- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
๏ จะกล่าวต่อหน่อกษัตริย์หัสกัน | กับสุบันเยครูอยู่เป็นสอง |
ทำหมอยาผ่าฝีมีเงินทอง | ชาวบ้านช่องชมชื่อเลื่องลือดี |
แต่งตัวเป็นเช่นลังกามาแต่แรก | ไม่เหมือนแขกแปลกเขาชาวกรุงศรี |
ถึงเดือนห้าฝ่ายมุลาเจ้าธานี | เธอเป็นฝีที่ในท้องตกหนองใน |
พวกข้าเฝ้าป่าวร้องเสียงซ้องแซ่ | ผู้ใดรู้ดูแผลช่วยแก้ไข |
ให้หายโรคโศกเศร้าที่ท้าวไท | จะตั้งให้เป็นขุนนางให้รางวัล |
พอมีผู้รู้ส่อว่าหมอฝรั่ง | รู้ดูทั้งรู้ผ่าหยูกยาขยัน |
นำข้าเฝ้าเข้าไปหาพูดจากัน | พาสุบันเยไปเข้าในวัง ฯ |
๏ ฝ่ายกุดั่นดาราบุตราท้าว | พึ่งรุ่นราวรับพ่อหมอฝาหรั่ง |
นำเข้าไปใกล้สุวรรณที่บัลลังก์ | อยู่พร้อมพรั่งทั้งสนมกรมใน |
ให้หมอดูภูวนาถคาดให้แน่ | จะผันแปรแก้พิษคิดไฉน |
ฝรั่งดูรู้ตำราจึงว่าไป | ฝีขึ้นในไตตับถึงอับจน |
ไส้ทะลุพุพองน้ำหนองแตก | เกิดกาฬแทรกซ่านเซ็นทุกเส้นขน |
เป็นเช่นนี้มิรอดแต่สักคน | เห็นไม่พ้นมรณาในห้าวัน ฯ |
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าเมืองคิดเคืองหมอ | เร่งผูกคอออกไปอ้ายสมัน |
ใส่คุกไว้ไม่เหมือนว่าจะฆ่าฟัน | ตัดหัวมันเสียบซ้ำให้หนำใจ |
โอรสรับจับหมอผูกคอลาก | ลงไปจากชานพักถีบผลักไส |
อ้ายสมันนั้นตำรวจเร็วรวดไป | ส่งตัวให้กรมเมืองบอกเรื่องความ |
ทำมะรงลงเหล็กลากขึ้นคุก | จำประทุกคาโตใส่โซ่ล่าม |
เรียกเงินตราด่าซ้ำคุกคำราม | ให้ขานยามตามผิดที่ติดตัว ฯ |
๏ ฝ่ายหัสกันครั้นรู้ว่าครูผิด | ต้องไปติดคุกกษัตริย์ต้องตัดหัว |
หิ้วถุงเงินเดินตามให้คร้ามกลัว | แจกให้ทั่วทำมะรงจงเมตตา |
จะขอขึ้นไปพบในพลบค่ำ | มันก็กำกับให้เข้าไปหา |
ให้ค่าลดปลดเปลื้องเครื่องขื่อคา | พอเห็นหน้าครูขับให้กลับไป |
พระมาตึกนึกถึงท่านอาจารย์นัก | เสือกซบพักตร์โศกาน้ำตาไหล |
จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าง่วงเหงาใจ | สะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา |
โอ้แสนเข็ญเห็นไม่รอดจะมอดม้วย | ใครจะช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษา |
เห็นแต่ครูคู่ชีวิตเหมือนบิดา | ลอบพามาพ้นตายไม่วายปราณ |
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปยากแค้น | ต้องขื่อคาหนาแน่นแสนสงสาร |
สะอื้นอ้อนร้อนฤทัยดังไฟกาล | เสโทซ่านซึมซบสลบไป ฯ |
๏ ฝ่ายสุบันเยเวลาสักห้าทุ่ม | เห็นผู้คุมกำกับเกือบหลับใหล |
จึ่งร่ายมนตร์ดลขลังกำบังไฟ | แล้วเป่าไปแปดทิศด้วยวิทยา |
คนทั้งปวงง่วงหงับหลับไปหมด | เสกสะกดกำบังขลังคาถา |
ปัดตลอดลอดออกนอกขื่อคา | แล้วรีบมาถึงที่ตึกดึกสามยาม |
เห็นหัสกันนั้นซบสลบหลับ | แก้ให้กลับฟื้นขึ้นได้ต่างไต่ถาม |
พระดีใจได้ออกครูบอกความ | เราถือตามสัตย์ธรรม์กรุณา |
ไม่ทำกลปล้นสะดมเอาสมบัติ | ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตริษยา |
มันจัณฑาลพานพาโลจึ่งโกรธา | จะไปฆ่าเจ้าเมืองให้เลื่องลือ |
แล้วหยุดหย่อนสอนมนตร์ดลชะงัด | ให้พระหัสกันรับด้วยนับถือ |
ได้ติดตามยามดึกด้วยฝึกปรือ | ด้วยสัตย์ซื่อสุจริตไม่ปิดบัง |
แล้วแต่งกายกรายกระบี่เหน็บตรีกริช | ออกนำหน้าสานุศิษย์ติดตามหลัง |
สะกดเงียบเซียบเสียงเข้าเวียงวัง | ต่างขึ้นยังตึกอยู่ด้วยรู้ชัด |
เห็นโอรสอดจิตคิดสมเพช | เป็นปลายเหตุเวทนารักษาสัตย์ |
ถึงเจ้าเมืองเคืองแค้นขึ้นแท่นรัตน์ | ถีบให้พลัดตกสุวรรณบัลลังก์ |
แล้วห้ำหั่นฟันฟาดฉุดฉาดฉะ | ตัดศีรษะขาดสมอารมณ์หวัง |
หิ้วหัวออกนอกเขตนิเวศน์วัง | ออกไปฝังเสียปลายท้ายกรุงไกร ฯ |
๏ แล้วข้ามทุ่งมุ่งหมายขึ้นท้ายน้ำ | จะไปสำปันหนาที่อาศัย |
พอรุ่งแจ้งแสงตะวันพากันไป | เข้าเดินไพรพฤกษาพนาวัน |
๏ ฝ่ายบุรินทร์อินทราเวลาเช้า | เห็นจอมเกล้าเจ้าพารานั้นอาสัญ |
ไม่มีหัวตัวหวะรอยฉะฟัน | ต่างบอกกันวิ่งอึงคะนึงไป |
ทั้งเสนาข้าบาทราชโอรส | โศกกำสรดโศกาน้ำตาไหล |
ฝ่ายขุนนางข้างนอกบอกข้างใน | หมอที่ใส่คุกหนีมีวิชา |
เครื่องจำจองกองอยู่ประตูปิด | ไปด้วยฤทธิ์เวทมนตร์ดลคาถา |
ฝ่ายข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์มาตยา | เชิญกุดารายาครองธานี |
แล้วฝังศพกลบหลุมประชุมพร้อม | ก่อตึกคร่อมศพเจ้าไม่เผาผี |
แล้วตีฆ้องร้องป่าวชาวบุรี | ว่าหมอผีลอบเข้ามาฆ่าเจ้านาย |
อย่าคบค้าฝรั่งรับสั่งห้าม | ช่วยกันตามตัดศีรษะไปถวาย |
พวกขุนนางทั้งแขกเที่ยวแยกย้าย | ทั้งหญิงชายชังฝรั่งทั้งพารา ฯ |
๏ ฝ่ายพระหัสกันสุบันเย | มาถึงเทวะสิงสู่ที่ภูผา |
มีศาลเจ้าเสาหินแก้วศิลา | เป็นที่ป่าสูงสงัดถิ่นสัตว์ไพร |
มีบ่อน้ำลำธารสะอ้านสะอาด | พระหน่อนาถเหนื่อยล้าเข้าอาศัย |
ขุดมันเผือกเลือกเอาเข้าเผาไฟ | เก็บลูกไม้ม่วงปรางมาวางกอง |
กินกับครูสุบันเยที่เทวฐาน | อิ่มสำราญแรงกำลังขึ้นทั้งสอง |
พระเด็ดดวงพวงผกามณฑาทอง | มาร้อยกรองถวายไหว้ไทเทวา |
เวลาค่ำสำนักนอนเนินเขา | ขอเทพเจ้าจงพิทักษ์ช่วยรักษา |
จนดึกดื่นรื่นรินกลิ่นผกา | ทั้งสองรามาเหนื่อยเรื่อยหลับไป ฯ |
๏ ฝ่ายหัสกันครั้นรุ่งสะดุ้งตื่น | เห็นเจ้ายืนอยู่ตรงหน้าร้องปราศรัย |
ว่าช่างกรองบุปผาพวงมาลัย | นับถือเราเอามาให้ขอบใจนัก |
ไปประจิมริมท่ามหารณพ | จะให้พบลาภเลิศประเสริฐศักดิ์ |
เธอบอกเล่าเท่านั้นไม่ทันซัก | เทพารักษ์รูปกายก็หายไป |
พอครูตื่นชื่นชมโสมนัส | หน่อกษัตริย์ตรัสแจ้งแถลงไข |
อาจารย์ฟังสังรเสริญเจริญใจ | ต่างกราบไหว้เทวาแล้วลาจร |
เขม้นหมายประจิมเดินริมเขา | เนินลำเนาเขาชะโงกโตรกสิงขร |
พฤกษาออกดอกช่ออรชร | หอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นโรย |
เข้าป่าสูงฝูงนกวิหคร้อง | เสียงแซ่ซ้องลิงค่างครวญครางโหย |
ระรื่นร่มลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยโชย | หอมยมโดยดอกไม้ชื่นใจจริง ฯ |
๏ หัสกันนั้นพึ่งรุ่นชมบุนนาค | นิยมอยากยิ้มแย้มเหมือนแก้มหญิง |
ผลไม้ใกล้ทางม่วงปรางปริง | ร่วงหล่นกลิ้งเกลื่อนกลาดดาษเดียร |
พอบ่ายเย็นเห็นฝูงนกยูงฟ้อน | หางปีกงอนงามกระจ่างเหมือนอย่างเขียน |
เดินดูเล่นเห็นคนวิ่งวนเวียน | ข้ามเนินเตียนตัดลงถึงคงคา |
เหมือนคำท่านศาลเจ้าบอกเล่าแน่ | เดินเลียบแลหาดทรายข้างซ้ายขวา |
เห็นพี่น้องสององค์ทรงโศกา | น้อยน้อยน่าเอ็นดูกับกุมาร |
ค่อยย่างเหยียบเลียบฝั่งไปนั่งใกล้ | แล้วปราศรัยไต่ถามตามสงสาร |
ไปไหนมาอย่ากันแสงจงแจ้งการ | อยู่ถิ่นฐานบ้านตำบลแห่งหนใด ฯ |
๏ ฝ่ายพี่น้องสองฟังฝรั่งถาม | จึงเล่าความหลังแจ้งแถลงไข |
ฉันลูกท้าวเจ้าพาราสุราลัย | ฝรั่งใหญ่ไพร่พลคณนา |
พระบิตุราชมาตุรงค์ทิวงคต | คนทั้งหมดข้าเฝ้าเขาปรึกษา |
ให้ข้านี้พี่น้องครองพารา | แต่ฝ่ายอาเขยเป็นใหญ่เขาไม่ยอม |
เอาข้าเจ้าเข้าตึกขังไว้ทั้งคู่ | อดกินอยู่ดูเถิดรูปจนซูบผอม |
พี่เลี้ยงไปไขกุญแจเถ้าแก่พร้อม | ช่วยอุ้มอ้อมแอบออกได้นอกวัง |
เอาข้าเจ้าข้าวเกลือใส่เรือน้อย | แล้วเสือกลอยลิบลับไม่กลับหลัง |
มาหลายคืนคลื่นกระแทกเรือแตกพัง | ข้าขึ้นฝั่งมากับน้องได้สองวัน |
ชันษาข้านี้สิบสี่น้อง | ได้สิบสองขวบเศษเสียเขตขัณฑ์ |
ข้านี้คือชื่อว่าเวชายัน | พระน้องนั้นชื่อวันชายากุมารี |
พระหัสกันสุบันเยว่าเทเวศร์ | ท่านบอกเหตุเห็นจะต้องกับสองศรี |
ดูผิวพักตร์ลักขณาน่าปรานี | ครูอุ้มพี่จุมพิตศิษย์อุ้มน้อง |
แล้วปลอบว่าข้าจะช่วยอยู่ด้วยข้า | เหมือนวงศาอย่ากลัวอย่ามัวหมอง |
จะแก้แค้นแทนให้ดังใจปอง | ให้ทั้งสองครองสมบัติกษัตรา ฯ |
๏ พระนบนอบตอบฝรั่งว่าครั้งนี้ | ท่านปรานีมีพระคุณอุ่นเกศา |
ฉันเหมือนบุตรสุดแต่ท่านจะกรุณา | จะเมตตาพาไปไหนจะไปตาม |
พระหัสกันสุบันเยเสน่ห์รัก | สมยศศักดิ์สุภาพไม่หยาบหยาม |
รูปก็งามนามก็เพราะเสนาะนาม | ต่างแหวกย่ามหยิบส้มขนมเนย |
น้ำตาลกรวดพลับทับทิมแช่อิ่มแห้ง | ออกจัดแจงให้พี่น้องทั้งสองเสวย |
ต่างพูดจาการุญค่อยคุ้นเคย | อิ่มแล้วเลยหลับนอนผ่อนสำราญ ฯ |
๏ ฝ่ายท่านครูผู้ใหญ่กองไฟรอบ | ช่วยกันปลอบสององค์ด้วยสงสาร |
ให้นอนกลางต่างรักษาพยาบาล | ถามกุมารพูดจาถึงธานี |
ด้วยท่านครูรู้เรื่องเมืองฝรั่ง | เล่าว่าครั้งนางวัณฬามารศรี |
ให้บอกกล่าวท้าวพระยาทุกธานี | ไปช่วยตีเมืองผลึกทำศึกกัน |
พระอภัยได้พระน้องกับสองบุตร | ฤทธิรุทรเรี่ยวแรงแข็งขยัน |
จับไทท้าวเจ้าละมานผลาญชีวัน | ทั้งสองนั้นแตกตายวายชีวา |
เธอก็ตามข้ามฝั่งฝรั่งใหญ่ | ลูกเจ้าเมืองสุลาลัยไปอาสา |
สมทบทัพกับแขกแตกกลับมา | เขาจับได้ไม่ฆ่าปล่อยมาเมือง |
เป็นไมตรีมิได้กลับมารับรบ | เล่าจนจบแจ้งความมาตามเรื่อง |
ซึ่งพี่น้องครองสมบัติต้องขัดเคือง | จะไปเปลื้องปลดปราบให้ราบเตียน |
หยิบแผนที่คลี่ดูทางต่างสังเกต | ถิ่นประเทศเขตแดนตามแผนเขียน |
ที่สงสัยไม่รู้ถามครูเรียน | ไม่ผิดเพี้ยนพอสังเกตขอบเขตคัน |
ครั้นสว่างต่างคนกินผลไม้ | แล้วเข้าไพรพฤกษาพนาสัณฑ์ |
ฝ่ายท่านครูสุบันเยอุ้มเวชายัน | พระหน่อหนุ่มอุ้มวันชายา ฯ |
๏ ไปตามทางกลางแดนตามแผนที่ | ต่างชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา |
พระกรีดเล็บเก็บดวงพวงผกา | ให้น้องยาต่างต่างตามทางเดิน |
ขึ้นเขาใหญ่ไม้สูงชมฝูงนก | หมู่วิหคหากินบ้างบินเหิน |
ดูครึ้มครื้นรื่นร่มพนมเนิน | พี่น้องน้อยพลอยเพลินจำเริญใจ |
ประนมกรวอนถามนามปักษิน | นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน |
หน่อกษัตริย์หัสกันว่ามันไป | นอนสุมทุมพุ่มไม้พระไทรทอง |
นางทูลถามนามนกวิหคพลอด | เสียงหวิวหวอดฉอดเพราะเสนาะสนอง |
พระว่านั่นมันพลอดให้กอดน้อง | แม่ไม่ต้องกอดฉันมันนินทา |
นางฝากตัวหัวร่อสอพลอพลอด | ฉันก็กอดก็รักพระหนักหนา |
ต่างชื่นชวนสรวลสันต์จำนรรจา | ตามประสาพี่น้องประคองเคียง ฯ |
๏ โน่นไก่ฟ้าหน้าขาวตัวยาวเฟื้อย | จับขันเฉื่อยเอื้อยอิเอกวิเวกเสียง |
กระตั้วไพรไก่แก้วเค้าแมวเมียง | โนรีเรียงนกแก้วแจ้วเจรจา |
ตะกรุมไต่ไม้อุโลกชะโงกชะแง้ | พระว่าแน่แม่วันชายาจ๋า |
นกหัวโล้นโหนไม้มันไต่มา | นางผวาหวีดกลัวแล้วหัวเราะ |
พระพี่จ๋าอย่าเข้าไปใกล้เลยนะ | กลัวมันจะโจนมาจิกตาเจาะ |
พระเชยปรางนางแนบแอบออเซาะ | ช่างฉอเลาะเพราะประสงค์ว่าวงศ์วาน |
เห็นม่าเหมี่ยวเที่ยวเดินบนเนินสูง | เป็นฝูงฝูงจูงเด็กลูกเล็กหลาน |
อรหันผันโผนโจนทะยาน | เห็นคนคลานหลบหลีกปีกกระพือ |
พระพี่น้องสองชมพนมพนัส | กระเพิดกระพัดสกุณินบินหนีปรื๋อ |
ต่างร้องบอกดอกไม้อยู่ใกล้มือ | บ้างเด็ดถือทัดหูเชิดชูชม ฯ |
๏ พระหัสกันสุบันเยเสน่หา | เหมือนวงศาสุจริตสนิทสนม |
สิบห้าวันดั้นเดินเนินพนม | ถึงนิคมเขตพาราสุลาลัย |
พบฝรั่งนั่งโป่งในดงกว้าง | มันเถือกวางข้างธารละหานไหล |
วางพี่น้องสององค์เดินตรงไป | ทำปราศรัยไต่ถามดูตามแคลง |
เราเดินดงหลงทางมากลางเถื่อน | ถึงสามเดือนเถื่อนถิ่นนึกกินแหนง |
ท่านเอ็นดูรู้วิถีช่วยชี้แจง | นี่ตำแหน่งนคเรศประเทศใด ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งนั่งดูเป็นครู่พัก | ที่รู้จักทักถามตามสงสัย |
นั่นหน่อท้าวเจ้าพาราสุลาลัย | สองทรามวัยเวชายันวันชายา |
สุบันเยเพทุบายว่าฝ่ายท่าน | เป็นพวกพาลบ้านไร่ไพรพฤกษา |
รู้จักหน่อวรนาถราชธิดา | หรือเดาว่าตานายจะคลายแคลง ฯ |
๏ ฝ่ายเสนาว่าเราชื่อเนาวเสน | เป็นหัศเกนเวนทหารชาญกำแหง |
เมื่อแผ่นดินสิ้นกษัตริย์คิดจัดแจง | อายาแมงแย่งสมบัติของนัดดา |
จึ่งเกิดวุ่นขุนนางต่างต้องถอด | บ้างเล็ดลอดหลีกหลบไม่คบหา |
ฝ่ายตัวเราบ่าวไพร่จึงได้มา | อยู่บ้านป่าหากินตามถิ่นไพร |
สุบันเยเสสรวลว่าควรอยู่ | ท่านจึงรู้จักแจ้งแถลงไข |
เดี๋ยวนี้เล่าเราจะพาสองราไป | อยู่เวียงชัยให้สำราญผ่านพารา |
เนาวเสนเห็นแจ้งแถลงเล่า | อุ้มลูกเจ้าไอศูรย์ทูนเกศา |
ทั้งพวกพ้องร้องไห้ฟายน้ำตา | ต่างพูดจาปราศรัยซักไซ้ความ |
เธอฝรั่งลังกาภาษาแปร่ง | เรารู้แจ้งแคลงใจขอไต่ถาม |
จะคิดอ่านการณรงค์ทำสงคราม | หรือจะปรามปราบพาลประการใด ฯ |
๏ ฝ่ายท่านครูสะบันเยว่าเทเวศร์ | ประสิทธิ์เดชดังพระกาฬผลาญวิสัย |
เมื่อถึงจึงเราจะเข้าไป | ตัดหัวไอ้อาเขยไม่เลยละ |
ถึงคนอื่นหมื่นแสนแม้นจะสู้ | เราเป็นครูผู้สำเร็จเด็ดศีรษะ |
ให้สิ้นโคตรโทษที่ทำจะชำระ | ให้สองพระกุมารผ่านพารา |
เนาวเสนเห็นเป็นครูผู้วิเศษ | จึงบอกเหตุทางเดินขึ้นเนินผา |
สามวันจึงถึงกรุงข้ามทุ่งนา | เราจะพาพวกไปด้วยช่วยเจ้านาย |
อันขุนนางข้างในจำใจอยู่ | โกรธศัตรูหมู่ขบถลดกฎหมาย |
แม้นหน่อไทได้เมืองไม่เคืองระคาย | คนทั้งหลายชายหญิงคงยิงยอม |
แล้วให้ไปชุมนุมที่ซุ่มซ่อน | พอพักผ่อนนอนหลับทับกระท่อม |
จัดข้าวปลาอาหารคาวหวานพร้อม | มาแวดล้อมเลี้ยงครูกับกูมาร |
แล้วพาตัวไปในป่าเที่ยวหาบ่าว | บอกกล่าวข่าวเจ้านายฝ่ายทหาร |
ทั้งขุนนางต่างเข้ามาพยาบาล | ช่วยกุมารมากมายได้หลายร้อย |
บรรดามาสามิภักดิ์สะพรักพร้อม | ประณตน้อมยอมใจให้ใช้สอย |
รับสั่งความตามธรรมเนียมมาเตรียมคอย | พระหน่อน้อยค่อยสำราญอยู่บ้านไพร |
ทั้งช้างม้าข้าเฝ้าเขาถวาย | ค่อยมากมายพรายแพร่งแถลงไข |
ปลูกประทับพลับพลาพนาลัย | เสนาในให้เข้าเฝ้าเหมือนเจ้านาย |
พระหัสกันท่านครูผู้รับสั่ง | จัดตำแหน่งแต่งตั้งคนทั้งหลาย |
แล้วท่านครูสุบันเยเพทุบาย | แต่งตัวนายล่วงหน้าไปธานี |
ลอบบอกกล่าวชาวเมืองมาเนืองแน่น | ตั้งแห่แหนพระพี่น้องทั้งสองศรี |
มาประทับพลับพลาพนาลี | ไปตั้งที่ท้องทุ่งท้ายกรุงไกร ฯ |
๏ ฝ่ายอายาอาเขยเสวยราชย์ | คิดประมาทมิได้แคลงแหนงไฉน |
เมื่อสองกุมารหลานหนีก็ดีใจ | หมายว่าไปไม่รอดคงมอดม้วย |
มีห้ามแหนแสนสุรางค์เหมือนอย่างหุ่น | ละม่อมละมุนรุ่นราวสาวสาวสวย |
พิศวงหลงละเลิงรื่นเริงรวย | ภาษีส่วยสมพัตสรอากรกำนัล |
พวกสำเภาเหล่าลังกามาค้าขาย | ของถวายหลายประเทศทุกเขตขัณฑ์ |
เกษมสุขทุกเวลาทิวาวัน | ทั้งเมลิกันภรรยาอากุมาร ฯ |
๏ พอเสนาฝรั่งที่ตั้งแต่ง | มาทูลแจ้งข่าวศึกว่าฮึกหาญ |
เวชายันวันชายาได้อาจารย์ | เป็นคนพาลพวกฝรั่งเกาะลังกา |
ขุนนางหนีที่ออกนอกตำแหน่ง | กลับตั้งแต่งต้อนไพร่ได้นักหนา |
ชาวบุรีหนีไปเข้าจนเบาตา | จะยกมารบพุ่งเอากรุงไกร ฯ |
๏ อายาแมงแจ้งเรื่องแค้นเคืองว่า | ญาติกาอ้ายคนนี้อยู่ที่ไหน |
จับตัวมาฆ่าฟันให้บรรลัย | จะเป็นไส้ศึกอยู่ในบูรี |
ชาวบ้านนอกคอกนาประชาราษฎร์ | เร่งต้อนกวาดเข้ามาไว้อย่าให้หนี |
เกณฑ์ทัพใหญ่ให้ทันสามวันนี้ | จะไปตีพวกฝรั่งเมืองลังกา |
ขุนนางใหม่ไปทั่วทุกรั้วแขวง | สืบแสวงพวกที่หนีไปหา |
ฆ่าลูกเมียเสียทั้งญาติตามอาชญา | ต้อนบ้านนอกคอกนาเข้าธานี |
ขุนนางเก่าเหล่าที่ไปเป็นใจนั้น | คิดหวาดหวั่นพรั่นตัวยกครัวหนี |
ขุนนางใหม่ได้ความยกตามตี | เกิดกุลีที่ในกรุงรบพุ่งกัน ฯ |
๏ พวกชายหญิงวิ่งร้องเสียงก้องกึก | เสียงยิงปืนครื้นครึกพิลึกลั่น |
บ้างหลีกหลบรบราฆ่าฟันกัน | ถึงสามวันสามคืนเสียงครื้นครึก |
ฝ่ายหัสกันนั้นกับครูได้รู้เรื่อง | ว่าในเมืองอลหม่านเกิดการศึก |
รีบยกทัพขับทหารสะท้านสะทึก | เสียงคึกคึกข้ามทุ่งถึงกรุงไกร |
ขุนนางเก่าเขารู้เปิดประตูรับ | โยธาทัพโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว |
พวกหน้าที่หนีหายแยกย้ายไป | ขุนนางใหม่หนีออกนอกกำแพง |
บ้างไปทางข้างใต้ไปข้างเหนือ | บ้างลงเรือลดเลี้ยวไปเที่ยวแฝง |
นางสาวสาวชาววังนั่งจัดแจง | เก็บเครื่องแต่งแป้งขมิ้นใส่ปิ่นโต |
ทั้งถุงไถ้ใส่ข้าวเม่าแลข้าวตาก | เมื่ออดอยากยากแค้นจะแขวนโถ |
บ้างตีอกตกใจร้องไห้โฮ | เสียงเขาโห่หกล้มไม่สมประดี |
อายาแมงแฝงตัวกลัวสง่า | จูงเมลิกันภรรยาพากันหนี |
เที่ยวแลหาข้าไทก็ไม่มี | ออกประตูบูรีตะลีตะลาน |
พอรุ่งแจ้งแสงตะวันสุบันเย | สมคะเนไม่พักโหมหักหาญ |
เข้าพาราพาพี่น้องสองกุมาร | ขึ้นปราสาทราชฐานสำราญใจ ฯ |
๏ พี่เลี้ยงเหล่าชาวแม่เสียงแซ่ซ้อง | มาเฝ้าสองหน่อกษัตริย์ตรัสปราศรัย |
แล้วเล่าความตามยากลำบากไป | จนถึงได้กลับมายังธานี |
ฝ่ายท้าวนางข้างในผู้ใหญ่น้อย | อวยพรพลอยสรรเสริญจำเริญศรี |
ฝ่ายเสนาพฤฒามาตย์ราชกวี | มาภักดีปรีดาพร้อมหน้ากัน ฯ |
๏ ฝ่ายท่านครูผู้ปราบเรียบราบเสร็จ | จึงเสด็จออกที่นั่งนรังสรรค์ |
ขุนนางเข้าเฝ้าแหนอยู่แน่นนันต์ | พร้อมเผ่าพันธุ์พงศาข้างหน้าข้างใน |
สุบันเยจึงว่าเสนาทั้งหลาย | รักเจ้านายภักดีจะมีไหน |
จะภิเษกเอกฉัตรกำจัดภัย | ตามวิสัยสุริย์วงศ์ดำรงวัง ฯ |
๏ ฝ่ายอำมาตย์มาตยาเสนาพร้อม | คำนับน้อมยอมจิตเหมือนคิดหวัง |
พระเวชายันนั้นลงมาหน้าบัลลังก์ | ก้มกราบทั้งครูพระหัสกัน |
แล้ววอนว่าข้านี้ถึงที่ม้วย | ท่านโปรดด้วยช่วยเมตตาไม่อาสัญ |
อายุอ่อนหย่อนปัญญาสารพัน | ขอเชิญท่านทั้งสองครองพารา |
อันข้านี้พี่น้องขอรองบาท | เป็นที่ราชโอรสมียศถา |
ขอสนองสองพระคุณกรุณา | ได้อุ้มพามาสนิทเหมือนบิดร |
พวกข้าเฝ้าเหล่าฝรั่งจงตั้งจิต | พึ่งพระคุณบุญฤทธิ์อดิศร |
ทรงสัตยธรรม์กรุณาสถาวร | จะวายร้อนทั่วจังหวัดปัถพี ฯ |
๏ ฝ่ายสุบันเยฟังสังรเสริญ | พลางเจริญพระพี่น้องทั้งสองศรี |
กตัญญูรู้จักด้วยภักดี | ควรเป็นที่ท้าวพระยาปรีชาชาญ |
แต่เรานี้วิสัยมิได้รัก | ซึ่งยศศักดิ์สมบัติพัสถาน |
สันโดษเดี่ยวเที่ยวตามความสำราญ | แต่พบพานสัตว์บาปต้องปราบปราม |
จะคิดอยู่บูรีหามิได้ | ช่วยแผ้วภัยให้พอเตียนที่เสี้ยนหนาม |
ให้คนดีมีเมตตาสง่างาม | จะไปตามความสบายเหมือนหมายใจ |
พ่อรับที่ภิเษกเอกฉัตร | สืบกษัตริย์ทรงธรรมตามวิสัย |
ให้สมหวังดั่งหนึ่งจิตฉันคิดไว้ | ดีกว่าให้ไอศูรย์ไม่ปูนปอง ฯ |
๏ กุมาราว่าพระคุณการุญรัก | ฉันคิดจักแทนคุณการุญสนอง |
ไม่โปรดรับกลับมอบให้ครอบครอง | เหมือนเพลิงกองก่อสุมรุมอุรา |
จะครองวังทั้งหลายพวกชายหญิง | ไม่เห็นจริงจะระแวงว่าแกล้งว่า |
ให้แล้วกลับรับสมบัติเสียสัจจา | จะขอฆ่าตัวให้บรรลัยลาญ |
แล้วโศกาว่าอ้อนวอนทั้งสอง | ครูประคองอุ้มองค์ด้วยสงสาร |
อย่าโศกศัลย์กันแสงจงแจ้งการ | พ่อไม่ผ่านโภไคยจะให้ปัน |
ฉันใช่หน่อวรนาถชาติกษัตริย์ | ผ่านสมบัติเขาจะชวนกันสรวลสันต์ |
ที่สมรักศักดิ์กษัตริย์หัสกัน | เหมือนพงศ์พันธุ์ผ่านสมบัติขัตติยา |
ข้างฝ่ายพ่อก็เป็นพระอุปราช | บำรุงราชนิเวศน์กับเชษฐา |
แม้นไม่ตามความฉันจำนรรจา | ก็จะลาเลยไปอยู่ในดง ฯ |
๏ หน่อนรินทร์ยินดีชุลีหัตถ์ | ไม่ข้องขัดควรความตามประสงค์ |
แล้วปรึกษาข้าบาทญาติวงศ์ | ต่างก็ปลงใจพร้อมยอมยินดี |
เชิญกษัตริย์หัสกันถวัลย์ราชย์ | เป็นสิทธิ์ขาดราชการผ่านกรุงศรี |
พระเวชายันนั้นเป็นหน่อเจ้าธรณี | ให้เป็นที่อุปราชราชวัง |
วันชายานารีศรีสวัสดิ์ | อยู่กับหัสกันพี่เป็นที่หวัง |
ช่วยตรวจตราว่ากล่าวข้างชาววัง | ร่วมบัลลังก์ดังหนึ่งน้องร่วมท้องกัน |
ฝ่ายท่านครูกับพระอุปราช | ร่วมปราสาทราชวังนรังสรรค์ |
ไม่มีเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล | รักสุบันเยสนิทเหมือนบิดร |
ฝรั่งใหญ่ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ | เกรงพระบาทบุญฤทธิ์อดิศร |
ทั้งเมืองน้อยร้อยเอ็ดเขตนคร | เจริญพรผาสุกทุกตำบล |
มีข้าวเหลือเกลือถูกทั้งลูกไม้ | ที่ทำไร่ไถนาได้ฟ้าฝน |
พฤฒามาตย์ราษฎรไม่ร้อนรน | ก็เพราะผลเมตตาเจ้าธานี ฯ |
๏ ในเรื่องราวกล่าวพระหัสกันนั้น | อยู่ด้วยกันวันชายามารศรี |
แสนสำราญนานมาได้กว่าปี | กุมารีสีสันดั่งจันทรา |
พระเต้าตั้งดั่งปทุมพึ่งตูมเต่ง | อยู่ครัดเคร่งเต่งตั้งพระมังสา |
เนตรขนงวงพักตร์ลักขณา | ดั่งเลขาขาวผ่องละอองนวล |
เมื่อยังเยาว์เข้าที่ศรีไสยาสน์ | เคยพิงพาดพี่น้องประคองสงวน |
ครั้นโฉมตรูรู้ความจะลามลวน | ก็ไม่ควรขืนใจกระไรเลย |
บรรทมเคียงเที่ยงคืนระรื่นรส | ดอกไม้สดสุมาลัยใกล้เขนย |
นางนอนแอบแนบข้างเหมือนอย่างเคย | จนเคลิ้มเลยหลับสนิทอยู่ชิดองค์ ฯ |
๏ หน่อกษัตริย์หัสกันให้ปั่นป่วน | เสน่ห์นวลนิ่งพินิจพิศวง |
แสงชวาลาสว่างกระจ่างทรง | ฉวีวงพักตร์เหมือนดั่งเดือนเพ็ง |
พึ่งรุ่นแรกแตกเนื้อเหลือแฉล้ม | เมื่อยิ้มแย้มแก้มอย่างมะปรางเปล่ง |
ค่อยเลิกสไบไม่ให้ตึงตะลึงเล็ง | แลอุระช่ะช่างเต่งดูเคร่งครัด |
พลางเอนแอบแนบน้องจ้องจะจับ | เห็นนางขยับกลับขยดหดพระหัตถ์ |
หยิบพัดจันทน์นั้นมาถือกระพือพัด | ยิ่งกลุ้มกลัดอัดอั้นคันคันมือ |
สิบสี่ปีนี้ก็สมอารมณ์รัก | เหลือประดักประเดิดเถิดเถิดหรือ |
ฉวยร้องวุ่นขุ่นเคืองจะเลื่องลือ | เสียดายชื่อรื้อยั้งหยุดรั้งรอ |
แต่ความรักชักชวนให้ป่วนปั่น | เหมือนช้างมันตกเหื่อที่เหลือขอ |
จะลักหลับจับต้องประคองคลอ | แต่รอรอริมริมเชยชิมชม |
พอครือปรางนางตื่นไม่ขืนขัด | ปรนนิบัติเบียดชิดสนิทสนม |
เห็นผ่อนตามยามดึกนึกนิยม | ยิ่งคิดข่มใจฝืนยิ่งขืนคิด |
เฝ้าสูดสูบจูบซ้ำกลืนกล้ำกลิ่น | มิรู้สิ้นซากหอมสนอมสนิท |
ตระกองเกี่ยวเกลียวกลมเชยชมชิด | จนเต้าติดอกอุ่นละมุนทรวง |
พลิกขยับกลับหยุดเห็นนุชนิ่ง | พระนึกกริ่งเกรงจิตตะขิดตะขวง |
ไม่เหมือนหมายอายฝรั่งสิ้นทั้งปวง | คิดเหงาง่วงงีบหลับระงับไป ฯ |
๏ อันเรื่องราวกล่าวกษัตริย์หัสกัน | กับสุบันเยครูอยู่อาศัย |
ช่วยกุมารผ่านพาราสุลาลัย | แต่งเรือใช้ไปฟังข่าวชาวลังกา ฯ |