ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา

๏ จะกลับกล่าวเจ้าเมืองสำปันหนา แขกชวาล้ำเลิศประเสริฐศรี
เจ้าพาราอายุสามสิบปี ชื่อชวีรายาขอบตาแดง
คล้ายทับทิมริมแววแก้วตานั้น กลมเป็นมันดำดีเป็นสีแสง
แต่ฟันเหลืองเรืองรองเป็นทองแดง ใครทิ่มแทงมิได้ลงคงกระพัน
มเหสีมีนามตามภาษา ชื่อบุหงาโชติช่วงดวงบุหลัน
มีบุตรีสีเนื้อดังเจือจันทน์ อายุนั้นได้สิบสี่ปีมะแม
ดูคมขำสำอางเหมือนอย่างหุ่น พึ่งแรกรุ่นผ่องพ่วงดั่งดวงแข
คล้ายมารดาสารพันไม่ผันแปร ชื่อดวงแขรัศมีศรีโสภา
ดังดวงจิตปิตุเรศเกศกษัตริย์ ท้าวเธอจัดนักสนมทั้งซ้ายขวา
เป็นพี่เลี้ยงเคียงพระราชธิดา ล้วนลักขณาผ่องศรีฉวีนวล
อันพาราผาสุกสนุกสนาน แต่ล้วนบ้านเศรษฐีมีเรือกสวน
ทั้งทรัพย์สินบริบูรณ์ประมูลมวล ขายแต่ล้วนเพชรพลอยตั้งร้อยพัน
มีเรือไฟใหญ่น้อยสักร้อยเศษ เที่ยวแล่นหวังฟังเหตุทุกเขตขัณฑ์
กำปั่นรบทอดท่าไว้ห้าพัน ได้ป้องกันศัตรูหมู่ปัจจา
ทหารรบลงประจำลำละร้อย เครื่องใช้สอยนับหมื่นล้วนปืนผา
ทั้งเสน่าหลาวโล่โตมรา พร้อมสาตรามีประจำทุกลำเรือ
นายทหารเหน็บกริชฤทธิรุทร ใส่หมวกครุฑอย่างฝรั่งเกราะหนังเสือ
อาญาสิทธิ์คิดอ่านในการเรือ ทั้งใต้เหนือคอยระวังให้นั่งยาม
พวกที่มาค้าขายหลายภาษา จะไปมาแล้วก็กักให้ซักถาม
แม้นรู้เรื่องราวชี้คดีความ ไม่ห้ามปรามปล่อยให้ไปสบาย ฯ
๏ จะกล่าวลำกำปั่นที่แตกทัพ ออกแล่นลับเร็วรี่เที่ยวหนีหาย
สลาตันตีพัดกระจัดกระจาย เที่ยวเรี่ยรายหลีกหลบไม่พบกัน
พวกล้าต้าต้นหนพลไพร่ บนเป็ดไก่สิ่งละคู่กับหมูหัน
ขอเชิญเจ้าอ่าวทะเลทั้งเทวัญ ช่วยป้องกันโภยภัยอย่าให้พาน
พวกลางคนจะบนเมียไม่เสียของ ไปร่วมห้องเขาคงให้กินไข่หวาน
จะไปนั่งเสียของไม่ต้องการ เขาขี้คร้านต้มแกงแรงสินบน ฯ
๏ พอขาดคำลมเรื่อยมาเฉื่อยฉิว ติดใบปลิวคว้างคว้างมากลางหน
สิ้นเสบียงเลี้ยงเหล้าพวกชาวพล แต่เวียนวนแล่นมาในสาคร
ถึงสามเดือนเคลื่อนคล้อยแค่ลอยล่อง ไปตามร่องคลื่นกลิ้งเท่าสิงขร
ข้ามมหาสาคโรชโลทร ใกล้นครปากอ่าวเมืองเจ้านาย
เที่ยวสืบเสาะเกาะแก่งทุกแห่งห้อง ที่ในท้องวังวนชลสาย
ไม่ได้ความถามข่าวถึงเจ้านาย ฝ่ายนายท้ายแล่นเข้าออกบุรี
พวกชาวเพชรกำพลมากล่นเกลื่อน ถามถึงเพื่อนพวกเหล่าชาวกรุงศรี
เมื่อไรเจ้าเราจะมาถึงธานี ท่านช่วยชี้แจงเล่าให้เข้าใจ
พวกกำปั่นนั้นว่าเมื่อล่าทัพ แตกแตนยับเหลือล้นทนไม่ไหว
ทั้งลูกคลื่นถูกลมระดมไป กำปั่นใหญ่มิได้แจ้งตำแหน่งความ ฯ
๏ พวกเสนาข้าเฝ้าเศร้าสลด ทรวงระทดถอนใจใหญ่แล้วไต่ถาม
ทูลกระหม่อมจอมณรงค์เมื่อสงคราม เองได้ความว่าจะรอดหรือวอดวาย
พวกคนธรรพ์นั้นว่าลมระดมพัด คลื่นก็ซัดลมแดงแรงใจหาย
ทั้งเรือรับเรือหนุนเกิดวุ่นวาย แตกกระจายเสียทีรบไม่พบกัน
พวกเสนาข้าทูลละอองบาท ปรึกษาราชการร้อนคิดผ่อนผัน
ให้หาโหรมาทำนายทายลัคน์จันทร์ พระเคราะห์นั้นเธอจะร้ายถึงวายวาง
หรือจะไม่ดับสูญประยูรยศ จงกำหนดให้ถนัดอย่าขัดขวาง
จะได้คิดข้อความไปตามนาง โดยทิศทางเขตแขวงตำแหน่งใด ฯ
๏ โหรรับนับโฉลกเปกโปกเปาะ ถูกจำเพาะพระเสาร์เข้าทึ้งไส้
ชะตานางกลางคอดตลอดไป แล้วขับไล่อินทภาษบาทจันทร์
ราหูเกาะเคราะห์ร้ายเพราะชายหนุ่ม อังคารกุมลัคนาถึงอาสัญ
ไปทางทิศหรดีที่สำคัญ จะพบพันธุ์หน่อเนื้อในเชื้อนาง ฯ
๏ เสนาใหญ่สั่งเวรเกณฑ์กำปั่น เร่งให้ทันเร็วรัดอย่าขัดขวาง
สักสิบลำทำใบสายระยาง จัดขุนนางอาสาจามตามบาญชี
เป็นนายเรือเกลือข้าวเอาบรรทุก ของดิบสุกเลี้ยงชวากะลาสี
ทั้งล้าต้าต้นหนล้วนคนดี พวกที่มีกตัญญูรู้พระคุณ
เจ้าข้าวแดงแกงร้อนอย่านอนเปล่า ไปตามเจ้าขาดเหลือได้เกื้อหนุน
อุตส่าห์ติดตามไปคงให้คุณ เดชะบุญจะได้มาพาราเรา ฯ
๏ พวกพหลพลรบลงเรือพร้อม ชักใบอ้อมโอบใส่บนปลายเสา
รอกสลักจักรไกผูกไม้เพลา ติดกับเสาสายกระสันพันระยาง
ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องล่องจากอ่าว ออกแล่นก้าวเลี้ยวลัดไม่ขัดขวาง
ไปตามทิศหรดีวิถีทาง ใบสล้างตามกันออกสันดอน
พระพายส่งตรงไปมิได้หยุด ออกแล่นรุดไปตามทางหว่างสิงขร
ไม่หยุดยั้งรั้งราพลากร ต่างรีบร้อนสืบข่าวทุกอ่าวไป
เมืองจีนจามพราหมณ์แขกเที่ยวแยกย้าย เรือค้าขายแวะถามตามสงสัย
เพราะว่าเป็นการร้อนไม่นอนใจ ทั้งเหนือใต้สืบเสาะตามเกาะเกียน ฯ
๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช กับครูบาทหลวงชี้แผนที่เขียน
ให้ตรองตรึกปรึกษาตำราเรียน ค่อยพากเพียรฝึกฝนกลอุบาย
ทั้งกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงบุตรสุดสวาท สามหน่อนาถน้ำเนื้อในเชื้อสาย
ค่อยจำเริญรุ่นตามกันสามชาย ดูคล้ายคล้ายจิ้มลิ้มดังพิมพ์เดียว ฯ
๏ บาทหลวงว่าน่าหัวร่อพ่ออ้ายหนู เป็นม่ายชู้ม่ายเมียเสียประเดี๋ยว
ต้องเลี้ยงดูลูกกำพร้าจนหน้าเซียว เองจะเกี้ยวใครได้เขาไม่ยอม
เพราะลูกเต้ารุงรังชังน้ำหน้า เขาย่อมว่ากลิ่นตัวเหมือนหัวหอม
เหม็นสาบหนอพ่อลูกอ่อนพวกหนอนตอม เขาไม่ยอมเอ็งดอกบอกจริงจริง ฯ
๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณอย่าดูถูก ถึงมีลูกก็ทำไมใจผู้หญิง
เป็นด้วยชายเชิงฉลาดพูดพาดพิง เล่นเอาหญิงอ่อนละมุนเหมือนวุ้นลาย
แต่ยายแก่แม่ม่ายยังตายราบ ต้องลอกคราบยอมเป็นเมียเหมือนเบี้ยหงาย
ไม่ทันถึงครึ่งวันครั้งท่านยาย อันเชื้อชายนี้ไม่เบานะเจ้าคุณ
พลางพูดจาจ๋อแจ๋พอแก้ทุกข์ ความสนุกนั้นไม่ถึงสักกึ่งหุน
สัพยอกศิษย์หาเพราะการุญ คิดอุดหนุนสอนวิชาสารพัน
ให้เล่าเรียนเพียรต่อทั้งพ่อลูก เหมือนส้มสูกแทรกเจือเหลือขยัน
ผู้ใดกินกลืนซ่านทั้งหวานมัน ไว้แก้กันตัวเจ้าเมื่อคราวจน
อันวิชาเรียนร่ำเหมือนน้ำอ้อย มันอร่อยซาบซุ่มทุกขุมขน
จะได้คิดมั่วสุมประชุมพล ต่อเรือกลจักรไกไว้สำรอง ฯ
๏ ขอกล่าวกลับจับความเรือตามหา เข้าแดนชวาเห็นละเมาะเกาะทั้งสอง
ชะวุ้งชะวากปากน้ำเหมือนลำคลอง เขม้นมองไรไรยังไกลตา
กัปตันเห็นไม่ถนัดให้วัดแดด เอาแว่นแฝดส่องสว่างกลางเวหา
เขม้นหมายฉายแสงพระสุริยา พลิกตำราแผนที่ออกคลี่ดู
นี่ปากน้ำสำปันหนาพาราแขก ภาษาแปลกพวกทมิฬไม่กินหมู
บอกต้นหนคนเราแวะเข้าดู เพื่อจะรู้เรื่องราวที่ข่าวนาย
เห็นพร้อมจิตคิดให้จอดทอดเสมอ พอเรือรอเรียงกันแล้วผันผาย
ลงเรือบดปลดกระเชียงออกเรียงราย ทั้งบ่าวนายตีเข้าอ่าวบุรี
ถึงด่านกลางทางแวะเข้าไต่ถาม นายด่านห้ามอย่าเพ่อไปในกรุงศรี
เป็นลูกค้ามาขายหรือไพรี เล่าคดีให้กระจ่างอย่าพรางกัน ฯ
๏ นายเรือบอกออกความที่ถามซัก ให้ประจักษ์แจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์
เราอยู่กำพลเพชรขอบเขตคัน ตัวเรานั้นอยากจะเฝ้าเจ้านคร
ขุนด่านฟังสั่งเสมียนให้เขียนบอก จำลองลอกข้อความนำอักษร
ไปกราบทูลท่านท้าวเจ้านคร จะผันผ่อนโปรดปรานประการใด
พวกสำหรับรับถือหนังสือบอก ลงเรือออกจากท่าชลาไหล
เร่งฝีพายหมายมุ่งเข้ากรุงไกร ถึงแล้วไปบอกขุนนางจางวางเวร ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพารามหากษัตริย์ สรงสหัสธาราทาพิมเสน
นางถวายอยู่งานพัดจัดเป็นเวร แต่ล้วนเกณฑ์หม่อมห้ามทั้งงามงอน
ทรงภูษาค่าเมืองเรืองจำรัส ปั้นเหน่งเม็ดเพชรรัตน์ประภัสสร
ฉลององค์พื้นแดงแย่งมังกร เจียระบาดตาดซ้อนลายสุวรรณ
เหน็บพระแสงกริชกุดั่นกัลเม็ด ประดับเพชรพลอยพรายสายกระสัน
โพกพระเศียรส่านแดงแย่งเครือวัลย์ เช็ดหน้าพันผูกพระศอจรลี
ออกพระโรงรจนาฝากระจก บุษบกอย่างเทศวิเศษศรี
พร้อมขุนนางทุกตำแหน่งแจ้งคดี พลางก็คลี่ใบบอกนั้นออกทูล ฯ
๏ ในสาราข้าพเจ้าพวกชาวด่าน ขอกราบกรานภูวไนยมไหสูรย์
มีกำปั่นยาวใหญ่อันไพบูลย์ ทั้งทูตทูลสารามาด้วยกัน
เป็นข้าเฝ้าเจ้าเมืองกำพลเพชร ขุนนางเจ็ดจะเข้าไปไอศวรรย์
เฝ้าพระองค์พงศ์สวัสดิ์ทรงสัตย์ธรรม์ ถวายบรรณาการแจ้งบ้านเมือง ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าชวารายานั้น เกษมสันต์ฟังเสนาะเพราะหูเหือง
มีบัญชาให้ไปหาพวกแขกเมือง ได้รู้เรื่องราชการสถานใด
เร่งจัดแจงแต่งเรือไปรับสาร จะว่าขานงอนง้อที่ข้อไหน
พอสั่งเสร็จพระเสด็จเข้าวังใน พวกคนใช้สารวัดไปจัดการ
ที่นั่งหงส์ลงไปรับเรือคับคั่ง ประโคมสังข์แตรแซ่ประสาน
มีธงริ้วทิวรายหลายประการ ไปถึงด่านปากน้ำพอค่ำคืน
แจ้งรับสั่งกับขุนด่านเป็นการโปรด สมประโยชน์เสวกาไม่ฝ่าฝืน
แล้วรีบลงหงส์ที่นั่งในกลางคืน เสียงครึกครื้นอัดแอแซ่สำเนียง
พวกเสนาที่เป็นนายฝ่ายทหาร กับนายด่านเร่งกันสนั่นเสียง
เรือรูปสัตว์เสือหมีตีกระเชียง แล้วพายเรียงรีบมุ่งเข้ากรุงไกร ฯ
๏ พอเช้าตรู่สุริยาภาณุมาศ ก็โอภาสรุ่งสางสว่างไข
ประทับท่าหน้าแพแลวิไล แล้วก็ให้ตั้งกระบวนจวนเวลา
เอารถรัดจัดแจงแต่งมารับ เครื่องสำหรับแห่แหนดูแน่นหนา
ฉัตรกระชิงกลิ้งกลดรจนา กระบวนม้ากระบวนธงตรงเข้าเมือง
ขุนนางทูตขี่รถกั้นกลดระย้า เทียมด้วยม้าพาชีล้วนสีเหลือง
ประโคมแตรแห่แหนมาแน่นเนือง พร้อมทั้งเครื่องทวนธงอลงกรณ์
ถึงประตูบูรีที่ประทับ มีผู้รับบรรณาการสารอักษร
แล้วนำแขกเมืองไปในนคร ให้เร่งจรเข้าไปเฝ้าเจ้าบุรินทร์ ฯ
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าชวาอาณาจักร บำรุงรักราษฎรอาวรณ์ถวิล
พระเดชาอานุภาพปราบทมิฬ ครองบุรินทร์เปรมปราสถาวร
พอสามโมงนาฬิกากับห้าบาท ก็ยุรยาตรจากสุวรรณบรรจถรณ์
เสด็จออกพระโรงคัลอันบวร พร้อมนิกรพวกอำมาตย์มาตยา
เธอไต่ถามความเมืองใครเคืองขัด จะได้ตัดสินสุดไม่มุสา
ใครร้อนรนหม่นหมองร้องฎีกา พวกประชามีบ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ พวกเสนาทูลสนองละอองบาท การวิวาทข่มขี่หามีไม่
ราษฎรเป็นสุขไม่ทุกข์ภัย ไม่มีใครฟ้องร้องต้องคดี
แต่ขุนนางข้างเมืองกำพลเพชร มาพร้อมเสร็จว่าจะเฝ้าเจ้ากรุงศรี
จะขอเป็นเกือกทองรองธุลี นำสารศรีมาสนองรองบาทา ฯ
๏ ท้าวเธอฟังสั่งให้อาลักษณ์อ่าน ในเรื่องสารของขุนนางต่างภาษา
กราบบังคมสมเด็จกรุงชวา ขอพึ่งพาบาทบงสุ์พระทรงธรรม์
ซึ่งองค์ท้าวรามเดชเกศกษัตริย์ ผ่านสมบัติกรุงไกรไอศวรรย์
ทิวงคตหมดวงศ์หมดพงศ์พันธุ์ จึงยกท่านมเหสีมีตระกูล
ขึ้นเสวยสวรรยาราชาภิเษก มอบเศวตฉัตรชัยทั้งไอศูรย์
มีหน่อท้าวเจ้าพารานั้นมาทูล ว่าพลัดประยูรพงศ์เผ่าเป็นเจ้านาย
ชื่อพระมังคลานราราช นางมอบราชสมบัติเหมือนมาดหมาย
เลี้ยงเป็นบุตรสุดสวาทไม่คลาดคลาย ไร้สืบสายสุริย์วงศ์เป็นพงศ์พันธุ์
อยู่ได้ห้าปีครึ่งถึงเดือนหก พากันยกพวกพหลพลขันธ์
เกณฑ์ทหารชาญณรงค์คงกระพัน ลงกำปั่นพากันหายไปหลายปี
ให้ข้าพเจ้าอยู่รักษาอาณาเขต แม้นเกิดเหตุเป็นไฉนในกรุงศรี
ใช้เรือให้ไปตามถึงสามปี มิได้มีร่องรอยแต่คอยฟัง
แม้นมิพบเจ้านายเหมือนหมายมุ่ง ขอขึ้นกรุงสำปันหนาเหมือนข้าหวัง
เป็นเจ้านายหมายจิตไม่ปิดบัง จะขอตั้งสัจจาเหมือนมาทูล ฯ
๏ พระทรงฟังสังเวชเสนานัก อาณาจักรแผ่นดินจะสิ้นสูญ
ถ้าแม้นเราจะสละไม่อนุกูล ก็จะสูญซึ่งสมบัติกษัตรา
จำจะช่วยติดตามข้ามสมุทร กว่าจะสุดเขตแขวงทุกแห่งหา
แม้นได้เชื้อเนื้อหน่อกษัตรา คืนพาราไว้ก็เห็นจะเป็นคุณ
จึ่งดำรัสตรัสว่าอย่าเป็นทุกข์ แม้นเกิดยุคล้ำเหลือจะเกื้อหนุน
เราขอบจิตคิดถึงจะพึ่งบุญ อย่าเพ่อวุ่นวายไปภัยจะมี
แม้นตามไปไม่พบนางกฤษณา จึงค่อยหาผู้บำรุงซึ่งกรุงศรี
เราขอคิดติดตามอีกสามปี ถ้าแม้นมิพบปะจึงจะครอง
จะจัดลำกำปั่นไฟให้ไปด้วย จะได้ช่วยเสาะหาท่านอย่าหมอง
คงจะได้สมนึกท่านตรึกตรอง อยู่สักสองสามเวลาจึงคลาไคล ฯ
๏ ครั้นสั่งเสร็จท้าวเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์เนาวรัตน์จำรัสไข
ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าของท้าวไท รีบออกไปสั่งงานจัดการเรือ
ไปหาลำกำปั่นเข้าบรรจบ ทหารรบรวมไปทั้งใต้เหนือ
จ่ายเสบียงเลี้ยงบ่าวทั้งข้าวเกลือ ใช้ในเรือกลไฟให้หลายพัน ฯ
๏ ถึงสี่ค่ำกำหนดประณตน้อม ทูลลาจอมกรุงไกรไอศวรรย์
พวกขุนนางที่จะไปให้รางวัล ทั้งแพรพรรณเสื้อหมวกพวกทูลลา
เสด็จขึ้นพากันตรงลงกำปั่น พลขันธ์ไพร่นายทั้งซ้ายขวา
ลงเรือไฟใช้จักรอันศักดา แล่นออกมาจากบุรีพอสี่โมง
ถึงปากอ่าวเช้าตรู่จะดูฤกษ์ เอิกเกริกเร่งไฟใส่โขมง
กำปั่นใบใส่เพลาเสากระโดง สายระโยงระยางขึงให้ตึงดี
พอได้ฤกษ์เลิกโห่ขึ้นสามหน ยิงปืนกลทองปรายท้ายบาหลี
นายท้ายนั่งตั้งเข็มไว้เต็มดี ดูแผนที่ไปพลางในกลางชล
กัปตันส่องกล้องแก้วแววสว่าง ดูทิศทางเกาะแก่งทุกแห่งหน
ไปเดือนครึ่งถึงประเทศเขตตำบล ชื่อเกาะถนนนาคินเป็นดินดาน
เกิดไพฑูรย์อย่างดีสีประหลาด ใสสะอาดน้ำมณีสีสัณฐาน
เหลืองเหมือนทองผ่องศรีมีสังวาล ที่เขียวพานน้ำกลอกขาวหมอกมูล
ที่สีดำน้ำนิลดีปลาสร้อย ตำราพลอยเรียกว่าตาอิสูร
รบพระอินทร์สิ้นชีวงพงศ์ประยูร อัฐิมูลอยู่ที่เกาะจำเพาะมี ฯ
๏ พวกเรือแตกแขกฝรั่งมาตั้งบ้าน ทำตึกร้านเจียระไนมีหลายสี
ทั้งจีนจามพราหมณ์ต้องซื้อของดี ไปขายที่มังกะหล่าหากำไร
พวกกำปั่นนั้นแวะเข้าที่เกาะ เที่ยวสืบเสาะไต่ถามตามสงสัย
บ้างซื้อหาอาหารสำราญใจ ที่เที่ยวไปสืบข่าวเจ้าพารา
เห็นพราหมณ์เฒ่าเจ้าบ้านนั่งสานพ้อม เข้าเกลี้ยกล่อมนั่งไหว้แวะไปหา
ฝ่ายตาพราหมณ์ถามไต่ไปไหนมา พวกเสนาบอกความไปตามตรง
ข้าพเจ้าเป็นชาวกำพลเพชร เที่ยวเตร่เตร็ดวุ่นวายเพราะนายหลง
ข้ามละเมาะเกาะเกียนแต่เวียนวง ไม่พบองค์นางพระยาเจ้าธานี
ท่านพบเห็นเป็นไฉนจงให้ข่าว ได้เรื่องราวบอกบ้างทางวิถี
ประเทศทางกลางแถวแนวนที กำปั่นมีมาบ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ ฝ่ายพราหมณ์เฒ่าเล่าแจ้งแสดงข่าว เมื่อครั้งคราวปีระกาข้าอาศัย
มีกำปั่นนั้นมาจอดทอดอยู่ไกล เห็นยาวใหญ่กว่าแต่หลังได้นั่งมอง
เรือที่มาค้าขายนั้นไม่เท่า ออกแล่นก้าวเร็วรี่ไม่มีสอง
แต่ข้างท้ายลายหงส์มีธงทอง ไปทางห้องหรดีตรงชี้มือ
ถูกเหมือนท่านบอกแจ้งแถลงเล่า ข้าพเจ้าขอรับด้วยนับถือ
จะตามไปทุกถิ่นให้สิ้นมือ ตาพราหมณ์ฮือเหมือนข้าเจ้าก็เศร้าใจ
เดิมถิ่นฐานบ้านอยู่กบิลพัสดุ์ ปะสลัดตีเรือเหลือวิสัย
จะสู้เขาเล่าก็น้อยถอยหนีไป มันก็ไล่ตีชิงยิงด้วยปืน
พอเรือหันฟันใบเอาไปทิ้ง เข้าตีชิงเอาต่อหน้าไม่ฝ่าฝืน
มันโกยเอาสินทรัพย์ไปกับปืน พอมีคลื่นลมกล้าสลาตัน
พยุหวนป่วนปั่นหางเสือหัก มันก็ชักใบเร่ออกเหหัน
เรือข้าเจ้าซัดมาสิบห้าวัน แต่พวกกันล้มตายลงหลายคน
พอเกิดมีลมว่าวเสือกเข้าเกาะ กำลังเคราะห์ว้าเหว่ระเหระหน
พวกเหลือตายทั้งข้าเจ้าสิบเก้าคน แต่อยู่บนเกาะมาสิบห้าปี
แต่พวกเขาเหล่านั้นสักพันเศษ ล้วนแขกเทศวิลันดาพาราณสี
พวกที่อยู่ตึกตั้งเขามั่งมี เพราะเกาะนี้คุ้มกันอันตราย
ด้วยไพฑูรย์มูลมองของวิเศษ ทุกประเทศนับถือได้ซื้อขาย
เป็นของดีมีคุณไม่วุ่นวาย เฝ้าเจ้านายเมตตาทุกธานี
อยู่เรือนใครไพบูลย์พูนสวัสดิ์ คุ้มอุบัทว์ไภยันทั้งกันผี
ทั้งโรคันอันตรายไม่ยายี ผู้ใดมีเก็บไว้ในตระกูล
จะปรารถนาสิ่งใดก็ได้หมด คงปรากฏโภไคยทั้งไอศูรย์
เพราะตำราว่าไว้ในไพฑูรย์ มีสกูลกว่าเพชรเจ็ดประการ
แล้วพราหมณ์เฒ่าเอาแหวนออกส่งให้ เก็บเอาไว้กันตัวชั่วลูกหลาน
ท่านจะไปในระหว่างทางกันดาร คุ้มภัยพาลสารพัดพวกศัตรู
อีกเดือนครึ่งจะถึงเกาะกาหวี ล้วนแต่มีพวกทมิฬไม่กินหมู
มันร้ายกาจชาติอุบัทว์เป็นศัตรู อยู่ประตูเมืองคอยตั้งร้อยพัน
พวกไปมาค้าขายแม้นใครแวะ มันจับแทะกินปอดตลอดสัน
กระดูกกระเดี้ยวเคี้ยวป่นไม่ทนฟัน กินเสียวันเดียวหมดเพราะอดโซ
เจ้าจะไปในประเทศเขตสิงขร อย่าหลับนอนเอกาอนาโถ
ทั้งสัตว์ร้ายในมหาสาคโร ตัวโตโตพ่นน้ำเท่าลำตาล ฯ
๏ พวกกำปั่นฟังท่านพฤฒาเฒ่า แถลงเล่าถึงทะเลเทวฐาน
เป็นถิ่นที่ยากแค้นแสนกันดาร จะประมาณแถวทางกลางทะเล
ท่านสอนสั่งฟังคำจำเอาไว้ แล้วกราบไหว้ลงกำปั่นไม่หันเห
เอาหัวตรงลงไปอาคเนย์ ค่อยหันเหเข็มต่อหรดี
บ้างติดใบใช้จักรชักสมอ ตีม้าฬ่อแล่นไปในวีถี
ต้นหนนั่งตั้งเข็มไว้เต็มดี ดูแผนที่ใช้ใบทั้งไกกล
ออกแล่นกลางทางมหามหรณพ เรือสมทบแลสล้างมากลางหน
ฝูงมัจฉาปลาร้ายขึ้นว่ายวน ในสายชลน้ำแดงดั่งแสงเพลิง ฯ
๏ ฝูงราหูฟูฟ่องขึ้นล่องเล่น ฉนากเห็นฟาดเปิดเตลิดเหลิง
ฉลามไล่ฮุปฟัดกระจัดกระเจิง โลมาเริงผุดพ้นชลธาร
ฝูงพิมพาพากันไล่ฟันคลื่น เพียนทองพื้นเพียนทองซ้องประสาน
ฝูงเหราร่าเริงละเลิงลาน พวกปลาวาฬวานว่ายในสายชล
ฝูงเงือกน้ำดำด้นเที่ยวค้นคู่ เป็นหมู่หมู่กลอกกลับอยู่สับสน
มังกรกลาดฟาดหางในกลางวน เที่ยวดั้นด้นหาเหยื่อเหลือคะนอง
พวกฝูงปลาหน้าคนขึ้นกล่นเกลื่อน ว่ายตามเพื่อนพวกกันผันผยอง
ฝูงม้าน้ำทำท่าม้าลำพอง เผ่นผยองอย่างพระยาอาชาไนย
อันสัตว์ร้ายหลายหลากมากนักหนา จะพรรณาก็มิอาจจะหวาดไหว
จะจดจำร่ำว่าจะช้าไป แต่พอได้เรื่องราวดังกล่าวกลอน
กำปั่นไฟไปถึงเกาะกาหวี เข้าจอดที่เมืองใหม่ใกล้สิงขร
ทั้งเรือใบใส่เสบียงเลี้ยงนิกร เข้าพักผ่อนทอดเรียงเคียงกันไป
กำหนดครบเดือนครึ่งพอถึงเข้า เหมือนพราหมณ์เฒ่าชี้แจงแถลงไข
ดูถิ่นฐานบ้านเมืองติดเนื่องไป เห็นจะได้สืบสาวถึงเจ้านาย ฯ
๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช อยู่กับบาทหลวงอาจารย์นานใจหาย
เมื่อจะพบไพร่ฟ้าเสนานาย ค่อยสบายหลับนอนไม่ร้อนรน
เกิดนิมิตพิสดารว่าดวงแก้ว สว่างแววอยู่บนฟ้าเวหาหน
แล้วตกลงตรงหน้าประชาชน เกิดเป็นฝนสาดรอบขอบคีรินทร์
แล้วดวงแก้วแววเวียนวิเชียรช่วง เป็นรุ้งร่วงอยู่บนแท่นแสนถวิล
พระฟื้นองค์สรงชลหมดมลทิน หน่อนรินทร์ทั้งสามตามลีลา
ออกแท่นรัตน์ชัชวาลอย่างฝรั่ง พร้อมสะพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา
พอบาทหลวงลุกเดินดำเนินมา พระมังคลาเชิญให้นั่งบัลลังก์ทอง
แล้วเล่าตามความฝันอันนิมิต บาทหลวงคิดเห็นดีไม่มีสอง
ฝันว่าแก้วรัศมีสีเรืองรอง คือพวกพ้องเราจะมาถึงธานี
ซึ่งฝนตกรอบเกาะที่เคราะห์ร้าย จะสูญหายลาภเลิศประเสริฐศรี
อันดวงแก้วแววสว่างกระจ่างดี ตกบนที่แท่นรัตน์ชัชวาล
คงได้คู่สู่สมภิรมย์รส จะปรากฏแจ้งสิ้นทุกถิ่นฐาน
คอยฟังข่าวเขาคงมาไม่ช้านาน เห็นได้การจริงจังเองฟังดู
แล้วอวยพรให้สวัสดิ์พิพัฒน์ผล เป็นมงคลเหมือนกว่าหนาอ้ายหนู
ชัยชนะสารพัดแก่ศัตรู ให้มีผู้กรุณาในสามัญ ฯ
๏ พระมังคลาสาธุขอลุลาภ แม้นได้ปราบศึกเสือเหลือขยัน
รับเอาพรพระอาจารย์สำราญครัน กำหนดวันเดือนปีที่ทำนาย ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายกำปั่นมาบรรจบ ทั้งเรือรบเรือไฟเหมือนใจหมาย
พร้อมสะพรั่งทั้งพหลพลนิกาย ขึ้นหาดทรายเดินมาหน้าบุรี
เห็นผู้คนในพาราออกหาผัก จึงร้องทักพวกไพร่ในกรุงศรี
จงหยุดยั้งรั้งราจะพาที ชาวบุรีซักถามไปตามแคลง
มาแต่ไหนนายขาบอกข้ามั่ง จะขอฟังท่านจงกล่าวเล่าแถลง
หรือว่าเป็นพวกสลัดเที่ยวลัดแลง มาแอบแฝงปล้นชิงหรือวิ่งราว ฯ
๏ พวกกำปั่นนั้นว่าข้าคนซื่อ มิได้ถือโจรกรรมเที่ยวทำฉาว
การโกหกฉกชิงหรือวิ่งราว ท่านอย่ากล่าวหยามหยาบจะบาปกรรม
เราเป็นพวกคนธรรพ์เหมือนมั่นหมาย ตามเจ้านายที่ท่านชุบอุปถัมภ์
กตัญญูรู้บ้างในทางธรรม เราอยู่กำพลเพชรเขตนคร ฯ
๏ พวกชาวเมืองรู้แจ้งไม่แคลงจิต นั่งพินิจรู้ตลอดแล้วทอดถอน
คะนึงพลางทางมีสุนทรวอน ท่านอยู่ก่อนจะไปแจ้งแสดงความ
แล้วลุกลาพาเพื่อนกันกลับหลัง เข้าในวังบอกขุนนางต่างไต่ถาม
ว่าเมืองเราเขาคิดมาติดตาม ท่านเอาความกราบทูลมูลคดี ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช ออกนั่งอาสน์เนาวรัตน์จำรัสศรี
พร้อมสะพรั่งทั้งพหลแลมนตรี นำคดีทูลองค์พระทรงธรรม์
ว่าข้าเก่าเหล่าเมืองกำพลเพชร มาเบ็ดเสร็จเจ็ดนายรีบผายผัน
ทั้งชวามาตามด้วยครามครัน ถึงพร้อมกันจะมาเฝ้าเจ้าแผ่นดิน ฯ
๏ พระอิ่มเอมเปรมปราในมาโนช รับสั่งโปรดชื่นชมสมถวิล
จงเร่งรีบรับมาในธานินทร์ ชาวบุรินทร์อุตส่าห์คิดมาติดตาม
ขุนนางสั่งม้าใช้ให้ไปบอก เขาอยู่นอกเวียงชัยเร่งไปถาม
พวกขุนนางต่างแจ้งแห่งเนื้อความ ก็รีบตามมาเฝ้าถึงเจ้านาย
ศิโรราบกราบก้มบังคมบาท กับปนาทนึกไปแล้วใจหาย
ไม่เห็นองค์นางพระยาเสนานาย จึ่งภิปรายทูลถามด้วยความแคลง
อันพระยอดเยาว์วิมลไปหนไหน จึงมิได้เสด็จมาข้ายังแหนง
หรือกริ้วโกรธโทษทัณฑ์ฉันยังแคลง ขอพระองค์จงแจ้งแสดงความ ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาปัญญาฉลาด กับสังฆราชตรึกไตรฟังไต่ถาม
จึงเอื้อนอรรถตรัสบอกออกเนื้อความ เมื่อเราข้ามฟากฝั่งไปลังกา
ทำสงครามสามเดือนไม่เคลื่อนคลาด กับหมู่ญาติเผ่าพงศ์พวกวงศา
เกิดวิบัติขัดขวางกลางชลา เพราะนัดดาลักพระขรรค์จึงอันตราย
ทัพก็แตกแยกย้ายพลัดพรายหมด นางกำสรดเศร้าใจมิใคร่หาย
เราจึ่งเข้าปรนนิบัติไม่คลาดคลาย นางภิปรายปราศรัยเป็นไมตรี
ให้เราผู้ลูกเลี้ยงเคียงถนอม นางยินยอมในเล่ห์มเหสี
ตามประสงค์ตรงเสน่ห์ประเวณี จึ่งได้มีบุตรตามกันสามองค์
แล้วพระนางวางวายทิวงคต เธอเปลื้องปลดไปสวรรค์อันประสงค์
ฝากกุมารหน่อเนื้อในเชื้อวงศ์ ให้ดำรงมนเทียรวิเชียรพราย
เทวสินธุ์ผู้พี่นี่แน่ท่าน ถัดไปนั่นน้องกลางเหมือนอย่างหมาย
ให้ชื่อเทพจินดาดาราราย นั่นน้องชายราเมศวิเศษครัน
เราจึ่งพามาอยู่ในเมืองนี้ เพราะบุญมีมากเหลือเชื้อสวรรค์
นางไปอยู่สถานวิมานจันทร์ ชื่อนาควันเทวบุตรเหมือนภุชงค์ ฯ
๏ พวกขุนนางต่างทราบเนื้อความสิ้น ว่านางปิ่นอิศราพระยาหงส์
สิ้นประยูรสูญชีวิตถึงปลิดปลง แล้วทูลองค์มังคลาเจ้าธานี
คืนประเทศเขตขอบกำพลเพชร เชิญเสด็จไปบำรุงซึ่งกรุงศรี
ราษฎรร้อนใจเพราะไม่มี เจ้าบุรีป้องกันสวรรยา
จะขอเชิญหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ผ่านสมบัติไอศวรรย์ให้หรรษา
ทั้งจะได้ปกเกล้าชาวประชา พระมังคลารับคำจะทำตาม
จึ่งปรึกษาสังฆราชท่านบาทหลวง ถูกกระทรวงหรือไม่ขอไต่ถาม
พระคุณเห็นเป็นไฉนจะได้ตาม ด้วยเป็นความไกลตาต้องหารือ
๏ ฝ่ายบาทหลวงห่วงทรัพย์ที่เมืองนั้น คิดผ่อนผันกันไปไม่ได้หรือ
เอาลูกชายครองเมืองให้เลื่องลือ เจ้าที่ชื่อเทวสินธุ์อยู่กินแทน
เทพจินดาน้องที่สองนั้น รับพระบัณฑูรเล่าได้เฝ้าแหน
เป็นฝ่ายหน้าว่าราชการแทน อยู่เขตแดนวังหน้าริมสาคร
แต่ราเมศน้องชายเป็นฝ่ายหลัง ให้ไปตั้งอยู่ที่ท้ายชายสิงขร
เร่งแต่งงานการภิเษกสยุมพร ครองนครเป็นกษัตริย์สวัสดี
ภิเษกสามตามวงศ์ดำรงภพ ขจรจบเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
เสร็จภิเษกเอกฉัตรสวัสดี บรรดาที่คนเก่าอย่าเอาไป
แล้วพระองค์ทรงสั่งการภิเษก เสนาเอกรับสั่งนั่งไสว
เร่งบาดหมายทุกตำแหน่งให้แจ้งใจ เร่งทำในเจ็ดวันเหมือนสัญญา ฯ
๏ พอสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์แท่นสุวรรณด้วยหรรษา
พนักงานจัดแจงแต่งพารา สี่ปรางค์ปราจะภิเษกเป็นเอกองค์
ตั้งพิธีสี่เสาเพดานดาด ผ้าขาวลาดสุจหนี่แต่งที่สรง
ราชวัติฉัตรสุวรรณให้กั้นองค์ พระเต้าสรงสังข์กลศรดวารี
ทิพย์ปทุมธารากระยาสนาน ตั้งเครื่องอานอย่างเอกภิเษกศรี
แว่นสุวรรณขันถมยาราชาวดี พานพระศรีพระแสงทรงอลงกรณ์
บายศรีแก้วแวววับประดับเพชร มงกุฎเก็จเนาวรัตน์ประภัสสร
เศวตฉัตรพัดโบกแลจามร พระแสงศรเสโล่โตมรา
แล้วสำเร็จเสร็จเรื่องพิธีพร้อม ทูลพระจอมจักรพงศ์พระวงศา
วันสี่ค่ำกำหนดจะราชา ภิเษกสามกุมาราครองธานี ฯ
๏ ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นพิภพ คิดปรารภที่จะกลับซึ่งกรุงศรี
เสด็จออกพระโรงคัลอัญชลี พร้อมทั้งสี่โหราประชากร
ให้จุดเทียนเวียนแว่นวิเชียรรัตน์ ตามกษัตริย์อิศโรสโมสร
ประโคมแซ่แตรสังข์ทั้งแตรงอน ประสานซ้อนเสียงดังกังสดาล
มโหระทึกกึกก้องกลองวิลาศ ทั้งพิณพาทย์จำเรียงเสียงประสาน
โปรยดอกไม้เงินทองของตระการ พนักงานทูลถวายฝ่ายกำนัล
สรงสหัสธารามณฑาภิเษก มอบเศวกระฉัตรชัยไอศวรรย์
แล้วอวยพรหน่อนเรศครองเขตคัน เป็นจอมจรรโลงลบจบสกล
ให้อายุเจ้ายืนหมื่นพรรษา จงวัฒนาในสมบัติพิพัฒน์ผล
บำรุงประชาราษฎรคิดผ่อนปรน อย่าให้คนเดือดร้อนเหมือนก่อนมา
พระเทวสินธุ์จินดาทั้งราเมศ ครองประเทศไอศวรรย์ให้หรรษา
พ่อกับท่านสังฆราชจะคลาดคลา ไปพาราดับร้อนให้ผ่อนเย็น
ไม่ช้านักจักมาพาราเจ้า แต่เมืองเก่าเกิดทุกข์ถึงยุคเข็ญ
แม้นมิไปไหนนครจะหย่อนเย็น ก็จำเป็นไปจำไคลคลา ฯ
๏ พระเทวสินธุ์ยินคำที่ร่ำสอน ขอรับพรวางไว้ในเกศา
ทั้งสามองค์ทรงสะอื้นกลืนน้ำตา พระมังคลากอดบุตรสุดอาลัย
พ่อจำเป็นจำพรากไปจากเจ้า อย่าโศกเศร้าหม่นหมองจงผ่องใส
พวกคนดีมีวิชาเสนาใน พ่อก็ให้อยู่กับเจ้าถึงเก้าพัน
ถึงศัตรูหมู่ปัจจามาทุกทิศ มันคุมคิดเขาคงฆ่าให้อาสัญ
อย่าทุกข์ร้อนสอนสั่งระวังกัน ครองเขตขัณฑเสมาพาราเรา ฯ
๏ ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร กับสังฆราชจากสถานพิมานเฉลา
เฉลิมเลิศหลายสีมณีเพรา กับฝูงเหล่าแขกชวาประชากร
ลงกำปั่นสุวรรณหงส์มีธงปัก ท้ายสลักเรืองไรรูปไกรสร
ที่นั่งทองห้องท้ายลายมังกร จอดสลอนใต้เหนือล้วนเรือไฟ
พวกเสนาข้าทูลละอองบาท เดียรดาษพร้อมพรั่งนั่งไสว
นายกำปั่นหันระยางให้กางใบ บ้างติดไฟไขสลักให้จักรเดิน
ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องกลองสนั่น ออกกำปั่นจากเกาะดั่งเหาะเทิน
ชมมัจฉาปลาใหญ่พอใจเพลิน แล้วรีบเดินเรือมาในสาคร
กำปั่นตามข้ามมหาสาคเรศ พ้นประเทศเหล่าละเมาะเกาะสิงขร
เย็นพยับอับแสงทินกร พระจันทร์จรแจ่มฟ้านภาลัย
บาทหลวงเรียกมังคลามาข้างนอก แล้วชี้บอกดวงดาวขาวไสว
โรหิณีสีแดงดั่งแสงไฟ ดาวลูกไก่ตรงหน้าดาวพาชี
ตำราเรียกฤกษ์สามตามตำหรับ แม้นเคียงกับจันทราร่วมราศี
พวกโจรจะกล้าแข็งแรงราวี เจ้าบุรีราษฎรมักร้อนรน
ตรงมือชี้นี่แน่ดาวมิคเศียร เองจงเรียนจำไว้หนาอย่าฉงน
แม้นร่วมราศีศุกร์มักทุกข์ทน บังเกิดฝนแล้งไปลูกไม้แพง
โน่นดาวลูกไก่ใกล้กันกับดาวฆะ ต้องชนะข้าศึกอย่านึกแหนง
พลางบอกกล่าวเล่าคดีแล้วชี้แจง ตามตำแหน่งโหรทายร้ายแลดี
พอเดือนดับลับฟ้าเวหาหน เป็นหมอกมนมืดมัวทั่ววิถี
จวนจะแจ้งแสงอุทัยในนที ลมก็มีริ้วริ้วติดทิวธง
ระลอกลั่นครั่นครื้นเป็นคลื่นซัด พลางแล่นลัดเรือบัลลังก์ที่นั่งหงส์
ทั้งเรือตามสามกระบวนปักทวนธง พวกไต้ก๋งตั้งเข็มเต็มชำนาญ
หมายประเทศเขตแดนตามแผนที่ ออกแล่นรี่ไปตามทางหว่างอิสาน
ชมมหาสาคโรชโลธาร ตามถิ่นฐานมีละเมาะเป็นเกาะเกียน
พวกเรือแตกแปลกภาษาขึ้นอาศัย มีพุ่มไม้หลายหลากดั่งฉากเขียน
ทั้งกรวดทรายชายหาดดาษเดียร ดูราบเลี่ยนพรายพร้อยมีหอยปู
ข้ามชะวากปากอ่าวกบิลพัสดุ์ แหลมสุหรัดพวกทมิฬไม่กินหมู
ใกล้ประเทศเขตชวามลายู ต้นหนดูแผนที่ต่างดีใจ
อีกวันครึ่งก็จะถึงสำปันหนา พวกชวาบอกกันเสียงหวั่นไหว
เกีอบจะถึงถิ่นฐานสำราญใจ จะได้ไปหาเมียนั่งเคลียคลอ
กูจากไปสามเดือนแท้แม่อีหนู จะเล่นชู้หรือกระไรไฉนหนอ
แม้นถึงเรือนเพื่อนกูคงรู้คอ ถองให้พ่อตาดูกูไม่ฟัง
ที่ลางคนบ่นว่าถ้าเช่นนั้น ชกให้ท่านตาเฒ่านั่งเกาหลัง
ถึงแม่ยายพายผู้กูไม่ฟัง ผิดกูนั่งคัดข้อขึ้นต่อเรียน ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ