทบุญฤทธิ์อดิศร
ทั้งเมืองน้อยร้อยเอ็ดเขตนคร เจริญพรผาสุกทุกตำบล
มีข้าวเหลือเกลือถูกทั้งลูกไม้ ที่ทำไร่ไถนาได้ฟ้าฝน
พฤฒามาตย์ราษฎรไม่ร้อนรน ก็เพราะผลเมตตาเจ้าธานี ฯ
๏ ในเรื่องราวกล่าวพระหัสกันนั้น อยู่ด้วยกันวันชายามารศรี
แสนสำราญนานมาได้กว่าปี กุมารีสีสันดั่งจันทรา
พระเต้าตั้งดั่งปทุมพึ่งตูมเต่ง อยู่ครัดเคร่งเต่งตั้งพระมังสา
เนตรขนงวงพักตร์ลักขณา ดั่งเลขาขาวผ่องละอองนวล
เมื่อยังเยาว์เข้าที่ศรีไสยาสน์ เคยพิงพาดพี่น้องประคองสงวน
ครั้นโฉมตรูรู้ความจะลามลวน ก็ไม่ควรขืนใจกระไรเลย
บรรทมเคียงเที่ยงคืนระรื่นรส ดอกไม้สดสุมาลัยใกล้เขนย
นางนอนแอบแนบข้างเหมือนอย่างเคย จนเคลิ้มเลยหลับสนิทอยู่ชิดองค์ ฯ
๏ หน่อกษัตริย์หัสกันให้ปั่นป่วน เสน่ห์นวลนิ่งพินิจพิศวง
แสงชวาลาสว่างกระจ่างทรง ฉวีวงพักตร์เหมือนดั่งเดือนเพ็ง
พึ่งรุ่นแรกแตกเนื้อเหลือแฉล้ม เมื่อยิ้มแย้มแก้มอย่างมะปรางเปล่ง
ค่อยเลิกสไบไม่ให้ตึงตะลึงเล็ง แลอุระช่ะช่างเต่งดูเคร่งครัด
พลางเอนแอบแนบน้องจ้องจะจับ เห็นนางขยับกลับขยดหดพระหัตถ์
หยิบพัดจันทน์นั้นมาถือกระพือพัด ยิ่งกลุ้มกลัดอัดอั้นคันคันมือ
สิบสี่ปีนี้ก็สมอารมณ์รัก เหลือประดักประเดิดเถิดเถิดหรือ
ฉวยร้องวุ่นขุ่นเคืองจะเลื่องลือ เสียดายชื่อรื้อยั้งหยุดรั้งรอ
แต่ความรักชักชวนให้ป่วนปั่น เหมือนช้างมันตกเหื่อที่เหลือขอ
จะลักหลับจับต้องประคองคลอ แต่รอรอริมริมเชยชิมชม
พอครือปรางนางตื่นไม่ขืนขัด ปรนนิบัติเบียดชิดสนิทสนม
เห็นผ่อนตามยามดึกนึกนิยม ยิ่งคิดข่มใจฝืนยิ่งขืนคิด
เฝ้าสูดสูบจูบซ้ำกลืนกล้ำกลิ่น มิรู้สิ้นซากหอมสนอมสนิท
ตระกองเกี่ยวเกลียวกลมเชยชมชิด จนเต้าติดอกอุ่นละมุนทรวง
พลิกขยับกลับหยุดเห็นนุชนิ่ง พระนึกกริ่งเกรงจิตตะขิดตะขวง
ไม่เหมือนหมายอายฝรั่งสิ้นทั้งปวง คิดเหงาง่วงงีบหลับระงับไป ฯ
๏ อันเรื่องราวกล่าวกษัตริย์หัสกัน กับสุบันเยครูอยู่อาศัย
ช่วยกุมารผ่านพาราสุลาลัย แต่งเรือใช้ไปฟังข่าวชาวลังกา ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ