- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
๏ จะกล่าวเรื่องเมืองผลึกราชฐาน | ป้อมปราการเชิงเทินล้วนเนินผา |
ซุ้มทวารบานบังใบเสมา | ล้วนศิลาเลื่อมลายดูพรายพราว |
มีปราสาทสูงเยี่ยมขึ้นเทียมเมฆ | อดิเรกรุ่งฟ้าเวหาหาว |
นภศูลแสงแก้วดูแวววาว | ดังดวงดาวเด่นกระจ่างอยู่กลางวัน |
พระโรงธารชานพักตำหนักแก้ว | แต่ล้วนแล้วด้วยมุกดาฝาผนัง |
ทั้งเสื้อผ้าเงินทองสิบสองคลัง | ก็มั่งคั่งยิ่งกว่าทุกธานี |
อันไพร่ฟ้าประชาชนออกล้นหลาม | นิคมคามประเทศล้วนเศรษฐี |
ทั้งโหราพฤฒามาตย์ราชกวี | ชาวบุรีเริงรื่นทุกคืนวัน |
พระนามท้าวเจ้าบุรินทร์สิลราช | พระนางนาฏนามมิ่งมณฑาสวรรค์ |
มีบุตรีศรีนลาฏดังดวงจันทร์ | ชื่อสุวรรณมาลีนีรมล |
เจ้าลังกามาขอให้โอรส | ได้กำหนดนัดวิวาห์สถาผล |
ถึงเดือนเก้าเขาจะแต่งการมงคล | แต่กุศลสองไม่เคยได้เชยชม ฯ |
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ | จะกำจัดไปข้างคู่เคยสู่สม |
ปัจจุสมัยไก่ขันนางบรรทม | ฝันว่าได้ไปชมชลาลัย |
เห็นดวงแก้วแววสว่างอยู่กลางเกาะ | นางก็เหาะลอยลิบไปหยิบได้ |
สะดุ้งตื่นฟื้นกายสิหายไป | เสียน้ำใจจาบัลย์ทุกวันคืน |
ไม่แต่งองค์สรงเสวยเลยไสยาสน์ | หวังสวาทจินดาไม่ฝ่าฝืน |
คิดถึงฝันกลั้นโศกก็สุดกลืน | ซบสะอื้นอาวรณ์ร้อนฤทัย ฯ |
๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงเคียงปลอบประโลมถาม | นางเล่าความจริงแจ้งแถลงไข |
สี่พี่เลี้ยงสงสารรำคาญใจ | ไปทูลไทบิตุราชมาตุรงค์ ฯ |
๏ กรุงกษัตริย์ตรัสสั่งพี่เลี้ยงว่า | กูจะพาไปให้ชมสมประสงค์ |
เองกลับไปเล้าโลมนางโฉมยง | ให้แต่องค์สรงน้ำให้สำราญ |
แล้วลีลามายังบัลลังก์โถง | ท้องพระโรงรจนามุกดาหาร |
แสนเสนาข้าบาทราชการ | ก็หมอบกรานกราบก้มบังคมคัล |
จอมกษัตริย์ตรัสแจ้งแถลงเล่า | ให้โหรเฒ่าทักทายทำนายฝัน |
อันนิมิตธิดาวิลาวัณย์ | จะโศกศัลย์หรือจะสุขสนุกสบาย ฯ |
๏ โหรารับจับยามตามโฉลก | อุษาโยคยามจันทร์เจ็ดชั้นฉาย |
ลงกระดานหารคูณแล้วทูลทาย | ดีกับร้ายราวครึ่งพอกึ่งกัน |
ฝันว่าได้ไปทะเลเที่ยวเร่ร่อน | จำจะจรจากไกลไอศวรรย์ |
แล้วขึ้นเกาะเหาะเหินเจริญครัน | จะลือลั่นโลกาทั้งธานี |
ซึ่งชูช่วงดวงแก้วแววสว่าง | คือคู่สร้างพระธิดามารศรี |
จะได้ชมสมสองครองบุรี | เป็นโมลีโลกาสถาพร ฯ |
๏ พระฟังโหรเฒ่าทายทำนายฝัน | คิดสำคัญว่าเป็นคู่สู่สมร |
ด้วยจวนการอภิเษกสยุมพร | ให้อาวรณ์หวาดหวั่นจึงฝันไป |
ซึ่งว่าเคราะห์เพราะจะจากราชฐาน | ไปชมชานเชิงผาชลาไหล |
ดำริพลางทางสั่งเสนาใน | เราจะไปอ่าวสมุทรกับบุตรี |
นางจะได้ชมเขาลำเนาเกาะ | ให้สิ้นเคราะห์เพราะว่าจากปราสาทศรี |
จงตระเตรียมเภตราในราตรี | รุ่งพรุ่งนี้เราจะพาธิดาไป |
สั่งกำชับสรรพเสร็จเสด็จขึ้น | ประโคมครื้นครึกครั่นสนั่นไหว |
ฝ่ายมนตรีกรมท่าเสนาใน | ไม่นอนใจรีบรัดไปจัดแจง |
ต่างยกเสาสำเภาใส่ทั้งใบผ้า | เลือกล้าต้าต้นหนล้วนคนแข็ง |
ลำที่นั่งดั้งกันกับคู่แซง | ใส่ธงแดงเขียวเหลืองเรืองระยับ |
ปืนฝรั่งจังกาทั้งหน้าท้าย | มีปืนรายรอบข้างสล้างสลับ |
แล้วถอยเลื่อนเคลื่อนคลามาประทับ | คอยเรียงรับอยู่ที่ท่าหน้าธานี ฯ |
๏ สมเด็จท้าวเจ้าบุรินทร์สิลราช | ครั้นภาณุมาศลับเหลี่ยมคิรีศรี |
ให้สาวใช้ไปบอกพระบุตรี | ว่าพรุ่งนี้จะไปชมยมนา |
โฉมสุวรรณมาลีศรีสมร | ดังจะจรไปสวรรค์ด้วยหรรษา |
สั่งพี่เลี้ยงสาวสรรค์กัลยา | ให้ตรวจตราเครื่องอานสำราญใจ ฯ |
๏ ฝ่ายนารีที่จะตามเสด็จด้วย | ล้วนสะสวยโสภาอัชฌาสัย |
บ้างอุตส่าห์หาของสำรองไป | แหนบตะไกรกระจกหวีใส่กลี่งา |
บ้างเลือกผ้าสารพัดแล้วจัดจีบ | เอาใส่หีบใบใหญ่ไม้ชำฉา |
บ้างนั่งปรุงหุงขี้ผึ้งถึงตำรา | เร่งจัดหาเผื่อไปในทะเล |
บ้างจัดของเคยแต่งแป้งขมิ้น | ของตัวสิ้นอุตส่าห์ไปเที่ยวไขว้เขว |
สาวสุรางค์นางสนมสมคะเน | ไปทะเลหาหอยสักร้อยใบ |
บ้างอบน้ำทำจันทน์กระแจะแป้ง | ล้วนเครื่องแต่งตามประสาอัชฌาสัย |
ทั้งหีบหมากนากทองของใส่ใน | ไปทางไกลหมากหมดจะอดโซ |
เจ้าขรัวนายท้าวนางว่าทางเปลี่ยว | เอาของเปรี้ยวหวานไปให้อะโข |
เลือกขนมส้มจีนใส่ปิ่นโต | เปลือกส้มโอแช่อิ่มทับทิมพลับ |
บ้างว่าน้ำเค็มจัดจะขัดสน | เอาทะนนน้อยใหญ่ไปสำหรับ |
บ้างเรียกข้ามานั่งสั่งกำชับ | เอาสินทรัพย์มอบหมายรายบาญชี |
พอฟ้าขาวเช้ามืดขมุกขมัว | ต่างแต่งตัวนุ่งห่มให้สมศรี |
ทั้งโฉมยงนงนุชพระบุตรี | มาพร้อมที่ปรางค์รัตน์กษัตรา ฯ |
๏ ฝ่ายองค์ท้าวสิลราชไสยาสน์ตื่น | สำราญรื่นแต่งองค์ทรงภูษา |
ชวนบุตรีลีลาศลงเภตรา | พร้อมบรรดาสาวสุรางค์นางกำนัล |
พระทรงนั่งยังแท่นท้ายบาหลี | ฝูงนารีแซ่ซ้องอยู่ห้องกั้น |
เหล่าล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น | เร่งให้ขันกว้านโห่โล้สำเภา |
ทั้งหน้าหลังดั้งกันลั่นม้าล่อ | แล้วขันช่อชักใบขึ้นใส่เสา |
พอออกอ่าวลมอุตรามาเพลาเพลา | แล่นสำเภาผางผางมากลางชล |
นางสาวสาวชาววังนั่งชะแง้ | ตะลึงแลเกาะแก่งทุกแห่งหน |
ให้เปล่าตาว้าเหว่ทะเลวน | ดูมัวมนหมอกกลุ้มชอุ่มควัน |
ทั้งน้ำเขียวเกลียวคลื่นเสียงครื้นครึก | ไม่รู้สึกสมประดีไม่มีขวัญ |
บ้างคลื่นเหียนเวียนวิงเข้าพิงกัน | ให้หวาดหวั่นวิญญาณ์ระอาใจ ฯ |
๏ กรุงกษัตริย์ตรัสชวนพระลูกแก้ว | ให้ชมแถวที่ชลาคงคาใส |
เหล่าละเมาะเกาะเกียนเหมือนเขียนไว้ | มีเขาไม้โขดคุ่มงุ้มชะเงื้อม |
บ้างงอกง้ำน้ำท่วมถึงเชิงผา | แผ่นศิลาแลลื่นคลื่นกระเพื่อม |
เสียงดังโครมใหญ่ไม่กระเทื้อม | เป็นไคลเลื่อมเลื่อมผาศิลาลาย |
พอลมเรื่อยเฉื่อยชื่นคลื่นสงัด | ให้แล่นตัดไปตามวนชลสาย |
ชมมัจฉาสารพัดพวกสัตว์ร้าย | เห็นคล้ายคล้ายว่ายเคล้าสำเภาจร |
ฝูงกระโห้โลมาขึ้นคลาคล่ำ | บ้างผุดดำเคลื่อนคล้อยลอยสลอน |
ทั้งกริวกราวเต่าปลาในสาคร | เที่ยวสัญจรหากินในสินธู |
ฝูงฉลามล้วนฉลามมาตามคลื่น | ฉนากตื่นชมฉนากไม่จากคู่ |
ปลาวาฬวนพ่นฟองขึ้นฟ่องฟู | ทั้งราหูเหราสารพัน ฯ |
๏ นางโฉมยงหลงเพลินจำเริญจิต | นั่งพินิจนึกเห็นเหมือนเช่นฝัน |
เป็นกองกรรมจำพรากจะจากกัน | พอสายัณห์เย็นพยับลับโพยม |
ให้บ่ายลำสำเภาจะเข้าฝั่ง | คงคาคลั่งคลื่นกลุ้มกระทุ่มโถม |
สลาตันลั่นพิลึกเสียงครึกโครม | สำเภาเอียงเพียงจะโทรมทรุดทำลาย |
ลำที่นั่งดั้งกันออกฟันคลื่น | จนเที่ยงคืนลมใหญ่ก็ไม่หาย |
พายุหวนป่วนปัดกระจัดกระจาย | ออกเรี่ยรายร้องเรียกกันเพรียกไป |
แต่ลำทรงหลงอ่าวก้าวออกนอก | ต้องระลอกลมแดงก็แพลงไถล |
ออกน้ำเขียวเดี่ยวโดดลิงโลดใจ | พายุใหญ่ตีตึงตะบึงมา ฯ |
๏ ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเป็นคลื่นคลั่ง | เรือที่นั่งซัดไปไกลหนักหนา |
จนพ้นแดนแผ่นดินสิ้นสายตา | ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด |
พระบุตรีพี่เลี้ยงสาวสนม | ต่างซบซมโศกาน้ำตาไหล |
สะอื้นร่ำจ้ำจี้พิรี้พิไร | รู้กระนี้ที่ไหนใครจะมา |
ถึงม้วยมอดวอดวายจะตายบก | นี่มาตกน้ำตายอายมัจฉา |
บ้างบ่นว่าพ่อแม่แก่ชรา | ทั้งป้าน้าน้องพี่อยู่ที่วัง |
ท่านท้าวนางต่างเศร้าถึงข้าวของ | ใครจะครองสืบสายไปภายหลัง |
เหล่าลูกหนี้ที่ติดจะปิดบัง | ไม่ได้ทั้งดอกเบี้ยน่าเสียดาย |
นางสาวสาวเศร้าจิตคิดถึงเพื่อน | จะมาเยือนเช้าเย็นไม่เห็นหาย |
แต่คลาดแคล้วแล้วมิหนำจะซ้ำตาย | ต่างฟูมฟายชลนาไม่ราวัน ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงฤทธิ์บิตุราช | ให้หวั่นหวาดวิญญาณ์เพียงอาสัญ |
ถามล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น | เคยสำคัญทิศทางเป็นอย่างไร |
ซึ่งสำเภาเราซัดมาบัดนี้ | จะเป็นที่เกาะแก่งตำแหน่งไหน |
จะใกล้อ่าวพาราหรือมาไกล | ทำกระไรจึงจะแจ้งแห่งหนทาง ฯ |
๏ พวกล้าต้าต้นหนก็จนจิต | เป็นสุดคิดสารพัดจะขัดขวาง |
ต่างหยิบเอาแผนที่มาคลี่กาง | หาหนทางที่สำคัญก็ฟั่นเฟือน |
ต่างทูลว่ามานี่เห็นลึกลับ | สิ้นตำรับแผนที่ไม่มีเหมือน |
ครั้นจะจำสำคัญตะวันเดือน | ก็กลบเกลื่อนมืดมาหลายราตรี |
ซึ่งลำทรงหลงทางมากลางสมุทร | ควรจะหยุดยับยั้งตั้งบายศรี |
เครื่องบูชาสารพัดทั้งบัตรพลี | จะบวงผีถามทางกลางคงคา ฯ |
๏ กรุงกษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ | ผู้ใดรู้สิ่งใดให้ปรึกษา |
แล้วสั่งให้ทอดสมอลงรอรา | อยู่ตรงหน้าเกาะขวางข้างคิรี ฯ |
๏ ฝ่ายต้นหนคนประจำลำที่นั่ง | จึงแต่งตั้งโต๊ะใหญ่ใส่บายศรี |
ทั้งเป็ดไก่กุ้งปลาบรรดามี | เหล้าอาหนีล้วนเข้มเต็มประดา |
แล้วเชือดแพะแกะขว้างลงกลางน้ำ | พลีกรรมภูตพรายทั้งซ้ายขวา |
พลางสมมุติจุดธูปเทียนบูชา | รินสุราเซ่นสรวงแล้วบวงบน |
บังคมคัลวันทาเทพารักษ์ | ซึ่งสำนักเกาะแก่งทุกแห่งหน |
เทพเจ้าเขาขวางในกลางวน | อยู่สายชลขึ้นล่องท้องชลา |
ข้าแต่งตั้งสังเวยเคยคำนับ | เชิญมารับเครื่องมัจฉะมังสา |
จะขอทางกลางทะเลกับเทวา | แล้วตีม้าล่อลั่นสนั่นดัง ฯ |
๏ พอเจ้าเข้าเจ้าขรัวนายให้กายสั่น | ลุกถลันเหลือกตาเหมือนบ้าหลัง |
นุ่งลอยชายกรายมาหน้าบัลลังก์ | ขึ้นโต๊ะตั้งนั่งรินกินสุรา |
เห็นไก่ดิบหยิบปีกฉีกกระชาก | เอาใส่ปากเคี้ยวกินจนสิ้นขา |
หัวเราะเร่อเออออเจ้าให้เรามา | จะปรารถนาสิ่งไรทั้งไพร่นาย ฯ |
๏ ฝ่ายต้นหนคนสำคัญจึงนบน้อม | แล้วว่าจอมจักรพรรดิให้จัดถวาย |
ด้วยเรือซัดพลัดพหลพลนิกาย | มาเป็นหลายคืนวันแทบบรรลัย |
ให้เชิญมาว่าจะถามเนื้อความท่าน | ท่านอยู่ศาลสิงขรชะง่อนไหน |
ช่วยชี้คุ้งกรุงผลึกเหมือนนึกไว้ | เทพไทเทวาจงปรานี ฯ |
๏ ฝ่ายปู่เจ้าหาวเรอเผยอหน้า | นั่งหลับตาเชื่อมซึมดื่มอาหนี |
แล้วว่ากูปู่เจ้าเขาคิรี | ทะเลนี้มิใช่แคว้นแดนมนุษย์ |
ปรอทแร่แม่เหล็กก็มีมาก | ชื่อว่านาควารินสินธุ์สมุทร |
ฝูงนาคมาอาศัยด้วยไกลครุฑ | ถ้ายั้งหยุดอยู่ที่นี่จะมีภัย |
จงตัดคลื่นฝืนไปทิศอิสาน | จะพบพานผู้วิเศษข้างเพทไสย |
จึงซักถามตามประสงค์จำนงใจ | จงรีบไปเถิดออเจ้าเราจะลา |
เจ้าขรัวนายล้มกลิ้งลงนิ่งแน่ | หมอเข้าแก้ฟื้นกายอายนักหนา |
เข้าในห้องร้องไห้ฟายน้ำตา | เมาสุรารากเรอบ่อเพ้อไป ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงยศทศทิศ | เห็นศักดิ์สิทธิ์ปู่เจ้าเขาไศล |
จึงเร่งให้ถอนสมอขันช่อใบ | แล้วแล่นไปตามทางกลางคงคา ฯ |
๏ ฝ่ายสำเภาเหล่าพวกตามเสด็จ | ครั้นถึงเจ็ดวันคืนคลื่นนักหนา |
ครั้นลมหายสายสว่างกระจ่างตา | เที่ยวแล่นหากันไขว่ในนที |
ไม่เห็นเรือลำทรงพงศ์กษัตริย์ | ก็ก้าวตัดข้ามคุ้งเข้ากรุงศรี |
ทูลโฉมยงองค์อัครเทวี | ว่าบุตรีกรุงกษัตริย์นั้นพลัดไป ฯ |
๏ ฝ่ายนางนาฏมณฑาพระยาหญิง | อนาถนิ่งนึกพรั่นประหวั่นไหว |
แล้วว่ากรรมเอ๋ยกรรมทำฉันใด | จึงจะได้รู้ความตามพระองค์ |
หรือเสียเรือเมื่อยังกำลังคลื่น | จึงไม่คืนเข้าวังดังประสงค์ |
ให้ร้อนเร่าเศร้าหมองถึงสององค์ | กันแสงทรงโศกซบสลบไป ฯ |
๏ ฝ่ายแสนสาวท้าวนางในปรางค์มาศ | ร้องหวีดหวาดวิ่งแซ่เข้าแก้ไข |
ค่อยรู้สึกนึกโศกแสนอาลัย | จึงสั่งให้โหราพยากรณ์ |
จงพินิจพิศดูพระภูวนาถ | กับองค์ราชบุตรีศรีสมร |
จะม้วยมอดมรณาในสาคร | หรือจะจรกลับมายังธานี ฯ |
๏ โหรคำนับจับยามตามสังเกต | วันศุกรเศษเสาร์สถิตถึงดิถี |
ต้องตำราว่าชายวายชีวี | แต่สตรีจะได้มาแต่ช้านาน |
จะทูลความตามเรื่องที่เคืองแค้น | นางจะแสนโศกาน่าสงสาร |
จะทายที่ดีไว้ให้สำราญ | โหราจารย์จึงประนมบังคมทูล |
พระบุตรีมีบุญดังจุลจักร | จะสูงศักดิ์สืบสายไม่หายสูญ |
สองปีกึ่งจึงจะมาอย่าอาดูร | แกล้งเทียบทูลผ่อนผันด้วยปัญญา ฯ |
๏ นางฟังโหรเฒ่าทายค่อยคลายโศก | ยามวิโยคยังไม่สิ้นถวิลหา |
จึงตรัสถามเสนีผู้ปรีชา | จะตรึกตราคิดอ่านประการใด ฯ |
๏ ฝ่ายมหาอำมาตย์ฉลาดฉลอง | ให้ถูกต้องวิญญาณ์อัชฌาสัย |
จำจะคิดติดตามเสด็จไป | ถ้าหลงใหลแล้วคงจะวงเวียน |
จะขอเกณฑ์เภตราสักห้าร้อย | ออกแล่นลอยเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน |
เที่ยวปักธงทุกละเมาะตามเกาะเกียน | หนังสือเขียนไว้ให้แจ้งแห่งหนทาง |
ทั้งน้ำข้าวเอาขึ้นใส่ไว้ให้ครบ | แม้นมาพบสารพัดไม่ขัดขวาง |
เดชะบุญทูลกระหม่อมไม่อับปาง | เห็นหนทางจะได้มายังธานี ฯ |
๏ นางฟังคำอำมาตย์ฉลาดคิด | ค่อยเปลื้องปลิดขุ่นข้องที่หมองศรี |
ตรัสสรรเสริญเสนาปัญญาดี | อย่าช้าที่รีบรัดไปจัดการ |
ขุนนางพร้อมน้อมคำนับนางกษัตริย์ | มารีบรัดเร่งคนขนอาหาร |
ใส่เภตราห้าร้องทั้งอ้อยตาล | เกลือข้าวสารน้ำท่าสารพัน |
คนประจำลำละร้อยออกลอยแล่น | ตามแว่นแคว้นเกาะเกียนเที่ยวเหียนหัน |
เที่ยวปักธงทุกตำแหน่งแจ้งสำคัญ | แล้วแยกกันรายทางไปกลางชล ฯ |
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าลังกามหากษัตริย์ | ซึ่งมานัดการวิวาห์สถาผล |
จึงสั่งบุตรอุศเรนให้เกณฑ์คน | แล้วยกพลเภตรามาห้าพัน |
ถึงปากอ่าวเมืองผลึกก็ครึกครื้น | ให้ยิงปืนเป็นสัญญาโกลาลั่น |
ทอดสมอรอเรียงอยู่เคียงกัน | คอยสำคัญฟังข่าวชาวบุรี ฯ |
๏ พวกนายด่านตกใจออกไปถาม | ครั้นได้ความกลับมุ่งมากรุงศรี |
บอกเสนาข้าเฝ้านางเทวี | อัญชลีทูลแถลงแจ้งกิจจา ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อัคเรศท้าว | ได้ทราบข่าวเขยน้อยละห้อยหา |
จะเริศร้างค้างงานการวิวาห์ | วาสนาลูกแก้วช่างแคล้วกัน |
ดำริพลางนางสั่งเสนาผู้ใหญ่ | เป็นจนใจไม่รู้ที่จะผ่อนผัน |
ไปแจ้งความตามจริงทุกสิ่งอัน | ให้ทรงธรรม์หมายมาดเหมือนญาติวงศ์ |
เราเปลี่ยวใจไม่มีที่จะพึ่ง | พระมาถึงสมจิตคิดประสงค์ |
จะขอเจ้าอุศเรนเกณฑ์ณรงค์ | ไว้คอยองค์ธิดาอยู่ธานี ฯ |
๏ เสนาในได้สดับคำรับสั่ง | ถวายบังคมลามารศรี |
ลงเรือเร็วรีบมาในวารี | ออกไปที่อ่าวสมุทรไม่หยุดยั้ง |
ขึ้นเฝ้าท้าวเจ้าเกาะลังกาแก้ว | บังคมแล้วทูลตามเนื้อความหลัง |
บัดนี้พระมเหสีที่ในวัง | ถวายบังคมมาถึงฝ่าละออง |
ด้วยกรุงไกรไม่มีจอมกษัตริย์ | จบจังหวัดมณฑลให้หม่นหมอง |
จะขอเขยขึ้นไปมอบให้ครอบครอง | ช่วยปกป้องไพร่ฟ้าประชาชน ฯ |
๏ สมเด็จท้าวเจ้าลังกาอาณาเขต | ได้แจ้งเหตุความวิบัติก็ขัดสน |
จะเริศร้างค้างงานป่วยการคน | เป็นสุดจนที่จะคิดให้ปิดบัง |
จึงตรัสบอกราชบุตรอุศเรน | เป็นกรรมเวรของเจ้าสร้างแต่ปางหลัง |
เสียทีมาท่าทางกลางวลวัง | จะปลูกฝังก็ไม่สมอารมณ์นึก |
ข้างนี้เล่าเขาก็คิดเหมือนเขยขวัญ | จะผูกพันให้บำรุงกรุงผลึก |
มิใช่ว่าหาอื่นที่ตื้นลึก | เจ้าจงตรึกตรองความให้งามใจ ฯ |
๏ อุศเรนแสนสลดระทดท้อ | น้ำตาล่อคลอคลั่งจะหลั่งไหล |
เสียดายนางอย่างชีวันจะบรรลัย | ร้อนฤทัยเทียมเพลิงละเลิงเลีย |
จะกลับหลังยังลังกาน่าอดสู | ครั้นจะอยู่อายหน้าประดาเสีย |
ด้วยความค้างนางหายเป็นม่ายเมีย | จำจะเกลี่ยไกล่ความไปตามนาง |
จึงตรัสแก่เสนาที่ข้าเฝ้า | อุระเราร้อนดังจะพังผาง |
เสียสวาทมาดหมายเหมือนวายวาง | จะตามนางกว่าจะพบประสบกัน |
ซึ่งองค์พระชนนีมีรับสั่ง | ให้ระวังเวียงชัยไอศวรรย์ |
จะแบ่งพลเภตราสักห้าพัน | อยู่ป้องกันนคราให้ถาวร |
แต่ตัวเราเคารพอภิวาท | ขอลาบาทมารดาเที่ยวหาสมร |
แม้นพบแก้วแววตาจะพาจร | มานครคิดอ่านการมงคล ฯ |
๏ อำมาตย์รับอภิวาทแล้วคลาดคล้อย | ลงเรือน้อยเร็วรัดไม่ขัดสน |
มาถึงวังบังคมนิรมล | ทูลยุบลบาทาแล้วลาจร ฯ |
๏ ฝ่ายพระหน่อมกุฎอุศเรน | จึงกะเกณฑ์แบ่งทหารชาญสมร |
รายรักษาหน้าด่านชานนคร | คอยราญรอนไพรีจะบีฑา |
แล้วทูลองค์ทรงฤทธิ์บิตุราช | ขอลาบาทตามติดขนิษฐา |
เชิญเสด็จภูวไนยไปลังกา | ให้เป็นผาสุกสวัสดิ์กำจัดภัย ฯ |
๏ พระบิตุรงค์ทรงฤทธิ์คิดสงสาร | จะทัดทานกลัวจะขัดอัชฌาสัย |
จึงอวยพรภิญโญเดโชชัย | ให้พ้นภัยพบนางกลางคงคา |
กลับมาถึงจึงบอกบิดาด้วย | จะมาช่วยทำขวัญให้หรรษา |
ครั้นสั่งแล้วเลิกพหลพลเภตรา | ไปลังกานคเรศนิเวศน์วัง ฯ |
๏ ฝ่ายข้างพวกอุศเรนเกณฑ์กำปั่น | เป็นดั้งกันเกณฑ์แห่ทั้งแตรสังข์ |
ล้วนใบผ้าห้าร้อยลอยประดัง | ลำที่นั่งนั้นเอาตาดมาดาดใบ |
ทั้งธงทิวริ้วทองห้องประดับ | อัจกลับแพรวพร่างสว่างไสว |
พอแสงทองส่องฟ้านภาลัย | ยิงปืนใหญ่ตูมตามขึ้นสามตึง |
ประโคมฆ้องกลองแตรแซ่สนั่น | เหล่ากำปั่นน้อยใหญ่ชักใบขึง |
ยกออกจากปากอ่าวอึงคะนึง | พอลมตึงแล่นตามกันหลามไป |
นายฝรั่งนั่งส่องกล้องสว่าง | เห็นหนทางสามโยชน์โขดไศล |
ออกน้ำลึกแล่นเลี้ยวเกี่ยวกันไป | ไม่พบไม่กลับหลังตั้งแต่ตาม ฯ |