- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
๏ จะกล่าวถึงห้ากษัตริย์ซัดออกนอก | สิ้นระลอกลมซาทั้งฟ้าฝน |
พอแจ่มแจ้งเห็นแสงพระสุริยน | ที่มืดมนก็สว่างเห็นทางจร |
พวกล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น | ก็พากันแล่นลัดตัดสิงขร |
ข้ามมหาสาคโรชโลธร | ถึงนครกำพลเพชรในเจ็ดวัน |
พวกพหลพลไกรไพร่ทั้งหลาย | ค่อยสบายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
รู้เข้าไปในประเทศขอบเขตคัน | ว่าทรงธรรม์เสด็จมาทั้งห้าองค์ ฯ |
๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช | ยุรยาตรเสด็จไปพระทัยประสงค์ |
จะไปเชิญกษัตราทั้งห้าองค์ | แล้วเสร็จลงไปถึงท่าชลาลัย |
สั่งให้เตรียมเรือที่นั่งบัลลังก์รัตน์ | เรือกษัตริย์ทอดอยู่ท่าชลาไหล |
แต่พระองค์เสด็จทรงเรือบดไป | พร้อมไสวแต่บรรดาข้าหลวงเดิม |
จอดประทับกับบัลลังก์ที่นั่งหงส์ | แล้วพระองค์มังคลาปรีชาเฉลิม |
ขึ้นไปเฝ้าภูธรเหมือนก่อนเดิม | เห็นจอมเจิมกราบก้มบังคมคัล ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงรมจักร | เบือนพระพักตร์พบพานพระหลานขวัญ |
จึ่งปราศรัยไต่ถามเนื้อความพลัน | วิวาทกันอย่างไรหนาอายังแคลง |
พระมังคลากราบก้มบังคมบาท | กับสองราชเชษฐาเจ้าเล่าแถลง |
ในเรื่องหลังโดยคดีทูลชี้แจง | ที่เคลือบแคลงให้สามองค์พระทรงธรรม์ ฯ |
๏ สินสมุทรเชษฐาจึ่งว่าเจ้า | แต่ก่อนเก่าเมื่ออยู่ในไอศวรรย์ |
ทวีปวังลังกาสารพัน | พวกญาตินั่นก็สมัครรักทุกคน |
เจ้าเชื่อคำอาจารย์สันดานชั่ว | จึ่งหมองมัวว้าเหว่ระเหระหน |
ไม่พอที่จะได้ยากลำบากตน | เพราะคบคนแหพาลสันดานตึง ฯ |
๏ พระมังคลากราบก้มบังคมสนอง | จิตคะนองเชื่อครูรู้ไม่ถึง |
ได้ชั่วช้าสามานย์สันดานดึง | จึ่งโกรธขึ้งหมองมัวทั่วนคร |
แต่ครั้งนี้ได้องค์พระทรงเดช | มาโปรดเกศเหมือนช่วยกลิ้งยกสิงขร |
หลานขอเชิญเสด็จไปในนคร | ประทับร้อนให้สบายในบุรินทร์ |
พอจัดการบ้านเมืองให้เป็นสุข | บรรเทาทุกข์จะตามไปดั่งใจถวิล |
เฝ้าบิดามารดาในธานินทร์ | ให้ทรงศีลยกโทษโปรดประทาน ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | ว่าไม่ขัดตามใจไปสิหลาน |
พลางตรัสชวนพวกพงศ์พระวงศ์วาน | ไปชมบ้านเมืองเขาชาวบุรินทร์ ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลาเจ้าฝาหรั่ง | เรือที่นั่งจัดไว้สมอารมณ์ถวิล |
เรียกให้มารับพระองค์ทรงธรณิน | พร้อมกันสิ้นลำที่นั่งทั้งดั้งกัน |
เชิญพระวงศ์พงศาทั้งห้ากษัตริย์ | ไปจังหวัดกรุงไกรไอศวรรย์ |
แล้วจึ่งเชิญเสด็จองค์พระทรงธรรม์ | เรือดั่งกันแห่มาในสาคร |
ถึงเมืองด่านธารท่าชลาสินธุ์ | พร้อมกันสิ้นพวกทหารชาญสมร |
พวกบนฝั่งตั้งเตรียมพลากร | ทั้งอัสดรรถรัตน์ชัชวาล |
เรือที่นั่งดั้งกันประทับท่า | ขุนเสนานายหมวดตรวจทหาร |
ตั้งเครื่องแห่แตรสังข์กังสดาล | รับพระผ่านรมจักรนครินทร์ |
เสด็จขึ้นตำหนักแพเกณฑ์แห่พร้อม | ประณตน้อมบังคมสมถวิล |
ฝ่ายพระจอมมังคลาเจ้าธานินทร์ | ขึ้นทรงสินธพดำนำไปพลัน |
ฝ่ายพระวงศ์พงศาคณาญาติ | เสด็จราชรถใหญ่รีบผายผัน |
กระบวนแห่เดินคลอจรจัล | รถสุวรรณขับพระยาอาชาไนย |
ทั้งเป่าแตรแซ่สำเนียงเสียงประสาน | ก้องกังวานโกลาสุธาไหว |
เร่งกระบวนแสนยาให้คลาไคล | เข้าเวียงชัยนคเรศเพชรกำพล |
ท้าวโกสัยอยู่กำกับรับเสด็จ | พร้อมกันเสร็จคับคั่งทั้งพหล |
มาเตรียมเฝ้าเจ้าพิภพจบสกล | ตามถนนเกลื่อนกลาดดาษดา ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | ถึงจังหวัดหยุดราชรถา |
ประทับที่เกยชัยในพารา | พระมังคลาเชิญเสด็จเสร็จข้างใน |
แล้วสั่งพวกเสนาพฤฒามาตย์ | จัดปราสาทเรือนทองอันผ่องใส |
ทอดยี่ภู่ปูลาดอาสน์อำไพ | แขวนดอกไม้พวงพุ่มปทุมทอง |
แล้วให้ตั้งเครื่องกระยาสุธาโภชน์ | ล้วนเอมโอซอย่างดีไม่มีสอง |
ทั้งคาวหวานจัดจานจินดารอง | ล้วนเครื่องทองถมยาราชาวดี |
นางสำหรับขับบำเรออย่างฝรั่ง | มาพร้อมพรั่งสังคีตทั้งดีดสี |
แล้วทูลเชิญห้ากษัตริย์สวัสดี | เสด็จที่ปรางค์มาศปวาสาทชัย |
ขึ้นสถิตบนเก้าอี้ที่เสวย | เครื่องนมเนยตั้งเรียงเคียงไสว |
พวกอยู่งานกราบก้มบังคมไท | แล้วแกว่งไกวโบกปัดพัชนี |
นางคนร้องพร้องเพราะเสนาะเสียง | ก้องสำเนียงสังคีตทั้งดีดสี |
ทั้งฉิ่งกรับขับไม้มโหรี | เสียงซอสีสอดเสียงจำเรียงพิณ |
เฉลิมยศภูวไนยเจ้าไตรจักร | ประเสริฐศักดิ์สูงใหญ่ดั่งใจถวิล |
เสวยเสร็จกษัตราทุกธานินทร์ | พร้อมกันสิ้นวงศ์กษัตริย์ขัตติยา ฯ |
๏ ฝ่ายพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ | ก็ลีลาศน้อมประนมก้มเกศา |
อภิวาทบาทบงสุ์องค์พระอา | กษัตราสินสมุทรสุดสาคร |
ทั้งกฤษณาตรีพลำนางคำนับ | พระก็รับหัตถาสุดาสมร |
พระศรีสุวรรณตรัสถามนามกร | ว่าบังอรบุตรพระยาพาราใด |
พระมังคลากราบก้มประนมบาท | ว่านุชนาฏนี้เป็นบุตรท้าวโกสัย |
ชื่อบุษบงกัลยาสุมาลัย | จงทราบใต้บาทาฝ่าธุลี ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นรมจักร | เธอพิศพักตร์กัลยาเห็นราศี |
จึ่งอวยพรว่าพิพัฒน์สวัสดี | จงเปรมปรีดิ์ในสมบัติให้วัฒนา |
เจ้าทั้งสองครองคู่อยู่เป็นสุข | อย่ามีทุกข์สืบวงศ์เผ่าพงศา |
อันโรคภัยก็อย่าได้มาบีฑา | ทั้งมังคลาบุษบงจงจำเริญ |
มีอายุก็ให้ยืนหมื่นวษา | ครองพาราอย่ารู้ตกระหกระเหิน |
เหมือนพรอาว่าไว้ให้จำเริญ | จงเพลิดเพลินเกิดลาภปราบไพริน |
พระมังคลาบุษบงอนงค์นาฏ | อภิวาทรับพระพรถาวรถวิล |
ฝ่ายพระจอมรมจักรนครินทร์ | ธิบดินทร์ขึ้นข้างในที่ไสยา ฯ |
๏ ฝ่ายพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ | เสร็จลีลาศกลับพลันด้วยหรรษา |
เข้าข้างในไปห้องทองไสยา | พระมังคลากลับมายังที่ปรางค์ทอง |
พระสั่งเสร็จแต่บรรดาข้าหลวงใหญ่ | ให้เลี้ยงไพร่เลี้ยงพหลคนทั้งผอง |
ทั้งขุนนางน้อยใหญ่ดั่งใจปอง | อย่าให้ข้องเคืองขัดอัธยา |
แล้วจัดของลงไปในกำปั่น | เลี้ยงพลขันธ์ไพร่นายทั้งซ้ายขวา |
ทั้งเครื่องกินเอมโอชโภชนา | กับข้าวปลาของตระการทั้งหวานมัน |
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร | เข้าปรางค์มาศพรรณรายอันฉายฉัน |
สถิตย์แท่นฝาพระฉายลายสุวรรณ | นางกำนัลโทนทับขับบำเรอ |
มโหรีสีซอบ้างรอรับ | ประโคมขับจำเรียงเสียงเสนอ |
ตามเยี่ยงอย่างจอมกษัตริย์จัดบำเรอ | เมื่อท้าวเธอไสยาในราตรี ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ | ครั้นสุริย์ฉันส่องฟ้าในราศี |
ฟื้นพระองค์สรงสุคนธวารี | เสด็จที่พระโรงรัตน์ชัชวาล |
พร้อมพระวงศ์พงศาคณาญาติ | สถิตอาสน์รจนามุกดาหาร |
พระมังคลากราบประณตบทมาลย์ | เชิญพระผ่านรมจักรนครินทร์ |
เสด็จไปชมเขาแดงแสงระยับ | กระจ่างจับทั่วมหาชลาสินธุ์ |
เป็นสีแสงแดงดั่งชาดดาษดิน | ในที่ถิ่นกายสิทธิ์ฤทธิรอน ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | บรมนาถบพิตรอดิศร |
จะเสด็จออกไปท้ายนคร | ชมสิงขรสีแดงดั่งแสงไฟ |
พระมังคลาให้เตรียมม้าพระที่นั่ง | พร้อมสะพรั่งเกณฑ์แห่แลไสว |
หกกษัตริย์ทรงม้าอาชาไนย | เสด็จไปตามแถวแนวอรัญ |
ชมพฤกษายางยูงสูงไสว | มะเฟืองมะไฟโศกสนุ่นขนุนขนัน |
มะม่วงมะปรางลางสาดดาดอรัญ | พิกุลพิกันเกดแก้วแถวพุมเรียง |
มะทรางไทรไกรกุ่มกระทุ่มกระถิน | อินทนิลแต้วตาดมะหาดมะเหียง |
มะขามมะค่าตาเสือมะเดื่อเรียง | ตุมกาเคียงกระเบาเหล่าพะยอม |
กระแบกกระบากซากซึกสมีสมอ | สะคร้านสะคร้อจันทน์อินส่งกลิ่นหอม |
ฝูงวิหกโกกิลาแลกาตอม | ต้นพะยอมพระยาลอซ้อสำเนียง |
ฝูงนกแก้วจับนิ่งบนกิ่งเกด | มยุเรศจับรังประดังเสียง |
สาลิกาจับกาหลงส่งสำเนียง | โกญจาเรียงจับรังแล้วบังตัว |
กระลุมพูจับกิ่งกระลำพัก | นกกาสักจับสนขนสลัว |
ฝูงขมิ้นจับแมงเม่าดูเมามัว | นกกระตั้วจับตาตุ่มเข้าซุ้มนอน |
ฝูงกาลิงจับกิ่งอุโลกเลียบ | มยุรเหยียบยางเรี่ยงคียงสลอน |
นกคับแคจับคางไม่ห่างจร | ดุเหว่าว่อนจับหว้าร้องจ้าไป |
ฝูงเซาเซียวจับแคออกแซ่ซ้อง | กระทุงทองจับกระทุ่มบนพุ่มไสว |
ฝูงกระสาจับมะสังเข้าบังใบ | ระวังไพรระวังพงส่งสำเนียง |
ฝูงกระทาจับกระทึงขันอึงจ้า | ควักข้าวตากฝากตาภาษาเสียง |
โพระดกจับประดู่เคล้าคู่เคียง | โกญจาเรียงจับจันทน์ขันโกญจา |
วิหคหงส์จับเหียงเสียงเสนาะ | ฟังก็เพราะล้วนแต่หงส์ส่งภาษา |
หกกษัตริย์ทอดทัศนามา | จนถึงหน้าเขาแดงแห่งคีรี |
พวกที่ไปกายสิทธิ์ติดเนื้อหนัง | ดังย้อมครั่งสุกแดงเป็นแสงสี |
ต่างแลดูพวกพหลแลมนตรี | ก็เป็นสีแดงสดดูงดงาม |
หกกษัตริย์ทัศนาเห็นปรากฏ | ทั่วกันหมดทั้งจังหวัดจึ่งตรัสถาม |
เป็นเหตุแต่ก่อนเก่าพ่อเล่าความ | ให้รู้ตามของสิ่งใดอยู่ใต้ดิน |
พระมังคลาเธอจึ่งทูลมูลเหตุ | ว่าเหล็กวิเศษเกิดในธารละหานหิน |
แต่ก่อนเก่าเจ้าจังหวัดปัถพิน | ให้ขุดดินลงไปได้สาตรา |
เป็นพระขรรค์ฟันสิ่งใดเป็นไฟลุก | ได้ดับทุกข์ปรากฏด้วยยศถา |
อันพระขรรค์เล่มนี้มีศักดา | กษัตราสืบวงศ์ดำรงวัง |
ครั้นพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ | ผ่านสมบัติปราบศึกเหมือนนึกหวัง |
พระขรรค์ชัยเล่มนี้คู่ชีวัง | จะนอนนั่งเธอไม่วางให้ห่างองค์ |
เมื่อแรกข้ามาอยู่ในเมืองนี้ | พระภูมีรักใคร่พระทัยประสงค์ |
เลี้ยงเหมือนบุตรนับถือว่าซื่อตรง | ท้าวทิวงคตไปได้บุรี |
แต่ครั้งไปลังกาวายุพัฒน์ | เขาเคืองขัดให้อ้ายยักษ์มาลักหนี |
หลานตามไปงอนง้อขอโดยดี | เขาก็มิให้ปันแต่นั้นมา |
พระทูลความตามเรื่องแต่เบื้องหลัง | ให้ทรงฟังกับพระองค์เผ่าพงศา |
ต่อสุริยงเย็นพยับเสร็จกลับมา | เข้าพารานคเรศเพชรกำพล ฯ |
๏ ฝ่ายสองท่านพราหมณ์มหาพฤฒาเฒ่า | เข้าไปเฝ้าทูลแถลงแจ้งนุสนธิ์ |
พระปราศรัยไต่ถามตามยุบล | แต่เรื่องต้นท่านได้รู้แต่บูราณ |
ท่านยายเฒ่าคนนี้ผู้ดีเก่า | รู้เรื่องราวในบุรินทร์ทุกถิ่นฐาน |
ด้วยท่านตาสวามีเป็นอาจารย์ | แจ้งในการกลียุคทุกบุรินทร์ |
อันเรื่องราวมาแต่ครั้งตั้งนิเวศน์ | แกรู้เหตุทูลองค์พระทรงศิลป์ |
ฝ่ายพระจอมรมจักรนครินทร์ | เธอทราบสิ้นพราหมณ์อาจารย์บรรยาย |
แล้วตรัสกับมังคลาว่าอย่านึก | อันการศึกเสร็จสมอารมณ์หมาย |
จะลาเจ้าไปธานีทั้งพี่ชาย | มาอยู่หลายเดือนตราทิวาวัน ฯ |
๏ พระมังคลากราบก้มบังคมสนอง | หลานจะรองมุลิกาจนอาสัญ |
ขอตามไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | ยังเขตขัณฑ์ลังกาจงปรานี |
เฝ้าบิตุราชมาตุรงค์ให้ทรงทราบ | ว่าเข็ดหลาบมาประณตบทศรี |
จะขอเป็นเกือกทองรองธุลี | ให้ภูมีงดโทษโปรดประทาน |
สามกษัตริย์ตรัสว่าที่ปรารภ | ถูกขนบกษัตรามหาศาล |
อย่างนี้ต้องตามอย่างทางโบราณ | จะเบิกบานทั่วอาณาประชาชน ฯ |
๏ พระมังคลามาสั่งขุนทหาร | ให้เตรียมการพร้อมพรั่งทั้งพหล |
พวกจัตุรงค์เสนาพลาพล | ให้เร่งขนเสบียงไปใส่เภตรา |
จัดกำปั่นประจำท่าสักห้าร้อย | เครื่องใช้สอยสารพัดเร่งจัดหา |
เชิญท่านครูผู้เฒ่าเฝ้าพารา | กับเสนาพวกที่อยู่ช่วยดูการ |
มอบให้ก้าวโกสัยทั้งไอศวรรย์ | ช่วยป้องกันทั้งนิเวศน์เขตสถาน |
ถ้าแม้นเกิดอรินทร์ทมิฬมาร | กับอาจารย์ช่วยกันปราบกำราบภัย |
ฝ่ายพระมิ่งมังคลานรารัตน์ | เรียกสามกษัตริย์มาแจ้งแถลงไข |
มาไปเฝ้าอัยกาจะพาไป | กับสามไทบิตุลาเจ้าธานี |
พระก็นำบุตรามาปราสาท | ให้กราบบาทบงกชบทศรี |
ทั้งสามองค์พงศ์กษัตริย์สวัสดี | หมอบอยู่ที่ข้างพระวงศ์องค์บิดา |
ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นสยาม | จึงตรัสถามหลานรักเสน่หา |
ดูรูปร่างก็สำอางสะอาดตา | คล้ายบิดางามงามทั้งสามคน |
เจ้าจะไปหรือจะอยู่ปู่จะถาม | จงแจ้งความปู่จะฟังยังฉงน |
พระเทวสินธุ์ทูลแถลงแจ้งยุบล | เมืองกำพลประเดี๋ยวนี้ไม่มีใคร |
พระบิตุรงค์ให้รักษาอาณาเขต | ถิ่นประเทศพวกคนธรรพ์มักหวั่นไหว |
แม้นธานินทร์ถิ่นที่ไม่มีใคร | ถึงเกิดไพรีบุกมารุกราน |
ก็เฉยเสียทั้งพิภพไม่รบสู้ | แม้นมีผู้ตั้งหน้าจึ่งกล้าหาญ |
จึ่งต้องอยู่พาราบัญชาการ | ให้ถิ่นฐานนคเรศนิเวศน์วัง ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | สั่งให้จัดเครื่องประทานสังวาลหวัง |
เอามาแต่รมจักรนัครัง | ประทานทั้งสามนัดดาให้ถาวร |
กลดกระบี่ที่สำหรับประดับยศ | ฝังมรกตเพชรรัตน์ประภัสสร |
กับเครื่องต้นสำหรับทรงอลงกรณ์ | ประทานพรให้พิพัฒน์สวัสดี |
จงสุขังมังคลาให้ปรากฏ | เฉลิมยศหลานรักเป็นศักดิ์ศรี |
ให้อายุยาวยืนสักหมื่นปี | ปราบไพรีชนะชัยในณรงค์ |
สามกษัตริย์รับพรถาวรสวัสดิ์ | ประสานหัตถ์ชื่นชมสมประสงค์ |
ฝ่ายพระจอมกษัตราทั้งห้าองค์ | เสด็จลงเภตราในราตรี |
พร้อมทั้งพวกจัตุรงค์ส่งเสด็จ | มาเตรียมเสร็จรถรัตน์ทั้งหัตถี |
ฝ่ายพระมิ่งมังคลาเจ้าธานี | เสด็จไปที่ปรางค์มาศปราสาทชัย |
แล้วทั้งนุชบุษบงอนงค์สมร | พี่จะจรไปลังกาพลางปราศรัย |
เจ้าอยู่หลังจงระวังการเวียงชัย | เอาใจใส่พระบิดาทั้งอาจารย์ |
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร | จากปราสาทรจนามุกดาหาร |
มาพร้อมทั้งหกองค์พระวงศ์วาน | จากสถานขึ้นทรงรถบทจร |
เดินกระบวนทวนธงลงกำปั่น | พลขันธ์เซ็งแซ่แห่สลอน |
พร้อมทั้งพวกเสนาพลากร | โห่สะท้อนเสียงก้องท้องทะเล |
พอลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก | ให้เร่งออกกำปั่นแล่นหันเห |
ให้ตั้งเข็มตรงหน้าอาคเนย์ | ออกทะเลเข็มตั้งไปลังกา ฯ |
๏ ชมละเมาะเกาะเกียนดั่งเขียนวาด | รุกขชาติเขียวชอุ่มพุ่มพฤกษา |
ที่ชายหาดมีหอยแครงฝูงแมงดา | ตามชลาเต่ากระต่ายว่ายปะปน |
เหล่าปูหอยลอยเป็นแพแลสะพรั่ง | ทั้งกุ้งกั้งว่ายเกลือกเสลือกสลน |
ฝูงกริวกราวมากมายในสายชล | เที่ยวว่ายวนดาษดาในสาคร |
เล่ามัจฉาปลาใหญ่ในสายสมุทร | บ้างดำผุดเรียงรายว่ายสลอน |
ฝูงเพียนทองท่องท้องชโลธร | เที่ยวว่ายว่อนดาษดาในวาริน |
ฝูงฉนากล้วนฉนากปากเหมือนเลื่อย | ดูยาวเฟื้อยฟัดฟาดขาดเป็นสิน |
ฝูงพิมพาพาพิมพาเที่ยวหากิน | โลมาดิ้นดำโผล่ล้วนโลมา |
เหล่าฉลามล้วนฉลามว่ายตามคลื่น | ดูดาษดื่นล้วนฉลามตามภาษา |
ฝูงปลาวาฬอยู่ในวนพ่นธารา | สายคงคาดูก็ขาวเท่าต้นตาล |
อันฝูงปลาหน้าเหมือนคนก้นเป็นหอย | ตัวน้อยน้อยปลาใหญ่ไล่ประหาร |
หน้าเป็นวัวตัวเป็นปลาสัตว์สาธารณ์ | เที่ยวว่ายพล่านอยู่ในห้องท้องทะเล |
จำพวกหนึ่งตัวเป็นปลาหน้าเหมือนค่าง | มีต่างต่างตามกันว่ายหันเห |
อันฝูงสัตว์น้อยใหญ่ในทะเล | เหลือคะเนมากมายมีหลายพรรณ |
พระสุริยงลงลับพยับฟ้า | พระจันทราส่องสว่างทางสวรรค์ |
ดารารายพรายแพร่งรับแสงจันทร์ | พระพายผันพัดมาในสาคร |
น้ำค้างพรมลมเรื่อยมาเฉื่อยชื่น | นภางค์ฟื้นแจ่มจำรัสประภัสสร |
เรือก็เรื่อยเฉื่อยมาในสาคร | พวกนิกรแต่บรรดาที่มาเรือ |
เสพย์อาหารหวานคาวคราวเป็นสุข | ไม่มีทุกข์ไพร่นายสบายเหลือ |
หกกษัตริย์เสด็จสบายบนท้ายเรือ | สถิตเหนือแท่นทองคำในลำทรง |
แล้วเสวยพระกระยาสุธาโภชน์ | ที่เอมโอษฐ์แต่ล้วนของต้องประสงค์ |
ที่บนโต๊ะพร้อมพรั่งทั้งพระวงศ์ | เสวยสรงค่อยเป็นสุขทุกทิวา |
พระสุริยงลงลับพยับฝน | เป็นหมอกมนมืดมิดทุกทิศา |
เรือกำปั่นแล่นหลามตามกันมา | พระพายพาพัดเข้าอ่าวเมืองเซ็น ฯ |
๏ จะกล่าวถึงนัดดาวายุพัฒน์ | ผ่านสมบัติเป็นสุขไม่ยุคเข็ญ |
พ่อตาตั้งให้เป็นท้าวเจ้าเมืองเซ็น | ทุกเช้าเย็นสถิตอาสน์ว่าราชการ |
อาญาสิทธิ์ยิ่งกว่าท้าวแต่เก่าก่อน | ราษฎรอิ่มเอมเกษมศานต์ |
มีเศรษฐีที่ตำแหน่งราชการ | ตั้งโรงร้านห้างใหญ่ขายจินดา |
ฝรั่งแขกแปลกภาษาก็มาซื้อ | ชอบฝีมือเจียระไนหลายภาษา |
ทั้งข้าวของขายดีมีราคา | เรือไปมามิได้เว้นเป็นนิรันดร์ |
พวกอาณาประชาชนคนทั้งหลาย | ตั้งซื้อชายอิ่มเอมเกษมสันต์ |
บ้านขุนนางตั้งรอบเป็นขอบคัน | ในเมืองนั้นฝึกทหารชำนาญปืน |
ถึงข้าศึกมาแต่ไหนเขาไม่พรั่น | เพราะเขานั้นเป็นกำแพงดูแข็งขืน |
ตั้งหอไว้เป็นชั้นกันลูกปืน | ในภูมิพื้นทำนาทั้งตาปี |
ทั้งลูกไม้ผักปลาผลาผล | ไม่ขัดสนกว้างใหญ่ในวิถี |
ทั้งสองข้างมรรคาข้าวสาลี | ขายไปที่ต่างประเทศทุกเขตคัน ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายหกกษัตริย์ตัดเข้าอ่าว | พอฟ้าขาวเห็นกรุงไกรไอศวรรย์ |
พวกกล้าต้าต้นหนคนสำคัญ | ดูแม่นมั่นแจ้งเรื่องว่าเมืองเซ็น |
พลางกราบทูลทรงเดชเกศกษัตริย์ | พระจึ่งตรัสว่าให้ทอดจอดพอเห็น |
อย่าเพ่อเข้าไปก่อนดูร้อนเย็น | จะว่าเป็นข้าศึกจะนึกแคลง |
ฝ่ายข้างพวกกองตระเวนเห็นกำปั่น | ประมาณพันคิดว่าศึกให้นึกแหนง |
จำจะแล่นเข้าไปถามดูตามแคลง | จะได้แจ้งเหตุการณ์สถานใด |
แล้วรอราซาใบเข้าไปหา | แล้วถามว่ามาแต่เขตประเทศไหน |
ดูมิใช่พาณิชเราผิดใจ | ท่านจงได้แจ้งกระจ่างในทางความ |
พวกกำปั่นนั้นจึ่งว่าใช่ข้าศึก | เจ้าผลึกผู้บำรุงกรุงสยาม |
ท่านจงกลับไปประมูลทูลเนื้อความ | ให้ต้องตามเยี่ยงอย่างทางโบราณ |
พวกตระเวนได้สดับก็กลับหลัง | แล่นมายังปากอ่าวแล้วเล่าขาน |
ให้นายใหญ่รู้แจ้งแสดงการ | ท่านขุนด่านเรียกม้าใช้ให้ไปพลัน |
ทูลพระจอมนครินทร์ผู้ปิ่นเกศ | ให้ทรงเดชจอมวังนรังสรรค์ |
ฝ่ายม้าใช้รีบไปถึงวังพลัน | แจ้งกับท่านเสนีผู้ปรีชา |
พอพระปิ่นนคราวายุพัฒน์ | ออกแท่นรัตน์เสนาในเฝ้าซ้ายขวา |
ตัดสินความสิ่งใดในพารา | ด้วยปรีชาสารพัดเป็นสัตย์ธรรม |
บรรดาเหล่าเสนาประชาราษฎร์ | ใครขัดขาดก็ช่วยชุบอุปถัมภ์ |
ไม่คุมเหงเกรงกลัวเห็นตัวกรรม | อาจารย์พร่ำชี้แจงให้แจ้งใจ |
เธอตัดสินข้อความไม่หยามหยาบ | ถึงบุญบาปมั่นคงไม่หลงใหล |
สละละเพศฝรั่งถือข้างไทย | แต่ยังใส่เสื้อกางเกงเกรงพ่อตา |
ฝ่ายเสนีที่เป็นใหญ่ได้โอกาส | เข้ากราบบาททูลความตามเลขา |
เมืองปากน้ำตะวันออกบอกเข้ามา | ว่าเภตรามาประมาณสักพันปลาย |
เรือตระเวนแล่นใบออกไปถาม | ครั้นแจ้งความพากันรีบผันผาย |
ว่ากำปั่นที่มาทอดเข้าจอดราย | ที่ตามชายธารท่าในสาคร |
ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นผลึก | ถึงแต่ดึกมาทอดรายชายสิงขร |
ว่ามิใช่ศัตรูพระภูธร | ให้รีบจรคืนมาเฝ้าเล่าคดี ฯ |
๏ ป่างพระจอมนคราวายุพัฒน์ | ได้ทราบอรรถปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
จึ่งตรัสสั่งพวกพหลแลมนตรี | จะไปที่ปากอ่าวเฝ้าบิดา |
เมืองผลึกธิบดินทร์คือปิ่นเกล้า | จะไปเฝ้าได้บังคมกัมเกศา |
ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จขึ้นปรางค์ปรา | ทูลกิจจากับท่านท้าวเป็นเค้ามูล ฯ |
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพ่อตาเธอปราโมทย์ | สมประโยชน์ในพระปิ่นบดินทร์สูร |
ข้าจะต้องไปรับคอยกราบทูล | เชิญประยูรมาวังบังคมคัล |
ครั้นตรัสเสร็จแล้วเสด็จออกข้างหน้า | สั่งเสนาน้อยใหญ่จัดไอศวรรย์ |
ที่ปรางค์มาศปราสาทชัยให้พรายพรรณ | รับทรงธรรม์เสด็จมาถึงธานี |
เร่งเตรียมรถแก้วมณีศรีสวัสดิ์ | จงปูปัดให้สำอางกระจ่างศรี |
ทั้งเครื่องลาดถาดจำลองล้วนของดี | บรรดามีแปดรถให้งดงาม |
กระบวนแห่แตรสังข์ให้พรั่งพร้อม | ไปรับจอมนครินทร์ปิ่นสยาม |
จงจัดแจงตามยศให้งดงาม | แล้วรีบตามลงไปดั่งใจปอง |
เธอสั่งเสร็จแล้วให้หาวายุพัฒน์ | เร็วรีบรัดไปประมูลทูลฉลอง |
จะไปเชิญภูวไนยดั่งใจปอง | ได้รับรองเธอเข้าในไพชยนต์ |
ท้าวสั่งเสร็จแล้วเสด็จขึ้นทรงม้า | พร้อมเสนาคับคั่งทั้งพหล |
จัตุรงค์เสนาพลาพล | จรดลออกจากเขตนิเวศน์วัง |
วายุพัฒน์สุริย์วงศ์ทรงสินธพ | เลี้ยวตลบตามไปดั่งใจหวัง |
พลางออกจากนคเรศนิเวศน์วัง | เสด็จยังเมืองด่านชานบุรินทร์ |
ครนถึงที่เสด็จลงทรงที่นั่ง | เรือบัลลังก์รีบไปในกระสินธุ์ |
เร่งกระบวนด่วนมาในวาริน | พร้อมกันสิ้นเรือแพเสียงแจจัน |
ถึงประทับกับบัลลังก์ที่นั่งหงส์ | เขาชักธงสิแดงดูแข็งขัน |
ขุนเสนามาเชิญเสด็จพลัน | ให้จรจรัลขึ้นไปในเภตรา ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | ออกแท่นรัตน์พร้อมพระวงศ์เผ่าพงศา |
ขุนเสนีกราบทูลมูลิกา | ว่าองค์วายุพัฒน์ท้าวเจ้าเมืองเซ็น |
จะมาเฝ้าธิบดินทร์ปิ่นพิภพ | จัดมาครบเรือบัลลังก์ทั้งดั้งเขน |
กระบวนแห่แลตลอดจอดระเนน | เห็นจะเกณฑ์กันมาเชิญดำเนินไป ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์สินสมุทร | ทราบว่าบุตรเสด็จมาพลางปราศรัย |
แล้วเชิญท้าวเจ้าพ่อตาให้คลาไคล | เสด็จขึ้นไปบนกำปั่นด้วยทันที |
พาไปเฝ้าพระเจ้าอาบรรดาญาติ | ให้นั่งอาสน์พรรณรายท้ายบาหลี |
ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นบุรี | เธอเปรมปรีดิ์แย้มเยื้อนเอื้อนโองการ |
ปราศรัยทักท้าวพ่อตาวายุพัฒน์ | ในจังหวัดนัคเรศประเทศสถาน |
นิราศทุกข์สุโขมโหฬาร | หรือภัยพาลย่ำยีมาบีฑา |
ฝ่ายไทท้าวเจ้านิเวศน์เขตจังหวัด | ประสานหัตถ์บังคมก้มเกศา |
อันทุกข์โศกมิได้มีมาบีฑา | อันพารายกเลยให้เขยครอง |
ดูก็ร่มบารมีเย็นที่สุด | เป็นมงกุฎสิบหล้าฟ้าฉลอง |
ซึ่งภาระหนักอกเรื่องปกครอง | เมื่อก่อนต้องหนักหน้าเร่งอาวรณ์ |
ด้วยชราว่าการมักลืมหลง | ขอทูลองค์บพิตรอดิศร |
จึงยกให้เขยขวัญผ่านนคร | ราษฎรเต็มใจขอให้เป็น |
อันตัวข้าเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน | ได้นั่งนอนบริบูรณ์ไม่ขุ่นเข็ญ |
พอได้พึ่งบุญเขาทุกเช้าเย็น | จะได้เป็นสุขากว่าจะตาย |
ฝ่ายพระจอมรมจักรนัคเรศ | ได้ทราบเหตุท้าวประมูลทูลถวาย |
พระจึ่งมีโองการแก่หลานชาย | จงฝากกายฝากตัวกลัวพ่อตา |
ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์สินสมุทร | เห็นราชบุตรมาบังคมก้มเกศา |
แล้วกราบกรานสุริย์วงศ์องค์พระอา | แต่บรรดาพวกประยูรสกุลวงศ์ |
จึ่งทูลถามมังคลาว่าอานี้ | กลับมาดีโดยนิยมสมประสงค์ |
รู้จักญาติน้ำเนื้อในเชื้อวงศ์ | หรือยังหลงลิ้นครูผู้อาจารย์ ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมรมจักรนัคเรศ | จึ่งเล่าเหตุเรื่องราวที่ราวฉาน |
บาทหลวงเฒ่าทำอุบายหลายประการ | จนเกิดการรบราถึงฆ่าฟัน |
บอกไปถึงพี่ยากับข้าด้วย | ยกมาช่วยรบรับเป็นทัพขัน |
กำลังรบเกิดวิบัติอัศจรรย์ | สลาตันพัดมาในวารี |
แล้วเกิดฝนตกไม่หยุดสุดจะคิด | ทั้งมืดมิดหมอกมัวทั่ววิถี |
ไม่เห็นหนสุริยาห้าราตรี | พายุตีแตกพลัดกระจัดกระจาย |
เอาความหลังทั้งนั้นมาเล่าแจ้ง | ที่เคลือบแคลงให้กระจ่างสว่างฉาย |
วายุพัฒน์ทราบเรื่องแต่เบื้องปลาย | ก็ค่อยคลายความโกรธพิโรธอา |
แล้วจึงเชิญพวกพระวงศ์พงศ์กษัตริย์ | ให้จังหวัดทุกพระองค์เผ่าพงศา |
ให้เสด็จเรือที่นั่งอลังการ์ | ที่จัดมารีบไปในนคร ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ | ชวนพระญาติบพิตรอดิศร |
เสด็จลงเรือที่นั่งอลังกรณ์ | โห่สะท้อนเรือกระบวนทั้งทวนธง |
ก็เซ็งแช่แตรสังข์ประดังเสียง | ก้องสำเนียงดั้งกันสุวรรณหงส์ |
พายแห่ห้อมล้อมบัลลังก์ที่นั่งทรง | กระบวนตรงมาหยุดพักตำหนักแพ |
เชิญพระวงศ์ทรงศักดิ์พักประทับ | พวกบกรับขึ้นไปไม่ห่างแห |
ฝ่ายเสนีสี่หมู่คอยดูแล | มาอัดแอรถรัตน์อัสดร |
ทั้งเครื่องสูงยืนเรียงเคียงสลับ | ดูคั่งคับตามหมู่ดูสลอน |
ทั้งธงเทียวเขียวแดงแย่งมังกร | ธนูศรเสโล่โตมรา |
ทั้งปี่กลองสองข้างวางระยะ | กลองชนะเรียงรายทั้งซ้ายขวา |
ทั้งพิณพาทย์ดีดสีปี่ชวา | แต่บรรดาเกณฑ์แห่แซ่สำเนียง |
แล้วเชิญองค์พงศ์กษัตริย์ขึ้นทรงรถ | พร้อมกันหมดสังข์แตรเซ็งแซ่เสียง |
กลองชนะดีดสีปี่จำเรียง | ประสานเสียงก้องดังกังสดาล |
กระบวนหน้ามีม้าเดินนำริ้ว | แลเป็นทิ้วธงทวนล้วนทหาร |
ถึงนิเวศน์เขตแคว้นแสนสำราญ | พวกทหารปืนเรียงเคียงกันไป |
พอรถทรงหยุดประทับคำนับน้อม | ขุนนางพร้อมหมอบเรียงเคียงไสว |
วายุพัฒน์เชิญปวะเวศเสร็จข้างใน | ปรางค์ชัยพร้อมพระวงศ์พงศ์ประยูร |
ตั้งเครื่องอานพานทองของเสวย | ทั้งนมเนยสำหรบไทเจ้าไอศูรย์ |
เครื่องคาวหวานสารพันอันจำรูญ | เชิญประยูรภูวไนยอัยกา |
ให้เสวยเนยนมขนมหวาน | เครื่องตระการหลายอย่างต่างภาษา |
แต่ล้วนของเอมโอชโภชนา | กษัตราเสร็จสบายอยู่หลายวัน ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระนัดดาวายุพัฒน์ | เข้าแท่นรัตน์ราชัยไอศวรรย์ |
ให้นุชนาฏศศิธรจรจรัล | ไปอภิวันท์ภูวนาถพระญาติวงศ์ |
ฝ่ายโฉมฉายให้ละอายระคายเขิน | ทั้งหมางเมินคิดในใจไม่ประสงค์ |
อายผมเผ้าเศร้าอารมณ์ไม่สมทรง | มันเวียนวงยุ่งยิ่งเหมือนลิงไพร |
จึ่งทูลว่าข้าแต่องค์พระทรงเดช | จงโปรดเกศกรุณาอัชฌาสัย |
น้องอายองค์กษัตรามาแต่ไกล | เพราะว่าไม่เหมือนกับเขาชาวบุรี |
วายุพัฒน์ตรัสว่าถ้าเช่นนั้น | เอาแพรพันเสียให้มิดปิดเกศี |
แม้นใครถามจงแถลงแจ้งคดี | ว่าเกศรีให้ระบมเป็นลมตะกัง |
นางเห็นชอบทูลตอบพระสามิศ | ช่างทรงคิดถูกอารมณ์สมเหมือนหวัง |
พระคิดดีชี้ช่องให้น้องฟัง | ลุกไปนั่งส่องกระจกโพกแพรดำ |
แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส | คาดเข็มขัดลายลงยาเลขาขำ |
ใส่สะอิ้งเรืองรองล้วนทองคำ | ดูคมขำพริ้งพร้อมไม่ผอมพี |
พลางออกจากปรางค์มาศราชฐาน | ตามภูบาลไปประณตบทศรี |
บังคมองค์พงศ์กษัตริย์สวัสดี | พระภูมีปราศรัยในอนงค์ |
อันปู่นี้พึ่งได้มาพาราหลาน | ก็สำราญชื่นชมสมประสงค์ |
มาพบแต่หนอเนื้อในเชื้อวงศ์ | สมประสงค์จะได้รักรู้จักกัน |
นางนบนอบตอบสนองขอรองบาท | ภูวนาถอัยกาจนอาสัญ |
แล้วนางจึ่งกราบก้มบังคมคัล | พระทรงธรรม์อวยชัยให้เจริญ |
จงสุขังมังคลาเป็นผาสุก | นิราศทุกข์ยศยงอย่างหงส์เห็น |
ครองพิภพราชัยให้จำเจริญ | จงเพลิดเพลินในสมบัติกษัตรา |
ทั้งสององค์ทรงรับพระพรแล้ว | ก็ผ่องแผ้วแสนโสมนัสา |
ศิโรราบกราบก้มบังคมลา | พากันมาปรางค์ทางทั้งสององค์ |
หกกษัตริย์นัดดาทั้งอาหลาน | แสนสำราญชื่นชมสมประสงค์ |
จะกลับยังเวียงชัยดังใจจง | จึ่งลาองค์ไทท้าวเจ้านคร |
กับวายุพัฒน์นัดดาว่ามาอยู่ | ทั้งอาปู่ก็เป็นสุขสโมสร |
จะพามังคลาเข้าเฝ้าบิดร | ให้ภูธรทราบเรื่องหายเคืองกัน ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลาวายุพัฒน์ | เธอจึ่งตรัสเรียกเหล่านางสาวสรรค์ |
ไปบอกกรมแสงข้างหน้าเข้ามาพลัน | เชิญพระขรรค์เข้ามาอย่าช้าที |
นางสาวใช้รีบออกไปแล้วแจ้งเหตุ | ว่าทรงเดชผู้บำรุงซึ่งกรุงศรี |
ให้เชิญพระขรรค์ไปถวายในบูรี | อย่าช้าทีไวไวไปในวัง |
กรมแสงหยิบพระขรรค์รีบผันผาย | ไปถวายท้าวไทดั่งใจหวัง |
วายุพัฒน์รับพระขรรค์ขึ้นบัลลังก์ | ถวายมังคลาพลันด้วยทันที |
เมื่อแรกเริ่มเดิมข้าได้ว่าไว้ | แม้นพาไปน้อมประณตบทศรี |
ทั้งสององค์พงศ์กษัตริย์สวัสดี | พระอัยกีอัยกาดั่งว่าวอน |
ก็สมดั่งปราถนาเหมือนว่าไว้ | หลานจึ่งให้แก่บพิตรอดิศร |
จงรับไปปราบประจาให้ถาวร | ครองนครให้เป็นสุขสิ้นทุกข์ภัย |
พระมังคลาสรรเสริญเจริญยศ | ให้ปรากฏยืนยงอสงไขย |
ห้ากษัตริย์ตรัสตอบว่าขอบใจ | พ่อนี้ใจซื่อแท้ไม่แชเชือน |
จึ่งตรัสกับมังคลานราราช | จงรักญาติรักวงศ์ให้จงเหมือน |
ตั้งแต่นี้ดีให้แน่อย่าแชเชือน | ทำให้เหมือนวายุพัฒน์เขาสัตย์ธรรม์ |
พระมังคลากราบก้มบังคมบาท | จะรักญาติไปจนกว่าจะอาสัญ |
ด้วยสัตย์ซื่อถือวงศ์ตรงต่อกัน | เชิญทรงธรรม์รู้เห็นเป็นพยาน |
ถ้าแม้นไม่ซื่อตรงต่อวงศา | ขอเทวาผู้เป็นเจ้าจงเผาผลาญ |
ครั้นเสร็จเรื่องตั้งสัตย์ปฏิญาณ | พระผู้ผ่านรมจักรนัครินทร์ |
กับกษัตริย์ห้าพระองค์ในวงศ์ญาติ | จากปราสาทจะกลับหลังดังถวิล |
พอจงอยู่สุขาอย่าราคิน | ครองแผ่นดินลาภยศปรากฏไป ฯ |
๏ สินสมุทรภุชพงศ์เธอทรงตรัส | กับวายุพัฒน์ลูกยาอัชฌาสัย |
มีทุกข์ร้อนเหตุการณ์สถานใด | จงบอกไปทุกพาราบรรดาวงศ์ |
สุดสาครมังคลาบรรดาญาติ | สั่งพระราชนัดดาตามความประสงค์ |
จะต้องการสิ่งใดในใจจง | อาจะส่งมาให้เหมือนใจปอง |
วายุพัฒน์กราบก้มประนมหัตถ์ | แล้วมาจัดรถสุวรรณผันผยอง |
ทั้งเกณฑ์แห่แตรสังข์นั่งสำรอง | โดยทำนองพร้อมพรั่งเหมือนอย่างเดิม |
เชิญเสด็จทุกพระองค์ขึ้นทรงรถ | พร้อมกันหมดวงศาปรีชาเฉลิม |
เดินกระบวนพร้อมพรั่งเหมือนอย่างเดิม | เครื่องเฉลิมเกียรติยศหมดทุกองค์ |
เสด็จถึงเมืองด่านชานสมุทร | ทรงเรือครุฑไปกำปั่นสุวรรณหงส์ |
ให้ใช้ใบแล่นลัดตัดทางตรง | ลมก็ส่งพัดมาในสาคร |
ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพ่อตากับวายุพัฒน์ | ส่งกษัตริย์บพิตรอดิศร |
แล้วเสด็จกลับหลังยังนคร | ขึ้นบรรจถรณ์ที่สถิตอิศรา ฯ |
๏ หกกษัตริย์แล่นไปในสมุทร | ไม่ยั้งหยุดพร้อมกันต่างหรรษา |
เอาเข็มตั้งจำเพาะเกาะลังกา | พระพายพาแรงจัดสะบัดใบ |
เรือก็แล่นราวกับม้าอาชาชาติ | ล่วงลีลาศข้ามมหาชลาไหล |
ชมมัจฉาเกาะแก่งทุกแห่งไป | ก็ใช้ใบจนกระทั่งถึงลังกา |
พวกพหลคั่งคับรับเสด็จ | พร้อมกันเสร็จแห่แหนดูแน่นหนา |
เข้าประทับยับยั้งอยู่ลังกา | พระสุดสาครให้เลี้ยงทุกเวียงชัย |
แต่บรรดาข้าทูลละอองบาท | อย่าให้ขาดตามโองการเราขานไข |
ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จขึ้นข้างใน | แล้วสั่งให้จัดเครื่องอันเรืองรอง |
เสาวคนธ์มณฑายุพาพักตร์ | แต่งตำหนักหลังใหญ่ไว้ทั้งสอง |
ให้คนไปปูลาดกวาดละออง | ไว้รับรองวงศ์กษัตริย์ขัตติยา |
สุลาลีเจ้าเป็นผู้ไปดูเครื่อง | ถวายเบื้องบทเรศพระเชษฐา |
กับพระปิ่นรมจักรนัครา | แต่บรรดาวงศ์กษัตริย์เร่งจัดการ |
สุลาลีอภิวันท์แล้วผันผาย | มาสั่งนายเครื่องใหญ่ในราชฐาน |
แล้วจึ่งเรียกพวกฝรั่งมาสั่งการ | ทั้งคาวหวานมีต่างต่างที่อย่างดี |
เอาพวกเจ๊กไหหลำทำเกาเหลา | นางสาวสาวสัดทัดให้ขัดสี |
เครื่องถ้วยชามน้ำทองของที่ดี | เอาใส่ที่ถาดสุวรรณอันบรรจง |
แล้วให้ตั้งโต๊ะใหญ่ในปราสาท | เอาผ้าลาดปัดป้องละอองผง |
ตั้งเก้าอี้ลายสุวรรณอันบรรจง | ถ้วนทุกองค์แต่บรรดามาด้วยกัน |
แล้วเรียกของมาวางตั้งสำรับ | เครื่องสำหรับสารพัดล้วนจัดสรร |
ทั้งส้อมช้อนมีดคร่ำด้ามสุวรรณ | ให้จัดสรรพร้อมเสร็จสำเร็จการ ฯ |
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ | ไปเชิญญาติให้เสวยกระยาหาร |
เสด็จมาพร้อมทุกองค์พระวงศ์วาน | พนักงานเชิญเครื่องวางเบื้องบน |
ทั้งเป็ดไก่หมูหันพรรณลูกไม้ | เอาจัดใส่สารพัดไม่ขัดสน |
ทั้งเกาเหลาวางระยะไม่ปะปน | พวกเครื่องต้นแต่งใส่หลายประการ |
ครั้นจะว่าร่ำไรในกับข้าว | ก็ยืดยาวมากมายหลายสถาน |
ขอตัดเรื่องกินอยู่ดูรำคาญ | มันป่วยการไม่ประเทืองที่เรื่องกิน |
แต่ต้องว่าชี้แจงแห่งละน้อย | ลำดับถ้อยตามดำริอย่าติฉิน |
จะว่าคนผู้เฉลยไม่เคยกิน | ประเทศถิ่นทุกภาษาพยายาม |
อันเรื่องกินก็เป็นใหญ่ในมนุษย์ | แต่ขอหยุดยกไว้อย่าไต่ถาม |
เป็นสิ้นเรื่องเลี้ยงกันเสร็จสำเร็จความ | จะกล่าวตามทางไปในอรัญ ฯ |
๏ หกกษัตริย์สุริย์วงศ์ขึ้นทรงรถ | พร้อมกันหมดแห่ไปในไพรสัณฑ์ |
ชมลำเนาเขาเขินเนินอรัญ | เป็นช่องชั้นเชิงชะง่อนก้อนศิลา |
ที่โปร่งปล่องช่องชั้นฉงั่นชะโงก | เป็นกรวยโกรกถ้ำธารละหานผา |
ที่เขียวขำดำพร้อยย้อยลงมา | ล้วนศิลาเถาวัลย์พันเป็นเกลียว |
ไม้รวกรากฝากหินมีดินเกาะ | ดูจำเพาะแลชอุ่มเป็นพุ่มเขียว |
บ้างแตกหน่อหนุนขึ้นรุ่นเรียว | เป็นลำเขียวงอกบนเขาลำเนาเนิน |
ทั้งไม้ดอกงอกงามตามวิถี | ฝูงปักษีโผผินบ้างบินเหิน |
แก้วกุหลาบกรรณิการ์บนหน้าเนิน | ตามทางเดินหอมฟุ้งจรุงใจ |
ทั้งฝูงสัตว์จัตุบาทวิ่งกลาดกลุ้ม | แอบสุมทุมค่างลิงวิ่งไสว |
กระต่ายเต็นเม่นหมีชะนีไพร | เหนี่ยวกิ่งไม้โยนตัวเรียกผัวโวย |
เห็นสุริยาสายัณห์ตะวันคล้อย | ชะนีน้อยเรียกคู่หวิวหวูโหวย |
รำลึกได้ใจถวิลร้องดิ้นโดย | เที่ยวห้อยโหยต่ายวิ่งบนกิ่งยาง |
ละมั่งละมาดผาดเผ่นเลียงผาผยอง | กวางคะนองทรายเนื้อแลเสือสาง |
ทั้งหมีเม่นเผ่นผงาดวิ่งกลาดทาง | ฝูงลิงค่างโลดโผนโจนทะยาน |
กระจงจามรีสิงหนัศ | เล็มระบัดเส้นหญ้าเป็นอาหาร |
กระแตตุ่นมุ่นพงในดงดาน | สุกรฟานกาสรลงนอนแปลง |
สิงโตเต้นแผ่นผยองลำพองหาง | ฝูงแรดช้างพลายพังเที่ยวบังแฝง |
เห็นผู้คนเดินวัดวิ่งลัดแลง | เข้าแอบแฝงป่าไม้ในไพรวัน |
หกกษัตริย์ทัศนาป่าระหง | ประดู่ดงกรวยกร่างกะทังหัน |
พะยอมยางรางแดงแสลงพัน | พิกุลพิกันกันเกราะสะเดาดง |
กระทึงกระทุ่มดุมกาเพกากระถิน | อินทนิลจันคนทามหาหงส์ |
เสลาสล้างลางลิงมะปริงปรง | ต้นคันทรงทรงบาดาลกระวานไพร |
ทั้งเต็งแต้วตาตุ่มมะตูมตาด | มะเหียงมะหาดลงเรียงเคียงไสว |
ทั้งจิกแจงจวงจันทน์เป็นหลั่นไป | มะเฟืองมะไฟรกฟ้าต้นขานาง |
ตะขบข่อยแคมะค่าต้นตาเสือ | มะกล่ำมะเกลือกะโดนดินทั้งฝิ่นฝาง |
ตะเคียนเคี่ยมคนธาขานกยาง | มะขามคางแคแกรแลเป็นทิว |
บ้างผลิดอกออกผลต้นระย้า | พระพายพาพัดเรื่อยมาเฉื่อยฉิว |
หอมตลบอบออกเกสรปลิว | ระเรื่อยฉิวเรณูฟูขจร |
พลางเร่งรถรีบมาในป่าชัฏ | ต้องหลีกลัดไปตามทางข้างสิงขร |
พอสุริยงลงลับยุคุนธร | พระจันทร์จรแจ่มฟ้าดาราราย |
ถึงที่ทางกลางย่านก็หยุดพัก | มาพร้อมพรักพลไกรไพร่ทั้งหลาย |
หกกษัตริย์ขึ้นพลับพลาเสนานาย | ต่างถวายเครื่องเสวยทั้งเนยนม |
ผลไม้นานาโอชารส | ล้วนของสดหวานมันพรรณขนม |
หกกษัตริย์เสร็จเสวยเลยประทม | เป็นนิคมคามเขตคุ้มเภทภัย |
รักษาองค์พระมุนินทร์ปิ่นกษัตริย์ | ในจังหวัดปากทางหว่างไศล |
ตั้งทำมาหากินอยู่ถิ่นไพร | ทั้งนาไร่มีมากไม่ยากจน ฯ |
๏ จะกล่าวถึงพระอภัยวิไลลักษณ์ | เสด็จสำนักกุฏิ์ใหญ่ในไพรสณฑ์ |
บำเพ็ญเพียรมัธยัสถ์ตัดกังวล | ทั้งสวดมนต์ภาวนาสมาทาน |
เทศนาสอนสั่งคนทั้งหลาย | ได้สบายดับทุกข์สนุกสนาน |
แสวงผลทางกสิณอภิญญาณ | หมายนิพพานฟากฟ้าสุราลัย |
แต่บรรดาฤๅษีที่เป็นศิษย์ | สำรวมกิจหมดทุกองค์ไม่หลงใหล |
ทั้งโทโสโมหะสละไป | ตัดห่วงใยเหย้าเรือนเพื่อนศาลา |
ถือเอาธรรมกรรมฐานการกุศล | หวังให้พ้นสมุทัยในตัณหา |
คิดตัดรอนผ่อนผันด้วยปัญญา | ฟังเทศนาที่พระองค์ทรงแสดง ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ปิ่นฤๅษี | ครั้นราตรีเย็นพยับล่วงลับแสง |
พวกนั่งยามตามไต้จุดไฟแดง | สว่างแสงทั่วไปในกุฎี |
พวกปรนนิบัติพัดน้ำชาสุธารส | ถวายหมดโดยจำนงองค์ฤๅษี |
ทั้งน้ำตาลหวานมันขยันดี | ให้ฤๅษีฉันสำหรับกับน้ำชา |
ครั้นเสร็จกิจต่างครรไลไปอยู่กุฏิ์ | แล้วก็จุดเทียนธูปทั้งบุปผา |
สำรวมกิจจิตตั้งภาวนา | โดยศรัทธาครัดเคร่งบำเพ็งเพียร |
ค่ำวันนั้นวัณฬานางดาบส | เจริญพรตครัดเคร่งอยู่เก๋งเขียน |
คิดสลัดตัดราคาค่อยพากเพียร | ไม่วนเวียนตั้งมั่นในขันตี |
พอหลับลงทรงสุบินนิมิต | ว่านักสิทธ์มาแต่ป่าพนาศรี |
มีหัตถาชูช่วงดวงมณี | ตรงมาที่พระบรรณศาลา |
แล้วยื่นให้โฉมยงก็ทรงรับ | กระจ่างจับวรกายทั้งซ้ายขวา |
นางพลิกฟื้นตื่นในที่ไสยา | พอเวลาแจ่มแจ้งแสงอุทัย |
ก็ออกจากกุฎีที่สถิต | สำรวมกิจไปแจ้งแถลงไข |
กับสุวรรณมาลีที่ข้างใน | พลางปราศรัยสนทนาประสาชี ฯ |
๏ ฝ่ายละเวงวัณฬานางดาบส | น้อมประณตตามจริตกิจฤๅษี |
แล้วจึ่งเล่าเรื่องฝันไปทันที | เชิญพระพี่ทำนายทายสุบิน |
แล้วจึ่งเล่าเรื่องยุบลแต่หนหลัง | ให้เธอฟังโดยในพระทัยถวิล |
ฝ่ายสุวรรณมาลายุพาพิน | ได้ทราบสิ้นความฝันของวัณฬา |
จึ่งว่าแม่มาไปเฝ้าพระดาวบส | ให้ทรงยศทำนายทายเถิดหนา |
ทั้งสุวรรณมาลีชีวัณฬา | ตามกันมาเฝ้าองค์พระทรงญาณ |
ทูลแถลงแจ้งข้อสุบินนิมิต | ให้ทรงฤทธิ์ทราบแต่ต้นจนอวสาน |
ฝ่ายพระองค์ทรงศีลอภิญญาณ | ก็แจ้งการในสุบินสิ้นทั้งปวง |
พระทำนายทายว่าจินดาเดช | ผู้วิเศษเอามาให้ลาภใหญ่หลวง |
บุตรที่พรากจากไปได้แก่ดวง | มณีช่วงแสงสว่างกระจ่างตา |
ได้แก่บุตรของเจ้าอย่าเร่าร้อน | จะมางอนง้อวงศ์เผ่าพงศา |
อันนักสิทธ์ฤทธิไกรให้จินดา | พวกวงศาน้ำเนื้อในเชื้อวงศ์ |
คงจะนำมังคลามาที่นี่ | ให้วันนี้โดยในใจประสงค์ |
จะได้สืบเชื้อประยูรสกูลวงศ์ | เป็นมั่นคงเหมือนกับคำเราทำนาย |
ดาบสินีชีสองประคองหัตถ์ | ฟังพระตรัสจึ่งประมูลทูลถวาย |
เหมือนพระองค์ทรงธรรม์บรรยาย | ก็จะวายรบพุ่งทั้งกรุงไกร |
ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ปิ่นฤๅษี | เสด็จไปที่กุฎีทองอันผ่องใส |
อันเผือกมันพรรณผลามาแต่ไพร | ตามวิสัยนักสิทธ์จิตจำนง ฯ |
๏ จะกล่าวถึงหกกษัตริย์ที่หยุดพัก | ในสำนักพลับพลาป่าระหง |
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงพระสุริยง | ก็สระสรงสรรพเสร็จสำเร็จการ |
ขึ้นทรงรถหมดทุกองค์พงศ์กษัตริย์ | ให้รีบรัดเสด็จไปในไพรสาณฑ์ |
พวกเสนาแห่แหนแสนสำราญ | เหล่าทหารจัตุรงค์เดินตรงไป |
ตามท้องแถวมรรคาพนาเวศ | ก็เข้าเขตสิงคุตรสิงขรไศล |
ระรื่นรินกลิ่นบุปผาสุมาลัย | ดวงดอกไม้หล่นกลาดลงดาดดง |
ประยงค์แย้มแกมสุกรมนมสวรรค์ | มะลิวัลย์มะลิลาแก้วกาหลง |
ทั้งคัดเค้ากฤษณาจำปาดง | มหาหงส์หางนกยูงพุ่งขจร |
ทั้งสาวหยุดพุดแซมแกมยี่สุ่น | พิกันพิกุลโรยร่วงพวงเกสร |
เสาวรสรสสุคนธ์ปนขจร | ต้นรักซ้อนซ่อนกลิ่นระรินโรย |
สารภียี่เข่งเบญจมาศ | บุนนาคดาดเกดลำดวนหอมหวนโหย |
แถวนางแย้มแกมสุกรมต้นยมโดย | พระพายโชยชื่นใจในไพรวัน |
ถึงสิงคุตรกุฎีที่ประทับ | ดูคั่งคับพวกพหลพลขันธ์ |
พระเสด็จลงจากรถหมดด้วยกัน | พร้อมแต่บรรดาอาณาประชากร |
เข้าอาศัยในประเทศเขตบรรพต | พร้อมกันหมดในศาลาหน้าสิงขร |
หกกษัตริย์ลงจากรถบทจร | เลียบสิงขรเสด็จเข้าไปในกุฎี ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศีลมุนินทร์นาถ | เห็นพระญาติมาประณตบทศรี |
จึ่งจรจรัลจากพระคันธกุฎี | ออกนั่งที่โรงฉันอันบรรจง |
พระปราศรัยในตระกูลประยูรญาติ | ต่างอภิวาทชื่นชมสมประสงค์ |
ฝ่ายพระจอมนักสิทธ์บิตุรงค์ | จึ่งถามองค์มังคลาด้วยปรานี |
ว่าเหตุผลเป็นอย่างไรจึงได้กลับ | มาคำนับญาติวงศ์องค์ฤๅษี |
พระเจ้าอาทูลแถลงแจ้งคดี | ให้พระมุนีทรงฟังแต่หลังมา ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายนารีชีทั้งสอง | ออกจากห้องมาประนมก้มเกศา |
องค์พระจอมมุนินทร์ปิ่นประชา | แล้วจึ่งปราศรัยพระองค์ที่ทรงแคลง ฯ |
๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช | ไปกราบบาทสองพระองค์ทรงกันแสง |
ลูกได้ผิดคิดหมายทำร้ายแรง | เพราะเขาแกล้งจะให้ขาดญาติวงศ์ |
ที่ผิดพลั้งครั้งไรพระได้โปรด | ประทานโทษเพราะว่าเหลิงละเลิงหลง |
ตั้งแต่นี้จะสมัครรักพระวงศ์ | แม้นมิตรงตามสัตย์ปัฏิญาณ |
ให้เทวาอารักษ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ | มาปลดปลิดชีวังสิ้นสังขาร |
เหมือนอย่างคำให้สัตย์ปัฏิญาณ | ขอพระมารดาโปรดที่โทษกรณ์ ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นฤๅษี | กับสองชีทรงฟังแล้วสั่งสอน |
บรรดาญาติจงไปขอไปง้องอน | กาลแต่ก่อนทำชั่วให้มัวมน |
พระมังคลากราบก้มประนมสนอง | โดยทำนองสารพัดไม่ขัดสน |
ศรีสุวรรณจึงประมูลทูลยุบล | อันสิงหลลังกาพาราเดิม |
จะขอให้มังคลากลับมาอยู่ | เป็นหมวดหมู่ตามวงศ์ช่วยส่งเสริม |
สุดสาครรัตนาพาราเดิม | ไปพูนเพิ่มครองอาณาประชาชน ฯ |
๏ ฝ่ายพระมิ่งมังคลานราราช | พลางกราบบาททูลแถลงแห่งนุสนธิ์ |
ขอไปอยู่นคเรศเพชรกำพล | เพราะผู้คนมั่งคั่งทั้งบุรินทร์ |
แล้วก็มีคนรู้ผู้วิเศษ | ในประเทศกว้างใหญ่ดั่งใจถวิล |
แล้วท้าวเจ้านิเวศน์เกศบุรินทร์ | เมื่อจะสิ้นชีวงปลงประทาน |
ให้ครอบครองสวรรยาราชาภิเษก | เป็นองค์เอกขัตติยามหาศาล |
ได้คำนับรับรสพจมาน | ปฏิญาณว่าจะอยู่คู่นคร ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมมุนีฤๅษีสิทธ์ | ว่าตามจิตจงภิญโญสโมสร |
โบราณว่าปลูกเรือนอยู่ผูกอู่นอน | ต้องว่าวอนไปตามอย่างทางโบราณ |
สุขที่ไหนต้องไปอยู่ตามถิ่น | อันแดนดินทั่วประเทศเขตสถาน |
แม้นอยู่ไหนสุโขมโหฬาร | ก็เป็นการมงคลพ้นศัตรู |
ไม่ขืนใจให้ลำบากยากแก่เจ้า | บิดาเล่าก็ชราทั้งตาหู |
ให้มืดมัวแต่จะออกนอกประตู | ต่อเป็นครู่จึ่งสว่างเห็นทางเดิน |
อนิจจาสังขารลูกหลานรัก | อย่าหลงนักพาวิตกระหกระเหิน |
อันตัณหามิได้ทำให้จำเริญ | ใครเพลิดเพลินตามใจในสันดาน |
อันรูปรสบทเบื้องเครื่องสัมผัส | พาให้สัตว์เวียนวงในสงสาร |
อันราคร้อนที่ในทรวงคือบ่วงมาร | คอยเผาผลาญให้ระอาเป็นบ้ากาม |
จงปลงจิตคิดในพระไตรลักษณ์ | จะประจักษ์มั่นคงในองค์สาม |
นิราศทุกข์สุขาพยายาม | คงมีความวัฒนาในสามัญ |
พระสอนสั่งมังคลาบรรดาญาติ | ให้โอวาทแต่ล้วนจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
หกกษัตริย์กราบก้มบังคมคัล | พักอยู่บรรณศาลาสองราตรี |
แล้วทูลลากลับหลังยังนิเวศน์ | พระทรงเพศบรรพชิตกิจฤๅษี |
ประทานพรให้พิพัฒน์สวัสดี | จงเปรมปรีดิ์สุขสวัสดิ์กำจัดภัย |
ดาบสินิชีละเวงวัณฬาสมร | ถวายพรกษัตริย์อัชฌาสัย |
ทั้งสุวรรณมาลีศรีวิไล | ถวายชัยพวกประยูรสกูลวงศ์ |
หกกษัตริย์มัสการสองนักสิทธ์ | มาสถิตรถาเข้าป่าระหง |
ให้คลายคลี่พวกพหลพลณรงค์ | เสด็จตรงเข้านิเวศน์เขตลังกา ฯ |