- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีกรุงกษัตริย์ | มาถึงวังยังประหวัดถวิลหา |
เห็นเจ้าพราหมณ์งามติดนัยน์ตามา | เข้าไสยายามค่ำยิ่งรำจวน |
คิดสงสารป่านฉะนี้เจ้าพราหมณ์น้อย | จะอยู่คอยหรือจะไปเสียไกลสวน |
เมื่อเดินมาพอพ้นต้นลำดวน | ทำแย้มสรวลเหมือนจะชวนจำนรรจา |
เหตุไฉนไม่ตรัสหรือขัดข้อง | จะหนีน้องไปเสียแล้วกระมังหนา |
เป็นพราหมณ์เทศพรหมจรรย์จรัลมา | หรือกษัตริย์ขัตติยาอยู่เมืองไกล |
ทำปลอมแปลงแกล้งจู่มาดูน้อง | หรือจะต้องประสงค์ที่ตรงไหน |
จะมาเดียวหรือจะมาด้วยข้าไท | จะกลับไปหรือจะอยู่ไม่รู้เลย |
เสียดายนักหนักทรวงดวงสมร | สะอื้นอ้อนอิงแอบแนบเขนย |
ไม่แต่งองค์ทรงเล่นเหมือนเช่นเคย | ลืมเสวยลืมสรงหลงรำพึง ฯ |
๏ สี่พี่เลี้ยงเมียงมองตามช่องฉาก | แล้วบุ้ยปากให้กันดูด้วยรู้ถึง |
ต่างปรึกษาหารือไม่อื้ออึง | เราก็พึ่งเห็นรักประจักษ์ใจ |
แต่ดูกันห่างห่างสิอย่างนี้ | พระบุตรีตรอมจิตพิสมัย |
แม้นได้เรียงเคียงข้างจะอย่างไร | รำคาญใจจะใคร่ปลอบให้ชอบที |
ทั้งสี่นางต่างเข้าเคียงบรรจถรณ์ | ทำทูลวอนพระธิดามารศรี |
แม่เป็นไรไสยาไม่พาที | หรือวานนี้ไปสวนประชวรมา |
จะเจ็บปวดเป็นไฉนก็ไม่ตรัส | จะได้จัดมดหมอมารักษา |
หรือพระน้องต้องรุกขเทวา | ซึ่งอยู่ค่าคบลำดวนสวนดอกไม้ |
แล้วแสแสร้งแกล้งทำปรนนิบัติ | ศรีสวัสดิ์สว่างจิตพิสมัย |
พระบุตรีแกล้งตรัสเหมือนขัดใจ | ไฮ้อะไรนี่เล่ามาเฝ้ากวน |
จึงอยู่น้องต้องเทวดาด้วย | จึงเจ็บป่วยเป็นไข้เพราะไปสวน |
พี่เคยได้ไปบนต้นลำดวน | ทำกระบวนมิได้บอกออกให้ตรง |
จะสังเวยสิ่งไรจะได้จัด | สารพัดสิ่งของต้องประสงค์ |
หรือจะคิดติดสินบนท่านคนทรง | ให้เชิญองค์อารักษ์ที่ทักทาย |
ทั้งสี่นางต่างยิ้มแล้วเยื้อนว่า | จะรักษาทรามวัยเสียให้หาย |
อันต้องเทพารักษ์ขี้มักร้าย | ให้กระวนกระวายละอายใจ |
จะขับกล่อมจอมขวัญให้บรรทม | อย่าปรารมภ์ร้อนจิตพิสมัย |
พลางแย้มยิ้มหยิบกรับแล้วขับไป | ให้ต้องในน้ำจิตพระธิดา ฯ |
๏ ว่าปางหลังยังมีเจ้าพราหมณ์น้อย | โฉมแฉล้มแช่มช้อยดังเลขา |
ทั้งผิวเหลืองเรืองรองดังทองทา | เที่ยวเสาะหานุชนางมาทางไกล |
เวลาค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย | พ่อโฉมงามพราหมณ์น้อยจะนอนไหน |
สตรีงามสามภพไม่สบใจ | จะใคร่ได้ดอกฟ้าลงมาเชย |
ถ้าแม้นเหมือนหมายมาดไม่คลาดแคล้ว | ดังดวงแก้วแกมทองเจียวน้องเอ๋ย |
น่าน้อยใจที่ไม่ไว้อาลัยเลย | แล้วลงเอยอภิวันท์อัญชลี ฯ |
๏ พระธิดาฟังขับให้จับจิต | จะปกปิดป้องปัดก็บัดสี |
จึงแสร้งว่าน่าแค้นแสนทวี | น้อยหรือพี่ช่างคิดประดิษฐ์ครวญ |
เหมือนฟื้นฝอยหาตะเข็บให้เจ็บจิต | สมคบคิดกันพาข้าไปสวน |
แล้วเป็นใจให้พราหมณ์มาลามลวน | เห็นสมควรแล้วหรือพี่ทั้งสี่คน |
จะกราบทูลบิตุรงค์ให้ทรงซัก | ใครย้อนยักแยบคายเป็นสายสน |
หรือพราหมณ์น้อยกลอยใจให้สินบน | ถ้าบอกจริงจึงจะพ้นที่โทษทัณฑ์ ฯ |
๏ พี่เลี้ยงรู้จักใจไม่วิตก | ทำลูบอกอนิจจามาว่าฉัน |
จะบอกความตามจริงทุกสิ่งอัน | เจ้าพราหมณ์นั้นเขาจะมาเป็นข้าไท |
ให้พวกพี่นี้พามาถวาย | แต่ดีร้ายยังไม่เห็นเป็นไฉน |
ถ้าไล่เลียงเที่ยงแท้แน่แก่ใจ | จึงจะได้ทูลความแม่ทรามเชย |
น้อยไปหรือดื้อดึงไปถึงสวน | จะแกล้งกวนก่อความเจ้าพราหมณ์เอ๋ย |
แม่เมตตาอย่าทูลฉลองเลย | เหมือนทรามเชยช่วยหลังไว้ครั้งนี้ |
ฉันผัดพอเช้าตรู่ประตูเปิด | ฟ้าผี่เถิดจะไปว่าน่าบัดสี |
ไม่เจียมตัวกลัวเกรงพระบุตรี | ทำท่วงทีเหมือนกระต่ายตะกายดิน |
มาพบแม่แต่ตัวเจ้าพราหมณ์น้อย | หรือพี่พลอยองอาจประมาทหมิ่น |
แม้นจ้วงจาบหยาบช้าเป็นราคิน | จะขับไปเสียให้สิ้นทั้งสี่นาย ฯ |
๏ พระธิดาได้ความว่าพราหมณ์น้อย | ตามติดสอยสมจิตที่คิดหมาย |
จึงกล่าวแกล้งแสร้งเสเพทุบาย | สักกี่ชายนั้นฉันไม่ทันดู |
เห็นคนเดียวเที่ยวเดินเด็ดดอกรัก | เป็นเชิงชักปริศนาน่าอดสู |
จะหม่อมน้องหรือหม่อมพี่ก็มิรู้ | ไปถามดูเถิดอย่าซักฉันนักเลย |
มิเสียทีพี่คบพอครบถ้วน | เป็นสี่ส่วนสมหน้าเจ้าข้าเอ๋ย |
อุปถัมภ์ทำคุณจนคุ้นเคย | จึงล่วงเลยลามมาเป็นน่าชัง |
ถ้าพรุ่งนี้พี่ไปจะไต่ถาม | จงห้ามปรามสั่งสอนหล่อนเสียมั่ง |
แม้นว่ากล่าวคราวนี้เธอมิฟัง | ทำทีหลังแล้วจะทูลให้วุ่นวาย ฯ |
๏ สี่พี่เลี้ยงเบี่ยงบิดประดิษฐ์แก้ | ฉันเป็นแต่จะช่วยพามาถวาย |
ที่ผิวเหลืองเรืองรองนั้นน้องชาย | สมเป็นนายขอเฝ้าถึงเจ้ากรม |
แต่พราหมณ์ใหญ่ไม่งามเหมือนพราหมณ์น้อย | ถ้าใช้สอยมะละกอก็พอสม |
ถึงว่าฉันคบค้าสมาคม | ก็จะก้มหน้ารับอัประมาณ |
แต่อย่าให้พราหมณ์น้อยนั้นพลอยผิด | เธอตั้งจิตมาเป็นข้าน่าสงสาร |
จงยกโทษโปรดไว้ใช้ราชการ | เมื่อเกียจคร้านจึงค่อยลดปลดบาญชี ฯ |
๏ นางฟังคำทำเคืองชำเลืองค้อน | ยังกลับย้อนยักว่าน่าบัดสี |
ถ้าขืนขัดก็อย่าเฝ้ามาเซ้าซี้ | หรือเห็นดีแล้วไม่ห้ามตามอารมณ์ |
แล้วสั่งให้ไขหีบหยิบสมุด | นางทรงอ่านอุณรุทเมื่ออุ้มสม |
สี่พี่เลี้ยงเคียงข้างแท่นบรรทม | ชวนกันชมสุรเสียงสำเนียงนาง ฯ |
๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ | ดึกกำดัดยามสองยิ่งหมองหมาง |
เผยพระแกลแลชมนภาภางค์ | จันทร์กระจ่างส่องฟ้าสุราลัย |
พระดูเดือนเหมือนวงนลาฏน้อง | สัมผัสผ่องพาจิตพิสมัย |
รื่นรื่นกลิ่นลำดวนรัญจวนใจ | เหมือนเข้าใกล้กลิ่นนางเมื่อกลางวัน |
ให้เคลิ้มเคล้นเห็นเงาเสาตำหนัก | ว่านงลักษณ์ลงขยับไปรับขวัญ |
ไฉนน้องมองเมียงอยู่เพียงนั้น | ขอเชิญขวัญเนตรนั่งบัลลังก์รัตน์ |
แล้วเคียงเข้าเล้าโลมนางโฉมฉาย | พระกรกรายกอดเสาเข้าถนัด |
เห็นผิดนางหมางฤทัยให้ฮึดฮัด | จะใคร่ตัดเสาสับให้ยับเยิน |
ได้ยินพราหมณ์สามคนเขาหัวร่อ | ในใจคอคิดอายระคายเขิน |
ทำเหลียวแลแก้เก้อไปตามเกิน | ชม้ายเมินเมียงมาศาลากลาง |
แกล้งลดเลี้ยวเที่ยวเดินดูไม้ดัด | สารพัดสรรใส่ในกระถาง |
พระเพ่งพิศคิดถึงคะนึงนาง | ไม่เสื่อมสร่างอารมณ์สมประดี |
เสียงจักจั่นจังหรีดวะหวีดแว่ว | เหมือนเสียงแก้วเกษรามารศรี |
เที่ยวผันแปรแลหาแล้วพาที | ขึ้นมานี่เถิดนะเจ้าเยาวมาลย์ ฯ |
๏ ทั้งสามพราหมณ์ตามมองเห็นน้องรัก | ละล่ำละลักลุ่มหลงน่าสงสาร |
เข้าเคียงข้างทางปลอบประโลมลาน | พ่อเที่ยวป่านนี้ไยไม่ไสยา ฯ |
๏ ศรีสุวรรณนั้นยังกำลังหลง | คิดว่าองค์มิ่งมิตรขนิษฐา |
ประโลมรูปรับขวัญจำนรรจา | วาสนาเราทั้งสองเคยครองกัน |
พราหมณ์หัวร่อพ่อแปลกพี่แล้วหรือ | พระหดมือเมินพักตร์แล้วผินผัน |
ทำแก้เก้อเออพี่ที่ตรงนั้น | ปีศาจมันหลอนข้าตาวาววาว ฯ |
๏ เจ้าพราหมณ์ว่าน่ากลัวแล้วหัวร่อ | พี่เห็นต่อจะเป็นผีสตรีสาว |
ประจำองค์อนุชามาแต่เช้า | จนดึกราวสองยามมาตามกวน ฯ |
๏ เจ้าโมราว่าผีไม่มีดอก | ที่หลอนหลอกนั่นแหละเงาเจ้าของสวน |
พอพรุ่งนี้พี่จะบนต้นลำดวน | ให้ช่วยชวนชาววังมาดังใจ ฯ |
๏ พระฟังคำทำเมินดำเนินหนี | มานั่งที่แท่นทองอันผ่องใส |
เห็นสามพราหมณ์ตามมาจึงว่าไป | ประหลาดใจจริงน้องเหมือนต้องมนต์ |
ให้เห็นเขาเจ้าของห้องตำหนัก | มาถามทักแล้วก็หายไปหลายหน |
พี่เอ็นดูฉันด้วยช่วยกันค้น | นฤมลจะมาแฝงอยู่แห่งไร ฯ |
๏ พราหมณ์ฟังเห็นยังเฟือนช่วยเตือนน้อง | เจ้าของห้องมิได้มาอย่าสงสัย |
พี่บอกแล้วไม่เชื่อนั้นเหลือใจ | หนักอะไรจะเหมือนรักหนักอุรา |
หลงอะไรจะเหมือนหลงทรงมนุษย์ | ที่โศกสุดเศร้าแสนเสน่หา |
จนลืมตัวมัวหมองเพราะต้องตา | ต้องตรึกตราตรอมจิตเพราะปิดความ |
บุราณว่าถ้าเหลือกำลังลาก | ให้ออกปากบอกแขกช่วยแบกหาม |
แม้นพ่อบอกออกบ้างไม่พรางความ | จะเป็นล่ามแก้ไขให้ได้การ ฯ |
๏ พระฟังปลอบชอบชื่นค่อยฝืนพักตร์ | กำลังรักลืมอายหมายสมาน |
จึงว่าพี่มีปัญญาปรีชาชาญ | ช่วยคิดอ่านอนุกูลอย่าสูญใจ |
เหมือนหนึ่งน้องต้องศรเสียบสลัก | จะฉุดชักก็ไม่อาจจะหวาดไหว |
พี่ช่วยถอนศรโศกที่เสียบใจ | น้องจะได้ผ่อนพ้นทนทรมา ฯ |
๏ เจ้าพราหมณ์ว่าอย่าทุกข์ไปเลยพ่อ | นางนกต่อของเรามีดีนักหนา |
พรุ่งนี้เช้าเขาคงจะออกมา | พ่อพูดจาฉอเลาะให้เราะราย |
จะสอนสั่งสิ่งเดียวเกี้ยวผู้หญิง | ถ้าถึงจริงก็มักช้าประดาหาย |
ให้หวานหวานไว้สักหน่อยค่อยสบาย | นี่แยบคายเจ้าชู้แต่บูราณ |
พ่อรู้แต่งหนังสืออยู่หรือไม่ | จงแก้ไขคิดกลอนอักษรสาร |
แม้นตอบต่อก็พอเห็นจะเป็นการ | อันพวกฉานนี้ไม่วางนางพี่เลี้ยง |
แต่กีดขวางอย่างเดียวดอกเดี๋ยวนี้ | ด้วยหญิงสี่ชายสามเป็นความเถียง |
พ่อโปรดด้วยช่วยเปรียบให้เรียบเรียง | ใครจะเคียงควรคู่กับผู้ใด ฯ |
๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายตอบ | พี่ว่าชอบชี้ทางสว่างไสว |
ทำไมกับกาพย์กลอนอย่าร้อนใจ | จะว่าให้ปลื้มจิตพระธิดา |
อันชายสามหญิงสี่นี้ก็ยาก | จับฉลากนั้นแลพี่ดีนักหนา |
สำรวลพลางทางหยิบกลีบจำปา | เอานขาเขียนหนังสือเป็นชื่อนาง |
แล้ววางไว้ให้สามพราหมณ์พี่เลี้ยง | เจ้าพราหมณ์เสี่ยงทายขอที่คู่สร้าง |
หยิบจำปามาพลิกขึ้นอ่านพลาง | เจ้าวิเชียรได้นางจงกลนี |
ดูฉลากเลขาเจ้าสานน | ได้โฉมตรูอุบลรัศมี |
ที่ของเจ้าโมราประภาวดี | เหลือแต่ศรีสุดาน่าเสียดาย |
ต่างหัวเราะเยาะหยอกว่านอกส่วน | เราก็ควรจะประมูลทูลถวาย |
แล้วสรวลเสเฮฮาประสาชาย | พระยิ้มพรายอายใจด้วยไม่เคย |
จนยามสามพราหมณ์เตือนให้ไสยาสน์ | พระขึ้นอาสน์อิงแอบแนบเขนย |
นึกประดิษฐ์คิดกลอนไม่นอนเลย | พอลงเอยก็พอแจ้งแสงตะวัน |
ให้ปั่นป่วนชวนพราหมณ์ทั้งสามพี่ | ไปอยู่ที่ต้นลำดวนในสวนขวัญ |
คอยพี่เลี้ยงแลหาปรึกษากัน | เกษมสันต์สมคะเนด้วยเล่ห์ลม ฯ |
๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงพระธิดาเวลารุ่ง | ต่างบำรุงราศีนั่งหวีผม |
ค่อยสะกิดกรีดกริบตะไกรคม | แล้วนุ่งห่มต่างต่างละอย่างกัน |
เรียกบ่าวถือหีบหมากออกจากฉนวน | พอถึงสวนฉายแสงพระสุริย์ฉัน |
แกล้งส่งเสียงเคียงคลอจรจรัล | ทำเชิงชั้นกรีดกรายชม้ายเมียง |
พอทั้งสามพราหมณ์แลประสบพักตร์ | ชิงกันทักเยาวมาลย์ประสานเสียง |
เชิญมานี่หน่อยเถิดคะพระพี่เลี้ยง | ร่มพุมเรียงราบเลี่ยนเตียนสบาย ฯ |
๏ ทั้งสี่นางต่างคำนับนั่งพับเพียบ | ได้ระเบียบอยู่มิให้สไบขยาย |
แล้วต่างยิ้มแย้มพลางทางภิปราย | หม่อมสบายอยู่ด้วยกันหรือฉันใด |
ฉันอยู่หลังตั้งแต่เสด็จกลับ | นอนไม่หลับหลากจิตคิดสงสัย |
พ่อพราหมณ์น้อยพลอยเจ็บเป็นไข้ใจ | เคราะห์กระไรร้ายรวบประจวบกัน |
แม้นหม่อมมีหยูกยาเมตตาด้วย | เหมือนชุบช่วยชีวานุชาฉัน |
ถ้าตลอดรอดฝั่งได้ดังนั้น | จะส่งขวัญข้าวหมอให้พอการ ฯ |
๏ พี่เลี้ยงยิ้มพริ้มพรายชม้ายค้อน | ทำเสียงอ่อนอนิจจาน่าสงสาร |
จะทูลขอหมอหลวงมาอยู่งาน | แต่อาการเป็นอย่างไรจะใคร่รู้ ฯ |
๏ เจ้าพราหมณ์น้อยนึกสะเทินแล้วเมินหน้า | จะพูดจามิใคร่ได้ให้อดสู |
พี่เลี้ยงเตือนเชือนแลชำเลืองดู | ต่อเป็นครู่แล้วจึงตอบว่าขอบใจ |
อันโรคของน้องนี้ไม่มีแผล | ให้เป็นแต่ขัดข้องไม่ผ่องใส |
กลางคืนหนาวเช้าร้อนอ่อนฤทัย | แม้นหม่อมไม่ชุบช่วยคงม้วยมิด |
ถ้าทูลขอหมอหลวงได้เหมือนว่า | เห็นโรคาจะค่อยคลายสบายจิต |
แม้นแก้ไขไม่ตายวายชีวิต | ไม่ลืมคิดคุณพี่ทุกวี่วัน ฯ |
๏ ทั้งสี่นางต่างว่าน่าสงสาร | ช่างอ่อนหวานวอนวิงทุกสิ่งสรรพ์ |
วิบากกรรมจำเพาะเป็นเคราะห์ครัน | จนพวกฉันพลอยผิดเพราะปิดบัง |
เมื่อวานนี้พระธิดาออกมาเล่น | แลเขม้นเหมือนจะเถือเอาเนื้อหนัง |
จึงกริ้วโกรธกลับไปเสียในวัง | แล้วตรัสสั่งให้ขอเฝ้าเข้ามาค้น |
ฉันทูลแกล้งว่าจะมาสาพิภักดิ์ | นางโฉมยงทรงซักเอาเหตุผล |
ว่าลูกเมียหม่อมมีสักกี่คน | ฉันก็จนจึงมาถามพ่อพราหมณ์น้อย |
แม้นพรั่งพร้อมยอมอยู่เป็นขอเฝ้า | จะให้เข้าเวรไว้ได้ใช้สอย |
หรือมีห่วงบ่วงใยใครจะคอย | มาหยุดพักสักหน่อยแล้วจะไป ฯ |
๏ ศรีสุวรรณชั้นเชิงฉลาดแหลม | ทำยิ้มแย้มเยื้อนว่าอย่าสงสัย |
ฉันพี่น้องท้องเดียวมาเที่ยวไกล | อันห่วงใยยังไม่มีทั้งสี่คน |
หมายพระนุชบุตรีเป็นที่พึ่ง | คิดรำพึงสารพัดจะขัดสน |
เสด็จมาเที่ยวเล่นเห็นชอบกล | นฤมลมองหาสุมาลี |
ฉันเด็ดได้ดอกรักจักถวาย | นางชม้ายเมียงเมินดำเนินหนี |
เสียน้ำใจเจ็บมาแต่ราตรี | เดี๋ยวนี้พี่ว่าจะช่วยค่อยชื่นใจ |
ช่วยทูลองค์พระธิดาว่าดีฉัน | จะผูกพันพึ่งพักจนตักษัย |
ซึ่งโฉมยงทรงระแวงแคลงฤทัย | ฉันจะให้ทัณฑ์บนไว้จนตาย |
พระว่าพลางทางตัดใบตองอ่อน | มาเขียนกลอนกล่าวประโลมนางโฉมฉาย |
จนลงเอยอ่านต้นไปจนปลาย | ไม่คลาดคลายถูกถ้วนแล้วม้วนตอง |
เอาโศกแซมแกมรักสลักหนาม | เหมือนบอกความรักนางว่าหมางหมอง |
พี่เลี้ยงรับพับใส่ไว้ในซอง | แล้วว่าน้องหวังพี่เป็นที่อิง |
ทุกวันนี้มีผ้าจำเพาะผืน | ถ้ากลางคืนหนาวก็ได้แต่ไฟผิง |
ถ้าแม้นหม่อมกรุณาเมตตาจริง | ช่วยว่าวิงวอนทูลพระธิดา |
ประทานสีที่ห่มมาชมสวน | ควรมิควรขอประทานซึ่งโทษา |
แล้วถอดธำมรงค์ครุฑบุษรา | ฝากถวายพระธิดาวิลาวัณย์ ฯ |
๏ พี่เลี้ยงรับแหวนน้อยชม้อยยิ้ม | เห็นหงิมหงิมลิ้นลมช่างคมสัน |
จึงแกล้งว่าช้าสักสองสามวัน | ถ้าแม้นฉันได้ช่องจะลองทูล |
ปรารถนาผ้าผ่อนแต่เพียงนี้ | เห็นท่วงทีก็จะได้คงไม่สูญ |
ค่อยอยู่เถิดฉันจะลาอย่าอาดูร | ได้กราบทูลแล้วจะออกมาบอกความ |
แล้วสี่นางต่างจัดซองสลา | ทอดผ้าป่าเรียงวางไว้กลางสนาม |
พลางยิ้มพรายชายตาลาเจ้าพราหมณ์ | เรียกบ่าวตามกลับหลังเข้าวังใน ฯ |
๏ ขึ้นปราสาทพระบุตรีทั้งสี่นาง | เข้าเคียงข้างแท่นทองอันผ่องใส |
ถวายแต่ส้มพวงดวงดอกไม้ | แล้วใส่ไคล้ทูลความถึงพราหมณ์น้อย |
ไปพบที่ต้นลำดวนในสวนขวัญ | ฉันรุมกันต่อว่าจนหน้าจ๋อย |
ไม่ทุ่มเถียงทำแต่แลชม้อย | ช่างเรียบร้อยราบคาบไม่หยาบคาย |
ว่าที่จริงนั้นจะมาสาพิภักดิ์ | ได้ดอกรักจักใคร่ได้ถวาย |
แม้นแม่ไม่เมตตาก็ท่าตาย | ขอถวายชีวาไม่อาลัย |
ดูท่วงทีกิริยามารยาท | มิใช่ชาติพราหมณ์เทศข้างเพศไสย |
ชะรอยหน่อกษัตรามาแต่ไกล | เพราะจะใคร่เป็นขอเฝ้าเยาวมาลย์ |
จะขับไล่ไปเสียให้พ้นสวน | เธอคร่ำครวญวอนว่าน่าสงสาร |
จะให้อยู่ที่นี่ก็ขี้คร้าน | จะโปรดปรานเป็นไฉนจะใคร่รู้ ฯ |
๏ พระบุตรีฟังเล่าก็เศร้าสร้อย | กลัวโฉมงามพราหมณ์น้อยจะอดสู |
เธอแก้ไขไม่เป็นน่าเอ็นดู | จึงว่าพี้นี้ไปขู่เขาทำไม |
เป็นชีพราหมณ์หยามหยาบก็บาปปาก | เพระพวกมากเธอจึงต้านทานไม่ไหว |
ซึ่งพี่ว่าเป็นกษัตริย์สันทัดใจ | คิดสำคัญฉันใดจะใคร่ฟัง |
ว่าจู้จี้ขี้คร้านฉานสงสัย | หรือว่าใครกล่าวขวัญถึงฉันมั่ง |
เล่าแถลงแจ้งจิตอย่าปิดบัง | จะขอฟังลิ้นลมคารมพราหมณ์ ฯ |
๏ พี่เลี้ยงฟังโฉมยงเจ้าทรงซัก | ทำเยื้องยักยำเยงเหมือนเกรงขาม |
แล้วแกล้งว่าอดสูดูไม่งาม | เป็นควันวามกลัวจะปิดไม่มิดเปลว |
ถ้าทราบถึงบิตุรงค์ให้ลงโทษ | เสียประโยชน์หญ้าแพรกจะแหลกเหลว |
ซึ่งเห็นความว่ามิใช่เป็นไพร่เลว | เพราะองค์เอวอ้อนแอ้นระโอดองค์ |
ช่างระทวยสวยทรงสังวาลรัตน์ | เครื่องกษัตริย์สุริย์ชาติราชหงส์ |
นึกจะทูลโฉมงามแต่ตามตรง | กลัวจะทรงกริ้วโกรธลงโทษทัณฑ์ ฯ |
๏ พระธิดาว่าน้อยไปหรือพี่ | พูดเช่นนี้น่าเบื่อไม่เชื่อฉัน |
ทำย้อนยอกหลอกลวงเพราะหวงกัน | เถิดเช่นนั้นแล้วก็ไม่พอใจฟัง |
ฉวยบุปผามาลีขยี้ทิ้ง | พี่เลี้ยงชิงไปเสียสิ้นก็ผินหลัง |
ทั้งสี่นางต่างเข้าเคียงบัลลังก์ | แล้วว่าตั้งแต่นี้ไปฉันไม่พราง |
ถึงตื้นลึกหนักเบาจะเล่าแจ้ง | อย่านึกแหนงเลยพระน้องจะหมองหมาง |
เจ้าพราหมณ์น้อยนึกถึงคะนึงนาง | วันนี้ร่างเรื่องสารให้ฉานมา |
กับธำมรงค์วงน้อยเพชรรัตน์ | เป็นกษัตริย์แล้วนะแม่แน่หนักหนา |
แล้วหยิบของสองสิ่งที่ซ่อนมา | ทูลถวายพระธิดาพะงางาม ฯ |
๏ นางโฉมยงทรงหยิบใบตองอ่อน | เห็นโศกซ้อนแกมรักสลักหนาม |
ก็แจ้งจิตปริศนาปัญญาพราหมณ์ | แกล้งนิ่งความคลี่สารออกอ่านพลัน |
ในสารศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | บุรีรัตนามหาศวรรย์ |
สวาทหวังพระธิดาวิลาวัณย์ | สู้เดินดั้นดงแดนแสนกันดาร |
พยายามข้ามมหามหรณพ | หวังประสบวรนุชสุดสงสาร |
มาอาศัยในสวนอุทยาน | บุญบันดาลดลจิตพระธิดา |
เผอิญให้โฉมงามทรามสวาท | มาประพาสชมพรรณบุปผา |
พี่ยลยอดเยาวเรศเกษรา | ช่างโสภานิ่มน้องละอองนวล |
ประไพพริ้มนิ่มน้อยกลอยสวาท | ดังนางในไกรลาสมาเล่นสวน |
เสด็จกลับลับไปให้รัญจวน | เฝ้าอักอ่วนอาวรณ์ร้อนฤทัย |
ด้วยยามยากจากเมืองมามุ่งหมาย | ดังกระต่ายเต้นแลดูแขไข |
ครั้นเดือนดับลับเหลี่ยมเมรุไกร | โอ้อาลัยเหลือแลชะแง้คอย |
เหมือนอกพี่ที่แสนเสน่ห์นุช | เห็นสูงสุดที่จะได้สิ่งใดสอย |
ถ้าได้ดวงดอกฟ้าลีลาลอย | ก็จะค่อยประคองนวลสงวนเชย |
จึงแต่งสารเสี่ยงทายถวายแหวน | ใบตองแทนแผ่นทองพระน้องเอ๋ย |
ถ้าแม้นมาตรชาติก่อนเป็นคู่เคย | ขอให้เผยพจนารถประภาษมา |
แม้นแม่ไม่อนุกูลสูญสวาท | เห็นสิ้นชาติชีวังจะสังขาร์ |
จะเอากรุงรมจักรนัครา | เป็นป่าช้าสุมเพลิงเชิงตะกอน |
ขอเชิญนุชบุตรีปรานีสนอง | อย่าหม่นหมองหมางรักในอักษร |
ช่วยชี้ชอบตอบถ้อยสุนทรวอน | ให้วายร้อนที่วิตกในอกเอย ฯ |
๏ พี่เลี้ยงฟังอ่านสารหวานเสนาะ | ช่างฉอเลาะเหลือดีเจ้าพี่เอ๋ย |
ไม่หยามหยาบราบเรียบช่างเปรียบเปรย | พระน้องเอ๋ยทรงตอบให้ชอบกล |
แล้วว่าโศกแซมรักสลักหนาม | ของพ่อพราหมณ์ทำมาน่าฉงน |
ทำซักไซ้ไต่ถามทั้งสามคน | นฤมลหมางเมินสะเทิ้นที |
ว่าไม่รู้หรือขาปริศนาพราหมณ์ | เขาบอกความโศกสลักว่ารักพี่ |
นางหยิบแหวนมาดูรู้ว่าดี | น้ำมณีใสสุดบุษรา |
เอาสวมใส่นิ้วนางพลางดำรัส | เพชรรัตน์วงนี้ดีหนักหนา |
น้องจะขอซื้อไว้ให้ราคา | เป็นเงินตราสักเท่าไรไม่เสียดาย |
แต่เพลงยาวหยาบช้าฉันน่าแค้น | จะตอบแทนเสียให้สมอารมณ์หมาย |
พลางคลี่สารอ่านซ้ำคำภิปราย | แล้วบ่นว่าน่าอายอดสูใจ ฯ |
๏ ทั้งสี่นางต่างปลอบตอบสมร | เธอทุกข์ร้อนเล่าแจ้งแถลงไข |
ชอบมิชอบตอบเล่นก็เป็นไร | ไว้อาลัยล่อลวงดูท่วงที |
อันธำมรงค์วงนั้นฉันถวาย | ไม่ซื้อขายขอเปลี่ยนภูษาศรี |
ที่ทรงไปอุทยานเมื่อวานนี้ | เหมือนให้พี่ผ่อนพ้นทนทรมา |
นางโฉมฉายอายใจทำไขสือ | พี่รักหรือจะให้ห่มให้สมหน้า |
แต่จะขอคำมั่นจงสัญญา | อย่าเอาผ้าฉันไปให้ใครเลย |
แล้วเปลี่ยนเปลื้องริ้วทองออกกองไว้ | ฉันห่มไปผืนนี้แหละพี่เอ๋ย |
พี่เลี้ยงรับพับจีบแล้วชมเชย | เป็นบุญเคยทำไว้เห็นไม่ตาย |
ถึงน้ำค้างพร่างพรมแลลมว่าว | อนาถหนาวห่มผ้าก็ท่าหาย |
นางโฉมยงยิ้มเมินสะเทิ้นอาย | ค่อยเลียบชายถามไถ่มิให้ดัง |
ครั้นค่ำลงทรงกลอนอักษรสนอง | เขียนจำลองลงแผ่นกระดาษหนัง |
ให้หักใบเต่าร้างที่กลางวัง | มาห่อทั้งดอกรักอักขรา ฯ |
๏ พอรุ่งแจ้งแสงทองส่องสว่าง | ทั้งสี่นางนุ่งสุหรัดแล้วผัดหน้า |
เอาสารซ่อนใส่กลีบในหีบงา | กับทั้งผ้ากรองทองของสำคัญ |
ร้องเรียกหาข้าสาวแต่เช้าตรู่ | ออกประตูเดินด่วนไปสวนขวัญ |
พอประสบพบพราหมณ์อยู่พร้อมกัน | ศรีสุวรรณยิ้มย่องแล้วร้องเชิญ |
พวกพี่เลี้ยงเรียงนั่งริมต้นแก้ว | คำนับแล้วยิ้มพรายระคายเขิน |
กำลังฉันหิวโหยแต่โดยเดิน | พอเชื้อเชิญชื่นใจกระไรเลย |
แต่ก่อนไซร้ไม่เห็นเหมือนเช่นนี้ | มิพอที่หนีนั่งเอนหลังเฉย |
ทั้งสี่นางต่างหัวเราะทำเยาะเย้ย | พลางเปรียบเปรยบอกความเจ้าพราหมณ์พลัน |
ธำมรงค์วงนั้นฉันถวาย | นางโฉมฉายซักไซ้จนไก่ขัน |
จึงประทานกรองทองของสำคัญ | เป็นรางวัลที่ที่พ่อมาสาพิภักดิ์ |
แล้วเปิดหีบหยิบของออกส่งให้ | จะลาไปก่อนแล้วคะธุระหนัก |
ทั้งสามพราหมณ์ตามส่งด้วยจงรัก | แล้วชวนชักนารีทั้งสี่คน |
เที่ยวชมสวนชวนเก็บบุปผชาติ | เดียรดาษดอกดวงเป็นพวงผล |
ดอกชงโคโยทะกาเจ้าสานน | ช่วยเก็บให้นางอุบลบังอร |
เจ้าโมรากรีดเล็บเก็บจำปี | ให้ประภาวดีศรีสมร |
เจ้าวิเชียรเก็บกระถินกลิ่นขจร | กับพุดซ้อนตามส่งให้จงกล |
ศรีสุดานั้นไม่ได้ดอกไม้ด้วย | ดูเขินขวยคิดเห็นไม่เป็นผล |
นางค้อนเพื่อนเคืองพราหมณ์ทั้งสามคน | ออกเดินบ่นเบือนหน้าไม่พาที |
ทั้งสามพราหมณ์ตามเด็ดดอกไม้ให้ | นางแค้นใจฉวยฉีกแล้วหลีกหนี |
นางประภาอุบลจงกลนี | ต่างยินดีเดินกรายเที่ยวร่ายไป ฯ |
๏ พี่เลี้ยงพราหมณ์ตามนางไม่ห่างเหิน | แล้วหยอกเอินรอเรียงเข้าเคียงไหล่ |
เห็นลับลับจับต้องทำลองใจ | นางผลักไสข่วนหยิกทำพลิกแพลง |
ศรีสุดาหน้าเง้าเที่ยวเซ้าซี้ | จะอยู่นี่แล้วหรือเจ้าจึงเฝ้าแฝง |
เที่ยวเก็บเล็มเต็มห่อให้พอแรง | ยังจะแกล้งชักช้าน่ารำคาญ |
ทั้งสามนางต่างว่าน่าหัวร่อ | เพราะไม่พอจึงได้วุ่นเที่ยวงุ่นง่าน |
อย่าเปรียบเปรยเลยแน่แม่แหพาน | จะต้องการก็มาเอาของเราไป |
ศรีสุดาว่าเจ้าเอาเถิดแม่ | ข้าเป็นแต่นอกส่วนไม่ควรได้ |
จงแบ่งปันกันชมให้สมใจ | ดิฉันไม่ชิงช่วงอย่าหวงกัน |
คอหอยเดียวเจียวหม่อมช่างพร้อมหน้า | ออกรุมท้าคารมล้วนคมสัน |
ยังอยู่อีกไหนเล่าหรือเท่านั้น | มาช่วยกันเถียงเล่นก็เป็นไร |
น่าเจ็บอกยกแรกสิแปลกเพื่อน | จะตักเตือนฉุดลากไม่อยากไหว |
เจ้าค่อยอยู่เถิดข้าจะลาไป | มาเรียกหาข้าไทแล้วไคลคลา |
ทั้งสามนางต่างว่าต่อหน้าพราหมณ์ | คงเกิดความแล้วนะแม่แน่หนักหนา |
นี่เนื้อเคราะห์เพราะหลงด้วยมาลา | พระธิดารู้เรื่องจะเคืองครัน ฯ |
๏ เจ้าพราหมณ์ว่าน่าแสนสงสารน้อง | ถ้าแม้นต้องโทษพี่จะทำขวัญ |
เอ็นดูด้วยช่วยกระเตื้องที่เรื่องนั้น | ให้ถึงกันเสียรู้แล้วเถิดแก้วตา |
ทั้งสามนางต่างว่าอย่าปรารภ | จะให้สบสมมาดปรารถนา |
น่ารำคาญป่านนี้ศรีสุดา | จะไปว่าอย่างไรที่ในวัง |
ค่อยอยู่เถิดฉันจะลาช้าไม่ได้ | จะสงสัยซ้ำร้ายเมื่อภายหลัง |
แล้วลุกมาหาบ่าวพวกชาววัง | ไม่รอรั้งรีบไปจะให้ทัน ฯ |
๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามนายสบายจิต | ผู้หญิงติดต่างชวนกันสรวลสันต์ |
บ้างบ่นว่าถ้าแม้นมิกีดกัน | จะได้ฉันหวานหวานสำราญใจ |
แล้วยิ้มพรายบ่ายหน้ามาหาน้อง | เห็นห่มกรองกริ่มจิตพิสมัย |
เข้าเคียงข้างต่างว่าผ้าสไบ | ข้าจำได้แน่นักประจักษ์ตา |
นางโฉมยงทรงห่มมาชมสวน | ยังหวนหวนหอมกรุ่นอุ่นหนักหนา |
พลางหัวเราะเยาะหยันจำนรรจา | ไหนสาราเล่าพ่อจะขอชม ฯ |
๏ ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มเยื้อนสนอง | วันนี้น้องได้แต่ผ้าออกมาห่ม |
ส่วนพี่พราหมณ์ตามติดได้ชิดชม | ต่อจะสมปรารถนาจึงช้านาน |
สำรวลพลางทางหยิบกระดาษหนัง | พี่จะฟังหรือกลอนอักษรสาร |
คำคารมสมทรงของนงคราญ | แล้วทรงอ่านให้สามเจ้าพราหมณ์ฟัง ฯ |
๏ ศุภสารฉานสนองใบตองอ่อน | ซึ่งวิงวอนว่าไม่ขาดสวาทหวัง |
ก็ขอบใจไมตรีดีกว่าชัง | ไม่ปิดบังบอกวงศ์พงศ์ประยูร |
อันบุรีรัตนามหาศวรรย์ | สารพันโภไคยทั้งไอศูรย์ |
แสนสมบัติสตรีบริบูรณ์ | ย่อมเพิ่มพูนผาสุกทุกเวลา |
ไฉนต้องท่องเที่ยวแสวงคู่ | น่าอดสูเสียเดชพระเชษฐา |
ซึ่งเสี่ยงทายหมายมาดสวาทมา | มิเมตตาชีวันจะบรรลัย |
ทั้งรำพันสรรเสริญเห็นเกินนัก | ถึงจะรักก็ไม่รักจนตักษัย |
ที่ข้อนั้นครั้นจะเชื่อก็เหลือใจ | เขาว่าไว้หวานนักก็มักรา |
ถ้ารักนักมักหน่ายคล้ายอิเหนา | ต้องจากเยาวยุพินจินตะหรา |
แม้นพระองค์ทรงเดชเจตนา | จงตรึกตราตรองความตามบุราณ |
เสด็จกลับกรุงไกรไอศวรรย์ | จึงจัดสรรทูตถือหนังสือสาร |
มาทูลองค์ทรงศักดิ์จักรพาล | โปรดประทานก็จะได้ดังใจจง |
ซึ่งจะลอบชอบชิดพิสมัย | เห็นจะไม่เหมือนจิตคิดประสงค์ |
ทูลแถลงแจ้งความแต่ตามตรง | พระโฉมยงอย่าได้อางขนางเอย ฯ |
๏ เจ้าพราหมณ์ฟังนั่งชมว่าคมสัน | ดูเชิงชั้นชูเชิดไม่เปิดเผย |
พ่อคิดปลอบตอบความนางทรามเชย | ให้หลงเลยลอยฟ้าลงมามือ ฯ |
๏ พระยิ้มพลางทางถามทั้งสามพี่ | รักเต่าร้างอย่างนี้ห่อหนังสือ |
ฉันแคลงจิตปริศนาช่วยหารือ | จะรักหรือว่าจะร้างเป็นอย่างไร ฯ |
๏ เจ้าโมราว่าพ่อให้ดอกรัก | นางนงลักษณ์ตอบความตามสงสัย |
ว่าสมรักแล้วจะร้างให้ห่างไป | พ่อแก้ไขคิดปลอบให้ชอบที ฯ |
๏ หน่อกษัตริย์ตรัสว่าปัญญาว่อง | เห็นถูกต้องปริศนาปัญญาพี่ |
จะตอบความทรามวัยอย่างไรดี | แกล้งเซ้าซี้ซักถามทั้งสามชาย ฯ |
๏ ฝ่ายนารีศรีสุดามาถึงวัง | ยังกำลังดาลเดือดไม่เหือดหาย |
เข้าในห้องตรองตรึกให้นึกอาย | โอ้อกกูผู้ชายไม่ชอบใจ |
เสียแรงแต่งแป้งขมิ้นสิ้นสักพ้อม | น้ำมันหอมน้ำมันดิบสักสิบไห |
ไหนจะสู้ทนเจ็บให้เก็บไร | ค่าตะไกรของเขาถึงสลึงเฟื้อง |
ผู้ชายไม่ชอบตาไม่น่าแต่ง | เอาเครื่องแป้งทิ้งขว้างเสียงปร่างเปรื่อง |
ทุบตลับเล็กน้อยต่อยขวดเฟือง | ให้แค้นเคืองสามพราหมณ์กับสามนาง |
มิคลึงเคล้าเล้าโลมอยู่แล้วหรือ | สนุกมือแล้วไม่มีที่กีดขวาง |
คิดจะใคร่ไปฟ้องก็ต้องค้าง | จะอำพรางปิดงำไว้ทำไม |
หุนโมโหโกรธาทำหน้าเง้า | เข้าไปเฝ้าพระธิดาอัชฌาสัย |
นางกษัตริย์ตรัสถามเป็นความใน | เป็นกระไรเร็วมากว่าทุกวัน |
พี่ประภาจงกลอุบลเล่า | เชือนไปไหนไม่เข้ามาหาฉัน |
ศรีสุดาว่าสามนางงามนั้น | ยังผูกพันอยู่กับพราหมณ์ทั้งสามนาย |
แต่คอยท่ากว่าสามหม้อข้าวสุก | ไปเที่ยวซุกซ่อนเร้นไม่เห็นหาย |
ครั้นตามเตือนกลับว่าให้น่าอาย | ช่างทำขายบาทาฝ่าธุลี ฯ |
๏ นางโฉมยงทรงฟังให้คั่งแค้น | จึงว่าแสนสารพัดจะบัดสี |
ถ้าว่าเป็นอย่างนั้นแล้ววันนี้ | ให้ฟ้าผี่เถิดสินะไม่ละกัน |
แล้วซักไซ้ศรีสุดาว่าให้แน่ | หรือเป็นแต่พูดเล่นพอเห็นขัน |
ถ้าจริงจังดังว่าสารพัน | อย่ากลับคืนยืนยันให้มั่นคง ฯ |
๏ ศรีสุดาว่าฉันไม่กลอกกลับ | ประภากับโมราต้นกาหลง |
อุบลกับสานนต้นประยงค์ | วิเชียรจงกลซุ่มพุ่มแกแล |
เจ้าผู้ชายเคียงข้างนางผู้หญิง | ทำอ้อยอิ่งอ่อนคอประจ๋อประแจ๋ |
จนโอ้โลมแล้วเป็นไรจะไม่แท้ | ถ้าพูดแก้แล้วจะใส่เสียให้เยิน ฯ |
๏ พระบุตรีเห็นจริงทุกสิ่งสิ้น | ยิ่งขุ่นคิ่นคิดอายระคายเขิน |
จะหาญหักนักเล่าเขาคนเดิน | นางนิ่งเมินพักตราไม่พาที ฯ |
๏ ฝ่ายสามนางกัลยามาถึงวัง | ตรงขึ้นยังปรางค์มาศปราสาทศรี |
เข้าเฝ้าองค์นงนุชพระบุตรี | เห็นเทวีค้อนเคืองชำเลืองแล |
ก็รู้แน่ว่าเขาฟ้องจะต้องถาม | แกล้งยกความศรีสุวรรณประกันแก้ |
พ่อพราหมณ์น้อยน่าชังทำรังแก | จะมาแต่ไหนไหนมิให้มา |
เฝ้าซักไซ้ไต่ถามไม่รู้จบ | ประเดี๋ยวรบให้ช่วยทูลวุ่นนักหนา |
แล้วเที่ยวเด็ดดอกระกำกับจำปา | ถวายมาตามจนคนเข็ญใจ ฯ |
๏ พระบุตรีฟังความเจ้าพราหมณ์น้อย | ให้ละห้อยหวนคิดพิสมัย |
ที่กริ้วโกรธกลับลืมด้วยปลื้มใจ | ยิ้มละไมในหน้าแล้วพาที |
ฉันกินน้ำสำลักถึงสามหน | เพราะมีคนนินทาน่าบัดสี |
ไม่รู้แล้วเลยเฝ้าแต่เซ้าซี้ | เธอสั่งพี่เข้ามาว่ากระไร ฯ |
๏ ทั้งสามนางต่างตอบให้ชอบชื่น | เธอว่าคืนนี้นอนไม่หลับใหล |
คิดคะนึงถึงสร้อยสุมาลัย | ทำไฉนจะได้เฝ้าเยาวมาลย์ |
แล้วก็ว่าถ้าแม้นมิโปรดช่วย | จะมอดม้วยมรณาน่าสงสาร |
แม้นมาได้ก็จะมาพยาบาล | ช่วยอยู่งานนวดฟั้นให้บรรทม |
ทั้งรำพันสรรเสริญว่ารูปโฉม | งามประโลมควรถนอมเป็นจอมสนม |
ทั้งสามนางต่างคิดประดิษฐ์ประดม | ด้วยเล่ห์ลมลวงล่อให้พอคลาย ฯ |
๏ ศรีสุดานั่งอยู่นั่นกลั้นไม่ได้ | เขาร่ำไรเรื่องพราหมณ์จนความหมาย |
นางโฉมยงหลงเชื่อเบื่อจะตาย | ให้วุ่นวายว่านี่แน่อย่าแปรปรวน |
เจ้าพราหมณ์น้อยอ่อนห้ามหรือพราหมณ์ใหญ่ | เข้าเคียงไหล่โลมนางอยู่กลางสวน |
ทำเกลียวกลมสมยอมซ้อมสำนวน | มาก่อกวนเกาแก้ที่แผลคัน |
สมคะเนเล่ห์กลแม่คนโปรด | ถึงกริ้วโกรธกลับหยุดสุดขยัน |
สามพี่เลี้ยงเถียงทุ่มช่วยรุมกัน | เออกระนั้นฉันแลช่างแก้ตัว |
จะมีชู้ผู้ชายเขาไม่เกี้ยว | จึงโกรธเกรี้ยวโกรธาเป็นบ้าผัว |
แม่คนดีศรีผ่องไม่หมองมัว | ข้าคนชั่วช่างข้าอย่าว่าเลย ฯ |
๏ ศรีสุดาเดือดใจดั่งไฟสุม | ชะช่างรุมกันแก้อุแม่เอ๋ย |
ข้ารูปชั่วจึงผู้ชายไม่หมายเชย | อย่าเปรียบเปรยเลยเจ้าข้าเข้าใจ |
เจ้ารูปงามสามนางสำอางโฉม | จะโอ้โลมเล่นประชันกันก็ได้ |
ล้วนร่วมรักร่วมรู้คู่ฤทัย | ไม่ถึงใจก็เห็นเจียนจะเปลี่ยนตัว ฯ |
๏ พระบุตรีกริ้วกราดตวาดว่า | นี่ใครหามาให้พี่ตีหมากผัว |
เฝ้าหวงหึงอึงไปช่างไม่กลัว | ไม่มีชั่วตัวดีทั้งสี่คน |
อย่าทะเลาะกันที่นี่ให้มี่ฉาว | ไปว่ากล่าวถากถางกันกลางถนน |
เหมือนไก่เห็นตีนงูเขารู้กล | มาพลอยปนแปดข้าน่ารำคาญ ฯ |
๏ ทั้งสามนางต่างคนเห็นกริ้วโกรธ | ทูลขอโทษโทษาไม่ว่าขาน |
ศรีสุดายังไม่เหือดที่เดือดดาล | ต้องรุกรานร้องไห้ฟายน้ำตา |
จะพูดจริงเป็นเท็จเข็ดแล้วแม่ | เถิดตั้งแต่นี้ไปฉันไม่ว่า |
ถึงใครใครจะทำให้ตำตา | ไม่พูดจาให้ทราบหลาบจนตาย |
แล้วแหวกม่านคลานออกมานอกฉาก | ยังคันปากยิบอยู่ไม่รู้หาย |
เข้าในห้องหมองใจไม่สบาย | เอามือก่ายพักตร์นอนสะท้อนทุกข์ |
คิดถึงพราหมณ์สามนายที่หมายมาด | มาแคล้วคลาดคลั่งใจไม่เป็นสุข |
ให้หนาวหนาวร้อนร้อนนอนแล้วลุก | ประเดี๋ยวจุกประเดี๋ยวจับไม่หลับเลย ฯ |
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ | โทมนัสนึกนิ่งพิงเขนย |
สงสารพราหมณ์ความค้างจะห่างเชย | โอ้อกเอ๋ยอาภัพอัประมาณ |
ให้คิดแค้นเคืองสี่นางพี่เลี้ยง | มาทุ่มเถียงทำฉาวให้ร้าวฉาน |
จะได้ใครไปแทนแสนรำคาญ | เยาวมาลย์ไม่สบายมาหลายวัน ฯ |