ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร

๏ จะกล่าวถึงพระอภัยวิไลลักษณ์ อยู่สำนักเนินพนมร่มรุกขา
ที่เขาใหญ่ปลายประเทศเขตลังกา สามสิทธาเคร่งครัดมัสการ
กองอัคคีตีระฆังแล้วตั้งสวด พวกที่บวชถือธรรมกรรมฐาน
ไม่โลภหลงปลงใจในสันดาน หมายนิพพานภายหน้าสถาวร
แต่องค์พระกฤษณายังว้าวุ่น ให้เฉียวฉุนมิใคร่ร้างห่างสมร
เห็นเทพินยินดีมีสุนทร เฝ้าวิงวอนจะให้สึกนึกรัญจวน
นี่จะบวชไปถึงไหนจะใคร่รู้ ไม่เอนดูศิษย์หามันน่าสรวล
มิโปรดมั่งก็จะตั้งแต่รบกวน เฝ้ายียวนนางชีพิรี้พิไร ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงค์องค์มุนีฤๅษีสาว จึงแกล้งกล่าวพจนาอัชฌาสัย
ช่างไม่กลัวบาปกรรมพูดร่ำไร เป็นจนใจจะให้สึกนึกละอาย
ไม่กลัวความครหานินทาหรือ พระจะถือเอาแต่ได้เหมือนใจหมาย
ฉันอดสูดูเป็นน่าระอาอาย อย่าวุ่นวายเลยพระองค์เหมือนวงศ์วาน
คิดสละละลักหักสวาท จงหมายมาดเอาที่ธรรมกรรมฐาน
พระหักจิตให้ตรงเหมือนวงศ์วาน อย่าคิดการที่ในเล่ห์ประเวณี
แล้วกลับเข้ากุฎีที่สถิต องค์พระกฤษณาเบียดเข้าเสียดสี
แล้วตรองตรึกนึกไว้เป็นไรมี คงสึกชีเอาให้ได้ดั่งใจปอง
แล้วเคียงข้างพลางว่าฉันเป็นศิษย์ ขอสนิทครูไว้มิให้หมอง
จะหนวดฟั้นหมั่นเคล้าเข้าประคอง มุนีน้องสาวฉันให้บรรทม
พลางประคองต้องเต้าเต็มพระหัตถ์ นางป้องปัดมิให้ชิดสนิทสนม
แล้วว่าบาปนะไม่ควรกวนอารมณ์ จะขาดพรหมจรรย์ไปพระไม่กลัว
นรกหรือถือดีอย่างไรนั่น เพราะว่าฉันชาตินี้ไม่มีผัว
จึ่งอุตส่าห์บรรพชิตเพราะคิดกลัว มิให้มัวหมองมีราคีคาว
พระกฤษณาว่าศรัทธาฉันสาธุ เห็นจะลุไปสวรรค์แต่สาวสาว
อย่าเพ่อร้างจางจืดให้ยืดยาว ในแดนดาวสรวงสวรรค์อนันตัง
จะไปเบียดเยียดยัดกันสับสน แต่ล้วนคนตัดขาดสวาทหวัง
วิมานแมนเห็นจะแน่นเหลือกำลัง จงยับยั้งช้าช้าให้ถาวร
ฉันจะได้อยู่เป็นศิษย์กนิษฐ์นาฏ จะรับราชเสาวนังช่วยสั่งสอน
พลางอิงแอบแนบชิดสะกิดกร ประคองช้อนเชยปรางทางประโลม
แล้วว่าถึงบาปกรรมก็ตามเถิด ไม่ขอเริศร้างไปให้ไกลโฉม
พลางคลึงเคล้าเย้ายวนชวนประโลม ขอเชิญโฉมลาพรตดาบสินี ฯ
๏ ฝ่ายเทพินผินพักตร์มาซักถาม ไม่กลัวความดอกหรือเกี้ยวฤๅษี
แม้นทราบถึงทูลกระหม่อมจอมโมลี ก็จะตรีชาชั่วให้ตัวตรอม
จะสึกหาลาศีลเห็นสิ้นคิด ก็อายจิตไม่รู้หายจะผ่ายผอม
แม้นจะขืนใจน้องให้หมองมอม ที่จะยอมด้วยพระองค์อย่าสงกา
เห็นเป็นหญิงพระยิ่งทำเอาตามจิต พระไม่คิดหน้าหลังมั่งหรือจ๋า
น้องมิใช่ข้าสนองรองบาทา จะได้มาลวนลามเอาตามใจ
แล้วนงลักษณ์ผลักหัตถ์สะบัดค้อน เพราะแสนงอนดูก็งามตามวิสัย
พระนิ่งนึกตรึกตรองทำลองใจ น้องมิได้เมตตาขอลาตาย
แล้วลุกมาหน้าห้องช่องสิงหาสน์ เอาเชือกคาดผูกไว้เหมือนใจหมาย
จะผูกศอมรณาชีวาวาย ขอลาสายสมรมิ่งจริงหนานาง
แม้นอยู่ไปอายเขาชาวสิงหล นฤมลนุชน้องอย่าหมองหมาง
แล้วจับเชือกพันพระศอพอให้นาง เห็นแล้ววางหัตถ์นิ่งไม่ติงกาย
นางโฉมยงองค์สั่นให้หวั่นหวาด ร้องกรีดกราดวิ่งไปดั่งใจหมาย
เข้าแก้ศอหน่อนาถให้คลาดคลาย นางโฉมฉายองค์สั่นให้รัญจวน
แล้วจูงหัตถ์ตรัสถามด้วยความรัก ไม่หน่วงหนักเลยพ่อคุณมาหุนหวน
น้องจะคิดผ่อนผันอย่ารัญจวน แต่พอควรอย่าให้น้องนี้ต้องอาย ฯ
๏ พระเล้าโลมโฉมเฉลาว่าเจ้าพี่ ไม่ควรที่ตัดรักให้หักหาย
จะอยู่ไปไหนเลยจะพ้นอาย พี่ขอตายเสียให้สิ้นเขานินทา
เพราะน้องไม่เอ็นดูจะสู้ม้วย อยู่ก็ป่วยการชาติวาสนา
ไม่สมหมายก็คงวายชีวาลา เป็นสัจจาของพี่จริงอย่ากริ่งความ
นางชีวอนผ่อนตามด้วยความสวาท พระหน่อนาถนั่งพิไรแล้วไต่ถาม
จะลาพรตแล้วหรือยังขอฟังความ นางทูลตามเรื่องรักหนักอุรา
พระโปรดน้องอย่าให้หมองมลทินหมาง กันแสงพลางน้องจะพูดกลัวมุสา
สุดแท้แต่บุญกรรมได้ทำมา เป็นสัจจาพระอย่าแหนงแคลงอารมณ์
หน่อกษัตริย์จัดภูษาออกมาไว้ กับสไบเครื่องอานรองพานถม
นางเบือนพักตร์ผลักไสไม่นิยม แล้วก็ก้มพักตร์เฉยไม่เงยดู
พระกฤษณาว่าไม่สึกนึกไฉน นั่งพิไรวิงวอนจนอ่อนหู
เข้าเปลื้องเครื่องนักสิทธ์ปิดประตู นางสุดรู้สุดคิดจะบิดเบือน
ต้องจำใจจำลาสิกขาบท แสนกำสรดเศร้าใจใครจะเหมือน
พระอิงแอบแนบชิดสะกิดเตือน พูดแชเชือนที่ตรงเล่ห์ประเวณี ฯ
๏ หน่อกษัตริย์สมจิตที่คิดหวัง ตรงเข้านั่งแนบเบียดพอเสียดสี
นางนงลักษณ์ผลักพลิกแล้วหยิกตี พระก็มิวางนางนงเยาว์
ค่อยเชยปรางทางว่านิจจาน้อง แต่เจ้าของนี้ก็ล่วงมาหวงเขา
เอ็นดูพี่เถิดแม่ตีแต่เบาเบา พระโลมเล้าสายสมรกรประคอง
นางฟังคำทำเป็นว่าชะพระพี่ มานั่งชี้นิ้วเอาเป็นเจ้าของ
ใครยกยอขอให้ดั่งใจปอง หรือว่าน้องนี้เป็นเมียมาเคลียคลอ
เหมือนคำเหล่าชาวพาราเขาว่าไว้ ใครอยากได้ไปเป็นเมียต้องเสียหอ
พระจะมาไว้ยศเที่ยวกดคอ เอาแต่พอสมคิดผิดธรรมเนียม
พระปลอบพลางทางว่านิจจาน้อง ทำหอห้องวุ่นวายนึกอายเหนียม
แม่รู้เห็นเป็นอย่างไรในธรรมเนียม เอามาเทียมวงศ์กษัตริย์ขัตติยา
ใครปลูกหอขอสู่แม่รู้มั่ง จะให้ตั้งปึกแผ่นให้แน่นหนา
ตามเยี่ยงอย่างจักรพรรดิกษัตรา แม้นมีมาจะได้ทำตามบุราณ
พี่ก็ไม่เคยเห็นเหมือนเช่นกล่าว ที่เรื่องราวพจนาแม่ว่าขาน
พลางสวมสอดกอดเคล้าเยาวมาลย์ ฤดีดาลเดือดดิ้นถวิลวอน
แล้วอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า ค่อยต้องเต้าเต่งทรวงดวงสมร
จุมพิตพักตร์เทพินกลิ่นขจร ดั่งเกสรเสาวรสมาชดเชย
ละอองอาบซาบซ่านสำราญรื่น ทั้งชุ่มชื่นน้ำนวลหวนระเหย
เหมือนมาลีคลี่คลายพระพายเชย หวนระเหยแย้มผกาสุมาลัย
พยุหวนป่วนปั่นสนั่นก้อง สะเทือนท้องธรณินแผ่นดินไหว
ทะเลลมยมนาคงคาลัย เป็นคลื่นใหญ่กึกก้องท้องสินธู
พิรุณโรยโปรยปรายเป็นสายสาด สุนีฟาดเปรี้ยงลั่นสนั่นหู
คำรนร้องก้องกระทั่งฝั่งสินธู ทั้งราหูจับจันทร์ดังสัญญา
เมขลาแบแก้วอยู่แวววับ กระจ่างจับท้องทะเลแลเวหา
รามสูรไล่โลดกระโดดมา โถมถลาชิงแก้วเห็นแวววาว
นภากาศดาดดำเป็นน้ำฝน ทั้งมืดมนท้องฟ้าเวหาหาว
เป็นหมอกมัวทั่ววิถีไม่มีดาว ฝนก็พราวพรำพร้อยปรอยปราย
เขาพระเมรุเอนเอียงเพียงจะทรุด พระยาครุฑโบกบินกระสินธุ์สาย
ฝูงเต่าปลาใหญ่น้อยเที่ยวลอยราย ที่ในสายสาคโรชโลธร
นาคราชผาดแผลงสำแดงฤทธิ์ ขึ้นเพ่นพิษที่ในกลางหว่างสิงขร
เป็นคลื่นคลั่งฝั่งฝาในสาคร ทั้งมังกรผุดพ่นในวนวัง ฯ
๏ สองภิรมย์สมสวาทบนอาสน์รัตน์ หน่อกษัตริย์เสร็จสมอารมณ์หวัง
ไม่เหินห่างนั่งเสียดเข้าเบียดบัง แล้วก็ตั้งยั่วเย้าเฝ้าเคล้าคลึง
อัศจรรย์นั้นบ่อยอร่อยรส ถึงโอสถใดจะเปรียบไม่เทียบถึง
ดั่งได้เหาะเหินหาวดาวดึงส์ ชั้นไตรตรึงศ์จะมาเทียบไม่เปรียบปาน
จนรุ่งแจ้งแสงทองส่องสว่าง แจ่มกระจ่างเด่นดวงพระสุริย์ฉาน
พลางเล้าโลมโฉมเฉลาลำเพาพาล เยาวมาลย์แม่จงคิดทำบิดเบือน
ว่าป่วยไข้พี่จะไปทูลฉลอง ที่ตรึกตรองไว้อย่างไรทำให้เหมือน
แต่ทรงเครื่องบรรพชิตอย่าบิดเบือน ทำให้เหมือนก่อนเก่าแต่เยาว์มา
นางรับคำร่ำว่าอย่าปรารภ แล้วนอบนบทูลพลันด้วยหรรษา
พระสอนสั่งน้องจะฟังที่บัญชา อย่าทรงปรารภพระทัยจงไว้วาง ฯ
๏ พระรับขวัญขวัญตานิจจาเอ๋ย ไม่ละเลยนุชน้องอย่าหมองหมาง
จนสิ้นแดนแผ่นฟ้านภาภางค์ พี่ไม่ร้างรักแม่จนแดดาล
จะถนอมกล่อมขวัญอย่ารันทด ไม่เปลื้องปลดความรักสมัครสมาน
พี่จะลาโฉมเฉลาเยาวมาลย์ ไปทูลสารทรงฤทธิ์พระปิตุลา
แล้วลุกออกนอกวังไม่ยั้งหยุด พระรีบรุดเร่งราชรถา
พอถึงกุฎิ์ทรงฤทธิ์พระปิตุลา สามสิทธาเสด็จออกนอกกุฎี ฯ
๏ ฝ่ายนักสิทธ์พระอภัยวิไลลักษณ์ เห็นหลานรักมาประณตบทศรี
จึงปราศรัยไต่ถามตามคดี ในธานีเวียงวังเมืองลังกา
ยังอิ่มเอมเปรมปราเป็นผาสุก หรือมีทุกข์เป็นไฉนอย่างไรหนา
ทั้งศึกเสือเหนือใต้เมืองใดมา บอกให้ป้าลุงแจ้งแสดงความ ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระกฤษณา แจ้งกิจจาสารพัดดั่งตรัสถาม
พร้อมพระวงศ์พงศาพยายาม คอยปราบปรามข้าศึกช่วยตรึกตรอง
แต่โฉมยงองค์เทพินมุนินน้อย ให้เศร้าสร้อยป่วยไข้ฤทัยหมอง
หมอว่าเป็นไข้พิษผิดทำนอง จับแต่สองโมงไปให้ระทวย
ผลผลาอาหารทั้งหวานเปรี้ยว สักคำเดียวก็ไม่ได้ให้ระหวย
พอสร่างจับกลับร้อนอ่อนระทวย ตั้งแต่ป่วยผอมซูบผิดรูปทรง
ให้หม่อมฉันออกมาทูลมูลเหตุ ขอพระเดชช่วยระงับดับพิษสง
พอเสื่อมสร่างบางเบาบรรเทาลง ได้ดำรงชีวาที่อาดูร ฯ
๏ พระอภัยได้สดับใจวับหาย เอะวุ่นวายไข้จับจะดับสูญ
หรือจะเป็นเทพเจ้าเข้าประมูล มาเพิ่มพูนแทรกซ้ำจึ่งจำเป็น
หรือทับลัคน์เล็งจันทร์เป็นวันเคราะห์ มาจำเพาะเป็นไข้พอได้เห็น
จำจะไปดับร้อนให้หย่อนเย็น จะได้เห็นหลานลูกวางหยูกยา
แม่วัณฬามาลีศรีสวัสดิ์ มาไปด้วยช่วยจัดหมอรักษา
แล้วตรัสสั่งข้าเฝ้าเหล่าเสนา แต่บรรดาแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง
แล้วให้เตรียมรถที่นั่งบัลลังก์รัตน์ นางกษัตริย์ห่มดองครองเฉวียง
โขมพัตถ์จัดจีบให้กลีบเรียง เข้านั่งเคียงข้างองค์พระทรงธรรม์ ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อภัยมุนีนาถ ยุรยาตรอ่าองค์จากโรงฉัน
ชฎากลีบจีบจัดกระหวัดพัน สะพักผันเบื้องเฉวียงเรียบเรียงงาม
พระสวมกายสายธุหร่ำประคำถือ ประนมมือถือมั่นกันทั้งสาม
แล้วเดินสวดสิกขาภาษาพราหมณ์ ดำเนินตามกันออกนอกกุฎี
ขึ้นรถทรงพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์ สามกษัตริย์สำรวมจิตกิจฤๅษี
ให้เร่งราชรถาเข้าธานี สารถีรับขับไปฉับพลัน
พระกฤษณานำหน้ารถที่นั่ง ถึงกระทั่งกรุงไกรไอศวรรย์
พระญาติวงศ์พงศาพร้อมหน้ากัน ถวายวันทาองค์พระทรงญาณ ฯ
๏ ศรีสุวรรณอัญชลีพี่สะใภ้ นางปราศรัยด้วยสุนทรอันอ่อนหวาน
ฉันถวายส่วนกุศลผลทาน จงสำราญโรคาอย่ายายี ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ประสานหัตถ์มัสการเหนือเกศี
รับกุศลสองนางต่างยินดี เชิญพระพี่สามองค์ตรงเข้าวัง
พระอภัยมณีฤๅษีสิทธ์ สำรวมจิตพรหมจรรย์ทุกวันหวัง
แล้วถามถึงคนไข้ที่ในวัง ไปยับยั้งอยู่ที่ไหนจะไปเยือน
พระญาติวงศ์พงศาพาเสด็จ ไปพร้อมเสร็จที่สำนักตำหนักเขียน
นางสาวใช้หมอบกลาดดาษเดียร เป็นเวรเวียนปรนนิบัติจัดประจง
สามสิทธามาถึงแล้วจึ่งถาม แม้โฉมงามเจ้าประชวรหรือนวลหง
ที่เจ็บปวดรวดเร้าบรรเทาลง หรือโฉมยงยังรำคาญประการใด ฯ
๏ นางนบนอบหมอบกรานประสานหัตถ์ ทูลกษัตริย์สามองค์ที่สงสัย
แต่ป่วยมาห้าวันแทบบรรลัย นึกจะไม่เห็นองค์พระทรงธรรม์
พระอภัยมณีฤๅษีสิทธ์ ประคองชิดโลมเล้าสาวสวรรค์
ดูร่างกายผ่ายผอมลงครันครัน อาหารนั้นน้อยนักมักเป็นลม
แม่สึกหาลาพรตเสียก่อนเถิด โรคจะเกิดมาปะทะเข้าประสม
เมื่อหายโรคโศกเศร้าเบาอารมณ์ จะถือพรหมจรรย์อีกก็ตามใจ ฯ
๏ ฝ่ายเทพินยินคำพระร่ำปลอบ ให้ชื่นชอบในอุราอัชฌาสัย
เห็นสมนึกตรึกตรองที่ต้องใจ พระโปรดให้ลาพรตดาบสินี ฯ
๏ ศรีสุวรรณนั้นชำนาญในการชู้ ก็ล่วงรู้กิริยามารศรี
ครั้นจะพูดเป็นผู้ใหญ่เห็นไม่ดี ประเวณีเขาจะล่วงไปท้วงติง
แต่แลดูลูกชายสายสวาท เห็นประหลาดไม่เคยเฝ้าเคล้าผู้หญิง
ทำเหมือนรู้ไม่เท่าเขาจริงจริง แล้วนั่งนิ่งเฉยไปมิได้แล ฯ
๏ นางดาบสสององค์ก็สงสาร เหมือนวงศ์วานเคียงข้างไม่ห่างแห
สั่งให้แพทย์ผู้รู้มาดูแล จึ่งว่าแม่จะไปพักตำหนักจันทน์
แม้นเป็นไรใช้คนไปบอกด้วย จะมาช่วยรับรองประคองขวัญ
พอสั่งเสร็จนางเสด็จจรจรัล ทั้งทรงธรรม์เธอก็ไปที่ไสยา
เสด็จขึ้นมนเทียรวิเชียรรัตน์ พวกปรนนิบัติพร้อมกันก็หรรษา
สุลาลีรำภายุพาผกา มาพร้อมหน้าเฝ้าแหนแสนสบาย
พระทรงศีลผินพักตร์มาทักถาม อันสงครามไพรีแตกหนีหาย
ราษฎรได้สุขสนุกสบาย หรือวุ่นวายเคืองเข็ญเป็นอย่างไร ฯ
๏ ทั้งสามนางทรงทูลพระนักสิทธ์ สำราญจิตซื่อตรงไม่สงสัย
ทั้งนครมิได้ร้อนด้วยสิ่งใด ทั้งนายไพร่เสนาประชาชน ฯ
๏ พระฤๅษีทรงฟังสังรเสริญ จงเจริญสุขสวัสดิ์พิพัฒน์ผล
ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนมณฑล ขอกุศลช่วยสัตว์ให้วัฒนา ฯ
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม ปลอบประโลมลูกน้อยเสน่หา
พาไปเฝ้าภูวไนยอัยกา ทั้งสุดสาครกษัตริย์ไปมัสการ
สามพระองค์ทรงพรตดาบสเห็น หน่อนัดดาน่าเล่นเจียวหนอหลาน
จึ่งตรัสว่าย่าปู่ไปอยู่นาน พึ่งเห็นหลานเดี๋ยวนี้พระปรีดิ์เปรม
พลางอุ้มองค์พระกุมารชาญสมร แล้วอวยพรอย่ามีทุกข์สุขเกษม
อายุยืนหมื่นปีจงปรีดิ์เปรม จงอิ่มเอมในสมบัติวัฒนา
ประทานนามตามวงศ์พงศ์กษัตริย์ นรินทร์รัตน์ขัตติยวงศ์ตามพงศา
เดโชชัยในสมบัติกษัตรา ให้นัดตาสืบวงศ์ดำรงวัง ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระกฤษณา นั่งรักษานุชนาฏสวาทหวัง
ไม่จากห้องน้องน้อยคอยระวัง ก็สมดั่งใจนึกที่ตรึกตรอง
โรคมายาสาระบิดปกปิดไว้ นางคนไข้ค่อยสว่างที่หมางหมอง
ได้โอสถไว้สำหรับประคับประคอง อาการน้องก็ค่อยเบาบรรเทาลง
พระนักสิทธ์ทั้งสามค่อยถามไต่ โรคาไข้ที่ประชวรนวลหง
พระไปเยี่ยมมิได้ขาดหมือนญาติวงศ์ เห็นดำรงกายฟื้นค่อยชื่นบาน
แต่ดูพระกฤษณาเห็นหน้าจ๋อย หรือจะพลอยป่วยไข้ให้สงสาร
เฝ้าพิทักษ์รักษาพยาบาล เห็นอาการกับจริตผิดทำนอง
เหมือนอกเราเล่าเมื่อยังกำลังหนุ่ม ก็รึงรุมทุกข์ทนต้องหม่นหมอง
เพราะความรักหนักจิตที่คิดปอง ก็ทำนองเดียวกันเช่นนั้นเอง
จำจะต้องเสกสองให้ครองคู่ ฉวยให้อยู่ฟูมฟักมักโฉงเฉง
เหมือนเปลวไฟใกล้เชื้อก็เหลือเกรง จะครื้นเครงอายเขาเหล่าประชา
พระตรองตรึกนึกแล้วเสด็จกลับ มาประทับชานพักตำหนักขวา
รับสั่งเรียกศรีสุวรรณจำนรรจา อนุชาเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร
พี่จะเสกเทพินกับกฤษณา พระน้องยาเจ้าจะเห็นเป็นไฉน
เขาก็วงศ์เทวาสุราลัย ควรจะให้ปกครองกันสองรา
เป็นคู่เรียงเคียงสวาทราชโอรส ให้ปรากฏสืบวงศ์เผ่าพงศา
ตามเยี่ยงอย่างจักรพรรดิกษัตรา เหมือนพี่ว่าซื่อตรงเป็นวงศ์วาน ฯ
๏ ศรีสุวรรณทูลตอบว่าชอบแล้ว ดั่งฉัตรแก้วฝังปลูกทั้งลูกหลาน
ไม่เสียศักดิ์สุริย์วงศ์เสียวงศ์วาน ตามบุราณขัตติยาทุกธานี
แล้วจะไปบำรุงกรุงรมจักร ให้สมศักดิ์จักรพรรดิกษัตริย์ศรี
จะได้เป็นเกือกทองรองธุลี ก็เป็นที่สรรเสริญเจริญคุณ
พระทรงฟังอนุชาปรีชาฉลาด เหมือนวงศ์ญาติขาดเหลือช่วยเกื้อหนุน
เป็นธุระน้องยาช่วยการุญ จะมีคุณมากมายหลายประการ
พ่อสั่งเครื่องอภิเษกเอกฉัตร ตามกษัตริย์อิศรามหาศาล
ศรีสุวรรณรับรสพจมาน มาสั่งการกับมหาเสนาใน
เร่งบาดหมายไปให้รู้ทุกหมู่หมวด ขุนตำรวจเรียกกันเสียงหวั่นไหว
ให้เสมียนเขียนหมายรายกันไป มหาดไทยกรมท่าศาลาเวร
ตามรับสั่งตั้งพิธีวันสี่ค่ำ ปลูกโรงรำช่องระทาเร่งทาเสน
หุ่นละครโขนหนังสั่งให้เกณฑ์ หกคะเมนต่ายลวดประกวดกัน
เครื่องภิเษกเอกฉัตรจัดให้พร้อม พวกเจ้าจอมที่ในวังสั่งกวดขัน
ให้ท้าวนางตั้งเลี้ยงพร้อมเพรียงกัน ทั้งเจ็ดวันกว่าจะเสร็จสำเร็จการ
ทุกหมู่หมวดตรวจตามความรับสั่ง มาพร้อมพรั่งที่ปราสาทราชฐาน
ถึงวันนัดสี่ค่ำจะทำการ พนักงานทูลท้าวเจ้าบุรินทร์ ฯ
๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ สั่งให้จัดเครื่องทรงสรงกระสินธุ์
สำหรับสองกษัตราสรงวาริน ให้ครบสิ้นตามอย่างข้างบุราณ
ให้นงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ กับนางนักสนมนาฏในราชฐาน
ทั้งรำภาสุลาลีช่วยชี้การ ยุพาพาลจัดแจงแต่งข้างใน ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์เทพินนารินนาฏ ภาณุมาศไตรตรัสจำรัสไข
พวกท้าวนางต่างเชิญเสด็จไป ให้เข้าในห้องสรงอลงกรณ์
ทั้งสี่นางต่างช่วยกันทรงเครื่อง อร่ามเรืองจำรัสประภัสสร
ทรงภูษาแย่งกระหนกยกละคร ซับในซ้อนกรองทองสีตองใน
ทองพระกรแก้วกุดั่นกัลเม็ด ประดับเพชรพลอยพร่างกระจ่างใส
สอดสังวาลบานพับมีซับใน ล้วนแก้วไพฑูรย์รัตน์ชัชวาล
นางสอดใส่ธำมรงค์อลงกต ทับทิมสดสีแดงสุกแสงฉาน
ทรงมงกุฎบุตรีแก้วประพาฬ ฉลองศอต่อก้านกระหนกเครือ
ตาบประดับทับทิมดูพริ้มพร้อย อุบะห้อยเพชรประไพวิไลเหลือ
สะอิ้งเพชรเม็ดใหญ่เป็นลายเครือ สลับเนื้อซับรองทองอุไร ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรกฤษณา ให้สรงวารีรดอันสดใส
ทรงภูษาแย่งยกกระหนกใน แล้วสอดใส่ฉลององค์อลงกรณ์
เจียระบาดตาดปักเป็นเครือรัตน์ คาดเข็มขัดเนาวรัตน์ประภัสสร
สนับเพลาเพริศพรายลายมังกร มีเชิงงอนพรรณรายดูพรายเพรา
ใส่ห้อยหน้าผ้าทิพย์สุวรรณปัก ลายสลักโปร่งปรุฉลุเฉลา
สังวาลเพชรเม็ดรายดูพรายเพรา ล้วนแก้วเก้าหลายหลากดูมากมี
ทรงมงกุฎบุษราจินดาประดับ กระจ่างจับพักตร์ผ่องละอองศรี
พระญาติวงศ์พงศาบรรดามี มาพร้อมที่ปราสาทราชวัง
เชิญพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ ขึ้นกองรัตน์ราชัยเหมือนใจหวัง
ให้เร่งบอกท้าวนางข้างในวัง มีรับสั่งเร่งนุชพระบุตรี
พวกเถ้าแก่หลวงแม่เจ้าเข้าไปบอก นางรีบออกมาประณตบทศรี
เสาวคนธ์จูงเทพินด้วยยินดี ไปนั่งที่กองสุวรรณพรรณราย
สามดาบสเสด็จมาในปราสาท พร้อมพระญาติวงศ์สิ้นทั้งหลาย
ศรีสุวรรณสินสมุทรสุดสบาย ช่วยโฉมฉายเทพินนิฤมล
สุดสาครกับวลาวายุพัฒน์ มาช่วยจัดการวิวาห์สถาผล
พอได้ฤกษ์โหรเฒ่าเข้ามณฑล เสกน้ำมนต์บัดพลีพลีกรรม
ประกาศไทเทวาในอากาศ เจ้าไกรลาสเชิญช่วยชุบอุปถัมภ์
แล้วจุดเทียนปากหม้อบริกรรม พราหมณ์ก็ทำตามภาษาบูชาเชิญ
ให้สององค์ทรงเกี่ยวก้อยกระหวัด ร่วมเอกฉัตรเดียวกันสรรเสริญ
แล้วเจิมพักตร์สององค์ทรงเจริญ ให้เพลิดเพลินในสมบัติกำจัดภัย
ให้พระชนม์ยาวยืนหมื่นพรรษา ตามตำราไสยเวทข้างเพทไสย
ฝ่ายดาบสยศยงองค์อภัย เสด็จไปเจิมพักตร์ลักขณา
ให้สองเจ้าเยาวเรศเกศกษัตริย์ ผ่านสมบัติครองกันให้หรรษา
ทั้งทุกข์โศกโรคภัยให้นิรา พระทรงสังข์ทักษิณารดวารี
เหล่าพระวงศ์พงศ์พันธุ์ช่วยกันเสก โหราเอกได้ฤกษ์เบิกบายศรี
พราหมณ์ก็จุดแว่นเวียนวิเชียรมี พวกดนตรีแตรสังข์กังสดาล
มโหรีปี่พาทย์ระนาดฆ้อง บ้างรับร้องจำเรียงเสียงประสาน
ทั้งบัณเฑาะว์เพราะดังเป็นกังวาน ทุกโรงงานเล่นสำเร็จครบเจ็ดวัน
อภิเษกสององค์พงศ์กษัตริย์ พระคิดจัดจะให้ไปครองไอศวรรย์
ประทานของต่างต่างเป็นรางวัล ทั้งกำนัลนักสนมพอสมควร ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรกฤษณา กับธิดาปรีดิ์เปรมเกษมสรวล
ไปเฝ้าทั้งลุงป้าเวลาจวน บังคมควรทูลลาฝ่าละออง
กับองค์พระบิตุเรศเกิดเกศเกล้า แล้วหมอบเฝ้าคอยฟังรับสั่งสนอง
ศรีสุวรรณสั่งความตามทำนอง เจ้าไปครองสวรรยาในธานี
อันบิดาช้าอยู่จะได้กลับ กำหนดนับยังมิได้ไปกรุงศรี
เจ้าจงไปให้พิพัฒน์สวัสดี ครองบุรีไอศวรรย์อย่าฉันทา
บิดาช่วยอวยสวัสดิ์พพิพัฒนผล ให้พระชนม์สองยืนหมื่นพรรษา
อรินทร์ราชไพรีอย่าบีฑา พระอัยกาอัยกีมีพระคุณ
เอาใจใส่อย่าให้เคืองในเบื้องบาท ทั้งวงศ์ญาติขาดเหลือช่วยเกื้อหนุน
ทั้งองค์แก้วเกษราช่วยการุญ เขามีคุณเหมือนกับแม่อย่าแชเชือน
รักแม่เจ้าเท่าไรก็ให้รัก จงฟูมฟักกรุณาเมตตาเหมือน
ดั่งบุตรร่วมครรภ์แท้อย่าแชเชือน รักให้เหมือนชนนีจะดีครัน ฯ
๏ พระกฤษณาว่าอย่าทรงพระวิตก ลูกจะยกไว้เป็นเอกไม่เสกสรร
เหมือนมารดรเกิดเกล้าพงศ์เผ่าพันธุ์ พระคุณนั้นเหลือล้นคณนา
ลูกมิให้ขัดเคืองในเบื้องบาท ทั้งพระมาตุรงค์เผ่าพงศา
ไม่ขึ้งเคียดเกียดกันคิดฉันทา แล้วทูลลาลงกำปั่นด้วยทันใด ฯ
๏ สามนักสิทธ์ลุงป้าลงมาส่ง ทั้งบิตุรงค์วงศ์เชื้อในเนื้อไข
เมื่อเทพินกฤษณาทูลลาไป ก็พอได้ฤกษ์ดีให้คลี่คลาย
ทหารโห่เอาชัยชักใบขึง ยิงปืนตึงพร้อมพหลพลทั้งหลาย
ถอนสมอแล่นเคียงกันเรียงราย พวกนายท้ายตั้งเข็มเต็มชำนาญ
ครั้นออกจากปากอ่าวลังกาเกาะ หมายจำเพราะแล่นไปทางหว่างอิสาน
ลมก็เรื่อยเฉื่อยฉ่ำไปสำราญ พระชวนมิ่งเยาวมาลย์ให้ชมปลา
ฉนากฉลามตามกันเป็นคู่คู่ ฝูงราหูเรียงรายทั้งซ้ายขวา
ตะเพียนทองท่องท้องชโลธา ฝูงเหราพาพวกเหราจร
เหล่ากระโห่โลมาขึ้นคลาคล่ำ บ้างผุดดำกลอกกลับสลับสลอน
ฝูงพิมพาพากันเที่ยวสัญจร หมู่มังกรว่ายกลาดดาษดา
เหล่าปลาวาฬฟูฟ่องในท้องสมุทร มันโตสุดสาหัสกว่ามัจฉา
ทั้งเงือกน้ำเกลื่อนกลาดดาษดา พิศดูหน้าเหมือนกับนางแต่หางมี
ขนงเนตรเกศกายคล้ายมนุษย์ ดูผาดผุดนวลละอองเนื้อสองสี
ทั้งสองเต้าเต่งตั้งกำลังดี พระตรัสชี้ให้อนงค์แม่จงดู
อย่างนี้หรือปิตุลามิน่ารัก ไปฟูมฟักมาแต่ก่อนจนอ่อนหู
เพราะงามยิ่งจริงนะน้องจงมองดู แต่ตัวผู้หัวล้านรำคาญจริง ฯ
๏ พระเทพินผินพักตร์มาซักถาม ตัวไหนงามโปรดเลือกเงือกผู้หญิง
จับมาเป็นหม่อมห้ามเห็นงามจริง เมื่อแอบอิงสมประโยชน์คงโปรดปราน
พระชื่นชอบตอบสนองว่าน้องแก้ว เห็นสุดแล้วจริงหนาเหมือนว่าขาน
คงต้องอย่างโฉมเฉลาเยาวมาลย์ ไปสำราญอยู่ในท่าชลาลัย
นางนบนอบตอบสนองว่าน้องนี้ เป็นแต่ที่พักพามาอาศัย
แม้นไปถึงถิ่นฐานสำราญใจ พระได้ใหม่คงเหมือนคำที่รำพัน
พระเชยปรางทางว่านิจจาน้อง ได้พบของชื่นใจในสวรรค์
ล้วนเครื่องทิพย์หยิบประทานทั้งหวานมัน พี่ไม่หันลงไปปองกินของคาว
พระแย้มสรวลชวนน้องให้ชมเกาะ เป็นละเมาะน่าชมเหมือนนมสาว
ที่เขียวแดงแสงช่วงดังดวงดาว เป็นสีพราวพรายตาดูน่ายล
มีพุ่มไม้ปลายเกรียนเหมือนเขียนวาด รุกขชาติงามงอกพึ่งออกผล
ที่ชายหาดปูหอยขึ้นลอยวน ในสาชลทะเลลมยมนา
พระสุริยงลงลับพยับฝน เป็นหมอกมนมืดมิดทุกทิศา
คลื่นก็คลั่งทั้งลมระดมมา ตีเภตราเลื่อนลั่นสนั่นดัง ฯ
๏ จะกล่าวถึงโจรสุหรั่งเมืองตั้งเกี๋ย เป็นตั้วเฮียคุมไพร่ดังใจหวัง
ชื่อเตียวบู้อยู่คงทรงกำลัง เที่ยวแอบฝั่งชลธีคอยตีเรือ
มีเภตราห้าสิบเที่ยวรีบรัด คอยตีตัดเรือใบทั้งใต้เหนือ
มีปืนใหญ่ใส่ประจำทุกลำเรือ ทั้งข้าวเกลือประทุกไว้เลี้ยงไพร่พล
ทั้งอาวุธสำหรับสัประยุทธ์ ปืนคาบชุดสู้ศึกได้ฝึกฝน
มีโล่เขนดาบดั้งกำบังตน แต่แล้วคนจับได้ไว้หลายพัน
จัดให้คุมเรือแพเป็นแม่ทัพ ไว้สำหรับว่าพหลพลขันธ์
มีนายหมวดตรวจตราสารพัน แล่นตามกันขึ้นล่องท้องชลา ฯ
๏ พอเห็นลำกำปั่นสุวรรณหงส์ ปักทวนธงเรียงรายทั้งซ้ายขวา
พวกโจรให้ตีฆ้องกลองสัญญา เรียกบรรดาเรือรบมาครบลำ
จะเข้าปล้นเรือใหญ่เหมือนใจนึก ออกแล่นลึกเรือใบล้วนไหหลำ
ประจุปืนใหญ่น้อยออกลอยลำ อาวุธประจำถ้วนทั่วทุกตัวคน
พอลมส่งตรงเข้ากำปั่นใหญ่ แกว่งคบไฟแล่นสล้างมากลางหน
เรือลังกากล้าหาญการประจญ ทั้งคงทนอาวุธยุทธนา
พอกำปั่นมาทันพร้อมกันหมด ร้องให้ลดใบเข้าเอาสิหวา
พวกโจรปล่อยปืนหลักยักกะตรา แล่นเข้ามาเหนือน้ำถึงลำทรง
พวกเรือโจรโยนโซ่เอาขอสับ ทหารรับบนกำปั่นสุวรรณหงส์
พวกฝรั่งเคยประจญรณรงค์ ให้ชักธงรบขึ้นปืนสัญญา
กำปั่นตามหลามล้อมเข้าห้อมหลัง ปืนประดับยิงรายทั้งซ้ายขวา
โห่สนั่นลั่นฆ้องกลองสัญญา ตีประดาพร้อมกันประจัญบาน
พวกโจรยิงทิ้งไฟติดใบผ้า พระกฤษณาไล่พหลพลทหาร
ออกรับรองป้องกันประจัญบาน เข้าต่อด้านกองทัพบ้างดับไฟ
ถือหลาวโล่โตมรกระบี่ง้าว พุ่งเหลนหลาวโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว
ทิ้งหมอดินดำประจุจุดพลุไฟ ติดเพลาใบเรือโจรโยนประดัง ฯ
๏ ฝ่ายเตียวบู้นายใหญ่ไล่เรือรบ มาสมทบดาษดาทั้งหน้าหลัง
ยิงปืนใหญ่ไฟฟูมเสียงตูมดัง ถูกฝรั่งล้มตายลงหลายคน ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรกฤษณา เห็นโยธากลอกกลับกันสับสน
ให้ยกค่ายเหล็กวิหลั่นขึ้นชั้นบน พอบังคนเข้าอีกชั้นกันลูกปืน
แล้วให้ปล่อยนกสับทั้งคาบชุด ฝรั่งจุดปืนผาไม่ฝ่าฝืน
ถูกเรือโจรแตกพังกำลังปืน ทหารยืนพุ่งหลาวเอาง้าวฟัน
เรือฝรั่งตั้งห้อมอ้อมสกัด บ้างยิงตัดหางเสือให้เรือหัน
พอบังเกิดลมกล้าสลาตัน ตีกำปั่นเข้าไปชิดติดเรือโจร
ทหารโดดโลดขึ้นไปไล่พิฆาต บ้างฟันฟาดเหมือนกับเช่นเขาเล่นโขน
ทหารใหญ่ไล่ฆ่าบรรดาโจร บ้างก็โยนขอกระชากสับปากเรือ
ลากเข้าไปใกล้กันทหารโดด บ้างวิ่งโลดเผ่นผยองทำนองเสือ
ตะครุบตะครับจับได้อ้ายนายเรือ เก็บเอาเสื้อหมวกผ้าบรรดามี
แล้วคุมตัวนายโจรเข้าไปเฝ้า พลางก้มกล้ากราบประณตบทศรี
พระให้ล่ามถามพลันไปทันที ว่าเอ็งนี้บ้านแขวงอยู่แห่งไร
เที่ยวตีเรือเหนือใต้เก็บได้ของ เอาเงินทองผู้คนไปหนไหน
จงบอกเล่าทุกสิ่งที่จริงใจ หรือใครใช้บอกกูให้รู้ความ ฯ
๏ ฝ่ายนายโจรนิ่งนั่งได้ฟังตรัส จึงแจ้งอรรถตามตรงที่ทรงถาม
เมื่อเดิมทีข้านี้เป็นแขกจาม ไปเป็นความอยู่กับพี่ถึงสี่เดือน
ก็แพ้เขาเจ้าเมืองให้ปรับหมาย ซ้ำเมียตายเสียใจใครจะเหมือน
ต้องจากที่หนีหายขายเย้าเรือน ไปกับเพื่อนค้าขายก็หลายปี
ปะสลัดเรือซัดเข้าตั้งเกี๋ย พวกตั้วเหี่ยจับไว้มิให้หนี
ลงเก็บเอาสินค้าบรรดามี คิดจะหนีก็ไม่พ้นต้องจนใจ
แต่จำเป็นจำอยู่ไม่รู้เรื่อง ว่าบ้านเมืองหนแห่งตำแหน่งไหน
สู้กรากกรำลำบากด้วยยากใจ ให้เขาใช้สอยมาถึงห้าปี
คอยตีเรือเหนือใต้มิได้เว้น เที่ยวซ่อนเร้นตามทางหว่างวิถี
คอยกันเรือลูกค้าบรรดามี ให้ข้านี้จับจ่ายเป็นนายรอง
เมื่อปีกลายนายโจรสิ้นชีวิต เขาก็คิดให้ข้าเข้าเป็นเจ้าของ
มอบสมบัติพัสถานทั้งเงินทอง ให้ครอบครองบ่าวไพร่ได้ใช้การ
ไม่ทราบว่าเป็นองค์พงศ์กษัตริย์ โทษถึงตัดศีรษะควรประหาร
ขอพระองค์ยกโทษได้โปรดปราน จะทำการตรึกตรองฉลองคุณ ฯ
๏ พระทรงฟังสั่งว่าถ้าเช่นนั้น ไปด้วยกันขาดเหลือจะเกื้อหนุน
เรายกโทษโทษาเพราะการุญ จะทำวุ่นวายไปทำไมมี ฯ
๏ ฝ่ายเตียวบู้รู้คุณการุญรัก สามิภักดิ์ใต้เบื้องบทศรี
ขอเป็นข้ากว่าจะตายวายชีวี พระภูมีเสด็จไหนจะไปตาม ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงฤทธิ์กฤษณา สั่งบรรดาพวกทหารชาญสนาม
ให้ปล่อยเขาไปเป็นสุขอย่าคุกคาม เจ้าพวกล่ามพาไปส่งให้ลงเรือ
นายโจรกราบทราบสิ้นไม่กินแหนง ประจักษ์แจ้งภูมีอารีเหลือ
ก็พากันรีบตรงไปลงเรือ พวกที่เหลือแจ้งความมาถามนาย ฯ
๏ ฝ่ายเตียวบู้ผู้ใหญ่เป็นนายทัพ ก็เล่ากับพวกทมิฬสิ้นทั้งหลาย
ว่าพวกเราคราวนี้ถึงที่ตาย แต่เจ้านายยกโทษโปรดประทาน
เราก็ควรจะเป็นข้าเหมือนว่ากล่าว บรรดาเหล่าพวกพหลพลทหาร
เร่งบอกกล่าวชาวไพร่ที่ใช้การ มีประมาณอยู่เท่าไรในบาญชี
จะยกตามข้ามทะลไปรมจักร สามิภักดิ์ใต้เบื้องบทศรี
ฉลองคุณมุลิกาฝ่าธุลี ไว้เป็นที่เจ้านายจนวายวาง ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรกฤษณา พอลมซาเมฆเคลื่อนเห็นเดือนสาง
จึงตรัสชวนโฉมยงอนงค์นาง เปิดหน้าต่างท้ายบาหลีพระชี้ชวน
ให้ชมดวงจันทราดารารัตน์ แจ่มจำรัสลอยฟ้าเวหาหวน
ลมก็เรื่อยเฉื่อยชูเรณูนวล เรือกระบวนแล่นมาในสาคร
ที่นั่งทรงหงส์ทองก็ล่องแล่น ไปตามแผนที่ทางหว่างสิงขร
พระคลึงเคล้าเยาวมิ่งนางวิงวอน พลางสอดกรกอดประทับไว้กับทรวง
ถนอมแนบแอบอุ้มแล้วจุมพิต นางชื่นจิตผ่อนตามไม่ห้ามหวง
เหมือนมาลีคลี่คลายขยายดวง ระรื่นร่วงเกสรขจรขจาย
อัศจรรย์ลั่นเลื่อนเดือนสว่าง แจ่มกระจ่างดาวเคลื่อนทั้งเดือนฉาย
น้ำค้างพรมลมเรื่อยเฉื่อยสบาย กระแสสายสาชลในวนวัง
ละลอกลั่นครั่นครื้นเป็นคลื่นซัด เรือสะบัดบิดลำเป็นน้ำขัง
ทะเลลมยมนาสาครัง กระทบฝั่งแทบจะจมเป็นลมแดง
สิงขรเขาเงาง้ำทุกถ้ำเหว เกิดเป็นเปลวไฟสว่างกระจ่างแสง
วิหคหงส์ลงกระสินธุ์แทบสิ้นแรง ลงฟุบแฝงกออุบลในชลธี ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ อยู่แท่นรัตน์แสนสบายท้ายบาหลี
กับโฉมเทพเทพินด้วยยินดี ร่วมฤดีเดือนหงายสบายใจ
พระเชยโฉมโลมเล้าว่าเจ้าพี่ จะหาดีไหนเทียบเปรียบไม่ไหว
ถึงเครื่องทิพย์หยิบมาล่อไม่พอใจ เห็นจะไม่ซาบซ่านที่หวานมัน
นางหมอบเมียงเคียงค้อนป้อนพระศรี พระเปรมปรีดิ์กอดประทับแล้วรับขวัญ
ไม่รู้อิ่มนิ่มเนื้อดั่งเจือจันทน์ เพราะหวานมันเหมือนหนึ่งปรุงฟุ้งขจร
พลางอิงแอบแนบชิดสนิทสนอม พี่จะกล่อมโฉมฉายสายสมร
ประทมเถิดแก้วตาอย่าอาวรณ์ บนบรรจถรณ์แท่นที่กับพี่ยา
หัตถ์ประทับกับทรวงดวงสมร พลางกล่าวกลอนกล่อมมิตรกนิษฐา
โอ้ดวงเดือนเหมือนกับพักตร์พลักขณา เห็นสุดหาเทียมเทียบไม่เปรียบปาน
มากำปั่นขวัญใจจงไสยาสน์ ที่บนอาสน์รจนามุกดาหาร
ลมพระพายชายช่อสุมามาลย์ เมื่อเบิกบานแย้มผกาสุมาลัย
ระเหยหวนชวนชื่นระรื่นรส เหลือจะอดออมจิตพิสมัย
แม่ยอดหญิงพริ้งพร้อมละม่อมละไม ขอเชิญไปนคเรศนิเวศน์วัง
เป็นจอมเจิมเฉลิมขวัญอย่าหวั่นหวาด นุชนาฏดวงจิตไม่ผิดหวัง
พี่รักเจ้าเท่าเทียบเปรียบชีวัง แม่จงฟังพี่กล่อมถนอมเอย ฯ
๏ ฝ่ายเทพินยินขับให้จับจิต พระช่างคิดกล่าวกลอนสุนทรเฉลย
ฟังคารมคมคายภิปรายเปรย นางชื่นเชยชูจิตไม่บิดเบือน
แล้วทูลองค์ทรงเดชพระเชษฐา พระคุณหาแห่งใดเห็นไม่เหมือน
ถ้านานไปไม่แน่แม้นแชเชือน น้องจะเบือนพักตราไปหาใคร ฯ
๏ หน่อกษัตริย์ตรัสปลอบตอบสนอง คำพี่พร้องแล้วอย่าแคลงแหนงไฉน
จะถือสัตย์ไว้ให้มั่นจนบรรลัย สุดาใดพี่ไม่ปองเป็นสองนาง
อันดวงเดือนนั้นก็เหมือนกับทรวงพี่ ที่จะมีเป็นสองอย่าหมองหมาง
พี่ให้สัตย์ปฏิญาณในย่านกลาง ทะเลกว้างรู้เห็นเป็นพยาน
สองเกษมเปรมปรีดิ์เป็นที่ชื่น สำราญรื่นรสรักสมัครสมาน
ตระกองกรช้อนพุ่มปทุมมาลย์ สองสำราญหลับไปในไสยา ฯ
๏ เรือก็แล่นมาในทางกลางสมุทร ไม่ยั้งหยุดเร็วพลันด้วยหรรษา
ข้ามละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งมา จากลังกาเดือนครึ่งถึงบูรี ฯ
๏ ขึ้นเฝ้าท้าวทศวงศ์ผู้ทรงศักดิ์ ในรมจักรนัคเรศบุรีศรี
พระเห็นราชนัดดากลับธานี ก็เปรมปรีดิ์ตรัสถามเนื้อความพลัน
ทั้งบิดาป้าลุงในกรุงศรี ยังอยู่ดีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
การรบพุ่งยุ่งยิ่งช่วงชิงกัน เออหลานขวัญเล่าไปให้อัยกา
นางโฉมยงองค์นี้อยู่ที่ไหน ใครยกให้เป็นมิตรกนิษฐา
จงแถลงแจ้งไปให้อัยกา รู้กิจจาหนหลังเป็นอย่างไร ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระกฤษณา จึงพรรณาทูลแจ้งแถลงไข
พระบิตุลาป้าบวชผนวชใน แล้วก็ไปอยู่สิงคุตรที่กุฎี
ไกลกับวังลังกาสิบห้าโยชน์ พระประโยชน์นับถือเป็นฤๅษี
บำเพ็ญเพียรเรียนธรรมในคัมภีร์ ถือขันตีอดใจไม่อินัง
ศึกมาติดกรุงลังกาอาณาเขต ไปทูลเหตุพระไม่ตรัสประหวัดหวัง
ก็เพิกเฉยเลยไปไม่อินัง มีแต่ตั้งครัดเคร่งบำเพ็งเพียร
ได้พวกวงศ์ญาติกาปราบข้าศึก ช่วยตรองตรึกป้องกันคิดหันเหียน
ออกรบสู้หมู่ญาติดาษเดียร แต่พากเพียรรับรองถึงสองปี
อันโฉมยงองค์นางสำอางพักตร์ เป็นหน่อเทพารักษ์มีศักดิ์ศรี
ทั้งสามองค์จงรักด้วยภักดี ตามมุนีบิตุลามาด้วยกัน
พอเกิดศึกมังคลานราราช พระนุชนาฏรู้มนต์ดลขยัน
ช่วยระงับรับรองคอยป้องกัน ข้าศึกนั้นย่อยยับอัปรา
พอเสร็จทัพจับไข้เจียนจะม้วย หม่อมฉันช่วยฟูมฟักช่วยรักษา
พอโรคคลายหายพิษพระบิตุลา ให้ภิเษกกัลยากุมารี
เป็นคู่ครองสองรากับข้าบาท ในปรางค์มาศรจนาหลังคาสี
แล้วกำชับว่าให้กลับมาธานี เฝ้าธุลีบาทบงสุ์พระทรงธรรม์
รับสั่งว่าปราบเตียนที่เสี้ยนหนาม สิ้นสงครามจึ่งจะไปไอศวรรย์
ให้กราบทูลบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ เธอรำพันทูลแต่ต้นไปจนปลาย ฯ
๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังสังรเสริญ จงจำเริญสุขไปเหมือนใจหมาย
เสด็จจากแท่นสุวรรณพรรณวาย กับหลายชายสุณิสาพาเข้าวัง
พาไปเฝ้าอัยกีที่ปราสาท พวกวงศ์ญาติถามไต่เหมือนใจหวัง
ทั้งองค์แก้วเกษราก็มาฟัง พร้อมสะพรั่งตรัสถามความลังกา ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ