ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี

๏ แต่บทเบื้องเรื่องรบสงบไว้ จะกล่าวในเมืองลังกามหาสถาน
พอว่างศึกสรรพเสร็จสำเร็จการ พระผู้ผ่านรมจักรนัครินทร์
ไปเฝ้าองค์พระมุนีฤๅษีสาม แล้วทูลความพระนักสิทธ์ดั่งจิตถวิล
ขอถวายบังคมลาไปธานินทร์ ประเทศถิ่นเยี่ยมวงศ์พงศ์ประยูร
พระอภัยได้สดับจึ่งรับสั่ง พ่อไปยังเวียงชัยมไหสูรย์
ช่วยทูลองค์สองกษัตริย์ญาติประยูร ว่าพี่ทูลท้าวไทถวายพร
ให้พระชนม์ยาวยืนหมื่นพรรษา จงวัฒนาเรืองฤทธิ์ดั่งพิษศร
ทั้งโรคาสารพัดกำจัดจร ให้ภูธรสุโขมโหฬาร
พี่ขอฝากนิลกัณฐีตรีพลำ พ่อจงนำไปเขตประเทศสถาน
ช่วยชุบเลี้ยงสององค์เหมือนวงศ์วาน ไว้ถิ่นฐานรมจักรนัครา ฯ
๏ ศรีสุวรรณกราบก้มบังคมบาท กับสองนาฏอัครเรศของเชษฐา
สองนางชีรับหัตถ์กษัตรา มีวาจาอวยชัยถวายพร
เสด็จไปให้สบายวายวิโยค นิราศโรคเรืองฤทธิ์ดังพิษศร
ศรีสุวรรณทูลลามานคร สั่งนิกรเสนาบรรดานาย
ให้จัดแจงแต่งกำปั่นสุวรรณหงส์ เปลี่ยนเทียวธงเสากลางระยางสาย
ให้ช่างเขียนเสียใหม่ลายระบาย ทั้งห้องท้ายบาหลีให้มีทอง
บนบัลลังก์ตั้งพระแท่นเพดานดาด วิสูตรตาดสลับสีไม่มีหมอง
เขนยอิงพิงพาดที่อาสน์รอง แต่ล้วนของอย่างดีมีราคา
ทั้งกำปั่นตามเสด็จสักเจ็ดร้อย เครื่องใช้สอยใส่แต่พื้นล้วนปืนผา
กับข้าวของเครื่องเสบียงเลี้ยงโยธา ขุนเสนาทุกตำแหน่งไปแจ้งการ ฯ
๏ พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร เข้าปรางค์มาศข้างในอันไพศาล
สถิตแท่นเนาวรัตน์ชัชวาล เอื้อนโองการแก่รำภาสุดาดวง
พี่จะชวนเจ้าไปไอศวรรย์ หมดด้วยกันแต่บรรดาพวกข้าหลวง
ไปอยู่พาราเราให้เบาทรวง ขอเชิญดวงนัยนาจงปรานี
โฉมรำภาสะหรีชุลีหัตถ์ สนองอรรถทูลว่าข้าทาสี
จะตามไปกลัวจะขายฝ่าธุลี ด้วยน้องนี้เป็นฝรั่งไม่บังควร
พระชุบเลี้ยงเพียงนี้เป็นที่สุด เป็นมนุษย์แล้วอย่าให้ผู้ใดสรวล
ก็อยากตามเสด็จไปแต่ใคร่ครวญ จะเป็นกวนบาทาฝ่าละออง
พระตรัสว่ารำภานี่ปากแข็ง เจ้าจะแกล้งให้พี่ทนที่หม่นหมอง
เจ้าเพื่อนยากฝากชีวิตไม่คิดตรอง น้อยหรือน้องขืนขัดตัดอาลัย
นิจจาเอ๋ยแม่ก็เคยเป็นคู่ชื่น สำราญรื่นชวนชิดพิสมัย
จนมีลูกปลูกฝังไม่หวังใจ หรือจะไม่ปรองดองจึ่งหมองมัว ฯ
๏ รำภาฟังดั่งจะกลืนชื่นในจิต แต่ทูลบิดเบี้ยวไปลองใจผัว
น้องก็เป็นคนยากหมายฝากตัว แต่นึกกลัวไปข้างหน้าสารพัน
พระโปรดเกล้าคราวนี้เป็นที่ยิ่ง เป็นความจริงสุจริตไม่บิดผัน
ซึ่งกราบทูลทั้งนี้เพราะมีครรภ์ แม้นทรงธรรม์กรุณาจะพาจร
ก็สุดแท้แต่พระองค์พงศ์กษัตริย์ ไม่ข้องขัดบพิตรอดิศร
พระว่าน้อยหรือนุชสุดแสนงอน พลางกุมกรขึ้นบนที่ศรีไสยา
ถนอมแนบแอบน้องประคองเคล้า พลางต้องเต้าเต่งถนัดล้นหัตถา
นางป้องปิดบิดผันด้วยมารยา พระตรัสว่าถ่านเก่าเจ้ากระบวน
พลางจุมพิตชิดปรางนางฝรั่ง ยังเปล่งปลั่งชื่นเชยระเหยหวน
สนิทสนอมพร้อมใจในกระบวน ตัดสำนวนเสียด้วยเล่ห์ประเวณี
ถนอมแนบแอบอุ่นละมุนละม่อม ราวกับกล่อมให้สนิทด้วยดีดสี
พยุหวนป่วนปัดในนที เป็นคลื่นตีกระทบฝั่งตามวังวน
พิรุณโรยโปรยปรายเป็นสายสาด สุนีฟาดเปรี้ยงก้องห้องเวหน
ทะเลลมยมนาในสาชล พยุฝนพัดพาสุมาลัย
แมงภู่ผึ้งคลึงเคล้าเอาเกสร เข้าเฟ้นฟอนกลั้วกลิ่นบินไสว
ทุกถ้ำธารละหานเหวเป็นเปลวไฟ สกุไณโผผินบินทะยาน
ทั้งหมดหงส์ลงเล่นชลาสินธุ์ เที่ยวโบกบินร้องจำเรียงเสียงประสาน
จนเดือนดับลับขอบจักรวาล สองสำราญอยู่ในที่ศรีไสยา ฯ
๏ อโณทัยไขแสงแจ้งกระจ่าง ส่องสว่างอำพนบนเวหา
กาดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริยา สกุณาโผผินบินทะยาน
พวกเสนามาพร้อมทุกตำแหน่ง ต่างจัดแจงตรวจตราโยธาหาญ
ทั้งล้าต้าต้นหนพวกคนงาน คอยพระผ่านรมจักรนัครินทร์ ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ เสด็จออกอาสน์แต่งองค์สรงกระสินธุ์
กับมิ่งมิตรกนิษฐายุพาพิน พร้อมทั้งนิลกัณฐีตรีพลำ
ตามเสด็จจอมวงศ์ดำรงราชย์ จากปราสาทรจนาเลขาขำ
นางเชิญเครื่องเรืองรองล้วนทองคำ ล้วนคมขำแต่ละนางสำอางตา ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์รำภานางฝาหรั่ง มาข้างหลังจอมกษัตริย์ทรงรัถา
สามพระองค์ทรงเสลี่ยงเรียงกันมา แต่สุดสาครไปในกระทรวง
เสาวคนธ์มณฑาก็มาส่ง พร้อมพระวงศาสะพรั่งจากวังหลวง
ส่งเสด็จล้นหลามตามกระทรวง พระเสร็จล่วงลงไปพักตำหนักแพ
สุดสาครเสาวคนธ์วิมลพักตร์ ประเสริฐศักดิ์หมอบฟังสั่งกระแส
พระปราศรัยว่าพ่ออยู่จงดูแล ระวังแต่ไพรีแม้นมีมา
จงบอกไปให้ถึงอาจะมาช่วย เป็นเพื่อนม้วยกว่าชีวังจะสังขาร์
อยู่จงดีศรีสวัสดิ์เถิดนัดดา อาขอลาเยี่ยมประเทศเขตนคร ฯ
๏ กษัตรากราบก้มบังคมบาท บรมนาถบพิตรอดิศร
ทั้งสององค์ทูลลาสุดสาคร กับบังอรเสาวคนธ์วิมลทรง ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสวัสดิ์ จากแท่นรัตน์เสด็จยังที่นั่งหงส์
เจ้ากัณฐีตรีพลำตามพระองค์ เสด็จไปลงกำปั่นด้วยทันใด ฯ
๏ ฝ่ายรำภาลาพระวงศ์เผ่าพงศา ลงเภตราเข้าอยู่ห้องอันผ่องใส
กับสุรางค์นางฝรั่งพวกข้างใน สำหรับใช้ทำเครื่องที่เมืองตัว
จัดให้อยู่ห้องหับตามรับสั่ง พวกฝรั่งเหล่านี้ไม่มีผัว
สำหรับคอยดูแลเป็นแม่ครัว ทั้งผัดคั่วมีรสหมดทุกนาง
พอฤกษ์ดีตีฆ้องกลองสนั่น บ้างโห่ลั่นปืนตึงเสียงผึ่งผาง
พวกต้นหนคนการชำนาญทาง สั่งให้กางใบเคียงกันเรียงราย
พอลมพัดริ้วริ้วมาฉิวเฉื่อย เรือก็เรื่อยล่องมาเวลาสาย
ข้ามสันดอนแล่นเคียงกันเรียงราย แสนสบายลมจัดถนัดใบ
เรือเจ็ดร้อยลอยแล่นตามเสด็จ พร้อมกันเสร็จข้ามมหาชลาไหล
บ้างนั่งนอนในกำปั่นสำราญใจ แล่นไปในสาคโรชโลธาร
สองกษัตริย์ญาติวงศ์ส่งเสด็จ ครั้นสรรพเสร็จคืนหลังยังสถาน
เข้านิเวศน์เขตแคว้นแสนสำราญ กับสองมิ่งเยาวมาลย์บานกมล ฯ
๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ทรงกำปั่น สาวสวรรค์ตามมามากจากสิงหล
พากันชมมัจฉาในสาชล บ้างผุดพ่นธาราในสาคร
ฝูงตะเพียนเคล้าตะเพียนเที่ยวเวียนว่าย แลดูกายโตยิ่งเท่าสิงขร
ฝูงฉนากเคล้าฉนากไม่จากจร โลมาว่อนล้วนโลมาดำวาริน
ปลาฉลามล้วนฉลามว่ายตามคู่ เป็นหมู่หมู่ในมหาชลาสินธุ์
ฝูงพิมพาพาพิมพาเที่ยวหากิน บ้างโดดดิ้นฟาดหางกลางสินธู
ปลากุเราล้วนกุเราว่ายเคล้าเพื่อน ราหูเบือนบิดหน้าคล้ายราหู
ฝูงเงือกน้ำว่ายคล่ำล้วนเงือกงู เป็นหมู่หมู่เลื้อยมาตามสาชล
ฝูงม้าน้ำดำหานางม้าน้ำ บ้างผุดคล่ำว่ายเกลือกเสลือกสลน
ฝูงช้างน้ำก่งหางเหมือนช้างชน ร้องคำรนแปร๋แปร้นแล้วแหงนเงย
มีละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งหน พฤกษาต้นยางพะยอมหอมระเหย
แมงภู่ผึ้งคลึงเคล้าลงเฝ้าเชย ลมรำเพยพัดพาสุมาลัย
ฝูงวิหคนกกาทิชาชาติ ระดาดาษจับเรียงเคียงไสว
พระสุริยงลงลบภพไตร จันทร์ก็ไขแสงสว่างกระจ่างตา ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรอยู่ในด่าน มันตรองการคิดขึ้นได้แล้วให้หา
คนสำหรับเคยกลั่นน้ำมันยา ให้เร่งมาหุงจ่ายไปทุกกอง
เวลาดึกวันนี้ตีให้แตก จะยกแยกกันเข้าปล้นขนเอาของ
เห็นจะสมควรคิดดั่งจิตปอง พวกโจรร้องเร่งรัดไปจัดการ
เรียกพหลพลไพร่มาไว้เสร็จ พอถ้วนเจ็ดทุ่มสำเหนียกเรียกทหาร
ให้แบกไม้คนละลำไปทำการ ออกจากด่านเร่งเดินดำเนินพล
ถึงค่ายใหญ่กองไม้เอาไฟจุด อุดลุตแซ่เซ็งเร่งพหล
อ้ายนายโจรแกว่งไฟเที่ยวไล่คน ให้เข้าปล้นยิงปืนเสียงครื้นเครง
จุดดินดำกำมะถันควันโขมง เผาร้านโรงคนโลดกระโดดเหยง
พวกในค่ายวิ่งวนอลเวง เหยียบกันเองล้มลุกลงคลุกคลาน ฯ
๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ผู้ทรงภพ คิดปรารภเร่งเร้าพระเจ้าหลาน
ว่าข้าศึกฮึกโหมมาโรมราญ พวกทหารยกออกรับเร่งดับไฟ
โจรกระชั้นขันแข็งเข้าแย้งยุทธ์ อุตลุดแทงฟันเสียงหวั่นไหว
เจ้าพราหมณ์เข้ามณฑลเรียกฝนไป ประเดี๋ยวใจวลาหกตกกระจาย
เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสุนีสนั่นครื้น นภางค์พื้นฝนเย็นกระเซ็นสาย
พวกโจรถูกลูกเห็บเจ็บทั้งกาย พวกบ่าวนายชวนกันวิ่งทิ้งสาตรา
ข้างพวกไทยได้ทีตีตลบ เร่งสมทบยิงพื้นแต่ปืนผา
พุ่งแหลนหลาวอาวุธยุทธนา อ้ายโจรล่าเข้าในด่านชานบุรินทร์
พวกชาวเมืองตีอ้อมล้อมสกัด ดึกสงัดแหกเข้าได้ดั่งใจถวิล
โจรก็ถอยลงมาค่ายชายวาริน พร้อมกันสิ้นหนาวนักให้พักพล
ข้างพวกไทยมีชัยให้ตั้งมั่น เร่งตรวจกันไว้ให้ทั่วตัวพหล
จัตุรงค์เสนาพลาพล อย่าให้คนเข้าออกทั้งนอกใน ฯ
๏ ฝ่ายสานนห้ามฝนให้สงบ จะตามรบลงไปท่าชลาไหล
เห็นจะไม่สมหวังเหมือนดั่งใจ ต้องหยุดไว้ด้วยว่ายังเป็นกลางคืน ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ แล่นกำปั่นใบมาไม่ฝ่าฝืน
สามเดือนครึ่งถึงปากน้ำพอค่ำคืน ให้ยิงปืนทอดสมอค่อยรอรา
พอเดือนเด่นเห็นกำปั่นมาจอดดาษ ผิดประหลาดหลากจิตคิดกังขา
ล้วนเรือรบเสาสล้างกลางคงคา เข้าปิดท่าเมืองด่านชานบุรี
เห็นจะเป็นข้าศึกมาฮึกหาญ เข้าตีด่านชานชลาหน้ากรุงศรี
ครั้นจะยกโยธาเข้าราวี จะเสียทียังไม่แจ้งแสดงความ
พรุ่งนี้เช้าเราจะใช้นายทหาร ไปสืบการข้างในค่ายได้ไต่ถาม
ถ้าข้าศึกอาจองมาสงคราม จึ่งยกตามตีประชิดติดเข้าไป
พระสั่งพวกพลนิกายฝ่ายททาร จงเตรียมการดูแลคิดแก้ไข
ทั้งแหลนหลาวง้าวทวนกระบวนใคร เร่งเตรียมไว้แต่เวลารุ่งราตรี ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายทหารชำนาญรบ จัดเครื่องครบเรือหงส์ปักธงสี
พอเช้าตรู่สุริยารุ่งราตรี ก็ให้คลี่ใบพร้อมแล่นอ้อมมา
พอลมส่งตรงเข้าอ่าวปากน้ำ ครั้นถึงกำปั่นตรงส่งภาษา
พวกแขกดำทำพูดเป็นมารยา ว่าท่านมาแต่หนตำบลใด
จงบอกเล่าเราก่อนให้แจ้งเหตุ อยู่ประเทศธานินทร์บุรินทร์ไหน
ธุระเรื่องการงานสถานใด อย่าเข้าไปริมป้อมที่ล้อมวง
บัดนี้ในธานินทร์บุรินทร์นี้ นายเราตีได้สมอารมณ์ประสงค์
เร่งถอยไปจากป้อมเราล้อมวง แม้นขืนตรงเข้ามาจะราวี ฯ
๏ พวกขุนนางฟังคำแขกคำว่า จึงปรึกษาว่าเราน้อยต้องถอยหนี
จำจะกลับไปทูลมูลคดี ให้ทราบที่บาทบงสุ์พระทรงธรรม์
แล้วกลับหลังไปยังกำปั่นใหญ่ รีบขึ้นไปทูลคดีขมีขมัน
ข้าพเจ้าแล่นใบเข้าไปพลัน ถึงเขตคันเมืองด่านชานชลา
พวกแขกดำทำอำนาจพูดกราดเกรี้ยว คิดหน่วงเหนี่ยวให้ไต้ก๋งส่งภาษา
มันห้ามไว้มิให้ไปในพารา แล้วพูดจาหยาบคายหลายประการ
มันบอกว่าธานินทร์บุรินทร์นี้ นายมันตีได้สิ้นทุกถิ่นฐาน
จะสืบข่าวที่ไหนไม่ได้การ มันกักด่านเสียทุกแห่งไม่แจ้งความ ฯ
๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงรมจักร ประหลาดนักใครมาเวียนเป็นเสี้ยนหนาม
หรือมังคลามาติดคิดสงคราม จึ่งลุกลามขึ้นที่เขตประเทศเรา
พระตรัสสั่งเสนาโยธาหาญ ให้จัดการรอกใบขึ้นใส่เสา
เรือกำปั่นแต่บรรดาโยธาเรา ให้เร่งเข้าตีแขกให้แตกพัง
แต่บรรดามาถ้วนกระบวนทัพ แยกกันรับเภตราทั้งหน้าหลัง
พอลมดีตีกลองฆ้องระฆัง เรือที่นั่งถอนสมอขันช่อใบ
กำปั่นตามหลามแล่นแน่นสล้าง มาตามทางคงคาชลาไหล
พอพระพายชายพัดถนัดใบ แล่นเข้าไปถึงด่านชานบุรี
ทอดสมอรอราตรงหน้าป้อม ทหารพร้อมเหล่าบรรดากะลาสี
ให้ยิงปืนครื้นครั่นไปทันที สั่งให้ตีกลองรบสมทบกัน ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายเภตราโยธาแขก สั่งให้แยกเรือรับเป็นทัพขันธ์
รองปลัดหัสเกนกะปิตัน ก็สั่งกันให้แจ้งแห่งเนื้อความ
กับนายโจรผู้ใหญ่เป็นนายทัพ ให้เร่งกลับมาเรือศึกเหลือหลาม
ถ้าแม้นช้าเห็นว่าจะเสียความ เร่งไปตามนายมาอย่าช้าที ฯ
๏ พวกคนใช้รีบให้ถอนกำปั่น ขึ้นไปพลันถึงท่าหน้ากรุงศรี
แล้วแจ้งความนายใหญ่ว่าไพรี ยกมาตีข้างเรือเหลือกำลัง ฯ
๏ ฝ่ายโจรใหญ่ได้ฟังสั่งพหล ให้เลิกพลกลับไปดั่งใจหวัง
รีบลงไปเภตราละล้าละลัง ทั้งระวังทัพบกจะยกตาม
ให้โจรรองสองนายฝ่ายทหาร คอยต้านทานอยู่รับทัพทั้งสาม
แล้วต้อนคนพลไพร่ลงไปตาม ประมาณสามพันคนรีบลนลาน
ถึงเรือใหญ่สั่งให้ลงเรือรบ เร่งสมทบกันให้ทั่วตัวทหาร
ประจุปืนยืนยันประจัญบาน ต้อนทหารกองหน้าเข้าราวี ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระศรีสุวรรณราช ออกจากอาสน์รจนาท้ายบาหลี
กับรำภาฝรั่งสั่งคดี ให้เร่งตีทัพโจรโยนสาตรา
ทหารรับอภิวาทประกาศก้อง ทั้งโห่ร้องครึกครื้นยิงปืนผา
ฝ่ายยุพินปิ่นอนงค์องค์รำภา ทูลพระสามีพลันมิทันนาน
ตัวรำภาสะหรีขอตีทัพ ให้แตกยับคุมไพร่ฝ่ายทหาร
แล้วแต่งตัวนาดกรายเหมือนชายชาญ มากราบกรานกษัตราพระสามี ฯ
๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ ให้โอกาสพลางประโลมนางโฉมศรี
ส่งพระแสงอัษฎาค่าบูรี พระเปรมปรีดิ์รั้งหลังระวังพล ฯ
๏ ฝ่ายรำภาสะหรีคิดตีทัพ เดินกำกับตรวจตราโกลาหล
ให้ยิงปืนครื้นครั่นข้างชั้นบน แล้วสั่งพลหาน้ำไว้สำรอง
เรือก็เรียงเคียงกันกระชั้นชิด พวกโจรคิดแต่จะเผาเอาข้าวของ
จึงเร่งพวกสารวัตรปลัดกอง ให้สำรองไฟกรดหมดทุกนาย
พอเรือเรียงเคียงใกล้เอาไฟทิ้ง แล้วก็ยิงปืนใหญ่ดังใจหมาย
คิดใบเพลาเสากลางสว่างพราย ทั้งหัวท้ายคนวิ่งเป็นสิงคลี
บ้างสาดน้ำซ้ำไปไฟยิ่งลุก โจรก็รุกเร่งบรรดากะลาสี
ให้เอาหม้อดินพลันมาทันที จุดอัคคีโยนผึงเสียงตึงตัง ฯ
๏ ฝ่ายรำภากล้าหาญในการรบ ให้สมทบเรืออ้อมเข้าล้อมหลัง
ที่ดับไฟไม่หยุดสุดกำลัง เอาแต่ถังตักน้ำเทร่ำไป
เห็นอัคคีมีฤทธิ์ผิดประหลาด ถูกน้ำสาดก็ยิ่งติดผิดวิสัย
จึ่งปรึกษาแก่กันทำฉันใด จะดับไฟด้วยน้ำเหลือกำลัง ฯ
๏ ขอกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ พอเย็นค่ำเห็นทัพนั้นกลับหลัง
เสียงแต่ปืนครื้นครั่นสนั่นดัง ที่ริมฝั่งแสงไฟนั้นไหม้โพลง
ทั้งเสียงฆ้องกลองรบนั้นเร่งเร้า ยิ่งมืดเข้าเสียงลั่นควันโขมง
ที่ค่ายโจรเสียงเกราะยังเคาะโกรง แขกในโรงนั้นก็หายไปหลายพัน ฯ
๏ พราหมณ์โมราสานนกับพลไพร่ ก็ยกไปเร่งรับเป็นทัพขัน
พราหมณ์วิเชียรไวว่องคอยป้องกัน รักษาชั้นเขตด่านชานบุรี
พระกฤษณาตั้งรับอยู่ทัพหลวง ทุกกระทรวงเสนาบดีศรี
ฝ่ายสานนปรีชาปัญญาดี เห็นท่วงทีจอมวงศ์พระทรงธรรม์
จะกลับจากลังกาอาณาจักร โจรจะกักต้อนรับเป็นทัพขัน
จึ่งจับยามตามสังเกตแจ้งเหตุพลัน วันนี้จันทร์ยามเสาร์เข้ามณฑล
ในตำราว่าผู้หญิงเป็นแม่ทัพ หรือเธอรับสมรมิ่งจากสิงหล
จะไปสืบทางเรือก็เหลือจน กำปั่นล้นหลายชั้นกั้นหนทาง
จึ่งให้ตั้งรั้งราริมท่าน้ำ เกณฑ์กันทำบัดพลีขึ้นสี่ศาล
แล้วอ่านเวทวิทยาปรีชาชาญ ให้ฝนซ่านสาดสายลงปรายโปรย
เป็นลมหวนป่วนปั่นสนั่นก้อง ฟ้าก็ร้องครางครึมกระหึมโหย
อากาศมืดมัวคล้ำเป็นน้ำโปรย ทั้งลมโชยฝนสาดลงปราดปราย
สุนีเปรี้ยงเสียงก้องท้องสมุทร ดั่งจะทรุดฟ้าแลบวาบแวบฉาย
กำปั่นรบชุลมุนกันวุ่นวาย ทั้งหนาวกายสั่งรัวทั่วทุกคน
ทิ้งอาวุธสาตราหาผ้าเสื้อ ด้วยหนาวเหลือเย็นชุ่มทุกขุมขน
ไฟก็วับดับทั่วกลับมัวมน พวกไพร่พลหยุดรบหลบลงไป
บ้างมุดลงท้องเรือด้วยเหลือหนาว สะท้านท่าวเหลือล้นทนไม่ไหว
ข้างพวกเราเต็มประดาเอาผ้าใบ มากองไว้ชวนกันมุดบ้างฉุดชิง
บ้างก็เข้าคุดคู้อยู่ในถัง แต่พอบังฝนไว้เอาไฟผิง
บ้างก็นั่งกอดเพื่อนเหมือนอย่างลิง เอาหลังผิงเตาไฟหายใจรวน
ทั้งนายบ่าวหนาวฝนทนไม่รอด ลงครางออดทุกข์ระทมทั้งลมหวน
ทิ้งอาวุธทรุดหมอบลงหอบรวน พยุหวนพัดซ้ำกระหน่ำไป ฯ
๏ ฝ่ายโยธีที่เรือทั้งสองข้าง รบกันค้างเปียกฝนทนไม่ไหว
ต้องลงท้องเรือยัดอัดกันไป จะจุดไฟก็ไม่ติดผิดพิกล ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงภพ คิดปรารภมิได้แจ้งแห่งนุสนธิ์
จึงตรองตรึกนึกขึ้นมาถึงสานน บังเกิดฝนทั้งนี้ไม่มีใคร
เห็นแม่นมั่นวันนี้พี่ทั้งสาม เห็นสงครามรบกันสนั่นไหว
หรือจะมาระงับช่วยดับไฟ ก็ยังไม่รู้แท้ยังแชเชือน
แต่สังเกตเหตุผลฝนอย่างนี้ ดูเหมือนที่เมืองผลึกรบศึกเหมือน
ถูกไฟกรดหมดทั่วทั้งครัวเรือน ฝนนี้เหมือนคราวนั้นเห็นมั่นคง
พระตรัสกับรำภาอย่าวิตก วลาหกนี้เห็นผิดอย่าคิดหลง
ชะรอยฝนมนต์พราหมณ์เห็นความตรง คงจะลงมาอยู่ท่าริมสาชล
แต่วันนี้มืดมัวทั่ววิถี รุ่งพรุ่งนี้ก็คงแจ้งแห่งนุสนธิ์
จงรอรั้งพลไกรทั้งไพร่พล พักพหลแก้หนาวทั้งหาวนอน ฯ
๏ ฝ่ายรำภาสะหรีปรีชาปราชญ์ แหลมฉลาดทัพศึกได้ฝึกสอน
เคยรบรับทัพใหญ่ในนคร เชิงผันผ่อนแยบคายหลายประการ
จึ่งกราบทูลบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์ คงจะคิดเคี่ยวขับจับประหาร
แต่วันนี้มืดมนอนธการ หนาวสะท้านอกใจพวกไพร่พล
แล้วจุดไฟไม่ติดผิดสังเกต ก็อาเพศใช่หมู่ฤดูฝน
ทั้งคลื่นใหญ่พัดเรือด้วยเหลือทน ต้องผ่อนปรนโยธาพลากร ฯ
๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสว่าสุดแท้แต่สมร
ตามแต่จะคิดการที่ราญรอน พลนิกรสุดแต่เจ้าจะเล้าโลม
พี่จะคอยกำกับเป็นทัพหนุน จะได้อุ่นใจนางสำอางโฉม
พระตรัสพลางทางเฝ้าแต่เล้าโลม ให้นางโสมนัสรื่นชื่นอุรา ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรใจฉกาจ นึกประหลาดหากจิตคิดกังขา
ฝนไม่หยุดสุดคิดผิดตำรา จึงปรึกษากับปลัดเห็นอัดแอ
คิดจะหนีออกให้ห่างทางก็ขัด เรือก็อัดไม่มีคลองช่องแฉว
เป็นเหลือจนอ้นอั้นจะผันแปร ด้วยเรือแพมิใช่น้อยตั้งร้อยลำ
ไหนทัพบกยกหนุนมานับแสน เราติดแน่นเพราะประมาทพลาดถลำ
จะติดกับกลับไม่พ้นต้องทนกรรม จะมาจำใจตายวายชีวี
ทั้งลมฝนจนใจมิได้หยุด เห็นจะสุดสิ้นปัญญาต้องล่าหนี
คิดจะน้อมยอมใจเป็นไมตรี เห็นชีวีก็จะรอดตลอดไป ฯ
๏ นายโจรใจทมิฬหินชาติ เชิงฉลาดผันแปรคิดแก้ไข
ปรึกษาพวกทัพพร้อมก็ยอมใจ ทั้งบ่าวไพร่แต่บรรดามาด้วยกัน
เกือบจะใกล้รุ่งรางสว่างหล้า สุริยาเยี่ยมไศลเสียงไก่ขัน
สุเหร่าร้องก้องขานประสานกัน แสงหิรัญเรืองรองท้องฟ้าแดง
นายโจรให้จัตุรงค์ชักธงขาว แจ้งเรื่องราวการศึกอย่างนึกแหนง
ไม่สู้รบหลบหนีขอชี้แจง จึงสำแดงความตรงด้วยธงชัย ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายเภตรารำภาสะหรี ครั้นสุริย์ศรีแจ่มแจ้งส่งแสงใส
องค์พระศรีสุวรรณวงศ์ผู้ทรงชัย พร้อมนายไพร่แต่บรรดาเสนานาย
พอฝนซาเภตราค่อยหยุดกลอก คลื่นระลอกก็ค่อยเบาบรรเทาหาย
ได้แสงแดดแผดเผาบรรเทาคลาย ทั้งไพร่นายหมื่นขุนค่อยอุ่นทรวง
พากันออกนอกห้องท้องกำปั่น ก็ชวนกันรีบมาเภตราหลวง
เข้าเฝ้าฟังรับสั่งถามความทั้งปวง ทุกกระทรวงเสนาประชากร ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ออกแท่นรัตน์ท้ายบาหลีกับศรีสมร
พร้อมสะพรั่งพหลพลนิกร นรินทรสั่งมหาเสนาพลัน
ให้เตรียมเหล่าโยธามาบรรจบ จะเข้ารบเร่งรับเป็นทัพขัน
กระบวนแซงแต่งตั้งเป็นดั้งกัน จะประจัญไพรีให้มีชัย
พอเห็นธงขาวสล้างกลางกำปั่น พวกโจรนั้นพร้อมพรักชักไสว
ก็รู้แท้แน่ตระหนักประจักษ์ใจ ว่าเขาไม่สู้ฤทธิ์คิดระอา
ขออ่อนน้อมยอมตัวกลัวพระเดช คอยฟังเหตุราชกิจพวกมิจฉา
คงจะมีผู้แถลงแจ้งกิจจา ขุนเสนากราบทูลมูลความ ฯ
๏ พระทรงธรรม์ผันพักตร์ทอดพระเนตร ก็ทราบเหตุสารพัดจึ่งตรัสถาม
นางโฉมยงองค์รำภาสง่างาม อันเรื่องความนี้จะเห็นเป็นอย่างไร
ฝ่ายโฉมยงองค์นางสำอางพักตร์ แจ้งประจักษ์มั่นคงไม่สงสัย
จึงทูลองค์ทรงธรรม์ไปทันใด อันวิสัยข้างฝรั่งเมืองลังกา
แม้นยกธงผืนยาวขาวบริสุทธิ์ ก็ยั้งหยุดยอมแพ้แน่นักหนา
แต่ข้างแขกแปลเชื้อเหลือตำรา มันจะมาหลอกลวงดูท่วงที
หรือจะเป็นความจริงยังกริ่งจิต หรือจะคิดแยบคายอุบายหนี
แต่ที่จะรบรุกเข้าคลุกคลี เห็นไม่มีดอกพระองค์อย่าสงกา
แต่พวกเราเอากำปั่นออกกั้นช่อง อย่าให้ล่องออกไปทั้งซ้ายขวา
แม้นเห็นผิดท่วงทีกิริยา ไม่เหมือนว่าจึ่งเข้ารบสมทบพล
พระทรงฟังเห็นจริงทุกสิ่งสิ้น ที่ยุพินทูลแถลงแจ้งนุสนธิ์
จึงตรัสสั่งเสนีพวกรี้พล ให้จัดคนตามคำของรำภา ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรครั้นรุ่งแจ้ง อรุณแสงส่องสว่างกลางเวหา
จึ่งเรียกพวกโจรไพร่ในเภตรา ลงนาวาปันหยีตีกระเชียง
กับทองคำร้อยลิ่มทับทิมเพชร ของเบ็ดเตล็ดเครื่องอานสังวาลเฉวียง
ทั้งโต๊ะทองรองเรืองเป็นเครื่องเคียง เอาจัดเรียงรีบมาบรรณาการ ฯ
๏ ฝ่ายมะหุดวุฒิไกรผู้นายใหญ่ ให้พวกไพร่ตีกระเชียงเรียงขนาน
จอดประจำลำที่นั่งอลังการ จึ่งว่าขานแก่มหาเสนาใน
ช่วยนำเราเฝ้าองค์พระทรงศักดิ์ สามิภักดิ์เป็นข้าได้อาศัย
พึ่งพระเดชจอมกษัตริย์เหมือนฉัตรชัย ได้ผิดไปท่านเสนาจงการุญ
ชีวิตเราเล่าก็ถึงพิฆาตฆ่า ท่านจงปรานีด้วยช่วยอุดหนุน
เสนาฟังโจรว่านึกการุญ อย่าเพ่อวุ่นวายเราจะเอาความ
ไปกราบทูลมูลิกาฝ่าพระบาท พระจอมนาถผู้บำรุงกรุงสยาม
แล้วเข้าไปกราบทูลมูลความ ว่าโจรตามมาจะเฝ้าเจ้าแผ่นดิน ฯ
๏ ป่างพระศรีสุวรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสชื่นชมสมถวิล
ด้วยศัตรูหมู่มารผลาญแผ่นดิน เห็นจะสิ้นเสี้ยนหนามจึงตามมา
พระตรัสว่าถ้าเช่นนั้นท่านทั้งหลาย พาโจรร้ายมานี่ดีนักหนา
พระจึงสั่งโฉมยงองค์รำภา แต่งกายาเป็นผู้ชายย้ายกระบวน
ออกรับรองกองโจรจะเข้าเฝ้า พูดโลมเล้าการุญอย่าหุนหวน
เจ้าเหมือนล่ามถามไต่ในสำนวน ดูกระบวนเล่ห์ลิ้นให้สิ้นเชิง
อันตัวพี่นี้ก็ไม่รู้ภาษา จะพูดจาดีชั่วกลัวจะเหลิง
ธรรมเนียมเขาแยกย้ายมันหลายเชิง จะรื่นเริงหรือว่าการเป็นมารยา
พลางเสด็จมายับยั้งบัลลังก์อาสน์ ตรัสประภาษกรมวังสั่งให้หา
พวกนายโจรที่จะเฝ้าให้เข้ามา ขุนเสนากราบกรานคลานออกไป
บอกกับโจรทันใดว่าให้หา เราจะพาเฝ้าพระองค์อย่าสงสัย
ให้ขนของบรรณาการคลานขึ้นไป บนเรือใหญ่ตั้งรายถวายตัว
แล้วก็นั่งบังคมบรมนาถ คิดขยาดขนพองสยองหัว
แล้วว่าข้าขอชีวิตเพราะคิดกลัว จะฝากตัวกว่าชีวันจะบรรลัย
ซึ่งรบกันกับพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ โทษก็ผิดสารพัดถึงตัดษัย
ขอเป็นข้าบาทบงสุ์พระองค์ไป ตามจะใช้พวกข้าสารพัน ฯ
๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงนคเรศ จึงโปรดเกศโจรร้ายใจกระสัน
ให้รำภาซักถามความสำคัญ ยังไรท่านจึงมาตีบุรีเรา
หรือเคืองเข็ญเป็นไฉนจะใคร่รู้ จึงโจมจู่เข้ามาไล่เอาไฟเผา
หรือต้องการชานบุรีจะตีเอา ท่านจงเล่าให้เราฟังแต่หลังมา ฯ
๏ โจรแสดงแจ้งเรื่องแต่เบื้องหลัง ให้ทรงฟังสิ้นสุดไม่มุสา
เมื่อเดิมทีขัดเสบียงเลี้ยงโยธา แวะเข้ามาซื้อข้าวชาวบุรินทร์
แล้วกลับว่าวุ่นวายไม่ขายให้ ก็จึงได้ตีด่านชานกระสินธุ์
เพราะขัดสนเดิมทีไม่มีกิน เสบียงสิ้นแล้วชีวิตจะปลิดปลง
เป็นความจริงของข้าดั่งว่ากล่าว อันแดนด้าวกรุงไกรไม่ประสงค์
วิสัยพวกโจรขาดญาติวงศ์ ไม่ประสงค์แดนด้าวเป็นเจ้านาย ฯ
๏ พระทรงฟังดั่งว่าถ้าเช่นนั้น จะผ่อนผันอนุกูลให้สูญหาย
จงกลับไปหลับนอนผ่อนสบาย เวลาสายจะพาไปในบุรี
ชมถิ่นฐานบ้านเมืองไม่เคืองขัด จะได้จัดข้าวไปแจกกะลาสี
ทั้งเงินทองเสื้อผ้าบรรดามี เป็นไมตรีโดยประสงค์เหมือนวงศ์วาน ฯ
๏ นายโจรฟังบังคมชมพระเดช ซึ่งโปรดเกศอิ่มเอมเกษมศานต์
จึงทูลลามากำปั่นมิทันนาน แล้วว่าขานแก่ปลัดหัสเกน
อันพวกเราเล่าถึงตายวายชีวิต เข้ามาติดราคาเหมือนตาเถร
ทั้งผ้าผ่อนล่อนหมดต้องอดเพล เช่นกับเกณฑ์ทัพหนุนต้องวุ่นวาย ฯ
๏ จะกล่าวพราหมณ์สานนมนต์ชะงัด แจ่มจำรัสสุริยาเวลาสาย
ออกจากที่มณฑลให้ฝนคลาย ทั้งลมหายแจ่มแจ้งแสงตะวัน
ให้คนใช้ไปสืบพอได้ข่าว ว่าจอมเจ้ากรุงไกรไอศวรรย์
มารบรับทัพโจรเมื่อสายัณห์ ตีกำปั่นล้อมไล่พวกไพรี
จึงสั่งเหล่าพวกทหารชำนาญรบ ให้สมทบท้ายด่านชานกรุงศรี
แม้นทัพเรือกองหน้าเข้าราวี เราคอยตีลัดหลังริมฝั่งชล
เอาปืนใหญ่พระพิรุณกระสุนแตก ยิงให้แหลกพร้อมประดาดั่งห่าฝน
สกัดจับเอาให้ได้ทั้งไพร่พล มันขึ้นบนจับมัดสกัดราย
แล้วตรวจตราพลขันธ์สนั่นก้อง ให้โห่ร้องเรียกกันรีบผันผาย
เดินขบวนทวนทิวปลิวระบาย ไปตั้งชายฝั่งชลาริมสาคร ฯ
๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงไอศวรรย์ พระศรีสุวรรณบพิตรอดิศร
ให้เรือใช้ไปยังฝั่งนคร ถืออักษรไปแจ้งแห่งคดี
แก่พระหน่อบพิตรกฤษณา ว่าโจรมาน้อมประณตบทศรี
ขอเป็นข้าขอบคันอัญชลี พระภูมียกโทษโปรดประทาน ฯ
๏ ฝ่ายพหลคนที่ถือหนังสือบอก ถึงด่านนอกแล้วก็แจ้งแสดงสาร
ส่งให้พราหมณ์โมราปรีชาชาญ ว่าพระผ่านภพไกรใช้เรามา
ทั้งสามพราหมณ์ถามซักประจักษ์แจ้ง จึงแถลงเรื่องสารอ่านเลขา
เป็นใจความสามกษัตริย์ขัตติยา เสด็จมาถึงสถานชานบุรี
กับพระบาทญาติวงศ์องค์โอรส กลับมาหมดทั้งพระมิ่งมเหสี
จงเร่งรัดจัดสถานการบุรี ตามภูมีทรงธรรม์เธอบัญชา ฯ
๏ ฝ่ายสามพราหมณ์ทราบความเสด็จกลับ แต่งที่รับกับพระกฤษณา
เกณฑ์พหลคนกำกับทำพลับพลา ดาดหลังคาพระที่นั่งบัลลังก์ทอง
แล้วจัดพวกเกณฑ์แห่ไปคอยรับ คนสำหรับพร้อมมูลทูลฉลอง
พระชวนสามพราหมณ์ครรไลดั่งใจปอง ไปรับรองทรงฤทธิ์พระบิตุรงค์
กระบวนแห่แซ่สลับก็นับหมื่น ต่างเริงรื่นในอารมณ์สมประสงค์
ขยายทัพขับกระบวนล้วนทวนธง ให้รีบตรงไปที่ท่าชลาลัย ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ เลื่อนกำปั่นมาถึงท่าชลาไหล
กับโฉมยงองค์โอรสยศไกร ทั้งทรามวัยโฉมยงองค์รำภา
ประทับที่หน้าด่านชานกระสินธุ์ พร้อมกันสิ้นเผ่าพงศ์พระวงศา
ทั้งนายโจรพวกล่ามก็ตามมา เข้าทอดท่าขึ้นบกยกนิกร
ทั้งฝรั่งลังกาพวกข้าเฝ้า ก็เดินเข้ากระบวนแห่แลสลอน
ฝ่ายพระองค์ทรงรถบทจร กับบังอรรำภามาด้วยกัน
ตรีพลำเทวัญทรงกัณฐัศว์ สองกษัตริย์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
แต่พระนุชบุตรีอัมพวัน เสด็จด้วยกันกับบพิตรบิตุรงค์
ขึ้นรถาฝากระจกกระหนกกระหนาบ มีกิ่งกาบกุก่องทองระหง
นายโจรแขกขี่คานหามตามพระองค์ จัตุรงค์เกณฑ์แห่แซ่สำเนียง
ทั้งแตรสังข์กังสดาลประสานก้อง บ้างโห่ร้องรับกันสนั่นเสียง
พระกฤษณานำระเบียบให้เรียบเรียง จัดคู่เคียงพระที่นั่งระวังระไว
ถึงพลับพลาหน้าเมืองมีเครื่องแห่ ประโคมแตรสังข์จำเรียงส่งเสียงใส
รถที่นั่งหยุดประทับกับเกยชัย ตำรวจในนำเสด็จเข้าเขตคัน
ขึ้นพลับพลาหน้าประตูข้างบูรพทิศ เสด็จสถิตราชัยไอศวรรย์
เข้าเฝ้าท้าวทศวงศ์ผู้ทรงธรรม์ อภิวันท์ทูลฉลองทำนองความ ฯ
๏ สมเด็จท้าวเจ้าบุรีรมจักร ปราศรัยทักเขยขวัญรำพันถาม
พ่อกลับวังลังกาพยายาม ทันสงครามมาประชิดติดบุรินทร์
พ่อให้เจ้ากฤษณายกมาก่อน เข้าราญรอนชิงชัยดั่งใจถวิล
ถูกไฟกรดกายดำดั่งน้ำนิล ปอกไปสิ้นย่อยยับอัปรา
นี่หากพราหมณ์สามทัพมาทันเข้า ช่วยปัดเป่าเวทมนตร์ดลคาถา
แล้วยกไปได้รบสามเวลา พอเจ้ามาถึงเข้าพ่อเบาใจ
แล้วทรงศักดิ์ตรัสว่ารำภาสะหรี แม่มาด้วยช่วยสามีคิดแก้ไข
รณรงค์สงครามไม่ขามใคร พ่อขอบใจมิให้ขาดญาติวงศ์
แล้วปราศรัยไต่ถามถึงสามกษัตริย์ สุขสวัสดิ์บรรพชิตในกิจสงฆ์
หรือลาพรตหมดตามทั้งสามองค์ หรือยังคงครองศีลอภิญญาณ ฯ
๏ ฝ่ายรำภาฝรั่งได้ฟังตรัส ชุลีหัตถ์ขึ้นประคองสนองสาร
เอาความหลังทูลแถลงให้แจ้งการ แล้วกราบกรานองค์ท้าวเจ้านคร ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราชย์ บรมนาถบพิตรอดิศร
เชิญเสด็จไทท้าวเจ้านคร ขึ้นบรรจถรณ์ที่ประทับบนพลับพลา
พร้อมขุนนางต่างเข้ามาเฝ้าแหน ที่ข้างแท่นแต่ล้วนองค์พระวงศา
ให้เรียกโจรแขกดำนำเข้ามา ขึ้นพลับพลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ
๏ สมเด็จท้าวพาราตรัสปราศรัย ด้วยพระทัยปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
มารบพุ่งมุ่งหมายทำร้ายกัน เดี๋ยวนี้ท่านก็สมัครมารักแรง
อันตัวเราเล่าไซร้ก็ไม่โกรธ ไม่ถือโทษดอกอย่าอางขนางแหนง
แม้นซื่อสัตย์สุจริตไม่คิดแคลง อย่าระแวงว่าจะคิดแกล้งบิดเบือน ฯ
๏ โจรบังคมชมพระคุณการุญรัก ประเสริฐศักดิ์หาไหนจะได้เหมือน
ขอเป็นข้าสุจริตไม่บิดเบือน แม้นแชเชือนฆ่าให้บรรลัยลาญ ฯ
๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ สั่งให้จัดข้าวปลากระยาหาร
ทั้งเครื่องยศเสื้อผ้ามาประทาน พวกทหารโจรที่มาสามิภักดิ์
แล้วโปรดให้ไปเขตประเทศถิ่น แม้นไพรินคิดการมาหาญหัก
จะบอกไปให้แจ้งแห่งสำนัก จะได้ชักชวนกันมาช่วยราวี
แล้วเสด็จจากพลับพลาที่หน้าป้อม ให้เตรียมพร้อมรถรัตน์ทั้งหัตถี
จะเสด็จจากด่านชานบุรี ไปธานีนคเรศนิเวศวัง
โจรก็กลับไปเขตประเทศถิ่น พร้อมกันสิ้นสมจิตที่คิดหวัง
ฝ่ายองค์ท้าวทศวงศ์ดำรงวัง กษัตริย์ทั้งวงศามาด้วยกัน ฯ
๏ ฝ่ายโฉมแก้วเกษราธิดาท้าว ได้ทราษข่าวปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
จึ่งจัดพวกสาวสุรางค์นางกำนัล มาพร้อมกันรีบมาไม่ช้าที
คอยรับองค์พงศ์กษัตริย์แลวงศ์ญาติ กับนางนาฏเมืองลังการำภาสะหรี
พอเกณฑ์แห่ถึงพลันด้วยทันที นางยินดีออกไปเชิญดำเนินมา
แล้วกราบองค์ภัสดาเธอปราศรัย ว่าขอบใจมิ่งมิตรกนิษฐา
อุตส่าห์พาสาวสรรค์กัลยา รีบลงมาเชิญชักด้วยภักดี ฯ
๏ ฝ่ายอนงค์องค์รำภานางฝาหรั่ง ถวายบังคมพระมเหสี
นางรับรสพจนาแล้วพาที เชิญไปที่ปรางค์มาศปราสาททอง
ที่ทราบข่าวว่าแม่มาพาราพี่ ได้เป็นที่ชื่นชิดสนิทสนอง
ขอรักแม่สุจริตดั่งจิตปอง เหมือนกับน้องร่วมครรภ์ไม่ฉันทา
พลางเชิญไปปรางค์ทองห้องสถิต มิได้คิดเคียดขึ้งหวงหึงสา
ช่วยกันเฝ้าปรนนิบัติพระภัสดา ทุกเวลามิได้ขาดราชการ ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ดำรงมไหศวรรย์ พระศรีสุวรรณจอมพิภพสบสถาน
ก็ไพบูลย์พูนสวัสดิ์ชัชวาล ด้วยสองมิ่งเยาวมาลย์สำราญองค์
ข้างฝ่ายซ้ายรำภาสุดากนิษฐ์ ถนอมชิดชื่นชมสมประสงค์
ไม่จืดจางห่างขวัญกระสันทรง ด้วยอนงค์รำภาพะงางอน
ข้างฝ่ายขวาเกษรายุพาพักตร์ พระแสนรักร่วมสุวรรณบรรจถรณ์
ไม่ห่างห้องสองอนงค์องค์บังอร สถาพรพูนสมบัติสวัสดี ฯ
๏ ฝ่ายสามพราหมณ์สามเมืองครั้นเสร็จศึก ก็ตรองตรึกที่จะไปบุรีศรี
ชวนกันเข้าทูลาฝ่าธุลี พระเปรมปรีดิ์ปราโมทย์โปรดประทาน
ทั้งเครื่องยศกรดกระบี่ที่แม่ทัพ เจ้าพราหมณ์รับกลับไปเขตประเทศสถาน
ทั้งบ่าวไพร่ได้รับพระราชทาน ฝ่ายทหารพลเรือนเหมือนเหมือนกัน
ทั้งเงินตราผ้าเสื้อให้แจกจ่าย ทั้งไพร่นายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
พวกนายมุลขุนนางรับรางวัล ที่พวกบรรดาได้ไปสงคราม ฯ
๏ ป่างพระองค์ทรงพิภพจบจังหวัด โองการตรัสประภาษไปแล้วไต่ถาม
แก่โหราธิบดีทั้งสี่พราหมณ์ หาฤกษ์ยามวันไรจะได้ดี
จะเสกองค์ตรีพลำกับอัมพวัน ให้ทั้งสองครองกันเกษมศรี
ทั้งเทวัญชันษาสิบห้าปี ควรจะมีคู่ครองประคองชม
กับยุพินนิลกัณฐีนารีรัตน์ สืบกษัตริย์ตามอย่างปางประถม
ได้เริ่มงานการวิวาห์สมาคม จะเสกสมให้พิพัฒน์สวัสดี ฯ
๏ โหรประนมก้มกรานคูณหารเลข เสียงโปกเปกค้นยามตามดิถี
ปีมะเส็งวันพฤหัสสวัสดี ได้นาทีธงชัยในตำรา
ฤกษ์สิบเก้านั้นว่าดีทวีโชค ต้องโฉลกคืนวันชันษา
พระจันทร์จรมาเป็นอุตม์ถึงพุธา ได้ฤกษ์พาในคัมภีร์ว่าดีครัน
แล้วกราบทูลมูลความตามตำหรับ โหรคำนับภูวไนยเจ้าไอศวรรย์
พระทรงฟังสั่งมหาเสนาพลัน ให้เร่งกันจัดแจงแต่งพิธี ฯ
๏ อันเรื่องราวอภิเษกเอกกษัตริย์ จะขอคัดบทกลอนอักษรศรี
พึงแจ้งใจในความตามที่มี ประเพณีมาอย่างไรให้เหมือนกัน
จะกล่าวไปในตำราเห็นช้านัก ก็ประจักษ์ความแต่ก่อนคิดผ่อนผัน
ครั้นจะแต่งพรรณาเห็นช้าครัน เมื่อถึงวันที่ประสงค์ก็ส่งตัว
แต่ก่อนเล่าเยาว์ยังกำลังรุ่น ครั้นถึงบุญได้เสียเป็นเมียผัว
เข้าหอห้องสองกระสันทั้งพันพัว ต้องฝากตัวตามเล่ห์ประเวณี ฯ
๏ ฝ่ายเทวัญครั้นได้คู่ก็อยู่เคล้า ไม่ห่างเจ้าโฉมยุพินนิลกัณฐี
ต่างชื่นชมโสมนัสสวัสดี ฝ่ายเจ้าตรีพลำกับอัมพวัน
เป็นคู่ครองสองสมัครด้วยรักสนิท ต่างเชยชิดปรีดิ์แปรมเกษมสันต์
พลางประคองต้องเนื้อดั่งเจือจันทน์ เหมือนอำพันปนปรุงจรุงเชย
หัตถ์ประคองต้องเต้ามณฑาทิพย์ อันลอยลิบไม่รู้สิ้นกลิ่นระเหย
ถนอมแนบแอบอุ่นเพราะคุ้นเคย พระพายเชยช่อบุปผาสุมาลัย
พยุหวนป่วนปั่นลั่นพิลึก สะท้านสะทึกธรณินแผ่นดินไหว
อิสินธรอ่อนเอนระเนนไป เมรุไกรดั่งจะแยกแตกกระจาย
พิรุณโรยโปรยปรอยเป็นฝอยสาด สุนีฟาดเปรี้ยงปร้างสว่างฉาย
ทะเลลั่นครั่นครื้นคลื่นกระจาย กระฉอกสายชลธีทั้งตีฟอง
มัติมิงคล์กลิ้งเกลือกเสลือกสลน บ้างผุดพ่นฟาดฟันผันผยอง
ห้วยละหานธารถ้ำเป็นน้ำนอง สุธารองหวั่นไหวดั่งไกวเปล ฯ
๏ แรกภิรมย์สมสวาทในอาสน์รัตน์ ประดิพัทธ์น้องนางไม่ห่างเห
งานประชันกันทั้งคู่ดูคะเน คิดถ่ายเทรำเต้นไม่เป็นรอง
เสมอกันสันทัดดั่งจัดสรร ดีด้วยกันตีเสมอเธอทั้งสอง
พึ่งมีคู่รู้เต้นไม่เป็นรอง โดยทำนองเรื่องชู้ไม่รู้จน ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ