ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง

๏ ฝ่ายตาเฒ่าสังฆราชพระบาทหลวง ให้แล่นล่วงเลียบมหาชลาสินธุ์
ถึงเมืองไหนให้เข้าอ่าวบุรินทร์ ประเทศถิ่นแต่บรรดาชายสาคร
เอาเรื่องราวศาสนาเที่ยวว่ากล่าว ทุกแดนด้าวขึ้นไปตั้งแต่สั่งสอน
แต่เกลี้ยกล่อมได้เสร็จเจ็ดนคร ทำเหมือนก่อนคิดแต่การข้างมารยา
แม้นเมืองไหนเขาไม่รับไม่นับถือ แกเขียนชื่อแช่งชักไว้หนักหนา
ทำเป็นธงปักไว้ชายคงคา ใครไปมาจะได้ดูให้รู้การ
แล้วใช้ใบไปทางข้างพายัพ แกบังคับต้นหนพลทหาร
ให้แล่นล่องหาในท้องชโลธาร กำหนดนานตั้งแต่มาถึงห้าปี ฯ
๏ จะขอกล่าวราวเรื่องเมืองโรมพัฒน์ เจ้าจังหวัดแขกเทศเชื้อเศรษฐี
เป็นเมืองใหญ่ในจังหวัดปัถพี เขามั่งมีมั่งคั่งทั้งนคร
ทุกประทศเขตขัณฑ์ย่อมครั่นคร้าม ปรากฏนามโกสัยมไหสร
มเหสีงามขำล้ำกินนร นามกรบุษบันกัลยา
มีบุตรีศรีสำอางดังนางหงส์ ชื่อบุษบงทรงเทพเลขา
พึ่งแรกรุ่นผิวผ่องดั่งทองทา ชันษาได้สิบสี่ปีมะแม
ท้าวโกสัยบิตุเรศเกศกษัตริย์ ให้เลือกจัดหญิงสำอางดั่งดวงแข
เป็นพี่เลี้ยงเคียงคู่คอยดูแล จัดเอาแต่ลูกผู้ดีมีตระกูล
ไว้ถนอมกล่อมเกล้าเยาวลักษณ์ ให้สมรักสมใคร่เจ้าไอศูรย์
ให้อยู่ปรางค์สร้างใหม่อันไพบูลย์ พร้อมประยูรญาติวงศ์ดำรงวัง ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายมังคลานราราช กับครูบาทหลวงไปดั่งใจหวัง
อยู่ในท้ายบาหลีมู่ลี่บัง ชวนกันนั่งดูตำราปรึกษากัน
คิดจะไปตีลังกาให้ปรากฏ เฉลิมยศเอาให้ได้ไอศวรรย์
เคยเป็นใหญ่ในนิเวศน์ขอบเขตคัน คนทั้งนั้นเลื่องลือนับถือกู
มาตกอับยับเยินต้องเหินห่าง เที่ยวอยู่กลางสาครจนอ่อนหู
แกนั่งตรึกนอนตรองหาช่องคู พระเยซูช่วยดำรงให้คงคืน
จะได้ตั้งศาสนาให้ผาสุก บรรเทาทุกข์ในอุราไม่ฝ่าฝืน
จะกำจัดไพรีตีเอาคืน จับแต่พื้นเผ่าพงศ์วงศ์อภัย
มาฆ่าเสียมิให้เหลือเอาเนื้อเลือด มาฉะเชือดทิ้งให้กาไม่ปราศรัย
ได้สมกับที่มันทำกูช้ำใจ เอาให้ได้เมืองลังกาเหมือนอาวรณ์
เรือก็แล่นมาในทางกลางสมุทร ไม่ยั้งหยุดเลียบมาข้างหว่างสิงขร
ลมก็ส่งตรงไปใกล้นคร เห็นสันดอนโรมพัฒน์สวัสดี
ฝ่ายต้นหนคนท้ายก็บ่ายเข้า พอรุ่งเช้าเรียกหากะลาสี
ได้ซาใบทอดท่าหน้าบุรี เสียงอึงมี่ทอดสมอลดช่อใบ ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายเรือตระเวนเห็นกำปั่น ก็ชวนกันแล่นมาถามตามสงสัย
ท่านมาจากเมืองบ้านสถานใด หรือจะไปค้าขายในบุรินทร์ ฯ
๏ พวกชวาส่งภาษาบอกให้รู้ ว่าท่านครูพระฝรั่งหวังถวิล
ไปเที่ยวสอนศาสนาทุกธานินทร์ ให้เพิ่มภิญโญยศปรากฏนาม
ด้วยเมตตาการุญถึงบุญบาป ไม่หยามหยาบโฉงเฉงอย่าเกรงขาม
เที่ยวไปสอนศาสนาพยายาม เพราะมีความเวทนาในสามัญ ฯ
๏ เรือตระเวนแจ้งความที่ถามไต่ ก็รีบไปแจ้งคดีขมีขมัน
กับนายด่านกรมท่าเสนาพลัน ว่ากำปั่นพระฝรั่งเมืองลังกา
ข้าพเจ้าออกไปถามได้ความชัด มาโปรดสัตว์แสดงเหตุเทศนา
ให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกทิวา ไม่ปรารถนาเงินทองของผู้ใด
นายด่านฟังสั่งเสมียนให้เขียนบอก แล้วคัดลอกความลงไม่สงสัย
ประทับตราพร้อมกันในทันใด เรียกมาใช้สั่งกำชับรับไปพลัน
แล้วรีบรัดอัสดงให้ถอนถีบ พลางเร่งรีบเข้าไปถึงไอศวรรย์
เอาส่งให้กรมท่าเสนาพลัน บอกสำคัญทูลท้าวเจ้านคร ฯ
๏ เสนารับเรื่องราวเข้านิเวศน์ คอยปิ่นเกศจะถวายลายอักษร
ฝ่ายจอมเจ้านครินทร์ปิ่นนคร เสด็จจรจากมนเทียรวิเชียรพราย
ออกพระโรงท่ามกลางขุนนางพร้อม ประณตน้อมคลี่สารอ่านถวาย
ให้ทราบเรื่องเบื้องต้นไปจนปลาย โดยภิปรายพระฝรั่งเมืองลังกา ฯ
๏ ท้าวโกสัยสุริย์วงศ์ทรงสดับ จึงตรัสกับเสนีที่ปรึกษา
เขาลือว่าพวกฝรั่งเมืองลังกา ใครคบหามันไว้ไม่ได้การ
แต่จะมายับยั้งก็ชั่งเถิด อย่าให้เกิดอื้อฉาวจะร้าวฉาน
มันชาติคนงอแงเหมือนแหพาน ไม่ต้องการจะให้ยากลำบากคน
ก็รู้อยู่ว่ามันเบียนเป็นเสี้ยนหนาม จะคุกคามเล่าก็เห็นไม่เป็นผล
อันพวกพ้องมันจะมีสักกี่คน จะมาปล้นเมืองบ้านสถานใด
เราไม่กลัวฝรั่งสังฆราช มีอำนาจไกรเกรียงสักเพียงไหน
คงจะรู้แยบยลในกลไก จะลงไปฟังดูให้รู้การ
ท้าวจึงสั่งเสวกาพฤฒามาตย์ ให้หมายบาดพวกพหลพลทหาร
ทั้งรถรัดอัสดรกุญชรชาญ จงเตรียมการไว้แต่เช้าเราจะไป
สนทนากับฝรั่งสังฆราช ดูโอกาสกิริยาอัชฌาสัย
ที่เมืองด่านธารท่าชลาลัย เสนาในน้อมคำนับรับโองการ ฯ
๏ ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นปราสาทรจนามุกดาหาร
ขุนเสนาทุกตำแหน่งไปแต่งการ เตรียมทหารถ้วนทั่วทุกตัวคน
ครั้นเช้าตรู่สุริโยวโรกาส ก็ยุรยาตรกระบวนบกยกพหล
จัตุรงค์เสนาพลางพล ถึงตำบลเมืองด่านชานบุรี
หยุดประทับพลับพลาที่หน้าป้อม ขุนนางพร้อมน้อมประณตบทศรี
บาทหลวงรู้ว่าท่านท้าวเจ้าบุรี ก็ยินดีออกมารับคำนับพลาง ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย จึงถามไต่ผ่อนผัดไม่ขัดขวาง
ตามประเพณีนครแต่ก่อนปาง โดยเยี่ยงอย่างทางความตามโบราณ
บาทหลวงเฒ่าเจ้าอุบายเหมือนควายเชื่อง ทำเซื่องเซื่องผันผ่อนพูดอ่อนหวาน
แต่ใจจิตคิดไม่เว้นจะเล่นงาน เห็นอาการเขายังตั้งระวังตัว
แม้นนานไปพลาดท่าเหมือนปลานก จะคอยฉกให้ถนัดจับตัดหัว
ถึงจะดีมาอย่างไรกูไม่กลัว ได้พันพัวเข้าเมื่อไรแล้วไม่ฟัง
การอุบายหลายอย่างในทางหลอก ทั้งในนอกคิดไว้เหมือนใจหวัง
แม้นไม่ดิ้นอยู่กับที่กูมิฟัง ให้เหมือนตังคิดตัวทั่วนคร ฯ
๏ แล้วไถลเถ่ถามตามประสงค์ ซึ่งจำนงในบพิตรอดิศร
หมายจะพึ่งองค์ท้าวเจ้านคร พอวายร้อนจึ่งจะลาท่านคลาไคล
อยู่เวียงวังลังกาอาณาเขต ก็เกิดเหตุรบกันสนั่นไหว
อันตัวเราเล่าเป็นพระสละใจ จึ่งเที่ยวไปพยายามตามสบาย
ประเทศใดเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน อาศัยนอนตามจนไม่ขวนขวาย
แต่พอถือศาสนาพาสบาย ไม่วุ่นวายป่วยการขี้คร้านฟัง ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย จึงถามไต่เรื่องต้นแต่หนหลัง
บาทหลวงแจ้งเรื่องราวเล่าให้ฟัง มาแต่ครั้งอุศเรนเจนณรงค์
เอาความหลังครั้งนั้นมาเล่าแจ้ง แกแถลงเรื่องความตามประสงค์
จึ่งละถิ่นเที่ยวไปดั่งใจจง แต่เวียนวงไปมาก็ช้านาน
จนถึงเมืองท้าวไทเหมือนใจหวัง ขอยับยั้งพอเป็นสุขทั้งลูกหลาน
พอสบายใจจิตคิดรำคาญ ไม่ช้านานก็จะลาท่านคลาไคล ฯ
๏ ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นพิภพ ขจรจบอิศโรท้าวโกสัย
ฟังบาทหลวงเล่าแถลงแจ้งพระทัย เรื่องที่ในเมืองลังกาเกิดราวี
เห็นจะเป็นความฉลาดเจ้าบาทหลวง คิดล่อลวงให้เขารบแล้วหลบหนี
คงจะเป็นแยบยลคนอัปรีย์ แล้วไพล่หนีซอกซอนสัญจรมา
เป็นเที่ยงแท้แน่จิตไม่ผิดนึก มันยั่วศึกก็เพราะจิตริษยา
ครั้นจะไล่มิให้อยู่ในพารา จะเป็นข้าศึกไปในบุรินทร์
จึ่งปราศรัยไกล่เกลี่ยเสียให้หาย อย่าวุ่นวายที่ในจิตคิดถวิล
เชิญท่านอยู่เถิดหนาอย่าราคิน ในแผ่นดินโรมพัฒน์สวัสดี
บาทหลวงตอบขอบคุณการุญรัก ขอหยุดพักพึ่งพาเป็นราศี
เพราะท้าวไทกรุณาทั้งปรานี ก็เป็นที่รักใคร่ใครจะปาน ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้านิเวศน์ประเทศถิ่น จึงสั่งสิ้นเสวกาโยธาหาญ
ให้ตกแต่งตึกใหญ่ให้ตระการ พระอาจารย์จะได้อยู่ช่วยดูแล
เอาใจใส่อย่าให้ขัดจัดให้พร้อม ขุนนางน้อมคอยรับสั่งฟังกระแส
มาจัดแจงที่อยู่คอยดูแล ตามกระแสรับสั่งไม่รั้งรอ
ทั้งอาหารหวานคาวดังท้าวสั่ง ก็แต่งตั้งเอาไปใส่ไว้บนหอ
ตั้งน้ำฉันใช้มีไว้พอ กับมดหมอคอยรักษาพยาบาล ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราก็ลากลับ มาประทับยังปราสาทราชฐาน
พร้อมสพรั่งทั้งเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน แสนสำราญสุขเกษมเปรมฤทัย ฯ
๏ ฝ่ายบาทหลวงค่อยสบายคลายวิตก เหมือนหยิบยกเขาเขินเนินไศล
ขึ้นอยู่บนตึกฝรั่งแกตั้งใจ คิดจะใคร่กำจัดกษัตรา
จึงเรียกพระมังคลานราราช มานั่งอาสน์ตรองตรึกแล้วปรึกษา
กูจะคิดกำจัดกษัตรา เอาพาราเป็นของเราทั้งข้าวเกลือ
พวกพหลพลไพร่ในจังหวัด เราคิดตัดเอาให้ได้ทั้งใต้เหนือ
รีบไปเอาเงินทองของในเรือ ทั้งผ้าเสื้อจะได้ให้พวกไพร่พล
เอาแจกจ่ายให้ปันทุกวันหวัง ให้พร้อมพรั่งถ้วนทั่วตัวพหล
แต่อย่าให้สงสัยทั้งไพร่พล คิดเป็นกลอุบายให้ตายใจ
แล้วให้คนรีบไปในกำปั่น ขนแพรพรรณเงินทองสิบสองไห
แล้วเขียนหนังสือพลันด้วยทันใด ให้แจกไปกับเหล่าชาวประชา
กับเชิญท่านขุนนางผู้ใหญ่ด้วย ว่าเราอวยพรไปให้นักหนา
เป็นวันใหญ่ในฝรั่งข้างลังกา ขอเชิญมาเลี้ยงกันเป็นวันดี
พอเสร็จสรรพประทับตราพระราหู ให้มีผู้ถือไปในกรุงศรี
แจกบรรดาไพร่พลพวกมนตรี เชิญไปที่เมืองด่านชานชลา
กับทั้งท้าวเจ้ามิ่งมไหสวรรย์ ด้วยเป็นวันใหญ่ยิ่งจริงนักหนา
ครั้นแจกทั่วเสร็จสรรพแล้วกลับมา แจ้งกิจจาบาทหลวงทันท่วงที
แกจึงให้จัดแจงแต่งข้าวของ ทั้งเงินทองพลอยเพชรไว้เจ็ดสี
ทั้งกระบี่ลงยาราชาวดี หมวกตุ้มปี่อย่างฝรั่งข้างลังกา
แกจัดไว้จะได้ให้สำหรับยศ ให้ปรากฏสมมาดปรารถนา
จะถวายไทท้าวเจ้าพารา ได้ลือชาเกียรติยศปรากฏไป
ถึงวันนัดจัดเสร็จสำเร็จนึก แล้วตรองตรึกเรื่องความตามวิสัย
ให้ตั้งโต๊ะหวานคาวแต่เช้าไป เครื่องเป็ดไก่อักโขล้วนโอชา ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราเสนาพร้อม ก็ห้อมล้อมแห่แหนมาแน่นหนา
ถึงสถานเขตแคว้นแดนชวา บาทหลวงมาต้อนรับคำนับพลัน
แล้วเชิญท้าวเจ้าพารามาบนตึก เสียงครื้นครึกปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
เชิญเสวยเครื่องอานทั้งหวานมัน ขุนนางนั้นเลี้ยงดูทุกผู้คน
แล้วถวายสิ่งของล้วนทองเพชร แจกให้เสร็จถ้วนทั่วตัวพหล
ทั้งขุนนางพวกไพร่ให้ทุกคน พวกคนจนเงินผ้าบรรดามี ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย จึงถามไต่เรื่องความตามวิถี
ท่านเที่ยวไปไกลประเทศเขตบุรี สักกี่ปีจงแถลงให้แจ้งความ
บาทหลวงยกเรื่องต้นแต่หนหลัง เล่าให้ฟังดั่งพระองค์ประสงค์ถาม
แล้วทูลขออยู่ที่บุรีราม สักสองสามปีจะลาท่านคลาไคล
พอยับยั้งสั่งสอนพวกศิษย์หา แล้วจะลาจากประเทศเขตไศล
เที่ยวไปตามยมนาคงคาลัย ตามวิสัยเพศพันธุ์ดั่งสัญญา ฯ
๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้ามิ่งมไหสวรรย์ ก็ผ่อนผันตามความปรารถนา
ว่าสุดแท้แต่ท่านไม่ฉันทา จงตรึกตราตรองความตามสบาย
อันเมืองด่านธารท่าชลาสินธุ์ ที่พื้นดินเปล่ามากอยู่หลากหลาย
จงสร้างสมตึกรามตามสบาย ที่หาดทรายธารท่าริมสาคร
เชิญท่านอยู่ให้เป็นสุขสนุกสนาน ในเมืองด่านชายตลิ่งริมสิงขร
ท้าวสั่งเสร็จแล้วเสด็จบทจร กลับนครคืนหลังเข้าวังใน ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช กับสังฆราชตรึกตรองด้วยผ่องใส
คิดสร้างสมตึกรามตามแต่ใจ ไม่มีใครกีดขวางคิดจ้างคน
ไปทำที่หน้าด่านสำราญรื่น ในภูมิพื้นทั่วจังหวัดไม่ขัดสน
เอาเงินทองแจกอาณาประชาชน ทั้งก่อขนแล้วเสร็จในเจ็ดเดือน
ทำกำแพงด้วยศิลาหนาสองศอก ทางเข้าออกแน่นดีไม่มีเหมือน
กั้นเป็นขอบรอบเขาตั้งเหย้าเรือน ดูกล่นเกลื่อนแน่นหนาริมท่าธาร ฯ
๏ แล้วสำเร็จเสร็จสรรพขึ้นยับยั้ง เรียกว่าวังชายหาดราชฐาน
บาทหลวงกับสานุศิษย์ตั้งคิดการ จะคอยผลาญไทท้าวเจ้าบุรินทร์
เอาเงินทองแจกจ่ายสิ้นหลายแสน ไม่หวงแหนแจกไพร่ดังใจถวิล
คนรักใคร่ไปมาเป็นอาจิณ ทั้งตัดสินความเขาเอาแต่จริง
คนระบือลือชาเห็นปรากฏ เฉลิมยศลือดีดั่งผีสิง
ทั้งซื่อตรงคงสัตย์สันทัดจริง พวกชายหญิงทั่วนครไม่ร้อนรน
ด้วยอำนาจบาทหลวงแกล่วงรู้ เปรียบเหมือนผู้ทำนาจะหาผล
ช่วยตัดสินความอาณาประชาชน ที่ขัดสนแจกจ่ายทั้งให้ปัน
คนนับถือลือเลื่องทั้งเปรื่องปราด ประชาราษฎร์อิ่มเอมเกษมสันต์
ทั้งไพร่นายหลายหมื่นพื้นฉกรรจ์ ก็ผูกพันรักใคร่เป็นไมตรี
ด้วยเห็นว่าซื่อตรงต่างปลงจิต เข้าเป็นศิษย์รักใคร่ไม่หน่ายหนี
กิตติศัพท์ลือไปในบุรี ทราบถึงที่ไทท้าวเจ้านคร ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย ขัดพระทัยพวกฝรั่งมาสั่งสอน
จนผู้คนไพร่ฟ้าประชากร ทั่วนครฟังข่าวทุกเช้าเย็น
แม้นนานไปอ้ายนี่จะมียศ เป็นขบถเหมือนอย่างจิตกูคิดเห็น
จึงจะต้องดับร้อนให้ผ่อนเย็น อย่าให้เป็นศึกเสือเหลือรำคาญ
จึงตรัสสั่งเสนามหาอำมาตย์ เอ็งไปไล่สังฆราชพวกอาจหาญ
อย่ามาอยู่แปดปนเป็นคนพาล ในสถานบ้านช่องเป็นของกู
แม้นมันพูดดื้อดึงเองจึงกลับ มาเกณฑ์ทัพออกไปต้อนให้อ่อนหู
จะขัดขวางอย่างไรออกไปดู ฟังให้รู้แยบยลอ้ายคนโกง ฯ
๏ ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์บัลลังก์ที่นั่งโถง
ขุนเสนารีบออกนอกพระโรง พอบ่ายโมงไปถึงด่านชานชลา
เห็นบาทหลวงเดินวนอยู่บนตึก แล้วจารึกหนังสือปิดบอกศิษย์หา
ให้เล่าเรียนเขียนอ่านการวิชา ในตำราอังกฤษไม่ปิดบัง ฯ
๏ ฝ่ายเสนีที่ออกมาพระยาใช้ ก็ขึ้นไปบนตึกเหมือนนึกหวัง
บาทหลวงเชิญให้ไปที่มูลี่บัง แล้วก็นั่งลงคำนับพลางจับมือ
จึงปราศรัยไต่ถามตามประสงค์ ตัวท่านลงมาทำไมไฉนหรือ
เจ้าแผ่นดินใช้มาให้หารือ หรือท่านถือรับสั่งมาอย่างไร
หรือเที่ยวมาหาสู่ขอรู้กิจ อย่าปกปิดเชิญแจ้งแถลงไข
หรือขัดข้องต้องประสงค์ที่ตรงใด จงเล่าไปให้กระจ่างอย่าพรางกัน
ฝ่ายเสนาข้าทูลละอองบาท ที่หมายมาดมาแต่ก่อนต้องผ่อนผัน
ดูแยบคายไม่เห็นจริงทุกสิ่งอัน ที่เชิงชั้นก็ไม่เห็นเช่นเขาทูล
แล้วเสแสร้งแกล้งว่าเรามาเยี่ยม โดยธรรมเนียมรักใคร่มิให้สูญ
ท่านผู้เรืองเปรื่องปราดชาติตระกูล จงเพิ่มพูนภิญโญในโลกา ฯ
๏ บาทหลวงฟังสังรเสริญเจริญยศ เห็นหมดจดเที่ยงแท้แน่นักหนา
แล้วก็ดูท่วงทีกิริยา เห็นจะมาโดยซื่อไม่ดื้อดึง
แล้วเชิญให้เสนาขึ้นมานั่ง ที่โต๊ะตั้งเลี้ยงดูแกรู้ถึง
เสนาใส่เหล้าเข้มพอเต็มตึง บางหลวงจึงปราศรัยทั้งให้ปัน
ของต่างต่างอย่างดีมีสำหรับ พอสมกับเสนีที่ขยัน
กับทั้งพวกบ่าวไพร่ก็ให้ปัน คนทั้งนั้นรักใคร่เห็นใจดี ฯ
๏ ฝ่ายเสนาเมื่อจะลาบาทหลวงกลับ ยืนคำนับพูดละเมียดพอเสียดสี
ว่าตัวท่านจะอยู่ไปตรองให้ดี แล้วเสนีกลับหลังเข้าวังใน
ทูลแถลงแจ้งความตามได้เห็น ที่จะเป็นเหมือนเขาว่าข้าสงสัย
ไม่เห็นจัดแจงการสถานใด เห็นแต่ให้สานุศิษย์คิดเล่าเรียน
ถ้าแม้นเป็นเช่นเขาว่าคงปรากฏ การขบถมันคงคิดสถิตเสถียร
แล้วจะคิดส่อเสียดข้างเบียดเบียน คงจะเพียรฝึกทหารข้างราญรอน
ทั้งอาวุธสาตราคงหาไว้ พลไพร่สารพัดจะหัดสอน
วิสัยจะคิดการข้างราญรอน คงจะต้อนพวกพลสกลไกร ฯ
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นพิภพ ที่ปรารภค่อยคลายหายสงสัย
จึงตรัสกับพวกมหาเสนาใน อย่าไว้ใจพระฝรั่งพวกลังกา
ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากอาสน์แท่นสุวรรณด้วยหรรษา
เข้าในวังยังที่ศรีไสยา พร้อมบรรดานางเสนอบำเรอราย
บ้างขับร้องลองซอประสานเสียง เพราะสำเนียงบรรเลงเพลงถวาย
มโหรีขับเรื่อยเฉื่อยสบาย ท้าวภิปรายปราศรัยในอนงค์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงสังฆราชชาติฝรั่ง แต่นอนนั่งตรองตรึกนึกประสงค์
จะลวงพวกตระกูลประยูรวงศ์ กับทั้งองค์ไทท้าวเจ้าแผ่นดิน
จึงร่ายมนต์คาถาทำกาสัก เป็นรูปยักษ์ขึ้นดั่งจิตคิดถวิล
ถือเหล็กแดงเหาะไปในบุรินทร์ ร้องจะกินชาวพารามาแต่ไกล
ไม่รู้หรือกูคือมหายักษ์ อยู่สำนักในมหาชลาไหล
กูเป็นพวกอินทราสุราลัย ไหนท้าวไทที่เป็นเจ้าชาวนคร
รีบออกมาหาสู่จะดูหน้า อย่านิ่งช้าจงมาฟังเราสั่งสอน
แม้นมิมากูจะเข้าเผานคร อย่านิ่งนอนกอดเมียจะเสียเมือง ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย ตกพระทัยเสด็จออกมาเห็นฟ้าเหลือง
เป็นเปลวไฟพวยพุ่งดูรุ่งเรือง ทั่วทั้งเมืองแสงกระจ่างดั่งกลางวัน
เห็นยักษาลอยมาบนอากาศ ผิดประหลาดไม่รู้ที่ผ่อนผัน
จึงกล่าวคำร่ำว่าสารพัน พระองค์สั่นรัวรัวกลัวจะตาย
แล้วจึงว่าข้าแต่มหายักษ์ อย่าเพ่อหักหาญไปให้ฉิบหาย
เป็นเหตุผลต้นเรื่องเคืองระคาย จงภิปรายให้กระจ่างในทางความ ฯ
๏ ยักษ์พยนต์มนต์เวทวิเศษขลัง ขึ้นเสียงดังกู่ก้องแล้วร้องถาม
รู้หรือไม่ว่าพระองค์ผู้ทรงนาม เสด็จตามมาแต่ฝั่งข้างลังกา
ผู้มีบุญพูนสวัสดิ์กษัตริย์ชาติ มีอำนาจเรืองฤทธิ์ทุกทิศา
ทรงพระนามธิบดินทร์ปิ่นประชา พระมังคลาจอมเจิมเฉลิมวงศ์
มาอยู่ยังวังใหม่ที่ท้ายด่าน จงแจ้งการที่ในใจอย่าใหลหลง
ท่านรีบไปอ่อนน้อมยอมพระองค์ จะได้คงอยู่ถิ่นบุรินทร์ตัว
แม้นมิไปในรุ่งวันพรุ่งนี้ พระศุลีจะให้เรามาเอาหัว
แล้วแผลงอิทธฤทธิ์ไกรไฟรอบตัว พระยากลัวขวัญหนีไม่มีใจ
แล้วรับคำร่ำว่าท่านอย่าวุ่น ผู้มีบุญแม้นอยู่หนตำบลไหน
เราจะไปสู่หาเป็นข้าไท แม้นมิไปเหมือนหนึ่งว่าจึงฆ่าตี ฯ
๏ ฝ่ายยักษ์ร้ายกลายกลับเป็นเทเวศร์ สำแดงเดชเหาะไปในวิถี
ท้าวโกสัยแจ้งความตามคดี กลับเข้าที่ข้างในศรีไสยา ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองคมิ่งมเหสี เห็นสามีหมองมัวกลัวนักหนา
นางจึงทูลมูลคดีด้วยปรีชา พระอย่าปรารมภ์ไปไม่เป็นการ
ถึงบุญหนักจักทำไมเหมือนไก่แก้ว เราเอาแร้วดักไว้ในสถาน
คงติดบ่วงมั่นคงจะลงคลาน น้องเห็นการคงจะดีไม่มีภัย
อันบุตรีของเราเล่าก็รุ่น ผู้มีบุญเห็นจะหลงอย่าสงสัย
ไปอ่อนน้อมยอมตนพอพ้นภัย คงจะได้ความสบายหลายประการ ฯ
๏ ฝ่ายทรงฤทธิ์อิศโรท้าวโกสัย ฟังอรไททูลแจ้งแถลงสาร
ค่อยบรรเทาเร่าร้อนผ่อนสำราญ ด้วยเห็นการจริงสิ้นเธอยินดี
ควรแล้วน้องตรองความนี้งามนัก ไม่เสียศักดิ์เสียสง่าเสียราศี
เขาก็เป็นกษัตราครองธานี แล้วก็มีบุญมากได้ฝากกาย
เป็นเขยเราเหมือนเจ้าว่าจะปรากฏ เฉลิมยศในตระกูลไม่สูญหาย
พอรุ่งแจ้งแสงตะวันพรรณราย เราผันผายพาธิดาจากธานี
ขึ้นรถทองป้องปิดให้มิดเม้น เหมือนไปเล่นตามกระบวนที่สวนศรี
แล้วเข้าที่ไสยาในราตรี พระภูมีกลัวภัยหลายประการ ฯ
๏ พอรุ่งแจ้งแสงทองส่องอากาศ พระจากอาสน์รจนามุกดาหาร
บอกขุนนางทางสั่งพนักงาน ให้เตรียมการโยธาจะคลาไคล
ไปเมืองด่านธารท่าชลาสินธุ์ พระภูมินทร์หม่นหมองไม่ผ่องใส
แต่จำเป็นจำเสร็จเสด็จไป แล้วสั่งให้เตรียมรถบทจร
ครั้นสั่งเสร็จท้าวเสด็จยุรยาตร ขึ้นปราสาทเนาวรัตน์ประภัสสร
จึงตรัสเรียกมเหสีมีสุนทร ว่าดูก่อนอัคเรศเกศสุรางค์
เจ้าจงไปพาบุตรีศรีสวัสดิ์ อย่าให้ขัดเคืองข้องจะหมองหมาง
ค่อยเล้าโลมโฉมสมรแต่ก่อนปาง อย่าให้หมางหมองช้ำในน้ำใจ ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี อัญชลีเข้าในห้องร้องปราศรัย
เรียกพระนุชบุตรีพิรี้พิไร แม่มาไปเที่ยวด่านชานชลา ฯ
๏ ฝ่ายพระนุชบุษบงอนงค์นาฏ อภิวาททูลพลันด้วยหรรษา
อยากจะใคร่ไปเที่ยวชมยมนา พระมารดาบอกพลางนางสำรวล
ดีพระทัยที่จะได้ไปเมืองด่าน ไม่แจ้งการลุ่มหลงทรงพระสรวล
แล้วกวดเกล้าเมาฬีฉวีนวล นางชักชวนพี่เลี้ยงเคียงประคอง
ไม่รู้เรื่องเคืองขุ่นที่วุ่นฉาว คิดว่าท้าวเธอจะพาไปหาของ
เก็บกรวดทรายชายน้ำในลำคลอง นางสนองชนนีด้วยดีใจ
เสด็จจากแท่นทองห้องสถิต สำราญจิตชื่นชอบอัชฌาสัย
ตามเสด็จชนนีด้วยดีใจ มาเฝ้าไทเทวฤทธิ์พระบิดร ฯ
๏ ฝ่ายท้าวไทเจ้าพาราเห็นหน้าบุตร ยิ่งแสนสุดโศกเศร้าเท่าสิงขร
แต่แข็งขืนยุรยาตรลีลาศจร สะท้อนถอนฤทัยไม่สบาย
แต่จำเป็นจำไปพระทัยท้าว ให้โศกเศร้าร้อนอยู่ไม่รู้หาย
มาทรงรถเรืองศรีมณีพราย ให้ผันผายจตุรงค์ลงไปพลัน ฯ
๏ ถึงเมืองด่านชานท่าชลาสินธุ์ เจ้าบุรินทร์โกสัยไอศวรรย์
ให้หยุดยั้งรั้งราโยธาพลัน พร้อมกำนัลมเหสีบุตรีเธอ
ลงจากรถบทจรอาวรณ์หวัง จึ่งยับยั้งให้คนใช้ไปเสนอ
บาทหลวงรู้อิ่มเอมทั้งเปรมเปรอ จึงว่าเออเราจะไปเชิญให้มา
แล้วชวนองค์มังคลานราราช ลงจากอาสน์พร้อมกันด้วยหรรษา
ไปต้อนรับองค์ท้าวเจ้าพารา เชิญขึ้นมาตึกตั้งจึ่งบังควร
เขาเป็นจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ อย่าให้ขัดเคืองใจค่อยไต่สวน
ควรจะอ่อนผ่อนใจคิดใคร่ครวญ ฟังสำนวนจะเป็นการสถานใด
ก็กลัวฤทธิ์เราแล้วไม่แคล้วดอก แต่อย่าออกตัวนักมักสงสัย
ค่อยลูบคลำทำการให้หวานใจ พลางรีบไปเชิญท้าวเจ้านคร
บาทหลวงไปถึงคำนับจับพระหัตถ์ กรุงกษัตริย์อิศโรสโมสร
เชิญเสด็จเสร็จเข้าในนคร ขึ้นบรรจถรณ์เรืองอร่ามทั้งสามองค์ ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช เห็นนุชนาฏชื่นชมสมประสงค์
ชำเลืองเนตรสบพระนุชบุษบง ราวกับองค์นางฟ้าสุราลัย
แต่เห็นหญิงมาทุกแดนไม่แม้นเหมือน จนจิตเฟือนแทบจะชิดพิสมัย
จึงวันทาเจ้าประเทศข้างเพศไทย ทั้งทรามวัยนางกษัตริย์สวัสดี ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ชนนีนาฏ สอนให้ราชธิดามารศรี
ถวายบังคมคัลอัญชลี กษัตริย์ศรีมังคลาปรีชาชาญ
แล้วว่าฉันทั้งสามตามมาเฝ้า จะขอเข้าจงรักสมัครสมาน
เป็นข้าไทของพระองค์เชื้อวงศ์วาน ทั้งเมืองบ้านก็ถวายดั่งใจปอง ฯ
๏ ฝ่ายบาทหลวงแกเห็นนางสำอางพักตร์ ดูน่ารักล้ำสตรีไม่มีสอง
ตะลึงเล็งเปล่งปลั่งทั้งนวลละออง จะหาสองเห็นไม่ได้ในชมพู
แม้นเราหนุ่มปะเช่นนี้แล้วมิบวช คงจะกวดเอาให้สิ้นเหมือนดินหู
นี่มันแก่เกินกาลเจียวหลานกู เห็นสุดรู้สุดฤทธิ์จะคิดตรอง
จำจะให้มังคลาสานุศิษย์ ได้ร่วมชิดเชยชมประสมสอง
เหมือนยอดเพชรเจ็ดกะรัตคงจัดทอง ไว้รับรองให้จงได้ไม่เสียงาม ฯ
๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ ให้หวนหวาดเสียวในฤทัยหวาม
พอสบเนตรกษัตราสง่างาม ให้มีความเสน่หาทั้งปรานี
ด้วยเคยคู่สู่สร้างแต่ปางก่อน สายสมรจึ่งไม่อางขนางหนี
เผอิญให้ประดิพัทธ์สวัสดี ทั้งเปรมปรีดิ์ในทำนองทั้งสองรา ฯ
๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ ให้หวั่นหวาดที่ในเล่ห์เสน่หา
พลางขวยเขินเมินพักตร์ไม่พูดจา ในอุราร้อนเริงดั่งเพลิงรุม ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราจะลากลับ ให้ทรวงคับมุ่นหมกดั่งตกหลุม
แล้วจึ่งว่าอกข้านี้ร้อนรุม เปรียบเหมือนสุมอัคคีไว้สี่กอง
เชิญพระองค์ไปดำรงอาณาจักร เป็นที่รักในพระองค์ดำรงสนอง
ฉันจะได้พึ่งพาฝ่าละออง ดั่งจิตปองที่ประสงค์จำนงมา ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลาปรีชาฉลาด เห็นสมมาดที่ในเล่ห์เสน่หา
จึ่งโลมเล้าท้าวไทให้ไคลคลา ด้วยวาจาเจือจานทั้งหวานมัน ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย ก็ลาไปจากที่ขมีขมัน
กลับเข้าวังยังประเทศขอบเขตคัน พร้อมกำนัลเสวกาพลากร ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช กับครูบาทหลวงตั้งแต่สั่งสอน
การวิธีที่จะเข้าเอานคร อย่าให้ร้อนใจอาณาประชาชน
คิดเล้าโลมโฉมฉายสายสวาท ให้นุชนาฏจงรักเป็นภักษ์ผล
วันนี้บ่ายชายแสงพระสุริยน จะจรดลเข้าไปหาบิดานาง
เองพูดจาโอนอ่อนแล้วย้อนขอ ให้ท้าวพ่อประดิพัทธ์อย่าขัดขวาง
การข้างหน้ามากมายยังหลายทาง แม้นได้นางแล้วคงสมอารมณ์เรา
แล้วสอนเวทวิทยามหาเสน่ห์ อุปเท่ห์ผูกในน้ำใจเขา
เองรีบไปในสถานคิดการเรา เอาแต่บ่าวที่ไว้ใจไปพอควร ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาสานุศิษย์ สมคิดที่ในเล่ห์พลางเสสรวล
มาขึ้นรถอย่างฝรั่งตั้งกระบวน เวลาจวนรีบไปในบุรินทร์
ถึงประทับยับยั้งอยู่ข้างนอก เสนาออกมารับไปดั่งใจถวิล
แล้วเข้าไปทูลท้าวเจ้าบุรินทร์ พระภูมินทร์เสด็จมารับประคับประคอง
เข้าในวังสั่งมิ่งมเหสี ให้แต่งที่เครื่องกษัตริย์จัดข้าวของ
ทั้งหวานคาวจัดสรรใส่จานทอง เอาโต๊ะทองลงยาราชาวดี
มาเตรียมตั้งยังแท่นสุวรรณรัตน์ นางกษัตริย์เรียกเหล่านางสาวศรี
ให้เตรียมคอนปรนนิบัติทั้งพัดวี แล้วเทพีเสด็จมาชลากลาง ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช อภิวาทนางกษัตริย์ไม่ขัดขวาง
กับไทท้าวเจ้านครเหมือนก่อนปาง นึกเสียอย่างว่าเป็นเขยเลยบังคม
สองกษัตริย์รักใคร่ปราศรัยทัก ดูน่ารักทั้งจิตสนิทสนม
ทั้งท่วงทีกิริยาก็น่าชม เห็นขำคมพริ้งพร้อมละม่อมละไม ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์ปิ่นกษัตริย์ สนองอรรถนางพระยาอัชฌาสัย
ขอเป็นบุตรสุจริตเหมือนจิตใจ สนองใต้บาทาฝ่าธุลี ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย เชิญเข้าไปปรางค์ทองละอองศรี
แล้วเรียกองค์นงนุชพระบุตรี มาอัญชลีองค์กษัตริย์ขัตติยา ฯ
๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงอนงค์นาฏ ให้หวั่นหวาดในจิตกนิษฐา
แต่ความอายเหลือล้นคณนา ลุกออกมาจากแท่นแสนรำคาญ
พอสบเนตรมังคลานราราช อภิวาทร้อนเริงดั่งเพลิงผลาญ
ทั้งความรักความอายหลายประการ เยาวมาลย์นิ่งนั่งฟังสุนทร ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย เชิญหน่อไทนฤบาลชาญสมร
ให้เสวยโภชนาอันถาวร สั่งบังอรบุษบงนางนงเยาว์
ไปตั้งเครื่องพระกระยาสุธาโภชน์ ด้วยประโยชน์ฝากตัวเพราะกลัวเขา
เป็นจนจิตคิดความตามสำเนา แม้นมิเอาน้ำรดไม่หมดเปลว
ตามกุศลผลบุญของลูกรัก จะหาญหักแม้นมิลงก็คงเหลว
ธรรมดาอัคคีย่อมมีเปลว ถึงจะเหลวไม่มีงานก็ตามที ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช ขึ้นนั่งอาสน์ตรงหน้ามารศรี
เสวยพลางทางถวิลด้วยยินดี พระบุตรีปรนนิบัติจัดประจง
พวกสำหรับขับขานประสานเสียง ส่งสำเนียงสมตระกูลประยูรหงส์
เสวยพลางทางพิศพินิจทรง หาอนงค์ใดเปรียบไม่เทียบทัน
แต่ดูนางนารีที่ได้เห็น ไม่เหมือนเช่นนุชเจ้าสาวสวรรค์
จะพิศไหนก็วิไลวิลาวัณย์ สุดจะกลั้นความรักหนักอุรา
เสวยพลางทางตะลึงคะนึงโฉม แทบจะโลมมิ่งมิตรกนิษฐา
ให้เสียวซาบวาบหวามในวิญญาณ์ เสน่หาแสนถวิลให้ดิ้นโดย
ไม่เป็นอันเสวยก็เลยอิ่ม อุระปิ้มจะทำลายไม่วายโหย
ลงกอดกรถอนจิตทั้งอิดโรย ระกำโกยแสนวิตกหนออกเรา ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย แจ้งพระทัยในจิตจริตเขา
จึงกระซิบมเหสีบุตรีเรา เห็นจะเอาตัวรอดเพราะถอดโกลน
อันถิ่นฐานบ้านเมืองคงเป็นสุข คิดดับยุคดับเข็ญที่เผ่นโผน
เหมือนเพลิงติดคิดระงับดับด้วยโคลน จะลุกโชนไปอย่างไรเห็นไม่มี
คงมอดม้วยอยู่กับถิ่นเพราะสิ้นเชื้อ ถึงจะเหลือก็คงดับระงับสี
เจ้าไปเชิญเข้าในห้องทองมณี ให้สองศรีสมถวิลจินตนา ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ชนนีนาฏ อภิวาททรงธรรม์ด้วยหรรษา
ไปเชิญองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา ให้เข้ามาห้องทองทั้งสององค์ ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ โสมนัสรื่นเริงละเลิงหลง
กับบิตุเรศชนนีทั้งสี่องค์ เสด็จทรงเยื้องย่างเข้าปรางค์ทอง
แล้วมอบมิ่งราชัยไอศวรรย์ จงช่วยกันครองวังอยู่ทั้งสอง
ขอมอบให้เป็นสิทธิ์ดั่งจิตปอง พ่อจงครองนคราให้ถาวร
ขอฝากนุชบุษบงอนงค์นาฏ แม้นพลั้งพลาดผิดบ้างช่วยสั่งสอน
จงชุบเลี้ยงเที่ยงแท้อย่าแง่งอน พระภูธรโปรดข้าได้ปรานี ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช รับโอวาทท่านท้าวเจ้ากรุงศรี
จึ่งตอบรสพจนาแล้วพาที ท่านปรานีแล้วก็คิดเหมือนบิดร
ถ้าผิดพลั้งครั้งไรจงได้โปรด ประทานโทษกรุณังช่วยสั่งสอน
เชิญพระองค์ทรงยั้งยังนคร เหมือนแต่ก่อนเก่ามาในธานี
ลูกขอเป็นเกือกทองฉลองบาท ทั้งสองราชจงบำรุงซึ่งกรุงศรี
ถ้าแม้นมีพวกปัจจามายายี จะต่อตีรับรองฉลองคุณ ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมอิศโรท้าวโกสัย ดีพระทัยชื่นสุดช่วยอุดหนุน
แล้วชวนองค์นางพระยาเพราะการุญ พ่อจงคุ้นเคยกันฉันจะลา
แล้วเยื้องย่างพลางออกมานอกห้อง กษัตริย์สองผูกพันด้วยหรรษา
ฝ่ายบุษบงนงคราญเจ้ามารยา ถอยออกมาเสียให้ห่างเพราะนางอาย ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ กอดกระหวัดพลางประโลมนางโฉมฉาย
นางพลิกผลักยักเยื้องเคืองระคาย จึ่งภิปรายกล่าวคำพลางรำพัน
นี่พระแกล้งจะมาทำให้ช้ำจิต ดังกรดกริชจะมาฆ่าให้อาสัญ
จงวางน้องเสียเถิดองค์พระทรงธรรม์ อย่าให้ฉันอายสุรางค์ในปรางค์ทอง ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช พจนารถตอบไปมิให้หมอง
พี่รักเจ้าเท่าชีวิตอย่าคิดปอง ขอเชิญน้องปรานีด้วยพี่ยา
สู้แล่นล่องมาในท้องมหรณพ จนมาพบมิ่งมิตรกนิษฐา
เป็นกุศลดลจิตให้คิดมา ถึงพาราโรมพัฒน์สวัสดี
เพราะไทท้าวเทวาชักมาให้ พี่จึงได้พานพบประสบศรี
ขอเสียเถิดแก้วตาอย่าราคี ยุพินพี่ผินมาอย่าจาบัลย์ ฯ
๏ อันเรื่องราวหญิงชายก็หลายหลาก จะกล่าวมากไปก็เบื่อเหลือกระสัน
ขอตัดรอนเรื่องเกี้ยวที่เกี่ยวพัน แต่อัศจรรย์จะต้องมีเป็นที่ฟัง
พลางกุมกรช้อนนางขึ้นวางแท่น ก็เหมือนแม้นทิพรสกำหนดหวัง
นางป้องปัดร้องว่าดูน่าชัง พระจะตั้งเคี่ยวเข็ญเหมือนเป็นนาย
หรือเชื่อฤทธิ์วิทยามาข่มเหง ไม่กลัวเกรงพระจะริบให้ฉิบหาย
ขอผัดผ่อนหย่อนตามความสบาย อย่าให้อายเสนาประชาชน
พระเชยปรางทางว่านิจจาน้อง อย่าเคืองข้องตัดรักเด็ดภักษ์ผล
พลางประคองต้องเต้าเสาวคนธ์ ดั่งอุบลเผยกลีบรีบจะบาน
นุชนาฏหวาดหวั่นกระสันเสียว ทั้งบิดเบี้ยวเบือนไปหลายสถาน
พระคลึงเคล้าเย้ายวนชวนสำราญ ฤดีดาลเดือดดิ้นถวิลครวญ
สนิทแนบแอบเคล้าเสาวรส ดอกไม้สดต้องระบุพยุหวน
ระเหยกลิ่นฟุ้งฟูเรณูนวล พระพายชวนเชยช่อละออออง
สายสมรผ่อนตามความประสงค์ ทั้งสององค์เชยชิดสนิทสนอง
พิรุณโรยโปรยปรายกระจายฟอง สุนีร้องเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงคำรน
พยุพยับอับฟ้าเวหาหาว ทั้งเดือนดาวมืดกลุ้มคลุ้มเวหน
ทะเลลมยมนาในสาชล อลวนตีฟองก้องกังวาน
มัติมิงคล์กลิ้งเกลือกชลาสินธุ์ ขึ้นโดดดิ้นเล่นระลอกกระฉอกฉาน
ท้องทะเลเหราทั้งปลาวาฬ แข่งขนานว่ายวนชลธี
เขาพระเมรุเอนเอียงเพียงจะคว่ำ ในเถื่อนถ้ำแสงสว่างกระจ่างสี
เป็นเปลวเพลิงเริงแรงแสงอัคคี ราชสีห์โลดโผนโจนทะยาน
นรสิงห์สิงหนัศฉวัดเฉวียน เที่ยววนเวียนวิ่งไปในไพรสาณฑ์
ทุกประเทศเขตขอบจักรวาล สะเทือนสะท้านไหวหวั่นสนั่นดง ฯ
๏ สองภิรมย์สมสวาทในอาสน์รัตน์ ประดิพัทธ์รักใคร่จนใหลหลง
ไม่ออกจากแท่นสุวรรณอันบรรจง ทั้งบุษบงมังคลาก็กว่าเดือน
นางหลงลืมปลื้มใจไม่ไกลอาสน์ แสนสวาทรักใคร่ใครจะเหมือน
พระก็หลงปลงจิตไม่บิดเบือน เปรียบเหมือนเดือนเด่นหงายสบายใจ ฯ
๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง แต่นั่งง่วงคอยศิษย์คิดสงสัย
หรือจะเกิดเหตุการณ์สถานใด จึ่งหายไปไม่ออกมาเห็นช้านาน
จำจะขียนหนังสือไปสื่อข่าว ในเรื่องราวว่าไปหลายสถาน
ครั้นเสร็จสรรพเรียกคนมาลนลาน เอาเรื่องสารส่งให้ไปในวัง
เร่งเอาไปให้มังคลาราช แกสั่งขาดรีบไปดังใจหวัง
เป็นการร้อนหนักอยู่กูจะฟัง เข้าไปยังพาราอย่าช้าที ฯ
๏ ฝ่ายคนใช้ไปถึงวังสั่งอำมาตย์ แล้วส่งราชสารให้ในวิถี
ถวายพระมังคลาอย่าช้าที จะอยู่นี่คอยฟังรับสั่งความ
เสวกาข้าทูลละอองบาท พลางรับราชสารไปแล้วไต่ถาม
ว่าท่านจะคอยอยู่ให้รู้ความ หรือจะตามเราไปถึงในวัง
พวกคนใช้แจ้งความตามนุสนธิ์ เราใช่คนใช้ชิดสนิทหวัง
จะคอยท่าท่านอยู่ประตูวัง ได้รับสั่งก็จะลาท่านคลาไคล ฯ
๏ เสนารับสารศรีขมีขมัน สั่งให้ท่านเถ้าแก่ทูลแก้ไข
หลวงแม่เจ้าท้าวนางพวกข้างใน รับเข้าไปส่งถวายข้างท้ายปรางค์ ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช รับกระดาษครูไว้ฤทัยหมาง
แล้วตรัสชวนบุษบงอนงค์นาง เสด็จเข้าปรางค์คลี่สารออกอ่านพลัน ฯ
๏ หนังสือกูผู้เป็นสังฆราช ได้ชี้ขาดสอนสั่งทางสวรรค์
มาถึงเอ็งผู้เป็นศิษย์ที่ติดพัน มาด้วยกันยากแค้นแสนกันดาร
ก็หวังใจว่าได้เป็นเพื่อนเข็ญ ที่ร้อนเย็นอยู่กับใจหลายสถาน
จะมาหลงอยู่กับหญิงแล้วทิ้งการ นอนสำราญอยู่กับเมียนั่งเคลียคลอ
หรือจะทิ้งศาสนาข้างฝาหรั่ง เอ็งจึงตั้งเวียนเฝ้าแต่เข้าหอ
ที่เจ็บอายหายหมดเมียกดคอ หรือติดตอต้องขัวเหมือนอย่างลิง
อันทุกข์สุขยุคเข็ญเป็นไฉน ช่างกระไรนั่งรอคลอผู้หญิง
เอ็งจะมาใช้ปากเหมือนทากปลิง เข้าเกาะนิ่งตามสบายหมายว่างาม
เร่งออกไปแล้วจะได้คิดแก้แค้น ไปตอบแทนเสียให้เตียนที่เสี้ยนหนาม
หรือว่าเอ็งจะไม่ออกเร่งบอกความ จะอยู่ตามสบายใจเพราะได้เมีย
สมประโยชน์ร้อยอย่างคือนางแก้ว มันเลิศแล้วเหลือดีไม่มีเสีย
ชะเจ้าสังกะตังเกาะหลังเมีย พลอยกูเสียรางวัลขัดอารมณ์ ฯ
๏ พอจบเรื่องหนังสือรื้อเป็นทุกข์ ไม่มีสุขเหมือนหนึ่งเอาภูเขาถม
ถอนฤทัยเคืองขัดอัดอารมณ์ ให้เตรียมตรมที่ในอกดั่งตกเลน
จึงจะต้องเขียนทำเป็นคำตอบ แต่พอชอบใจชุ่มเหมือนพุ่มเสน
พลางจำลองลายพระหัตถ์ล้วนจัดเจน ให้นางเวรนำไปให้ขุนนาง
แล้วรับสั่งว่าเอาไปให้บาทหลวง ตามกระทรวงสารพัดไม่ขัดขวาง
พวกข้างในนำมาศาลากลาง ฝ่ายขุนนางรับไปดั่งใจปอง
เรียกคนใช้ไปให้พระฝรั่ง เล่าให้ฟังเรื่องประมูลทูลฉลอง
แล้วส่งหนังสือให้เหมือนใจปอง ตามทำนองเสร็จสรรพแล้วกลับมา ฯ
๏ ฝ่ายคนใช้ได้หนังสือถืออักษร ก็รีบร้อนไปพลันด้วยหรรษา
ตรงเข้าไปในด่านชานชลา แจ้งกิจจาความหลังที่สั่งพลัน ฯ
๏ บาทหลวงฉีกสาราออกมาอ่าน ตามเรื่องสารข้อคดีขมีขมัน
พระมังคลาสานุศิษย์คิดทุกวัน แต่นางนั้นป่วยไปไม่สบาย
ครั้นจะกลับออกมาก็น่าเกลียด จะเสียเกียรติยศตนต้องขวนขวาย
ช่วยรักษาพาใจพอให้คลาย จะยักย้ายออกไปแจ้งแห่งคดี
อันเรื่องหลังที่ลังกาอาณาจักร ขอหยุดพักแต่พอเลื่อนเดือนดิถี
เชิญเจ้าคุณจงแจ้งแห่งคดี ฤดูนี้ฝนฟ้าน่าคะนึง ฯ
๏ บาทหลวงฟังหนังสือร้องอือแน่ มาตอแหลหมายว่ากูรู้ไม่ถึง
อ้ายนี่หลังทรงเขาเฝ้าเคล้าคลึง ไปนอนขึงอยู่ด้วยกันเป็นมั่นคง
แล้วพูดจาว่าเป็นคนปรนนิบัติ อ้ายนี่ขัดขวางเชิงละเลิงหลง
อีเมียชักบังเหียนให้เวียนวง อ้ายนี่หลงเป็นแท้แน่แล้วเอง
จำจะต้องทำไถลเข้าไปเยี่ยม ตามธรรมเนียมสงเคราะห์ให้เหมาะเหมง
จับตอแหลแผลดำดูตามเพลง อ้ายนักเลงหลงเมียให้เสียที
แล้วแกเรียกคนใช้เหวยใครอยู่ พรุ่งนี้กูจะเข้าไปในกรุงศรี
ไปเฝ้าท้าวเจ้าพาราอย่าช้าที ตามไปที่ในวังฟังเนื้อความ ฯ
๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช กับนุชนาฏมิได้หมางระคางขาม
ดังได้ฝานเวียงสวรรค์วิมานงาม ทุกโมงยามมิได้ห่างนางอนงค์
ดังทิพรสจดเจือเหลือจะชื่น สำราญรื่นเชยชิดพิศวง
มิได้ร้างห่างนุชบุษนง ทั้งสององค์เพลิดเพลินเจริญใจ
สถิตแท่นแว่นฟ้าในปราสาท ดูผุดผาดเล็งแลดั่งแขไข
ดั่งสุริยันจันทรอ่อนละไม ร่วมฤทัยเดียวกันไม่ฉันทา
พระทรงโฉมโลมเล้าเฝ้าเคล้าเคล้น ถนอมเฟ้นเหมือนแมงผึ้งคลึงบุปผา
ไม่รู้จางห่างขวัญกัลยา พระมังคลาคิดอาวรณ์ร้อนฤทัย
ถึงถ้อยคำสังฆราชพระบาทหลวง ให้หงิมง่วงอ่อนอุราแล้วปราศรัย
กับโฉมนุชบุษบงด้วยจงใจ เพราะรักใคร่หวังถนอมเป็นจอมเจิม
จึงว่าแน่นุชเจ้าลำเพาพักตร์ ขอฝากรักกับอนงค์ช่วยส่งเสริม
เดี๋ยวนี้ครูจะมาทำทั้งซ้ำเติม เหมือนกับเหิมโหมไฟให้ไหม้ทรวง
มีหนังสือตัดพ้อมาต่อว่า ในอุราหนักเท่าภูเขาหลวง
พี่ตอบความไปว่าสุดาดวง เจ้าพุ่มพวงยังเป็นไข้ไม่สบาย
ก็เห็นว่าจะมาเยือนแม่เพื่อนยาก พี่กระดากใจอยู่ไม่รู้หาย
เจ้าจงทำแสร้งเสเพทุบาย คิดแยบคายเหมือนเป็นไข้มาหลายวัน ฯ
๏ ฝ่ายโฉมนุชบุษบงทรงสนอง น้องขอรองมุลิกาจนอาสัญ
สุดแท้แต่พระองค์ผู้ทรงธรรม์ จะผ่อนผันอย่างไรจะได้ตาม
พระโฉมยงทรงสอนสมรมิ่ง ไว้ทุกสิ่งแม่อย่าหมางระคางขาม
ให้เห็นจริงสารพัดตัดเนื้อความ คงมาตามแม่นแล้วไม่แคล้วเลย ฯ
๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง ให้เหงาง่วงนั่งเอกเขนกเฉย
ลงตรองตรึกนึกแค้นแต่แหงนเงย เมื่อไรเลยจะสว่างกระจ่างตา
จะเข้าไปในนิเวศน์ประเทศถิ่น แกแสนจินตนาจิตข้างอิจฉา
นั่งตรอกตรึกนึกเรื่องเมืองลังกา จนสุริยาส่องแสงแจ้งอัมพร
จะใคร่ปะมังคลาสานุศิษย์ มันไปติดเสียในวังไม่ฟังสอน
ปะผู้หญิงรูปงามมาตามวอน อันความร้อนที่ในใจมันไม่แล
ไปหลงอยู่กับผู้หญิงเหมือนปลิงเกาะ เข้าฉอเลาะเคียงข้างไม่ห่างแห
จำจะไปให้รู้ได้ดูแล จะเชือนแชเผลไพล่กูไม่ฟัง
พลางเรียกเหล่าคนใช้ที่ในตึก อึกทึกเดินหลามไปตามหลัง
แกขึ้นรถลายกระหนกกระจกบัง รีบไปยังกรุงไกรดั่งใจปอง
ครั้นถึงวังสั่งให้เข้าไปบอก ยั้งอยู่นอกสั่งให้ไปฉลอง
เสนารับราชกิจดั่งจิตปอง ไปสนองท่านข้างในให้ไปทูล ฯ
๏ ฝ่ายเถ้าแก่รับคดีที่เขาสั่ง ไปทูลยังหน่อนรินทร์บดินทร์สูร
พระทรงฟังเสวกาให้อาดูร อันเค้ามูลแกคงพรากให้จากกัน
จำจะไปเชิญมาบนปราสาท ให้นุชนาฏดับร้อนช่วยผ่อนผัน
เจ้าพูดจาพาทีให้ดีครัน คงจะผันผ่อนแก้ที่แผลแคลง ฯ
๏ แล้วสั่งนุชบุษบงเจ้าจงช่วย แก้พี่ด้วยให้แกสิ้นที่กินแหนง
อย่าให้สงสัยจิตคิดระแวง จะเคลือบแคลงจับปดที่คดโกง
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยูรยาตร จากปราสาทออกบัลลังก์ที่นั่งโถง
พร้อมเสนาแน่นนองท้องพระโรง พอสองโมงเธอก็ออกนอกบุรี
ตำรวจแห่แลสล้างกลางถนน ห้ามผู้คนมาในกลางหว่างวิถี
บาทหลวงเฒ่าเห็นศิษย์คิดยินดี ว่าครั้งนี้สมคะเนทั้งเล่ห์กล
เห็นจะได้ไปลังกาปราบข้าศึก คงสมนึกที่จะชิงเอาสิงหล
แต่อ้ายนี่มันจะหลงพะวงวน ด้วยเป็นคนรักใคร่ที่ในเมีย
จำจะต้องขู่เข็ญให้เห็นทุกข์ มันได้สุขแล้วเฉยละเลยเสีย
อย่าให้จิตมันพะวงไปหลงเมีย พรากกันเสียให้มันจนแต่ต้นมือ ฯ
๏ พอมังคลามาคำนับแกจับหัตถ์ แล้วพูดตัดโดยความตามหนังสือ
ว่าตัวเอ็งชั่วช้าไม่หารือ มานิ่งดื้ออยู่กับหญิงทิ้งอาจารย์
อยู่สนุกแต่ผู้เดียวไม่เหลียวหลัง ให้กูตั้งคอยท่าไม่ว่าขาน
หรือเห็นดีเป็นไฉนจงให้การ มาอยู่นานจนต้องตามถึงสามเดือน
หรือไม่คิดที่จะไปอย่างไรหวา ช่างชั่วช้าเหลือใจใครจะเหมือน
หรือพบหญิงจริงหวานัยน์ตาเฟือน พลอยให้เพื่อนกันนั่งตั้งแต่คอย ฯ
๏ พระมังคลาว่าจริงทุกสิ่งสิ้น ได้อยู่กินเชยชิดเพราะติดสอย
ด้วยว่าเรามาพักเหมือนหลักลอย ได้ติดสอยเจ้าคุณกรุณา
เดี๋ยวนี้นางจับไข้ไม่เป็นสุข ประเดี๋ยวจุกประเดี๋ยวชักต้องรักษา
ครั้นจะทอดทิ้งไว้ไม่นำพา ดูก็น่าเกลียดจ้านรำคาญจริง
แล้วมาอยู่ใหม่ใหม่จะไปเสีย ด้วยเป็นเมียละไว้น้ำใจหญิง
จะดิ้นโดยโหยไห้ใจประวิง ว่าทอดทิ้งเสียได้ไม่อินัง
ขอเชิญท่านเข้าไปในจังหวัด ช่วยเป่าปัดโรคภัยเหมือนใจหวัง
แล้วจะได้ชมเขตนิเวศน์วัง เชิญไปยังปรางค์ปราให้ถาวร
บาทหลวงยิ้มอิ่มใจไปสิหวา เองจงพาไปพบสบสมร
ครั้นพูดจาพากันไปในนคร บทจรรีบไปในมนเทียร
บาทหลวงเดินตามไปในจังหวัด ดูเขาจัดแจงไว้ล้วนลายเขียน
ทั้งเพลิดเพลินเดินตรงไม่วงเวียน ขึ้นมนเทียรนั่งบนแท่นแสนสบาย
เขาจัดแจงแต่งโต๊ะไว้คอยรับ เป็นคำนับอย่างฝรั่งตั้งถวาย
บาทหลวงคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย แกมุ่งหมายแต่จะทำเอาตามใจ ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช เชิญให้บาทหลวงไปห้องอันผ่องใส
ให้นั่งแท่นเรืองรองทองประไพ แล้วเรียกให้บุษบงอนงค์นาง
มาคำนับสังฆราชพระบาทหลวง ฝ่ายพุ่มพวงนุชน้องให้หมองหมาง
ทำอิดโรยโหยหวนแล้วครวญคราง ค่อยค่อยย่างมาคำนับรับอาจารย์ ฯ
๏ ฝ่ายบาทหลวงไม่ชำนาญในการหญิง คิดว่าจริงแกจึ่งว่าน่าสงสาร
แล้วว่ากับมังคลาปรีชาชาญ พยาบาลเสียให้หายวายอาวรณ์
แล้วแกบอกหยูกยาข้างฝาหรั่ง เองจงตั้งใจดูเหมือนกูสอน
รีบรักษาเสียให้หายวายอาวรณ์ ที่การร้อนจะได้ไปดังใจจง
อันเจ็บไข้ถึงจะไปก็เป็นห่วง มันหนักทรวงหนักใจมักใหลหลง
แต่ก่อนกูมิได้รู้ว่าโฉมยง บุษบงเจ็บมากวิบากจริง
เป็นคราวเคราะห์มาจำเพาะประจวบแท้ เองเร่งแก้เสียให้หายสวายสวิง
จะได้ยึดเขาเป็นหลักพอพักพิง อย่านอนนิ่งรีบรักษาพยาบาล ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช ได้โอกาสปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
แล้วเชิญสังฆราชาผู้อาจารย์ มารับประทานโต๊ะตั้งล้วนอย่างดี ฯ
๏ บาทหลวงนั่งยังที่เก้าอี้อาสน์ กับนุชนาฏปรีดิ์เปรมเกษมศรี
พวกกล่อมขับจับไม้มโหรี ประสานสีซอเสียงสำเนียงครวญ
บาทหลวงฟังนั่งรินกินบาหรั่น พลางพูดกันอิ่มเอมเกษมสรวล
จนเวลาสายัณห์ตะวันจวน ก็รีบด่วนกลับไปด่านชานชลา ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช กับนุชนาฏร่วมจิตกนิษฐา
พอบาทหลวงออกไปไกลพารา ก็เปรมปราเริงรื่นชื่นอารมณ์
ลงตรองตรึกนึกไปเหมือนไม้โกร๋น สิ้นรากโคนเกือบจะหมดที่รสขม
ไปรบรับกับเขาราวกับลม พัดเรือจมบ่อยบ่อยตั้งร้อยพัน
ไม่ต้องการที่จะไปให้ลำบาก เป็นสิ้นอยากที่จะไปไอศวรรย์
แต่อาจารย์แกยังคิดจะติดพัน ไม่เว้นวันตรึกตรองหาช่องคู
พระตรัสกับโฉมยงอนงค์นาฏ ท่านสังฆราชสั่งสอนจนอ่อนหู
แทบจะตายหลายครั้งเพราะฟังครู เห็นสุดรู้สุดฤทธิ์จะคิดตรอง
ทั้งพ่อแม่โกรธขึ้งจึงต้องเที่ยว สันโดษเดี่ยวทุกข์ทนต้องหม่นหมอง
แต่จนใจไม่รู้ที่จะปรองดอง เล่าให้น้องนุชฟังแต่หลังมา
อันตัวพี่นี้ไม่อยากจะจากเจ้า โฉมเฉลาเยาวยอดเสน่หา
พลางประคองต้องเต้าเต็มอุรา นางพูดจาทูลฉลองทำนองใน
พระโปรดเกล้าคราวนี้เป็นที่ยิ่ง น้องเห็นจริงไม่พะวงซึ่งสงสัย
ขอสนองมุลิกาเป็นข้าไท พระไปไหนน้องขอตามยามกันดาร
ให้ใช้สอยคอยรับสั่งฟังกระแส สุดแท้แต่จะรับสั่งดั่งบรรหาร
ตามแต่ภูวไนยจะใช้การ ไม่เกียจคร้านบิดเบือนไม่เชือนแช ฯ
๏ พระกุมกรช้อนมิตรสถิตอาสน์ แสนสวาทนุชนางไม่ห่างแห
ดั่งทิพรสในสวรรค์ไม่ผันแปร มาเผื่อแผ่ซาบซ่านทั้งหวานมัน
สุมาลีคลี่คลายขยายเสา วรสเร้าหอมหวนชวนกระสัน
สนอมสนิทติดต้องของสำคัญ ดั่งเจือจันทน์รสรื่นยิ่งชื่นเชย
ภุมรินบินเฝ้าเคล้าเกสร ละอองอ่อนเรณูฟูระเหย
พระพายป่วนหวนประทิ่นกลิ่นรำเพย ตระกองเกยรับขวัญให้บรรทม ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ