ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี

๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลมิ่ง เป็นยอดหญิงเจนศึกไม่นึกขาม
นางแปลงองค์ทรงสำอางเหมือนอย่างพราหมณ์ กับคนตามพันร้อยแล่นลอยไป
ถึงน้ำเขียวเดี่ยวโดดโขยดคลื่น เสียงครืนครืนโตเท่าภูเขาใหญ่
ทุกเช้าเย็นเห็นแต่เมฆวิเวกใจ นางอยู่ในฉากฉายท้ายเภตรา
เผยพระแกลแลเหลียวให้เปลี่ยวจิต ดูทั่วทิศล้วนทะเลกับเวหา
หวนรำลึกตรึกตรองถึงน้องยา พระบิดามารดรจะร้อนทรวง
ต้องเสียงานการวิวาห์จะว้าวุ่น คงเคืองขุ่นไปทั้งในวังหลวง
อีกไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งปวง จะเหงาง่วงเงียบเชียบยะเยียบเย็น
โอ้ยามนี้มีแต่จะแลลับ มิได้กลับพานพบประสบเห็น
วิบากกรรมจำพรากกระดากกระเด็น จะบวชเป็นดาบสสู้อดออม
นางโศกาอาดูรพูนเทวษ ได้เดือนเศษโศกซูบจนรูปผอม
พวกพี่เลี้ยงเคียงบัลลังก์อยู่พรั่งพร้อม บดยาหอมให้เสวยเชยชโลม
แล้วชวนตีปี่พาทย์ระนาดฆ้อง บ้างรับร้องรวยรื่นให้ชื่นโฉม
จนเข้าเขตพาราวาหุโลม ทางขึ้นโรมวิสัยเมืองใหญ่พราหมณ์
เห็นเกาะเพลิงเริงแรงแสงสว่าง ลุกอยู่กลางเกาะเองน่าเกรงขาม
ตีนสิงขรล่อนโล่งพลุ่งโพลงพลาม ยาวสักสามสิบเส้นล้วนเป็นไฟ
จึงดูแดนแผนที่มีหนังสือ ว่าเกาะชื่อชุมเพลิงเชิงไศล
มีเรื่องราวกล่าวแถลงให้แจ้งใจ ว่าเกาะใหญ่พระยานาคมีมากมาย
ขึ้นพ่นพิษฤทธิ์เริงดังเพลิงพลุ่ง เป็นควันฟุ้งฟ้าดินสิ้นทั้งหลาย
ถูกเทวาสารพัดสิงสัตว์ตาย พระนาราย์รู้เรื่องเปลื้องอาดูร
มาปิดปล่องช่องชะวากที่นาคผุด ถอนพิษภุชงค์ร้ายให้หายสูญ
เหลือเปลวปล่งตรงปล่องเหมือนกองกูณฑ์ เป็นไฟฟูนสักเท่าเขาคิริน ฯ
๏ นางอ่านดูรู้โฉลกโลกเชษฐ์ ที่เขาเขตขวางแควกระแสสินธุ์
ว่าไหลมาแต่สวรรค์ชั้นพระอินทร์ ผู้ใดกินแก้บาปอาบก็ดี
ตายจะได้ไปกำเนิดเกิดสวรรค์ ลำน้ำนั้นมาแต่หน้าพาราณสี
พวกถือไสยในจังหวัดปถพี เอาซากผีนั้นมาทิ้งทั้งหญิงชาย
ด้วยเชื่อฟังหนังสือตามถือไสย จะให้ไปเกิดสวรรค์เหมือนมั่นหมาย
นางอ่านดูรู้เรื่องว่าเมืองร้าย จะเข้าฝ่ายฝั่งชลาขึ้นธานี
จึงแปลงองค์ทรงหนังเฉียงอังสา มุ่นชฎาจุณเจิมเฉลิมศรี
สมาทานถือศีลครองอินทรีย์ เป็นฤๅษีทรงพรตดูงดงาม
เปลี่ยนชื่อพระอัคนีมีสง่า นำพวกข้าโดยเสด็จไม่เข็ดขาม
ทั้งหญิงชายแปลงกายเป็นชีพราหมณ์ ต่างเปลี่ยนนามบวชทั่วทุกตัวมี
ให้บอกกล่าวว่าเราชาวกบิลพัสดุ์ เที่ยวโปรดสัตว์ตามจริตกิจฤๅษี
แล้วนางนึกตรึกตราถึงธานี แม้พระพี่รู้ความจะตามทัน
จึงทำตามความรู้ของครูเฒ่า เขียนสำเภาอักขราเป็นอาถรรพณ์
บริกรรมซ้ำเสกปลุกเลขยันต์ เอาเรือนั้นลอยลงในคงคา
ใครตามเห็นเป็นสำเภาที่เราขี่ ให้พระพี่ลดเลี้ยวเที่ยวหลงหา
แล้วสั่งให้นายท้ายบ่ายเภตรา เข้าอ่าววาหุโลมแล่นดูแดนไตร
เห็นปากน้ำทำป้อมคร่อมภูเขา จำเพาะเข้าออกเดินเนินไศล
แลพิลึกตึกกว้านสำราญใจ เข้าจอดใกล้เมืองด่านชานบุรี
สังเกตดูผู้คนบนตลิ่ง ทั้งชายหญิงโพกผมนุ่งห่มสี
ส่วนเครื่องขาวเจ้านายฝ่ายผู้ดี พวกเสนีทุกตำแหน่งแต่งทั้งนั้น
แต่ไพร่นายฝ่ายทหารชาญกำแหง ใส่เสื้อแสงสีดำล้วนล่ำสัน
ด้วยห้ามปรามตามแพนกให้แปลกกัน สีหมอกนั้นเป็นของคนพลเรือน
ล้วนเสื้อกลีบจีบนุ่งคาดพุงทับ ไม่สลับสีไหนก็ให้เหมือน
เห็นเรือจอดทอดท่าลงมาเยือน ดูเดินเกลื่อนตามตลิ่งทั้งหญิงชาย
นายด่านใหญ่ให้ล่ามถามไปว่า เรือนี้มารบหรือมาซื้อขาย
ฝ่ายขอเฝ้าเหล่าข้าบรรดาชาย จึงอุบายบอกเหล่าชาวบุรี
อันพวกเราชาวบุรินทร์กบิลพัสดุ์ รักษาสัตย์ศีลถือเป็นฤๅษี
เที่ยวประโยชน์โปรดสัตว์ในปถพี ไม่คิดที่รบสู้กับผู้ใด
ซึ่งมานี้มีกิจคิดประสงค์ จะธุดงค์เที่ยวไปชมโรมวิสัย
แล้วถามล่ามตามประสงค์จำนงใน นี่เมืองใดใครเป็นเจ้าชาวพารา ฯ
๏ ฝ่ายล่ามบอกออกอรรถกระจัดแจ้ง อันเขตแขวงโรมวิสัยไกลหนักหนา
ไปแต่นี้ปีเศษเขตอาณา ถึงเมืองวาหุโลมนี้สิ้นที่แดน
อันเมืองกลางทางไปทั้งใหญ่น้อย ก็นับร้อยพลโจษนับโกฏิแสน
นับถือผู้รู้ไตรเพททุกเขตแคว้น บูชาแทนเทวดาเป็นอาจารย์
ทั้งถือพระอาทิตย์อิศเรศ เป็นดวงเนตรในแผ่นดินทุกถิ่นฐาน
ทรงสัตย์ธรรม์กรุณาเวลากาล มาโปรดปรานส่องแสงให้แรงมี
ครั้นพระกลับหลับสบายทั้งชายหญิง พระคุณยิ่งได้พำนักเป็นศักดิ์ศรี
หนึ่งผู้รู้ไตรเพทวิเศษดี เรียนบาลีโลกสิ้นทั้งดินฟ้า
ใครเจ็บป่วยช่วยระงับให้ดับโรค ถึงเคราะห์โศกสิ่งไรก็ไปหา
ท่านดูแลแน่เหมือนเช่นเห็นแก่ตา ให้รู้ว่าเป็นตายร้ายหรือดี
ทั้งฤกษ์พาฟ้าฝนบนสวรรค์ มีสูรย์จันทร์แจ้งสิ้นถิ่นวิถี
เป็นที่พึ่งจึงว่าครูความรู้ดี ก็ฤๅษีเชี่ยวชาญประการใด
ซึ่งเที่ยวมาว่าประโยชน์จะโปรดสัตว์ ให้แก้วเก้าเนาวรัตน์หรือไฉน
หรือจะรับดับโศกดับโรคภัย ซึ่งจะให้เป็นประโยชน์เที่ยวโปรดปราน ฯ
๏ ฝ่ายฤๅษีพี่เลี้ยงออกเถียงล่าม ซึ่งคนความรู้ตำราเหมือนว่าขาน
ไม่ควรหลงสรรเสริญให้เกินการ เป็นเดรฉานวิชาเที่ยวหากิน
อันเราถือฤๅษีนั้นดีสุด เป็นภูมิพุทธวิชารักษาศิล
อันแก้วแหวนแสนทรัพย์นับเหมือนดิน มีแล้วสิ้นเสียเปล่าไม่เข้าการ
อันกุศลผลผลาอานิสงส์ จะช่วยส่งเป็นสมบัติพัสถาน
ใครถือธรรมจำศิลอภิญญาณ ถึงนิพพานพูนสวัสดิ์อยู่อัตรา
แม้จะใคร่ได้สดับรับโอวาท ทำธรรมาสน์พุทธเพทเทศนา
จะให้ศิลภิญโญในโลกา ที่คิดสารพัดได้ดังใจปอง ฯ
๏ ฝ่ายล่ามว่าถ้ากระนั้นขยันยิ่ง ใคร่ฟังสิ่งซึ่งว่าดีไม่มีสอง
แล้วกลับมาหน้าค่ายบอกนายกอง ทั้งพวกพ้องพูดจาปรึกษากัน
อันฤๅษีดีอย่างไรเราไม่รู้ จะลองดูให้เห็นจริงเป็นทุกสิ่งสรรพ์
จึงจัดแจงแต่งธรรมาสน์อาสน์สุวรรณ แล้วชวนกันหามมาหน้าประตู
ทั้งเทียนธูปบุปผาสารพัด มาตั้งจัดแจงไว้ทั้งไก่หมู
ที่พวกพ้องของใครบอกให้รู้ ไปฟังผู้วิเศษท่านเทศน์ธรรม์
ศีลฤๅษีที่จะให้ผู้ใดรับ ดีกว่าทรัพย์สินยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
บรรดาเหล่าชาวบ้านเมืองด่านนั้น ต่างสำคัญว่าเป็นของที่ต้องการ
บ้างแบกกระบุงถุงไถ้ไปใส่ศิล มาพร้อมสิ้นซ้ายขวาแน่นหน้าฉาน
แล้วล่ามตรงลงเภตราว่าอาจารย์ นิมนต์ท่านเทศน์ธรรม์เหมือนสัญญา ฯ
๏ ฝ่ายนงลักษณ์อัคนีฤๅษีเอก อดิเรกรู้ธรรมคำสิกขา
คิดประโยชน์โปรดทมิฬดังจินดา จึงครองผ้าผูกคาดราดประคต
ชฎากลีบจีบเวียนกระเสียนพระศก พัดขนนกป้องหน้าอย่างดาบส
พวกฤๅษีพี่เลี้ยงเคียงประณต ขึ้นเดินทางกางพระกลดไปบดบัง
เณรพี่น้องสองกะเทยที่เคยใช้ ต่างถือไม้เท้าย่ามเดินตามหลัง
ถึงหน้าป้อมพร้อมกันที่บัลลังก์ นางขึ้นนั่งเหนือธรรมาสน์อาสน์โอฬาร์
พวกข้าเฝ้าเหล่าฤๅษีพระพี่เลี้ยง อยู่ข้างเคียงเรียงรายทั้งซ้ายขวา
พระอัคนีมีพัดป้องพักตรา สำรวมท่ารักษาพรตดาบสนี ฯ
๏ ฝ่ายพวกฟังทั้งสิ้นทมิฬหมด ไม่ประณตนับถือพระฤๅษี
ต่างดูของมองเขม้นไม่เห็นมี บ้างพาทีไต่ถามตามสงกา
ศีลฤๅษีที่เอามาว่าจะให้ อยู่ที่ไหนไม่เห็นเขม้นหา
ต่างเข้าไปใกล้ธรรมาสน์ดาษดา จะดูหน้าว่าฤๅษีมีสิ่งใด
ศิษย์ฤๅษีพี่เลี้ยงเคียงธรรมาสน์ ต่างตวาดว่าห้ามปรามไม่ไหว
จึงบอกความตามภาษาว่าผู้ใด จะใคร่ได้ศีลมั่งก็นั่งลง
แล้วองค์พระอัคนีผู้มีพรต บอกกำหนดศีลห้าอานิสงส์
ผู้ใดฟังทั้งหมดเมื่อปลดปลง บุญจะส่งไปสวรรค์ชั้นวิมาน
ไม่มีโรคโศกทุกข์กินสุกดิบ เสวยทิพย์โอชากระยาหาร
อุส่าห์สร้างทางกุศลผลทาน ถึงนิพพานผาสุกไปทุกวัน
พอจบคำสำเร็จเป็นเสร็จสิ้น พวกทมิฬหัวเราะเยาะเย้ยหยัน
ว่าศีลมีขี้ปดหมดทั้งนั้น ลวงให้กันเอากระบุงถุงย่ามมา
เมื่อเทศน์ไปไม่เห็นเหมือนเช่นเทศน์ ถือผิดเพศฤๅษีนี่มุสา
เที่ยวลวงล่อพอได้กินสินบูชา หรือหมายมาเมืองนี้จะตีชิง
บ้างว่าดูผู้สำแดงจะแปลงเพศ เสียงสังเกตรูปร่างเหมือนอย่างหญิง
เข้าเหยียบย่านบ้านไหนจัญไรจริง ขุดดินทิ้งเสียในวนชลธาร
ไม่นับถือฤๅษีพวกชีป่า ไม่ขายค้าขอกินทุกถิ่นฐาน
เราขับไล่ไปเสียอย่าให้ช้าการ เสียกบาลให้เสียเจียวประเดี๋ยวนี้ ฯ
๏ ฝ่ายดาบสอดจิตด้วยคิดบาป มันหยามหยาบก็ทำเมินลุกเดินหนี
ชาวด่านเตรียมเสียมพร้าตะกร้ามี คอยขุดที่รอยเท้าทุกก้าวไป
พวกศิษย์หาดาบสเหลืออดกลั้น มันกระชั้นชิดนักต่างผลักไส
แกล้งแยกย้ายรายเที่ยวลดเลี้ยวไป หมายจะให้ตามขุดจนสุดแรง ฯ
๏ ฝ่ายนายด่านพาลจะดุมุโมโห ว่าคนโซเที่ยวเล่นจะเป็นแขนง
ให้บ่าวไพร่ไล่ลัดสกัดแสกง ใครขัดแข็งฆ่าฟันให้บรรลัย
พวกทมิฬยินนายทั้งชายหญิง พากันวิ่งคึกคักไล่ผลักไส
ฝ่ายฤๅษีที่ไม่เคร่งเก่งสุดใจ ตีด้วยไม้เท้ามันรุมฟันแทง
พวกโยธาสานุศิษย์ไม่คิดบาป ชิงหอกดาบโดดฟันด้วยขันแข็ง
ทมิฬตายวายวางลงกลางแปลง ต่างพลัดแพลงวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี
ขุนด่านไล่ไพร่พลที่บนป้อม ลงพรักพร้อมนายไพร่ไล่ฤๅษี
ฝ่ายโฉมยงนงลักษณ์พระอัคนี เห็นเสียทีถอยมาริมสาชล ฯ
๏ ฝ่ายนายไพร่ในสำเภาเห็นชาวด่าน ไล่รอนราญรบรับกันสับสน
ฉวยศัสตราสำหรับตัวทั่วทุกคน วิ่งขึ้นบนบกมาช่วยราวี
ต่างแกว่งกลอกหอกดาบกำซาบศร เข้าราญรอนรับมือทั้งฤๅษี
ฝ่ายทหารด่านสมุทรก็สุดดี ปะทะตีแทงฟันกระชั้นชิด
บ้างพุ่งซัดศัสตราพวกการะเวก ล้วนตัวเอกหลบเลี่ยงพลาดเพลี่ยงผิด
กลับไล่เหล่าชาวด่านผลาญชีวิต ต่อไม่ติดแตกพลัดกระจัดกระจาย
พวกชีพราหมณ์ตามฆ่าโยธาหาญ เข้าในด่านได้สมอารมณ์หมาย
โห่สนั่นฟันทมิฬลงดิ้นตาย แต่ตัวนายคงกระพันประจัญรบ
รุมแทงฟันมันไม่ไหวจึงใช้หญิง เอาศรยิงปากปุทะลุสลบ
จับนายได้ไพร่หมอบลงนอบนบ ไม่สู้รบรับแพ้ขอแต่ตัว
พวกฤๅษีชีพราหมณ์คุกคามขู่ ใครรบสู้ขืนขัดจะตัดหัว
แม้ไม่สู้กูไม่ฆ่าดอกอย่ากลัว แล้วหามตัวนายด่านขึ้นศาลกลาง ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอัคนีกับพี่เลี้ยง เข้าอยู่เพียงตึกโถงที่โรงขวาง
พวกเหลือตายนายมุลหมื่นขุนนาง บ้างหลบบ้างเข้าหาเป็นข้าไท
พอจวนเย็นเห็นแต่คนแก่เฒ่า ถือไม้เท้าจดจ้องเดินร้องไห้
พวกชีพราหมณ์ถามว่าท่านมาไย ต่างกราบไหว้ว่าจะมาหาเจ้านาย
จะห้ามปรามตามอย่างแต่ปางก่อน ราษฎรจะได้พึ่งเหมือนหนึ่งหมาย
แม้มิโปรดโทษปากผิดมากมาย ก็ยอมตายแต่จะห้ามดูตามบุญ ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอัคนีรู้ทีศึก ฉลาดลึกหน่วงเหนี่ยวไม่เฉียวฉุน
เห็นคนแก่แซ่มาก็การุญ จะเอาบุญบทจรไปต้อนรับ
เชิญผู้เฒ่าเก้าคนขึ้นบนศาล นั่งสำราญเรียงกันเป็นอันดับ
แล้วตรัสห้ามปรามว่าอย่าคำนับ จะพูดกับดีฉานประการใด ฯ
๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเหล่าทมิฬได้ยินตรัส โสมมัสนึกว่าดีจะมีไหน
แต่รูปร่างอย่างหญิงนึกกริ่งใจ พวกผู้ใหญ่ยิ่งรักพระอัคนี
ต่างทูลว่าข้าพเจ้าคนเฒ่าแก่ ยังก็แต่จะตายกลายเป็นผี
เห็นทหารท่านมาไล่ฆ่าตี ชาวบุรีใหญ่น้อยก็พลอยตาย
จึงอุส่าห์มาห้ามตามขนบ ธรรมเนียมรบเมืองได้เหมือนใจหมาย
แม้ครองแคว้นแดนด้าวเป็นเจ้านาย คนทั้งหลายก็จะมาเป็นข้าไท
ถ้าจะเอาข้าวของเงินทองนาก ก็ได้มากเหมือนจินดาอัชฌาสัย
จะฆ่าตีชีวันให้บรรลัย นั้นเห็นไม่เป็นประโยชน์จงโปรดปราน
ซึ่งปรารถนามาห้ามปรามทั้งนี้ เพราะปรานีหนุ่มสาวชาวลูกหลาน
แม้จะเอาข้าวของที่ต้องการ กระหม่อมฉานจะไปป่าวชาวพารา ฯ
๏ พระอัคนีดีใจปราศรัยสนอง อันเงินทองถือขาดไม่ปรารถนา
เมื่อเดิมทีมีธรรมาสน์ไปราธนา จึงขึ้นมาเทศน์ธรรม์ให้มันฟัง
ไม่นับถือฤๅษีแล้วมิหนำ ขับไล่ซ้ำว่าคนโซทำโอหัง
ให้ขุดรอยน้อยหรือทำแต่ลำพัง ลูกศิษย์ทั้งปวงแค้นจึงแทนทด
ให้เห็นมือฤๅษีที่มีศิล พวกทมิฬมาดหมายกลับตายหมด
อันถิ่นฐานบ้านเมืองแลเครื่องยศ เราสร้างพรตมิได้ปองเอาของใคร
ท่านมาห้ามปรามนี้ก็ดีนัก จงประจักษ์จริงแจ้งแถลงไข
ช่วยบอกเล่าให้เขารู้ว่าผู้ใด ไม่สู้ไม่ฆ่าฟันทำอันตราย
จงกลับมาหากินตามถิ่นฐาน ให้สำราญไร่นาที่ค้าขาย
เราจะยั้งรั้งรออยู่พอสบาย ให้เหือดหายเมื่อยล้าจะลาไป
ประการหนึ่งซึ่งเราถือเป็นฤๅษี ใครเห็นดีโดยจริงจงทิ้งไสย
มาถือพุทธสุดดีไม่มีภัย อาวุธไม่ต้องตนเป็นมลทิน
ใครรักมีฝีมือเหมือนฤๅษี มาที่นี่เราจะได้ช่วยให้ศิล
นางแกล้งสั่งหวังจะให้ใจทมิฬ นิยมยินยอมสมัครมาภักดี ฯ
๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเก้าคนทุพพลภาพ ต่างก้มกราบนับถือพระฤๅษี
แล้วลามาว่ากล่าวชาวบุรี ให้ภักดีดาบสถือพรตธรรม์ ฯ
๏ พอเวลาราตรียังมีเด็ก ลูกเล็กเล็กชายหญิงวิ่งถลัน
มาศาลกลางทางว่าพ่อข้านั่น ใครแทงฟันสักเท่าไรก็ไม่ตาย
พวกฤๅษีมีฤทธิ์คิดไฉน จึงฆ่าได้ให้ตระกูลเราสูญหาย
เราพี่น้องสองบุตรนี้สุดอาย จะตามตายแต่ขอพบศพบิดา ฯ
๏ พระอัคนีมีจิตคิดสงสาร ด้วยกุมารพูดความตามประสา
ดูพี่น้องผ่องพักตร์ลักขณา เห็นแปลกตากว่าทมิฬสิ้นทั้งนั้น
จึงเรียกหามาใกล้ซักไซ้ถาม ได้ข้อความตามจริงทุกสิ่งสรรพ์
บุตรหญิงชายนายด่านชาญฉกรรจ์ พี่สาวนั้นได้สิบเอ็ดน้องเจ็ดปี
ให้นึกเห็นเช่นกับองค์ของนงลักษณ์ เคยเคียงพักตร์กับพระน้องทั้งสองศรี
คิดจะใคร่ได้เป็นลูกผูกไมตรี จึงพาทีทำเป็นว่าน่าเสียดาย
มาตามศพพบพ่อจะขอม้วย เราจะช่วยชุบชีวิตเหมือนคิดหมาย
ให้พ่อฟื้นคืนรอดไม่วอดวาย จะถือฝ่ายพุทธหรืออย่าดื้อดึง ฯ
๏ สองเด็กว่าถ้าแม้เป็นให้เห็นแน่ ท่านดีแท้ใครจะเปรียบประเทียบถึง
ถึงเลือดเนื้อเมื่อจะเอาข้าเจ้าจึง จะเถือทึ้งแทนคุณกรุณา
จะนับถือฤๅษีผู้วิเศษ จะฟังเทศน์ถือพุทธไม่มุสา
ถ้าชุบขึ้นคืนชีวิตให้บิดา จะเป็นข้าพระฤๅษีทั้งพี่น้อง ฯ
๏ พระอัคนีดีใจจะได้ลูก เปรียบเหมือนผูกพ่อไว้มิให้หมอง
เป็นแยบยลกลศึกนางตรึกตรอง นายด่านต้องศรซบสลบไป
จะเสกทำน้ำมนต์ให้คนเห็น ว่าชุบเป็นมั่นคงไม่สงสัย
จะลือชาปรากฏยศไกร จึงสั่งให้สานุศิษย์ตั้งพิธี
ชุมนุมนั่งบังศพจะกลบเหตุ ให้ลับเนตรพี่น้องทั้งสองศรี
แล้วโฉมยงนงลักษณ์พระอัคนี เสกวารีพรมพรำนั้นร่ำไป
ฤๅษีหมอขอเฝ้าแฝงเข้านวด ที่เจ็บปวดบาดแผลปิดแก้ไข
พิมเสนรอพอชื่นมื่นฤทัย นายด่านได้สมประดีค่อยมีแรง
เห็นลูกยามานั่งอยู่ทั้งสอง ให้พวกพ้องข้าศึกให้นึกแหนง
เรียกมาใกล้ไต่ถามดูตามแคลง ครั้นรู้แจ้งใจจิตให้คิดคุณ
หมอบคำนับกลับถือพระฤๅษี น้ำใจดีจริงเจียวไม่เฉียวฉุน
ชุบให้มีชีวาเพราะการุญ ขอบพระคุณควรเชื่อเห็นเหลือดี
จะทิ้งชาติศาสนาข้างวาหุ ขอสาธุถือศิลพระชินศรี
อันพี่น้องสองราบุตรข้านี้ แม่ไม่มีอุปถัมภ์เป็นกำพร้า
ถวายไว้ในพระองค์จงช่วยบวช ให้รู้สวดศักราชพระศาสนา
ทั้งข้านี้มิได้ขัดอัธยา พระสิทธาสั่งสอนจะผ่อนตาม ฯ
๏ พระอัคนีปรีชาว่าสาธุ เห็นจะลุละบาปที่หยาบหยาม
จึงปราศรัยให้พรสั่งสอนความ แล้วไต่ถามถึงประเทศของเขตคัน ฯ
๏ นายด่านเล่าว่าเจ้าวาหุโลมราช กษัตริย์ชาติเชื้อยักษ์มักกะสัน
เลี้ยงนกไก่ไว้กินสิ้นทั้งนั้น สารพันสัตว์ที่มีปีกบิน
อันกุ้งปลาสาครเรียกหนอนน้ำ ไม่กรายกล้ำเกลียดคิดพินิจสถิล
ทั้งสัตว์อื่นหมื่นแสนในแดนดิน ก็ไม่กินกินแต่ไข่เป็ดไก่นก
เอาขนไว้ใส่ประดับสำหรับแต่ง หมวกเสื้อแสงสวมตนขนวิหค
แต่องค์ท้าวเจ้าเมืองมีเครื่องยก เหมือนรูปนกสวมองค์ออกสงคราม
บินไปได้ไกลเป็นร้อยเส้นเศษ ปราบประเทศร้อยเอ็ดย่อมเข็ดขาม
ชนบทจรดเขตประเทศพราหมณ์ นิคมคามรายรอบเป็นขอบคัน
ข้าอยู่ด่านชานสมุทรเป็นสุดถิ่น คุมทมิฬหมื่นเศษเฝ้าเขตขัณฑ์
ขึ้นไปนี้มีเมืองเนื่องเนื่องกัน ยี่สิบวันถึงพาราวาหุโลม
เจ้าบุรีมีบุตรสุดวิเศษ รู้พระเวทวิทยาชื่อวาโหม
บิดาใช้ให้ไปยอมอ่อนน้อมโน้ม ถึงเมืองโรมวิสัยได้วิชา
เข้าสิบสี่ปีถ้วนอ้วนเป็นพ้อม จะเป็นจอมสุริย์วงศ์สืบพงศา
ซึ่งธุระพระฤๅษีจะลีลา ไปพาราโรมวิสัยทางไกลครัน
จะบอกกล่าวราวเรื่องไปเมืองหลวง ตามกระทรวงทูลเหตุเจ้าเขตขัณฑ์
ขอเบิกด่านท่านให้เสร็จทั้งเจ็ดชั้น ได้ผายผันไปตามความสบาย ฯ
๏ พระอัคนีชี้ชอบว่าขอบจิต ท่านช่วยคิดให้เราสมอารมณ์หมาย
ได้เบิกทางอย่างว่าจะลานาย พลางภิปรายปราศรัยเป็นไมตรี
ดึกหนักหนาพาบุตรไปหยุดยั้ง แล้วตรัสสั่งพี่น้องทั้งสองศรี
เมื่อคิดถึงจึงลาจรลี ลงไปที่เภตราพูดจากัน ฯ
๏ นายด่านว่าข้านิมนต์อยู่บนศาล ให้สำราญรับครองเครื่องของฉัน
จะว่ากล่าวเหล่าทมิฬสิ้นทั้งนั้น มาฟังธรรม์เทศนาตามบาลี
แล้วจัดแจงแต่งศาลเพดานดาด ปูเสื่อสาดอาสนะพระฤๅษี
จุดโคมเวียนเทียนประทีปให้ดิบดี ลาไปที่หลับนอนผ่อนสบาย
ครั้นรุ่งเช้าป่าวร้องทำของเลี้ยง มาพร้อมเพรียงชาวบ้านคาวหวานถวาย
ชมฤๅษีดีจริงทั้งหญิงชาย ด้วยคนตายชุบเป็นเห็นแก่ตา
ต่างถือธรรมจำศิลทั้งกินบวช อุส่าห์สวดศักราชศาสนา
บุตรหญิงชายนายด่านพานศรัทธา ถือศีลห้าอยู่กับพระอัคนี ฯ
๏ ฝ่ายทหารด่านแตกเมื่อแรกรบ ที่หลีกหลบเหล่าชายพลัดพรายหนี
เที่ยวบอกเล่าเจ้าเมืองเอกโทตรี ว่าโจรตีด่านได้นายใหญ่ตาย
ต่างบอกข่าวราวเรื่องไปเมืองหลวง ด่านทั้งปวงเกณฑ์ตรวจทุกหมวดหมาย
จะยกไปหลายทัพจับโจรร้าย พอพวกนายด่านถือหนังสือมา
ผิดสำเหนียกเรียกเอาสำเนาอ่าน ขอเบิกด่านว่าฤๅษีดีหนักหนา
เนื้อความกลับทัพยั้งหยุดรั้งรา รีบส่งม้าใช้ถือหนังสือไป
ถึงพาราวาหุโลมขึ้นกรมท่า หาเสนาตามตำแหน่งแถลงไข
พวกขุนนางต่างซักประจักษ์ใจ พาเข้าไปเตรียมเฝ้าเจ้าบุรี ฯ
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าวาหุโลมราช กษัตริย์ชาติเชื้อยักษ์กินปักษี
พระชันษาห้าสิบพอดิบพอดี ทั้งพ่วงพีผิวดำดังน้ำรัก
พระเนตรแดงแสงปลั่งเหมือนดังชาด บรมนาถหนวดรกลงปรกตัก
มีเขี้ยวงอกออกพอเห็นว่าเป็นยักษ์ ยี่สิบนักขาดำดังน้ำนิล
เกศานั้นพันกลุ่มเป็นปุ่มเปาะ เหมือนผมเงาะเหลืองหงอกดอกกระถิน
ผ่านประเทศเขตเขาชาวบุรินทร์ อยู่ตึกหินทำผนังและหลังคา
ให้เวียงวังตั้งตึกพิลึกสลับ ล้วนปรุงปรับแน่นแฟ้นด้วยแผ่นผา
ปราสาทศรีที่สถิตอิศรา ล้วนศิลาเลื่อมลายพรายโพยม
อยู่ด้วยพระมเหสีมีโอรส เฉลิมยศฝ่ายหน้าชื่อวาโหม
กษัตริย์สองครองพาราวาหุโลม เป็นสุขโสมนัสาทั้งธานี
ครั้งรุ่งเช้าเจ้าเมืองทรงเครื่องต้น ใส่เสื้อขนนกประดับสลับสี
ใส่หมวกหงอนวิหคนกอินทรี แล้วหน็บตรีคทาธรถือศรทรง
ครั้นสรรพเสร็จเสด็จออกมานอกห้อง สอดฉลองบาทอย่างงอนหางหงส์
นางเชิญเครื่องเยื้องย่องจ้องประจง ตามพระองค์ออกอำมาตย์นั่งอาสน์ทอง ฯ
๏ โอรสาข้าเฝ้าก้มเกล้ากราบ ศิโรราบตรับฟังรับสั่งสนอง
เสนาทูลมูลความตามทำนอง หนังสือสองฉบับบอกกลอกกลับกลาย
แล้วอ่านความตามเรื่องเจ้าเมืองด่าน ส่งทหารมาให้ถามความทั้งหลาย
ว่าฤๅษีตีด่านสังหารนาย ให้ล้มตายตัวจึงหนีรอดชีวา
หัวเมืองรายฝ่ายใต้จะไปจับ เกณฑ์กองทัพเมืองละหมื่นล้วนปืนผา
ประเดี๋ยวนี้มีผู้ถือหนังสือมา เนื้อความว่านายด่านชานชลธี
บอกธุระพระนักธรรม์สักพันเศษ ทั่วประเทศนับถือเรียกฤๅษี
ทรงเวทมนตร์คนตายวายชีวี ช่วยชุบชีวิตรอดไม่วอดวาย
จะไปโรมวิสัยให้หม่อมฉาน ขอเบิกด่านเดินไปดังใจหมาย
แม้ฤๅษีมีพรตประทษร้าย ขอถวายชีวิตข้าฝ่าธุลี ฯ
๏ พระทราบเรื่องเคืองขัดตรัสประภาษ มันสามารถมีหนังสือรับฤๅษี
สรรเสริญเกินสังเกตอันเหตุนี้ เห็นท่วงทีถ่ายเททำเล่ห์กล
ที่รบราฆ่าฟันมันไม่บอก ทำย้อนยอกแยบคายเป็นสายสน
มันเชื่อถือฤๅษีว่ามีมนต์ จะปลอมปล้นเมืองเราเป็นเจ้านาย
จึงตรัสขู่ผู้ถือหนังสือถาม ได้ข้อความว่าทมิฬสิ้นทั้งหลาย
ถือฤๅษีผีสิงทั้งหญิงชาย จึ่งสั่งฝ่ายกรมท่าเสนาใน
จงบอกเรื่องเมืองตะวันด่านชั้นสาม ไปปราบปรามด่านมหาชลาไหล
อ้ายนายด่านมารยาสองหน้าไป ฆ่าเสียให้สิ้นโคตรตามโทษทัณฑ์
ทั้งฤๅษีชีไพรอย่าให้เหลือ จะเป็นเชื้อช่วยกันฆ่าให้อาสัญ
ครั้นสั่งเสร็จเสด็จจากอาสน์สุวรรณ เข้าสู่บรรทมแท่นแสนสบาย ฯ
๏ ฝ่ายเสนามานั่งสั่งเสมียน ให้เร่งเขียนข้อรับสั่งสิ้นทั้งหลาย
ฝ่ายม้าใช้ได้ตรากราบลานาย ขึ้นม้ารายไปทุกเมืองแจ้งเรื่องความ ฯ
๏ ฝ่ายเสนาราหูคนผู้เฒ่า ซึ่งเป็นเจ้าเมืองตะวันด่านชั้นสาม
รู้เวทมนตร์ทนคงเคยสงคราม ครั้นทราบความตามรับสั่งไม่รั้งรา
เกณฑ์ทหารบาญชีสิบสี่หมื่น ถือหอกปืนปีกซ้ายทั้งฝ่ายขวา
บ้างถือทวนล้วนแต่ดีขี่อูฐลา แต่ตัวราหูขี่สัตว์กิเลน
สูงกว่าม้าลางามสักสามศอก แม้ขับออกควบวิ่งเหมือนจิ้งเหลน
หน้าเหมือนคนกลศึกได้ฝึกเจน แล้วกะเกณฑ์เกวียนลำเลียงเสบียงพล
ครั้นเสร็จสรรพทัพบกยกทหาร จากเมืองด่านออกเดินตามเนินถนน
ค่ำที่ไหนให้ชาวบ้านย่านตำบล เลี้ยงไพร่พลพวกทหารทุกย่านมา ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอัคนีอยู่ที่ด่าน พวกชาวบ้านปรนนิบัติหัดภาษา
จนพูดเป็นเช่นทมิฬเหมือนจินดา คอยรอท่าผู้ถือหนังสือไป
ขอเบิกด่านท่านจะให้หรือไม่หนอ จะได้ต่อขึ้นไปชมโรมวิสัย
ทุกเช้าค่ำรำพึงคะนึงใน ตั้งพระทัยแต่จะหนีพระพี่ยา
บุตรนายกองสองคนอยู่ปรนนิบัติ คอยนวดพัดวีถวายทั้งซ้ายขวา
นางให้นามตามสนิทชื่อธิดา น้องชื่อว่าโอรสยศไกร
พวกศิษย์หาพากันเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง ต่างพาดพิงผูกมิตรพิสมัย
บ้างลวงหลอกบอกสิกขาประสาใจ ที่บวชใหม่กินแต่งาถั่วสาคู
พวกบวชเก่าเข้ากระดูกรู้ผูกศิล ตามจะกินเป็ดไก่นกไข่หมู
พวกชาวด่านพานซื่อเชื่อถือครู ขอเรียนรู้รักฤๅษีผู้ปรีชา
แต่ยับยั้งฟังข่าวเจ้าประเทศ สองเดือนเศษจนสนิทกับศิษยหา
พอเบี่ยงบ่ายนายด่านลนลานมา บอกว่าม้าใช้ถือหนังสือไป
ขอเบิกด่านท่านว่าเป็นขบถ แกล้งเลี้ยวลดลวงพระองค์คิดสงสัย
ให้ทัพบกยกมาคนม้าใช้ ลอบหนีได้มาแถลงแจ้งคดี
ว่าราหูผู้เฒ่าจะเอาโทษ ให้สิ้นโคตรคนที่ถือพระฤๅษี
เป็นเคราะห์กรรมจำตายวายชีวี พระมุนีจะคิดอ่านประการใด ฯ
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์รู้กลศึก ฉลาดลึกแหลมปัญญาอัชฌาสัย
จึงเสแสร้งแกล้งตอบว่าขอบใจ ที่รักใคร่เจ้านายสู้วายปราณ
แต่ตัวดีมิได้ผิดเขาคิดโกรธ จะฆ่าโคตรพลอยถูกทั้งลูกหลาน
ไม่ไต่ถามความสัตย์ปฏิญาณ ผิดโบราณเรื่องราวท้าวพระยา
อนึ่งเล่าเราก็ถือเป็นฤๅษี ไม่ฆ่าตีชีวิตริษยา
จะต่อสู้ดูฝีมือให้ลือชา คิดรักษาครอบครัวอย่ากลัวมัน
ทำไมกับทัพทมิฬเหมือนริ้นล่อง มาเข้ากองไฟฟ้าจะอาสัญ
นายด่านนั่งฟังยุพลอยดุดัน จริงกระนั้นคุณว่าไม่น่าตาย
ไม่ไต่ถามความจริงมากริ่งโกรธ จะลงโทษถึงขบถผิดกฎหมาย
น่าน้อยใจไม่เอาเป็นเจ้านาย ขอสู้ตายอยู่กับเท้าของเจ้าคุณ
ทหารเราชาวบุรีก็มีอยู่ จะรบสู้กันจนสิ้นดินกระสุน
ด้วยสัตย์ซื่อถือพระเดชะบุญ ข้าคิดอุ่นใจตัวไม่กลัวมัน
แล้วกราบลามาเที่ยวตรวจหมวดทหาร ป้อมปราการกำกับกันขับขัน
ชุดไฟฟืนปืนผาสารพัน ตระเตรียมกันพร้อมพรั่งระวังภัย ฯ
๏ ฝ่ายราหูแม่ทัพกับทหาร มาถึงด่านแดนมหาชลาไหล
ให้ตั้งค่ายรายเรียงเคียงกันไป ปักธงไชยเมืองตะวันเป็นสัญญา
แล้วตัวขี่กิเลนไม่เกณฑ์แห่ ให้ตามแต่สี่นายเคียงซ้ายขวา
จากกองทัพขับกิเลนเผ่นโผนมา ถึงตรงหน้าป้อมปืนหยุดยืนดู
ให้พวกพ้องร้องเรียกนายด่านใหญ่ เยี่ยมออกไปพูดจากับราหู
จึงแจ้งความตามรับสั่งตั้งกระทู้ ตัวเป็นผู้รั้งเมืองย่อมเลื่องลือ
ท่านชุบเลี้ยงเพียงนี้มีเครื่องยศ เป็นขบถเจ้านายไม่อายหรือ
เหมือนแมลงเม่าเข้าในกองไฟฮือ เราผู้ถือรับสั่งมาครั้งนี้
จะไกล่เกลี่ยเสียให้นายค่อยหายผิด อย่าควรคิดนับถือพวกฤๅษี
เร่งเปิดรับทัพเราเข้าบุรี จะพ้นที่โทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ
๏ ฝ่ายนายด่านหาญศึกไม่นึกพรั่น จึงผ่อนผันพูดจาอัชฌาสัย
เรานับถือฤๅษีเพียงนี้ไซร้ ผิดอย่างไรหนักหนาจะฆ่าฟัน
ท่านผู้รู้ผู้วิเศษเที่ยวเทศน์โปรด เป็นประโยชน์ที่จะได้ไปสวรรค์
ไม่ถามไต่ไล่เลียงให้เที่ยงธรรม์ ต้องจำกันตัวไว้มิให้ตาย
ถ้าท่านจะอนุกูลช่วยทูลเรื่อง ที่ขัดเคืองแค้นเดือดให้เหือดหาย
เราจะได้ไปเฝ้าถึงเจ้านาย อย่าทำร้ายกันเลยกลับกองทัพไป ฯ
๏ ฝ่ายเสนาราหูคนผู้เฒ่า จึงว่าเจ้านี้คิดผิดวิสัย
ตัวเป็นข้าถ้าไม่สู้กับภูวไนย ควรขึ้นไปทูลความแต่ตามตรง
จะนิ่งอยู่ดูเหมือนเช่นเป็นขบถ จะตายหมดเหมือนอย่างเบื่อไม่เหลือหลง
ฟังเราว่าถ้าจะเข้าเฝ้าพระองค์ จะช่วยส่งไปให้สมอารมณ์ปอง ฯ
๏ ฝ่ายนายด่านพาลจะซื่อด้วยถือสัตย์ กลัวเคืองขัดคิดชอบตอบสนอง
ท่านร่ำว่าปรานีเหมือนพี่น้อง ขอตรึกตรองสักเวลาปรึกษากัน
แล้วไปหาดาบสประณตนั่ง เล่าให้ฟังตามจริงทุกสิ่งสรรพ์
ท่านราหูผู้เฒ่าเจ้าเมืองตะวัน เป็นมิตรกันมาแต่ก่อนช่วยผ่อนปรน
ข้าจะใคร่ไปเฝ้าเจ้าเมืองหลวง เห็นได้ท่วงทีถวายฝ่ายกุศล
ถึงฆ่าตีชีวิตให้ปลิดชนม์ ก็ตายคนเดียวได้เป็นไรมี
อันลูกหลานว่านเครือในเชื้อสาย ขอถวายไว้ธุระพระฤๅษี
ช่วยรักษาอย่าให้ตายวายชีวี วันพรุ่งนี้ข้าจะลาพระคลาไคล ฯ
๏ พระอัคนีปรีชาเห็นอาเพศ สมสังเกตยินดีจะมีไหน
พลางจับยามความก็เห็นไม่เป็นไร จึงเกลี่ยไกล่แกล้งว่าเจ้ากล้าดี
เป็นคนซื่อถือสัตย์จะขัดไว้ ก็มิใช่เป็นจริตกิจฤๅษี
จะไปเฝ้าเราไม่ห้ามดอกตามที แต่ให้มีแยบคายคิดรายคน
เข้าปลอมอยู่บุรีละยี่สิบ ค่อยซุบซิบสังเกตดูเหตุผล
แล้วบอกให้นายด่านรู้การกล ถึงอับจนก็จะได้แก้ไขกัน
ลูกศิษย์เราเล่าจะให้ปลอมไปด้วย จะได้ช่วยสั่งสอนคิดผ่อนผัน
ท่านไปเฝ้าหากมิโปรดต้องโทษทัณฑ์ จงคิดกันกับคนใช้ที่ไปตาม
นายด่านว่าสาธุสะคุณพระช่วย จะรอดด้วยกลเม็ดไม่เข็ดขาม
แล้วเรียกบ่าวเหล่าสนิทมาคิดความ ให้ปลอมตามขึ้นไปอยู่ทุกบูรี ฯ
๏ จัดสำเร็จเสร็จสรรพกลับไปสั่ง ให้คนทั้งปวงถือพระฤๅษี
ฝ่ายโฉมยงนงลักษณ์พระอัคนี เขียนบาลีให้กะเทยที่เคยใช้
ปลอมไปด้วยฉวยฉุกมีทุกข์ร้อน เอาอักษรดูแลคิดแก้ไข
ทหารดีที่สำหรับกำกับไป นางสอนให้รู้ทั่วทุกตัวคน
ต่างจัดแจงแปลงกายตามนายด่าน พวกทหารร้อยเศษรู้เหตุผล
พอรุ่งสายนายใหญ่นำไพร่พล ต่างแบกขนของออกนอกประตู
ตรงไปค่ายนายทัพผู้รับสั่ง คำนับนั่งพูดจากับราหู
ข้าคนซื่อถือมั่นกตัญญู ไม่รบสู้จะไปเฝ้าเจ้าชีวิต
ทูลให้ทราบบาปบุญที่คุณโทษ ท่านช่วยโปรดผ่อนปรนให้พ้นผิด
แม้ปลดปลอดรอดตายไม่วายคิด พระคุณติดก็จะต้องสนองคุณ ฯ
๏ ฝ่ายราหูผู้เฒ่าคนเจ้าเล่ห์ สมคะเนหน่วงเหนี่ยวไม่เฉียวฉุน
จะยกไว้ไม่ฆ่าด้วยการุญ ช่วยทำคุณขังกรงบอกส่งไป
เป็นขบถลดละก็จะผิด อย่าน้อยจิตเจ้าเลยกรรมจะทำไฉน
จะกริ้วโกรธโปรดปรานประการใด เราจะได้รอทัพอยู่ตรับฟัง
แล้วสั่งให้ไพร่จำตัวนายด่าน ห้าประการมั่นคงใส่กรงขัง
ทหารตามสามร้อยคอยระวัง ทั้งบอกหนังสือสำหรับกำกับไป
พวกทหารด่านสมุทรเดินสุดท้าย ทำตามนายหาบหามตามวิสัย
เขาส่งตัวหัวเมืองเนื่องเนื่องไป พวกบ่าวไพร่ปลอมเข้าอยู่ทุกบูรี
ยี่สิบวันบรรลุถึงเมืองหลวง ส่งกระทรวงกรมท่าเจ้าภาษี
กราบทูลท้าวเจ้าจังหวัดปถพี เหมือนคำที่นายด่านให้การมา
ซึ่งนับถือฤๅษีผู้วิเศษ ทรงไตรเพทเวทมนตร์ดลคาถา
ซากอสุภชุบเป็นเห็นแก่ตา จึงอุส่าห์นอบน้อมเกลี้ยกล่อมไว้
เป็นอาจารย์บ้านเมืองเรืองพระยศ จะขบถมุลิกานั้นหาไม่
กราบทูลความตามจริงทุกสิ่งไป หวังจะให้เป็นประโยชน์ช่วยโปรดปราน ฯ
๏ จอมกษัตริย์ตรัสว่าข้านอกเจ้า ชาติโฉดเฉาชาวทะเลเดรฉาน
ช่างเชื่อถือฤๅษีพวกชีพาล มาให้การสรรเสริญจนเกินดี
ใช้อุบายหมายว่ากูไม่รู้เท่า จะให้เข้ารีตถือพวกฤๅษี
อันวิสัยในจังหวัดปถพี จะชุบชีวีเป็นไม่เห็นใคร
อันฤๅษีมีแต่พระสยมภุ์ ตระกูลพรหมวาโหมโรมวิสัย
รู้ชุบคนสนชีวิตถอดจิตใจ อายุได้อยู่ยืนนับหมื่นพัน
นี่แกล้งบอกหลอกเจ้าข้าวนอกหม้อ กูไม่ขอคบฆ่าให้อาสัญ
ตระเวนไปให้รอบขอบเขตคัน อย่าให้มันดูเยี่ยงทั้งเวียงชัย
ให้ราหูผู้เป็นนายฝ่ายทหาร จับชาวด่านแดนมหาชลาไหล
ที่นับถือฤๅษีมีเท่าไร ฆ่าเสียให้สิ้นเสร็จสำเร็จการ ฯ
๏ มนตรีรับอภิวาทมาบาดหมาย ตำแหน่งนายเพชฌฆาตอันอาจหาญ
ถือดาบแดงแซงสลอนนครบาล เอานายด่านปากน้ำมาจำจอง
ติดคาคอข้อมือใส่ขื่อเล็ก สายโซ่เหล็กล่ามรั้งไว้ทั้งสอง
พวกตรวจตรัดพัศดีเดินตีฆ้อง สอนให้ร้องโทษทัณฑ์ที่พันพัว
ใครอย่าดูเยี่ยงข้าคนขบถ คิดเลี้ยวลดลวงกษัตริย์ให้ตัดหัว
นายด่านหมายตายแท้สุดแก้ตัว ถึงนึกกลัวก็ต้องเฉยไม่เวยวาย ฯ
๏ ฝ่ายมาลามาลัยไพร่ชาวด่าน เห็นเกินการแก้ไขก็ใจหาย
ฉีกหนังสือฤๅษีออกคลี่คลาย ได้แยบคายเข้าไปอยู่แทรกผู้คุม
บอกอุบายนายด่านเป็นการลับ นายด่านกลับกล้าใจเหมือนไฟสุม
เห็นชายหญิงวิ่งพรูมาดูชุม พอผู้คุมตีฆ้องแกล้งร้องอึง
เดิมให้หามาเฝ้ากลับเอาโทษ ไม่มีโจทก์จับจะฆ่าใส่คาขึง
รู้กระนี้มิมาเป็นข้ามึง จะดื้อดึงชิงเอาทั้งด้าวแดน
แม้รบสู้กูจะต่อให้พ่อลูก จับไปผูกพันธนาตัดขาแขน
ถึงกูตายฝ่ายลูกจะผูกแค้น มาทดแทนทารกรรมให้หนำใจ
จงบอกกล่าวเจ้ามึงให้พึงรู้ แม้กูสู้หรือน้ำหน้าจะฆ่าได้
แม้ฤๅษีตีบ้านด่านวันใด เจ้าเมืองใหญ่ญาติวงศ์เป็นผงคลี
ว่าจริงจริงหญิงชายอยู่ภายหลัง จงเชื่อฟังนับถือพระฤๅษี
แล้วร้องว่าฆ่าเสียเจียวประเดี๋ยวนี้ พวกกูมีจะได้มาคอยฆ่ามึง
พวกผู้คุมรุมตีมิให้ว่า แกล้งเหวี่ยงคาตบปากแล้วลากขึง
แต่ชายหญิงวิ่งฮือเสียงอื้ออึง จนทราบถึงองค์ท้าวเจ้านคร ฯ
๏ เจ้าพาราวาหุโลมเหงื่อโซมหน้า มันหยาบช้าแค้นจิตดังพิษศร
แม้ฆ่าตายฝ่ายอำมาตย์ราษฎร จะขอดค่อนว่ามันมาแล้วฆ่าฟัน
จะปล่อยไปให้มันสู้ดูสักพัก ให้เห็นศักดาเดชทุกเขตขัณฑ์
จึงจับมาฆ่าเสียลูกเมียมัน ให้พร้อมกันกับฤๅษีพวกชีไพร
ดำริพลางทางหาเข้ามาขู่ มึงจะสู้ฝีมือกูหรือไฉน
ยังไม่ฆ่าถ้ากูจะปล่อยไป กลัวจะไม่ต่อตีจะหนีกู ฯ
๏ นายด่านเห็นเป็นต่อหัวร่อร่า ให้เหมือนว่าแต่สักหนจะบนหมู
อย่าพักเย้ยเลยถ้าปล่อยจงคอยดู แม้ไม่สู้ภูวไนยมิใช่ชาย
กลัวแต่พระจะไม่แน่พูดแต่ปาก หรือจะอยากให้เราริบให้ฉิบหาย
สิบห้าวันนั้นจะมาฆ่าให้ตาย แกล้งท้าทายจะให้ถอดรอดชีวี ฯ
๏ ท้าวเคืองขัดตรัสว่าแม้ฆ่าเสีย พวกลูกเมียมันจะอพยพหนี
จะปล่อยไปให้มันสู้จะดูดี แล้วให้มีธงหนังสือให้ถือไป
ว่าโปรดให้นายด่านคิดการขบถ ไม่ห้ามหมดเมืองแขวงตำแหน่งไหน
จะเข้าด้วยนายด่านประการใด ให้ตามไปเป็นขบถหมดทั้งนั้น
แล้วเอาตรามาประทับคำรับสั่ง อย่ากักขังเข่นฆ่าให้อาสัญ
แล้วปลดเปลื้องเครื่องพิฆาตราชทัณฑ์ ธงสำคัญส่งไปให้รีบไคลคลา ฯ
๏ นายด่านรับจับธงเดินตรงออก แกล้งโบกบอกหญิงชายทั้งซ้ายขวา
เราจะไปให้ผู้รู้วิชา มาเข่นฆ่าโคตรท้าวเจ้าบุรี
ใครเจ็บแค้นแม้นจะเข้ากับเราด้วย จงชูช่วยรบพุ่งในกรุงศรี
จะสิ้นสูญบุญท้าวแล้วคราวนี้ ใครต่อตีตายเปล่าไม่เข้าการ
แล้วโบกธงตรงออกนอกเมืองหลวง คนทั้งปวงรู้สิ้นทุกถิ่นฐาน
ฝ่ายมาลามาลัยใจสำราญ คุมทหารปลอมอยู่ในบูรี ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ