ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา

๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงอาณาเขต ถึงนิเวศน์เหมราพลางปราศรัย
กับท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิไกร ท่านว่าไว้สมคำที่รำพัน
เราติดตามสามศัตรูจนพ้นเขต ไม่แจ้งเหตุค้นในป่าพนาสัณฑ์
กับหน่อนาถร่วมใจไปด้วยกัน ถึงสามวันพากันไปชายทะเล
ได้แต่ม้ามาทั้งสามตามจนจบ ไม่พานพบพวกมันต้องหันเห
จะหาเรือไปตามข้ามทะเล จะคะเนเหนือใต้ไม่ได้ความ ฯ
๏ ฝ่ายนิกรมพรหเมศทูลสนอง ไม่พักต้องตามไปอย่าได้ขาม
อันพวกพ้องของไพรินคงสิ้นนาม ถึงจะตามไปก็เหนื่อยทั้งเปื่อยการ
ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ปิ่นกษัตริย์ เข้าจังหวัดกรุงไกรอันไพศาล
กับหน่อนาถขัตติยาแลอาจารย์ เข้าสถานนคเรศนิเวศน์วัง ฯ
๏ ฝ่ายอนงค์องค์มิ่งมเหสี กับบุตรีรีบจรอาวรณ์หวัง
มารับเสด็จท่านท้าวเข้าในวัง พร้อมสะพรั่งล้วนอนงค์ทรงวิไล
ป่างพระปิ่นภูวดลกัมพลรัตน์ โองการตรัสบัญชาพลางปราศรัย
เรียกบุตรีศรีสมรเสมอใจ ให้มาไหว้เชษฐาด้วยการุญ
มเหสีพาบุตรีมาก้มกราบ โดยสุภาพกลมเกลียวไม่เฉียวฉุน
งามเสงี่ยมไม่สู้งอนอ่อนละมุน พึ่งแรกรุ่นชันษาสิบห้าปี
พระดูนางมิได้วางเนตรชม้าย ดูกรกายพักตราทั้งราศี
ลักษณะน้ำนวลไม่อ้วนพี ดั่งกินรีไกรลาสเมื่อนาดกราย
กระนี้หรือเจ็ดพารามิน่าหลง ด้วยรูปทรงนุชนางเหมือนอย่างหมาย
พากันยกจัตุรงค์มาหลงตาย หัวอกชายเต็มทีเช่นนี้เจียว
พินิจพลางทางแลไปสบเนตร สองเทวษผูกพันกระสันเสียว
ใช่จะเป็นแต่ข้างชายไปฝ่ายเดียว เหมือนน้ำเชี่ยวลมชักเรื่องรักกัน
พระบังคมนางพระยาจึ่งปราศรัย แม่ขอบใจทุกข์ร้อนช่วยผ่อนผัน
นี้หากได้พ่อมาสู้กู้ชีวัน ศัตรูนั้นย่อยยับอัปรา
แม่ขอฝากน้องหญิงมิ่งสมร ช่วยสั่งสอนปกเกศเหมือนเชษฐา
แม่ก็ไร้พงศ์พันธุ์จงกรุณา พ่อแก้วตาซื่อตรงยิ่งวงศ์วาน
พระบังคมก้มกราบสองกษัตริย์ สนองอรรถนางพระยาที่ว่าขาน
ลูกหมายพึ่งบิตุรงค์เหมือนวงศ์วาน พระโปรดปรานคุณลบภพไกร
ลูกขอเป็นเกือกทองฉลองบาท กว่าชีวาตม์ลูกรักจะตักษัย
ขอบารมีทรงเดชปกเกศไป เป็นฉัตรชัยคุ้มกันอันตราย
ท้าวทรงฟังสังรเสริญเจริญยศ ช่างหมดจดหวานหูไม่รู้หาย
วิสัยหงส์แล้วก็คงจะพริ้งพราย พอสมหมายเปรมปราสถาวร
ท้าวตรัสเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร กับนางนาฏบุตรีศรีสมร
นรินทร์รัตน์เปรมปรีดิ์ชุลีกร เสด็จจรไปสำนักตำหนักจันทน์
กับน้องยาอาจารย์ชำนาญเวท เห็นสมเจตนาคิดไม่ผิดผัน
พอสุริยงลงรับพยับพลัน พระจันทร์ดั้นเด่นฟ้านภาลัย
เผยพระแกลแลชมดารารัตน์ แจ่มจำรัสพื้นนภางค์สว่างไสว
ระรื่นรินกลิ่นบุปผาสุมาลัย มาเจือใจหอมหวนครวญคะนึง
เหมือนกลิ่นนุชสุดสวาทประหลาดนัก หรือน้องรักอยู่ที่ไหนอาลัยถึง
พระย่างเยื้องแลพลางทางคะนึง เสียงหึ่งหึ่งฆ้องย่ำประจำยาม
น้ำค้างย้อยพรอยพรมลมก็เรื่อย มาเย็นเฉื่อยทรวงเจ็บดั่งเหน็บหนาม
ไม่เห็นนวลหวนนึกเอาแต่นาม ให้มีความร้อนใจไม่ไสยา
จนเดือนชายบ่ายคล้อยยิ่งสร้อยเศร้า พระร้อนเร่ารัญจวนให้หวนหา
คิดจะกล่าวเล่าพร้องแก่น้องยา นึกก็น่าอดสูดูไม่ดี
เขาจะว่าลุ่มหลงทรงผู้หญิง แม้นสมจริงก็จะพาชูราศี
ถ้าไม่ได้เขาเป็นเมียสิเสียที มิรู้ที่จะแบกหน้าพากันอาย
จำจะให้ครูบาพฤฒาเฒ่า แถลงเล่าความในจิตที่คิดหมาย
ถึงจะได้หรือมิได้ก็ไม่อาย ให้ทำนายดูแลแกแน่นอน
แล้วกลับเขาในห้องย่องไปหา ท่านพฤฒายังตื่นอยู่ดูอักษร
จึ่งเข้าไปวันทาแล้วว่าวอน หลานนี้ร้อนในอุราท่านปรานี
พฤฒาเฒ่าเข้าใจที่ในจิต เห็นจริตรักใคร่ไม่หน่ายหนี
ในลูกสาวเจ้าจังหวัดปัถพี แกรู้ทีทำเป็นว่ามาทำไม
จนดึกดื่นมาแต่ทัพไม่ยับยั้ง จะนอนนั่งตรึกตรองให้ผ่องใส
ระงับกายแก้เมื่อยที่เหนื่อยใจ แล้วจะได้กลับจังหวัดรัตนา
นรินทร์รัตน์ฟังอรรถอาจารย์แถลง จึ่งเล่าแจ้งความที่รักเขาหนักหนา
ท่านโปรดด้วยช่วยดูคู่ชะตา กัลยานี้อย่างไรจะได้การ
หรือไม่ได้ในตำราชะตาชัด ท่านโปรดจัดแจงด้วยจงช่วยหลาน
ฝ่ายนิกรมพรหมมหาพฤฒาจารย์ แกชำนาญรู้แน่มาแต่เดิม
จึ่งว่าพ่อต้องประสงค์ก็คงได้ สมที่ใจบิตุรงค์คอยส่งเสริม
เป็นคู่ชมสมวาสนามาแต่เดิม คงพูนเพิ่มภิญโญเดโชชัย
อย่าปรารมภ์ตรมตรองให้หมองหมาง คงได้นางเชยชิดพิสมัย
อย่าอาวรณ์ร้อนรักให้หนักใจ จงกลับไปหลับนอนผ่อนสำราญ ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายอัศเรศเกศพัฒน์ หวนประหวัดร้อนเริงดั่งเพลิงผลาญ
พอพลบค่ำย่ำสนธยากาล ให้เดือดดาลแดดิ้นถวิลครวญ
ไม่สบายใจจิตคิดประหวัด ถึงหน่อกษัตริย์ดิ้นโดยให้โหยหวน
กำลังรุ่นวุ่นในใจรัญจวน แต่อักอ่วนอาวรณ์เอากรเกย
นลาฏนั่งอิงแอบลงแนบหมอน ให้อาวรณ์รอนใจไม่เสวย
ไม่พูดเล่นเจรจาประสาเคย นางเฉยเมยกอดกรถอนฤทัย ฯ
๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงนารีทั้งสี่สาว ต่างก็กล่าวทูลถามตามสงสัย
แม่กริ้วโกรธพนักงานประการใด จงโปรดให้ทราบเรื่องเคืองรำคาญ
ต่างนบนอบปลอบถามทรามสงวน หรือประชวรอย่างไรจงไขขาน
โปรดให้แจ้งแห่งเรื่องพระอาการ ขออยู่งานนวดฟั้นให้บรรทม
นางไม่ตรัสวัจนังตั้งแต่นิ่ง พี่เลี้ยงวิงวอนเข้าชิดสนิทสนม
โปรดให้ทราบกิจจาอย่าปรารมภ์ จะให้สมที่ประสงค์จำนงปอง
ถึงยากเย็นเป็นไฉนมิได้คิด เอาชีวิตแทนพระคุณการุญสนอง
แม่โปรดเกล้าเล่าไปจะได้ตรอง ให้พระน้องสมประสงค์จงแสดง
อันวิสัยในโลกแม้นโศกเศร้า ต้องบอกเล่าอย่าได้อางขนางแหนง
คนที่รักกันสนิทอย่าคิดแคลง ได้ช่วยแรงหาบหามตามปัญญา
พี่เหมือนหมอขอแก้ที่แผลเจ็บ แม่เมื่อยเหน็บอย่างไรหนอขอรักษา
เฉลยไขพี่จะได้ประกอบยา กันโรคาไข้ใจไม่สบาย
เป็นความสัตย์ไม่กระจัดให้พรายแพร่ง แม่อย่าแหนงนึกในพระทัยหมาย
ขอสนองรองบาทากว่าจะตาย ทั้งร่างกายมิได้คิดชีวิตเลย ฯ
๏ พระเทพินยินคำเขาร่ำปลอบ ให้ชื่นชอบถ้อยคำเขาร่ำเฉลย
แม้นจะปกปิดไว้ที่ไหนเลย จำจะเผยวัจนังฟังเขาดู
จึ่งว่าน้องเหมือนหนึ่งต้องคมอาวุธ จะชักฉุดทิ้งถอนเห็นอ่อนหู
ถึงแม้นพี่อุปถัมภ์ช่วยค้ำชู เอาไว้ดูหน้ากันฉันสตรี
นางพี่เลี้ยงรู้แท้แน่ในจิต จะดับพิษในอุรามารศรี
พลางปลอบขวัญกัลยาแล้วพาที การเพียงนี้ไม่สู้ยากลำบากใจ
วันพรุ่งนี้นางอนงค์ไปส่งเครื่อง คงทราบเรื่องร้อนเย็นเป็นไฉน
พี่จะลอบไปเฝ้าถึงท้าวไท แต่จะไปมือเปล่าเขาจะแคลง
จำจะเป็นพนักงานพานพระศรี ไปตั้งที่ได้ประมูลทูลแถลง
ถ้าแม้นเห็นเป็นทีจะชี้แจง คงจะแจ้งเรื่องราวของท้าวไท ฯ
๏ นางฟังสี่พี่เลี้ยงเฉลยฉลอง ก็ถูกต้องในอุราอัชฌาสัย
ค่อยบางเบาเร่าร้อนอาวรณ์ใน ลุกขึ้นได้ทันทีค่อยปรีดา
เหมือนพี่ช่วยถอนอาวุธช่วยอุดหนุน ไม่ลืมคุณจริงนะพี่ที่อาสา
จงไปฟังท่วงทีกิริยา จะพูดจาอิงแอบเป็นแยบคาย
การของเราที่ในใจอย่าไขขาน เหมือนหญิงด้านอดสูไม่รู้หาย
จะเป็นคนอัปลักษณ์ไปชักชาย เหมือนเรือพายเอามาจอดทอดตะพาน
พี่จะไปแล้วจงปิดให้มิดเม้น เธอจะเห็นว่าไปชักสมัครสมาน
แม้นจะพูดพูดแต่ตรงเหมือนวงศ์วาน ฟังอาการเธอดูก่อนค่อยผ่อนปรน
พี่เลี้ยงว่าอย่าวิตกเรื่องปกปิด ฉันจะคิดปลูกรักเอาภักษ์ผล
แม้นเป็นทีก็จะตีคารมชน คงจะวนคิดแร้วไม่แคล้วเลย
เหมือนคนบอกสักวาหาอักษร สัมผัสกลอนพริ้งเพริศให้เปิดเผย
แม้นมิได้สมประสงค์ไม่ลงเอย ที่จะเลยละให้ค้างในทางกลอน
รุ่งพรุ่งนี้พี่จะไปถวายเครื่อง ที่ในเบื้องบาทบพิตรอดิศร
ดูท่วงทีกิริยาพระภูธร เธอจะจรหรือจะอยู่ดูอาการ
อันห่วงใยก็ยังไม่มีดอกน้อง เห็นจะต้องอยู่ช้าเหมือนว่าขาน
อย่าอาวรณ์นอนนั่งฟังดูการ ไม่ช้านานพี่ไปเฝ้าคงเข้าใจ
นางเห็นจริงสิ่งที่กล่าวเล่ากระซิบ ดั่งน้ำทิพย์ชั้นโสฬสอันสดใส
มาโสรจสรงลงที่กายค่อยคลายใจ พูดกันไปอยู่จนแจ้งแสงหิรัญ
กาดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริย์ฉาย ให้ผันผายส่องสว่างทางสวรรค์
ไก่ก็ส่งเสียงขันประสานกัน พระสุริยันเร่งรถบทจร
พวกชาวเครื่องจัดเครื่องทั้งคาวหวาน พนักงานพร้อมพรั่งนั่งสลอน
นุ่งสุหรัดดัดจริตติดจะงอน ห่มแพรซ้อนซับในหงอนไก่ดวง
ใส่ตุ้มหูตะละเม็ดเพชรประดับ ดูวาบวับเล่นหน้านางข้าหลวง
มีอีเฒ่ากากปลาร้านัยน์ตากลวง ตามกระทรวงเรียกว่ายายทนายเรือน
ห่มผ้าขาวหัวป้อมย้อมขมิ้น มันดีดดิ้นนี่กระไรใครจะเหมือน
นุ่งผ้าลายพื้นแดงแย่งไส้เดือน ผัดหน้าเหมือนผีหลอกศอกเป็นปม
เดินนำหน้าข้าหลวงพวกเชิญเครื่อง มันยักเยื้องไว้วางเหมือนนางสนม
คอยห้ามคนเสียงจ้าท้าคารม ปากโสมมชายกลัวหนังหัวพอง ฯ
๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงอนงค์นาฏ ยุรยาตรมาพลันถือพานของ
ใส่สลาจัดสรรในพานทอง มีนางรองสาวใช้เดินไคลคลา
หมากบุหรี่พี่เลี้ยงสำหรับจัด ถวายกษัตริย์สองพระองค์เหมือนวงศา
นางพี่เลี้ยงลีลาศค่อยยาตรา ทั้งบ่าวข้าเดินตามนางทรามเชย
ถึงสำนักตำหนักจันทน์มิทันช้า พวกไปหน้าทูลฉลองของเสวย
ตั้งเทียบเคียงเรียงวางเหมือนอย่างเคย สองเสวยเอมโอชโภชนา ฯ
๏ นางพี่เลี้ยงกราบกรานตั้งพานพระศรี หมอบอยู่ที่ชานพักตำหนักขวา
พระปราศรัยไต่ถามตามกิจจา พี่ออกมาวันนี้ฉันดีใจ
มีธุระจะใคร่ปะก็สมคิด ความในจิตจะได้แจ้งแถลงไข
อุราร้อนเหมือนหนึ่งนอนในเปลวไฟ แม้นพี่ไม่ปรานีเห็นชีวา
จะมอดม้วยลงด้วยทุกข์คราวขุกเข็ญ ไม่มีเย็นเท่ากระผีกซีกเกศา
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มใจในอุรา ยังพูดจาไม่ถนัดตรัสเป็นนัย
เสวยเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ไปนั่งอาสน์เนาวรัตน์จำรัสไข
เรียกนารีพี่เลี้ยงมาทันใด พระปราศรัยนุชนางพลางสุนทร
พี่เหมือนน้ำอำมฤตที่เย็นใส ช่วยดับในอกน้องที่ต้องศร
เสียบสลักปักอุราที่อาวรณ์ จะนั่งนอนก็ระบมกรมในทรวง
สวาทหวังตั้งหน้าอาสาคึก แม้นสมนึกน้องรักจักบวงสรวง
ขอพี่เป็นเทวาสุดาดวง ช่วยเด็ดพวงบุปผามาให้เชย ฯ
๏ พี่เลี้ยงหมอบตอบสนองขอรองบาท มีโอกาสแล้วจะนำคำเฉลย
ค่ำวันนี้จะอุบายภิปรายเปรย แม้นนางเผยพจมานสถานใด
จะเพ็ดทูลหนุนหนำที่คำข้อ ช่วยแต้มต่อจะเป็นการสถานไหน
จะจู่ลู่ยังไม่รู้น้ำพระทัย เพราะยังไม่เดียงสาคิดปรารมภ์
ฉวยหวนหุนฉุนเคืองที่เรื่องคิด แม้นมิมิดโทษจะกลับเข้าทับถม
เดชะบุญเหมือนว่าอย่าปรารมภ์ คงจะสมที่ประสงค์จำนงปอง
แต่จะค่อยแคะไค้พิไรปลอบ ให้ชื่นชอบจะประมูลทูลฉลอง
แม้นได้ความตามนึกที่ตรึกตรอง พรุ่งนี้สองโมงข้าจะมาทูล ฯ
๏ พระฟังนางพลางตอบว่าขอบจิต ช่วยชีวิตน้องไว้อย่าให้สูญ
นางรับสั่งธิบดินทร์ปิ่นประยูร แล้วก็ทูลลาพาพวกนารี
กลับเข้าไปในวังยังสถาน แสนสำราญปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ขึ้นเฝ้าองค์นงนุชพระบุตรี ทูลคดีเหน็บแนมทั้งแต้มเติม
พระเทพินยินคำพี่เลี้ยงสนอง สมที่ปองจิตนึกยิ่งฮึกเหิม
พระพักตร์ผ่องเปล่งฉวีกว่าสีเดิม ยิ่งพูนเพิ่มดั่งได้ผ่านพิมานอินทร์ ฯ
๏ ครั้นพลบค่ำคล้ำฟ้าสุธาวาส พระนุชนาฏหวนคิดจิตถวิล
จันทร์กระจ่างกลางเวหาหมดราคิน ยุพาพินเผยพระแกลแลตะลึง
สี่พี่เลี้ยงเคียงประคองสนองอรรถ นางกษัตริย์โหยหวนรัญจวนถึง
ให้อาวรณ์ร้อนจิตคิดคะนึง ถวิลถึงหน่อนรินทร์บดินทร
ลมพระพายชายพัดมาฉิวฉิว วิเวกหวิวหวาดทรวงดวงสมร
หอมบุปผามาลัยกระจายจร มะลิซ้อนมะลิลาผกากาง
แก้วกุหลาบกรรณิการ์มหาหงส์ ลำดวนดงตอนมาใส่ในกระถาง
เป็นแถวเคียงเรียงตามหน้าชาลากลาง ไม้ต่างต่างบานแบ่งรับแสงเดือน
หอมดอกไม้มิได้ชื่นระรื่นรส ยิ่งรันทดเสียวฤทัยใครจะเหมือน
ดูอากาศแจ่มแจ้งด้วยแสงเดือน พอเมฆเกลื่อนนางกษัตริย์อัดอุรา
กำลังรุ่นฉุนคิดจิตประหวัด โทมนัสเพราะรักนี่หนักหนา
แต่เป็นหญิงความจนพ้นปัญญา บุราณว่าหนักใจใครจะปาน
เป็นธรรมดาสามัญเหมือนกันสิ้น แทบจะดิ้นเสียด้วยรักเพราะหักหาญ
ด้วยเป็นหญิงต้องนิ่งในสันดาน แต่อาการวิปริตผิดทำนอง
พี่เลี้ยงเห็นไม่สบายวายเทวษ จะดับเหตุให้บรรเทาที่เศร้าหมอง
ค่อยโลมเล้าเอาใจในทำนอง ให้ถูกต้องตามประสงค์ที่จงใจ
แล้วเรียกพวกมโหรีที่สำหรับ ทั้งโทนทับซอสี่ปี่ไฉน
นางพี่เลี้ยงขับร้องทำนองใน อิเหนาไปหมันหยาได้นารี
จินตหราโฉมยงอนงค์นุช พระแสนสุดปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ไม่ห่างขวัญแก้วกัลยาณี ต่างเปรมปรีดิ์ร่วมห้องประคองเชย
มโหรีตีทับทั้งกรับฉิ่ง เสนาะพริ้งโอดครวญหวนระเหย
สำเนียงหญิงพริ้งเพราเพราะเขาเคย แล้วก็เลยย้ายรำไปตามกลอน
ซอก็สีสอดเสียงสำเนียงแจ้ว วิเวกแว่วจับทรวงดวงสมร
ค่อยเสื่อมสร่างบางเบาเขากล่าวกลอน บนบรรจถรณ์แท่นในที่ไสยา ฯ
๏ จะกล่าวข้างธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ ดึกสงัดโหยหวนรัญจวนหา
ไม่เป็นอันบรรทมกรมอุรา ลงนิทราแล้วสะดุ้งจนรุ่งราง
จะคอยฟังนางนาฏในราชฐาน พระภูบาลตรึกตรองให้หมองหมาง
เมื่อไรจะแจ้งแสงอุทัยในนภางค์ พอรุ่งรางเปรมปรีดิ์ดีพระทัย
ลุกมานั่งยังพระแท่นแหงนชะแง้ ชำเลืองแลคอยอนงค์ยังสงสัย
จะฟังข่าวพวกในวังตั้งพระทัย คะนึงในกัลยาพะงางอน ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนารีพระพี่เลี้ยง ประคองเคียงโฉมฉายสายสมร
ครั้นแจ่มแจ้งแสงสีรวีวร ต่างตื่นนอนลุกไปห้องแต่สองนาง
เปิดคันฉ่องส่องเสยเกศีหวี พันสำลีเช็ดไรเหลาไม้ฝาง
จับกระเหม่าเข้าให้ดำสวยสำอาง นุ่งยกอย่างใหม่พื้นแดงแต่งประจง
ห่มกรองทองรองซับแพรเขียวอ่อน อรชรพริ้งเพริศระเหิดระหง
พวกสาวสาวงามงามตามอนงค์ ก็เดินตรงไปที่พักตำหนักจันทน์
ถือพานทองรองพระศรีบุหรี่เสวย เหมือนอย่างเคยสารพัดล้วนจัดสรร
ตรงขึ้นไปบนชานพักตำหนักจันทน์ อภิวันท์ตั้งถวายหมอบรายเรียง
หน่อกษัตริย์ทัศนาแล้วปราศรัย เรียกขึ้นไปบนฉากกั้นชั้นเฉลียง
พระปราศรัยสองนางพลางไล่เลียง นางพี่เลี้ยงทูลความตามทำนอง
ฉันทูลเปรียบเทียบเรื่องนางเคืองขัด ตรัสพ้อตัดต่างต่างให้หมางหมอง
ได้เพ็ดทูลเบี่ยงบ่ายหลายทำนอง อยู่จนสองสามยามนางทรามวัย
จึ่งค่อยคลายวายโกรธพิโรธเรื่อง แต่ยังเคืองไม่รู้แน่ว่าแผลไหน
ขอปัญญาฝ่าธุลีช่วยชี้ไป ฉันจะได้แก้ไขในกระบวน ฯ
๏ พระฟังนางตั้งกระทู้ก็รู้สิ้น ที่เล่ห์ลิ้นอ้อมวงทรงพระสรวล
เขาย่อมว่ากระต่ายเฒ่าเจ้าสำนวน เราก็ควรจะทำเขลาพูดเคล้าคลึง
ด้วยเขาเป็นแม่สื่อแม้นอื้อฉาว จะแตกร้าวเพราะโทโสโมโหหึง
มันจะว่าโง่เง่าเหมือนเท่ารึง ก็อย่าพึงฟังคารมเป็นลมลอย
พลางถอดซึ่งธำมรงค์ที่ทรงหัตถ์ เพชรรัตน์เรืองอุไรที่ใช้สอย
ส่งให้นางพลางทำเป็นสำออย อันแหวนก้อยน้องนี้พี่เอาไป
ช่วยถวายองค์ธิดายุพาพักตร์ ให้นงลักษณ์แผ่เผือเหมือนเนื้อไข
น้องก็มาต่างนิเวศน์ประเทศไกล แต่มีใจจงรักด้วยภักดี
ขอทำขวัญพระยุพินให้สิ้นโกรธ ประทานโทษแก้วตามารศรี
จงเงือดงดอดโทสาได้ปรานี พอเป็นที่พึ่งพักรู้จักกัน ฯ
๏ นางพี่เลี้ยงได้สดับพลางรับของ ถือประคองกลับเข้าในไอศวรรย์
ขึ้นปราสาทพระธิดาวิลาวัณย์ บังคมคัลถวายแหวนแสนสบาย
ยุพยงทรงรับมาสวมหัตถ์ เพชรรัตน์แพรวพร่างกระจ่างฉาย
นางพี่เลี้ยงทูลพลันบรรยาย นางโฉมฉายชมแหวนแสนรัญจวน
จำจะคิดตอบแทนแหวนพระพี่ ให้เป็นที่รับรองประคองสงวน
นางโฉมยงทรงตรึกแล้วนึกครวญ เลือกแต่ล้วนของประดับสำหรับองค์
สร้อยสะอิ้งสิ่งหนึ่งซึ่งทรงใส่ กับสไบริ้วทองของประสงค์
ใส่หีบทองลายกุดั่นอันบรรจง เรียกอนงค์นารีคนที่เคย
พี่จงเอาสิ่งของของน้องนี้ ไปถวายภูมีนะพี่เอ๋ย
ทูลว่าน้องขอบพระทัยกระไรเลย ขอคุ้นเคยในพระองค์เหมือนวงศ์วาน
พี่เลี้ยงรับสิ่งของประคองถือ ไม่อึงอื้อรีบไปยังวังสถาน
ถึงเคารพนบนอบค่อยหมอบคลาน แล้วตั้งพานหีบของฉลองทูล
ตามพระนุชบุตรีมีรับสั่ง เหน็บเข้ามั่งทูลพระปิ่นบดินทร์สูร
พระทรงฟังนางในพิไรทูล ยิ่งเพิ่มพูนสมประสงค์จำนงปอง
จงปราศรัยไต่ถามความพี่เลี้ยง เห็นเรียบเรียงตามระบอบจึ่งตอบสนอง
ฉันขอบคุณที่การุญโดยทำนอง ได้ชมของแต่พอเบาบรรเทาทรวง
คุณของพี่ครั้งนี้ก็เหลือล้น เหมือนช่วยขนทุกข์เท่าภูเขาหลวง
แม้นสมจิตคิดไว้ฉันไม่ลวง จะบวงสรวงพี่เหมือนว่าให้ถาวร
น้องหวังพี่ก็เหมือนที่เทพารักษ์ อันสิทธิศักดิ์อยู่ต้นไทรในสิงขร
เมื่ออุ้มองค์อุณรุทกำลังนอน ไปสมสมรองค์อุษาในธานินทร์
ได้ร่วมรักร่วมเรียงเคียงถนอม วายที่ตรอมสมในฤทัยถวิล
เอ็นดูด้วยช่วยน้องยาปัดราคิน เสียให้สิ่นความวิตกในอกใจ
นางพี่เลี้ยงทูลฉลองไม่ต้องเปรียบ ชักทำเนียบเรื่องนิทานมาขานไข
ตัวดิฉันก็นึกว่าเป็นข้าไท พระจะใช้คงสนองรองธุลี
พระตรัสตอบขอบคุณของพี่หนัก ช่วยกู้พักตร์น้องยาเป็นราศี
นางกราบก้มบังคมคัลอัญชลี พระภูมีแล้วก็ลาเข้ามาวัง
ถึงปรางค์ทองย่องย่างเข้าข้างที่ ทูลคดีอนุสนธิ์แต่หนหลัง
แล้วแต้มเติมเสริมส่งให้ทรงฟัง พระนุชนั่งชมแหวนแสนรัญจวน
แล้วซักไซ้ไต่ถามถึงทรงฤทธิ์ คะนึงคิดบ่อยบ่อยละห้อยหวน
ไม่เป็นอันสรงเสวยเลยแต่ครวญ ให้อักอ่วนอยู่ในใจไม่สบาย
ข้างพระหน่อธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ ยังข้องขัดอยู่ไม่สมอารมณ์หมาย
ชมสังวาลกับสไบพอใจคลาย แต่ไม่วายอาวรณ์ร้อนอุรา
จึ่งปรึกษากับท่านครูผู้ประสิทธิ์ เราจะคิดฉันใดไฉนหนา
จึ่งจะได้ยุพยงองค์ธิดา ขอปัญญาท่านช่วยตรองทำนองใน ฯ
๏ ฝ่ายนิกรมพรหเมศแกหัวร่อ เมื่อคิดก่อได้ชำนาญสานไม่ไหว
ต้องหาคนแก่ชราว่ากระไร จะให้ไปช่วยสานรำคาญจริง
ไม่ต้องคิดยักย่ายให้หลายอย่าง ในท่าทางที่จะให้ได้ผู้หญิง
อย่าคิดอ่านถ่ายเทประเวประวิง เอาความจริงกล่าวไปคงได้การ
เข้าทูลขอบิตุรงค์ก็คงให้ ด้วยท้าวไทเธอก็รักสมัครสมาน
จงนั่งนอนผ่อนใจให้สำราญ คงเป็นการดอกไม่ต้องหมองอารมณ์
เหมือนสำรับข้าวของไม่ต้องถือ ชุบแต่มือไว้ชิมก็อิ่มถม
จะทุกข์ร้อนไปทำไมให้ใจตรม คงจะสมจิตปองเหมือนของตัว ฯ
๏ พระฟังครูผู้ประสิทธิ์แกคิดให้ สบายใจกรุ่มกริ่มพลางยิ้มหัว
ชื่นอารมณ์สมปองหายหมองมัว เหมือนตีรั้วล้อมไว้คงได้การ ฯ
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีเกศพัฒน์ นางกษัตริย์ตรึกตรองทำของหวาน
เป็นเครื่องว่างกลางวันอันตระการ ให้พี่เลี้ยงเยาวมาลย์ลอบเอาไป
ถวายองค์ธิบดินทร์นรินทร์ราช มิได้ขาดทุกเวลาอัชฌาสัย
พอเย็นย่ำคล้ำฟ้านภาลัย ร้อยมาลัยปรุงบุหงาให้นารี
ไปถวายหน่อนรินทร์ปิ่นกษัตริย์ ประจงจัดใส่ขันทองละอองศรี
รองพานกลมถมยาราชาวดี คลุมฝาชีตาดปักจำหลักลาย
ให้ผลัดเปลี่ยนเวียนเป็นเวรกันทั้งสี่ เอามาลีพวงมาลัยไปถวาย
แต่สื่อสนกลไกในอุบาย ซ่อนแยบคายปกปิดสนิทดี ฯ
๏ จะของดบทเบื้องเรื่องนี้ก่อน จะกล่าวย้อนถึงพระยาพากันหนี
เดินสารเรือเข้าไปในนที พอราตรีเกิดลมแดงดั่งแสงเพลิง
ประเดี๋ยวหนึ่งเป็นพายุระบุระบัด คลื่นก็ซัดเรือเปิดเตลิดเหลิง
ต้นหนดูตามทิศเห็นผิดเชิง ตีใบเปิงขาดหมดลดไม่ทัน
จึงเร่งพวกแต่บรรดากะลาสี ให้ลดเสาชั้นสี่ขมีขมัน
เอาโซ่โยงปืนประจำของสำคัญ เชือกน้ำมันผูกระยางกับรางปืน
เรือก็แคลงแพลงคลื่นเสียงครื้นครึก สะท้านสะทึกกลางชลาเหลือฝ่าฝืน
ไม่เห็นฟากเห็นฝั่งเป็นกลางคืน เสียงครึกครื้นฝนคร่ำเป็นน้ำนอง
ปิศาจร้ายพรายน้ำขึ้นลอยเกลื่อน ตะโกนเพื่อนกู่กันผันผยอง
หักหางเสือเรือหมุนเข้าหนุนรอง เสียงกึกก้องกู่กันสนั่นดัง
ทั้งสามท้าวเหล่าคนบนกำปั่น ก็ชิงกันวิ่งวงบ้างลงถัง
ภาวนาว่าให้ปลอดรอดชีวัง บ่างก็นั่งบ่นพร่ำว่ากรรมเวร
ทั้งสามท้าวองค์สั่นพระขวัญหาย แม้นรอดตายจะผนวชบวชเป็นเถร
จะถือศีลกินข้าวแต่เช้าเพล นอนให้เย็นอยู่กับวัดตัดกังวล
ขอบุญช่วยด้วยสักครั้งข้าตั้งจิต จะอุทิศจัดแจงแบ่งกุศล
พอขาดคำเรือก็แยกแตกในวน ทั้งผู้คนตายไม่เหลือเป็นเหยื่อปลา
สามกษัตริย์พลัดออกมานอกถัง ดับชีวังม้วยมุดสุดสังขาร์
เป็นถึงกรรมก็ต้องจำมรณา ตามเวลาถึงที่ตายในทะเล ฯ
๏ จะกล่าวกลับจับเรื่องนรินทร์รัตน์ หน่อกษัตริย์หมองหมางเพราะห่างเห
จะทูลขอทรงฤทธิ์คิดคะเน ให้ว้าเหว่วิญญาณ์ทุกราตรี
ชมแต่ของน้องนุชสุดถวิล ฤดีดิ้นหวังประโลมแม่โฉมศรี
พอโพล้เพล้เวลาเข้าราตรี พระภูมีปั่นป่วนครวญคะนึง
โอ้แก้วเนตรเกศพัฒน์ของพี่เอ๋ย ไฉนเลยพี่จะได้เข้าไปถึง
ลงกอดหมอนถอนจิตคิดรำพึง ครั้นจะดึงดื้อเข้าไปก็ไม่ควร
เกรงท้าวไทเธอยังไม่สละสลัด ดูเหมือนตัดความการุญมาหุนหวน
เสียแรงทำความดีดูมิควร คิดแล้วหวนหักใจเข้าไสยา ฯ
๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าบุรินทร์เหมราช ภูวนาถสิ้นทุกข์เป็นสุขา
ครั้นรุ่งรางสางแสงพระสุริยา เธอตรึกตราที่จะบวงสรวงนคร
ด้วยบวงบนเทพาสุรารักษ์ เห็นประจักษ์มีชัยดั่งไกรสร
จึงมีผู้มาช่วยกู้พระนคร ดัสกรแพ้พ่ายกระจายไป
ดำริพลางทางออกพระโรงรัตน์ สถิตแท่นเศวตฉัตรจำรัสไข
ขุนนางเข้าเฝ้าองค์พระทรงชัย บังคมไทสามครั้งฟังโองการ
สองกษัตริย์ขัตติยาเสร็จมาเฝ้า ต่างก้มเกล้าคอยฟังรับสั่งสาร
ฝ่ายพระองค์ทรงศักดิ์จักรพาล เอื้อนโองการทักกษัตริย์ขัตติยา
พ่อเรืองฤทธิ์วิทยาทั้งกล้าหาญ ชำนาญการกรศึกได้ศึกษา
มาช่วยปราบศัตรูกู้พารา อันบิดาก็จะต้องฉลองคุณ
แต่รอราช้าสักหน่อยจึงค่อยกลับ หยุดประทับพอให้ชื่นทั้งหมื่นขุน
ทั้งจะแก้บนบานเป็นการบุญ พวกหมื่นขุนยังไม่ได้ให้รางวัล
พระตรัสพลางทางสั่งให้แต่งที่ จะบัดพลีเทพไทในศวรรย์
มีการเล่นเต้นรำระบำบรรพ์ โขนประชันกับละครทั้งมอญรำ
ทั้งหุ่นจีนหุ่นไทยหลายภาษา แต่บรรดางิ้วมาใหม่พวกไหหลำ
ละครแขกแปลกภาษาหามารำ ทั้งมวยปล้ำเล่นกลให้คนดู
เกณฑ์วิเสทจัดแจงแต่งสำรับ ให้พร้อมสรรพยำพล่าทั้งปลาหมู
ปลูกโรงเลี้ยงโยธาหน้าประตู ให้กินอยู่ทั่วกันเป็นชั้นไป
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จขึ้นจากอาสน์ พวกอำมาตย์เกณฑ์กันเสียงหวั่นไหว
ปลูกโรงเลี้ยงเคียงกันเป็นหลั่นไป บ้างผ่าไม้เจาะเสาบ้างเกลากลอน ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงเหมราช ขึ้นปรางค์มาศเนาวรัตน์ประภัสสร
พร้อมอนงค์นารีชุลีกร มีสุนทรตรัสสั่งให้ตั้งการ
จะเลี้ยงดูสุริย์วงศ์ดำรงราชย์ ที่บนอาสน์รจนามุกดาหาร
ให้แต่งเครื่องอย่างดีที่ตระการ ทั้งคาวหวานเอมโอชโภชนา
พระตรัสพลางทางสั่งมเหสี จัดนารีพวกเราหนาเจ้าหนา
ที่สาวสาวขาวผ่องละอองตา แต่งกายาสำหรับใช้ให้อยู่งาน
กับทั้งพวกมโหรีให้มีพร้อม จงซักซ้อมจำเรียงเสียงประสาน
นางคำนับรับรสพจมาน มาสั่งการท่านขรัวทุกตัวคน
หลวงแม่เจ้าท้าวนางสะพรั่งพร้อม ประณตน้อมคอยสดับรับนุสนธิ์
มาซักซ้อมมโหรีนีฤมล ทั้งหม่อมคนเสียงร้องทำนองใน
เจ้าขรัวยายนายเครื่องก็ตกแต่ง ตั้งต้มแกงยำพล่าคั่วปลาไหล
เครื่องสำรับกับแกล้มหมูแนมไทย ทั้งเป็ดไก่ปิ้งพะแนงแกงเทโพ
จะพรรณนาไปทุกสิ่งเครื่องปิ้งจี่ ของดีดีหลายหลากมากอักโข
พร้อมทั้งเครื่องคาวหวานจานโตโต แต่ล้วนโอชารสของสดคาว
จะจัดแจงแต่งใส่ไปให้สิ้น ก็เคยกินกันอยู่กลุ้มทั้งหนุ่มสาว
ขอตัดบทงดเสียบ้างฟังเรื่องราว จะได้กล่าวข้างหน้าให้ถาวร
ถึงกำหนดวันงานการบวงสรวง ทุกกระทรวงพร้อมพรั่งตั้งสลอน
ตามศาลเทพารักษ์หลักนคร หัวสุกรบายศรีของที่เคย
พวกโหรพราหมณ์ตามข้างไสยเวท ก็ก้มเกศกล่าวคำนำเฉลย
เชิญเทวฤทธิ์ที่ประสิทธิ์มาสังเวย ตามที่เคยสถิตอยู่แต่บูราณ
พวกเครื่องเล่นเต้นรำทำปี่พาทย์ ฆ้องระนาดตีเป็นเพลงวังเวงหวาน
ตะโพนปี่ตีดังก้องกังวาน ประโคมขานบัดพลีพลีกรรม
พวกหนุ่มสาวกราวกรูกันดูโขน เดินลุยโคลนพรวดพราดพลาดถลำ
ขาวม้าชุบน้ำหอมย้อมดอกคำ นุ่งม่วงดำโคลนเปรอะเลอะทั้งตัว
นางสาวสาวชาววังพวกแก่แรด ห่มสีแสดลอยหน้าจะหาผัว
ดัดจริตสิ้นท่าดูน่ากลัว เดินไว้ตัวเอาทำเนียบเทียบผู้ดี
ขัดขมิ้นเหลืองจ้อยคล้ายหอยขม ทัดยาดมนำหน้าพวกทาสี
เที่ยวลอยหน้าดูละครร้อนฤดี จะใคร่มีผัวหนุ่มที่ชุ่มมัน
พวกจีนจามพราหมณ์ทวายหลายภาษา แขกชวามอญลาวพวกสาวสรรค์
พากันมาดูงานการประชัน ทั้งสามวันสามคืนชื่นอามรณ์ ฯ
๏ สมเด็จท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นกษัตริย์ ถึงวันนัดเลี้ยงเหล้าข้าวขนม
ทุกหมู่หมวดกินอยู่ตามหมู่กรม เป็นบรมสุโขมโหฬาร
แล้วเชิญพวกสุริย์วงศ์ตามวงศ์ญาติ ขึ้นปราสาทรจนามุกดาหาร
กับสองกษัตริย์รัตนาปรีชาชาญ สู่สถานพร้อมมูลประยูรวงศ์
พนักงานเชิญเครื่องเนื่องขนัด ถวายกษัตริย์ในสกูลประยูรหงส์
ทั้งคาวหวานสารพัดจัดประจง นางอนงค์พวกอยู่งานคลานออกไป
กรประนมก้มกรานอยู่งานพัด เป็นขนัดหมอบเรียงเคียงไสว
มโหรีขับเรื่อยฉ่ำเฉื่อยไป ถวายไทเมื่อเสวยเฉลยครวญ ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ จิตประหวัดมิได้วายเทวษหวน
เสวยพลางทางคิดจิตรัญจวน คะนึงนวลเนตรชะม้ายอาลัยวอน
ตามช่องฉายเลขาฝากระจก ที่ม่านปกเหลือบไปพบสบสมร
พอเนตรน้องต้องเนตรพระภูธร ต่างอาวรณ์เหลียวชะแง้แลตะลึง
ฝ่ายข้างองค์ธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ ยิ่งอั้นอัดทรวงในอาลัยถึง
หยิบของหวานลืมเสวยเลยตะลึง ไปรำพึงอยู่ที่นางไม่วางตา
ข้างพระนุชบุตรีนารีรัตน์ ศรีสวัสดิ์ลืมเลยเสวยสลา
หยิบมาถือนิ่งไว้ไม่พูดจา ลืมเจรจางุ่นง่านรำคาญใจ ฯ
๏ ฝ่ายพระปิ่นภูวดลกัมพลรัตน์ เห็นหน่อกษัตริย์ลืมองค์เหมือนหลงใหล
ท้าวนิ่งดูรู้เชิงพระหน่อไท จนภูวไนยเสวยเสร็จสำเร็จการ
แล้วลุกจากที่เสวยไปแท่นรัตน์ เรียกสองกษัตริย์มาข้างในปราศรัยสาร
ดำรัสพลางทางสำรวลชวนสำราญ ว่าเสร็จการบวงสรวงเรื่องบวงบน
แต่สองพ่อหน่อนรินทร์ปิ่นกษัตริย์ มากำจัดศึกใหญ่จึ่งได้ผล
ให้เย็นใจบิดาประชาชน ทั่วตำบลได้เป็นสุขสนุกสบาย
จะประสงค์สิ่งใดพ่อไม่ขัด ในจังหวัดเหมราชเหมือนหมาดหมาย
ขอแทนคุณพี่น้องทั้งสองชาย เหมือนอภิปรายคำบิดาอย่าอาวรณ์ ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ ชุลีหัตถ์สมประสงค์จำนงสมร
จึ่งทูลขอกัลยาพะงางอน ดวงสมรวรนุชพระบุตรี
ควรบิควรขอพระองค์ได้ทรงโปรด ประทานโทษข้าพระบาทบทศรี
ลูกขอเป็นเกือกทองรองธุลี กว่าชีวีลูกจะวายทำลายลาญ ฯ
๏ ป่างพระปิ่นภูวดลกัมพลรัตน์ โสมนัสในพระทัยปราศรัยสาร
จึ่งว่าพ่อก็ประสงค์เหมือนวงศ์วาน ควรแก่การอยู่แล้วหนาอย่าปรารมภ์
จะเสกพ่อหน่อนาถกับน้องรัก ให้สมศักดิ์สมอย่างปางประถม
จะแต่งสารไปลังกาอย่าปรารมภ์ ให้ชื่นชมเชิญเสด็จมาเขตคัน
ตามพระวงศ์พงศาคณาญาติ จะแต่งราชสารไปทุกไอศวรรย์
ไปเชิญเจ้านคเรศทุกเขตคัน มาพร้อมกันจะได้ช่วยอวยพระพร
ท้าวตรัสเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร เข้าปราสาทเนาวรัตน์ประภัสสร
สองกษัตริย์เปรมปรีดิ์ชุลีกร บทจรมาสำนักตำหนักใน
แถลงเล่ากับท่านครูผู้วิเศษ ให้แจ้งเหตุสมจิตพิสมัย
ต่างยินดีปรีดิ์เปรมเกษมใจ พูดกันไปกับท่านครูผู้อาจารย์ ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ปิ่นกษัตริย์ โองการตรัสเล่าแจ้งแถลงสาร
แก่นุชนางโฉมเฉลาลำเพาพาล ว่ากุมารนรินทร์รัตน์กษัตรา
มางอนง้อขอบุตรีนารีรัตน์ เกศพัฒน์ลูกเราหนาเจ้าหนา
จะคิดเห็นเป็นอย่างไรใจสุดา แต่ตัวข้าอนุญาตประสาทพร
เห็นสมควรในสกูลประยูรหงส์ จะร่วมวงศ์ร่วมคู่สู่สมร
เสมอเหมือนสุริยันกับจันทร ก็ต้องผ่อนผันตามความบุราณ
มเหสีฟังคดีสนองอรรถ พระโปรดจัดให้เป็นคู่สู่สมาน
ก็สมศักดิ์สมพงศ์สมวงศ์วาน น้องตรองการก็เห็นงามตามทำนอง
เธอก็มีพระคุณการุญรัก สามิภักดิ์ปราบอรินทร์สิ้นทั้งผอง
กู้เวียงชัยไว้ได้สมอารมณ์ปอง จึ่งไม่ต้องปนวงศ์กับพงศ์กา
แล้วก็เรืองศักดาอานุภาพ อาจจะปราบประจามิตรทุกทิศา
เหมือนได้เขยจุลจักรอันศักดา น้องเปรมปราโมทย์ยิ่งกว่าสิ่งไร
พระทรงฟังนางทูลสนองอรรถ จอมกษัตริย์ยินดีจะมีไหน
ช่วยกันคิดแผ่เผื่อไว้เยื่อใย คงจะได้พึ่งเขาเบาในทรวง
พระเอมอิ่มกริ่มใจจะได้เขย แสนเสบยสุขสบายเป็นใหญ่หลวง
แล้วตำริตริงานการทั้งปวง จนเลยล่วงหลับไปในไสยา ฯ
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีกรุงกษัตริย์ ได้ทราบอรรถสมจิตกนิษฐา
นางพี่เลี้ยงมาประมูลทูลกิจจา ดั่งธาราในสวรรค์ชั้นวิมาน
มาโสรจสรงลงที่กายสบายจิต สมที่คิดปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
กับพี่เลี้ยงเคียงสำรวลชวนสำราญ ที่อาการไข้ใจวายอาวรณ์
พระพักตร์ผ่องเพียงจันทร์อันทรงกลด เมื่อเมฆหมดแจ่มจำรัสประภัสสร
สมประสงค์ตรงที่ในใจอาวรณ์ สว่างร้อนที่ในทรวงดวงกมล
แต่ยังไม่สมสวาทปรารถนา สุขแก่ตาซึ่งประหวัดยังขัดสน
ถ้าได้เสร็จสมคิดจิตกังวล ดอกอุบลก็จะเผยระเหยบาน
เหมือนคำพร้องร้องละครว่าเมื่อเอ่ย ลูกคู่เคยยกกรับขยับขาน
ต่อลงนั้นจึงจะสวบประจวบการ ข้อรำคาญยังไม่เสร็จสำเร็จปอง
พอเดือนดับลับฟ้าเวหาหน สุริยนดัดดั้นผันผยอง
ไขอรุณเรื่อแรงส่งแสงทอง ดุเหว่าร้องขับขานประสานครวญ
ไก่กระชั้นขันเอกวิเวกแว่ว จะเจื้อยแจ้วส่งเสียงสำเนียงหวน
การะเบ็งเซ็งซ่าฝูงกาชวน ต่างบินสวนไปมาล้อมกากี
เหมือนเร่งรถสุริยงให้ส่งแสง กระจ่างแจ้งแจ่มจำรัสรัศมี
ส่องสว่างกลางเวหาหมดราคี เจ้าบุรีฟื้นองค์เสร็จสรงชล
ไขปทุมธารากระยาสนาน กระเซ็นซ่านหยดย้อยดั่งฝอยฝน
ผลัดภูษาอ่าองค์ทรงสุคนธ์ จรุงปนเกสรขจรจาย
แล้วอ่าองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส เพชรรัตน์กูก่องส่องพระฉาย
จับพระแสงเนาวรัตน์จำรัสพราย เสร็จผันผายออกนั่งยังพระโรง
สถิตแท่นอดิเรกเศวกฉัตร มณีรัตน์พระที่นั่งบัลลังก์โถง
ขุนนางเข้าเฝ้าไทในพระโรง จอมจรรโลงตรัสถามความบุรินทร์
เสนาพร้อมน้อมประนมบังคมบาท สนองราชกิจไปดั่งใจถวิล
เสร็จประมูลทูลท้าวเจ้าแผ่นดิน พอเสร็จสิ้นราชการสำราญรมย์
พระจึ่งมีสิงหนาทประภาษตรัส ให้คิดจัดแจงสารลงลานถม
ไปลังกานครินทร์ปิ่นบรม จะสยมพรกษัตริย์กรุงรัตนา
เชิญเสด็จเชษฐามหาศาล มาแต่งงานเฉลิมยศโอรสา
แล้วไปแวะรมจักรนัครา ทูลกิจจาพระบรมประถมวงศ์
จงจัดแจงแต่งกำปั่นสุวรรณมาศ เอาใส่ราชสารตามความประสงค์
กับสิ่งของสารพัดจัดประจง ถวายองค์ขัตติยาทุกธานี ฯ
๏ ขุนนางรับโองการพระผ่านเกล้า มาสั่งเหล่าพวกชวากะลาสี
ให้ซ่อมแปลงแต่งกำปั่นให้ทันที พระภูมีตรัสใช้ไปลังกา
ขุนอาลักษณ์แต่งสารลงลานเสร็จ ใส่หีบเพชรเหมือนกันหมดตามยศถา
ใส่ถุงตาดเสร็จสรรพประทับตรา พานลงยารองรับประดับพลอย
จัดเสนาข้าทูลละอองบาท เคยเป็นราชทูตไปเคยใช้สอย
ประทานเสื้อหมวกสำรับประดับพลอย มาเตรียมคอยตามที่ทั้งสี่นาย
กระบวนแห่แตรสังข์มยุรฉัตร สารวัตรตรวจกระบวนถ้วนทุกสาย
ยานุมาศตั้งเคียงกันเรียงราย ทั้งธงฉานธงชายลายมังกร
กลองชนะเทวดาทั้งหน้าหลัง พร้อมสะพรั่งเกณฑ์แห่แลสลอน
ผ่ายพระจอมธิบดินทร์ปิ่นนคร เสด็จจรออกมาหน้าพระลาน
ทอดพระเนตรกระบวนแห่คนแออัด อาลักษณ์จัดแจงเชิญพระราชสาร
ขึ้นตั้งบนยานุมาศราชยาน ประคองพานแห่ตรงไปลงเรือ
กะลาสีคลี่ใบขึ้นใส่รอก ให้แล่นออกปากอ่าวก้าวไปเหนือ
ต้นหนตั้งเข็มใหญ่ไว้ท้ายเรือ คัดหางเสือตามเข็มลมเต็มใบ
ข้ามละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งห้อง ไปตามท้องวังวนชลใส
สิบสามวันบรรลุถึงกรุงไกร ปากอ่าวใหญ่รมจักรนัครา
กองตระเวนครั้นเห็นเรือกำปั่น มีสำคัญธงสยามตามภาษา
หันเรือเรียงเคียงถามตามสงกา ว่าแล่นมาแต่ไหนจงไขความ
พวกคนใช้ในลำกำปั่นใหญ่ ก็บอกไปว่าเราชาวสยาม
มาแต่กรุงเหมรันจันตคาม แล้วจะข้ามย้อนหลังไปลังกา
เชิญพระราชสารศรีมีรับสั่ง พระจอมวังนครินทร์ปิ่นมหา
ถวายองค์ทรงชัยพระอัยกา ให้ทราบใต้บาทาฝ่าละออง
พวกตระเวนแจงใจได้สดับ พากันกลับมาถึงด่านเอาการสนอง
แก่ผู้ช่วยสารวัตรปลัดกอง โดยทำนองราชการด่านข้างใน
ขึ้นกราบเรียนกับเจ้าคุณที่บนหอ เป็นเรื่องข้อราชการเขาขานไข
อีตาเฒ่าเจ้าพระยาว่าไวไว บอกขึ้นไปนคเรศนิเวศน์วัง
เอาเรือเร็วรีบไปอย่าได้ช้า วางศาลาเกณฑ์ให้ดั่งใจหวัง
ทนายรับเรียกข้าละล้าละลัง รีบไปยังนคราเข้าธานี
เอาหนังสือบอกออกส่งให้กรมท่า เสมียนตรารับมาอ่านแจ้งสารศรี
ส่งให้ท่านเจ้าพระยาไม่ช้าที แจ้งคดีพวกปากน้ำเขานำมา
รีบเข้าไปเตรียมเฝ้าเจ้านิเวศน์ พอทรงเดชออกพลันต่างหรรษา
ขุนนางเข้าเฝ้าองค์พระอิศรา แต่บรรดาพนักงานคลานเข้าไป
กราบบังคมก้มเกล้าลงสามครั้ง คอยหมอบฟังโองการจะขานไข
ป่างพระจอมนครินทร์ปิ่นเวียงชัย ภูวไนยธิบดีศรีสุวรรณ
สถิตแท่นอดิเรกเศวกฉัตร เนาวรัตน์เรืองอุไรมไหสวรรย์
โองการถามความนิเวศน์ขอบเขตคัน พวกแต่บรรดาเหล่าชาวบุรินทร์
ทั้งชีพราหมณ์สมณาประชาราษฎร์ ในอาวาสพวกสงฆ์ที่ทรงศีล
ใครได้ความทุกขาเป็นราคิน หรือเพิ่มภิญโญอยู่หมู่ประชา
ขุนนางพร้อมน้อมประนมบังคมบาท สนองนาถภูวไนยใส่เกศา
ราษฎรมีสุขทุกทิวา ทั้งข้าวปลาเต็มที่บริบูรณ์
ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงนคเรศ มีพระเดชแผ่ไปทั้งไอศูรย์
ได้ทรงฟังทุกกรมบังคมทูล พระเพิ่มพูนเปรมปราสถาพร
ฝ่ายท่านผู้จัตุสดมภ์กรมท่า หยิบบอกมาอ่านถวายลายอักษร
เมืองปากน้ำบอกว่าหน้าสันดอน กำปั่นจรเข้ามาทอดจอตเภตรา
กองตระเวนเจนสมุทรออกไปถาม เขาแจ้งความว่าภูมินทร์ปิ่นมหา
ว่าพระจอมนรินทร์รัตน์องค์นัดดา มีสารามาประนมบังคมคัล ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์บดินทร์สูร ฟังเขาทูลปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
สั่งให้รับทูตาเข้ามาพลัน เร่งผายผันจัดแจงแต่งนาวา
เอาเรือหงส์ลงไปรับราชสาร ของพระหลานจะได้แจ้งแห่งเลขา
จัดเรือแห่แตรสังข์อลังการ์ ให้เสนาผู้กำกับไปรับรอง
ตามเยี่ยงอย่างทางบุราณอย่าให้ขาด เร่งหมายบาดไปให้จนครบสิ่งของ
เครื่องจะรับราชสารเอาพานทอง ทั้งปี่กลองฉัตรสุวรรณพรรณราย
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร ขึ้นปราสาทมนเทียรวิเชียรฉาย
ผู้รับสั่งเร่งพหลพลพาย ตามบาดหมายพร้อมเสร็จสำเร็จการ
รีบลงไปถึงลำเรือกำปั่น เสนานั้นที่สำหรับไปรับสาร
ถึงกำปั่นแล้วแถลงแจ้งเหตุการณ์ ว่าผู้ผ่านธรณินทร์ปิ่นนคร
รับสั่งเราผู้เสนาลงมารับ ท่านทูตกับพจมานสารอักษร
จะแห่แหนเชิญไปในนคร จงรีบจรขึ้นไปเฝ้าเจ้าบุรินทร์
ทูลคำนับรับคำขุนอำมาตย์ เชิญพระราชสารไปดั่งใจถวิล
ลงเรือหงส์ตรงขึ้นมายังธานินทร์ พร้อมกันสิ้นถึงท่าที่หน้าวัง
กระบวนบกยกคานยานุมาศ เชิญพานราชสารใส่ดั่งใจหวัง
ขุนอาลักษณ์นั่งชั้นลดพระกลดบัง พวกเป่าสังข์กระทั่งแตรแห่ขึ้นไป
มโหระทึกกึกก้องกลองชนะ ตีจังหวะเดินเรียงเคียงไสว
ทั้งธงเทียวเขียวเหลืองเดินเนื่องไป ทั้งธงชัยขาวระบายลายมังกร
เทวดาเดินประจำใส่ลำพอก มีเกี้ยวปลอกทองจำรัสประภัสสร
ฉัตรห้าชั้นกรรชิงแลจามร เดินสลอนเลี้ยววงตรงเข้าวัง
พวกชาวเมืองวิ่งดูเป็นหมู่หมวด นายตำรวจคอยห้ามเดินตามหลัง
ถึงที่หยุดพวกสนมกรมวัง พร้อมสะพรั่งนำเข้ามาหน้าพระโรง
พวกขุนนางต่างแต่งตัวไว้เสร็จ สวมเสื้อเกล็ดท่านโตโตดูโอ่โถง
ชั้นนอกครุยตามกันไปในพระโรง บ่ายสองโมงกรุงกษัตริย์ขัตติยา
ทรงเครื่องเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร เสนามาตย์หมอบรายทั้งซ้ายขวา
ประโคมแตรดีดสีปี่ชวา พร้อมเสนากราบก้มประนมกร
มีโองการโปรดบังคับให้รับสาร เข้ามาอ่านทูลถวายลายอักษร
กับพวกทูตตัวขุนนางต่างนคร ให้รีบจรไปประนมบังคมคัล
ในพระโรงรจนามุกดาหาร ต่างก้มกรานภูวไนยเจ้าไอศวรรย์
ยกพานทองขึ้นไปตั้งบัลลังก์พลัน อภิวันท์หมอบฟังรับสั่งความ ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสปราศรัยแล้วไต่ถาม
ว่าศัตรูราบเตียนเสี้ยนสงคราม หรือได้ความทุกข์อยู่ทุกผู้คน
ราชทูตทูลฉลองสนองอรรถ สารพัดธัญญาผลาผล
ทั้งชีพราหมณ์เหล่าอาณาประชาชน ไม่ขัดสนเปรมปราสถาพร
พระทรงฟังสั่งอาลักษณ์ให้คลี่สาร ออกมาอ่านได้ประจักษ์ในอักษร
จะทรงฟังยังถ้อยสุนทรวอน เรื่องเย็นร้อนมีในสารสถานใด ฯ
๏ ขุนอาลักษณ์กราบกรานเปิดสารศรี อ่านคดีทูลแจ้งแถลงไข
ขอบังคมสมเด็จพระภูวไนย จงทราบใต้บาทาฝ่าละออง
องค์พระจอมอัยกานราราช นัดดานาถขอประมูลทูลฉลอง
จะได้คู่สู่สมอารมณ์ปอง โดยทำนองกษัตริย์ขัตติยา
พระปิ่นเกล้าเจ้านครเหมราช กษัตริย์ชาติสมพงศ์สมวงศา
ขอเชิญเสด็จภูวไนยพระอัยกา กับพระอามาช่วยอำนวยพร
ควรมิควรสุดแท้แต่จะโปรด ประทานโทษทรงฤทธิ์อดิศร
ขอสารภาพกราบก้มประนมกร จบอักษรศรีสวัสดิ์ของนัดดา ฯ
๏ พระทรงฟังสังรเสริญหน่อกษัตริย์ ใครช่างจัดขอสู่คู่ให้หนา
เป็นเขยเขาเจ้าเมืองเหมรา กษัตราหน่อเนื้อเชื้อตระกูล
ทั้งวงศ์เราวงศ์เขาเสมอยศ ได้ปรากฏเนื่องไปมิได้สูญ
จะภิญโญโภไคยอันไพบูลย์ พระเพิ่มพูนในพระทัยดั่งได้ทอง
แล้วให้อ่านสารกษัตริย์เหมราช บังคมบาทกษัตรามาทั้งสอง
ขอเป็นบุตรสุจริตดั่งจิตปอง จะเกี่ยวข้องมาเป็นข้าฝ่าธุลี
ด้วยกษัตริย์นัดดาฝ่าพระบาท มาอยู่ในเหมราชบุรีศรี
ช่วยปราบปรามศัตรูหมู่ไพรี พระคุณมีเหลือล้นคณนา
เธอประสงค์ในบุตรีนารีรัตน์ ไม่ข้องขัดหมายจำนงเหมือนวงศา
จะอภิเษกให้เป็นเอกในพารา ขอเชิญฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์
ช่วยประทานพรประสิทธิ์เหมือนอิศเรศ องค์เทเวศในสถานพิมานสวรรค์
เหมือนฉัตรแก้วกั้นสีรวีวรรณ ได้คุ้มกันโพยภัยในนัดดา
ควรมิควรพระองค์ได้ทรงโปรด ประทานโทษเถิดอย่าถือซึ่งโทษา
พอจบคำรำพันสารสารา นายเวรอาลักษณ์ก้มประนมกร ฯ
๏ พระทรงฟังสังรเสริญเจริญยศ ช่างหมดจดดั่งจรุงปรุงเกสร
สมเป็นชาติกษัตราสถาวร เธออวยพรให้พิพัฒน์สวัสดี
แล้วรางวัลทูตถือหนังสือสาร โปรดประทานเงินตราเสื้อผ้าสี
กับสิ่งของต่างต่างที่อย่างดี แล้วภูมีเสร็จเข้าในไพชยนต์ ฯ
๏ กรมท่าพาทูตไปกินเลี้ยง สำรับเรียงตามตำแหน่งทุกแห่งหน
เลี้ยงทั้งนายไพร่ทั่วทุกตัวคน เสร็จแล้วขนของลงไปส่งเรือ
พักกันอยู่สองทิวาทูลลากลับ เชิญฉบับสารไปข้างฝ่ายเหนือ
ตันหนยักเข็มใหญ่ข้างท้ายเรือ คัดหางเสือหัวตั้งไปลังกา
ได้ลมคล่องล่องแล่นตามแผนที่ กำปั่นรี่เร็วไปในมหา
สาคเรศเขตแคว้นแดนลังกา แปดทิวาถึงปากอ่าวเข้าสันดอน
อันเรื่องราวเล่าก็เหมือนไปรมจักร จะเยื้องยักผิดแต่การสารอักษร
เรื่องแห่แหนราชสารการนคร จะกล่าวกลอนร่ำไรไปทุกเมือง
ท่านผู้ฟังก็จะเกลียดขี้เกียจอ่าน ไม่ต้องการที่จะดูเบื่อหูเหือง
จะว่ากล่าวต่อไปไม่ประเทือง เอาแต่เรื่องที่ประสงค์ตรงจะฟัง ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ออกนั่งอาสน์พระโรงชัยพระทัยหวัง
ให้อ่านสารจักรพงศ์พระทรงฟัง อาลักษณ์บังคมคัลอัญชลี
แล้วคลี่สารอ่านถวายกรุงกษัตริย์ นรินทร์รัตน์กราบประนมก้มเกศี
พระปิ่นปกองค์ชนกชนนี อันเป็นที่ปกเกล้าแต่เยาว์มา
ด้วยบัดนี้เจ้าบุรีเหมราช เธอประสาทบุตรีเสน่หา
ให้เป็นคู่สู่สมภิรมยา จะแต่งงานการวิวาห์ให้ถาวร
ขอเชิญองค์ทรงฤทธิ์บิตุเรศ มาปกเกศให้ภิญโญสโมสร
ให้เป็นที่เปรมปราสถาพร จบอักษรราชสารในลานทอง
แล้วให้อ่านสารท้าวกัมพลราช บังคมบาทพระเชษฐามาทั้งสอง
ขอเป็นสัมพันธมิตรดั่งจิตปอง พระผู้ครองลังกาเจ้าธานี
เชิญเสด็จเชษฐามาเหมราช ช่วยประสาทอภิเษกทั้งสองศรี
จงทราบใต้บาทาฝ่าธุลี จบสารศรีสองฉบับแล้วกราบลง ฯ
๏ พระทรงภุชสุดสาครบวรนาถ สดับราชสารสมอารมณ์ประสงค์
ด้วยสมนามสมเนื้อในเชื้อวงศ์ ได้ดำรงรัตนาให้ถาวร
แล้วรางวัลผู้ถือหนังสือสาร ของประทานต่างต่างวางสลอน
เสื้อลายทองพื้นแดงแย่งมังกร ทั้งผ้าผ่อนม่วงไหมได้ทุกนาย
ประทานเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นปรางค์มาศมนเทียรวิเชียรฉาย
สถิตนั่งยังพระแท่นแสนสบาย พระภิปรายโปรดแถลงแจ้งคดี
แก่นงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ ว่าลูกรักเราจะได้มเหสี
แต่งสารตรามาแถลงแจ้งคดี ได้บุตรีนงเยาว์ท้าวกัมพล
มาเชิญเราเหล่าญาติไปอภิเษก อติเรกในจังหวัดพิพัฒน์ผล
เหมรานครินทร์ถิ่นมณฑล เสาวคนธ์มเหสีก็ปรีดา
จึงจัดแจงแต่งของเครื่องประดับ ไปสำหรับจะประทานพระสุณิสา
สร้อยสะอิ้งอย่างดีมีราคา เคยทรงมาแต่เยาว์จัดเอาไป
ธำมรงค์เพชรรัตน์ประภัสสร กรรเจียกจรเนาวรัตน์จำรัสไข
พระภูษาแย่งยกกนกใน ผ้าสไบตาดบางที่อย่างดี
จัดอนงค์ทรงวิไลประไพพักตร์ ที่มีศักดิ์ผุดผ่องละอองฉวี
ที่แรกรุ่นชันษาสิบห้าปี ร้อยนารีจัดสำรองของประทาน ฯ
๏ ฝ่ายพวกทูตหยุดอยู่พอผ่อนพัก ในสำนักกรุงลังกามหาสถาน
พอหายเหนื่อยเมื่อยล้าห้าทิวาร ทูลลากลับไปสถานเหมรา
พวกลำหนึ่งไปผลึกกรุงการะเวก เรื่องภิเษกทูลถวายลายเลขา
ทั้งสองกรุงพระเจ้าลุงพระเจ้าตา รับสาราแห่แหนแม้นแม้นกัน
พวกที่ไปแห่งหนกำพลเพชร พร้อมกันเสร็จทุกกรุงไกรไอศวรรย์
สุลาลัยเมืองเซ็นรับเช่นกัน ให้รางวัลตามอย่างทางบุราณ
เมืองสินชัยพระวลายุดาราช สั่งอำมาตย์เตรียมเภตราโยธาหาญ
จะไปเสกพระนัดดาอย่าช้าการ ของประทานจัดใส่ลงในลำ
ทุกพาราเตรียมกันจะผันผาย เกณฑ์ไพร่นายซ่อมเภตราเลขาขำ
พวกต้นหนเตรียมตัวทั่วทุกลำ เครื่องประจำอาวุธยุทธนา
ทุกนิเวศน์จะเสด็จให้ทันกำหนด พร้อมกันหมดในพระวงศ์เผ่าพงศา
จะกล่าวข้างรมจักรนัครา จัดเภตราเครื่องประทานพระหลานชาย
กับนงนุชบุตรีศรีสะใภ้ เครื่องรับไหว้ล้วนจำเนียรวิเชียรฉาย
มงกุฎเก็จเพชรรัตน์จำรัสพราย สังวาลสายสร้อยสะอิ้งทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ฝ่ายท่านท้าวทศวงศ์ผู้ทรงเดช เธอทราบเหตุเรื่องราวเพราะสาวสรรค์
ไปพูดจาบอกกล่าวต่างเล่ากัน พระทรงธรรม์ถามซักประจักษ์ความ
พระตรัสเรียกสาวใช้เองไปหา ศรีสุวรรณเขาเข้ามาจะไต่ถาม
นางสาวใช้ไปประมูลแล้วทูลความ พระก็ตามเข้ามาเฝ้าท่านท้าวไท
เธอตรัสถามว่าใครจะได้คู่ ข้าพึ่งรู้พ่อจงแจ้งแถลงไข
นรินทร์รัตน์นัดดาของผู้ใด จงเล่าไปใครเป็นพ่อจะขอฟัง
เป็นเชื้อสายในเราบ้างหรือไม่ ข้าอยากไปช่วยเขาอยู่ได้ดูหนัง
ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงวัง เอาความหลังเล่าถวายทูลรายตัว
เออลูกเต้าเสาวคนธ์ข้าจำได้ เออก็ใครเล่าเดี๋ยวนี้จะมีผัว
เธอหลงเล่อเออออข้าขอตัว เรื่องข่มผัวเช่นท่านยายไม่ได้การ
พ่อจะไปกับเจ้าดูเขาเล่น แต่วิ่งเต้นไม่ใคร่ไหวอายลูกหลาน
อันเพลงยาวเล่ายังทำได้ชำนาญ ชักนิทานเรียงเรียบประเทียบกลอน
แต่หนุ่มหนุ่มเดี๋ยวนี้มักขี้ขลาด ไม่องอาจกล่าวสารพาดพันสมร
ข้าได้เรียนต่อครูรู้เชิงกลอน ท่าจะวอนทีจะว่าข้าเข้าใจ ฯ
๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ฟังเธอตรัสหุนหันนึกหมั่นไส้
อนิจจังทุกขังเป็นอย่างไร ท้าวเธอไม่พูดจาน่ารำคาญ
คิดก็เป็นอนิจจังฟังไม่ได้ ทูลลาไปจากปราสาทราชฐาน
ไปสั่งเหล่าเสนีปรีชาชาญ ให้จัดการที่จะไปในคงคา
อาเรือหงส์เป็นที่นั่งตั้งพระแท่น เครื่องแห่แหนอย่าเอาไปให้หนักหนา
เอาแต่ปืนใส่สลักยักกะตรา พอกันข้าศึกไประไวระวัง
ที่นั่งรองทองทั้งแท่งแต่งไว้พร้อม คอยพระจอมภูวไนยดั่งใจหวัง
ทอดสมอรอราอยู่หน้าวัง พร้อมสะพรั่งตั้งกระบวนปักทวนธง ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงรมจักร พระทรงศักดิ์จรลีเข้าที่สรง
น้ำกุหลาบอาบอบตลบองค์ แล้วก็ทรงผลัดภูษาค่าบุรินทร์
สวมมงกุฎบุษราจินดาประดับ เครื่องสำหรับเพราเพริศดูเฉิดฉิน
ทรงพระแสงฝักถมยาคู่ธานินทร์ จอมนรินทร์เสด็จออกนอกนคร
พระกฤษณามาคอยตามเสด็จ พร้อมกันเสร็จคั่งคับสลับสลอน
พระเสด็จทรงรถบทจร อัสดรชักตรงไปลงเรือ
เสด็จประทับแท่นระบายท้ายบาหลี พอฤกษ์ดีนายท้ายบ่ายหางเสือ
ออกแล่นหลามตามกระบวนแต่ล้วนเรือ ทหารเสือยิงปืนเสียงครื้นโครม
โห่สนั่นลั่นฆ้องเสียงก้องกึก ออกแล่นลึกเซ็งแซ่ฮึกแห่โหม
พระสุริยงลงลับพยับโพยม พลางจุดโคมแสงสว่างดั่งกลางวัน ฯ
๏ จะของดบทเบื้องเรื่องนี้ก่อน จะกล่าวย้อนถึงกรุงไกรไอศวรรย์
ลังกาเกาะนคเรศขอบเขตคัน ตั้งแต่วันรับสารการมงคล
กษัตริย์สุดสาครบวรนาถ เสด็จลีลาศไปทูลแจ้งแห่งนุสนธิ์
แต่พระจอมมุนินทร์ปิ่นสกล ทั้งพระชนนีสองฉลองการ
พระอภัยมุนินทร์ปิ่นนักสิทธ์ สำรวมจิตอยู่ในธรรมกรรมฐาน
เธอทราบสิ้นยินดีมีโองการ พระเจ้าหลานจะได้คู่ต่างบุรินทร์
จำจะต้องไปช่วยอวยสวัสดิ์ ให้สองนัดดาสมอารมณ์ถวิล
จะได้มีสุขาไม่ราคิน ครองแผ่นดินรัตนาให้ถาวร
จึงตรัสสั่งสุดสาครจอมกษัตริย์ เจ้าเร่งจัดกำปั่นใหญ่ใส่ฟูกหมอน
พวกนักสิทธ์จะได้ไปช่วยให้พร ในนครเหมราอย่าช้าที
เรือดาดฟ้าสองชั้นกัลปังหา สำหรับข้าจะสถิตกิจฤๅษี
แล้วเจ้าจงจัดห้องให้สองชี ท้ายบาหลีพวกศิษย์ไปได้สำราญ
จะได้อยู่กับข้าให้ผาสุก พอนั่งลุกเจริญธรรมกรรมฐาน
จะได้สวดคาถาสมาทาน ดับรำคาญไปในทางกลางทะเล
สองหลวงชีมีจิตคิดถึงญาติ ต่างนิราศแรมร้างไปห่างเห
เห็นจะมาพร้อมญาติคาดคะเน ด้วยประเพณีงานการวิวาห์
แล้วโฉมยงปลงในธรรมกรรมฐาน เออเหลนหลานจำเริญวัยใหญ่หนักหนา
จนมีคู่สู่สมภิรมยา อนิจจาคลอดระหว่างกลางณรงค์
อันตัวเรานี้เป็นไรจะไม่แก่ เห็นเที่ยงแท้ความตายไม่ใหลหลง
อนิจจังสังขารไม่ยืนยง ชีสององค์ปลงทุกขังหวังนิพพาน ฯ
๏ ฝ่ายกษัตริย์สุดสาครบวรนาถ ทูลลาบาทสามมุนินทร์กลับถิ่นฐาน
มาสั่งเหล่าเสนีปรีชาชาญ ให้จัดการซ่อมแปลงแต่งเภตรา
ตามห้องหับจับเขียนลายน้ำมัน ที่ในลำกำปั่นกัลปังหา
เร่งขัดสีตอกหมันเอาชันยา ทั้งน้ำท่าเครื่องเสบียงเลี้ยงมุนี
ลำที่เราจะไปเรือไกรสร กับมังกรที่นั่งรองท้องทาสี
เปลี่ยนเชือกเสาเพลาใบจัดให้ดี จะเป็นที่ออกหน้าให้ถาวร
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จขึ้นจากอาสน์ ขุนอำมาตย์ให้เสมียนเขียนอักษร
แล้วบาดหมายรายไปในนคร เป็นการร้อนรีบให้เสร็จในเจ็ดวัน ฯ
๏ อันบทเบื้องเรื่องนี้ของดไว้ จะกล่าวไปในนิเวศน์ขอบเขตขัณฑ์
เหมรารังสีรวีวรรณ จัดแจงกันปลูกโรงงานการพิธี
แต่โรงเลี้ยงใหญ่ยาวสิบเก้าหลัง รอบในวังดาดผ้าหลังคาสี
ไว้รับพวกจะมาค้างต่างบุรี ทั้งจะมีการละเล่นทั้งเต้นรำ
ปลูกโรงโขนโรงละครทั้งงิ้วหุ่น ชุลมุนเขียนผ้าเลขาขำ
ติดระบายสายโรงทุกโรงรำ พวกที่ทำราชวัตรทั้งฉัตรทอง
ทั้งเงินนากมากมายเกณฑ์จ่ายแจก ตามแผนกเบิกเอาทั้งข้าวของ
เครื่องทาสีฝุ่นชาดกระดาษทอง พวกแม่กองทำฎีกามาเอาไป
บ้างจัดแจงแต่งปราสาทราชฐาน พนักงานจัดที่พิธีไสย
ตั้งเครื่องอานพานบุปผาพุ่มมาลัย พระเต้าใส่น้ำมนต์ชลธี
ทั้งนากทองเงินศิลาห่อสำริด ล้วนวิจิตรหลายอย่างต่างต่างสี
ทั้งขันสรงลงยาราชาวดี ฝังมณีนพเก้าดูพราวพราย
ทั้งพระเต้าเบญจครรภสำหรับกษัตริย์ กับสังข์ทักษิณาวัฏจำรัสฉาย
ครอบสำริดเลี่ยมสุวรรณพรรณราย ตั้งพระฉายเครื่องสำอางอย่างบุราณ
จัดพระแท่นอติเรกเศวกฉัตร เพดานดัดสำหรับลงสรงสนาน
ม่านดอกทองโขมพัตถ์ชัชวาล ทั้งเครื่องอานพระสำอางกลางมณฑล
พระภูษาทรงผลัดจัดสำเร็จ ไว้พร้อมเสร็จเครื่องวิวาห์สถาผล
อีกกองแก้วกองสุวรรณตั้งชั้นบน หน้ามณฑลเตียงพิธีตามที่เคย
ทอดยี่ภู่ปูผ้าราชาอาสน์ ทั้งเครื่องลาดพานทองรองเขนย
พวกชาวที่กรมวังตั้งตามเคย ที่แต่งเกยรับกษัตริย์ขัตติยา ฯ
๏ ขอกล่าวกลับจับความไปตามเรื่อง ถึงบาทเบื้องสุริย์วงศ์เผ่าพงศา
ทั้งแปดเมืองแล่นหลามตามกันมา ข้ามมหาสาคโรชโลทร
ชมมัจฉาปลาว่ายสายกระสินธุ์ ในวารินตามละเมาะเกาะสิงขร
ฉนากฉลามตามกันเที่ยวสัญจร เหล่ามังกรเหราฝูงปลาวาฬ
ตะเพียนทองล่องลอยไปตามคลื่น เสียงโครมครื้นหางฟาดฉาดฉาดฉาน
ฝูงม้าน้ำทำท่าม้าทะยาน ทั้งดำผ่านคล้ายม้าอาชาไนย
ฝูงช้างน้ำดำด้นเที่ยวค้นหา มีงวงงาฟาดวารินกระสินธุ์ใส
ฝูงเงือกงูหมูน้ำรายคล่ำไป แล้วเลี้ยวไล่หาอาหารทะยานตัว
ฝูงโลมาราหูขึ้นฟูฟ่อง บ้างลอยล่องน้ำดูชูแต่หัว
แล้วดำหกยกหางเห็นกลางตัว พิศดูหัวคล้ายบาตรชาติโลมา
ฝูงกริวกราวเต่ากระระดะดาษ เที่ยวว่ายกลาดวงวนปนมัจฉา
ทั้งปูเปี้ยวหอยแครงเหล่าแมงดา ตามชลาชายเกาะเที่ยวเสาะกิน
ลมพระพายชายพัดไม่ขัดขวาง แล่นมากลางชลท่าชลาสินธุ์
แปดพารามาถึงทุกธานินทร์ พร้อมกันสิ้นสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร
เจ้าพารามารับคำนับน้อม เชิญพระจอมมุนินทร์บดินทร์สูร
เสด็จก่อนเหล่าพระวงศ์พงศ์ประยูร ขึ้นพร้อมมูลพวกนักสิทธ์กิจจงกรม
ให้สถิตปรางค์ปราต่างอาวาส เครื่องปูลาดจัดละม้ายคล้ายอาศรม
แต่มนเทียรตามธรรมเนียมปูเจียมพรม แท่นบรรทมเคียงกันเป็นหลั่นไป
แล้วกะเกณฑ์กระบวนแห่มาแออัด ทั้งรถรัตน์เสลี่ยงทองอันผ่องใส
ไปรับเสด็จธิบดินทร์ปิ่นเวียงชัย ท่านผู้ใหญ่เสด็จหน้านัดดาตาม
ที่นารีทรงรถพระกลดกั้น เป็นหลั่นหลั่นแห่มาหน้าสนาม
พร้อมพระวงศ์พงศาเสนาตาม เป็นหมดความรับเสด็จถึงเขตคัน
พระอัยกาอาลุงกรุงกษัตริย์ นรินทร์รัตน์เชิญเสด็จทุกเขตขัณฑ์
พระเชษฐาสุริย์วงศ์ในพงศ์พันธุ์ มาพร้อมกันมิได้ขาดญาติวงศ์
พระชนกชนนียินดีเหลือ สมน้ำเนื้อในสกูลประยูรหงส์
กษัตริย์ข้างท้าวกัมพลรณรงค์ มาพร้อมวงศ์พร้อมญาติดาษดา
ทั้งสองข้างต่างถวายอภิวันท์ ไปตามชั้นแก่อ่อนพระชันษา
ต่างปราโมทย์ชื่นชมภิรมยา เป็นมหาสัมพันธมิตรดั่งจิตปอง
ถึงวันดีสี่ค่ำโหรกำหนด เฉลิมยศอภิเษกกษัตริย์สอง
พวกโรงเลี้ยงโรงเครื่องมาเนืองนอง เที่ยวจ่ายของต่างต่างล้วนอย่างดี
พวกเจ้าสัวนายอากรทำเกาเหลา จัดซื้อเหล้าหมูไก่ไข่อาหนี
พวกฝรั่งต่างตั้งเตาอัคคี ทั้งปิ้งจี่เป็ดไก่วางในจาน
พวกโรงแขกจัดแจงแกงมัสมั่น เครื่องเค็มมันเนยนมขนมหวาน
เจ้าภาษีตั้งโรงเรียงโจงจาน ต้มหมูหวานผัดหมี่ผักชีโรย
พวกวิเสทจัดสำรับทำกับข้าว ทั้งนายบ่าวเรียกกันมาเสียงหวาโหวย
ที่ปิ้งจี่ผัดใส่พริกไทยโรย ปลาโหมงโกรยทอดน้ำมันใส่จานเชิง
เสียงพวกคนพลไพร่จ่ายสำรับ อเนกนับจานเจือจนเหลือเหลิง
ขุนหมื่นไพร่ให้กินจนสิ้นเชิง สำราญเริงอิ่มทั่วทุกตัวคน
ถึงวันงานท้าวพระยาเสนาพร้อม ประณตน้อมคั่งคับกันสับสน
ฝ่ายพระจอมมุนินทร์ปิ่นสกล เสด็จขึ้นบนปรางค์มาศปราสาทชัย
พวกมุนีนั่งหลามตามลำดับ เคยสำหรับสวดพระเวทข้างเพทไสย
พวกพระวงศ์พงศาเสนาใน ก็ขึ้นไปพร้อมพรักพนักงาน ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมรมจักรนัคเรศ พระปิ่นเกศการะเวกมาเสกหลาน
ให้นัดดาสรงชลสุคนธ์ธาร พนักงานถวายเครื่องอันเรืองรอง
ครั้นเสร็จสรงทรงผลัดพระภูษา แย่งครุฑาอย่างดีไม่มีสอง
สนับเพลาตาดเหลืองปักเครื่องทอง สอดฉลององค์กนกวิหคบิน
เจียระบาดตาดม่วงดวงประดับ ปั้นเหน่งทับเพราเพริศดูเฉิดฉิน
ธำมรงค์ล้วนจินดาค่าบุรินทร์ สังวาลนิลนพเก้าดูพราวพราย
ทรงมงกุฎเพชรรัตน์ประภัสสร กรรเจียกจรแจ่มจัดจำรัสฉาย
ทับทรวงเฟื่องเรืองศรีมณีพราย ชายแครงลายลงยาราชาวดี
เสร็จทรงเครื่องเยื้องย่างขึ้นเกยรัตน์ สองกษัตริย์จูงกรพระโฉมศรี
ขึ้นบนยานุมาศพลันด้วยทันที พอฤกษ์ดีลั่นฆ้องกลองประโคม
พวกเป่าสังข์กระทั่งแตรเดินแออัด แห่กษัตริย์สุริย์วงศ์พระทรงโฉม
กลองชนะดนตรีตีประโคม ชาวเมืองโสมนัสช่วยอำนวยพร
ที่ลางคนชมงามทั้งนามเพราะ หรือเทพเจาะมาเป็นคู่สู่สมร
ราวกะองค์สุริยันกับจันทร เมื่อเสด็จจรเลี้ยวลดทรงรถชัย
ช่างน่าชมสมเป็นเขยกรุงกษัตริย์ ในจังหวัดเหมราจะหาไหน
ทั้งสาวแก่แลขึงตะลึงตะไล จนแห่ไปลับตายังมาตาม
จนใกล้ถึงปรางค์มาศราชฐาน พนักงานผู้คนนั่งล้นหลาม
คอยรับเสด็จจักรพงศ์ผู้ทรงนาม กษัตริย์สามมาประทับรับอยู่เกย
กระบวนหน้ามาถึงก็หยุดยั้ง ประโคมสังข์พริ้งเพริศดูเปิดเผย
เครื่องดนตรีกาหลล้วนตนเคย ถึงแล้วเลยไปยืนเรียงอยู่เคียงกัน
ทั้งปี่กลองฆ้องแตรเซ็งแซ่เสียง ไปยืนเรียงตามที่ขมีขมัน
พอยานุมาศถึงประทับกับเกยพลัน ตีสนั่นส่งเสด็จสำเร็จการ
พระอัยกาสองพระองค์ทรงจูงหัตถ์ นรินทร์รัตน์โฉมเฉลาพระเจ้าหลาน
พระบิตุเรศสองพระองค์ทั้งวงศ์วาน เข้าปรางค์มาศราชฐานคอยอนงค์ ฯ
๏ ฝ่ายทั้งสองชนนีนารีรัตน์ ให้บุตรีศรีสวัสดิ์เข้าที่สรง
นางพี่เลี้ยงโฉมศรีสี่อนงค์ ช่วยสระสรงสุคนธ์ปนสุวรรณ
ทรงภูษาผ้าสังเวียนวิเชียรช่วง สีมอม่วงทองถมดูคมสัน
ทรงสะพักตาดปักดอกสุวรรณ คาคเข็มขัดลายกุดั่นประจำยาม
ฉลองศอเพชรรัตน์จำรัสฉาย แกมเพทายน้ำมณีสีสยาม
ทองพระกรนพเก้าดูวาววาม ธำมรงค์เรืองอร่ามจินดาดวง
สอดสะอิ้งพริ้งเพราเนาวรัตน์ แจ่มจำรัสอย่างดีที่ลูกหลวง
ทรงมงกุฎบุษราจินดาดวง เป็นรุ้งร่วงวับวามอร่ามตา
ทรงเครื่องเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร กำนัลนาฏเจ้าขรัวนายเดินซ้ายขวา
ตามเสด็จพระบุตรีศรีโสภา พระมารดาจูงหัตถ์ตรัสพจมาน
ไปภิวาทบาทบงสุ์เผ่าพงศา แต่บรรดาอยู่ที่บนมนเทียรสถาน
เธอแก่กว่าทุกพระองค์พวกวงศ์วาน จงหมอบกรานอย่าไปนั่งฟังมารดร
นางประนมก้มเศียรประสานหัตถ์ ฟังกษัตริย์สองพระองค์ทรงสั่งสอน
นางคำนับรับรสบทจร ถึงบรรจถรณ์ปรางค์มาศปราสาทชัย
เจ้าขรัวนายแหวกม่านนางกรานกราบ ศิโรราบโดยประสาอัชฌาสัย
ชาวประโคมก็ประโคมขึ้นทันใด ลั่นฆ้องชัยเป่าสังข์กังสดาล
มโหรีปี่พาทย์ระนาดฆ้อง เสียงแซ่ซ้องบรรเลงวังเวงหวาน
พระทรงภุชจุดเทียนนมัสการ กังสดาลตีห้ามปรามดนตรี ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมุนินทร์ปิ่นนักสิทธ์ สำรวมจิตประทานศิลพระชินศรี
แล้วก็สวดพร้อมกันหมดดาบสินี เจริญศรีศุภผลพระมนตรา
พวกนักบวชสวดละม้ายคล้ายกับสงฆ์ พอจบลงปิ่นกษัตริย์ทรงยถา
พนักงานพวกจีนรินน้ำชา ถวายพระดาบสฉันมิทันนาน
พวกประโคมก็ประโคมทั้งดีดสี มโหรีขับเพลงวังเวงหวาน
พฤฒาเฒ่าเข้าประณตบทมาลย์ โหราจารย์พราหมณ์ก้มประนมกร
เปลื้องผ้าหุ้มคลุมบายศรีสามสำรับ ยอดตองพับคลานไปวางข้างสมร
แล้วยกวางกลางพระเพลาพระภูธร เพลาบังอรวางลงองค์ละอัน
แล้วจุดเทียนเวียนแว่นสุวรรณมาศ พวกพระญาติรับเวียนเทียนพระขวัญ
พลางอวยชัยศุภโยคหัตถ์โบกควัน ต่างรับกันส่งไปให้เสนา
ต่อกันไปในฉากท้าวนางรับ เป็นลำดับแล้วก็ส่งไปให้เสนา
ถ้วนเจ็ดรอบตามระบอบบุราณมา พราหมณ์พฤฒาคอยรับดับอัคคี
แล้วโบกควันตามตำรับว่าดับทุกข์ เจริญสุขปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ทั้งโรคคันอันตราอย่ายายี ตามคัมภีร์ไสยเวทข้างเพศพราหมณ์ ฯ
๏ ฝ่ายสองพระอัยกานราราช บรมนาถธิบดินทร์ปิ่นสยาม
ทรงเฉลิมเจิมนลาฏพระโฉมงาม กับนงรามวรนุชพระบุตรี
พระบิตุลาบิตุรงค์พวกพงศา ต่างก็มาจุณเจิมเฉลิมศรี
ให้สององค์จงพิพัฒน์สวัสดี อย่ารู้มีทุกข์โศกโรคโรคา
ทั้งศัตรูหมู่มารอย่าทานฤทธิ์ ประจามิตรเกรงกลัวทั่วทิศา
จงอยู่เย็นเป็นสุขทุกทิวา ชันษาสองจงยืนสักหมื่นปี
ทั้งสององค์ทรงสดับแล้วอภิวาท สามพระอาบรรดาญาติทุกกรุงศรี
ฝ่ายเอกองค์นงนุชพระบุตรี อัญชลีแล้วก็คลานเข้าม่านทอง
พระนักสิทธ์เสด็จกลับไปยับยั้ง อยู่ในวังปราสาทศรีกับชีสอง
พวกนักพรตที่เป็นข้าฝ่าละออง ไปอยู่ห้องพระปรัศว์ถัดกันมา ฯ
๏ ฝ่ายพระวงศ์พงศาคณาญาติ สถิตอาสน์เรียงรายทังซ้ายขวา
พวกตั้งเครื่องคาวหวานคลานเข้ามา ถวายจอมอิศราทุกเวียงชัย
เสวยเสร็จแล้วเสด็จมาประทับ ให้แห่กลับไปพลับพลาที่อาศัย
พระวงศามาพักตำหนักใน แต่แห่ไปตามทำนองในท้องงาน
สามทิวาจึ่งสำเร็จเสร็จฟังสวด ทุกหมู่หมวดแต่บรรดาโยธาหาญ
ถึงวันสี่สรงชลสุคนธ์ธาร พนักงานพร้อมพรั่งทั้งวังเวียง
ขึ้นพระแท่นแว่นฟ้ากระยาสนาน ประโคมขานสังข์แตรเซ็งแซ่เสียง
พวกบัณเฑาะว์ขับไม้นั่งรายเรียง เครื่องจำเรียงติดสีปี่ชวา
มโหระทึกกึกก้องฆ้องประสาน ก้องกังวานไพเราะเพราะหนักหนา
ฝ่ายพระจอมมุนีเสร็จลีลา กับสองดาบสินีด้วยปรีดิ์เปรม
ถึ่งที่สรงทรงพรตรดน้ำสังข์ พระรับสั่งว่าสิ้นทุกข์สุขเกษม
ทั้งสองหลานสวัสดีจงปรีดิ์เปรม ให้อิ่มเอมในยศปรากฏนาม
ดาบสินีชีสองเธออวยสวัสดิ์ ให้สองนัดดาบำรุงกรุงสยาม
เดโชชัยได้ลาภปราบสงคราม อย่ามีความร้อนใจในกมล
สองประนมก้มเศียรประสานหัตถ์ รับพระพรสามกษัตริย์พิพัฒน์ผล
แล้วบรรดาญาติวงศ์มาสรงชล ด้วยน้ำมนต์ในพระเต้าเข้าพิธี
พระอัยกาอาลุงทั้งบิตุเรศ พระชนนีเกิดเกศทั้งสองศรี
พระเจ้าน้าเชษฐาทุกบุรี เจริญศรีสวัสดิชัยให้ทุกองค์
ครั้นแล้วเสด็จพระเสด็จยุรยาตร สถิตอาสน์ผลัดผ้าภูษาสรง
พนักงานจัดแจงแต่งพระองค์ สวมเครื่องทรงตามยศบทบุราณ
ฝ่ายพระนุชบุตรีนารีรัตน์ นางกษัตริย์เข้าข้างในอันไพศาล
แล้วทรงเครื่องเรืองจำรัสชัชวาล สำเร็จการพานางขึ้นปรางค์ทอง ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมการะเวกรมจักร กษัตริย์ศักดิ์เฉลิมวังเธอทั้งสอง
จูงพระหลานเคียงข้างพลางประคอง ให้ขึ้นกองแท่นแก้วอันแพรวพราย
ฝ่ายข้างในอัยกีรมจักร จูงพระกรนงลักษณ์ให้ผันผาย
ขึ้นกองทองแท่นแก้วอันแพรวพราย หยิบหัตถ์ซ้ายเกศพัฒน์พระนัดดา
ให้เกี่ยวก้อยธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ ตามกษัตริย์ร่วมวงศ์เผ่าพงศา
ประเพณีมีแต่หลังทุกครั้งครา ตามตำราอภิเษกเอกอนงค์
ประโรหิตถวายพรถาวรสวัสดิ์ สองกษัตริย์ในตระกูลประยูรหงส์
จงสุขังมังคลานราพงศ์ ให้สององค์สุโขมโหฬาร
พอจบคำพราหมณ์เฒ่าก็เป่าสังข์ สำเนียงดังทุ้มเอกวิเวกหวาน
มโหรีขับร้องก้องกังวาน ประโคมขานดนตรีตีประโคม
เหมือนอย่างคนพลเรือนว่ากล่อมหอ กระจับปี่สีซอเสียงฮึกโหม
ข้างกษัตริย์ขัตติยาว่าประโคม เรื่องโอ้โลมไพร่ผู้ดีมีเหมือนกัน ฯ
๏ ฝ่ายกษัตริย์ทุกพารามาอภิเษก มีของเอกจัดหามาทำขวัญ
ทั้งหลานตัวหลานสะใภ้ให้เหมือนกัน ล้วนจัดสรรเลือกหามาที่ดี
สองพาราการะเวกรมจักร ประเสริฐศักดิ์เครื่องประดับสลับสี
กับมงกุฎลงยาราชาวดี ฝังมณีเพชรรัตน์จำรัสเรือง
ของประทานพระบุตรีศรีสวัสดิ์ สารพัดฝังประจำเพชรน้ำเหลือง
ทั้งพลอยพลายสายรุ้งดูรุ่งเรือง เปรียบเหมือนเครื่องรับไหว้ในตำรา
ข้างพระปิ่นภูวดลกัมพลรัตน์ ให้จัดหีบไหว้ใส่ภูษา
ทำด้วยทองคำทรายลายลงยา ฝังจินดาต่างต่างล้วนอย่างดี
มีพานทองรองรับประดับเพชร แต่ละเม็ดแจ่มจำรัสรัศมี
ใส่ผ้าทรงต่างต่างที่อย่างดี ไปถวายภูมีทุกพระองค์
แต่พระจอมมุนินทร์ปิ่นนักสิทธ์ ถวายเครื่องบรรพชิตคล้ายกับสงฆ์
ตั้งเรียงรายแล้วถวายทุกทุกองค์ พระก็ทรงยถาตามบาลี
ให้อิจฉิตังปัฏฐิตังยังอุทิศ พวกนักสิทธ์เหล่าที่ถือเป็นฤๅษี
พัดขนนกยกขึ้นรับว่าสัพพี เจริญศรีสุขังมังคลา
ครั้นสำเร็จเสร็จการอภิเษก อติเรกปรากฏด้วยยศถา
พระมุนินทร์กลับไปที่ไสยา พระวงศาเสด็จยั้งอยู่วังใน ฯ
๏ จะขอกล่าวราวเรื่องการละเล่น ด้วยว่าเป็นข้อความตามวิสัย
ต้องชี้แจงแต่พอแจ้งประจักษ์ใจ โดยวิสัยบทเบื้องเรื่องบุราณ
โขนละครมอญรำระบำหุ่น ชุลมุนร้องรับกรับประสาน
ทั้งหญิงชายเจ้าชู้เที่ยวดูงาน แสนสำราญรื่นเริงบันเทิงใจ
ถึงวันดีที่จะส่งอนงค์สมร พระมารดรเสด็จมาแล้วปราศรัย
พลางสั่งสอนพระบุตรีพิรี้พิไร แม่จะไปสมสู่ด้วยคู่ครอง
อย่าหวังใจไว้ตัวว่าผัวรัก ทะนงศักดิ์ถือว่าดีไม่มีสอง
อย่าหึงหวงล่วงทำแต่ลำพอง จงตรึกตรองดูที่ควรอย่าลวนลาม
อย่าเอาเยี่ยงหญิงกากปากขี้ข้า กล่าววาจาเต็มระยำหญิงซำสาม
เพราะดวงจิตอิจฉาพวกบ้ากาม จนเกิดความร้อนใจไม่สบาย
ประการหนึ่งผัวพิโรธอย่าโกรธตอบ จงนบนอบเอาใจเสียให้หาย
ผัวจะพูดความลับความอับอาย อย่าแพร่งพรายกล่าวให้ผู้ใดฟัง
อีกอย่างหนึ่งหญิงสอพลอพวกตอแหล กระต่ายแก่ลวงเสือให้ตกถัง
จะเกิดความหมองมัวให้ผัวชัง จงระวังตัวไว้อย่าใจเบา
แม้นห้ามแหนแสนสุรางค์ในปรางค์รัตน์ อย่าเคืองขัดค่อนว่าอิจฉาเขา
จงโอบอ้อมถนอมศักดิ์รู้หนักเบา อย่ามัวเมาไปด้วยเล่ห์ประเวณี
คำของแม่แต่เท่านี้หนาลูกรัก ประเสริฐศักดิ์ไพบูลย์จรูญศรี
จงจำไว้ในอุราเหมือนวาที แต่เท่านี้ก็ดำรงวงศ์ตระกูล
นางสอนเสร็จแล้วจึงพาธิดานาฏ มาปราสาทหน่อไทในไอศูรย์
แล้วเสด็จเข้าห้องในอันไพบูลย์ ทั้งประยูรกัลยาพวกนารี ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อธิบดินทร์นรินทร์ราช ลงจากอาสน์มาประณตบทศรี
สองมาตุรงค์องค์พระชนนี นางเปรมปรีดิ์ตรัสว่าด้วยอาวรณ์
แม่ขอฝากน้องนุชสุดแต่พ่อ เหมือนเหล่ากอผิดพลั้งช่วยสั่งสอน
แม้นเคืองเข็ญอย่าสลัดถึงตัดรอน พ่อเห็นแก่มารดรจงผ่อนปรน
พระรับรสพจนารถฉลาดฉลอง ลูกขอรองข้อรับสั่งดั่งนุสนธิ์
มิให้ข้องเคืองขัดบาทยุคล อย่ากังวลที่ในนุชพระบุตรี
ลูกจะรักให้เหมือนน้องประคองขวัญ เกิดร่วมครรภ์กับสุดามารศรี
มิให้เคืองบาทาฝ่าธุลี กว่าชีวีลูกจะวายทำลายลาญ
นางทรงฟังสังรเสริญแสนฉลาด สมเป็นชาติขัตติยามหาศาล
พลางอวยชัยให้ทั้งสองจงสำราญ อย่ารู้พานทุกข์โศกพ้นโรคภัย
จึ่งว่าแม่ก็จะลาจงผาสุก เสด็จลุกจากปรางค์ทองอันผ่องใส
แล้วตรัสสั่งนางพี่เลี้ยงสนมใน อยู่ช่วงใช้อย่าให้ขัดอัธยา
ตรัสสั่งเสร็จนางเสด็จยุรยาตร ไปปรางค์มาศที่สำนักตำหนักขวา
ฝ่ายพระหน่อนรินทร์รัตน์กษัตรา ภิปรายปราศรัยนุชพระบุตรี
ขอเชิญนุชสุดสวาทขึ้นอาสน์รัตน์ เกศพัฒน์แม่อย่าอางขนางหนี
นางโฉมฉายชายเนตรดูสามี อัญชุลีแล้วก็หลบซบพักตรา
ด้วยยังไม่เคยคู่เรื่องชู้ผัว ให้นึกกลัวหวั่นจิตกนิษฐา
ขยับลุกขึ้นจะหนีพระพี่ยา กษัตราฉวยฉุดยุดพระกร
นางผลักพลิกหยิกหัตถ์แล้วตรัสว่า อนิจจาใจพระองค์ผู้ทรงศร
มาแย่งยุดฉุดลากกระชากกร พระภูธรอย่าเพ่อต้องให้น้องอาย
จงโปรดก่อนผ่อนพักอย่าหักหาญ มิใช่การน้องนี้จะหนีหาย
ไหนไหนฉันก็เป็นข้าอย่าให้อาย พลางฟูมฟายชลนาโศกาพลาง
พระรับขวัญขวัญอ่อนสมรมิตร พี่ไม่คิดว่าเป็นข้าแม่อย่าหมาง
เพราะความรักถึงจะตายไม่วายวาง สู้แรมร้างนคราไม่อาวรณ์
มาทำศึกมิได้นึกแก่ชีวิต เพราะหวังจิตจะได้ชมสมสมร
ควรหรือน้องข้องขัดพูดตัดรอน พระมารดรบิตุรงค์ปลงพระทัย
นางนบนอบตอบสนองว่าน้องรัก มิใช่จักผันแปรพูดแก้ไข
ขอผัดผ่อนแต่พอหย่อนละอายใจ พระก็ไม่โปรดปรานว่ามารยา
เป็นความสัตย์สุจริตไม่บิดพลิ้ว แม้นโกรธกริ้วเชิญพระองค์ลงโทษา
ก็ทราบอยู่ว่าประสงค์ทรงเมตตา เมื่อมิปรานีก็ตามเป็นความจน
พระปลอบพลางทางว่านิจจาน้อง แต่เจ้าของนี้ยังผัดให้ขัดสน
จะให้ตัดใยเยื่อเห็นเหลือทน มิใช่คนถือศีลาสมาทาน
พระว่าพลางทางต้องประคองเคล้า ค่อยต้องเต้าเยาวลักษณ์ไม่หักหาญ
นางป้องปัดหัตถ์เสียพลันมิทันนาน พระภูบาลจุมพิตนางบิดเบือน
แล้วประคองน้องนางขึ้นแท่นรัตน์ สองกษัตริย์อิ่มพระทัยใครจะเหมือน
เพราะความรักหักจิตหายบิดเบือน ไม่แชเชือนหย่อนตามความสำราญ
ทะเลลมยมนาสาคเรศ ไม่มีเหตุเกิดระลอกกระฉอกฉาน
ปลาอนนต์รองกระสินธุ์แผ่นดินดาน ก้องสะท้านกลอกกลับขยับตัว
เมรุมาศหวาดไหวถึงไกรลาส มังกรฟาดธาราฟ้าสลัว
สุบรรณบินโถมถาถลาตัว เป็นหมอกมัวมืดคล้ำในอัมพร
พายุหวนป่วนปั่นสนั่นก้อง สุนีร้องลมกระโชกโยกสิงขร
กระทั่งกระแทกศีขรินอิสินธร คงคาคลอนเป็นระลอกกระฉอกชล
เมขลาโยนแก้วแววสว่าง อสูรขว้างขวานฟ้าโกลาหล
เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสนั่นอยู่ชั้นบน บังเกิดฝนโปรยปรายกระจายฟอง
ปทุมมาลย์บานแบ่งเสาวรส บุปผาสดชื่นทั่วหายมัวหมอง
แย้มผกาสาโรชลออออง กระทบต้องชลธีค่อยคลี่คลาย
สองภิรมย์สมสวาทบนอาสน์แก้ว พระพักตร์แผ้วผ่องเหมือนดั่งเดือนฉาย
ดั่งได้เห็นชั้นฟ้าดาราราย แสนสบายเปรมปราสถาวร
สนิทแนบแอบอุ้มแล้วจุมพิต ถนอมชิดคลึงเคล้นเฟ้นเกสร
อัศจรรย์บ่อยไปหายหาวนอน เหมือนภมรกลั้วกลิ่นไม่สิ้นเชย
พระตรัสปลอบโฉมเฉลาเสาวภาคย์ ไม่จรจากภคินีเจ้าพี่เอ๋ย
พี่อยู่ถึงรัตนาได้มาเชย กุศลเคยเคียงคู่อยู่เหมรา
นางนบนอบตอบสนองว่าน้องนี้ มอบชีวีในสมเด็จพระเชษฐา
ขอสนองรองเบื้องพระบาทา กว่าชีวีน้องจะวายทำลายลง
พระรับขวัญขวัญใจวิไลลักษณ์ ประเสริฐศักดิ์สมสกูลประยูรหงส์
มิเสียทีที่ภิเษกเป็นเอกองค์ ฟังอนงค์พูดแก้ไม่แง่งอน
พลางประโลมอรไทให้ไสยาสน์ สถิตอาสน์เนาวรัตน์ประภัสสร
นุชนาฏกราบบาทพระภูธร พระกางกรกอดประทับจนหลับไป ฯ
๏ ศศิธรจรดับลงลับฟ้า พระสุริยาเยื้องเยี่ยมเหลี่ยมไศล
กากระเหว่าเร้าเร่งอโณทัย สกุไณโผผินบินทะยาน
ไก่กระชั้นขันเอกวิเวกแว่ว จะเจื้อยแจ้วครื้นเครงวังเวงหวาน
อรุณรองส่องจบจักรวาล ในท้องงานก็พอเสร็จครบเจ็ดวัน ฯ
๏ ฝ่ายกษัตริย์การเสร็จเสด็จกลับ ต่างคำนับรีบไปไอศวรรย์
ทุกไทท้าวเจ้านิเวศน์ขอบเขตคัน ลงกำปั่นข้ามมหาชลาลัย
สุดสาครเสาวคนธ์วิมลพักตร์ ฝากลูกรักร่วมจิตพิสมัย
แล้วต่างองค์ต่างลากันคลาไคล องค์อภัยมุนินทร์ปิ่นสกล
กษัตริย์สามตามลงไปส่งเสด็จ พร้อมกันเสร็จใช้ใบไปสิงหล
นรินทร์รัตน์ราเมศท้าวกัมพล จรดลกลับหลังเข้าวังพลัน
แปดนครรีบไปมิได้ช้า ถึงพารานคเรศทุกเขตขัณฑ์
เสด็จขึ้นปรางค์มาศปราสาทสุวรรณ พร้อมกำนัลสุโขมโหฬาร ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ