ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์

๏ ครั้นรุ่งรางนางตื่นสะอื้นอ้อน ให้อาวรณ์ถึงญาติศาสนา
เสียดายกายอายฝรั่งทั้งลังกา จะเอาหน้าหนีไปแฝงเสียแห่งไร
ยิ่งตรึกตรองหมองจิตด้วยผิดเพศ น้ำพระเนตรคลอคลอหลั่งหล่อไหล
แล้วผันแปรแลดูภูวไนย กลับอาลัยลืมสะอื้นชื่นอารมณ์
เห็นร้อนรนปรนนิบัติพัดให้หลับ ด้วยรักจับดวงจิตสนิทสนม
เรียกธิดามาในห้องทองบรรทม ประชดชมเจ้าช่างคิดประดิษฐ์ดี
จะดับเข็ญเย็นได้เหมือนไฟดับ หรือจะกลับแสนแค้นแสนบัดสี
เมื่อศึกยังตั้งอยู่ในบูรี เร่งให้มีผัวน่าระอาอาย
ต้องเป็นน้อยย่อยยับยิ่งคับแค้น ยังซ้ำแสนอดสูไม่รู้หาย
หรือคิดเห็นเป็นผลกลอุบาย จะยักย้ายอย่างไรเห็นไม่ฟัง ฯ
๏ ฝ่ายยุพาผกาก้มหน้ายิ้ม ด้วยนึกอิ่มอารมณ์ที่สมหวัง
จึงว่าพี่รำภาดูน่าชัง จะเหมือนดังเรื่องราวท่านกล่าวไว้
ว่ารักนักมักหน่ายมักหายรัก ถ้าคิดนักมักงงมักหลงใหล
แม้เสร็จศึกนึกหมายข้างภายใน แล้วจะได้ผ่อนผันตามปัญญา
อันศึกนอกออกตีด้วยฝีปาก เห็นไม่ยากใจนักไม่หนักหนา
เป็นการเบาเท่านี้พี่รำภา จะอาสาปราบได้ดังใจจง ฯ
๏ นางฟังคำร่ำเปรียบเห็นเฉียบแหลม ค่อยยิ้มแย้มชื่นชมสมประสงค์
พอเห็นพระอภัยฟื้นตื่นพระองค์ เชิญให้สรงเสวยตามความสบาย
แล้วหยิบชิ้นดินถนันสำคัญของ ใส่จานทองนพคุณทูลถวาย
แล้วเล่าเรื่องเคืองขัดที่พลัดพราย เจียนจะตายเสียในป่าพนาลัย ฯ
๏ พระยิ้มพลางทางว่าน่าสงสาร หากว่าท่านเทพเจ้าเขาไศล
อุปถัมภ์บำรุงเจ้ากรุงไกร พี่จึงได้ตามติดมาชิดเชื้อ
แล้วหยิบชิ้นดินถนันสำคัญของ เสวยลองรสชาติประหลาดเหลือ
ให้ชื่นใจไม่รู้หิวทั้งผิวเนื้อ ไม่มีเหงื่อหอมรื่นทุกคืนวัน
เสวยอิ่มยิ้มย่องว่าน้องรัก ขอบใจนักที่ได้กินดินถนัน
จะชุ่มชื่นยืนยืดสืบพืชพันธุ์ เป็นเพื่อนขวัญเนตรน้องอยู่ห้องใน ฯ
๏ นางคมค้อนอ่อนโอษฐ์ว่าโปรดเกล้า พระคุณเท่าดินฟ้าชลาไหล
แต่น้องนี้วิตกในอกใจ กลัวจะไม่เหมือนรสพจมาน
เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นจืดจางห่างเหินไปเนิ่นนาน แต่น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล
ด้วยโอรสอนุชาเข้ามารับ กลัวจะกลับทิ้งขว้างไปห่างแห
อันอารมณ์ลมหวนมักปรวนแปร จะขอแต่คำมั่นที่สัญญา
จะจากกันวันใดอย่าไปเปล่า ช่วยตัดเกล้าน้องให้ขาดเหมือนปรารถนา
พอให้พ้นทนทุเรศเวทนา แล้วผ่านฟ้าจึงไปตามความสบาย ฯ
๏ พระแย้มยิ้มพริ้มเพราว่าเจ้าพี่ ไม่หน่ายหนีนุชนาฏอย่ามาดหมาย
ซึ่งสิ่งไรได้รับไม่กลับกลาย จะเป็นตายอย่างไรไม่ไกลกัน
ถึงแก่กกงกเงิ่นเดินไม่รอด จะสู้กอดแก้วตาจนอาสัญ
ซึ่งพระน้องกองทัพมารับนั้น ถึงผูกพันพวกลากไม่อยากไป
พอน้ำข้าวลำเลียงเสบียงหมด ก็จะอดอ่อนหูไม่อยู่ได้
ห้ามฝรั่งลังกาอย่าให้ใคร ไปส่งให้ข้าวน้ำเป็นลำเลียง ฯ
๏ นางละเวงเกรงเหล่าชาวผลึก จะทำศึกว้าวุ่นจึงทูลเถียง
พระน้องมาธานีจะมิเลี้ยง ก็ผิดเยี่ยงอย่างกษัตริย์ขัตติยา
จะแต่งโต๊ะตามอย่างข้างฝรั่ง ถวายทั้งสององค์ตามวงศา
ทั้งนายทัพกับพราหมณ์สามเวลา เหล่าโยธาจ่ายเสบียงให้เลี้ยงกัน
เชิญพระองค์ส่งสารอาการไข้ ไปบอกให้เห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์
อันโอรสกับพระน้องทั้งสองนั้น จะพากันมาเฝ้าก็เข้ามา ฯ
๏ พระฟังนางทางว่าจะหาไหน ที่จะได้เหมือนนุชนี้สุดหา
ไม่ห้ามปรามตามแต่จิตวนิดา แล้วเขียนอาการไข้ส่งให้นาง
นางน้อมรับพับจีบหนีบพระหัตถ์ ทูลลาภัสดามาตึกขวาขวาง
ขึ้นนั่งเพียงเตียงทองที่ห้องกลาง ร้องเรียกนางรำภามาพาที
เจ้าเอ็นดูชูช่วยเราด้วยเถิด อย่าให้เกิดรบพุ่งถึงกรุงศรี
จะปราบปรามห้ามได้ด้วยไมตรี เนื้อความนี้เจ้าก็รู้อยู่ด้วยกัน
ศรีสุวรรณนั้นเป็นใหญ่อยู่ในทัพ เจ้าเคยรับรบสู้เป็นคู่ขัน
เจ้าพูดล่อพอให้หลงลืมพงศ์พันธุ์ ตัวสำคัญเอามาขังไว้วังใน
เห็นแว่นแคว้นแดนดินจะสิ้นศึก หรือเจ้าตรึกตรองเห็นเป็นไฉน
ช่วยธุระอนุกูลอย่าสูญใจ เราจะได้รักกันจนวันตาย ฯ
๏ ฝ่ายรำภาสะหรีชลีฉลอง พระคุณของบาทมูลไม่สูญหาย
ถึงเสียตัวชั่วช้าชีวาวาย จะสู้ตายมิได้ขัดพระอัชฌา
แต่ตรองตรึกนึกเห็นเช่นหม่อมฉัน ศรีสุวรรณจะไม่มาดปรารถนา
จะอดสูผู้ชายอายวิญญาณ์ ทั้งขายฝ่าบาทบงสุ์แม่นงเยาว์ ฯ
๏ นางยิ้มแย้มแต้มเติมช่วยเสริมส่ง กลัวจะงงจิกปีกเสียอีกเจ้า
แป้งสุคนธ์มนตราตำราเรา จะให้เจ้าจูงจมูกมาผูกไว้
แล้วโฉมยงทรงเขียนให้เรียนมนต์ เสกสุคนธ์ใส่เวทข้างเพทไสย
แล้วว่าเจ้าเอาหนังสือนี้ถือไป อาการไข้ให้แก่พระอนุชา
ขอบาญชีที่ทัพจะรับเลี้ยง ให้พร้อมเพรียงไพร่นายทั้งซ้ายขวา
ทั้งเครื่องของสองกษัตริย์ขัตติยา ว่าของข้าให้ไปด้วยใจจง ฯ
๏ นางคำนับรับสั่งมายังห้อง จัดข้าวของพร้อมตามความประสงค์
เครื่องสุคนธ์มนต์เสกเขียนเลขลง ทำเป็นผงลงผ้าเช็ดหน้านวล
แล้วอาบน้ำซ้ำอาบกุหลาบกลั่น กระแจะจันทน์เจิมพร้อมให้หอมหวน
แล้วทาแป้งแต่งตัวให้ยั่วยวน กระหมวดม้วนมวยรัดกระหวัดเวียน
แล้วใส่ช้องป้องพักตร์จำหลักเพชร สะพักเช็ดหน้านางเหมือนอย่างเขียน
นุ่งริ้วเครือเสื้อแบบดูแนบเนียน สังวาลเวียนประดับดูวับวาว
แล้วเลือกสรรบรรดาเหล่าข้าหลวง ที่งามท่วงทีละมุนพึ่งรุ่นสาว
เชิญเครื่องทองของประทานทั้งหวานคาว แล้วมีท้าวนางกำกับสำหรับยศ
ทั้งหีบทองของนางเป็นอย่างเอก ใส่เครื่องเสกผ้าเช็ดหน้าบุหงาสด
ครั้นแล้วออกนอกวังขึ้นนั่งรถ คนกั้นกลดตรงมาท้ายธานี
ถึงริมค่ายนายประตูมาขู่ถาม จึงบอกนามว่ารำภาสะหรี
จะมาเฝ้าเล่าตามเนื้อความมี อย่าช้าทีทูลแถลงแจ้งกิจจา ฯ
๏ นายประตูรู้รีบไปทูลสนอง พระตรึกตรองกริ่งใจจึงให้หา
นางดีใจไปคำนับที่พลับพลา พอเห็นหน้านางมนต์เข้าดลใจ
ตะลึงจิตพิศดูเป็นครู่พัก ยิ่งนึกรักรูปทรงจนหลงใหล
ดูคมขำสำอางทุกอย่างไป จะดูไหนงามนั่นเป็นขวัญตา
ขนงเนตรเกศแก้มเมื่อแย้มยิ้ม ดูจิ้มลิ้มเหลือเอกเหมือนเมขลา
พระหลงรักทักถามตามสงกา เจ้างามขำรำภามาว่าไร ฯ
๏ นางทูลตอบนอบน้อมว่าหม่อมฉาน เชิญอาการออกมาแจ้งแถลงไข
ทั้งองค์พระมเหสีมีพระทัย ทำโต๊ะใหญ่อย่างฝรั่งเมืองลังกา
ถวายองค์ทรงยศโอรสราช หวังพระบาทสององค์เหมือนวงศา
ทั้งหม่อมฉันพรั่นตัวกลัวอาญา หมายจะมาลุแก่โทษได้โปรดปราน
อันหีบทองของใส่มาในนั้น ของหม่อมฉันขอสมาที่ว่าขาน
กับซับพักตร์ชักมาคราวป่าตาล ขอประทานโทษกายถวายคืน ฯ
๏ พระพรายพริ้มยิ้มเยื้อนแล้วเอื้อนโอษฐ์ ไม่ถือโทษโฉมตรูใช่ผู้อื่น
เมื่อพานพบรบราญกันวานซืน ก็ได้ชื่นจิตอยู่ไม่รู้ลืม
รำลึกถึงพึ่งจะพบประสบพักตร์ เคยรู้จักกันก็ให้น้ำใจปลื้ม
อันหมวกของน้องรักพี่จักยืม ไว้พอลืมตรอมตรมได้ชมเชย
จะยอมใจให้พี่เป็นที่ชื่น หรือจะคืนเอาเดี๋ยวนี้เจ้าพี่เอ๋ย
ได้พบเห็นเป็นบุญเหมือนคุ้นเคย อย่าละเลยลืมคำที่รำพัน
ถ้าแม้นได้เนื้อน่วมไว้ร่วมห้อง จะเลี้ยงน้องให้เป็นเอกไม่เสกสรร
แล้วถอดเพชรเก็จกุหร่าราคาพัน ให้รางวัลด้วยประสงค์จำนงนาง
แล้วเอื้อนโอษฐ์โปรดประทานพานพระศรี กินหมากพี่บ้างเถิดน้องอย่าหมองหมาง
จะรักใคร่ให้ยืดไม่จืดจาง อย่าเหินห่างหวงห้ามความอาลัย ฯ
๏ นางคำนับรับแหวนแสนสุภาพ ทำเกรงกราบกิริยาอัชฌาสัย
ซึ่งออกโอษฐ์โปรดปรานประการใด จะรับใส่เศียรสิ้นด้วยยินดี
แต่บุญน้อยถอยถดทั้งยศศักดิ์ จะรับรักเหมือนหนึ่งตรัสน่าบัดสี
ขอเป็นข้าฝ่าละอองรองธุลี อย่าเลื่อนที่ยศศักดิ์ขึ้นหนักเลย
ฉันเจียมตัวกลัวจะตกหัวอกแตก สุดจะแบกหน้าหยิบหมากดิบเสวย
พวกข้าเฝ้าเขาจะเยาะหัวเราะเย้ย ยังไม่เคยรับประทานถึงพานทอง
รับสั่งให้มาเฝ้าด้วยเศร้าโศก ทูลพระโรคร้อนรนที่หม่นหมอง
กระดาษเขียนพระอาการในพานรอง ฝ่าละอองอ่านดูของภูวไนย ฯ
๏ ศรีสุวรรณฟั่นเฟือนเหลือเลือนหลง รู้สึกองค์อ่านแจ้งแถลงไข
ว่าทรงพระประชวรรัญจวนใจ ให้จับไข้กลางวันสั่นสะท้าน
ครั้นกลางคืนคลื่นเหียนอาเจียนด้วย หอบระหวยหิวเหลือเบื่ออาหาร
ทั้งจุกเสียดเคียดระดมเป็นลมดาน หมออยู่งานก็ไม่หายหลายเวลา
ให้เมื่อยขัดปัตคาดไฟธาตุหย่อน สะอึกซ้อนสามชั้นหวั่นผวา
ยังไม่ไปจังหวัดรัตนา เห็นเนิ่นช้ากว่าจะหายก็หลายเดือน
วิตกจิตคิดจะใคร่ให้พระน้อง ไปเฝ้าสองกษัตริย์แทนก็แม้นเหมือน
ถ้าน้องแหนงแคลงจิตว่าบิดเบือน เชิญมาเยือนเยี่ยมบ้างที่ข้างใน
พอจบคำรำพันกลั้นพระสรวล ทำประชวรเชือนแชพูดแก้ไข
พอเห็นสินสมุทรมาพลับพลาชัย จึงสั่งให้อ่านความตามอาการ
นัดดาดูรู้แจ้งจึงแกล้งพูด เข้าตรีทูตถึงตัดอติสาร
เป็นโรคาสารบิดพิสดาร ดูอาการเกือบสวรรคครรไล ฯ
๏ พระทานทัดนัดดาอย่าว่ากล่าว คอยฟังข่าวฟังความตามวิสัย
แล้วแกล้งถามนางรำภาว่าเจ้าไป สักเมื่อไรจึงจะออกมาบอกกัน
พี่อยู่หลังตั้งแต่นี้ไม่มีสุข ไหนจะทุกข์ถึงพระโรคที่โศกศัลย์
ไหนจะคอยกลอยสวาทไม่ขาดวัน ไหนจะกลั้นกลืนรักไว้หนักทรวง
ไหนจะเศร้าเปล่าจิตคิดวิตก เหมือนอย่างยกเมรุไกรไศลหลวง
เห็นแท้เที่ยงเพียงรำภาสุดาดวง จะดับทรวงให้พี่สร่างสว่างใจ
เป็นสัจจังหวังถนอมเป็นจอมมิตร อย่าควรคิดเคลือบแคลงแหนงไฉน
แม้ปลดเปลื้องเคืองขัดตัดอาลัย เหมือนตัดใจพี่ให้ขาดสวาทวาย ฯ
๏ นางฟังคำทำชม้อยให้ช้อยชด น้อมประณตนึกสมอารมณ์หมาย
แกล้งทูลตอบขอบพระโอษฐ์โปรดภิปราย แม้มิตายจะต้องคิดเป็นนิจนิรันดร์
แม้เป็นข้าฝ่าละอองสองกษัตริย์ จะปรนนิบัติผ่านฟ้าจนอาสัญ
มิได้คลาดราชกิจจะติดพัน กระหม่อมฉันทูลลาพระคลาไคล
ซึ่งออกโอษฐ์โปรดว่าให้มาเฝ้า จนด้วยเกล้าเกศามาไม่ได้
แม้โปรดใช้ให้ออกมาเวลาไร ก็จะได้กลับมาทูลอาการ ฯ
๏ พระห้ามว่าช้าก่อนสมรมิ่ง แม้ใจจริงจะรักสมัครสมาน
จะทูลขอก็เห็นจะโปรดประทาน ถวายจานทองคำตามธรรมเนียม
จริงจริงนะนางรำภาไม่ว่าเล่น จะเลี้ยงเป็นเพื่อนตายไม่อายเหนียม
นางทูลว่าข้าพเจ้าไม่เท่าเทียม ก็คิดเจียมใจตัวด้วยกลัวภัย
ถ้าทูลขอก็จะมาเป็นข้าบาท สำหรับกวาดพลับพลาที่อาศัย
ช่วยแบกหามตามประสาเป็นข้าไท จะรับใช้ชิดชมไม่สมควร
พระว่าพี่มิให้น้องต้องเศร้าสร้อย ไม่ใช้สอยจะอุตสาห์รักษาสงวน
แล้วเสแสร้งแกล้งถามความประชวร เวลาจวนจะเข้าไปเห็นไม่ทัน
ช่วยทูลพระมเหสีพรุ่งนี้เช้า จะไปเฝ้าฟังพระโรคที่โศกศัลย์
จงมาคอยหน่อยหนึ่งนะให้ปะกัน พอตะวันสายเราจะเข้าไป ฯ
๏ สินสมุทรหยุดฟังเห็นสั่งซ้ำ จึงว่ากรรมเอ๋ยกรรมจะทำไฉน
พระบิตุรงค์หลงคลั่งอยู่วังใน พระจะไปเข้าซองเป็นสองโรง
มิเสียทีอีฝรั่งมันช่างล่อ จะตามต่อเอาด้วยลิ้นให้สิ้นโขลง
พระก็รู้อยู่ว่าลังกาโกง ขืนตะโกรงกระไรเลยไม่เคยพบ
แต่ศพเดียวเขี้ยวเข้มก็เต็มปล้ำ ยังจะซ้ำตายต้องเป็นสองศพ
จนชั้นอีขี้ข้าไม่น่าคบ ขืนเร้ารบรักใคร่เป็นไมตรี ฯ
๏ นางรำภาลาองค์พระทรงยศ มาขึ้นรถเรียกเหล่านางสาวศรี
จากกองทัพกลับมาเข้าธานี ฝูงนารีตามหลังมาพรั่งพรู ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาว่ากับหลาน ไม่ต้องการที่จะให้ได้อดสู
ถึงชั่วดีมิใช่จะไม่รู้ เขาเป็นผู้หญิงมาบอกอาการ
ก็ปราศรัยไต่ถามไปตามเล่ห์ มาโว้เว้ว่ากล่าวให้ร้าวฉาน
วิสัยชายหมายชู้คู่สำราญ ก็เกี้ยวพานพูดจาให้น่าฟัง
เขาบอกกล่าวข่าวไข้มิไปเยี่ยม ผิดธรรมเนียมเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง
พรุ่งนี้เช้าจะเข้าไปที่ในวัง เจ้าอยู่หลังค่ายคูจงดูแล
แล้วให้ยกหีบทองเข้าห้องหับ เป็นของลับสิ่งไรยังไม่แน่
นึกพะวงสงสัยไขประแจ ก็เห็นแต่เครื่องต้นสุคนธ์ธาร
กับเช็ดหน้ายาดมพระชมชื่น ยิ่งหอมรื่นก็ยิ่งรักสมัครสมาน
คิดถึงปล้ำรำภาที่ป่าตาล ยิ่งซาบซ่านเสียวทรวงจนง่วงงง
เห็นเงาผีที่เข้าสิงว่าหญิงสาว ดูรูปราวกับรำภาผวาหลง
กอดเขนยเชยแอบไว้แนบองค์ พิศวงหวังว่านางอยู่ข้างเคียง
ค่อยจุมพิตคิดพลางว่านางข่วน ทรงพระสรวลคิกคิกระริกเสียง
สินสมุทรกับสามพราหมณ์พี่เลี้ยง ต่างหมอบเมียงมองดูภูวไนย
เห็นกรกุมอุ้มแอบแนบเขนย เอะกรรมเอ๋ยอีกองค์แล้วหลงใหล
ต่างอึ้งอั้นตันอกตกฤทัย คลานเข้าไปอัญชลีที่ไสยา
แล้วทูลเตือนเหมือนจะให้พระได้คิด ข้าเห็นว่าพระจริตผิดหนักหนา
ในหีบทองของอะไรเขาให้มา จนผ่านฟ้าฟั่นเฟือนไม่เหมือนเคย ฯ
๏ พระเห็นสินสมุทรสามพราหมณ์พี่เลี้ยง มาหมอบเมียงเคียงค้อนซ่อนเขนย
ตรัสว่าเบื่อเหลือใจกระไรเลย มาเยาะเย้ยหยาบคายน่าอายใจ
เมื่อนอนอยู่เห็นว่าเป็นบ้าเพ้อ คะข้าเซ่อเสียจริตผิดวิสัย
มิใช่การงานดอกถอยออกไป บ้าจะไล่เตะตีคนดีตาย ฯ
๏ ฝ่ายทั้งสามพราหมณ์สินสมุทรหลาน แสนสงสารภูวไนยจิตใจหาย
ครั้นจะกวนหวนหุนจะวุ่นวาย ต่างถวายอภิวันท์กลั้นน้ำตา
แล้วถอยไปให้ลับนั่งปรับทุกข์ มาเกิดยุคอย่างเพศพระเชษฐา
เหตุทั้งนี้ที่ทำอีรำภา มันแกล้งมาคลอเคลียจนเสียการ
กลศึกลึกลับไม่รับรบ กลับตลบเอาด้วยรักหักประหาร
สินสมุทรสุดแค้นแสนรำคาญ จะคิดอ่านแก้ไขอย่างไรดี
เจ้าสานนท์บ่นว่าเป็นยาแฝด มาติดแปดปนทั้งกำลังผี
ถ้าได้ดูรู้เริ่มแต่เดิมที จะบัตรพลีแก้ไขดังใจจง
นี่คลั่งไคล้ใครจะห้ามเมื่อยามคลั่ง จะเชื่อฟังคำใครด้วยใหลหลง
พระโอรสจงอุส่าห์รักษาองค์ มันก็คงจะมาชักไปสักคราว
สินสมุทรสุดแค้นว่าแสนชาติ ฉันไม่ปรารถนาดูอีชู้สาว
เสร็จธุระจะไปบวชจนหนวดยาว มิให้ฉาวเช่นบิดาพระอาเลย
พรุ่งนี้พระจะไปหาอีฝรั่ง มิพลาดพลั้งเสียทีหรือพี่เอ๋ย
พี่ช่วยห้ามปรามพระอาประสาเคย อย่าละเลยให้ไปถึงในวัง
เจ้าพราหมณ์ว่าข้าวิตกเพียงอกแตก ด้วยเห็นแปลกพระจริตผิดแต่หลัง
ถึงเราทูลห้ามไว้ก็ไม่ฟัง ด้วยคลุ้มคลั่งเคลิ้มสกนธ์กระวนกระวาย
แม้มิให้ไปประสบได้พบปะ พระอุระก็จะแยกแตกสลาย
ต้องปล่อยให้ไปตามความสบาย ด้วยเคราะห์ร้ายฤกษ์ยามตามตำรา
พอปลายปีมีผู้จะชูช่วย ไม่มอดม้วยด้วยอำนาจวาสนา
คราวนี้ห้ามเห็นไม่หยุดสุดปัญญา จะโกรธาว้าวุ่นเป็นฟุนไฟ ฯ
๏ สินสมุทรสุดจนให้อ้นอั้น จึงว่าฉันเห็นพระองค์ลุ่มหลงใหล
จะปล่อยปละละวางเสียอย่างไร จะต้องไปตามด้วยช่วยระวัง
ถึงอับจนคนเดียวจะเคี่ยวขับ ฆ่าให้ยับนับร้อยไม่ถอยหลัง
พี่คุมไพร่ไปอยู่ประตูวัง ฉวยพลาดพลั้งก็จะได้แก้ไขกัน ฯ
๏ เจ้าพราหมณ์ตอบชอบอยู่อย่าดูหมิ่น ชาติทมิฬเหมือนยักษ์มักกะสัน
แต่ครั้งนี้ฉันเห็นไม่เช่นนั้น เป็นกลกันช้างโขลงเข้าโรงใน
จะทำต่อล่อลวงเหมือนบ่วงดัก ด้วยความรักรัดตีนดิ้นไม่ไหว
พรุ่งนี้พระจะรักษาพระอาไป ที่วังในนั้นเหมือนหลงเข้าดงรัก
ล้วนรูปแต่งแป้งขมิ้นใส่กลิ่นหอม ละมุนละม่อมเหมาะหมดมียศศักดิ์
ทั้งสาวแส้แลลออนรลักษณ์ อย่าหลงรักรูปเขาอย่าเบาความ
แม้หลงเลยเชยชมเข้าสมทบ เหมือนสองศพแล้วมิหนำยังซ้ำสาม
อันพวกพลมนตรีกับพี่พราหมณ์ จะถึงความมรณาชีวาลัย ฯ
๏ พระโกรธกริ้วนิ่วหน้าแล้วว่าพี่ อันชาตินี้น้องไม่หลงอย่าสงสัย
ถึงนางฟ้ามาล่อไม่พอใจ มิตบให้ยับย่อยก็คอยดู
แต่พระอามาเป็นไปเช่นนี้ เสียศักดิ์ศรีเสียยศต้องอดสู
จะแก้ไขไม่หยุดเป็นสุดรู้ พูดกันอยู่ที่พลับพลาจนราตรี ฯ
๏ พอรำภามาถึงวังกำลังพลบ ไปนอบนบนางวัณฬามารศรี
ทูลแถลงแจ้งตามเนื้อความมี วันพรุ่งนี้เธอจะมาดูอาการ
แล้วทูลที่ศรีสุวรรณรำพันปลอบ ได้โต้ตอบตามรักสมัครสมาน
สินสมุทรพูดจาว่าประจาน ว่าหม่อมฉานช้างต่อไปล่อลวง
คงจะเป็นเช่นชนิดพระบิดา เขาลวงมาหลงคลั่งอยู่วังหลวง
เห็นจะตัดทัดทานการทั้งปวง ให้เสียท่วงทีทำให้รำคาญ
นางวัณฬาว่าสุคนธ์พระมนต์ขลัง คงหลงคลั่งตามมาเหมือนว่าขาน
นางรำภาว่าฉันเห็นไม่เป็นการ ถึงมาหลานก็จะตามมาห้ามอา ฯ
๏ นางละเวงเกรงกริ่งลงนิ่งตรึก เห็นเสร็จศึกสมมาดปรารถนา
จึงว่าเจ้าเอาธุระที่พระอา นางยุพาข้าจะวานผูกหลานไว้
ไปห้องหับหลับนอนอย่าร้อนเร่า การของเจ้าตามแต่จะแก้ไข
ประภาษพลางนางวัณฬาลุกคลาไคล เสด็จไปห้องยุพาในราตรี
ขึ้นบัลลังก์นั่งใกล้มิให้ห่าง ธิดานางน้อมประณตบทศรี
นางลูบหลังลูกยาแล้วพาที ทุกวันนี้ยุคเข็ญไม่เห็นใคร
แต่ลูกน้อยพลอยทุกข์พลอยสุขด้วย เจ้าจงช่วยทุกข์แม่ช่วยแก้ไข
ช่วยดับทุกข์ขุกเข็ญให้เย็นใจ พออย่าให้บ้านเมืองเคืองรำคาญ
แล้วเล่าความตามรำภาเขามาเล่า เขาจะเข้ามาปราสาทราชฐาน
สินสมุทรพูดจาติดสามานย์ จะคิดอ่านเอาขังไว้วังใน
เจ้าช่วยล่อพอระเริงด้วยเชิงรัก คอยรับพักตร์ผูกจิตพิสมัย
พระมนต์ขลังสั่งสอนแต่ก่อนไร ผู้ใดใกล้ได้กลิ่นก็ยินดี ฯ
๏ ฝ่ายยุพาฝรั่งได้ฟังตรัส สุดจะขัดสุดจะคบสุดหลบหนี
อภิวาทบาทยุคลพระชนนี ลูกไม่มีใจรักเหมือนยักษ์มาร
ดูน่ากลัวหัวหยิกหลุกหลิกหลอก เขี้ยวก็งอกหน้าก็โง่ทั้งโวหาร
มุทะลุดุดันในสันดาน จะประทานให้เป็นผัวลูกกลัวภัย
แม้ลวงล่อพอให้ตายวายชีวิต ลูกจะคิดมิให้ขัดอัชฌาสัย
ด้วยแสนแค้นแสนชังไม่หวังใจ จะเข้าใกล้เกลียดหน้าระอาอาย ฯ
๏ นางโฉมยงองค์ละเวงเกรงจะฉาว จึงว่ากล่าวไกล่เกลี่ยเสียให้หาย
แม้ฆ่าตีชีวันเป็นอันตราย รู้ระคายเคืองแค้นจะแทนทด
จะกลับทุกข์ยุคเข็ญทุกเส้นหญ้า เพราะเหตุว่าเชื้อสายไม่ตายหมด
เขาหน่อเนื้อเชื้อวงศ์องค์โอรส เกียรติยศยิ่งกว่าทุกสากล
อันสตรีนี้จะเลือกรูปบุรุษ ก็ยากสุดแสนเข็ญไม่เป็นผล
เหมือนหนึ่งแม่แต่แรกไม่แปลกปน แต่จำจนด้วยเจ้าทำให้จำเป็น
เดี๋ยวนี้ถูกลูกแก้วบ้างแล้วหรือ จึงดึงดื้อมิได้ทุกข์ถึงยุคเข็ญ
เมื่อมิรับดับร้อนให้ผ่อนเย็น คงจะเป็นเสี้ยนหนามสงครามไป ฯ
๏ นางยุพาสารภาพกราบพระบาท อย่ากริ้วกราดกริ่งจิตคิดไฉน
ซึ่งทูลความตามชังไม่หวังใจ คิดจะใคร่สังหารผลาญชีวี
เมื่อไม่เห็นเช่นว่าแล้วข้าบาท ก็ไม่อาจขัดข้องให้หมองศรี
ถึงเสียตัวชั่วช้ายิ่งกว่านี้ ก็ตามทีเถิดไม่ขัดพระอัชฌา
นี่เหล่ากอหน่อเนื้อเป็นเชื้อแถว ไม่เลือกแล้วลูกจะรักให้หนักหนา
ถึงจะเถือเนื้อกินไม่นินทา พระแม่อย่าเคืองขัดถึงตัดรอน ฯ
๏ นางชื่นชอบตอบว่าอย่าประชด เมื่อถึงบทกลัวจะรักไม่พักสอน
พรุ่งนี้ผัวตัวจะมาหาบิดร เจ้าจงงอนให้ออกชดเป็นรถทรง
แล้วเทวีลีลากลับมาห้อง ขึ้นแท่นทองทูลความตามประสงค์
บอกอาการผ่านเกล้าถึงเผ่าพงศ์ พรุ่งนี้องค์อนุชาจะมาเยือน ฯ
๏ พระอภัยได้สดับลงปรับทุกข์ จะทำจุกจับไข้นั้นไม่เหมือน
เขาคงเห็นเป็นแน่ว่าแชเชือน จะบิดเบือนแก้ไขอย่างไรดี
นางฟังคำทำเป็นว่าถ้าเช่นนั้น กระหม่อมฉันจะช่วยว่ารำภาสะหรี
ไปชวนพระอนุชานั่งพาที อยู่แต่ที่ห้องกลางให้ห่างองค์ ฯ
๏ พระยิ้มพลางทางตอบว่าชอบแล้ว พระน้องแก้วคิดควรนวลหง
จะคอยทายาชโลมของโฉมยง จะแอบองค์อุ่นใจให้ไข้คลาย
ถึงเจ็บจุกสุขุมให้กลุ้มกลัด จะได้นัดยาดมให้ลมหาย
พลางแนบชิดพิศวาสไม่คลาดคลาย แสนสบายบรรทมเฝ้าชมเชย
ต่างชื่นแช่มแย้มยิ้มให้อิ่มจิต ถนอมสนิทเนื้อน่วมร่วมเขนย
จนน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย พระก่ายเกยกอดประทับจนหลับไป ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาเวลาดึก หวนรำลึกลืมองค์ให้หลงใหล
หอมสุคนธ์มนตรายิ่งอาลัย เชยสไบบางต่างนางรำภา
นึกถึงทรงวงพักตร์ที่ลักพิศ ยังเห็นติดเนตรให้อาลัยหา
คิดถึงคำพร่ำไว้อาลัยลา พระชลนาคลอคลอท้อฤทัย
เผยพระแกลแลดูดวงบุหลัน เห็นพระจันทร์แจ่มฟ้าพฤกษาไสว
ดูเวียงวังลังกายิ่งอาลัย แม้เหาะได้จะไปหาสุดาดวง
ได้อิงแอบแนบชิดสนิทสนม ถนอมชมร้อยชั่งในวังหลวง
จะอุ่นเหลือเนื้อนุ่มเจ้าพุ่มพวง กระเพื่อมทรวงแสนจะชื่นทุกคืนวัน
เสียงแจ้วแจ้วแว่วว่ารำภาเรียก นิ่งสำเหนียกฟังไปเป็นไก่ขัน
เห็นขอบฟ้าฝ้าแดงด้วยแสงจันทร์ ว่าตะวันรุ่งรางค่อยสร่างใจ
ออกจากห้องร้องเรียกโยธาหาญ ไม่เห็นขานขอรับยังหลับใหล
ยิ่งโกรธาด่าวุ่นเป็นฟุนไฟ พระฉวยไม้ไล่หวดทุกหมวดกอง
เห็นคนนั่งตั้งนาฬิกาทุ่ม ทำคองุ้มโหงกหงุบเธอทุบถอง
จนเวลาฟ้าเหลืองขึ้นเรืองรอง ไม่ย่ำฆ้องรุ่งบ้างเป็นอย่างไร
พวกกองทัพหลับใหลตกใจตื่น เสียงครึกครื้นเรียกกันสนั่นไหว
พอรู้ว่าพระองค์ผู้ทรงชัย เธอก็ได้สติกลับเข้าพลับพลา ฯ
๏ สินสมุทรกับสามพราหมณ์พี่เลี้ยง เที่ยวไล่เลียงไพร่นายทั้งซ้ายขวา
ไม่ได้ความถามไต่กันไปมา จึงทราบว่าภูวไนยเธอไล่ตี
ชะรอยองค์ทรงฤทธิ์คิดว่ารุ่ง ด้วยหมายมุ่งจะไปหารำภาสะหรี
ต่างตรองตรึกปรึกษาในราตรี มิรู้ที่จะผ่อนผันเป็นฉันใด
จนดาวเดือนเลื่อนลับพยับฟ้า พระสุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
ให้นายหมวดตรวจพหลพลไกร ต่างเตรียมไว้รับเสด็จสำเร็จการ ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาเวลาเช้า เสด็จเข้าที่ชำระสระสนาน
แล้วปรายประพระสุคนธ์วิมลมาลย์ พนักงานพัชนีนั่งวีลม
พระสอดใส่สนับเพลาเนากระหนก ทรงผ้ายกพื้นตองปักทองถม
ใส่ห้อยหน้าผ้าทิพย์ขลิบมะยม ชายไหวลมพัดแกว่งแย่งเครือวัลย์
ฉลององค์ทรงรัดให้ครัดเคร่ง คาดปั้นเหน่งเพชรพรายสายกระสัน
กรองศอรับทับทรวงดวงดอกจันทน์ สังวาลวรรณแวววับประดับพลอย
ทรงมหาพาหุรัดดูตรัจเตร็จ ทองกรเพชรน้ำวิ่งดังหิ่งห้อย
พระธำมรงค์วงรายประพรายพร้อย สลับพลอยเพชรแพรววะแววไว
แล้วสวมทรงมงกุฎบุษยรัตน์ กรรเจียกจัดจอนรายดอกไม้ไหว
ห้อยอุบะมะลิลาสวมมาลัย หมายจะไปเกี้ยวชู้ได้ดูงาม
เสด็จออกหน้าฉานเห็นหลานรัก อยู่พร้อมพรักนายไพร่จึงไต่ถาม
พระนัดดาว่าประชวรฉันควรตาม ไปฟังความข่าวไข้ที่ในวัง ฯ
๏ ศรีสุวรรณอั้นอ้นยิ่งจนจิต จะห้ามผิดเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง
ถึงมิให้ไปตามห้ามไม่ฟัง แต่รอรั้งตรึกตราไม่พาที
แล้วรำพึงถึงรำภาจะว่าปด ขึ้นทรงรถให้นัดดาเป็นสารถี
ออกจากค่ายฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามเสนี คุมโยธีติดตามออกหลามมา
ถึงประตูบูรีที่ประทับ จึงบอกกับตัวนายทั้งซ้ายขวา
ว่าโอรสกับพระอนุชา เสด็จมาเฝ้าพระภูวไนย ฯ
๏ นายประตูรู้รีบไปบอกเล่า หลวงแม่เจ้าทูลแจ้งแถลงไข
นางทรงฟังสั่งสะหรีด้วยดีใจ จงช่วยไปรับตัวกับขรัวนาย ฯ
๏ นางรำภาลาองค์นางนงลักษณ์ มาตำหนักนึกสมอารมณ์หมาย
รีบผลัดผ้าทาแป้งจัดแจงกาย ชวนขรัวนายนาดเดินดำเนินมา
ถึงประตูดูแลออกแซ่ซ้อง เห็นพระน้องหน่อกษัตริย์บนรถา
นางคำนับอภิวันท์จำนรรจา รับสั่งมารับเข้าไปที่ในวัง ฯ
๏ พระยิ้มหยอกบอกว่ามาแต่เช้า ต้องคอยเจ้าเหนื่อยเหน็บนั่งเจ็บหลัง
นึกพรั่นจิตคิดว่าทิ้งเสียจริงจัง ผู้รับสั่งพึ่งจะออกมาบอกความ
เสด็จจากรถทรงด้วยองอาจ พระหน่อนาถตามเสด็จไม่เข็ดขาม
เข้าในวังลังกาสง่างาม รำภาตามทูลหนทางมาข้างใน ฯ
๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาออกมานั่ง สนมพรั่งพร้อมหน้าอัชฌาสัย
นางยุพามาถึงห้องทองประไพ อาบน้ำในแม่ขันอันบรรจง
แล้วนุ่งห่มสมเป็นที่บุตรีเอก จุดเทียนเสกมนต์ตามความประสงค์
แป้งน้ำมันจันทน์ลูบทั้งรูปทรง สุคนธ์ผงผัดผ่องละอองนวล
น้ำมันแก้วแววตาเจิมหน้าผาก แล้วสีปากจิ้มแก้มแล้วแย้มสรวล
กระจกส่องลองเยื้อนเบือนกระบวน ให้ยั่วยวนแย้มยิ้มทำพริ้มพราย
แล้วหวีผมกลมกวดกระหมวดเกล้า ปักปิ่นเนาวรัตน์จำรัสฉาย
ใส่กรอบช้องป้องพักตร์จำหลักลาย แซมดอกไม้ไหวรายดูพรายพราว
ส่านสีม่วงดวงดอกห่มนอกเสื้อ จับผิวเนื้อนวลปลั่งกำลังสาว
ใส่แหวนเนื่องเรืองอร่ามแวววามวาว เล็บมือยาวย้อมเทียนเจียนประจง
ครั้นสรรพเสร็จเด็ดดอกกุหลาบซ้อน ลงอักษรเสกมนต์ให้คนหลง
สำหรับมือถือเดินดำเนินตรง มาเฝ้าองค์อัคเรศเกศลังกา
ประนมนอบหมอบเรียงเข้าเคียงอาสน์ ตำแหน่งราชบุตรีมียศถา
นางละเวงเพ่งพิศดูธิดา ยิ้มในหน้านึกกริ่มกระหยิ่มใจ
พอองค์พระอนุชาถึงปราสาท ทั้งหน่อนาถนางรำภาอัชฌาสัย
ยิ่งชื่นชมสมประสงค์จำนงใน จึงเชิญให้นั่งยังบัลลังก์รัตน์
พนักงานพานสลาออกมาตั้ง ถวายทั้งพี่น้องสองกษัตริย์
บ้างนบนอบหมอบกรานอยู่งานพัด นางแกล้งตรัสปราศรัยเป็นไมตรี
ซึ่งทรงยศอตส่าห์เข้ามาเยี่ยม ตามธรรมเนียมวงศาเป็นราศี
ทั้งไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะยินดี ได้เป็นที่พึ่งพาข้างหน้าไป ฯ
๏ พระอนุชาว่าหม่อมฉันกับหลานรัก สาพิภักดิ์มั่นคงอย่าสงสัย
ซึ่งหักหาญราญรอนแต่ก่อนไร ด้วยมิได้แจ้งกระจัดเป็นสัจจา
ประเดี๋ยวนี้พี่นางเหมือนอย่างพี่ ด้วยภักดีต่อสมเด็จพระเชษฐา
จึงสู้ซื่อถือสัตย์ทั้งนัดดา อุส่าห์มาหมายให้เห็นใจจริง
ซึ่งพระโรคโศกศัลย์หม่อมฉันอ่าน พระอาการเจ็บจุกเป็นทุกสิ่ง
ยังดำรงคงได้พอไหวติง หรือแน่นิ่งไปไม่ฟื้นทุกคืนวัน ฯ
๏ นางแกล้งยิ้มพริ้มพรายภิปรายตอบ หมอประกอบยากินเข้าดินถนัน
เสวยชอบหอบเหียนอาเจียนนั้น ค่อยผ่อนผันบรรเทาฟื้นดูชื่นบาน
เวลาเช้าข้าวตังรังนกเสวย กับนมเนยน้ำองุ่นทั้งวุ้นหวาน
ลมบรรเทาเข้าบรรทมหลับนมนาน เห็นอาการค่อยเป็นสุขขึ้นทุกที
บรรทมตื่นขึ้นมาจะทูลฉลอง ให้ทั้งสององค์เข้าเฝ้าในที่
แล้วเสแสร้งแกล้งเยื้อนเตือนบุตรี บังคมพี่เสียบ้างนางยุพา
นางฟังคำทำอายชม้ายชม้อย ชำเลืองช้อยชายเนตรดูเชษฐา
พอเนตรสบนบนอบยอบกายา ภาวนาอาคมเป่าลมปราณ ฯ
๏ ฝ่ายหน่อนาถชาติเชื้อผีเสื้อน้ำ ผีจะทำมิใคร่ได้ด้วยใจหาญ
แต่ฤทธิ์เดชเวทมนตร์ดลบันดาล ให้ซาบซ่านเสียวรักหักอารมณ์
ดูที่ไหนให้เพลินเจริญจิต ประไพพิศเพราพริ้งทุกสิ่งสม
ทั้งสองแก้มแย้มยิ้มน่าชิมชม ป่วนอารมณ์ก้มพักตร์สู้หักใจ ฯ
๏ นางโฉมยงองค์ละเวงให้เกรงกริ่ง เห็นเฉยนิ่งก้มหน้าไม่ปราศรัย
บอกธิดาว่าเจ้าเอาดอกไม้ ไปยื่นให้เชษฐาต่างยาดม
นางก้มกรานคลานหมอบทำยอบย่อ ถวายต่อพระหัตถ์ชิดสนิทสนม
สินสมุทรสุดซื่อรับถือดม พอสูดลมแล่นวับเข้าจับใจ
ทั้งผีวิ่งสิงซ้ำละล่ำละลัก จะห้ามรักหักรักหักไม่ไหว
จะลดเลี้ยวเกี้ยวพานประการใด ก็ยังไม่เคยขยั้นพรั่นวิญญาณ์
แต่ความรักหักอายภิปรายปลอบ พี่คิดขอบคุณของน้องหนักหนา
แล้วแก้เก้อเออนี่แน่แม่ยุพา ชันษาโฉมเฉลาสักเท่าไร ฯ
๏ ฝ่ายยุพาผกาก้มหน้ายิ้ม ดูพรายพริ้มพจนาอัชฌาสัย
อันชันษาข้าพเจ้าไม่เข้าใจ มาซักไซ้ไล่เลียงน้องไม่ต้องการ
หรือทรงเดชเชษฐาโหราเอก จะลงเลขสูตรศูนย์ทั้งคูณหาร
อย่าพูดเล่นเช่นนั้นหม่อมฉันวาน ดูอาการบิตุรงค์แล้วทรงทาย ฯ
๏ สินสมุทรสุดสะเทิ้นให้เขินขาม จะตอบความลำบากยากใจหาย
แต่อิดเอื้อนเยื้อนย้ำคำภิปราย ฉันทำนายทายไม่เป็นเช่นประชวร
ฉันจะแก่หรือว่าแม่แก่กว่าฉัน เพราะเท่านั้นดอกจึงถามทรามสงวน
นางละเวงเกรงความจะลามลวน จึงแปรปรวนแก้ไขมิให้อาย
ยุพานั้นวันพุธเขาพูดมาก เสาร์เป็นปากวาจากล้าใจหาย
ระกาไก่ได้สิบเก้ากับเดือนปลาย จะถวายให้เป็นน้องของพระองค์
สินสมุทรสุดกริ่มแย้มยิ้มเยื้อน เพราะโปรดเหมือนหมายจิตคิดประสงค์
สมคะเนทูลไปอย่างใจจง ฉันนี้คงรักนางไม่ห่างไกล
แล้วเหลียวมาว่าประทานฉันนะน้อง หรือจะข้องขัดรับสั่งชิงชังไฉน
มิฝากตัวแก่ฉานเถิดนานไป จะหยิกให้ขาเขียวเจียวไม่ฟัง
นางยุพาว่าหม่อมฉันไม่หาญขัด สารพัดจะทำตามรับสั่ง
จะให้หามก็จะหามตามกำลัง เชิญพระนั่งยังบ่าจะพาไป
สินสมุทรสุดแก้แพ้ฝีปาก อุส่าห์ฝากไมตรีตามวิสัย
ว่าเช่นนั้นฉันจะจำถ้อยคำไว้ พระอาได้รู้เห็นเป็นพยาน ฯ
๏ ศรีสุวรรณเห็นว่านัดดาแพ้ แกล้งพูดแก้เกี้ยวรำภาค่อยว่าขาน
เจ้ากับพี่นี้มานั่งฟังอาการ ต้องรู้เห็นเป็นพยานรำคาญใจ
เออจะถามความจริงมิ่งสมร ที่หลับนอนน้องรักตำหนักไหน
บอกตำแหน่งแจ้งบ้างแม้อย่างไร จะแวะไปเยี่ยมเยือนเพื่อนชีวัน ฯ
๏ นางรำภาว่าพระคุณการุญถาม จะบอกตามความจริงทุกสิ่งสรรพ์
อยู่ตึกขวางข้างปรัศว์อัฒจันทร์ ห้องหม่อมฉันคับแคบพอแอบกาย
มิได้มีที่นั่งตั้งพระแท่น เหมือนห้ามแหนพนักงานท่านทั้งหลาย
มิควรคู่ภูวไนยจะใกล้กราย จะพลอยขายบาทาฝ่าธุลี ฯ
๏ พระว่าพี่นี้หรือไม่ถือศักดิ์ ถ้าใครรักรักจนตายไม่หน่ายหนี
เหมือนหนึ่งเจ้าเผ่าพงศ์วงศ์ผู้ดี ทั้งเป็นที่ท่านเจ้าเมืองก็เลื่องลือ
อย่าถ่อมถดยศถาบรรดาศักดิ์ พี่นี้รักแล้วก็ใจมิใคร่ถือ
เคยพบเห็นเป็นกุศลแต่ต้นมือ เดี๋ยวนี้หรือมาสนิทได้ชิดเชื้อ
ถึงคับที่มีผู้ว่าอยู่ได้ แต่คับใจอยู่ยากลำบากเหลือ
เจ้าเป็นโสดโปรดปรานเหมือนว่านเครือ ช่วยแผ่เผื่อพี่บ้างอย่าหมางเมิน ฯ
๏ นางละเวงเกรงจิตคิดอดสู จะนั่งอยู่ที่นั่นด้วยก็ขวยเขิน
แกล้งพาทีมิให้ฤทัยสะเทิน หม่อมฉันเชิญอยู่จนหายเห็นหลายวัน
แล้วแสร้งสั่งนางรำภาว่าไปจัด พระปรัศว์แท่นทองที่ห้องกั้น
เจ้าเป็นคนปรนนิบัติหัดกำนัล คอยนวดฟั้นเฝ้าพระอนุชา
สั่งบุตรีที่ในห้องของเจ้าอยู่ จงปัดปูจัดไว้ให้เชษฐา
ให้หน่อไทอยู่ห้องของน้องยา ตามประสาซื่อตรงเป็นวงศ์วาน
ฉันจะกลับเข้าไปดูพระภูวนาถ ตื่นไสยาสน์ช่วยชโลมโซมสนาน
จะทูลถามความมาบอกอาการ นางแหวกม่านคลานเข้าในที่ไสยา ฯ
๏ พระอภัยยังไม่หลับคอยตรับเสียง มองอยู่เพียงชั้นกลางริมข้างฝา
ฟังโอรสลดเลี้ยวเกี้ยวยุพา ชอบอัชฌายิ้มย่องอยู่ช่องแกล
ศรีสุวรรณนั้นชำนาญในการเกี้ยว พูดลดเลี้ยวสกัดนางไม่ห่างแห
สินสมุทรสุดเคอะเลอะเทอะแท้ จะใคร่แก้แทนลูกให้ถูกใจ
พอละเวงวัณฬาเข้ามาเฝ้า นางรู้เท่าทูลแจ้งแถลงไข
จะป้องปัดทัดทานประการใด เกรงหน่อไทกับพระอนุชา ฯ
๏ พระพาทีมิให้ดังว่าชั่งเขา จะยั่วเย้ายุให้รักนั้นหนักหนา
เหมือนพันผูกปลูกฝังไว้ลังกา อย่าไปว่าเขาเลยน้องไม่ต้องการ
เขาก็เขาเราก็เราหนอเจ้าหนอ พี่เป็นต่อที่ได้กอดยอดสงสาร
แล้วอุ้มนางวางที่แท่นแสนสำราญ อยู่ในม่านไม่มีใครเหมาะใจจริง ฯ
๏ สินสมุทรหยุดปากให้ยากใจ เฝ้าซักไซ้ไล่สำออยพูดอ้อยอิ่ง
แม่ยุพาอย่าระแวงแคลงประวิง ฉันไม่ทิ้งแม่ยุพาผกาเลย
พระมารดรสอนสั่งอย่างไรเล่า ทำไมเจ้าไม่ไปแต่งแกล้งทำเฉย
ไหนที่ห้องน้องบรรทมขอชมเชย จะได้เคยคุ้นไว้เวียนไปมา
นางว่าห้องน้องนั้นแน่มีแต่เบาะ ไม่หมดเหมาะเหมือนนิเวศน์พระเชษฐา
ทั้งม่านมุ้งรุงรังเหมือนรังกา มิอยากพาพระไปดูอดสูใจ ฯ
๏ สินสมุทรว่าเมื่อกี้มีรับสั่ง น้องไม่ฟังแล้วจะดื้อหรือไฉน
ว่าดีดีมิพาพี่คลาไคล ฉันขัดใจนี่ก็ฟ้องให้ต้องตี ฯ
๏ ศรีสุวรรณนั้นว่าแต่มานั่ง ก็เจ็บหลังเหลือระอารำภาสะหรี
ห้องปรัศว์จัดไว้ที่ไหนมี ขอให้พี่เอนหลังประทังกาย ฯ
๏ นางรำภาว่าพุคะจะไปจัด แล้วลาลัดเลยไปเสียให้หาย
เข้าห้องนอนซ่อนหน้าระอาอาย วันนี้ชายชิดแล้วไม่แคล้วเลย
นึกถึงเช่นเคล้นคลำเมื่อปล้ำปลัก กระดากกระดักสารยำแล้วกรรมเอ๋ย
เป็นท่าทางอย่างไรด้วยไม่เคย จะก่ายเกยกอดรัดอึดอัดใจ
โอ้แก้มเอ๋ยเคยแต่งเอาแป้งลูบ จะต้องจูบเสียแล้วแก้มไม่แจ่มใส
อกเอ๋ยอกปกป้องประคองไว้ จะถูกไม้มือน่วมบวมระบม
เหลือลำบากยากที่จะมีผัว กลัวเหมือนกลัวบอระเพ็ดให้เข็ดขม
รักก็รักอักอ่วนป่วนอารมณ์ เปลื้องผ้าห่มเสียด้วยร้อนนั่งถอนใจ
แล้วนึกว่าถ้าแม้จะมากอด จะทำทอดทับตักพลิกผลักไส
เมื่อเคล้าเคล้นเน้นน้องจะร้องไฮ้ เลยหลงใหลควักค้อนข่วนหมอนอิง
ครั้นรู้สึกนึกอายใจหายวูบ ลงง่วงงูบตรึกตราประสาหญิง
ฉวยมีท้องต้องอายเขาตายจริง ซบหน้านิ่งนอนคะนึงรำพึงไป ฯ
๏ สินสมุทรสุดรักไม่ยักนิ่ง เฝ้าอ้อยอิ่งตามประสาอัชฌาสัย
พี่รำภาเข้าไปจัดปรัศว์ไว้ เจ้าไม่ไปจัดห้องเล่าน้องรัก
พี่ก็เป็นเช่นพระอาขาเป็นเหน็บ แล้วก็เจ็บสันหลังดังจะหัก
ไหนนี่ห้องน้องช่วยนำไปสำนัก อย่าเมินพักตร์ผินหน้ามาพาที ฯ
๏ นางยุพาผกาว่าหน้าน้อง หม่นมัวหมองมอมเปื้อนจึงเบือนหนี
จะไปห้องน้องตรงนั้นหม่อมฉันชี้ ทำไมมิไปเล่ามาเฝ้ากวน
ฉันมีราชการมารักษาไข้ คอยฟังให้รู้แน่ที่แก้ผวน
พระก็มาด้วยธุระที่ประชวร หรือมากวนให้น้องไปห้องนอน
หรือเสียพระจักขุอายุสูง จะต้องจูงขึ้นสุวรรณบรรจถรณ์
สินสมุทรหยุดคิดเหมือนติดกลอน ฝีปากอ่อนออกปากว่ายากจริง
คารมจัดขัดข้องเหมือนป้องโล่ เรายิ่งโง่ก็ยิ่งใหญ่ไปทุกสิ่ง
ยิ่งนึกไปใจอ่อนเฝ้าวอนวิง ฉันรักจริงเจียวนะจ๊ะยุพาผกา ฯ
๏ นางบ่นร่ำกรรมเอ๋ยฉันเฉยอยู่ เออก็ดูเถิดมารักฉันหนักหนา
พอโฉมยงองค์ละเวงวัณฬามา บอกพระอาการเห็นเป็นประทัง
แล้วสั่งให้ไปรูดวิสูตรพลาง อยู่ห่างห่างเห็นพระองค์ดำรงนั่ง
ต่างนบนอบหมอบชม้อยจะคอยฟัง ด้วยคลุ้มคลั่งเคลิ้มเฟือนอยู่เหมือนกัน ฯ
๏ พระอภัยใส่กลเหมือนคนง่อย ครางตะบอยบอกโรคที่โศกศัลย์
พี่เจ็บมากหากว่ายาสำคัญ เขาแก้ทันจึงได้รอดไม่วอดวาย ฯ
๏ พระน้องฟังคลั่งเคลิ้มเฉลิมฉลอง จะจัดห้องนอนให้แล้วไปหาย
พระเชษฐาว่าแต่พอผูกคอตาย ก็สมหมายเหมือนได้ผ่านพิมานพรหม
สินสมุทรว่าไม่ได้ก็ไม่กลับ จะรักรับเลี้ยงดูเป็นคู่สม
พระบิดรสอนว่าอย่าปรารมภ์ อยู่บรรทมที่ในวังฟังอาการ
สุดแต่แม่ละเวงวัณฬาเถิด ด้วยชูเชิดชวนรักสมัครสมาน
แกล้งทำครางอย่างประชวรหวนรำคาญ ให้ชักม่านปิดป้องอยู่ห้องใน ฯ
๏ พอพลบค่ำย่ำระฆังเสียงหง่างเหง่ง ประโคมเครงครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว
นางโฉมยงองค์ละเวงคิดเกรงใจ พาหน่อไทไปที่ห้องของธิดา
แสงโคมเวียนเทียนสว่างอยู่กลางห้อง มีแท่นทองช่องชั้นฉากกั้นฝา
จึงว่าพ่อหน่อไทจงไสยา นางยุพาปรนนิบัติคอยพัดวี
เรียกเครื่องทองของเสวยอย่าเฉยนะ บำรุงพระเชษฐาของมารศรี
หน่อนรินทร์สินสมุทรสุดยินดี จึงว่าพระชนนีมีเมตตา
ช่วยกำชับลับหลังสั่งพระน้อง อย่าให้ย่องหนีออกไปนอกฝา
จะซื่อสัตย์ปฏิญาณเหมือนมารดา อยู่ลังกากับพระชนนี
นางโฉมยงสงสารด้วยหวานหู แสร้งค้อนขู่นางยุพามารศรี
จะต้องแก้แผลดื้อผูกมือตี อยู่เพื่อนพี่นะอย่าขัดพระอัชฌา
กำชับพลางนางออกมานอกห้อง เห็นพระน้องหน้าจ๋อยนั่งคอยหา
เรียกบุตรีลีวันแม่ขวัญตา เชิญพระอาไปที่ห้องต้องพระทัย
ได้เอนองค์สรงน้ำสว่ำเสวย เหมือนอย่างเคยอย่าให้ขัดอัชฌาสัย
แล้วลาพระอนุชาพลางคลาไคล เข้าเสียในม่านทองห้องวิเชียร ฯ
๏ สุลาลีปรีชานำหน้าเสด็จ ไปตึกเจ็ดห้องฝาหลังคาเขียน
ค่อยนำทางย่างย่องมือส่องเทียน แกล้งพาเวียนวนวงลงบันได
ถึงตึกทองห้องที่สะหรีอยู่ เห็นประตูเปิดกระจ่างสว่างไสว
พรั่งพร้อมหน้าข้าหลวงคอยช่วงใช้ เขาเตรียมไว้แต่หัวค่ำนางรำภา ฯ
๏ พระเข้าห้องช่องฉากหลากสลับ หยุดประทับแท่นสุวรรณที่กั้นฝา
พอโต๊ะทองของเครื่องเชิญเนื่องมา นางรำภาคลานเข้าไปเฝ้าพลัน
แล้วทูลเตือนให้พระองค์ทรงเสวย เครื่องนมเนยน้ำสาชูกับหมูหัน
แล้วนางจัดจอกทองรองน้ำจัณฑ์ อภิวันท์ส่งถวายชม้ายตา ฯ
๏ พระรับพลางทางตรัสเป็นตัดพ้อ เออใครหนอน้องแก้วพี่แล้วหนา
มาจัดแจงแล้วก็แกล้งแฝงกายา ให้เนิ่นช้านั่งคอยน้อยหรือนาง ฯ
๏ นางเสแสร้งแกล้งว่าองค์พระทรงตรัส สั่งให้จัดก็มาจัดไม่ขัดขวาง
ไหนจะเลือกรูปเหล่าสาวสุรางค์ ให้ใช้ข้างแท่นที่นั้นมีครบ
ราชการงานก็ทำไว้สำเร็จ คอยเสด็จอยู่ที่นี่ไม่หนีหลบ
เสด็จถึงจึงหมอบเฝ้านอบนบ พรั่งพร้อมครบเครื่องเสวยไม่เฉยเชือน ฯ
๏ พระยิ้มพลางทางว่าน่าหัวเราะ ช่างพูดเพราะนี่กระไรใครจะเหมือน
สารพัดขัดคิดแกล้งบิดเบือน แล้วกลบเกลื่อนไกล่เกลี่ยมิเสียแรง
มาร่วมโต๊ะกันกับพี่เถิดซิเจ้า อย่านั่งเหงาอายเหนียมฟุบเฟี้ยมแฝง
กินด้วยกันกระนั้นกระนี้ได้ชี้แจง ถึงคอแห้งเห็นหน้าน้องค่อยคล่องคอ ฯ
๏ นางรำภาว่าไม่ควรชวนร่วมเสวย อย่าตรัสเลยเช่นนั้นหม่อมฉันขอ
เป็นคนใช้ไม่ทะลึ่งขึ้นถึงวอ โปรดแต่พอควรเถิดประเสริฐครัน
พระว่าพี่นี้หรือไม่ถือศักดิ์ สุดแต่รักแล้วถนอมเป็นจอมขวัญ
นางยิ้มพลางทางถวายจอกน้ำจัณฑ์ แม้รักฉันเชิญเสวยอย่าเฉยเชือน ฯ
๏ พระว่าพี่นี้ไม่เคยกินเลยนะน้อง แต่ว่าต้องตามน้ำใจใครจะเหมือน
พลางจิบซ้ำน้ำจัณฑ์ยิ่งฟั่นเฟือน นางยิ่งเตือนเติมแกล้มแกมสุรา
จนสำเร็จเสร็จเสวยไม่เงยพักตร์ ละล่ำละลักเนตรพรายทั้งซ้ายขวา
ไม่เคยเมาเหล้าเข้มเต็มประดา เรียกรำภาอิงเขนยเลยหลับไป ฯ
๏ นางชื่นชมสมคิดค่อยปิดม่าน มิให้ผ่านฟ้าตื่นฟื้นขึ้นได้
กำชับเหล่าสาวสรรค์ซึ่งปันไว้ ให้อยู่ใช้ข้างที่อย่าหนีนอน ฯ
๏ ฝ่ายสินสมุทรเวลาค่ำก็จำเสวย อิ่มแล้วเลยขึ้นสุวรรณบรรจถรณ์
เฝ้าลดเลี้ยวเกี้ยวยุพาด้วยอาวรณ์ เชิญขึ้นนอนเสียบนที่พี่จะพัด
จนดึกดื่นขืนมานั่งอยู่อย่างนี้ เหมือนไม่มีม่านมุ้งยุงจะกัด
พลางเข้าใกล้ไล่ยึดนางฮึดฮัด แกล้งเคืองขัดขึงขู่ดูทำนอง
เออพระพี่นี่อย่างไรมาไล่ฉัน ทำเช่นนั้นนี้ก็ได้ไปทูลฉลอง
สำคัญว่าปรานีเหมือนพี่น้อง มาเลียมลองลามเหลือน่าเบื่อใจ ฯ
๏ สินสมุทรหยุดกลัวถอยตัวหนี ว่าไหนนี่ถูกต้องน้องที่ไหน
พาโลเล่นเห็นว่ารักแล้วหนักไป หรือใครได้รู้เห็นเป็นพยาน
แต่หยุดยั้งนั่งคิดเห็นผิดประหลาด เราหมายมาดไม่สมอารมณ์สมาน
เมื่อใกล้ชิดนิดหน่อยก็คอยพาล จะคิดอ่านแก้ไขฉันใดดี
เป็นขัดสนจนจิตยิ่งพิศเพ่ง ยิ่งงามปล่งปลื้มจิตด้วยฤทธิ์ผี
ผียิ่งร้อนรักอักอ่วนให้ยวนยี ปลอบโดยดีก็หนักหนาไม่อาลัย
จะตายเป็นเล่นข้างดื้อเถิดหรือนะ ร้องก็จะจุกปากหายากไม่
ถึงมารดาว่าขานประการใด เราคงได้กอดจูบได้ลูบโลม
แม้ละไว้ไหนจะสมอารมณ์รัก เสียดายพักตร์พิสมัยวิลัยโฉม
ยิ่งฉุนชื่นขืนหน่วงเพียงทรวงโทรม เข้าถึงโถมกอดนางไม่วางมือ
อย่าร้องนะจะต้องจุกจมูกปาก มิให้ฝากรักใคร่จะได้หรือ
ถึงมอดม้วยด้วยเจ้าเขาก็ลือ ไม่พ้นมือพี่เสียแล้วนะแก้วตา ฯ
๏ นางผลักพลิกหยิกข่วนแต่ล้วนเล็บ สู้ทนเจ็บจูบซ้ายแล้วย้ายขวา
ประคองนางวางลงในที่ไสยา เสน่หาหอมระรินด้วยกลิ่นนาง
นางผลักไสไม่หลุดก็สุดคิด สุดจะปิดสุดจะปัดสุดขัดขวาง
ซังตายว่าน่าแค้นแม้นมิวาง จะต้องค้างเดี๋ยวนี้และพลางแกะมือ
อะไรเล่าเฝ้ามารัดจนอัดอั้น ข่มเหงฉันเช่นนี้เห็นดีหรือ
ยิ่งสู้นิ่งยิ่งฉุดเฝ้ายุดยื้อ ยิ่งไม่ถือแล้วยิ่งทำนั้นร่ำไป
ถ้าจริงจังหวังจะรักเป็นพักผล น้องจะพ้นมือพระพี่ไปที่ไหน
ขืนรักเร้าเย้ายีอย่างนี้ไป จะกลั้นใจตายเสียดอกบอกจริงจริง
พอขาดคำทำระทวยจะม้วยมุด สินสมุทรนั้นไม่รู้เท่าผู้หญิง
เสียดายนางวางนอนแนบหมอนอิง ไม่ไหวติงตกใจกระไรเลย
เห็นอัดอั้นกลั้นจิตผิดสำเหนียก ค่อยค่อยเรียกนางยุพาผกาเอ๋ย
ไม่รบกวนลวนลามแล้วทรามเชย อย่าตายเลยลืมตาขึ้นพาที ฯ
๏ นางแกล้งว่าถ้ากระนั้นฉันจะเชื่อ เดี๋ยวนี้เนื้อตัวน้องก็หมองศรี
จะสู้ซื่อถือสัตย์สวัสดี คนอื่นมิให้ต้องเป็นสองชาย
แต่ทูลขอพอให้พ้นเป็นคนชั่ว จะฝากตัวตามประสงค์จำนงหมาย
แม้เลียมเล่นเช่นชู้อยู่ก็อาย จะสู้ตายเสียให้สิ้นความนินทา ฯ
๏ สินสมุทรสุดสวาทไม่อาจขัด ด้วยซื่อสัตย์แสนรักเขาหนักหนา
ซึ่งให้ขอก็จะคิดทูลบิดา แต่สัญญาโดยดีแล้วมิฟัง
ถึงวันนี้มิให้ชื่นวันอื่นเล่า คงได้เจ้าชมสมอารมณ์หวัง
อยู่รอเรียงเคียงกันบนบัลลังก์ ขอชมมั่งนิดหน่อยเถิดกลอยใจ ฯ
๏ นางนึกว่าหน้าโง่โตเสียเปล่า จะหน่วงเจ้าไว้ให้ช้าเลือดตาไหล
จึงเสแสร้งแกล้งว่าให้อาลัย แม้รักใคร่จริงจังจงฟังคำ
จะขอนอนผ่อนพักเสียสักงีบ อย่าแหนบหนีบหยุมหยิมไม่อิ่มหนำ
ขืนยั่วเย้าเคล้าคลึงจะถึงกรรม แล้วแกล้งทำหลับลวงดูท่วงที ฯ
๏ สินสมุทรหยุดกอดทอดใจใหญ่ เอะหลับใหลแล้วก็จะสละหนี
ลุกขึ้นนั่งตั้งตาดูนารี เสน่ห์ผีช่วยชักให้รักแรง
เห็นแก้มอะหลั่งปลั่งเปล่งเต้าเต่งตั้ง ยังระวังไม่ใคร่หลับขยับแฝง
แล้วเอนเอกเขนกเรียงเคียงตะแคง ค่อยพลิกแพลงเพลิงกระจ่างสว่างนวล
หน้าแฉล้มแก้มคางช่างน่าจูบ พลางค่อยลูบเลียมประคองของสงวน
นางว่าไฮ้อะไรเล่ามาเฝ้ากวน ขืนลามลวนลูบคลำนั้นร่ำไป
ชะพระพี่นี่แลหรือว่าซื่อสัตย์ สบถสะบัดเสียประเดี๋ยวเจียววิสัย
นี่หรือรักหากด่วนมากวนใจ เถิดมิได้แล้วทีนี้ดีแล้วคะ
ลุกขึ้นนั่งตั้งสง่านุ่งผ้ารัด เสื้อกระหวัดเฉวียงวกปกอุระ
ขู่สำทับรับหมดไม่ลดละ เป็นคนจะกลัวตายนึกอายจริง
ถึงวายวางกลางฟูกกระดูกร้อง ผิดก็ต้องตีด่าประสาหญิง
พลางชม้อยถอยหลังมานั่งอิง หมายให้วิงวอนแค่นด้วนแสนงอน ฯ
๏ สินสมุทรสุดขยั้นประหวั่นจิต ตะลึงคิดเอะไฉนใจสมร
เมื่อแรกรับกลับผัดแล้วตัดรอน จะยอกย้อนคิดอย่างไรผิดใจจริง
จะปลักปลอบตอบโต้เราโง่กว่า ชะปัญญาเอ๋ยไม่รู้เท่าผู้หญิง
เหมือนลมหวนปรวนเปรประเวประวิง พูดจริงจริงก็เป็นเท็จเข็ดคารม
ผิดก็ถือดื้อดึงให้ถึงแต้ม ได้ชื่นแช่มเชยชิดสนิทสนม
ยิ่งเพ่งพิศติดใจจะใคร่ชม เข้าเกลียวกลมกอดรัดกระหวัดกร ฯ
๏ นางเบือนหยิกพลิกแพลงวัดแว้งวุ่น พระกอดอุ่นแนบทรวงดวงสมร
นางเหนื่อยเหน็ดเข็ดใจพิไรวอน อย่าเพ่อก่อนเช่นนั้นฉันไม่เคย
คิดว่าหยอกดอกมาเล่นถึงเช่นนี้ คิดบัดสีพระมาทำเคราะห์กรรมเอ๋ย
ไม่พูดจาพาทีโดยดีเลย ขืนก่ายเกยปลุกปล้ำด้วยกำลัง ฯ
๏ สินสมุทรว่าพี่แพ้แต่ฝีปาก เรี่ยวแรงมากไม่ยักพ้นเหมือนหนหลัง
ไม่โอนอ่อนผ่อนให้ก็ไม่ฟัง อุยน่ายังหยิกเล่าดูเอาซิ
พลางสวมสอดกอดเกยชมเชยชิด นางสุดคิดสุดขัดถึงปัตนิ
ข่วนเท่าไรไม่เจ็บจนเล็บลิ อโหสิสู้เมินด้วยเกินการ ฯ
๏ พระกอดเกี้ยวเกลียวกลมประทมประทับ นางคำนับน้อมรักสมัครสมาน
ไม่ห่างเหินเพลินเชิงละเลิงละลาน เหมือนคชสารสู้หมอลงขอฟัน
จนเลือดฟูมฮูมแปร้นแล่นเตลิด ระเห็จระเหิดงางวงทะลวงถลัน
ลงแทงเงาเซาซึมกระหึ่มมัน ขยับยั่นยำขอระย่อยืน
พายุพยับกลับกลอกเมฆหมอกกลุ้ม ดูมืดคลุ้มฝนฟ้าก็ฝ่าฝืน
ที่ในวังครั้งนั้นเสียงครั่นครื้น ดังเหมือนปืนตูมตามเข้าสามตึง
ฝนตกพรำน้ำเหนือก็เหลือล้น ท่วมพื้นพ้นปถพีหยั่งมิถึง
เมื่อแรกรักปลักปลื้มลืมตะลึง เห็นดาวดึงส์ลิบลิบเหมือนทิพรส
ด้วยรุ่นสาวคราวหนุ่มต่างชุ่มชื่น ลืมอื่นอื่นอับอายก็หายหมด
นางยุพานั้นแต่ก่อนนั้นงอนชด ครั้นรู้รสเชิงชายเหือดหายงอน
ระทวยทับกับตักไม่พักง้อ เฝ้าเคลียคลอเคล้ากันบนบรรจถรณ์
ทำจุดหลังนั่งแนบแอบชะอ้อน แต่เก่าก่อนก้ำเกินขวยเขินอาย
ประทานโทษโปรดน้องขอรองบาท จนสิ้นชาติชาตินี้ไม่หนีหาย
ไม่แกล้งว่าฟ้าผี่ถ้าผัวตาย มิให้ชายอื่นมาเป็นสามี ฯ
๏ สินสมุทรสุดสวาทไม่คลาดเคลื่อน พี่รักเหมือนดวงชีวิตไม่คิดหนี
จะเคียงคู่อยู่จนตายวายชีวี แต่ฟังพี่พี่นี้เจ็บด้วยเล็บยาว
พลางกอดเกยเชยชิดจุมพิตพักตร์ วิไลลักษณ์รวบรวนมักชวนหนาว
เกิดอัศจรรย์ครั้นว่าดังทุกครั้งคราว ป่วยการกล่าวแกล้งข้ามไปตามเกิน
นางยุพาฝรั่งหล่อนช่างชะอ้อน สารวอนแนบข้างไม่ห่างเหิน
หน่อนรินทร์สินสมุทรก็สุดเพลิน เฝ้าหยอกเอินแอบประทับเลยหลับไป ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาเวลาเช้า สร่างแต่เมามนต์ยังคงให้หลงใหล
ฝันว่าสอดกอดนางเหมือนอย่างใจ พอนางไปก็พอตื่นฟื้นพระองค์
ยิ่งนึกยิ้มอิ่มเอิบกำเริบจิต ด้วยต้องจิตใจกระบวนนวลหง
จึงเผยม่านชั้นกลางนางอนงค์ ถวายสรงพระพักตร์กับซับพักตรา ฯ
๏ พระแต่งองค์ทรงเสวยตามเคยเสร็จ แกล้งเสด็จดูห้องเที่ยวมองหา
ถึงห้องสุดหยุดเขม้นเห็นรำภา นั่งผัดหน้านวลแป้งดังแสงจันทร์
จึงย่างย่องมองเมียงขึ้นเตียงตั่ง ถนอมนั่งแนบน้องประคองขวัญ
ค่อยเบนเบียดเสียดเชยเหมือนเคยกัน นางหวาดหวั่นเห็นพระองค์ต้องลงฟุบ ฯ
๏ พระแก้เก้อเออดอกไม้หรือในจอก พี่ขอดอกเถิดหนานี่ดอกยี่หุบ
นางเสแสร้งแกล้งว่าพระมาตะครุบ จนจิตวุบตกใจกระไรเลย
อย่าหยอกเล่นเช่นนั้นหม่อมฉันแค้น ที่ข้างแท่นถมไปสิไม่เสวย
มาลักโลมโจมจู่เหมือนชู้เชย ฉันไม่เคยคบชายให้อายใจ ฯ
๏ พระว่าเจ้าเปล่าอยู่ดอกหรือออกหาก พึ่งจะจากมาเมื่อจวนปัจจุสมัย
อุแม่เอ๋ยเลยลืมปลื้มอาลัย เมื่อคืนใครเล่าพี่กอดตลอดคืน ฯ
๏ นางลูบอกตกประหม่านิจจาเอ๋ย แม้คุ้นเคยเหมือนหนึ่งตรัสไม่ขัดขืน
เนื้อความยังทั้งนั้นมายันยืน อะไรคืนนี้ฉันได้เข้าใกล้เคียง
แต่สำเร็จเสร็จเสวยก็เลยหลับ หม่อมฉันกลับมาอยู่ห้องจึงต้องเถียง
เขาพร้อมพรั่งนั่งยามตามตะเกียง จงไล่เลียงไต่ถามเอาความจริง ฯ
๏ พระฟังคำรำพึงหรือหนึ่งฝัน มายืนยันหยาบคายนึกอายหญิง
แล้วแสแสร้งแกล้งว่านางช่างอ้างอิง ใครจะวิ่งเข้าไปเห็นเป็นพยาน
เมื่อว่าเปล่าเจ้าไม่รับปรับเอาพี่ ก็ตามทีเถิดหรือน้องจะฟ้องศาล
พี่กับนางไปอยู่กลางตุลาการ ค่อยคิดอ่านสู้ความตามสำเนา
แพ้ชนะก็จะอยู่เป็นคู่สร้าง พระตรัสพลางทางประโลมโฉมเฉลา
นางหักนิ้วพลิ้วพลิกหยิกพระเพลา หรือผ่านเกล้าแกล้งจะทำให้ช้ำใจ
จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงคู่อยู่ที่นี่ มเหสีเคยคู่จะอยู่ไหน
ไม่ถึงปีนี่ก็จะสละไป กลัวจะไม่เหลียวหลังดูลังกา
หม่อมฉันรู้อยู่นะจอมกระหม่อมแก้ว ไม่หมายแล้วที่อำนาจวาสนา
พระรักฉันฉันทุพลคนต่ำช้า หน่อยน้ำตาก็จะตกต้องอกตรม
พระมีศักดิ์รักไหนก็ได้คล่อง จะปกครองคู่ไพร่เห็นไม่สม
กษัตราหาแต่ราชบุตรีชม อย่านิยมอย่างเช่นน้องมิต้องการ
ใช่สาวแส้แก่เรื้อมันเหลือสาว มะพร้าวห้าวไม่เหมือนอ่อนทรามช้อนหวาน
อย่ากล่าวเกลี้ยงเลี่ยงเลี้ยวพูดเกี้ยวพาน กระหม่อมฉานขอตัวคิดกลัวภัย ฯ
๏ พระว่าห้ามความอื่นพอขืนหัก จะห้ามรักนี้พี่ห้ามปรามไม่ไหว
วาสนาถ้าแม้พี่มีฉันใด จะเลี้ยงให้แม้นเหมือนไม่เคลื่อนคลาย
มเหสีมีอยู่ชมพูทวีป จะสิ้นชีพสิ้นชาติไม่มาดหมาย
ไม่นับถือซื่อราวกับลาวตาย ไม่แยบคายคมขำเหมือนรำภา
พี่เห็นเจ้าเยาวลักษณ์ก็รักเหลือ ช่วยแผ่เผื่อผ่อนผันให้หรรษา
พลางสอดกรช้อนชมภิรมยา นางซบหน้าขวยเขินสะเทิ้นใจ
มิโปรดบ้างกลางวันยังแสกแสก อกจะแตกกรรมเอ๋ยกรรมจะทำไฉน
อย่ารีบรุดหยุดยั้งรั้งพระทัย น้องนี้ไม่พ้นองค์พระทรงยศ
แม้ชุบเลี้ยงหม่อมฉันอย่างนั้นแน่ สุดแล้วแต่ทูลกระหม่อมจะยอมหมด
แต่โปรดรอพอตะวันลับบรรพต นางเปลื้องปลดปลิดหัตถ์สะบัดกร ฯ
๏ พระกอดแอบแนบเนื้อว่าเหลือรัก สุดจะหักห้ามหายนะสายสมร
พระสุริยันนั้นสว่างกลางอัมพร เรานั่งนอนอยู่ในตึกนี่ลึกลับ
เปรียบเหมือนอย่างกลางคืนคนอื่นเล่า ใช่การเขาใครจะรู้มาจู่จับ
ซึ่งคืนวันนั้นไซร้ใช่บังคับ ใครจะปรับไหมได้หรือไรนาง
พลางอิงแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ นางพลิกผลักพระหัตถ์คอยขัดขวาง
แล้วว่าพระจะมาคิดให้ผิดทาง อายผีสางเทวดาหนักหนานัก ฯ
๏ พระแย้มพรายชายชม้อยค่อยค่อยว่า เทวดานั้นมิใช่ไม่รู้จัก
เธอมีคู่สู่สมภิรมย์รัก กลัวจะหนักไปเสียกว่าพวกมนุษย์
อย่าถือเลยเคยคู่จึงชูชัก เพราะสุดรักสุดรั้งสุดยั้งหยุด
มิผ่อนตามห้ามหวงเห็นทรวงทรุด เจ้าสายสุดสวาทน้องอย่าป้องกัน
พลางกอดเกี่ยวเกลียวกลมสมสังวาส ไม่เคลื่อนคลาดเคล้าเคล้นเหมือนเช่นฝัน
ดวงดาวเดือนเลื่อนสว่างออกกลางวัน อัศจรรย์จวนเที่ยงเหมือนเสียงโทน
ทั้งมดท้าวเจ้าเข้าถูกเหล้าเข้ม จนเมาเต็มประดาออกท่าโขน
ซัดชาตรีตีกรับขยับโยน รำเพลงโทนเทิ้มเทิ้มระเริ่มระริก
อานนท์ใหญ่ใต้แผ่นดินดิ้นขยับ ต่างกลิ้งกลับกลอกเกลือกกระเดือกกระดิก
พระสุเมรุเอนทบพิภพพลิก พลอยถึงมิคสัญญีกลียุค
ทั้งหญิงชายหมายเห็นกันเป็นเนื้อ เข้าแล่เถือแทงทำถึงปล้ำปลุก
ครั้นโลกีย์พิกลเกิดฝนชุก น้ำท่วมทุกฝากฝั่งถึงวังใน ฯ
๏ นางลืมอายหายกลัวมีผัวลูก เหมือนเพชรถูกน้ำค้างสว่างไสว
เฝ้าหมอบเมียงเคียงชิดด้วยติดใจ ขออภัยได้ผิดพลั้งแต่หลังมา
อย่าถือโทษโปรดน้องขอรองบาท จนสิ้นชาติสิ้นชีวังสิ้นสังขาร์
แม้ทิ้งขว้างห่างเหให้เอกา ต้องน้อยหน้าน้องจะขอเชือดคอตาย ฯ
๏ พระยิ้มย่องของหวงพี่ล้วงได้ ต้องร้องไห้เศร้าซูบจนรูปสลาย
หรือฝันเห็นเช่นกับพี่แล้วดีร้าย มามุ่งหมายจริงจังเมื่อครั้งไร ฯ
๏ นางค่อนว่าน่าเบื่อพระเชื่อรูป จนเกินซูบแล้วน่าเลือดตาไหล
พระว่าเปล่าเล่าก็ดีแต่นี้ไป ฉันมิได้เป็นหม่อมห้ามอย่าลามลวน ฯ
๏ พระลูบโลมโฉมเฉลาว่าเจ้าพี่ ช่วยว่าที่แทนหม่อมห้ามเถิดทรามสงวน
อุส่าห์เฝ้าเช้าเย็นให้เป็นนวล สักเดือนถ้วนจะถึงหม่อมจอมมารดา
พลางกอดเกยเชยชมภิรมย์รัก เฝ้าเฟ้นฟักฟูมฟายทั้งซ้ายขวา
ความเพลิดเพลินเนิ่นนานทั้งหลานอา อุปมาเหมือนหนึ่งหนังตั้งประชัน
พระบิตุรงค์หลงเพลงละเวงน้อย พระน้องพลอยรักรำภาหลับตาฝัน
โอรสหลงองค์ยุพาวิลาวัณย์ เหมือนช้างมันหมอชโลงโยงเข้าซอง
ทั้งน้ำหญ้าสารพัดเขาจัดป้อน จึงลืมดอนดงป่าทุ่งนาหนอง
เหมือนสามองค์หลงเชิงเริงคะนอง ไม่จากห้องห่างเหเสน่ห์ใน ฯ
๏ ฝ่ายทั้งสามพราหมณ์อยู่ประตูนอก ไม่เห็นออกมาสักองค์นึกสงสัย
จนจวนค่ำซ้ำสั่งไปครั้งไร ไม่มีใครกลับออกมาบอกความ
ต้องคอยค้างต่างก็คิดผิดประหลาด หรือหน่อนาถจะไปเล่นเข้าเป็นสาม
คิดว่าให้ไปช่วยรั้งเป็นหางยาม ยังหลงตามติดกับไม่กลับมา
พอรุ่งเช้าเข้าไปสั่งอีกครั้งหนึ่ง ทูลให้ถึงทรงยศโอรสา
แม้วันนี้มิได้ปะเราจะพา พวกเสนานายไพร่เข้าไปตาม
ท่านข้างในไปฉลองละอองบาท อยู่ปราสาทพร้อมพรั่งกันทั้งสาม
ศรีสุวรรณนั้นว่าเขาไม่เบาความ ไปสั่งพราหมณ์เสียให้ชัดเถิดนัดดา
ให้เลิกทัพกลับไปเสียให้หมด เราจะงดตามเสด็จพระเชษฐา
สินสมุทรพูดไว้แต่ไรมา นึกระอาอายพราหมณ์ทั้งสามนาย
แต่จำใจไปบอกมิออกปาก ลาลงจากอัฒจันทร์รีบผันผาย
ถึงประตูดูดำเนินสะเทิ้นอาย พอสามนายเข้ามาหาจึงพาที
พระเจ้าอาว่าให้กลับทัพเสียเถิด อย่าให้เกิดรบพุ่งในกรุงศรี
ครั้งเสร็จคำอำลาไม่ช้าที จะเดินหนีสามพราหมณ์ยุดห้ามไว้
แล้วว่าพ่อหน่อนาถประหลาดนัก ไปพลอยรักด้วยแล้วกรรมทำไฉน
อยู่ในวังทัพยังค้างอยู่กลางไพร เชิญออกไปยังทัพที่พลับพลา ฯ
๏ สินสมุทรสุดอายซังตายตอบ ฉันไม่ชอบผู้หญิงจริงหนาจ๋า
จะอยู่ดูทรงฤทธิ์พระบิดา พอโรคาค่อยระงับจะกลับไป
พี่พราหมณ์กลับทัพเถิดไม่เกิดศึก อย่าได้นึกเคลือบแคลงแหนงไฉน
อันองค์พระมเหสีดีสุดใจ กลับรักใคร่ซื่อตรงเหมือนวงศ์วาน
พี่พราหมณ์จ๋าหาชาววังมั่งไหมเล่า จะได้เฝ้าฟักฟูมเป็นภูมิฐาน
ฉันจะพามาให้เห็นได้การ จะคิดอ่านการอื่นอื่นไม่ชื่นใจ ฯ
๏ เจ้าพราหมณ์รู้อยู่ว่าคลั่งกำลังหลง ยิ่งแสนสงสารน่าน้ำตาไหล
ว่าตัวพี่นี้นะพ่อมิพอใจ สิ้นอาลัยชาววังเพราะชังเล็บ
แล้วก็เขาเจ้ากระบวนสำนวนมาก ทั้งฝีปากจุกจิกหยิกก็เจ็บ
แต่รู้จักปักสะดึงตรึงกรองเย็บ กับรู้เก็บถอนไรจุกไม่ทุกข์ร้อน
พ่อรักใคร่ไปอยู่ไม่รู้อิ่ม เพราะหลงชิมชาววังไม่ฟังสอน
น้อยหรือแผลแลลายทั้งกายกร ชะเล็บหล่อนแหลมเหลือเสือในวัง
ฟังพี่ว่าอย่าไปอยู่ศัตรูเก่า จะมัวเมาว่านยาเป็นบ้าหลัง
แม้ว่ากล่าวคราวนี้ถ้ามิฟัง เหลือกำลังแล้วก็เห็นไม่เป็นการ
จะเศร้าสร้อยพลอยพาน้ำตาตก ด้วยเปล่าอกไกลองค์น่าสงสาร
สินสมุทรสุดสะเทิ้นเขินรำคาญ แกล้งว่าฉานมาอยู่ช้าจะลาไป
ทั้งสามพราหมณ์ห้ามว่าช้าขอรับ ต่างเข้าจับมือยุดฉุดไม่ไหว
พระเลี้ยวลัดตัดทางมาปรางค์ชัย เข้าห้องในแนบนางไม่ห่างกาย ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนเป็นจนจิต สุดความคิดคิดไปก็ใจหาย
พาพหลพลไกรทั้งไพร่นาย มาอยู่ค่ายคอยหาปรึกษาความ
เดี๋ยวนี้เราเจ้านายก็กลายกลับ ไปติดกับเสียในวังสิ้นทั้งสาม
เราทั้งหลายนายไพร่เหมือนไฟลาม มีแต่ความร้อนรุกมาทุกที
จะบอกข่าวราวเรื่องไปเมืองผลึก ให้รู้สึกองค์พระมเหสี
เชิญสุดสาครมาวิชาดี ได้ไล่ผีอีฝรั่งเมืองลังกา
เห็นพร้อมจิตคิดทำเป็นคำบอก ใส่กลักพอกครั่งปิดผนิดฝา
ให้ม้าใช้ไปยังฝั่งชลา ลงเภตราข้ามคุ้งไปกรุงไกร ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ