- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองมีเครื่องครบ | รื้อตลบสั่งให้กันกั้นตาไข่ |
คิดขวางทางข้างบนเป็นกลไก | ใครเข้าไปติดตึงเหมือนตรึงตรา |
พอเห็นเขาเอาศพมาเสียบไว้ | นางจำได้แทบจะดิ้นสิ้นสังขาร์ |
บังอลูมูรหุ่มขุนมาตา | แต่บิดายังไม่เห็นว่าเป็นตาย |
ทั้งยันตังสั่งไว้ยังไม่กลับ | หรือเสียทัพท่วงทีจะหนีหาย |
ยังคิดเห็นเป็นว่ารอดไม่วอดวาย | เที่ยวเดินกรายตรวจพลสกลไกร ฯ |
๏ ฝ่ายสามพราหมณ์สามทัพไม่ยับยั้ง | หมายจะพังป้อมประตูเข้าสู้ไล่ |
ให้เอาโซ่ทำขั้นเป็นบันได | ขึ้นชิงชัยชาวพลบนกำแพง |
พวกฝรั่งทั้งสิ้นเอาหินทิ้ง | บ้างยืนยิงปืนสั้นเกาทัณฑ์แผลง |
แต่หักหาญราญรอนจนอ่อนแรง | ฝรั่งแทงล้มตายเสียหลายคน ฯ |
๏ สินสมุทรหยุดอยู่ดูทัพหน้า | เห็นโยธาถอยกลับวิ่งสับสน |
ลงจากสิงห์วิ่งไล่พวกไพร่พล | เข้ารุมปล้นป้อมค่ายขึ้นป่ายปีน |
ทหารปืนยื่นโซ่ขึ้นโย้แย่ง | ฝรั่งแทงฟันฟาดขาดเป็นสีน |
พระหน่อไทไล่ตามแขกจามจีน | แล้วพลอยปีนป้อมกำแพงมันแทงฟัน |
เสียงฮึกฮักชักโซ่โล้ทะลึ่ง | พลัดตกตึงเต้นโลดโดดถลัน |
ทั้งสามพราหมณ์ตามกลุ้มเข้ารุมรัน | เสียงครื้นครั่นกราววิ่งเข้าชิงชัย ฯ |
๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองเยื้องขยับ | เห็นนายทัพแทงฟันไม่หวั่นไหว |
ถือธนูอยู่พอพระหน่อไท | เข้ามาใกล้น้าวสายหมายสำคัญ |
ลั่นลูกออกตรอกโอษฐ์กระโดดดิ้น | พลัดตกดินแทบชีวาจะอาสัญ |
ชักลูกดอกออกภาวนาพลัน | ที่แผลนั้นหายเหตุด้วยเวทมนตร์ |
ยิ่งคิดแค้นแหงนดูเห็นผู้หญิง | ลุกขึ้นวิ่งขับทัพเข้าสับสน |
พอหุ้มห้อมล้อมกันขึ้นชั้นบน | เข้าใกล้กลไกกางตารางคลุม |
จึงครอบครุบหุบเอาพลทมิฬ | มันยกหินหอบกลิ้งมาทิ้งทุ่ม |
เปิดประตูจั่นหับออกจับกุม | พรูกันกลุ้มคลุกคลีเข้าตีรัน ฯ |
๏ สินสมุทรฉุดฉีกจะหลีกลอด | บ่าวมันกอดกลมกลัดฮึดฮัดหัน |
พอทัพพระอนุชายกมาทัน | ช่วยแก้กันออกไปทั้งไพร่นาย |
พอพลบค่ำคล้ำคลุ้มชอุ่มอับ | พวกกองทัพถอยหลังมาตั้งค่าย |
ทุกหมู่หมวดตรวจเกณฑ์ตระเวนราย | ฝ่ายตัวนายพร้อมนึกปรึกษาการ |
อันกลไกอ้ายฝรั่งหลายอย่างนัก | จะโหมหักตีเมืองเปลืองทหาร |
กลศึกตรึกตรองลองวิจารณ์ | ใครคิดอ่านเห็นบ้างเป็นอย่างไร ฯ |
๏ เจ้าโมราว่าจะผูกเรือยนต์รบ | บรรจุครบพลนิกายทั้งนายไพร่ |
แล่นไปตามข้ามภูเขาเข้าข้างใน | เห็นจะได้โดยง่ายไม่หลายวัน |
ต่างเห็นพร้อมยอมจิตเหมือนคิดอ่าน | วิชาการกลเรือเหลือขยัน |
จะแต่งไพร่ไว้บ้างข้างประจัญ | ปรึกษากันตรวจตราในราตรี ฯ |
๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองเป็นแม่ทัพ | เห็นศึกกลับออกไปได้ยังไม่หนี |
ให้รีบร้อนต้อนเหล่าชาวบุรี | ขึ้นหน้าที่พร้อมทหารเป็นการจวน |
ประหลาดจิตบิดาหามาไม่ | คิดสงสัยเศร้าสร้อยละห้อยหวน |
จะรอรั้งอยู่ที่นี่ก็มิควร | เป็นการจวนจึงปรึกษาเสนานาย |
บอกหนังสือชื่อนางอยู่ต่างพ่อ | ให้ส่งต่อตามระยะไปถวาย |
คนเร็วรับขับม้าจนตาลาย | ถึงบ้านรายรับกันเป็นหลั่นไป |
อันเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งนั้นอย่างนั้น | ทางสามวันวันหนึ่งเดินถึงได้ |
แต่ลังกามาด่านปราการไพร | ประมาณได้สามวันดังพรรณนา ฯ |
๏ ฝ่ายยันตังอังกฤษไม่คิดยาก | รีบบั่นบากมาตะบึงถึงเข้าหา |
เอาหัวครูชูถวายนางวัณฬา | เล่ากิจจาทูลแถลงให้แจ้งการ ฯ |
๏ นางละเวงเพ่งพิศคิดสังเวช | น้ำพระเนตรหลั่งลงน่าสงสาร |
เพราะสัตย์ซื่อถือนายสู้วายปราณ | โปรดประทานศพไว้ให้ยันตัง |
เลื่อนศีรษะเป็นพระอุปราช | บรรจุไว้ในปราสาทบาทหลวงฝัง |
แล้วปรึกษาข้าเฝ้าเล่าให้ฟัง | อยู่ข้างหลังเสียด่านแล้วป่านนี้ |
พอผู้ถือหนังสือมาพาเข้าเฝ้า | ในบอกว่าข้าพเจ้ารำภาสะหรี |
รักษาด่านราญรบตลบตี | ผลาญไพรีล้มตายลงหลายพัน |
จะคิดตามขามจนด้วยพลน้อย | ข้าศึกถอยรอรั้งออกตั้งมั่น |
ประมาณสี่สิบเส้นพอเห็นกัน | บิดานั้นหายไปยังไม่มา |
แม้นมิช่วยให้ทันในวันรุ่ง | จะรบพุ่งศึกเสือเหลือรักษา |
จะเสียด่านบ้านเมืองเคืองบาทา | ชีวิตข้าทั้งหลายจะวายปราณ ฯ |
๏ นางทรงฟังสรรเสริญว่าเกินหญิง | ขยันยิ่งเสียกว่าชายนายทหาร |
ให้ตั้งนางต่างบิดาบัญชาการ | เป็นผู้ผ่านพารารักษาเมือง |
ทั้งเครื่องยศกลดกระบี่มีสำหรับ | หมวกประดับขนนกการเวกเหลือง |
เสื้อสุหร่ายลายทองดูรองเรือง | ทั้งเกราะเครื่องแต่งรบมีครบครัน |
อ้ายยันตังตั้งให้เป็นปลัดด่าน | คุมทหารหมื่นหนึ่งดูขึงขัน |
แต่งขุนนางให้วิรุญกับกุนตัน | ล้วนล่ำสันสูงพีมีกำลัง |
รีบยกพลคนละหมื่นถือปืนผา | ไปรักษาด่านไว้เหมือนใจหวัง |
ฝ่ายวิรุญกุนตันกับยันตัง | ต่างรับสั่งเสร็จความทั้งสามนาย |
บังคมลาพาพลคนละหมื่น | ทั้งกลางคืนกลางวันรีบผันผาย |
สองวันครึ่งถึงด่านดงตาลราย | เข้าทางท้ายเมืองมาหากรมการ ฯ |
๏ จึงแจ้งความตามรับสั่งให้ตั้งแต่ง | ตามตำแหน่งนางรำภาได้ว่าขาน |
ทั้งเครื่องยศกลดกระบี่ที่ประทาน | นางก้มกรานกราบคำนับแล้วรับตรา |
พออ่านดูรู้ว่าบิดาม้วย | อ่อนระทวยแทบชีวังจะสังขาร์ |
สลบล้มลมจับอับวิญญาณ์ | พอหมอมาแก้ทันไม่บรรลัย |
นางรู้สึกแล้วก็นึกสะอื้นอั้น | พลางรำพันพูดจาอัชฌาสัย |
บิดาตายฝ่ายเราให้เปล่าใจ | นึกจะใคร่เชือดคอให้มรณา |
แต่จนใจได้รับสั่งมาตั้งแต่ง | สุดจะแข็งขัดข้องต้องอาสา |
แล้วเล่าข่าวข้าศึกฝึกโยธา | เอาฟางหญ้ามาทำเป็นลำเรือ |
สำรองไว้เป็นอันมากเห็นหลากอยู่ | แต่ไม่รู้ว่าจะไปข้างใต้เหนือ |
จะแต่งใครให้สนิทเข้าชิดเชื้อ | ก็ล้นเหลือความคิดเห็นผิดที ฯ |
๏ ฝ่ายวิรุญกุนตันนั้นประมาท | ไม่หวั่นหวาดเห็นว่าศึกคงนึกหนี |
ด้วยเมืองเราเล่าก็ลำแม่น้ำมี | มันเสียทีก็จะลงข้างคงคา |
แล้วเกณฑ์ไพร่ให้ไปสกัดกัก | ในน้ำปักตอหลักไว้หนักหนา |
ที่จะอยู่หมู่หมวดให้ตรวจตรา | ขึ้นรักษาป้อมค่ายรายระวัง ฯ |
๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนพลสมทบ | ทำเรือรบเสร็จสมอารมณ์หวัง |
พอทัพหลวงล่วงมาถึงป่ารัง | ยังหยุดยั้งอยู่ไม่มาช่วยราวี |
พระอนุชาพาสามพราหมณ์ไปเฝ้า | ต่างก้มเกล้ากราบประณตบทศรี |
ทูลแถลงแจ้งความตามคดี | ไม่ต่อตีแต่งการจะราญรอน ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม | ทรวงจะโทรมเสียด้วยหมายสายสมร |
อยู่รถทรงองค์เอกเขนกนอน | คิดแต่กลอนเพลงยาวเมื่อคราวครวญ |
ครั้นน้องยาพาสามพราหมณ์มาเฝ้า | เขาทูลเล่าการณรงค์ทรงพระสรวล |
แล้วแกล้งว่าข้าไม่ห้ามตามแต่ควร | เจ้านี้ด่วนเด็ดขาดประมาทการ |
จนถูกกลพลตายต้องอายเขา | เหตุเพระเจ้าอาสาทั้งอาหลาน |
แม้นฟังว่าถ้าแต่ก่อนอย่ารอนราญ | จะคิดอ่านเพลงยาวอีกคราวเดียว |
แม้มิได้ให้ปรับจะรับผิด | นี่ขืนคิดเคืองขุ่นทำฉุนเฉียว |
น่าอดสูผู้หญิงจริงจริงเจียว | ไม่คิดเกี้ยวชู้สาวแล้วคราวนี้ |
วาสนาหาไม่มันไพล่พลิก | พลอยหยุกหยิกอยากจะถือเป็นฤๅษี |
จะถือศีลตั้งมั่นในขันตี | ไม่ย่ำยียุ่งหยาบเป็นบาปกรรม |
จะคิดกันฉันใดตามใจเจ้า | แต่ตัวเรานี้จะภาวนาร่ำ |
แล้วเอนเอกเขนกองค์ทรงประคำ | ทำพึมพำผินหลังตั้งเมตตา ฯ |
๏ ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มพริ้มพระพักตร์ | เห็นทรงศักดิ์เศร้าสร้อยละห้อยหา |
จะเกาแต่แผลคันจำนรรจา | นางวัณฬาเหมือนกับไก่อยู่ในมือ |
จะจับพามาถวายฝ่ายพระพี่ | ถือขันตีเสียแล้วมิแคล้วหรือ |
พระยิ้มพรายคลายโกรธออกโอษฐ์อือ | ถึงจะถือก็ทำไมแม้ได้มา |
จะจัดการบ้านเมืองเปลื้องธุระ | มิใช่จะสิ้นเล่ห์เสน่หา |
พระน้องฟังบังคมชมศรัทธา | ทูลลามารั้งรออยู่พอพลบ |
เรือสำหรับทัพละร้อยทั้งน้อยใหญ่ | บรรจุไพร่พร้อมเพียบเงียบสงบ |
เมื่อฤกษ์ดีมีลมให้สมทบ | แล่นตลบเข้าบูรีทั้งสี่นาย |
เราจะยกวกอ้อมเข้าล้อมหลัง | แม้นแตกพังไพรีจะหนีหาย |
เห็นดีพร้อมน้อมคำนับรับอุบาย | สานนนายพราหมณ์อ่านโองการมนต์ |
ร้องเรียกลมกลมกลุ้มคลุ้มพยับ | บัดเดี๋ยวกลับพัดมาโกลาหล |
โห่สนั่นหวั่นไหวกางใบกล | อันเรือยนต์เขยื้อนออกเคลื่อนคลา |
ทัพละร้อยลอยลิ่วฉิวฉิวเฉื่อย | เหมือนงูเลื้อยแล่นลู่บนภูผา |
กระทบผางกางเกยเลยศิลา | ด้วยฟางหญ้าหยุ่นท้องจึงคล่องเคล้า |
ที่ถือท้ายสายยนต์มือคนเหนี่ยว | ให้ลดเลี้ยวแล่นตลอดถึงยอดเขา |
แล้วกลับตรงลงเชิงเทินเนินลำเนา | ในเมืองเหล่าชนวิ่งทั้งหญิงชาย |
เห็นเรือรบคบอร่ามลงข้ามโขด | สะดุ้งโดดโดนกันมิ่งขวัญหาย |
ต่างหลบลี้หนีพลัดกระจัดกระจาย | เสียงเวยวายวิ่งไขว่กันไปมา ฯ |
๏ พวกหน้าที่หนีพรูไม่สู้รบ | แตกตลบแล่นโลดโดดถลา |
พลผลึกฮึกโห่เป็นโกลา | เที่ยวไล่ฆ่าชายหญิงด้วยชิงชัง |
บ้างเผาบ้านร้านโรงโพลงสว่าง | เห็นกระจ่างจับได้มัดไพล่หลัง |
ฝ่ายวิรุญกุนตันกับยันตัง | เหลือกำลังเลี้ยวลัดเที่ยวพลัดกัน |
จะรบรับขับไพร่มันไม่อยู่ | เปิดประตูแตกตื่นเสียงครื้นครั่น |
แต่นายนั้นขับม้าเที่ยวฝ่าฟัน | ฝ่ายกุนตันรำทวนเที่ยวรวนเร |
พอพบสามพราหมณ์พร้อมเข้าล้อมจับ | ปะทะทัพรับไล่กันไพล่เผล |
กุนตันฟาดพลาดผวาทั้งม้าเซ | ทหารเฮหุ้มจับยังรับรอง |
พอวิรุญขุนพลอ้อมมาพบ | เข้าช่วยรบแก้กันผันผยอง |
ต่างรำทวนสวนแทงแกว่งกระบอง | คอยรับรองป้องกันประจัญบาน ฯ |
๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าเมืองใส่หมวกเพชร | เสื้อเกราะเกล็ดนาคราชชาติทหาร |
อาวุธแอบแนบกายหลายประการ | เมื่อเสียด่านโดดขึ้นนั่งหลังอาชา |
กับสาวสาวบ่าวไพร่ที่ใช้ชิด | อุตส่าห์ติดตามนายทั้งซ้ายขวา |
พอยันตังอังกฤษศิษย์บิดา | ถือขวานผ่าฟันรบมาพบนาง |
ออกนำหน้าพาอ้อมไปป้อมนอก | จะหักออกไม่ถนัดให้ขัดขวาง |
เห็นวิรุญกุนตันฟันอยู่กลาง | ยันตังนางรำภาช่วยราวี |
ทหารแตกแยกย้ายพวกนายทัพ | ต่างต้อนรับรบพลางพานางหนี |
เปิดประตูพรูออกนอกบูรี | เจ้าพราหมณ์ตีติดตามออกหลามมา ฯ |
๏ ศรีสุวรรณนั้นตั้งอยู่หลังด่าน | วางทหารเรียงรายทั้งซ้ายขวา |
เห็นคนออกนอกกำแพงแต่งกายา | นางรำภาเพชรประดับอยู่วับวาม |
รู้ว่านายกรายกระบองร้องตวาด | ไล่พิฆาตควงขวางมากลางสนาม |
นางรำภาล่อลัดเข้าวัดพราหมณ์ | พระติดตามไล่นางไปห่างพล |
นางหวดห่วงบ่วงคล้องกระบองหลุด | พระโถมฉุดฉวยจับกันสับสน |
ต่างตกม้าคว้าคลำด้วยจำจน | ทั้งสองคนแข็งข้อกอดคอกัน |
นางเห็นพักตร์ผลักแพลงพลิกแว้งวัด | เสียวสัมผัสใกล้ชิดจิตกระสัน |
พระสวมสอดกอดปะทะพัลวัน | นางอกสั่นด้วยว่าชิดสนิทชาย |
แต่กลัวกันครั้นจะวางจะล้างผลาญ | ด้วยทหารก็ไม่เห็นเขม้นหมาย |
พระรักรูปจูบพลางไม่วางวาย | นางเหลืออายอดสูกับภูมี |
แต่เคราะห์กรรมจำจนทนให้จูบ | ครั้นหลบลูบล้ำเหลือเบื่อบัดสี |
จึงว่าไฮ้ไม่รบกันดีดี | เฝ้าจู้จี้จูบข้าหน้าไม่อาย |
จงวางกันสัญญาหยิบอาวุธ | สัประยุทธ์อย่างทหารท่านทั้งหลาย |
พระว่าหญิงวิ่งมาอยู่กับผู้ชาย | จะต้องตายเสียเปล่าเปล่าไม่เข้ายา |
เสียดายรูปจูบเล่นเหมือนเช่นชู้ | เจ้ามาสู้กันด้วยเล่ห์เสน่หา |
แม้บุรุษสุดแรงแผลงศักดา | นี่หญิงมารบสู้เหมือนชู้เมีย |
จะโลมเล้าเอาไปเลี้ยงไว้เรียงหมอน | จงโอนอ่อนอนุกูลอย่าสูญเสีย |
พลางเฟ้นฟอดกอดคอค่อยคลอเคลีย | อะลิ้มอะเหลี่ยลองจิตสะกิดเกา |
นางว่าเบื่อเชื่อตัวไม่กลัวบาป | นิยมหยาบหยอกเยียลูกเมียเขา |
พระปล้ำปลอบตอบคำว่าทำเนา | แม้ตัวเจ้าปลงใจจะได้บุญ |
มิใช่ผัวตัวติดมากีดขวาง | พระว่าพลางกอดเกี่ยวให้เฉียวฉุน |
ขยำหยอกนอกเสื้อเหลือละมุน | อิงแอบอุ่นอักอ่วนให้ยวนยี |
พอดังเปรี้ยงเสียงผลุงสะดุ้งหวาด | เห็นปีศาจสูงง้ำดำมิดหมี |
ทำตึงตังยังแต่ตัวหัวไม่มี | กษัตริย์ศรีสุวรรณวิ่งมันยิ่งตาม |
พระตกใจได้กระบองรับรองรบ | พอพานพบพวกพลมาล้นหลาม |
ปีศาจหายกายสั่นให้ครั่นคร้าม | ไม่ติดตามต้อนทัพรีบกลับไป ฯ |
๏ ฝ่ายรำภาสะหรีเห็นผีพ่อ | น้ำตาหล่อหลั่งตกซกซกไหล |
โอ้บิดามาช่วยลูกชิงชัย | เหลืออาลัยแลลับวับวิญญาณ์ |
ให้เย็นอกยกมือขึ้นไหว้กราบ | เปลื้องเข้มขาบคาดอกโพกเกศา |
พอสว่างนางกลับขึ้นอาชา | ก็เร่งม้าหมายมุ่งไปกรุงไกร ฯ |
๏ ฝ่ายวิรุญกุนตันนั้นอยู่หลัง | ทั้งยันตังตีฝ่าออกมาได้ |
พอพบกันทันนางที่กลางไพร | ได้พวกไพร่พลบ้างไปลังกา ฯ |
๏ ฝ่ายกองทัพยับยั้งเข้าตั้งด่าน | พร้อมทหารไพร่นายทั้งซ้ายขวา |
ให้ตีฆ้องร้องป่าวชาวพารา | ให้กลับมาอยู่กินตามถิ่นเคย |
ศรีสุวรรณนั้นสั่งสินสมุทร | อย่ายั้งหยุดอยู่นานเลยหลานเอ๋ย |
เหมือนเล่าเรียนเขียนกนไปจนเกย | อย่าละเลยสงครามตามไปตี |
ทั้งสามพราหมณ์สามทัพกำกับด้วย | จะได้ช่วยรบพุ่งถึงกรุงศรี |
อาจะตามข้ามทุ่งไปพรุ่งนี้ | ให้พระพี่อยู่ที่ด่านสำราญใจ |
สินสมุทรกับสามพราหมณ์คำนับ | มาจัดทัพธงทิวปลิวไสว |
โห่สนั่นลั่นฆ้องทั้งกลองชัย | ต่างขับไพร่พลหลามไปตามกัน ฯ |
๏ ฝ่ายรำภาสะหรีหนีจากด่าน | กับทหารสามนายรีบผายผัน |
มาตามทางกลางคืนทั้งกลางวัน | ถึงเขตคันเข้าไปเฝ้าเยาวมาลย์ |
แล้วทูลความตามที่เสียทีทัพ | มิทันรับเรือกลพหลทหาร |
มันข้ามเขาเข้าไปได้ในปราการ | จึงเสียด่านด้วยไม่ทันป้องกันพล ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช | แสนฉลาดล้ำหญิงในสิงหล |
จึงเสแสร้งแกล้งตรัสให้จัดพล | คอยประจญประจัญรอบขอบเวียงชัย |
แล้วพิศพักตร์ลักขณารำภาสะหรี | ดังสำลีลำยองดูผ่องใส |
รู้รบศึกฝึกฝนทำกลไก | จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้เป็นไมตรี |
จึงให้หามาใกล้ปราศรัยปลอบ | เจ้าทำชอบช่วยบำรุงซึ่งกรุงศรี |
จะรักใคร่กันให้เหมือนเพื่อนชีวี | นึกว่าพี่น้องกันจนวันตาย ฯ |
๏ นางรำภาฝรั่งฟังประภาษ | แสนสวาทหวานหูไม่รู้หาย |
ทูลฉลองพร้องเพราะด้วยเราะราย | ขอถวายชีวาฝ่าธุลี |
ถึงเลือดเนื้อเมื่อเป็นของต้องประสงค์ | จะปลดปลงเปลื้องถวายไม่หน่ายหนี |
พระปิ่นเกล้าเจ้าจังหวัดปัถพี | อย่าราคีคิดแหนงแคลงพระทัย ฯ |
๏ นางโฉมยงทรงสดับให้จับจิต | แสนสนิทเสน่หาจะหาไหน |
ชวนรำภาฝรั่งเข้าวังใน | แล้วจัดให้ห้องหับที่หลับนอน |
ทั้งเครื่องแต่งแป้งสุคนธ์ปนเสน่ห์ | อุปเท่ห์สารพัดนางตรัสสอน |
ปรึกษากิจคิดการจะราญรอน | จะผันผ่อนเพทุบายหลายประการ |
รบคราวนี้มิชนะก็จะขัด | ด้วยความรักรึงรัดประหัตประหาร |
แค้นแต่ใจใครเขาวอนไม่รอนราญ | คิดสงสารเสียแล้วใจไม่ได้ความ |
เหมือนหนึ่งเจ้าเขารักแต่หากว่า | จะเข่นฆ่าได้มิได้จะใคร่ถาม |
นางทูลว่าข้าพเจ้าเข้าสงคราม | ไม่เข็ดขามเคยสังหารผลาญชีวี |
ถึงเขารักหากว่าข้าพเจ้า | ไม่รักเขาฆ่าได้ให้เป็นผี |
แม้นรักเขาถ้าจะฆ่าก็ปรานี | เห็นเต็มทีทำใครไม่ได้เลย ฯ |
๏ นางฟังเปรียบเฉียบแหลมยิ้มแย้มเยื้อน | ใจเจ้าเหมือนใจเราเจียวเจ้าเอ๋ย |
แต่ครั้งนี้มิเคยต้องจำเคย | แล้วชมเชยพี่น้องสองสุดา |
แม้มารดรอ่อนใจจะใช้เจ้า | ให้ฆ่าเขาฆ่าได้หรือไม่ฆ่า |
ทั้งสองนางพลางคำนับรับบัญชา | เว้นแต่ว่าบิตุรงค์พระองค์เดียว |
ถ้าคนอื่นหมื่นแสนที่แค้นขัด | จะไปตัดเอาศีรษะเสียประเดี๋ยว |
นางฟังพลอดยอดหญิงจริงจริงเจียว | ประทานเกี้ยวกับช้องทั้งสองรา |
แล้วตรัสสั่งตั้งแต่งตำแหน่งที่ | เป็นบุตรีกั้นกลดมียศถา |
ถ้าเทียบอย่างข้างเราเป็นเจ้าฟ้า | แล้วปรึกษาสงครามเป็นความลับ |
อ้ายย่องตอดยอดทหารเหมือนมารร้าย | ฆ่าไม่ตายแต่ปิดกิตติศัพท์ |
เจ้าคุมไปใช้ลองในกองทัพ | สมทบกับนางรำภาปรึกษากัน |
อันแยบยลกลศึกล้วนลึกซึ้ง | มิควรขึ้งเคียดอ่อนค่อยผ่อนผัน |
ไปตั้งสู้อยู่ที่เขาเจ้าประจัญ | หนทางวันหนึ่งจะมาถึงธานี |
เป็นการใหญ่เกณฑ์ไพร่ให้หลายหมื่น | หอรบปืนป้อมคูประตูผี |
มีไฟฝนกลหลบเหล็กตบตี | เจ้ารู้ทีทำศึกจงตรึกตรอง |
แล้วจัดเสื้อเครือกระหนกเกราะหมวกเพชร | กลเม็ดสอนสั่งให้ทั้งสอง |
ครั้นสำเร็จเสร็จมานั่งบรรลังก์ทอง | ให้หาย่องตอดมาแล้วพาที |
เราจะใช้ให้เป็นที่พระพี่เลี้ยง | อยู่ใกล้เคียงพี่น้องทั้งสองศรี |
แม้เกิดเหตุเภทภัยสิ่งใดมี | จะฆ่าตีตัวมึงให้ถึงตาย ฯ |
๏ อ้ายย่องตอดทอดตาดูหน้าเจ้า | ล้วนสาวราวกับเขียนวิเชียรฉาย |
ฉุนสุคนธ์ปนยาต้องตาชาย | รักแทบตายจะได้ใคร่ดังใจปอง |
เป็นคนซื่อถือว่าที่พระพี่เลี้ยง | จะกล่อมเกลี้ยงปลูกฝังให้ทั้งสอง |
กษัตริย์นั้นมันกลัวหนังหัวพอง | พยักร้องว่าอย่าได้ปรารมภ์ ฯ |
๏ นางกษัตริย์จัดแจงแต่งย่องตอด | ใส่เสื้อสอดสวมเกราะดูเหมาะสม |
ใส่หมวกทองรองเรืองเฟืองมะยม | มันชื่นชมชอบใจด้วยได้ดี |
แล้วจัดเอาศัสตรามาให้ถือ | สำหรับมือมอบให้มันสั่นเกศี |
เอาแต่พร้าอีโต้โตเต็มที่ | เหน็บไว้ที่ท้องน้อยนั่งคอยนาย ฯ |
๏ นางกษัตริย์ตรัสว่ากับข้าเฝ้า | อันตัวเราขาดญาติที่มาดหมาย |
จะทำศึกปรึกษาบรรดาชาย | ก็คิดอายอยู่ว่าเห็นเป็นสตรี |
อันพี่น้องสองนี้ถืออาญาสิทธิ์ | ถ้าใครคิดข้องขัดตัดเกศี |
รีบยกไปให้ทันในวันนี้ | ตั้งอยู่ที่ด่านเขาเจ้าประจัญ ฯ |
๏ ฝ่ายนายทัพรับสั่งสะพรั่งพร้อม | ประณตน้อมนางกษัตริย์มาจัดสรร |
ให้ยันตังทั้งวิรุญและกุนตัน | คุมฉกรรจ์กองละหมื่นพื้นกำลัง |
ฝ่ายพี่น้องสององค์ขึ้นทรงรถ | กั้นพระกลดเตรียมแห่ทั้งแตรสังข์ |
ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องกลองระวัง | ยกไปตั้งด่านเขาเจ้าประจัญ ฯ |
๏ ฝ่ายสามพราหมณ์สามทัพกับสินสมุทร | ไม่ยั้งหยุดแยกย้ายกันผายผัน |
พอร่วมทางหว่างเขาเจ้าประจัญ | เห็นป้องกันเชิงเทินเนินหอรบ |
คนรักษาหน้าที่ดูมี่ฉาว | เสียงเกรียวกราวกรูเกริ่นเดินบรรจบ |
จึงหยุดทัพยับยั้งตั้งสมทบ | พอจวนพลบเพลิงโหมประโคมกลอง ฯ |
๏ ฝ่ายยุพาผกาอยู่หน้าป้อม | ทหารพร้อมเฝ้าฟังรับสั่งสนอง |
เห็นโยธาข้าศึกนั่งตรึกตรอง | แล้วบอกน้องโน่นแน่แม่แลดู |
อันพวกเขาชาวผลึกศึกสันทัด | รู้จักจัดตั้งทัพที่รับสู้ |
มีกองแซงแว้งหางเหมือนอย่างงู | ใครโจมจู่จะได้รัดกระหวัดไว้ |
จำจะคิดบิดเบือนให้เหมือนเหยี่ยว | ไปโฉบเฉี่ยวเอาแต่ตามาให้ได้ |
จึงคลุกคลีตีตัวกลัวอะไร | แต่จะได้เกียรติยศให้งดงาม |
ดำริพลางนางแกล้งแต่งหนังสือ | ให้ทูตถือรีบไปปราศรัยถาม |
พวกทัพหน้าพาขึ้นเฝ้าฝ่ายเจ้าพราหมณ์ | ให้อ่านตามหนังสือซึ่งถือมา ฯ |
๏ ว่าโฉมยงองค์ยุพาผกาสวรรค์ | กับสุลาลีวันกนิษฐา |
พระบุตรีพี่น้องสองสุดา | เสด็จมาอวยทานแทนมารดร |
ด้วยสินทรัพย์นับโกฏิจะโปรดให้ | ทั้งนายไพร่พวกทหารชาญสมร |
ใครมีแรงหาสาแหรกมาแบกคอน | อย่าราญรอนรบกวนชวนกันไป |
แม้มิรับทรัพย์สินมาปีนปล้น | ไม่รอดพ้นความตายทั้งนายไพร่ |
จะจับมาฆ่าฟันให้บรรลัย | สาแก่ใจโจรป่าไม่ปรานี ฯ |
๏ สินสมุทรสุดแสนแค้นหนังสือ | น้อยไปหรือร่ำว่าน่าบัดสี |
จะตีทัพจับมันในวันนี้ | เถิดหรือพี่พราหมณ์จะเห็นเป็นอย่างไร |
ทั้งสามพราหมณ์ห้ามว่าช้าก่อนพ่อ | เขาลวงล่อเลียมลามตามวิสัย |
ซึ่งการศึกตรึกตรองทำนองใน | พี่จะได้ตอบโต้ข้างโลกีย์ |
แล้วเขียนคำทำตอบให้มอบหมาย | ไปถวายพระธิดามารศรี |
ฝรั่งรับกลับมาให้นารี | แจ้งคดีโดยดังได้ฟังมา ฯ |
๏ นางอ่านความนามนรินทร์สินสมุทร | ราชบุตรบรเมศร์เหมือนเชษฐา |
ปลอบประโลมโฉมพระน้องสองสุดา | ซึ่งยกมาหมายจะใคร่เป็นไมตรี |
ด้วยบิตุรงค์ทรงศักดิ์สมัครสมาน | กับพระมารดาน้องทั้งสองศรี |
จะร่วมเสวกเอกฉัตรสวัสดี | เจ้ากับพี่เล่าก็คงเป็นพงศ์พันธุ์ |
ถึงสินทรัพย์นับแสนแม้นจะให้ | ไม่เหมือนได้แนบน้องประคองขวัญ |
โฉมยุพาผกาสุลาลีวัน | อย่าโศกศัลย์เศร้าหมองละอองนวล |
ไม่นึกร้ายหมายรบพอพบพักตร์ | จะประจักษ์แจ้งความทรามสงวน |
ให้เห็นรักหนักในใจรัญจวน | อย่าคิดควรขาดเด็ดได้เมตตา |
แม้นตัดรักหักหาญจะราญรบ | กว่าจะสบสมมาดปรารถนา |
มิพบพักตร์แล้วไม่ยักไปนครา | กรุงลังกานี้ก็เหมือนกับเรือนตาย ฯ |
๏ นางรู้เรื่องเคืองข้องแต่ต้องนิ่ง | น้องสาวชิงฉีกกระดาษเสียขาดหาย |
แล้วนิ่งนึกตรึกความตามอุบาย | จึงสั่งนายย่องตอดจงดอดไป |
สะกดคนพลทัพให้หลับสิ้น | แล้วเลือกกินตามประสาอัชฌาสัย |
แต่นายทัพจับมาให้สาใจ | จะได้ใส่กรงขังไปลังกา ฯ |
๏ ย่องตอดรับกลับกลายแล้วหายฉิบ | ด้วยผีดิบโดดไปไกลหนักหนา |
ลงจากป้อมด้อมมองเที่ยวย่องมา | เห็นโยธาทัพผลึกยังครึกครื้น |
เข้าแฝงเงาเป่ามนต์คนทั้งหลาย | เปรียบเหมือนทรายซัดตาไม่ฝ่าฝืน |
บ้างล้มหลับทับหอกกระบอกปืน | ดูดาษดื่นเดินเที่ยวลดเลี้ยวมา |
เห็นวัวควายรายหลับเข้าจับฟาด | เชื้อปีศาจสูบเลือดเชือดมังสา |
กินแต่ตับกับไตกับนัยน์ตา | ทั้งม้าลาล้มตายวายชีวัน |
แล่นขึ้นบนพลับพลาหาแม่ทัพ | เห็นพราหมณ์หลับรวบรัดมัดกระสัน |
ได้แต่พราหมณ์สามคนเอาปนกัน | ผ้าขาวพันผูกตาไปหานาย ฯ |
๏ ฝ่ายสองนางต่างดูไม่รู้จัก | จึงถามซักพวกฝรั่งสิ้นทั้งหลาย |
ข้าก็เห็นเป็นพราหมณ์ทั้งสามชาย | คนไหนนายหน่อกษัตริย์ขัตติยา |
นางรำภาว่าเมื่อรบได้พบเห็น | พราหมณ์นี้เป็นตัวนายปีกซ้ายขวา |
ที่รูปร่างอย่างยักษ์ลักขณา | ทั้งสองตาแดงช่วงดังดวงไฟ |
มีเขี้ยวคมผมย่นเหมือนขนแกะ | คนนี้แหละแทงฟันมันไม่ไหว |
นางยุพาว่าพี่กลับไปฉับไว | จับให้ได้ตัวนายคนนั้นมา |
แล้วให้หามพราหมณ์ไปไว้บนป้อม | ทหารล้อมพร้อมพรักคอยรักษา |
ให้โยธีตีกรงจงตรึงตรา | ส่งไปวังลังกาไม่ฆ่าฟัน ฯ |
๏ ฝ่ายย่องตอดตลอดออกข้างนอกป้อม | เที่ยวเดินด้อมดูไปจนไก่ขัน |
เข้าค่ายใหญ่ไฟสว่างดังกลางวัน | ค่อยด้นดั้นด้อมมาพลับพลากลาง |
มองเขม้นเห็นสินสมุทรหลับ | สิงโตกับอัสดรนั้นนอนขวาง |
มีดโต้เหน็บแทบท้องค่อยย่องพลาง | เขย่งย่างยืนขยับขึ้นพลับพลา |
สิงโตเห็นเผ่นตบทั้งขบกัด | ตะครุบฟัดคร่อมขี่ทั้งสี่ขา |
ด้วยเขี้ยวแก้วแพรวพรรณกันกายา | ศัตรูมามิได้หลับคอยรับรบ |
อ้ายย่องตอดกอดสิงห์ล้มกลิ้งคว่ำ | มันขย้ำหยิกฟัดสะบัดขบ |
ทั้งขาแข้งแย่งชักให้หักทบ | เสือกสลบแล้วลุกขึ้นคลุกคลี |
สิงโตกัดพลัดพลาดมันฟาดสิงห์ | ลงเกลือกกลิ้งกลางแปลงด้วยแรงผี |
มันหลีกตัวกลัวว่าจะช้าที | เข้าถึงที่หน่อไทเธอไสยา |
มองเขม้นเห็นสินสมุทรหลับ | กระโจนจับยึดแน่นทั้งแขนขา |
กุมารตื่นฟื้นตนด้วยมนตรา | มันรีบพาออกไปพ้นพลรบ ฯ |
๏ หน่อนรินทร์ดิ้นหลุดมันยุดแย่ง | ชักพระแสงสวนรับจับประจบ |
ฟันขมองย่องตอดลงทอดทบ | เสือกสลบล้มนิ่งไม่ติงกาย |
พอสว่างสร่างมนต์ไพร่พลตื่น | ต่างฉวยปืนหอกดาบกำซาบสาย |
ออกวิ่งตามถามข่าวลูกเจ้านาย | เห็นศพตายหงายหน้ามีตาเดียว |
บ้างจับต้องร้องบอกว่าออกกลิ่น | เห็นจะกินสัตว์เป็นจึงเหม็นเขียว |
บ้างว่าเชื้อเสือสมิงจริงจริงเจียว | นี่มันเที่ยวมาแต่หนตำบลใด ฯ |
๏ สินสมุทรหยุดพิศพินิจนึก | พวกข้าศึกมั่นคงไม่สงสัย |
ให้หาพราหมณ์สามนายก็หายไป | ต่างตกใจวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี |
พอแสงแดดแผดต้องอ้ายย่องตอด | ลมตลอดดวงจิตเพราะฤทธิ์ผี |
โดดถลาถาโถมเข้าโจมตี | ชาวบุรีแตกตื่นเสียงครื้นเครง |
บ้างหลีกหลบรบรับสัประยุทธ์ | แกว่งอาวุธดาบหอกกลอกเขนง |
มันฉุกวิ่งล้มปะทะปะกันเอง | เสียงครื้นเครงไพร่พลัดกระจัดกระจาย |
สินสมุทรสุดโกรธพิโรธร้อง | เข้ารบย่องตอดตีไม่หนีหาย |
แกว่งพระขรรค์ฟันฟาดปราดประกาย | มันไม่ตายแต่ว่าล้มลงซมซาน |
ครั้นรุมจับกลับรบไม่หลบหลีก | กระชากฉีกแขนขาโยธาหาญ |
สิงโตเห็นเผ่นโผนโจนทะยาน | ช่วยทหารโฮกกัดทั้งฟัดยี |
อ้ายย่องตอดลอดโลดกระโดดหลบ | เขารุมรบแรงน้อยต้องถอยหนี |
ทหารห้อมล้อมรุกเข้าคลุกคลี | มาถึงที่หน้าเขาเจ้าประจัญ ฯ |
๏ ฝ่ายยุพาผกาเวลารุ่ง | เสียงรบพุ่งย่องตอดลอดถลัน |
ให้ยันตังทั้งวิรุญกับกุนตัน | ออกช่วยกันโอบอ้อมเข้าล้อมรบ |
ฝรั่งรับขับพลอลหม่าน | เข้าต่อต้านตีทัพกลับตลบ |
ทั้งหน้าหลังพรั่งพร้อมล้อมสมทบ | ทหารรบรับกันสนั่นดัง |
เหล่าพหลพลทมิฬพวกสินสมุทร | ต้องอาวุธยับย่อยก็ถอยหลัง |
เสียกระบวนรวนเรวิ่งเซซัง | พวกฝรั่งรุมกันไล่ฟันแทง |
แต่หน่อนาถอาจองค์ขึ้นทรงสิงห์ | แล้วควบวิ่งฝ่าทหารชาญกำแหง |
เข้ารบรับขับเคี่ยวด้วยเรี่ยวแรง | ใครต่อแย้งย่อยยับลงนับพัน ฯ |
๏ ฝ่ายยุพาผกาเห็นฝรั่ง | เข้าหน้าหลังล้อมทัพไว้คับขัน |
จึงตรัสสั่งทั้งรำภาสุลาลีวัน | ออกช่วยกันรบจับนายทัพไว้ ฯ |
๏ ฝ่ายสองนางต่างลงมาทรงม้า | ยกโยธาถือดาบกำซาบไสว |
เข้าสมทบรบรุมเป็นกลุ่มไป | พระหน่อไทแทงฟันประจัญบาน ฯ |
๏ พอวิรุญกุนตันพลันมาพร้อม | เข้าห้อมล้อมแต่ชายนายทหาร |
พระขับสิงห์วิ่งโผนโจนทะยาน | เข้าชิงขวานฟาดฟันอ้ายยันตัง |
มันหลีกหลบรบรับพอทัพหนุน | ชุลมุนซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง |
หน่อนรินทร์สินสมุทรสุดกำลัง | ด้วยถูกทั้งแหลนหลาวลูกเกาทัณฑ์ |
จึงถอยกลับขับสิงห์ให้วิ่งแหวก | ทหารแตกตื่นหนีไม่มีขวัญ |
พอเสียงโห่โยธีศรีสุวรรณ | ยกมาทันทัพหลานช่วยราญรอน |
ทัพฝรั่งลังกาทั้งห้าทัพ | ออกรายรับรบทหารชาญสมร |
เข้าคั่งคับจับกุมตะลุมบอน | ยิ่งตายต้อนตามกันเข้าฟันแทง |
พวกโยธีศรีสุวรรณประจัญสู้ | ยิงธนูน้าวลั่นเกาทัณฑ์แผลง |
ส่วนสองนางต่างขับกองทัพแซง | สกัดแย่งยิงปืนเสียงครื้นครึก ฯ |
๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนอยู่บนป้อม | ทหารล้อมหลับแน่มาแต่ดึก |
ตื่นสว่างต่างดูรู้สำนึก | ว่าข้าศึกมัดมาในราตรี |
จึงอ่านมนต์ฝนลมระดมพัด | เป็นเมฆกลัดกลุ้มมัวทั่ววิถี |
สลัดหลุดผุดลุกไล่คลุกคลี | ชิงกระบี่พลไพร่แล้วไล่ฟัน |
ออกประตูผู้คุมมันรุมจับ | เจ้าพราหมณ์รับรบฆ่าให้อาสัญ |
ฝ่ายยุพาผกาวิลาวัณย์ | ถือเกาทัณฑ์รีบลงมาทรงรถ |
ให้ขับตามพราหมณ์ออกไปนอกป้อม | ทหารพร้อมพรูพรั่งมาทั้งหมด |
ทั้งสามพราหมณ์ตามกันขึ้นบรรพต | นางเร่งรถรีบตามเจ้าพราหมณ์ไป ฯ |
๏ ฝ่ายโยธีศรีสุวรรณกับสินสมุทร | ต่างต่อยุทธ์อยู่จนพลบหลบไม่ไหว |
ทหารแตกแยกยับทั้งทัพชัย | ฝรั่งไล่ล้มลุกลงคลุกคลาน ฯ |
๏ สินสมุทรหยุดรับทัพฝรั่ง | คอยกันหลังโยธาทั้งอาหลาน |
พอทัพหลวงล่วงมาจากป่าตาล | ให้ทหารจุดคบช่วยรบรับ |
ฝรั่งสิ้นดินลูกถูกอาวุธ | บ้างเหนื่อยทรุดเซล้มทั้งลมจับ |
พระอนุชาพาหลานไล่ผลาญทัพ | ฝรั่งยับเยินแยกแตกกระจาย |
พลผลึกฮึกโหมเข้าโจมจบ | ตีตลบล้อมไล่ไพร่ทั้งหลาย |
บ้างกลุ้มกลัดตัดทัพจะจับนาย | ฝรั่งตายย่อยยับลงนับพัน |
พลลังกาห้าทัพไม่รับรบ | แตกตลบหลีกไปเข้าไพรสัณฑ์ |
พอทัพหลังนางยุพายกมาทัน | ช่วยป้องกันแก้ฝรั่งชาวลังกา |
ให้แยกยกวกหลังประดังรบ | ตีกระทบตัดท้ายทั้งซ้ายขวา |
ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนสนธยา | รีบออกมาที่รบพบยันตัง |
มันตามจับสับสนอลหม่าน | ไม่แจ้งการณ์ว่าใครมาข้างหน้าหลัง |
จึงอ่านมนต์ฝนลมระดมดัง | เหลือกำลังที่ทหารจะทานทน |
พวกลังกาล่ากลับทัพผลึก | ยิ่งโหมฮึกไล่ล้างมากลางฝน |
ด้วยเคยเป็นเห็นเหตุว่าเวทมนตร์ | ทั้งอยู่ต้นลมมาไล่ฆ่าฟัน ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายวิ่งพรายพลัด | พราหมณ์สกัดเข่นฆ่าให้อาสัญ |
ฝ่ายยุพารำภาสุลาลีวัน | พบวิรุญกุนตันขุนยันตัง |
ต่างต้อนพลฝนหนาวพอเช้าตรู่ | เข้าประตูด่านได้ดังใจหวัง |
พลผลึกศึกกล้าดาประดัง | ยกเข้าตั้งโอบเขาเจ้าประจัญ ฯ |
๏ ฝ่ายยุพานารีเสียทีศึก | พลผลึกล้อมทัพไว้คับขัน |
ให้ยันตังทั้งวิรุญกับกุนตัน | ขึ้นป้องกันเชิงเทินเนินหอรบ |
แม้ได้ทีตีด่านเข้าหาญหัก | จึงหันจักรหกหุ้มคลุมตลบ |
แล้วเตรียมไพร่ใหญ่น้อยคอยสมทบ | ทหารรบรายรอบขอบกำแพง ฯ |
๏ ฝ่ายย่องตอดลอดหลบไปซบหลับ | จนทัพกลับตื่นตาค่อยกล้าแข็ง |
ออกวิ่งหนักพักเดียวด้วยเรี่ยวแรง | ถึงกำแพงโผนเข้าไปเฝ้านาง ฯ |
๏ พระธิดาปราศรัยมิให้หมอง | คืนนี้น้องรบพุ่งจนรุ่งสาง |
เมื่อทัพแตกแยกย้ายแทบวายวาง | พี่หลงทางไปข้างไหนจึงไม่มา ฯ |
๏ อ้ายย่องตอดกอดเข่าแล้วเล่าบอก | หลับไปดอกด้วยว่าเมื่อยเหนื่อยหนักหนา |
อ้ายนายพลคนดีมีศักดา | มันจับข้ามึนอ่อนให้หย่อนแรง |
ส่วนสามนางต่างนึกว่าศึกใหญ่ | จนชั้นไอ้ผีป่ายังว่าแข็ง |
จึงปรึกษาว่าเขาล้อมป้อมกำแพง | จำจะแจ้งความหลังไปลังกา |
แล้วสามนางร่างบอกแต่ออกรบ | เขียนจนจบม้วนปิดผนิดฝา |
มอบม้าใช้ให้ถือกระบอกตรา | ขึ้นควบม้าหมายมุ่งไปกรุงไกร ฯ |
๏ ฝ่ายพราหมณ์สามกษัตริย์จัดทหาร | เข้าล้อมด่านเขาประจัญเสียงหวั่นไหว |
พอราตรีตีฆ้องให้กองไฟ | พระอภัยขึ้นประทับที่พลับพลา |
ศรีสุวรรณกับหลานทหารพร้อม | ประณตน้อมเฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา |
พระตรัสถามตามเรื่องเมืองลังกา | นางวัณฬาลงมาอยู่หรือผู้ใด ฯ |
๏ สินสมุทรสุดเคืองด้วยเรื่องนั้น | แต่จำกลั้นกล่าวแกล้งแถลงไข |
ล้วนสาวสาวเหล่าผู้หญิงมาชิงชัย | ที่เป็นใหญ่ชื่อยุพาสุลาลีวัน |
เป็นลูกสาวเจ้าลังกาวัณฬาราช | แสนฉลาดลูกเสือเหลือขยัน |
เมื่อล่าหนีตีทัพจับไม่ทัน | จะฟาดฟันสับซ้ำให้หนำใจ ฯ |
๏ พระอภัยได้ยินสินสมุทร | ฉงนสุดตรัสถามตามสงสัย |
นางวัณฬาสามีอยู่ที่ใด | จึงจะได้ลูกสาวมากล่าวความ |
สินสมุทรทรุดหมอบไม่ตอบโอษฐ์ | พระกริ้วโกรธตรัสขู่กระทู้ถาม |
หน่อนรินทร์ผินพักตร์พยักพราหมณ์ | ให้ทูลตามสารศรีที่มีมา |
ครั้นดึกมีชายดุจักขุบอด | มันลอบลอดเข้ามาได้ไวหนักหนา |
ใครแทงฟันมันไม่ตายวายชีวา | ถามเขาว่ามันเป็นที่พระพี่เลี้ยง |
พระอภัยได้ฟังลงนั่งนิ่ง | ไม่เห็นจริงสารพัดจึงตรัสเถียง |
แล้วว่าเจ้าเบาใจไม่ไล่เลียง | เอาชื่อเสียงผู้ผัวหรือตัวใคร |
หน่อกษัตริย์ตรัสว่าประสาซื่อ | จะเอาชื่อผัวนางไปข้างไหน |
พระบิตุรงค์หลงรักเฝ้าซักไซ้ | ฉันมิใช่พงศ์พันธุ์นางวัณฬา |
พระบิดรค้อนเคืองยกเรื่องเก่า | จึงว่าเจ้าพร้อมกันขันอาสา |
แม้เสียทัพกับฝรั่งชาวลังกา | จะให้ฆ่าชีวันถึงบรรลัย |
เดี๋ยวนี้ทัพยับแยกแตกตลบ | เรามาพบพ่ายแพ้ต้องแก้ไข |
เดิมสัญญาว่าขานประการใด | จงว่าไปตามจริงทุกสิ่งอัน |
พระอนุชาว่ายังไม่พลั้งพลาด | มิควรคาดโทษถึงซึ่งอาสัญ |
เหยียบลังกามาถึงเขาเจ้าประจัญ | สองสามวันก็จะเสร็จสำเร็จการ |
อันต่อตีมีแพ้แลชนะ | มิใช่จะเลิกล่าโยธาหาญ |
วิสัยศึกตรึกตราต้องช้านาน | ต้องคิดการแรมปีจึงมีชัย |
อันผู้หญิงสิงหลทำกลศึก | ย่อมล้ำลึกลวงล่อให้หลงใหล |
หรือทรงฤทธิ์คิดอ่านประการใด | มิให้ไพร่พลยากลำบากกาย |
พระเชษฐาว่าเจ้ายังเยาว์อยู่ | มิได้รู้จักการประมาณหลาย |
เป็นชายชอบตอบสู้กับผู้ชาย | ถึงวอดวายไว้ชื่อให้ลือชา |
อันสตรีทีท่วงทำหน่วงเหนี่ยว | ชอบแต่เกี้ยวกันด้วยเล่ห์เสน่หา |
แม้เหมือนหมายได้ทั้งเมืองลังกา | ทุกพารารู้เรื่องจะเลื่องลือ |
วิสัยพี่นี้ชำนาญแต่การปาก | มิให้ยากพลไพร่ใช้หนังสือ |
พระน้องยาอาหลานทหารมือ | เรียนแต่ดื้อดึงได้เราไม่เคย |
แล้วเข้าไปในไสยาสน์อนาถนิ่ง | พระองค์อิงเอนเอกเขนกเขนย |
คะนึงนางปางใดเมื่อไรเลย | จะได้เชยโฉมฉายเหมือนหมายมา ฯ |
๏ ศรีสุวรรณชวนสามพราหมณ์กับหลาน | ไปเตรียมการตรวจค่ายทั้งซ้ายขวา |
ให้ตีเกราะเคาะฆ้องกลองสัญญา | วางเสือป่าแมวเซาคอยเฝ้าฟัง ฯ |