- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
๏ ฝ่ายพระจอมจักรพงษ์ดำรงราชย์ | ตรัสประภาษไปพลันด้วยหรรษา |
เราขอบใจท่านสยามพราหมณ์พฤฒา | ช่วยตรึกตราสมนึกเหมือนตรึกตรอง |
พระตรัสสั่งผู้ฉลาดที่อาจหาญ | ให้นำสารไปประมูลทูลฉลอง |
ในเบื้องบาทพระเจ้าอาฝ่าละออง | กับทั้งสองเชษฐาได้ปรานี |
เอาม้าเร็วว่องไวรีบไปบก | ตามวิตกหมายมุ่งไปกรุงศรี |
รมจักรนคราถึงธานี | ทูลคดีขอเรือใบไปลังกา |
แล้วรีบไปถวายสารกรุงผลึก | ว่าเกิดศึกเข้มแข็งแรงนักหนา |
พวกม้าใช้พร้อมมูลแล้วทูลลา | ตัดออกมานอกทุ่งพอรุ่งราง |
สิบห้าวันบรรลุถึงรมจักร | เข้าหยุดพักอยู่ที่หน้าศาลาขวาง |
พวกรักษาขอบเขตประเทศทาง | นั่งอยู่กลางศาลาแล้วว่าไป |
เราขอถามพวกบุรุษที่หยุดม้า | ท่านจะมาที่นี่หรือที่ไหน |
พวกกำพลเปรมปรีดิ์ด้วยดีใจ | ตรงเข้าไปเล่าแถลงแจ้งคดี |
ข้าพเจ้าอยู่ตำบลกำพลเพชร | มาพร้อมเสร็จโดยบุราณถือสารศรี |
ขององค์พระมังคลาเจ้าธานี | เฝ้าที่นี่แล้วจะไปในลังกา |
ขุนด่านฟังสั่งเสมียนให้เขียนบอก | ผูกม้าหมอกรีบไปไวไวหวา |
นำเอาท่านราชทูตไปพูดจา | แก่เสนาผู้กำกับได้กราบทูล |
แล้วพาทูตเข้าไปในนิเวศน์ | พอทรงเดชธิบดินทร์ปิ่นไอศูรย์ |
เสด็จออกแท่นสุวรรณอันจำรูญ | เสนาทูลบอกเรื่องเมืองกำพล |
ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงรมจักร | สงสัยนักทรงแคลงแห่งนุสนธิ์ |
หรือจะมาท่าไรเป็นไกกล | ฟังยุบลให้กระจ่างทางบุราณ |
ไปรับมาในวังฟังมันพูด | ใครเป็นทูตจำถือหนังสือสาร |
แต่มันแตกจากลังกาไปช้านาน | อยู่ถิ่นฐานเมืองใดพึ่งได้ยิน |
พระสงสัยใคร่แจ้งแห่งระหัส | โองการตรัสโดยในพระทัยถวิล |
ไปรับทูตเข้ามาในธานินทร์ | พร้อมกันสิ้นแล้วให้อ่านสารสารา ฯ |
๏ เจริญลักษณ์อักษรสุนทรสาร | เขียนใส่ลานทองประจำคำเลขา |
ขอบังคมสมเด็จพระเจ้าอา | ให้ทราบฝ่าบาทมูลทูลละออง |
เพราะคบคนเป็นพาลสันดานชั่ว | จึ่งพาตัวปี้ป่นต้องหม่นหมอง |
ขอประทานโทษาฝ่าละออง | ที่ขุ่นข้องมาแต่หลังตั้งแต่เดิม |
ได้รบพุ่งมุ่งหมายมาหลายครั้ง | มิได้ยั้งตรองตรึกจึ่งฮึกเหิม |
ทำเคืองขัดพระอัชฌามาแต่เดิม | ตั้งแต่เริ่มแรกบำรุงกรุงลังกา |
จงงดโทษโปรดปรานประทานเกล้า | จะมาเฝ้าศึกประชิดติดหนักหนา |
ขอบารมีทูลกระหม่อมจอมประชา | เสด็จมาช่วยกำราบปราบอรินทร์ ฯ |
๏ พอจบสารพระผู้ผ่านรมจักร | เสียดายศักดิ์นึกในพระทัยถวิล |
ม้นก็หลานในไส้ใช่ไพริน | ครั้นจะผินหลังให้ก็ไม่ดี |
เขาก็ยอมงอนง้อมาขอโทษ | จะถือโกรธพูดไปเหมือนใส่สี |
เป็นผู้ใหญ่ใครเขารู้ดูไม่ดี | ก็ควรที่จะบำรุงกรุงกำพล |
ให้สืบสุริย์วงศ์พระทรงภพ | ขจรจบลือแจ้งทุกแห่งหน |
พระตรัสสั่งเสนีเตรียมรี้พล | ที่นั่งต้นกำปั่นหงส์อลงกรณ์ |
ทั้งเรือรบเรือไล่ให้หลายร้อย | เรือใช้สอยกับทหารชาญสมร |
เครื่องอาวุธยุทธนาพลากร | เป็นการร้อนเร่งรัดไปจัดเรือ |
แล้วสั่งให้เลี้ยงคนกำพลเพชร | ทั้งบำเหน็จให้ทุกคนจนล้นเหลือ |
อีกเงินทองของประทานให้จานเจือ | ทั้งหมวกเสื้อหลายอย่างเป็นรางวัล |
ประทานเสร็จพระเสด็จยุรยาตร | ขึ้นจากอาสน์พรรณรายแล้วผายผัน |
เข้าข้างในปรางค์ทองห้องสุวรรณ | พร้อมกำนัลมเหสีชลีกร |
พระตรัสเล่าสององค์อนงค์นาฏ | ตามเรื่องราชสารไปให้สมร |
ฟังถ้อยคำมังคลามาว่าวอน | ให้เราจรไปช่วยรับทัพทมิฬ |
บาทหลวงเฒ่าเจ้าเล่ห์เป็นขบถ | มันคิดคดทำศึกนึกถวิล |
กลับไปเป็นศัตรูตีบูรินทร์ | จะชิงถิ่นฐานที่บุรีเดิม |
มางอนง้อขอให้ยกไปช่วย | เหมือนคนป่วยข้าศึกมันฮึกเหิม |
จำจะต้องไปช่วยตีบุรีเดิม | ช่วยเพิ่มเติมโยธาพลาพล ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระมเหสีชุลีหัตถ์ | แล้วทูลทัดเรื่องความตามนุสนธิ์ |
กลัวแต่เห็นยังจะเป็นในไกกล | บาทหลวงคนนี้อุบายหลายประการ |
พระทรงฟังจึงว่าสังฆราชแตก | ไปคบแขกมาทำร้ายหลายสถาน |
ในหนังสือก็ให้สัตย์ปฏิญาณ | ที่จะมารยาไปเห็นไม่มี |
พระตรัสพลางทางลุกขึ้นจากอาสน์ | ไปเฝ้าบาทบงกชบทศรี |
ทูลแถลงแจ้งความตามคดี | ในสารศรีของฝรั่งมังคลา ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังว่าครั้งนี้ | เห็นจะดีกันหมดโอรสา |
จะได้สืบวงศ์กษัตริย์ขัตติยา | พ่อเห็นว่าควรจะต้องไปป้องกัน |
ฝ่ายองค์พระอัยกีแกตีอก | ตาอย่างกพูดเพ้อละเมอฝัน |
เมื่อครั้งก่อนมันต้อนไปตามกัน | ขังไว้ชั้นเชิงชลาเมืองป่าตาล |
นี่หากว่าแม่รำภาวัณฬาราช | มาพิฆาตมันจึงไปไกลสถาน |
หาไม่จักตายดิ้นจนสิ้นปราณ | ทั้งลูกหลานมิได้เหลือในเชื้อวงศ์ |
ตามันโง่เต็มประดาแล้วอย่าพูด | มันจะปูดภายหน้าพ่ออย่าหลง |
อันปัญญาตาเฒ่าเหมือนเข้ากรง | แกมันหลงแต่อีสาวเที่ยวเคล้าคลึง |
พ่อจะไปแล้วจงจำเอาคำแม่ | ไปอยู่แต่ไกลไกลอย่าให้ถึง |
สืบเรื่องราวเข้าไปอย่าให้อึง | ได้ทีจึงรบเร้าคิดเอาชัย |
แม้นไม่สมปรารถนาแล้วล่ากลับ | มันยากยับช่างหัวมันอย่าหวั่นไหว |
ถึงลูกหลานว่านเครือเชื่อมันไย | ไปพอให้ถึงถิ่นกันนินทา |
ท้าวทศวงศ์ทรงฟังมเหสี | ว่ายายนี้พูดเพ้อเจ้อนักหนา |
ชะนางพวกแม่ทัพไปจับปลา | มาใส่คาย่างแล้วให้แมวกิน |
พ่ออย่าเชื่อยายเฒ่าเจ้าโทโส | แกโกโรดีแต่หึงอย่าพึงถวิล |
จะเสียชื่อเสียงไปในแผ่นดิน | ให้เขาหมิ่นประมาทเป็นชาติชาย |
นางพระยาว่าข้าเกลียดขี้เกียจกล่าว | จะยืดยาวขายหูไม่รู้หาย |
พลางอวยพรโพยภัยอย่าใกล้กราย | ดั่งนารายณ์อานุภาพไปปราบมาร |
ทั้งสององค์อวยสวัสดิ์พิพัฒน์ผล | กับพวกพลที่จะไปไกลสถาน |
อย่าขัดขวางทางจะไปให้สำราญ | ทั้งทหารรี้พลบนเภตรา ฯ |
๏ พระรับพรสองพระองค์ดำรงภพ | แล้วนอบนบบังคมก้มเกศา |
อภิวาทบาทมูลแล้วทูลลา | กษัตราสององค์อยู่จงดี |
ขอฝากองค์นงลักษณ์อัคเรศ | ทั้งแก้วเกศกัลยารำภาสะหรี |
กับลูกเต้าเหล่าอาณาประชาชี | พระภูมีโปรดว่าบัญชาการ |
แล้วทูลลามาปรางค์สองนางนาฏ | สถิตอาสน์รจนามุกดาหาร |
ดำรัสสั่งสองสุดายุพาพาล | แม้นเกิดการเคืองขุ่นถึงวุ่นวาย |
พี่จะให้คนถือหนังสือสาร | เยาวมาลย์ให้พี่พราหมณ์สามสหาย |
เขายกหนุนตามไปทั้งไพร่นาย | กับโฉมฉายรำภาพงางอน |
พระสั่งพลางทางเสด็จเข้าห้องสรง | สำอางองค์เรืองจำรัสประภัสสร |
ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่านิกร | บ้างก็ถอนสายสมอขันช่อใบ |
เรือที่นั่งบัลลังก์หงส์ปักธงตาด | พวกอำมาตย์นั่งเคียงเรียงไสว |
ที่นั่งรองเรือครุฑวุฒิไกร | มีธงชัยปักประจำเป็นสำคัญ |
ทั้งเรือแห่เรือทหารชำนาญรบ | เกณฑ์สมทบทุกตำแหน่งล้วนแข็งขัน |
มาเตรียมเสร็จดาษดื่นนับหมื่นพัน | คอยทรงธรรม์เจ้าแผ่นดินปิ่นประชา |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | พระรีบรัดแต่งองค์ทรงภูษา |
จับพระแสงเนาวรัตน์อัษฎา | เสร็จออกหน้าพระที่นั่งบัลลังก์ทอง |
พระญาติวงศ์องค์มิ่งมเหสี | รำภาสะหรีเกษรามาทั้งสอง |
เขยสะใภ้พวกประยูรทูลละออง | มาแซ่ซ้องพร้อมพรักตำหนักแพ |
คอยส่งท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นกษัตริย์ | มานั่งอัดเรียงรายชายกระแส |
จวนเวลาเป่าประดังทั้งสังข์แตร | กระบวนแห่นำเสด็จจากเขตคัน |
ท้าวทศวงศ์ทรงราชยานรัตน์ | จอมกษัตริย์ตามเสด็จจากเขตขัณฑ์ |
พระมาตุรงค์ทรงวอจรจรัล | ตามเขยขวัญเสด็จไปในกระบวน |
มาถึงที่พร้อมพรักตำหนักน้ำ | ตำรวจนำไปถึงท่าหน้าฉนวน |
กรมแสงถือเสน่าทั้งง้าวทวน | โดยกระบวนยาตราพลากร |
ถึงประทับกับเกยเลยลีลาศ | สมเด็จนาฏอัยกีศรีสมร |
ลงจากพระที่นั่งอลังกรณ์ | บทจรตามกษัตริย์ภัสดา ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | ยุรยาตรมาบังคมก้มเกศา |
ศิโรราบกราบประนมบังคมลา | พระกฤษณาตรีพลำสามพระองค์ |
สองกษัตริย์อวยพรถาวรสวัสดิ์ | จงพิพัฒน์ไพบูลย์ประยูรหงส์ |
ปราบศัตรูให้กระจายทำลายลง | ได้เหมือนองค์พระนารายณ์ไวยกูณฐ์ |
พวกอรินทร์ถิ่นประเทศเขตมิจฉา | ให้อัปราทั่วไปทั้งไอศูรย์ |
พอได้ฤกษ์โหรประนมบังคมทูล | พวกประยูรพฤฒาเฒ่าคลานเข้าไป |
ถวายสังข์ทักขิณามหาผล | พุทธมนต์วารินกระสินธุ์ใส |
แล้วเป่าสังข์กึกก้องลั่นฆ้องชัย | บังคมไทเสร็จตรงมาลงเรือ |
ให้โห่ครื้นปืนสัญญาโกลาลั่น | ออกกำปั่นคลี่ใบใส่หางเสือ |
ได้ลมล่องต้องท้ายพวกนายเรือ | คัดหางเสือออกจากอ่าวเจ้าพระยา ฯ |
๏ ตามกันเรื่อยเฉื่อยฉ่ำออกน้ำเขียว | คลื่นเป็นเกลียวชมสัตว์ฝูงมัจฉา |
พวกกุเราเหล่ากระโห้แลโลมา | ฝูงพิมพาพากันว่ายในสายชล |
พวกฉนากล้วนฉนากไม่จากคู่ | เป็นหมู่หมู่ว่ายแซงทุกแห่งหน |
ฝูงทุกังมังกงเที่ยววงวน | ในสาชลมากมายมีหลายพรรณ |
ฝูงฉลามล้วนฉลามตามเป็นหมู่ | ไม่ห่างคู่ว่ายเวียนดูเหียนหัน |
ตะเพียนทองล่องน้ำไปตามกัน | ราหูหันหันเหียนเวียนเป็นวง |
ฝูงเหราร่ารายขึ้นว่ายกลาด | บ้างดำฟาดกินเหยื่อไม่เหลือหลง |
ฝูงปลาวาฬพ่นชลเป็นวนวง | แล้วดำลงฟาดหางกลางสินธู |
ฝูงม้าน้ำทำท่าดังม้าเผ่น | ขึ้นโลดเต้นยกหางทั้งกางหู |
ฝูงช้างน้ำดำด้นบ้างพ่นฟู | ทั้งเงือกงูลอยล่องท้องทะเล |
อีกกริวกราวเต่ากระว่ายคละเคล้า | เป็นเหล่าเหล่าคลื่นป่วนซัดหวนเห |
จะพรรณนาว่าไปในทะเล | เหลือคะเนมิใช่น้อยนับร้อยพัน ฯ |
๏ พระสุริยงลงลับพยับฟ้า | ดวงดาราจันทร์กระจ่างกลางสวรรค์ |
พวกต้นหนคนสำหรับทั้งกัปตัน | เอาเข็มนั้นตั้งจำเพาะเกาะลังกา |
ไม่ขัดข้องล่องแล่นแสนเป็นสุข | เข้าห้องขลุกกินแต่เหล้าเมานักหนา |
ขึ้นสองชั้นตีกรับขับเสภา | พวกกัญชากัดอ้อยอร่อยใจ |
แต่องค์พระกฤษณาไม่ผาสุก | ระทมทุกข์เต็มประดาน้ำตาไหล |
คิดถึงนุชสุดที่รักให้หนักใจ | ถอนฤทัยหวนคะนึงถึงยุพิน |
ตรีพลำก็ยิ่งซ้ำแสนเทวศ | ถึงดวงเนตรอัมพวันกระสันถวิล |
ป่านนี้แก้วกัลยาจะราคิน | จะโดยดิ้นหาพี่ทุกวี่วัน |
โอ้น้องแก้วแววเนตรของเชษฐา | เมื่อจากมาน้องวิโยคทั้งโศกศัลย์ |
มิใช่กิจบิตุรงค์พระทรงธรรม์ | ไม่จากขวัญนุชเจ้าลำเพาพาล |
มิรบพุ่งยุ่งยิ่งจะนิ่งเสีย | อยู่กับเมียเป็นสุขสนุกสนาน |
นอนเสียให้สุโขมโหฬาร | ใครจ้างวานก็ไม่ไปให้ไกลรัง |
มีเมียสาวมีข้าวกินไม่ดิ้นโลด | อยู่เป็นโสดตามสบายเหมือนใจหวัง |
ใครจะว่าเราแกะแทะข้าวตัง | เฉยเสียมั่งช่างใครทำไมเรา |
เธอครวญคร่ำร่ำไรไห้สะอื้น | จนดึกดื่นร้อนฤทัยดั่งไฟเผา |
แสนวิโยคโศกศัลย์ไม่บรรเทา | แล้วลุกเข้าไปนั่งชิดพระกฤษณา |
ถอนใจใหญ่เหหวนรัญจวนจิต | แล้วสะกิดเพลาพลางทางปรึกษา |
ว่าน้องนี้ไม่สบายหลายเวลา | ที่โรคาพระจะเห็นเป็นอย่างไร |
กฤษณาว่าโรคของพระน้องรัก | พี่ประจักษ์มั่นคงไม่สงสัย |
ถึงโรคพี่น้องเล่าก็เข้าใจ | เป็นวิสัยพวกที่มาตำราเดียว |
นี่แลน้องตรองไปไม่ตลอด | เหมือนตาบอดมืดแท้จะแลเหลียว |
เพราะไม่เห็นถิ่นวิถีเช่นนี้เจียว | ให้เปล่าเปลี่ยวฟั่นเฟือนเหมือนกับเรา |
จะผ่อนผันฉันใดเห็นไม่โปรด | จะเกิดโทษวุ่นวายต้องอายเขา |
ทนไปเถิดการทัพสำหรับเรา | พี่กับเจ้าไม่พ้นอย่าบ่นเลย |
พลางปรึกษามาในลำเรือกำปั่น | จนพระจันทร์ลับฟ้าเจ้าข้าเอ๋ย |
ไม่มีสุขทุกข์ในใจไม่เสบย | เรือก็เลยแล่นมาในสาคร ฯ |
๏ อโณทัยไขแสงแจ้งกระจ่าง | ส่องสว่างแจ่มจำรัสประภัสสร |
โกกิลากากินเที่ยวบินจร | ปักษาร่อนร้องเรียกกันเพรียกรัง |
แต่แล่นล่องมาในท้องมหาสมุทร | มิได้หยุดรีบไปดั่งใจหวัง |
พอเดือนหนึ่งถึงสิงหลข้ามวนวัง | ไม่รอรั้งทอดท่าหน้าบุรินทร์ ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านลังกาเกาะ | ให้เรือเสาะตระเวนไปในกระสินธุ์ |
คอยระวังศัตรูหมู่ไพริน | ตามแถวถิ่นเกาะแก่งตำแหน่งทาง |
พอแลเห็นกำปั่นสุวรรณหงส์ | แลดูธงถนัดไม่ขัดขวาง |
แวะเข้าเฝ้าเจ้านครเหมือนก่อนปาง | พวกขุนนางรู้จักร้องทักทาย ฯ |
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าบุรีรมจักร | ปราศรัยทักพวกพหลพลทั้งหลาย |
ว่าบ้านเมืองค่อยเป็นสุขสนุกสบาย | ทั้งไพร่นายทั่วจังหวัดปัถพี |
กองตระเวนได้ฟังรับสั่งถาม | จึงทูลความแล้วประณตบทศรี |
ในเขตแคว้นแดนจังหวัดปัถพี | มิได้มีราษฎรจะร้อนรน |
อยู่ทำมาหากินในถิ่นฐาน | ค่อยสำราญวัฒนาสถาผล |
ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนมณฑล | ในสิงหลมั่งคั่งทั้งแผ่นดิน |
ครั้นทูลเรื่องเสร็จสรรพกลับมาด่าน | แจ้งอาการกับพระยาท่ากระสินธุ์ |
ขุนนางรู้รีบไปในบุรินทร์ | ทูลพระปิ่นนคเรศนิเวศน์วัง ฯ |
๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ | สั่งอำมาตย์โยธาทั้งหน้าหลัง |
รถสุวรรณพรรณรายพระฉายบัง | ทั้งที่นั่งราชยานพุดตานทอง |
รีบลงไปคั่งคับรับเสด็จ | กระบวนเสร็จรวมกันถึงพันสอง |
พระเสด็จทรงม้าเหลืองผูกเครื่องทอง | ยกเป็นกองนำพลสกลไกร |
พอถึงด่านธารท่าชลาสินธุ์ | หน่อนรินทร์เจ้าลังกาอัชฌาสัย |
เสด็จลงหลังพระยาอาชาไนย | ก็ตรงไปเรือกำปั่นด้วยทันที |
ฝ่ายพระจอมอิศยมรมจักร | เห็นหลานรักมาประณตบทศรี |
ประภาษถามทั้งจังหวัดปัถพี | อยู่เปรมปรีดิ์ทั้งอาณาประชาชน |
เรือลูกค้ามาขายหลายภาษา | ยังไปมาในจังหวัดหรือขัดสน |
ทำนาไร่ในประเทศเขตมณฑล | ทั้งฟ้าฝนตกงามหรือทรามไป |
ทั้งสามพระนักสิทธ์สถิตสถาน | ยังสำราญหรือว่าเห็นเป็นไฉน |
สุดสาครทูลพลันด้วยทันใด | ทั้งพลไพร่ปรีดาสถาวร |
พระนักสิทธ์สามองค์ทรงสวัสดิ์ | ไม่ข้องขัดภิญโญสโมสร |
ทั้งลูกค้ามาทั่วทุกนคร | ไม่เดือดร้อนมั่งคั่งทั้งบุรินทร์ ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | บรมนาถถามในพระทัยถวิล |
เห็นบริบูรณ์มั่งคั่งทั้งแผ่นดิน | พระทราบสิ้นแล้วดำรัสแก่นัดดา |
ว่าบัดนี้มังคลานราราช | กับสังฆราชรบพุ่งยุ่งนักหนา |
ใช้พวกทูตให้มาง้อขอขมา | บอกให้อากับเจ้าด้วยไปช่วยกัน |
กับสินสมุทรวุฒิไกรให้ไปด้วย | แม้นมิช่วยดับร้อนช่วยผ่อนผัน |
แล้วเรียกทูตทูลยุบลกำพลพลัน | มาอภิวันท์กราบก้มบังคมทูล |
แล้วถวายสาราหน้าที่นั่ง | พระตรัสสั่งมหาดไทยในไอศูรย์ |
ให้คลี่สารอ่านนำในคำทูล | นเรนทร์สูรสองพระองค์เธอทรงฟัง ฯ |
๏ ในเรื่องสารมังคลานราราช | บังคมบาทภูวไนยเหมือนใจหวัง |
พระเชษฐาสุริย์วงศ์ดำรงวัง | แต่ก่อนยังคบพาลสันดานดึง |
ได้ผิดพลั้งครั้งใดพระได้โปรด | ประทานโทษชอบผิดคิดไม่ถึง |
พระช่วยชุบอุปถัมภ์เหมือนรำพึง | ให้สมซึ่งอนุชาที่ว่าวอน ฯ |
๏ พอจบเรื่องศุภสารอ่านถวาย | คำภิปรายศุภลักษณ์ในอักษร |
สองพระองค์ทรงปรึกษาที่ว่าวอน | เป็นการร้อนจะไม่ไปก็ใช่ที |
มันก็เป็นว่านเครือในเชื้อไข | จะต้องไปช่วยสักพักไว้ศักดิ์ศรี |
ครั้นจะนิ่งเฉยอยู่ดูไม่ดี | เขาก็มีสารขอมาง้องอน |
พ่อจะเห็นเป็นอย่างไรใจของหลาน | จงกันการครหาอาจะสอน |
เป็นผู้ใหญ่เฉยเชือนเหมือนหนึ่งงอน | เป็นการร้อนจะมิไปก็ใช่ที ฯ |
๏ สุดสาครบังคมบรมนาถ | โปรดประภาษควรนักเป็นศักดิ์ศรี |
จะมิไปใครเขารู้ดูไม่ดี | เพราะเขาหนีร้อนรึงมาพึ่งเย็น |
หลานจะไปตามเสด็จไม่เข็ดขาม | เอาไว้นามไว้ผลให้คนเห็น |
ที่เหนื่อยยากกรากกรำต้องจำเป็น | เพราะเชื้อเช่นเนื้อไขในตระกูล |
ครั้นทราบเสร็จเชิญเสด็จเข้าวังหลวง | ทุกกระทรวงแห่ไปเข้าไอศูรย์ |
ประทับยังวังในอันไพบูลย์ | ท้าวนางทูลเสาวคนธ์สุมณฑา |
ว่าพระจอมรมจักรนัคเรศ | นางแจ้งเหตุรีบพลันด้วยหรรษา |
ไปรับองค์พงศ์เผ่าพระเจ้าอา | เสด็จเข้ามาพร้อมพรั่งทั้งพระวงศ์ |
พระกฤษณาตรีพลำต่างคำรพ | พลางนอบนบในตระกูลประยูรหงส์ |
พนักงานสารพัดจัดประจง | ตั้งเครื่องทรงเครื่องเสวยทั้งเนยนม |
พวกขับไม้มโหรีตีบัณเฑาะว์ | สำเนียงเพราะตามอย่างปางประถม |
สี่กษัตริย์นั่งเสวยทั้งเนยนม | เครื่องขนมโอชาสารพัน |
เสวยพลางทางปรึกษาบรรดาหลาน | อาตรองการก็เห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
เปรียบเหมือนคนเจ็บป่วยต้องช่วยกัน | รักษามันพอให้ปลอดรอดชีวัง |
พระตรัสพลางทางสั่งให้หาทูต | เข้ามาพูดไต่ถามตามประสงค์ |
ขุนเสนีอภิวาทบาทบงสุ์ | ขอพระองค์โปรดปรานการจะไป |
ถวายสารพระผู้ผ่านเมืองผลึก | ด้วยการศึกเหลือล้นทนไม่ไหว |
ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ผู้ทรงชัย | รับสั่งให้พวกฝรั่งเมืองลังกา |
เอากำปั่นใช้ใบไปกับทูต | จะได้พูดโดยจำนงส่งภาษา |
ทั้งหกนายกราบถวายบังคมลา | ลงเภตราไปผลึกตามตรึกตรอง |
สิบห้าวันบรรลุถึงสถาน | ถวายสารแล้วประมูลทูลฉลอง |
พระจึ่งให้คลี่สารในลานทอง | ซึ่งจำลองลายลักษณ์อักขรา ฯ |
๏ ในเรื่องราวขอประนมบังคมบาท | ภูวนาถทรงเดชพระเชษฐา |
เมื่อก่อนได้ผิดพลั้งแต่หลังมา | ให้เคืองฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ |
เพราะคบคนพาลาพาให้ชั่ว | จนหมองมัวแทบชีวาจะอาสัญ |
แล้วกลับเป็นศัตรูมาสู้กัน | ในเขตคันร้อนเราทุกเช้าเย็น |
ขอพระองค์ทรงเดชผู้เชษฐา | โปรดได้มาระงับช่วยดับเข็ญ |
เหมือนวารินใสสดรดให้เย็น | น้องขอเป็นเกือกทองฉลองคุณ |
ได้ผิดพลั้งครั้งใดจงได้โปรด | ประทานโทษน้องนุชช่วยอุดหนุน |
แม้นสิบไปเบื้องหน้าถ้าทารุณ | ให้เคืองขุ่นจงประหารผลาญชีวา ฯ |
๏ พอจบสารพระผู้ผ่านเมืองผลึก | เธอตรองตรึกแจ้งคดีที่ปรึกษา |
ใครจะเห็นอย่างไรใจเสนา | เขาก็มาสารภาพว่าหลาบจำ |
แม้นมิไปใครรู้จะดูหมิ่น | ต้องละถิ่นไปช่วยชุบอุปถัมถ์ |
แล้วตรัสสั่งเสนีที่ประจำ | ให้จัดลำเรือที่นั่งบัลลังก์พลัน |
ทั้งเรือรบเรือไล่ให้หลายร้อย | เครื่องใช้สอยรอกเชือกให้เลือกสรร |
จัดล้าต้าต้นคนคนสำคัญ | เรือสุบรรณเป็นที่นั่งบัลลังก์ทรง |
ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จขึ้นจากอาสน์ | ขุนอำมาตย์สั่งความตามประสงค์ |
จ่ายทหารชาวป้อมพวกล้อมวง | เกณฑ์ให้ลงเรือที่นั่งตั้งบาญชี |
ทหารรบหกหมื่นปืนปลายหอก | เร่งหมายบอกไปให้ครบใครหลบหนี |
ให้นายหมวดตรวจส่งลงบาญชี | วันพรุ่งนี้เกณฑ์ตรงไปลงเรือ |
ลำที่นั่งดั้งกันสักพันร้อย | มาจอดคอยทอดไว้ทั้งใต้เหนือ |
ขนเสบียงดิบสุกบรรทุกเรือ | ทั้งข้าวเกลืออย่าให้ขาดราชการ ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ปิ่นผลึก | เธอตรองตรึกยังสงสัยเสร็จไปศาล |
ให้หาพวกทรงผีมามินาน | จึงโองการให้คนทรงมาลงดู |
แล้วเชิญท่านมารดาให้มาด้วย | จะได้ช่วยบอกกล่าวให้เข้าหู |
จะเท็จจริงอย่างไรจะใคร่รู้ | เรียกให้ผู้คนทรงมาลงพลัน |
จุดธูปเทียนบายศรีพลีศาล | เชิญนางมารมาตุรงค์มาทรงฉัน |
ปีศาจแว่วแจ้วดังกระทั่งกรรณ | ลุกผลุนผลันเหลียวแลซะแงเป |
เห็นธูปเทียนรุ่งเรืองเมืองผลึก | ผีเสื้อนึกว่าร้อนเย็นเป็นไฉน |
แล้วลุกขึ้นเผ่นโผนโจนลงไป | ประเดี๋ยวใจก้องกังวานสะท้านดัง |
เข้าคนทรงสั่นรัวกลอกหัวหู | ให้หากูมาทำไมในใจหวัง |
จะไต่ถามความอะไรเล่าให้ฟัง | ลุกขึ้นนั่งกินหมูนั่งชูคอ |
สินสมุทรจึงถามความประสงค์ | มาตุรงค์เห็นอย่างไรไฉนหนอ |
มังคลาสรรเสริญเจริญยอ | ให้มาง้อรับผิดโดยจิตปอง |
เชิญให้ลูกไปกำราบช่วยปราบศึก | ที่ตื้นลึกจะเป็นกลหรือหม่นหมอง |
อยากจะแจ้งความในน้ำใจปอง | เชิญช่วยตรองในคดีเขามีมา ฯ |
๏ นางปีศาจล่วงรู้เพราะหูผี | แจ้งคดีเล่าแก่บุตรไม่มุสา |
เมื่อเดือนก่อนกูเที่ยวไปในคงคา | มันรบราฆ่าฟันกันบรรลัย |
แต่เมืองด่านชานชลาริมท่าน้ำ | เสียระยำปี้ป่นทนไม่ไหว |
ความที่บอกมาจริงอย่ากริ่งใจ | บาทหลวงได้ปากน้ำที่สำคัญ |
เอ็งรีบยกไปกำราบช่วยปราบคึก | คงสมนึกดับรอนช่วยผ่อนผัน |
จะได้สืบสุริย์วงศ์ตามพงศ์พันธุ์ | พี่น้องกันก็จะได้เห็นใจเรา |
พอบอกเสร็จคนทรงที่ลงผี | เอามือตีผางผางเข้ากลางเสา |
ล้มนอนหงายกายสั่นอยู่เทาเทา | เหมือนกินเหล้าลุกล้มไม่สมประดี ฯ |
๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ | ได้ความชัดแจ้งกระจ่างเพราะนางผี |
แล้วตรัสสั่งพวกพหลพลมนตรี | ว่าพรุ่งนี้เช้าตรู่กูจะไป |
แล้วเสด็จขึ้นเข้าข้างในที่ไสยาสน์ | ตรัสประภาษเล่าแจ้งแถลงไข |
ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณทูลพิไร | พระจอมไปใครจะอยู่ดูบุรินทร์ |
ฉวยเกิดคึกฮึกหาญมาราญรบ | จะหลีกหลบเห็นไม่ได้ดังใจถวิล |
ใครจะช่วยรบสู้กู้แผ่นดิน | น้องจะผินพักตราไปหาใคร |
พระตรัสพลางทางว่าอย่าปรารภ | จะสมทบทัพทุกแควไว้แก้ไข |
แต่บรรดาเมืองขึ้นอย่าตื่นไป | ไม่เป็นไรดอกนะเจ้าเยาวมาลย์ |
พระตรัสเสร็จแล้วเสด็จเข้าสู่ที่ | แท่นมณีรจนามุกดาหาร |
พวกเสนาสารวัตรเร่งจัดการ | พร้อมทหารพลรบสมทบกัน |
มาลอยลำกำกับรับเสด็จ | ตระเตรียมเสร็จตามหมายพอไก่ขัน |
ทหารปืนยืนสะพรั่งทั้งดั้งกัน | คอยทรงธรรม์กรุงกษัตริย์ขัตติยา ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์สินสมุทร | พระทรงภุชพลิกฟื้นตื่นผวา |
เข้าที่สรงทรงสหัสธารา | ผลัดภูษาแย่งยกกระหนกใน |
ฉลององค์ตาดแดงแสงระยับ | ปั้นเหน่งทับมรกตดูสดใส |
เหน็บพระแสงอาญาสิทธิ์ฤทธิไกร | แล้วสวมใส่มาลาสง่างาม |
เสด็จออกข้างหน้าเสนาพร้อม | ประณตน้อมกรุงกษัตริย์ดำรัสถาม |
พระโหราธิบดีทั้งชีพราหมณ์ | ได้ฤกษ์ยามสักกี่บาทจะยาตรา |
โหรคำนับจับยามตามสังเกต | ว่าโมงเศษฤกษ์นี้ดีหนักหนา |
ควรจะยกพยุหบาตรเสร็จยาตรา | เสด็จมาหยุดยั้งฟังสำเนียง |
พอได้ฤกษ์ตีฆ้องก้องสนั่น | บันลือลั่นสังข์แตรเซ็งแซ่เสียง |
เสด็จลงทรงรถพระกลดเคียง | ตำรวจเรียงตาริ้วเป็นทิวไป |
ออกจากวังลงยังฉนวนน้ำ | ก็พร้อมลำกำปั่นเรียงเคียงไสว |
เสด็จลงเรือเหราให้คลาไคล | ล่องน้ำไปออกอ่าวเจ้าพระยา |
ถึงน้ำเชียวชักใบขึ้นใส่รอก | ทหารออกมายืนยิงปืนผา |
ถ้วนยี่สิบสองนัดให้ยาตรา | ข้ามมหาสาคโรชโลธร |
เอาเข็มตั้งลังกาสุธาทวีป | ให้เร่งรีบตัดละเมาะเกาะสิงขร |
ได้ลมคล่องล่องมาในสาคร | ไม่หยุดหย่อนตั้งแต่มาสิบห้าวัน |
บรรลุถึงปากอ่าวพอเช้าตรู่ | ให้ทอดอยู่ลดใบพอไก่ขัน |
จึงหยุดรอแต่พอแจ้งแสงตะวัน | แล้วพากันรีบไปในนคร |
ทูลพระปิ่นรมจักรนัคเรศ | ให้ทรงเดชทราบความตามอักษร |
กับพระศรีอนุชาสุดสาคร | ว่าเราจรมาอยู่ด่านชานบุรินทร์ |
ขุนเสนีประนมบังคมบาท | ภูวนาถรับสั่งดั่งถวิล |
เอาเรือบดรีบเข้าไปในบุรินทร์ | จนถึงถิ่นเมืองด่านชานชลา |
ขึ้นไปแจ้งราชการด่านปากน้ำ | ท่านช่วยนำข่าวศึกไปปรึกษา |
องค์พระจอมนครินทร์ปิ่นลังกา | ให้ทราบฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ |
ว่าพระจอมธิบดินทร์สินสมุทร | เสด็จหยุดอยู่ดอนรีบผ่อนผัน |
เป็นการด่วนจวนนักหนาจะช้าวัน | ไปให้ทันเวลาอย่าช้าที ฯ |
๏ ฝ่ายขุนด่านเรียกหาพวกม้าใช้ | พาท่านไปทูลประณตบทศรี |
รีบเข้าไปในจังหวัดปัถพี | ให้เสนีขึ้นม้าพากันไป ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายในลังกาอาณาจักร | ให้ซ้อมซักทหารปืนยืนไสว |
คอยพระจอมสินสมุทรวุฒิไกร | มาเมื่อไรจะไปเปลื้องเมืองกำพล |
พอตรัสเสร็จทูตาก็มาเฝ้า | ทูลพระเจ้านครินทร์ปิ่นสิงหล |
ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นสากล | เธอยกพลมายังฝั่งชลา |
ใช้ให้ข้ามาทูลมูลเหตุ | จะโปรดเกศอย่างไรไฉนหนา |
จะให้ขึ้นยับยั้งยังลังกา | หรือจะช้าทีไปจะได้จร ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | ตรัสประภาษกับพระหลานชาญสมร |
เราควรยกโยธาพลากร | เป็นการร้อนช้าไปก็ไม่ดี |
จึ่งตรัสกับเสนาที่มาเฝ้า | ว่าออเจ้าไปประณตบทศรี |
กลับไปทูลหลานเราเล่าคดี | ว่าพรุ่งนี้เราจะไปในเภตรา |
ขุนเสนีกราบก้มบังคมบาท | รับพระราชโองการใส่เกศา |
ประนมนอบหมอบกรานคลานออกมา | ไปนาวากราบทูลมูลคดี |
ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นผลึก | เธอตรองตรึกเรือใบทั้งไล่หนี |
ทหารรบครบประจำทุกลำมี | ทั้งหอกตรีแหลนหลาวและเกาทัณฑ์ ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายในพาราลังกาทวีป | ต่างเร่งรีบเรียกพหลพลขันธ์ |
ทั้งต้นหนคนการชำนาญครัน | ประจำมั่นมิให้ขาดราชการ |
ปางพระจอมรมจักรนัคเรศ | เฉลิมเกศกษัตรามหาศาล |
ครั้นรุ่งสางรังสีรวีวาร | ชวนพระหลานสรงชลสุคนธา |
น้ำกุหลาบอาบองค์สรงกระสินธุ์ | สุคนธ์กลิ่นหอมฟุ้งปรุงบุหงา |
ทรงเครื่องต้นอย่างกษัตริย์ขัตติยา | เสร็จออกมาพระโรงรัตน์ชัชวาล |
ตำรวจแห่แตรสังข์สะพรั่งพร้อม | พอพระจอมขัตติยามหาศาล |
สองพระองค์ขึ้นทรงราชยาน | จากสถานลงไปพักตำหนักแพ |
พอฤกษ์ดีตีฆ้องก้องสนั่น | เรือดั้งกันลอยรายชายกระแส |
เสด็จจากชานพักตำหนักแพ | กระทั่งแตรเป่าสังข์กังสดาล |
เสด็จลงกำปั่นสุวรรณหงส์ | ให้ชักธงแล่นเรียงเคียงขนาน |
ล่องลงไปในวิถีทีธาร | พอถึงด่านเมืองสมุทหยุดเภตรา |
ประทับลำหน่อนรินทร์สินสมุทร | พระทรงภุชเกษมสันต์ด้วยหรรษา |
ต่างถวายอัญชลีด้วยปรีดา | ทรงปรึกษาการณรงค์จะสงคราม |
พอเสร็จเรื่องสั่งให้ชักใบแล่น | ไปตามแผนที่เสร็จไม่เข็ดขาม |
กำปั่นรบหมื่นเศษสังเกตตาม | แล่นออกหลามในมหาสาคโร ฯ |
๏ สามกษัตริย์ทัศนามัจฉาชาติ | ขึ้นว่ายกลาดในสมุทรบ้างผุดโผ |
ตัวเป็นปลาหน้าเป็นลิงเป็นสิงโต | หน้าเป็นโคตัวเป็นปลาเท้าหน้ามี |
ตัวเป็นช้างทางเป็นหอยลอยระกะ | ตัวเป็นกระหน้าเป็นเนื้อเป็นเสือหมี |
ตัวเป็นแพะเบื้องหางอย่างกุมภีล์ | สัตว์ที่มีในสมุทรสุดรำพัน |
เรือก็แล่นเลยมาในสาคเรศ | ชมประเทศเกาะเกียนดูเหียนหัน |
ราวกับเขียนช่างระบายลายพู่กัน | เป็นเชิงชั้นช่องผาศิลาลาย |
ทั้งปูหอยลอยเลื่อนอยู่เกลื่อนกลาด | ระดาดาษในวารินกระสินธุ์สาย |
ฝูงนกหกผกผาดชายหาดทราย | ตะกุยตะกายถาบถาพาไปกิน |
สามกษัตริย์ทัศนาปลาแลนก | บ้างโผผกผุดว่ายสายกระสินธุ์ |
สุดจะร่ำพรรณนาในวาริน | ไม่รู้สิ้นหลายอย่างต่างต่างพรรณ |
พระสุริยงลงลับพยับฟ้า | พระจันทราแจ่มกระจ่างทางสวรรค์ |
ตั้งแต่ใช้ใบมาสิบห้าวัน | จากขอบคันนคเรศเขตลังกา ฯ |