- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
๏ อันบทเบื้องเรื่องนี้ของดไว้ | จะกล่าวในอนุสนธิ์ยุบลสนอง |
ถึงกษัตริย์ขัตติย์วงศ์จำนงปอง | ได้ครอบครองเหมราเจ้าธานี |
ทรงพระนามตามนุสนธิ์กัมพลรัตน์ | เสวยสวัสดิ์เมืองเอกภิเษกศรี |
ในประเทศเขตแคว้นแดนบุรี | ทั้งยาวรีใหญ่โตมโหฬาร |
กำแพงทำด้วยศิลาหนาสนัด | รอบจังหวัดนคเรศเขตสถาน |
สะพรั่งพร้อมโหราพฤฒาจารย์ | มีทหารสิบหมื่นพื้นฉกรรจ์ |
บ้านเศรษฐีมีทรัพย์นับด้วยโกฏิ | เกิดประโยชน์มั่งมีดีขยัน |
แต่เมืองขึ้นกษัตราก็กว่าพัน | เรือกำปั่นทุกประเทศเขตนคร |
บ้างไปมาค้าขายมิได้ขาด | ประชาราษฎร์สุโขสโมสร |
ก็อิ่มเอมเปรมปราสถาพร | ทั่วนครไพบูลย์จำรูญเรือง |
มีนงลักษณ์อัคเรศมเหสี | ชื่อบุปผามาลีฉวีเหลือง |
ดั่งดวงจันทร์เพ็ญบูรณ์จำรูญเรือง | เป็นศรีเมืองเหมราในธานินทร์ |
มีสนมกรมในวิไลลักษณ์ | ประไพพักตร์พริ้มเพริศดูเฉิดฉิน |
ทั้งเอวองค์ทรงศอลอออินทร์ | เหมือนกินรินเยื้องย่างสำอางตา |
ดั่งดาวล้อมศศิธรจรกระจ่าง | ส่องสว่างอำพนบนเวหา |
เฉลิมยศไทท้าวเจ้าพารา | ดั่งพระยาจักรพรรดิสวัสดี |
พระอิ่มเอมเปรมปราเป็นผาสุก | นิราศทุกข์อิศโรดั่งโกสีย์ |
มีเอกองค์นงนุชพระบุตรี | นวลฉวีเปล่งปลั่งดั่งสุวรรณ |
ทรงพระนามเยาวเรศเกศพัฒน์ | พึ่งกำดัดรุ่นราวสาวสวรรค์ |
ประไพพริ้มนิ่มเนื้อเหมือนเจือจันทน์ | ฉวีวรรณหอมหวนรัญจวนใจ |
พระบิตุรงค์องค์ชนนีนาฏ | แสนสวาทดั่งชีวิตพิสมัย |
จัดพี่เลี้ยงลูกมหาเสนาใน | ล้วนวิไลสี่นางสำอางองค์ |
เฉลิมยศพระบุตรีเป็นที่รัก | ถนอมศักดิ์ในสกูลประยูรหงส์ |
ชื่ออำพันอำไพวิไลทรง | อีกสองอนงค์ชื่อมณฑาสารภี |
ประคองเคียงเป็นพี่เลี้ยงสุดาขนิษฐ์ | เป็นที่ชิดสารพัดช่วยขัดสี |
ให้เรียกคุณพระพี่เลี้ยงเคียงบุตรี | อยู่ปรางค์ศรีคล้ายเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน |
อันองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นพิภพ | ขจรจบทุกประเทศเขตสถาน |
ก็เลื่องลือชื่อเสียงมานมนาน | ทุกถิ่นฐานเกรงเดชทุกเขตคัน |
พวกพานิชไปมาเที่ยวค้าขาย | แสนสบายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
พวกเศรษฐีรับขึ้นไว้ขายทุกวัน | หมดด้วยกันตึกห้างเขาตั้งราย |
คอยรับของลูกค้าแลวาณิช | สำราญจิตหมดทุกบ้านตั้งร้านขาย |
ปราศจากคนพาลสำราญกาย | ไม่วุ่นวายมั่งคั่งทั้งนคร |
ข่าวระบือลือพระนุชบุตรท่านท้าว | ว่างามราวกะอนงค์องค์อัปสร |
ทุกประเทศเขตแคว้นแดนนคร | มาง้องอนขออนงค์องค์ธิดา |
ท้าวเธอไม่ให้ปันด้วยกันหมด | ไม่สมยศสมชาติวาสนา |
แต่มาง้อขออนงค์องค์ธิดา | ท้าวเธอว่ามิใช่เนื้อเชื้อตระกูล |
ไม่ประสงค์จงใจไว้เป็นเขย | อย่าพูดเลยเร่งไปจากไอศูรย์ |
ไม่คบค้าพวกระยำต่ำตระกูล | จะเสื่อมสูญศักดิ์ไปไม่นิยม |
ทุกพาราก็ไม่รอมาขอสู่ | ท้าวเธอขู่เสียออกยับทั้งทับถม |
ทุกบ้านเมืองเคืองขัดอัดอารมณ์ | ต้องเกรียมกรมฟังแต่ชื่อลือขจร |
แม้นจะคิดรบรับเป็นทัพศึก | ก็เห็นลึกจะได้ชมสมสมร |
ถึงจะไปราวีตีนคร | เข้าราญรอนอย่างไรเขาไม่กลัว |
พวกกษัตริย์เหล่านั้นให้อั้นอ้น | เป็นความจนเสียทั้งนั้นต้องสั่นหัว |
คิดขยั้นครั่นคร้ามให้ขามกลัว | รู้กันทั่วทุกพาราระอามือ |
ถึงจะแต่งคนผู้ไปสู่ขอ | จะล่วงล่อท่าไรเขาไม่ถือ |
ความก็รู้กันทั่วกลัวฝีมือ | ถึงจะดื้อด้านไปเขาไม่ยอม |
ทุกประเทศเขตพาราระอายศ | ทั่วกันหมดตรอมใจแทบไผ่ผอม |
เหมือนกบเฝ้าชายกระแสจนแก่งอม | ต้องอดออมเหมือนมดแดงแฝงอัมพวา ฯ |
๏ จะขอกล่าวราวความไปตามเรื่อง | ถึงข่าวเมืองฝ่ายสยามตามภาษา |
นัครังจังหวัดกรุงรัตนา | ด้วยพาราเริศร้างค้างมานาน |
ไม่มีผู้บำรุงกรุงกษัตริย์ | จักรพรรดิอิศรามหาศาล |
ขุนเสนีปรีชาว่าราชการ | แทนพระผ่านภพไกรในบุรินทร์ |
ก็เหลือที่จะรักษาอาณาเขต | ถิ่นประเทศนัครังดั่งถวิล |
จึงปรึกษากันกับเหล่าชาวบุรินทร์ | จะไปถิ่นรมจักรนัครา |
ต่างยินยอมพร้อมกันรีบผันผาย | ทั้งไพร่นายเดินในไพรพฤกษา |
สิบห้าวันบรรลุถึงพารา | ขุนเสนาข้าเฝ้าเข้าในวัง ฯ |
๏ ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ | ออกแท่นรัตน์โดยในพระทัยหวัง |
พร้อมเสนาข้าเฝ้าเข้าในวัง | หมอบสะพรั่งดาษดาหน้าพระลาน ฯ |
๏ ฝ่ายเสนีรัตนาเข้ามาเฝ้า | ต่างก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงสาร |
ขอพระองค์ทรงศักดิ์จักรพาล | อันถิ่นฐานธานีไม่มีใคร |
จะปกครองไพร่ฟ้าอาณาเขต | ผ่านนิเวศน์ปราบยุคให้สุกใส |
พอปกเกล้าเหล่าประชาเสนาใน | ให้เย็นใจราษฎรไม่ร้อนรน ฯ |
๏ ป่างพระองค์ทรงโลกเฉลิมภพ | ได้ฟังจบเขาแสดงแจ้งนุสนธิ์ |
โองการตรัสข้อความตามยุบล | เราก็จนใจนักหนาเสนานาย |
จำจะต้องไปทูลมูลเหตุ | ให้ทรงเดชโปรดเกล้าเราทั้งหลาย |
อย่าว้าวุ่นไปเลยเจ้าทั้งบ่าวนาย | มาผันผายไปกับข้าอย่าปรารมภ์ ฯ |
๏ ฝ่ายพระปิ่นนคเรศเกศกษัตริย์ | สั่งให้จัดเลี้ยงขุนนางอย่างประถม |
แล้วประทานรางวัลอันอุดม | ทุกหมู่กรมแต่บรรดามาด้วยกัน |
แล้วพระองค์ทรงสั่งกรมท่า | จัดเภตราทั้งพหลพลขันธ์ |
เราจะไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ในเจ็ดวันจะข้ามฝั่งไปลังกา |
ขุนเสนีอภิวาทมาบาดหมาย | พลนิกายวังเวรเกณฑ์อาสา |
พวกต้นหนคนชำนาญการเภตรา | ลงนาวาลำทรงเรือหงส์บิน |
ที่นั่งรองเหราเรือม้าน้ำ | เป็นสองลำโดยพระองค์ประสงค์ถวิล |
ทั้งเรือนำตามท้าวเจ้าบุรินทร์ | จัดให้สิ้นร้อยลำประจำการ |
เปลี่ยนเชือกเสาเพลาใบสายสมอ | ทั้งกว้านช่อเครื่องเสบียงเลี้ยงทหาร |
พระสั่งเสร็จเสด็จขึ้นมิทันนาน | เข้าสถานปรางค์ปราสถาวร |
ไปเฝ้าท้าวทศวงศ์ดำรงราชย์ | บวรนาถบพิตรอดิศร |
แล้วทูลความตามเรื่องราษฎร | มาวิงวอนขอกษัตริย์ขัตติยา ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังว่าจังหวัด | ไม่มีกษัตริย์ครองวังเป็นฝั่งฝา |
ฉวยเกิดศึกฮึกโหมโจมเข้ามา | อันพาราก็จะป่นไม่ทนทาน |
ควรอยู่แล้วจะไปทูลพระนักสิทธ์ | เธอช่วยคิดฝังปลูกให้ลูกหลาน |
ชอบของเขาเราต้องไปจึ่งได้การ | แม้นเนิ่นนานหน่วงไว้ภัยจะมี ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | ทูลลาบาทบงกชบทศรี |
ท้าวอวยชัยให้พิพัฒน์สวัสดี | ขออย่ามีทุกข์ภัยในคงคา |
พระชนนีว่าพ่อไปในสิงหล | เอาผู้คนสาวใช้ไปด้วยหนา |
จะได้แต่งเอมโอชโภชนา | ในคงคายากแค้นแสนกันดาร ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | ชุลีหัตถ์ทูลแจ้งแถลงสาร |
เอาสตรีไปใช้ไม่ได้การ | ต้องเป็นภารธุระไปในทะเล |
จะด่วนไปด่วนมาไม่ช้านัก | พอประจักษ์ตามแต่ท่านจะหันเห |
เหลือลำบากยากใจในทะเล | ก็ว้าเหว่วิญญาณ์สารพัน ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังว่ายังนี้ | ไม่สู้ดีเดือดร้อนได้ผ่อนผัน |
เป็นบุรุษเกิดมาในสามัญ | ต้องพัวพันเครื่องหวานสมานคอ ฯ |
๏ นางพระยาว่าพ่อขาฟังตาเฒ่า | ตัณหาเข้ากระดูกยิ่งจริงจริงหนอ |
จนฟันหักหัวหงอกพูดกลอกคอ | หนุ่มตะกอสู้ไม่ได้พวกไก่ชน |
ยิ่งแก่ตัวก็ยิ่งมัวด้วยอีสาว | ใครว่ากล่าวโกรธาทำตาถลน |
แกไม่นิ่งอดสูแก่ผู้คน | ดูช่างซนสิ้นท่าพวกบ้ากาม ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังมเหสี | ว่ายายนี่แกจะบาปพูดหยาบหยาม |
ราวกับข้าขัดสนคนตะกลาม | จะให้ตามใจยายเห็นตายจริง |
จะต้องอดเหมือนกับมดเห็นของหวาน | อ้ายน้ำตาลมันหายกลายเป็นขิง |
ยายอย่ามาขู่ตะคอกพูดหลอกลิง | เป็นความจริงข้าไม่เชื่อเหลือระอา ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | มาปราสาทสองนางพลางปรึกษา |
พี่จะต้องข้ามฝั่งไปลังกา | เมืองรัตนาร้องทุกข์ต้องไปทูล |
แก่พระจอมมุนินทร์ปิ่นนักสิทธ์ | ให้ทรงฤทธิ์หาผู้ใดครองไอศูรย์ |
ต้องดับร้อนเสวกาหาประยูร | คือตระกูลลูกหลานในว่านเครือ |
ไปเป็นเจ้านคราช้าไม่ได้ | ฉวยเกิดภัยรุกรานเป็นด้านเหนือ |
จะเสียทั้งราชการพวกว่านเครือ | ต้องเป็นเหยื่อกับศัตรูหมู่อรินทร์ ฯ |
๏ มเหสีสององค์ทรงสดับ | น้อมคำนับทูลถามตามถวิล |
ขอตามเสด็จเสร็จไปไกลบุรินทร์ | ประเทศถิ่นลังกาน้องปรารมภ์ ฯ |
๏ พระตรัสว่าอย่าไปเลยน้องรัก | ไม่ช้านักเสร็จธุระไม่สะสม |
อยู่ระวังกรุงศรีบุรีรมย์ | ไปตากลมทำไมน้องไม่ต้องการ |
อยู่ปราสาทราชวังในจังหวัด | ได้ปรนนิบัติสองพระองค์ดำรงสถาน |
เธอป่วยไข้ก็จะได้พยาบาล | แสนรำคาญด้วยพระองค์ทรงชรา |
สองประนมก้มกรานประสานหัตถ์ | ไม่อาจขัดทรงเดชพระเชษฐา |
พระสั่งเสร็จเสด็จเข้าไสยา | ขุนเสนาถอยกำปั่นออกทันที |
ประทับท่าหน้าด่านเมืองปากน้ำ | ลอยเรียงลำที่นั่งหงส์ปักธงศรี |
มาเตรียมพร้อมทั้งพหลแลมนตรี | กะลาสีลงประจำลำละพัน |
ประทุกเสร็จเครื่องเสบียงเลี้ยงทหาร | คอยพระผ่านภพไกรเจ้าไอศวรรย์ |
ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ | พอสุริย์ฉันส่องหล้านภาลัย |
พระฟื้นองค์สรงสนานสำราญกิจ | สั่งมิ่งมิตรสองสุดาพลางปราศรัย |
แล้วทรงเครื่องเรืองรองทองอุไร | พลางสอดใส่ฉลององค์อลงกรณ์ |
ทรงภูษาแย่งกระหนกเครือนกคาบ | เป็นลายกาบเกี่ยวกระหวัดประภัสสร |
เจียระบาดตาดแดงแย่งมังกร | ชายแครงงอนลายกระหนกวิหคบิน |
ตาบประดับทับทรวงดวงกุดั่น | สังวาลวัลย์เพราเพริศดูเฉิดฉิน |
อร่ามเรืองเฟื่องห้อยฝังพลอยนิล | เข็มขัดจินดาสลับเพชรวับวาว |
ทรงมหามงกุฎบุษยรัตน์ | ดอกไม้ทัดจอนเกศฝังเพชรขาว |
พาหุรัดทับทิมแดงสุกแสงวาว | นพเก้าธำมรงค์เครื่องลงยา |
ครั้นเสร็จสรรพจับพระแสงยุรยาตร | มาปรางค์มาศบิตุรงค์พร้อมวงศา |
ศรีสุวรรณกราบก้มบังคมลา | กษัตราเสร็จออกมานอกวัง |
ท้าวทศวงศ์ทรงเสลี่ยงออกไปหน้า | นางพระยาทรงวอรออยู่หลัง |
ศรีสุวรรณทรงรถามีฝาบัง | รถข้างหลังมเหสีสองลีลา |
พระกฤษณาเทพินนิลกัณฐี | ทั้งองค์ตรีพลำนั้นอ่อนชันษา |
อีกอัมพวันนั้นไปรถพระมารดา | กษัตราเขยสะใภ้ลงไปตาม |
กระบวนแห่แตรสังข์สะพรั่งพร้อม | ส่งพระจอมนครินทร์ปิ่นสยาม |
ทั้งเสนามนตรีที่ไปตาม | ขี่คานหามขึ้นแคร่แลเป็นทิว |
พอไปถึงเมืองด่านชานสมุทร | พากันหยุดยับยั้งกำลังหิว |
พวกปากน้ำทำของกองเป็นทิว | ให้แก้หิวกินไปทั้งไพร่พล |
พวกขุนนางข้างเคียงเลี้ยงสำรับ | คนกำกับอยู่บนบกบ้างยกขน |
ทั้งหมากพลูจับจ่ายให้ทุกคน | แล้วให้ขนของถวายไปในเรือ ฯ |
๏ ฝ่ายตาเฒ่าเจ้าพาราเมืองปากน้ำ | แกให้ทำเลี้ยงคนของล้นเหลือ |
พวกทหารที่สำหรับกำกับเรือ | ใส่หมวกเสื้อกำมะหยี่ล้วนสีทอง |
ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | อภิวาทแล้วประมูลทูลฉลอง |
ลูกขอบังคมลาฝ่าละออง | กษัตริย์สองอวยชัยไปจงดี |
ปราศจากโพยภัยอย่าได้แผ้ว | ให้คลาดแคล้วความทุกข์เป็นสุขี |
ทั้งโรคันอันตรายอย่าได้มี | จงเปรมปรีดิ์ลาภยศปรากฏไป ฯ |
๏ พระคำนับรับพรถาวรสวัสดิ์ | สองกษัตริย์ยินดีจะมีไหน |
พอฤกษ์ดีตีกลองลั่นฆ้องชัย | ภูวไนยเสด็จตรงไปลงเรือ |
พอลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก | ให้แล่นออกกำปั่นใหญ่ไปฝ่ายเหนือ |
พลางชักใบครบถ้วนกระบวนเรือ | แล่นไปเหนือเกาะเรียงเฉียงอุดร ฯ |
๏ พวกกษัตริย์ส่งเสร็จเสด็จกลับ | มาคั่งคับทั้งทหารชาญสมร |
ถึงนิเวศน์ไทท้าวเจ้านคร | เสด็จจรเข้ามนเทียรวิเชียรพราย ฯ |
๏ จะกล่าวลำกำปั่นสุวรรณหงส์ | ออกแล่นตรงข้ามวนชลสาย |
ไม่มีคลื่นชื่นบานสำราญกาย | แสนสบายลมส่งไปตรงทาง |
ชมละเมาะเกาะเกียนดั่งเขียนวาด | รุกขชาติราวกับไม้ในกระถาง |
พระสุริย์ฉายบ่ายเบนเย็นนภางค์ | แล่นสล้างลมเฉื่อยเรื่อยเรื่อยไป |
ฝูงกระโห่โลมาแลราหู | เป็นหมู่หมู่ว่ายเรียงเคียงไสว |
ฝูงพิมพาพาพวกพิมพาไป | ปลาวาฬใหญ่ใหญ่เท่าสำเภาจร |
ฝูงโลมามาว่ายอยู่คลายคล่ำ | บ้างผุดดำดำไคลชายสิงขร |
เหล่าฉลามล้วนฉลามตามกันจร | สลับสลอนเวียนว่ายในสายชล |
ฝูงฉนากล้วนฉนากไม่จากคู่ | เป็นหมู่หมู่ว่ายเกลือกเสลือกสลน |
เหล่าจระเข้เหราในสาชล | บ้างผุดพ่นน้ำพรายกระจายฟอง |
ฝูงเงือกงูชูหางกลางสมุทร | บ้างดำผุดไล่กันผันผยอง |
เหล่าม้าน้ำทำท่าม้าลำพอง | ขึ้นว่ายล่องโดดด้นชลธี |
ฝูงช้างน้ำนำโขลงชักโยงเพื่อน | ขึ้นว่ายเกลื่อนกลาดไปในวิถี |
ฝูงหมูน้ำดำวนชลธี | เที่ยวว่ายรี่กลางมหาชลาลัย |
พระสุริยงลงลับพยับพลบ | คลื่นกระทบนาวาคงคาใส |
จันทร์กระจ่างกลางมหานภาลัย | ต่างแล่นใบรีบมาในวาริน |
สองเดือนครึ่งถึงลังกาอาณาเขต | ถิ่นประเทศทางมหาชลาสินธุ์ |
ให้ทอดท่าหน้าด่านชานบุรินทร์ | พร้อมกันสิ้นเรือแพคนแจจัน ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ | ตาแกจำเรือได้รีบผายผัน |
เห็นลำหงส์ธงทองของสำคัญ | ก็พากันรีบไปในเภตรา |
เข้าเฝ้าองค์ผู้ดำรงรมจักร | พระทรงศักดิ์ออกแท่นรัตน์ตรัสเรียกพา |
พวกขุนนางนายด่านชานชลา | พลางโอภาถามไต่ในนคร |
อยู่ด้วยกันปรีดาเป็นผาสุก | นิราศทุกข์ภิญโญสโมสร |
ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนนคร | ก็ถาวรอิ่มเอมเกษมทรวง |
ครั้นเฝ้าเสร็จทูลลากลับมาด่าน | สั่งทหารรีบไปในวังหลวง |
เรียกขุนนางข้าเฝ้าเจ้ากระทรวง | อย่าให้หน่วงช้าไว้เร่งให้ทูล |
พวกม้าใช้รีบไปถึงนิเวศน์ | เข้าแจ้งเหตุท่านผู้ใหญ่ในไอศูรย์ |
ขุนเสนีรับไว้เข้าไปทูล | มาพร้อมมูลคอยเฝ้าเจ้าลังกา ฯ |
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ | ออกอำมาตย์บนบัลลังก์ที่นั่งขวา |
ขุนเสนีกราบงามลงสามลา | ทูลกิจจาบาทบงสุ์พระทรงชัย ฯ |
๏ ฝ่ายกษัตริย์ธิบดินทร์ปิ่นไอศูรย์ | อำมาตย์ทูลชี้แจงแถลงไข |
จึ่งดำรัสตรัสสั่งเสนาใน | เราจะไปรับเสด็จประเวศวัง |
จัดกระบวนถ้วนทุกหมู่มยูรฉัตร | พร้อมขนัดเกณฑ์แห่ทั้งแตรสังข์ |
มโหระทึกกึกก้องฆ้องระฆัง | พัดโบกบังสุริยาแลจามร ฯ |
๏ ฝ่ายเสนีกรมวังมาสั่งหมาย | ให้ทนายขุนเสมียนเขียนอักษร |
เร่งบาดหมายจ่ายคนพลนิกร | อัสดรรถนั่งอลังการ |
ทุกหมู่หมวดตรวจตรากันมาพร้อม | คอยพระจอมนครามหาศาล |
ฝ่ายพระมิ่งเมืองลังกาปรีชาชาญ | จากสถานเสด็จออกนอกบุรินทร์ |
ยกกระบวนทวนธงลงไปด่าน | พร้อมทหารตรงไปท่าชลาสินธุ์ |
จัดบัลลังก์ที่นั่งศรีมณีนิล | พร้อมกันสิ้นดั้งกันเป็นหลั่นไป |
เห็นกำปั่นจอดเรียงเคียงขนาน | พระผู้ผ่านลังกาตรัสปราศรัย |
แล้วเสด็จขึ้นกำปั่นด้วยทันใด | พลางเข้าไปกราบก้มบังคมคัล ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์รมจักร | เห็นหลานรักปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
จึ่งปราศรัยการพาราสารพัน | ถามถึงองค์ทรงธรรม์พระมุนี ฯ |
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ | บังคมบาทบงกชบทศรี |
ทูลแถลงแจ้งความสามมุนี | ท่านเปรมปรีดิ์ผาสุกทุกทิวา ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | ตรัสประภาษกับพระหลานด้วยหรรษา |
ว่าอานี้มิมาก็ต้องมา | กรุงรัตนาเขามาร้องต้องมาทูล |
ว่าจะขอหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ | ไปครองสมบัติเวียงชัยมไหสูรย์ |
เขาร้องทุกข์กับอาต้องมาทูล | พวกประยูรคงต้องให้ไปสักคน ฯ |
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ | ฟังประภาษแจ้งความตามนุสนธิ์ |
แล้วทูลเชิญธิบดินทร์ปิ่นสกล | ภูวดลเสด็จไปในลังกา |
ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | ก็ยุรยาตรจากกำปั่นด้วยหรรษา |
มาทรงเรือพระที่นั่งอลังการ์ | กระบวนท่าเร่งพายตามชายชล |
ถึงเมืองด่านธารท่าชลาสินธุ์ | เชิญภูมินทร์ขึ้นรถาพาพหล |
จัตุรงค์เสนาพลาพล | ไปสิงหลนคเรศนิเวศน์วัง |
ถึงประทับกับเกยที่นั่งรัตน์ | สองกษัตริย์เสร็จสมอารมณ์หวัง |
พวกเถ้าแก่แออัดจัดในวัง | มาพร้อมพรั่งกราบก้มบังคมคัล |
เสาวคนธ์สุลาลีศรีสวัสดิ์ | มาเฝ้ากษัตริย์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
พระปราศรัยสุณิสาวิลาวัณย์ | อยู่ด้วยกันผาสุกหรือทุกข์ภัย |
แล้วตรัสเรียกนัดดามาหาปู่ | เจ้าก็อยู่ดีหรือหนาพลางปราศรัย |
นรินทร์รัตน์สุริย์วงศ์พระทรงชัย | คลานเข้าไปกราบก้มประนมกร |
พระลูบหลังลูบหน้าว่าไฉน | ช่างโตใหญ่ขึ้นเจียวหลานชาญสมร |
ทั้งรูปร่างก็ละม้ายคล้ายบิดร | พระอวยพรให้พิพัฒน์สวัสดี |
ทั้งสองนางพลางไปแต่งสุวรรณภาชน์ | ถวายพระบาทจอมเจิมเฉลิมศรี |
ทั้งเครื่องเคียงต่างต่างของอย่างดี | มาตั้งที่แท่นรัตน์ชัชวาล ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ | ขึ้นแท่นรัตน์เสวยข้าวของคาวหวาน |
แล้วเสด็จเข้าปรางค์รัตน์ชัชวาล | นางอยู่งานโบกปัดพัชนี |
ปางพระสุดสาครบวรนาถ | ให้เตรียมราชรถทองละอองศรี |
พระเจ้าอาจะเสด็จไปคีรี | เฝ้ามุนีสามพระองค์ในดงดอน |
วันพรุ่งนี้มาประทับรับเสด็จ | ให้พร้อมเสร็จคอยบพิตรอดิศร |
ทั้งจัตุรงค์เสนาพลากร | อัสดรมิ่งม้าอาชาไนย |
ครั้นสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร | เข้าปรางค์มาศเนาวรัตน์จำรัสไข |
ขุนเสนามาสั่งทั้งนอกใน | พลไพร่มาให้ถ้วนกระบวนเกณฑ์ |
เครื่องอาวุธยุทธนาอย่าให้ขาด | เสื้อสักหลาดเบิกในคลังทั้งดั้งเขน |
เร่งสั่งกันไปให้เสร็จทั้งเจ็ดเวร | มาตามเกณฑ์อย่าให้ขาดราชการ |
สัสดีเดินหมายไปทุกแห่ง | ตามตำแหน่งพลอาสาโยธาหาญ |
พอรุ่งแจ้งแสงสีรวีวาร | พระผู้ผ่านภพไกรตื่นไสยา |
แล้วสระสรงทรงเครื่องเรืองระยับ | ออกประทับพระโรงคัลด้วยหรรษา |
ทั้งสององค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา | พวกเสนาพร้อมเพรียงกันเรียงราย |
กระบวนแห่แลสะพรั่งตั้งขนัด | ทั้งรถรัตน์ฝากระจกกระหนกฉาย |
เทียมอาชามาเคียงกันเรียงราย | เสนานายทุกตำแหน่งจัดแจงพล ฯ |
๏ สองกษัตริย์เสด็จตรงมาทรงรถ | พร้อมกันหมดแล้วให้เลื่อนเคลื่อนพหล |
จัตุรงค์แสนยาพลาพล | จรดลไปสิงคุตรถึงกุฎี |
สองพระองค์ลงจากรถที่นั่ง | ตรงไปยังพระมุนินทร์ปิ่นฤๅษี |
พอพระองค์เสด็จออกนอกกุฎี | ประทับที่หน้าบรรณศาลา |
ศรีสุวรรณเข้าประนมบังคมบาท | ภูวนาถทรงเดชพระเชษฐา |
สุดสาครอ่อนเกศกราบบิดา | ท่านสิทธาทักถามตามทำนอง |
พ่ออยู่ดีปรีดาเป็นผาสุก | หรือมีทุกข์หมกมุ่นให้ขุ่นหมอง |
มีกังวลสิ่งใดในใจปอง | เชิญพระน้องแจ้งอรรถวัจนา ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | อภิวาททูลเหตุพระเชษฐา |
ว่าเสนีในบุรีรัตนา | ชวนกันมาร้องทุกข์ว่าเหลือทน |
ไม่มีใครปกป้องครองนิเวศน์ | ฉวยเกิดเหตุศึกมาโกลาหล |
ไม่มีเจ้าจอมอาณาประชาชน | ทั้งผู้คนจะวิบัติกำจัดจร ฯ |
๏ ป่างพระองค์ทรงศิลมุนินทร์นาถ | ได้ทราบบาทบพิตรอดิศร |
จึงเอื้อนอรรถตรัสว่าด้วยอาวรณ์ | การนครแล้วแต่น้องจะตรองไป |
พี่ก็ทรงบรรพชาสิกขาบท | เจริญพรตมิใช่กิจผิดวิสัย |
พ่อจัดแจงดูให้งามตามแต่ใจ | ควรแก่ใครจะไปอยู่เป็นผู้ครอง |
อันวงศ์ญาติเรานี้ก็มีถม | จะปรารมภ์อะไรเล่ากะเจ้าของ |
พ่อให้หามาประมวลใครควรครอง | แล้วแต่น้องจะเห็นใครจงให้ปัน ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | สนองอรรถรับโองการกับหลานขวัญ |
แล้วทูลลาพระองค์ผู้ทรงธรรม์ | จากเขตคันสิงคุตรไม่นอนใจ |
เสด็จมาทรงรถาให้คลาเคลื่อน | เข้าดงเถื่อนยางยูงสูงไสว |
เดินนิกรมายังรุ่งถึงกรุงไกร | เสด็จเข้าในเวียงวังเมืองลังกา |
ประทับร้อนผ่อนสบายในปราสาท | แล้วยุรยาตรออกขุนนางสั่งมหา |
เสนีใหญ่ในนิเวศน์เกศลังกา | เร่งตรวจตรากำปั่นใหญ่ไปทุกเมือง |
สั่งอาลักษณ์พนักงานแต่งสารศรี | ทุกบุรีแจ้งความไปตามเรื่อง |
แต่บรรดาญาติวงศ์ดำรงเมือง | จงเขียนเรื่องราชสารลงลานทอง |
ขุนอาลักษณ์บังคมบรมนาถ | ไปแต่งราชสารตามเนื้อความสนอง |
พอสำเร็จเสร็จการลงลานทอง | ม้วนใส่กล่องลงยาราชาวดี |
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร | เข้าปรางค์มาศไพฑูรย์จำรูญศรี |
พวกเสนามากำปั่นด้วยทันที | ให้ขัดสีเปลี่ยนเสาทั้งเพลาใบ |
จัดกัปตันแต่บรรดากะลาสี | ใครรู้ที่เขตแขวงตำแหน่งไหน |
กับเสนาแต่บรรดาพวกจะไป | พร้อมกันในสามวันดั่งสัญญา |
ครั้นเสร็จสรรพกลับเข้าไปในนิเวศน์ | คอยทรงเดชพร้อมกันต่างหรรษา |
พอพระจอมรมจักรนัครา | เสร็จออกมาแท่นที่มณีพราย |
ขุนอาลักษณ์พนักงานเชิญสารศรี | มาตั้งที่ประมูลทูลถวาย |
พวกเสนีที่จะไปทั้งไพร่นาย | กราบถวายบังคมลาเสนาทูล ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมนครเรศเกศกษัตริย์ | โองการตรัสพวกจะไปทุกไอศูรย์ |
ประทานเงินตามที่บริบูรณ์ | มากประมูลเสื้อผ้าบรรดาไป |
ครั้นเสร็จสรรพกลับเข้าปรางค์ปราสาท | ขุนอำมาตย์รับสารแล้วขานไข |
เอาพานทองสองชั้นใส่สารไป | รีบครรไลแห่ตรงไปลงเรือ |
ที่จะไปเพชรกำพลเร่งขวนขวาย | เอาหัวบ่ายบากไปข้างฝ่ายเหนือ |
พวกไปเมืองสุลาลัยกลับไปเรือ | คัดหางเสือล่องน้ำไปตามทาง |
ที่จะไปเมืองเซ็นเห็นแผนที่ | ออกแล่นรี่เร็วรัดไม่ขัดขวาง |
ได้ลมเรื่อยเฉื่อยฉ่ำไปตามทาง | แล่นคว้างคว้างเร็วมาในสาคร |
พวกไปเมืองสินชัยชักใบขึง | พอลมตึงเป่าแตรแซ่สลอน |
ให้ตั้งเข็มเล็มไปหมายนคร | ตรงทางจรทิศใต้รีบไปพลัน |
ข้ามละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งหน | ต่างเร่งร้นใช้ใบรีบผายผัน |
ไม่รั้งราฝ่าคลื่นทุกคืนวัน | หมายสำคัญรีบไปในคงคา |
สองเดือนครึ่งถึงเมืองกำพลเพชร | สั่งกันเสร็จไพร่นายทั้งซ้ายขวา |
ให้บ่ายเบี่ยงเรียงทอดจอดเภตรา | ชาวพาราร้องถามดูตามแคลง |
ว่าเรือนี้มาแต่ไหนเห็นใหญ่นัก | ไม่ประจักษ์ท่านจงกล่าวเล่าแถลง |
พวกกำปั่นบอกตรงชักธงแดง | รู้ตำแหน่งว่ามายังเกาะลังกา |
แวะเข้าไปไต่ถามตามประสงค์ | โดยจำนงสมหวังที่กังขา |
รู้ว่าเรือราชสารการพารา | ก็รีบมาบอกขุนด่านสารสำคัญ ฯ |
๏ ฝ่ายเสนีที่ด่านรู้การชัด | ก็รีบจัดคนเข้าไปไอศวรรย์ |
ทูลฉลองแก่พระองค์ผู้ทรงธรรม์ | จะช้าวันจงไปในนคร |
พวกม้าใช้รับบอกออกจากด่าน | รีบลนลานไปแถลงแจ้งอักษร |
แก่เจ้าพระยามหาดไทยในนคร | พอภูธรออกที่นั่งบัลลังก์ทรง |
พวกเสนาข้าทูลละอองบาท | เข้าเฝ้านาถกรุงกษัตริย์ราชหงส์ |
แล้วคลี่บอกอ่านถวายดั่งใจจง | พระโฉมยงทราบคดีก็ปรีดา |
จึ่งรับสั่งพนักงานรับสารศรี | ให้มนตรีแต่งรถตามยศถา |
ลงไปรับสารเรื่องเมืองลังกา | เร็วอย่าช้ารับทูตมาพูดกัน |
ขุนนางรับอภิวันท์แล้วผันผาย | มาสั่งหมายเร็วรวดการกวดขัน |
พอพร้อมเสร็จนายไพร่รีบไปพลัน | ถึงเขตคันเมืองท่าชลาลัย |
เชิญราชสารขึ้นยานุมาศพร้อม | ประณตน้อมเดินเคียงเรียงไสว |
ราชทูตขึ้นรถารีบคลาไคล | ตามเข้าไปถึงนิเวศน์เขตบุรินทร์ |
ลงจากรถบทจรตามราชสาร | เข้าทวารเวียงวังดั่งถวิล |
ไปคอยเฝ้าเจ้าจังหวัดปัถพิน | พร้อมกันสิ้นทุกตำแหน่งแต่งกายา |
ใส่เสื้อดำกำมะหยี่ตามที่ยศ | เหมือนกันหมดนั่งรายทั้งซ้ายขวา |
ฝ่ายพระจอมเวียงวังมังคลา | เสด็จออกมาขึ้นพระแท่นแสนสำราญ ฯ |
๏ ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเข้าไปพร้อม | ประณตน้อมคอยสดับรับบรรหาร |
ฝ่ายเสนาอาลักษณ์พนักงาน | เชิญเอาพานราชสารการแผ่นดิน |
กับพวกทูตลังกาเข้ามาเฝ้า | ต่างก้มเกล้ากราบบังคมสมถวิล |
แล้วทูลเบิกเรื่องความตามระบิล | พระทราบสิ้นแล้วให้อ่านสารสารา |
ขุนอาลักษณ์กราบงามลงสามหน | อ่านยุบลทูลถวายลายเลขา |
ศุภสารรมจักรนัครา | องค์พระอาอวยพรอักษรทรง |
มาถึงราชนัดดาพาราหลาน | จงแจ้งการโดยในพระทัยประสงค์ |
ขอเชิญนาถหน่อเนื้อในเชื้อวงศ์ | จงรีบตรงมาลังกาปรึกษาการ |
พอจบเรื่องราชสารแล้วกรานกราบ | ศิโรราบทั้งทูตถือหนังสือสาร |
พระปราศรัยไต่ถามตามบุราณ | แล้วประทานรางวัลเป็นหลั่นไป |
อุปทูตราชทูตให้ตามยศ | ต่างประณตบังคมประนมไสว |
ให้เลี้ยงดูอยู่สถานสำราญใจ | จึ่งค่อยไปพร้อมกันดั่งสัญญา |
แล้วสั่งเหล่าเสนาพวกฝาหรั่ง | เร่งจัดทั้งกำปั่นใหญ่ไวไวหนา |
เราจะรีบข้ามฝั่งไปลังกา | จัดล้าต้าต้นหนที่คุ้นเคย |
ทั้งเรือตามเรือนำสักสามร้อย | เร่งไปถอยจากอู่ดูนะเหวย |
จัดทหารลงทุกลำเหมือนคามเคย | อย่าช้าเลยจัดให้เสร็จในเจ็ดวัน |
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จขึ้นจากอาสน์ | ยุรยาตรเข้าในวังนรังสรรค์ |
ขุนเสนามาแต่งกำปั่นพลัน | ในเจ็ดวันแล้วถ้วนกระบวนการ ฯ |
๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช | สั่งนุชนาฏสององค์แล้วสรงสนาน |
ประดับเครื่องเนาวรัตน์ชัชวาล | จากสถานโดยประสงค์ลงนาวา ฯ |
๏ ฝ่ายพวกทูตตามเสด็จพร้อมเสร็จสรรพ | มาคั่งคับแล่นรายทั้งซ้ายขวา |
พวกเสนีที่กำปั่นถือสารตรา | ไปพาราทุกตำแหน่งแจ้งคดี |
เขารับรองเหมือนกันรางวัลให้ | ทั่วกันไปปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
วลายุดาวายุพัฒน์จัดมนตรี | ทั้งเสนีพวกทหารชาญณรงค์ |
ออกกำปั่นแต่บรรดาโยธาหาญ | จากสถานมาตามความประสงค์ |
พระหัสกันจอมเจิมเฉลิมวงศ์ | เสด็จลงเรือกำปั่นสุบรรณบิน |
ออกนาวามากลางหว่างสิงขร | ต่างรีบร้อนล่วงไปในกระสินธุ์ |
เอาเข็มตั้งไปลังกาตรงธานินทร์ | ประเทศถิ่นแถวสถานตรงบ้านเมือง |
แต่บรรดามาด้วยกันกำปั่นรบ | อาวุธครบโดยจำนงใช้ธงเหลือง |
เขียนหนังสือสีครามแจ้งนามเมือง | ให้รู้เรื่องว่าพาราสุลาลัย ฯ |
๏ พวกกษัตริย์สี่พาราก็มาพร้อม | เข้าทอดป้อมธารท่าชลาไหล |
กำพลเพชรธานินทร์เมืองสินชัย | สุลาลัยเมืองเซ็นถึงพร้อมกัน |
พวกเสนีที่รักษาเมืองสมุทร | ก็รีบรุดสั่งม้าใช้ให้ผายผัน |
รีบเข้าไปทูลองค์พระทรงธรรม์ | พระศรีสุวรรณทราบสั่งขุนเสนา |
เร่งจัดแจงแต่งกระบวนลงไปรับ | ให้พร้อมสรรพเชิญองค์พระวงศา |
เข้านิเวศน์เวียงวังกรุงลังกา | เร็วอย่าช้าจัดให้ถ้วนกระบวนพล |
ฝ่ายเสนีที่รับสั่งมานั่งหมาย | ให้ทนายไปทุกหมวดตรวจพหล |
รีบลงไปเมืองท่าริมสาชล | พร้อมพหลรับเสด็จประเวศวัง ฯ |
๏ พระมังคลาวลายุดาวายุพัฒน์ | หน่อกษัตริย์หัสกันครรไลหลัง |
ขึ้นรถาพร้อมหมดพระกลดบัง | รีบมายังลังกาเข้าธานี ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงรมจักร | เห็นหลานรักมาประณตบทศรี |
กับลูกยามาภิวันท์อัญชุลี | พระเปรมปรีดิ์ปราศรัยในพระวงศ์ |
แล้วกราบงามตามที่ผู้ใหญ่น้อย | ดูเรียบร้อยตามประยูรสกูลหงส์ |
ฝ่ายพระจอมลังกาวราพงศ์ | ให้ตั้งโต๊ะเลี้ยงพระวงศ์พงศ์ประยูร |
ตั้งเก้าอี้มีพร้อมทั้งส้อมมีด | ตามจารีตฝรั่งใหญ่เจ้าไอศูรย์ |
ของต่างต่างอย่างดีบริบูรณ์ | เลี้ยงประยูรญาติวงศ์ในพงศ์พันธุ์ |
เชิญเสด็จเจ็ดกษัตริย์ขึ้นเสวย | ทั้งนมเนยวางเป็นคู่กับหมูหัน |
เป็ดพะแนงแกงพล่าปลาทอดมัน | จะรำพันเครื่องกินข้าวจะยาวนาน |
เสวยเสร็จพระเจ้าอาเธอปรารภ | พอมาครบถ้วนถูกทั้งลูกหลาน |
พระจึงตรัสแย้มเยื้อนเอื้อนโองการ | นี่แน่หลานลูกยามาพร้อมมูล |
เดี๋ยวนี้เมืองรัตนาเขามาร้อง | ขอผู้ครองโภไคยมไหสูรย์ |
อาจึ่งพาเขามาเฝ้าทูลเค้ามูล | ได้กราบทูลพระนักสิทธ์ดั่งจิตจง |
รับสั่งว่าใช่กิจผิดวิสัย | พูดไม่ได้ดั่งจิตคิดประสงค์ |
สั่งให้หาพวกประยูรสกูลวงศ์ | ใครประสงค์จะได้ทูลมูลคดี |
เออมังคลาว่ากระไรไปหรือหลาน | ขนสิงคารไปบำรุงซึ่งกรุงศรี |
อาจะได้ไปทูลพระมุนี | โดยคดีตามประสงค์พระทรงธรรม์ ฯ |
๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช | อภิวาทวอนวิงทุกสิ่งสรรพ์ |
เพชรกำพลก็เป็นสุขอยู่ทุกวัน | ขอทรงธรรม์โปรดปรานการนคร |
ไม่ต้องการที่จะไปใช่แก่เหตุ | ขอทรงเดชบพิตรอดิศร |
ตรัสถามไต่ไล่เลียงทุกนคร | ใครจะจรจะได้ช่วยอำนวยชัย ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ | โองการตรัสถามวลายุดาไฉน |
จะให้เจ้าไปบำรุงซึ่งกรุงไกร | แทนพระอัยกาเจ้าเหมือนเก่าเดิม |
วลายุดาว่าเหมือนกับเชษฐา | อันพาราในพระวงศ์ใคร่ส่งเสริม |
แต่ธานินทร์สินชัยได้แต่เดิม | เป็นที่เจิมวาสนามาช้านาน ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมขัตติย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ | ถามวายุพัฒน์ว่ากระไรไปไหมหลาน |
วายุพัฒน์กราบประณตบทมาลย์ | พระภูบาลอัยกาจงปรานี |
อยู่เมืองเซ็นก็เป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน | ชาวนครอิ่มเอมเกษมศรี |
บริบูรณ์มั่งคั่งทั้งบุรี | พอเป็นที่สุโขมโหฬาร ฯ |
๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงรมจักร | ผินพระพักตร์ถามหัสกันหลาน |
อันตัวเจ้าเล่าอย่างไรจงให้การ | อันถิ่นฐานของพระวงศ์พงศ์ประยูร |
ควรจะไปรักษาอาณาเขต | ครองประเทศโภไคยมไหสูรย์ |
ตามเหล่ากอหน่อเนื้อเชื้อตระกูล | ได้เพิ่มพูนราษฎรไม่ร้อนรน ฯ |
๏ พระหัสกันกราบก้มบังคมสนอง | ทูลฉลองเรื่องความตามนุสนธิ์ |
อันพาราสุลาลัยทั้งไพชนต์ | เขตตำบลก็สบายวายอาวรณ์ |
แล้วก็สร้างพาราไว้หนาแน่น | เป็นปึกแผ่นภิญโญสโมสร |
เวชายันวันชายาก็อาวรณ์ | ไม่ให้จรจากนิเวศน์เขตบุรินทร์ |
พระทรงฟังสี่กษัตริย์ขัดเสียหมด | ทั้งโอรสหลานใหญ่ใหญ่บิดไปสิ้น |
เขามีบ่วงห่วงใยในยุพิน | เจ้านรินทร์รัตน์ต้องไปดั่งใจปอง ฯ |
๏ สุดสาครว่ากระไรจงไต่ถาม | เอาเนื้อความไปประมูลทูลฉลอง |
เห็นไม่มีห่วงใยต้องไปครอง | ตามทำนองป้านเมืองเนื่องกันมา |
พระญาติวงศ์พงศ์เผ่าเหล่าพี่น้อง | ชวนกันพร้องพร้อมกันต่างหรรษา |
ว่าสมควรจะไปอยู่กู้พารา | ให้เปรมปราเกียรติยศเห็นงดงาม ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ | ปรึกษากันพร้อมใจได้ไต่ถาม |
ควรจะไปทูลฉลองให้ต้องตาม | กระแสความรับสั่งจึ่งบังควร |
พรุ่งนี้เช้าเราพากันไปเฝ้า | แถลงเล่าโดยระบอบได้สอบสวน |
แล้วแต่องค์ทรงศักดิ์จักเห็นควร | เรามาชวนกันไปในอรัญ |
เจ็ดกษัตริย์สระสรงแล้วทรงเครื่อง | อร่ามเรืองพรรณรายสายกระสัน |
พร้อมกันเสร็จแล้วเสด็จจรจรัล | ไปเขตคันสิงคุตรถึงกุฎี ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์มุนินทร์นาถ | ออกนั่งอาสน์หน้ามุขเป็นสุขี |
เทศนาสอนอนงค์สองหลวงชี | กับฤๅษีสานุศิษย์ในกิจกรม ฯ |
๏ ฝ่ายกษัตริย์ทั้งเจ็ดเสด็จถึง | แล้วก็จึ่งเข้าไปหน้าพระอาศรม |
พร้อมกันเสร็จศิโรราบกราบบังคม | พระบรมนักสิทธ์ดังจิตปอง ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์มุนินทร์นาถ | เห็นพระญาติมาบังคมประนมสนอง |
จึ่งปราศรัยในวงศ์จำนงปอง | มาปรองดองลงกันเป็นฉันใด ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | บังคมบาททูลแจ้งแถลงไข |
ปรึกษาพวกญาติพร้อมไม่ยอมไป | จะต้องให้นรินทร์รัตน์ผู้นัดดา |
พวกญาติวงศ์ปลงใจยกให้น้อง | เขาปรองดองพร้อมกันต่างหรรษา |
ควรจะให้ไปครองสวรรยา | จึ่งพากันมากราบก้มบังคมทูล ฯ |
๏ พระทรงฟังสังรเสริญว่าถูกแล้ว | เหมือนกวาดแผ้วทรงไว้ซึ่งไอศูรย์ |
ให้เสนาประชาชีบริบูรณ์ | ได้เพิ่มพูนภิญโญมโหฬาร |
พ่อกลับไปให้โหรเขาหาฤกษ์ | จะได้เบิกบัดพลีพลีศาล |
ช่วยจัดแจงแต่งให้เสร็จสำเร็จการ | อย่าให้นานเนิ่นช้ารีบคลาไคล |
ศรีสุวรรณรับรสพจนารถ | พร้อมพระญาติวงศาอัชฌาสัย |
ประณตน้อมพร้อมเพรียงทุกเวียงชัย | จะยกไปช่วยงานการพิธี ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศิลมุนินทร์นาถ | ตรัสประภาษว่าพวกถือเป็นฤๅษี |
จะต้องไปสวดงานการพิธี | ทั้งสองชีจะได้ช่วยอำนวยพร |
แล้วตรัสสั่งพระภูมีศรีสุวรรณ | จัดเรือกัลปังหาประภาศร |
อันตัวพี่ชีไพรจะได้จร | ไปนครรัตนาพามุนินทร์ |
ได้ช่วยสวดมนตราราชาภิเษก | อดิเรกมีชัยดังใจถวิล |
พวกที่เป็นดาบสหมดมลทิน | จะได้ภิญโญยศปรากฏนาน |
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จไปโรงฉัน | ให้จัดสรรผลไม้สิ่งใดหวาน |
ที่โอชาสารพัดจัดประทาน | ให้อาจารย์เสวยเล่นพอเย็นทรวง |
ทั้งน้ำท่าหามาตั้งให้นั่งเสวย | เหมือนอย่างเคยแต่งตั้งในวังหลวง |
เจ็ดกษัตริย์เสวยลองของทั้งปวง | ผลมะม่วงหวานมันขยันดี |
ขนุนขนันพรรณผลาโอชารส | ล้วนของสดเก็บมาได้ในไพรศรี |
มะปริงปรางทรางสะท้อนเงาะล่อนดี | ผลลิ้นจี่ลำไยมีหลายพันธุ์ |
เสวยเสร็จต่างเสด็จยุรยาตร | เฝ้าพระบาทสามองค์ที่โรงฉัน |
แล้วทูลลาดาบสหมดด้วยกัน | จรจรัลกับหลังเข้าลังกา |
ถึงนิเวศน์เวียงวังแล้วยั้งหยุด | ฝ่ายทรงภุชนครินทร์ปิ่นมหา |
อิศเรศเกศเกล้าพระเจ้าอา | เรียกโหรามาแถลงแจ้งคดี |
จงคูณหารการจะราชาภิเษก | อติเรกฤกษ์ยามตามวิถี |
ทั้งเดือนวันชั้นไหนจะได้ดี | เอาตามที่บทเบื้องเรื่องบุราณ |
การรับสั่งพระมุนินทร์ปิ่นนักสิทธ์ | จงเร่งคิดเค้ามูลเร่งคูณหาร |
จะให้เจ้านรินทร์รัตน์รับโองการ | ไปอยู่ผ่านเขตจังหวัดรัตนา |
โหรบังคมก้มเกล้าเจ้าพิภพ | แล้วทวนทบคืนวันชันษา |
ลงเลขลับนับตามดิถีมา | ตั้งชะตาผู้เจ้าของครองแผ่นดิน |
จันทร์เป็นอุตม์พุธเป็นศรีว่าดีนัก | จะสูงศักดิ์ได้ใหญ่ดั่งใจถวิล |
จะได้ปราบพวกศัตรูหมู่อรินทร์ | แล้วจะภิญโญยศปรากฏนาม |
จะลือเดชทุกประเทศมานอบนบ | ขจรจบแต่บรรดาภาษาสยาม |
คำนวณเสร็จแล้วประมูลทูลไปตาม | ทั้งวันยามในเดือนยี่ปีระกา |
ขึ้นสิบสองค่ำวันเสาร์เข้าเป็นศรี | ในเดือนยี่การภิเษกเอกนักหนา |
ควรจะตั้งแต่งงานการพารา | จงทราบฝ่าบาทมูลดั่งทูลทาย ฯ |