ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์

๏ จะกล่าวเรื่องเมืองลังกาพวกฝรั่ง นิเวศน์วังนางวัณฬามารศรี
ทั้งรำภานางยุพาสุลาลี ตั้งแต่ปีผัวกลับกองทัพไป
ต่างครองครรภ์รันทดสลดจิต ด้วยจากมิตรมัวหมองไม่ผ่องใส
ทุกเช้าค่ำคร่ำครวญรัญจวนใจ จนครรภ์ได้สิบเดือนไม่เคลื่อนคลา
อันโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช คลอดหน่อนาถเมื่อวันเข้าพรรษา
เป็นชายเฉิดเลิศลักษณ์ดวงพักตรา เหมือนบิดาประหนึ่งหล่อลออองค์
ผิวฉวีสีสังข์สำอางค์อ่อน เหมือนมารดรแต่พระเกศเนตรขนง
ดูคมขำอำไพวิไลทรง มาตุรงค์ให้ชื่อพระมังคลา
นางรำภาสะหรีมีโอรส เหมือนทรงยศศรีสุวรรณกรรณหัตถา
ทั้งผิวเหลืองเรืองรองดังทองทา ชื่อวลายุดางามสรรพางค์
นางยุพานารีก็มีบุตร เหมือนสินสมุทรเนตรแดงดังแสงฝาง
ผิวเนื้อเขียวเขี้ยวแหลมเกศแก้มคาง ไม่ผิดอย่างบิดาชื่อวายุพัฒน์
แล้วลาลีมีบุตรสุดสวาท เป็นชายชาติเชื้อวงศ์พงศ์กษัตริย์
ไม่เพี้ยนผิดบิตุรงค์ทรงสันทัด ทั้งเอวบางร่างรัดชื่อหัสกัน ฯ
๏ พระมังคลากับวลายุดาราช อยู่กับบาทหลวงใหญ่ในไอศวรรย์
กุมาราวายุพัฒน์หัสกัน ทั้งสองนั้นอยู่ที่พระปีโป
ตั้งพากเพียรเรียนหนังสือถือฝรั่ง อาจารย์สั่งสอนสิกขาเยวาโห
ดูตำราฟ้าดินค่อยภิญโญ ไม่มีโรคาพานสำราญใจ ฯ
๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก การภิเษกขัดข้องไม่ผ่องใส
ครั้นเกี่ยวดองสองทัพยกกลับไป พระหัสไชยสร้อยเศร้าเปล่าอุรา
คิดคะนึงถึงลูกสาวเจ้าผลึก ไม่วายนึกนอนฝันกระสันหา
โอ้น้องน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา เสียดายมาถึงแล้วกลับแคล้วกัน
นิจจาเอ๋ยเคยหอมถนอมสนิท เคยนอนชิดชมน้องประคองขวัญ
เคยยิ้มสรวลชวนชื่นทุกคืนวัน เมื่อกระนั้นน้อยหรือใจไม่ไยดี
ได้ร่วมเรียงเคียงเขนยชมเชยกอด เจ้าเคยพลอดจุกจิกพี่พลิกหนี
แม้รักใคร่ในนางเหมือนอย่างนี้ ให้ฟ้าผี่เถิดสินะไม่ละเลย
เมื่ออยู่ทัพพลับพลาลังกานั้น เหมาะเบาบันหรือช่างเฉาเจียวเราเอ๋ย
ให้อายใจได้แต่เบียดชิดเฉียดเชย มิได้เกยกอดชมสมคะเน
มาเมืองนี้พี่ก็หมายไม่คลายคลาด กลับนิราศเริศร้างไปห่างเห
อันกรุงไกรไกลทางขวางทะเล สุดคะเนนึกสะอื้นกลืนน้ำตา
โอ้แต่นี้มิได้พบประสบแล้ว เสียดายแก้วนัยน์เนตรของเชษฐา
เมื่อรบรับกับฝรั่งเมืองลังกา พระมารดายกให้เหมือนใจคิด
เคยกอดพี่มิให้ออกไปนอกรถ หอมแป้งสดแสนชื่นระรื่นจิต
เคยกอดจูบลูบต้องประคองชิด มาเปลื้องปลิดเปล่าใจจำไกลกัน
ถึงยามนอนกรพาดนลาฏนึก เหลือรำลึกหลงเพ้อละเมอฝัน
จนใช้เหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล หลงเรียกชื่อสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา
แต่ดิ้นโดยโหยหวนคร่ำครวญคิด มิรู้ลืมปลื้มจิตกนิษฐา
จำจะคิดบิดผันจำนรรจา ลาบิดาชนนีตามพี่นาง
แล้วจะได้ไปเมืองผลึกน้อง ได้พบสองศรีสวัสดิ์ไม่ขัดขวาง
รำพึงความยามเศร้าค่อยเบาบาง พอสว่างเวลารุ่งราตรี
จึงโสรจสรงทรงเครื่องแล้วเยื้องย่าง พร้อมด้วยเหล่าสาวสุรางค์นารีศรี
มาขึ้นเฝ้าพระชนกชนนี อัญชลีแล้วสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ
๏ กรุงกษัตริย์ตรัสถามด้วยความรัก เป็นไรพักตร์เผือดรูปซูบหนักหนา
โอรสรับอภิวันท์จำนรรจา ลูกตรึกตรากตรอมใจมิได้วาย
ด้วยพี่นางช่างกระไรมิได้เหตุ ทั้งพระเชษฐาตามสูญความหาย
ฉวยขัดขวางอย่างไรจะได้อาย ขอถวายบังคมลาฝ่ายุคล
ไปเที่ยวตามถามข่าวสืบราวเรื่อง ตามบ้านเมืองเกาะแก่งทุกแห่งหน
หรือเสียเรือเผื่อจะค้างอยู่กลางชล ถึงอับจนจะได้พามาธานี
พระฟังความห้ามบุตรสุดสวาท เขาตัดขาดเชื้อสายจึงหน่ายหนี
อย่าตามไปให้ลำบากยากโยธี อยู่บูรีเช้าค่ำให้สำราญ ฯ
๏ พระฟังตรัสตัดรอนถอนสะอื้น อุส่าห์กลืนชลนาน่าสงสาร
ศิโรราบกราบประณตบทมาลย์ ขอประทานโทษที่พระพี่ยา
ซึ่งแค้นเคืองเรื่องราวคราวฝรั่ง ไม่จงหวังร่วมนิเวศน์กับเชษฐา
จึงหลบลี้หนีงานการวิวาห์ ได้ล่วงราชอาชญาฝ่าธุลี
แต่ส่วนลูกผูกใจอาลัยหนัก เคยเห็นพักตร์พี่น้องกันสองศรี
ทั้งเป็นหญิงทิ้งขว้างเสียอย่างนี้ จะรู้ที่ผินหน้าไปหาใคร
พลางโศกาอาดูรพูนเทวษ พระชลเนตรนองตกซกซกไหล
พระบิตุรงค์สงสารรำคาญใจ มิให้ไปก็จะเศร้าเฝ้าโศกา
จึงว่าพ่อก็ไม่ห้ามตามแต่จิต เมื่อขืนคิดรักใคร่ก็ไปหา
ตามลำพังพี่น้องกันสองรา แต่อย่าว่าข้าใช้ให้ไปตาม ฯ
๏ พระรับสั่งบังคมบรมนาถ จากปราสาทเสด็จมาหน้าสนาม
ขึ้นหยุดยั้งนั่งพลับพลาสง่างาม จึงสั่งความแก่มหาเสนาใน
จงแต่งลำกำปั่นสุวรรณมาศ ใช้ใบตาดธงทองให้ผ่องใส
เปลี่ยนรอกใบสายสมอเชือกช่อใบ ทำด้วยไหมเบญจพรรณให้ทันการ
คนประจำกำปั่นสักพันถ้วน เลือกแต่ล้วนเข้มแข็งกำแหงหาญ
ทั้งล้าต้าต้นหนพวกคนงาน ที่ชำนาญนาวาจะคลาไคล
ครั้นสั่งเสร็จเสด็จกลับผู้รับสั่ง ไม่รอรั้งเรียกกันเสียงหวั่นไหว
บ้างเปลี่ยนเชือกเลือกเสาผลัดเพลาใบ สมอไหมเบญจพรรณฟั่นเป็นพวน
บรรทุกน้ำลำเลียงเสบียงเพียบ ทอดประเทียบประทับท่าหน้าฉนวน
พร้อมปืนผาอาวุธชุดชนวน ทหารถ้วนพันประจำในลำทรง ฯ
๏ ครั้นรุ่งแจ้งแสงสูรย์จำรูญจำรัส หน่อกษัตริย์จรลีเข้าที่สรง
น้ำกุหลาบอาบอบตลบองค์ แล้วสอดทรงเครื่องกษัตริย์จำรัสเรือง
มงกุฎเก็จเพชรกระจ่างสว่างวับ เป็นนวลจับแจ่มศรีฉวีเหลือง
สอดฉลองพระบาทแล้วยาตรเยื้อง นางเชิญเครื่องงามงามตามลีลา
ลงกำปั่นบัลลังก์ขึ้นนั่งอาสน์ พร้อมมหาดเล็กพี่เลี้ยงเคียงซ้ายขวา
นายทหารขานโห่เป็นโกลา ยิงปืนหน้าเรือตึงกึงกึงกัง
ประโคมฆ้องกลองฤกษ์เอิกเกริกเสียง เสนาะสำเนียงเซงแซ่ทั้งแตรสังข์
ลอยลำเลื่อนเคลื่อนคลาจากหน้าวัง ได้กำลังลมดีให้คลี่ใบ
แล่นออกจากปากอ่าวลมว่าวส่ง สะบัดธงปลายปลิวหวิวหวิวไหว
ดูอ้างว้างกลางทะเลว้าเหว่ใจ ชลาไลยลมคลื่นเสียงครื้นครึก ฯ
๏ หน่อกษัตริย์ตรัสสั่งให้ตั้งเข็ม ออกแล่นเล็มจะไปเข้าอ่าวผลึก
พอแดดลบพลบค่ำออกน้ำลึก เรือสะทึกสะท้านเลื่อนสะเทื้อนคลอน
ถูกลมแดงแคลงคลื่นทะมึนมืด เป็นเกลียวยืดใหญ่กลิ้งเท่าสิงขร
เยือกเขยื้อนเคลื่อนโขยดโลดกระดอน กำปั่นคลอนโคลงป่วนซุนซวนเซ
ยิ่งดึกดื่นคลื่นสาดบนดาดฟ้า ลมสลาตันผันพัดหันเห
คนเข้าห้องท้องคลอนดังนอนเปล จนถึงเวลาสว่างไม่สร่างลม
พวกล้าต้าฆ่าไก่ตั้งไหว้เจ้า ทั้งเหล้าข้าวเครื่องสังเวยนมเนยขนม
จนเบี่ยงบ่ายคลายคลื่นต่างชื่นชม กลับเป็นลมว่าวแล่นแสนสบาย ฯ
๏ พระขึ้นนั่งบัลลังก์ท้ายบาหลี ผูกม่านสีซุ้มหลังคาฝาพระฉาย
ชมมัจฉาคลาเคลื่อนลอยเลื่อนราย เห็นคล้ายคล้ายว่ายเคล้าสำเภาทอง
ทั้งกุ้งกั้งมังกรสลอนสล้าง บ้างดำบ้างผุดฟูเป็นคู่สอง
พวกเหราม้าน้ำคล่ำคะนอง บ้างพ่นฟองฟุ้งฟ้าฝูงปลาวาฬ
เหล่ากระโห้โผล่ผุดไล่วุดวาด ฉนากฟาดงวงฟัดอยู่ฉัดฉาน
เสือสมุทรผุดโผนโจนทะยาน คชสารสินธูขึ้นชูงา
บ้างตัวเหมือนวัวควายมีหลายอย่าง เหมือนแรดกวางหางพลัดเป็นมัจฉา
บ้างเหมือนหอยลอยเลื่อนค่อยเคลื่อนคลา ครั้นเยี่ยมหน้าออกเหมือนหมีต่างชี้ดู
เงือกมนุษย์ผุดกลุ้มทั้งหนุ่มสาว ล้วนผมยาวปรกบ่ามีตาหู
บ้างเหมือนแพะแกะกายกลายเป็นงู ขึ้นฟ่องฟูฟันคลื่นเสียงครื้นเครง
ฝูงโลมากาสิกผุดพลิกโพล่ง ที่ใหญ่โล่งงวงโง้งกระโทงเหง
ฮุบกันติดบิดสะบัดฟัดกันเอง ดูน่าเกรงกลัวปลาในสาชล
มังกรว่ายสายสมุทรขึ้นผุดขวาง ยาวเหมือนอย่างโขดเขินเนินถนน
เห็นกำปั่นหันเหียนวงเวียนวน ต้องเผาขนไก่กันด้วยควันไฟ
พอสัตว์จมลมเงียบเชียบสงัด ไม่แกว่งกวัดธงทิวริกริ้วไหว
ดูน้ำนิ่งวิ่งพร่างเป็นหางไป เหมือนน้ำในสระซึ้งอั้นอึ้งลม
ต้องเลื่อนลอยคอยวายุพาพัด ให้ฆ่าสัตว์เซ่นพระกาลเผาสารส้ม
แล้วตีกลองฆ้องระฆังดังระดม พอได้ลมแล่นตัดตามอัธยา
ด้วยหมายมุ่งกรุงผลึกออกลึกล้ำ เห็นแต่น้ำในทะเลกับเวหา
จะแลเหลียวเปลี่ยวใจนัยนา จนเวลาค่ำพลบจุดคบโคม ฯ
๏ พระนั่งเล่นเย็มลมชมอากาศ พระพายผาดพัดเรื่อยเฉื่อยชื่นโฉม
ดูดาวเดือนเกลื่นสว่างกลางโพยม ยิ่งนึกโทมนัสในใจรัญจวน
คิดคะนึงถึงพี่เป็นที่รัก เคยพร้อมพรักปรีดิ์เปรมเกษมสรวล
เคยคิดบอกดอกสร้อยน้องคอยทวน เคยชี้ชวนชมฟ้าดาราราย
โอ้ยามนี้วิบัติต้องพลัดพราก ต่างจำจากจำไกลจิตใจหาย
ทุกค่ำเช้าเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย มิได้วายวันนึกนิ่งตรึกตรอง
แล้วรำพึงถึงลูกสาวเจ้าผลึก จะรำลึกถึงพี่มั่งหรือทั้งสอง
ฝาแฝดคู่ดูดีทั้งพี่น้อง ประไพพริ้มยิ้มย่องละอองนวล
ดูรูปร่างช่างเหมือนไม่เคลื่อนคลาด เหลือประหลาดลืมองค์ทรงพระสรวล
คิดถึงเคยเชยชื่นรื่นรัญจวน ยิ่งอักอ่วนป่วนจิตคิดคะนึง ฯ
๏ ดูเรือช้ากว่าทุกครั้งสั่งคนใช้ ให้แทรกใบซ้ายขวาผูกผ้าขึง
ทุกคืนค่ำร่ำใช้ใบตะบึง จนเข้าถึงอ่าวผลึกดึกสองยาม
ทอดสมอรอราอยู่หน้าด่าน พวกทหารเห็นรู้จักร้องทักถาม
ด้วยเกี่ยวดองสองเมืองรู้เรื่องความ ไม่ห้ามปรามปล่อยให้ขึ้นไปวัง
กำปั่นจอดทอดท่าหน้าฉนวน ขุนนางชวนกันมารับคอยคับคั่ง
พระทรงอาสน์ราชสุวรรณบัลลังก์ เข้าในวังคอยเฝ้าเจ้านคร ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยมณีนาถ บรมบาทบพิตรอดิศร
สถิตแท่นแวนฟ้าสถาวร พร้อมนิกรกัลยาคณานาง
คอยขับรำบำรุงกรุงกษัตริย์ บริบูรณ์พูนสวัสดิ์ไม่ขัดขวาง
ครั้นสายแสงแต่งองค์ทรงสำอาง พร้อมขุนนางน้อมประณตบทมาลย์ ฯ
๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเข้าไปเฝ้า พระเรียกเข้าไปที่แท่นแสนสงสาร
พานพระศรีที่บัลลังก์ตั้งประทาน ให้กุมารร่วมเสวยชมเชยพลาง
แล้วตรัสถามตามทำนองถึงสองกษัตริย์ ยังไพบูลย์พูนสวัสดิ์หรือขัดขวาง
แต่จากมากว่าปีอันพี่นาง ยังได้ข่าวคราวบ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ หน่อกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ทรงสดับ น้อมคำนับทูลแจ้งแถลงไข
อันสองกษัตริย์ขัตติยาเสนาใน ทั้งพลไพร่พร้อมดีบริบูรณ์
แต่พี่นางทั้งสมเด็จพระเชษฐา ไม่ทราบว่าดีร้ายไปหายสูญ
แสนละห้อยคอยหาให้อาดูร จึงมาทูลถามความตามสงกา
ด้วยเกณฑ์เรือเหนือใต้ไปเที่ยวค้น ทุกตำบลเกาะแก่งแสวงหา
ไม่เห็นหายหมายที่พระพี่ยา จะแวะมาเฝ้าบ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ พระฟังคำร่ำว่านิจจาเอ๋ย จะหลงเลยลึกซึ้งไปถึงไหน
ที่จริงจิตบิดรไม่นอนใจ ให้เวียนไปสืบเรื่องทุกเมืองราย
แต่เรือใช้ใหญ่น้อยสักร้อยเศษ คอยฟังเหตุเช้าเย็นก็เห็นหาย
หมอดูดีที่ไหนก็ให้ทาย ว่าไม่ตายแต่จะมายังช้านาน
พ่อทุกข์ถึงเสาวคนธ์วิมลมิ่ง ด้วยเป็นหญิงยากแค้นแสนสงสาร
ทั้งเห็นเจ้าเศร้าสร้อยพลอยรำคาญ จะคิดอ่านเตรียมพลเที่ยวค้นคว้า
จงฟังข่าวราวเรื่องอยู่เมืองนี้ คอยพวกที่แยกย้ายเที่ยวรายหา
ทั้งใต้เหนือเผื่อไปปะเขาจะมา เราจึงพากันไปตามนางทรามวัย ฯ
๏ พระตรัสพลางทางชวนพระหน่อนาถ ขึ้นปราสาทด้วยสนิทพิสมัย
ฝ่ายองค์พระมเหสีดีพระทัย เข้าลูบไล้ลูกเขยนั่งเชยชม
แม่รำลึกนึกถึงพึ่งได้เห็น พ่อเคยเป็นเพื่อนชีวิตสนิทสนม
น้อยหรือรูปซูบผอมด้วยตรอมตรม เพราะระทมทุกข์ทวีถึงพี่นาง
แม่เสาวคนธ์มณฑานิจจาเอ๋ย กระไรเลยละน้องให้หมองหมาง
เที่ยวสืบถามตามติดทุกทิศทาง น้อยหรือช่างแคล้วคลาดประหลาดใจ ฯ
๏ พระฟังตรัสมธุรสประณตสนอง พระคุณสองกษัตราจะหาไหน
ถึงทุกข์ทนผลกรรมได้ทำไว้ ก็มิได้ลืมพระคุณกรุณา
น้ำใจลูกผูกพันทุกวันนี้ เหมือนชนนีที่กำเนิดเกิดเกศา
เที่ยวตามพี่มิได้แจ้งแห่งกิจจา จึงแวะมาอภิวาทบาทบงสุ์ ฯ
๏ นางฟังหน่อวรนาถฉลาดฉลอง นั่งยิ้มย่องชื่นชมสมประสงค์
เรียกบุตรีพี่น้องทั้งสององค์ ให้โฉมยงอัญชลีพระพี่ยา
พระรับหัตถ์ตรัสทักด้วยรักใคร่ สบายใจอยู่หรือสองพระน้องจ๋า
นางรับจ๊ะอภิวันท์จำนรรจา ตามประสาซื่อตรงเหมือนวงศ์วาน
พระมารดาว่าพ่อก็เหมือนบุตร จงยั้งหยุดอยู่ปราสาทราชฐาน
ได้เห็นเจ้าเช้าค่ำค่อยสำราญ อยู่กับมารดาได้ใกล้ใกล้กัน
แล้วทูลลาพาพระหน่อวรนาถ ไปปราสาทสั่งเหล่านางสาวสรรค์
ทอดยี่ภู่ปูลาดอาสน์สุวรรณ มีฉากกั้นบรรจถรณ์อ่อนสำอาง
นางอยู่งานพานพระศรีมีสำหรับ คอยกล่อมขับปรนนิบัติไม่ขัดขวาง
แต่บุตรีพี่น้องทั้งสองนาง อยู่ห้องกลางต่างหากจัดหมากพลู
ด้วยรู้ทีพี่ชายก็อายเหนียม เห็นและเลียมเล่นตาน่าอดสู
กลัวสาวสาวเหล่าข้าหลวงจะล่วงรู้ แกล้งซ่อนอยู่เสียมิได้ไปใกล้กราย
แต่เช้าเย็นเป็นธุระเครื่องเสวย เหมือนอย่างเคยต้องไปเรียบเทียบถวาย
พระหัสไชยใจรักตรัสทักทาย ชวนสองสายสวาทเสวยเหมือนเคยกัน
นางอายเอียงเมียงเมินเชิญพระพี่ พระเซ้าซี้ซ้ำชวนนางสรวลสันต์
พระวอนวิงจริงนะเมื่อกระนั้น กินด้วยกันหรือรังเกียจคิดเกลียดชัง ฯ
๏ สองสุดาว่าพระองค์สิทรงยศ น้องถอยถดวาสนากว่าแต่หลัง
มิควรเคียงเรียงชิดกลัวผิดพลั้ง ไม่ชิงชังเชิญเสวยแล้วเลยลา
แกล้งหลีกออกนอกฉากไปจากห้อง พระตรัสร้องเรียกก็ไม่กลับไปหา
พระหัสไชยไม่เสวยเลยนิทรา พวกสาวสรรค์กัลยาปรึกษากัน
จะเชิญเครื่องกลับไปมิได้เสวย ฉวยเกินเลยลงหวายเสียดายสัน
ต้องรอรั้งตั้งค้างจนกลางวัน นางสาวสรรค์พรั่นกลัวทุกตัวนาง ฯ
๏ พอโฉมยงองค์พระมเหสี ออกจากที่เฝ้ามามุขขวาขวาง
เห็นเครื่องอานพานตั้งยังคั่งค้าง จึงถามนางสาวสรรค์กำนัลใน
เขาทูลความตามเรื่องที่เคืองข้อง ชวนพระน้องไม่เสวยเลยหลับใหล
มาตุรงค์สงสารรำคาญใจ เสด็จไปเข้าห้องสองธิดา
จึงแกล้งขู่ดูดู๋ดื้อถือทิฐิ จะเรียนริตัดวงศ์เผ่าพงศา
ร่วมเสวยเคยแต่ครั้งไปลังกา เดี๋ยวนี้มาขัดขวางเป็นอย่างไร
แม้ทราบถึงบิตุรงค์คงจะกริ้ว ทำบิดพลิ้วเช่นนี้เห็นดีไฉน
อย่าขัดขวางห่างแหไปแม่ไป ปลุกพี่ให้เธอเสวยเหมือนเคยกัน ฯ
๏ สองบุตรีขี้ขลาดมิอาจขัด ชลีหัตถ์หักอายจำผายผัน
มาชวนเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล เข้าเคียงบรรจถรณ์ที่พระพี่ยา
ค่อยยอบองค์ลงคำนับอภิวาท สะกิดบาทบทเรศพระเชษฐา
พระเหลือบดูรู้ว่าน้องสองสุดา แกล้งชักผ้าคลุมพระพักตร์ไม่ทักทาย
จันทร์สุดาว่าพระพี่มิอยากหลับ เชิญช่วยรับเครื่องเสวยเคยถวาย
สร้อยสุวรรณนั้นว่าเหลือเบื่อจะตาย จนเบี่ยงบ่ายช้านานรำคาญครัน
แกล้งหลับเฉยเลยนิ่งจริงนะจ๊ะ จะให้พระชนนีมาตีฉัน
น้องจะมาเสวยด้วยพลางช่วยกัน เฝ้าปลุกสั่นเซ้าซี้พระพี่ยา ฯ
๏ พระแช่มชื่นฝืนองค์ดำรงนั่ง แกล้งผินหลังลองจิตกนิษฐา
สร้อยสุวรรณนั้นถวายสรงพักตรา จันทร์สุดาเรียงเรียบเทียบเครื่องอาน
แล้วต่างอ้อนวอนว่านิจจาเอ๋ย ไม่เสวยโภชนากระยาหาร
จะให้น้องต้องโทษไม่โปรดปราน แต่ก่อนกาลก็ไม่เป็นเหมือนเช่นนี้
จริงจริงนะพระช่างไม่อาลัยน้อง จึงขัดข้องคิดอางขนางหนี
อย่าอดเสวยเลยถ้าแม้นแค้นเต็มที จะหยิกตีตามจะทำให้หนำใจ
พระฟังคำร่ำว่าน่าสงสาร ช่างอ่อนหวานวาจาอัชฌาสัย
จึงว่าพี่มิได้เฉยเคยอย่างไร ก็รักใคร่อย่างนั้นไม่ฉันทา
จริงจริงนะพระน้องทั้งสองอีก แกล้งเลี่ยงหลีกหลบพักตร์เสียหนักหนา
เคยชิดเชื้อเมื่อครั้งอยู่ลังกา เดี๋ยวนี้มาห่างเหินเผอิญเป็น
ชวนเสวยไม่เสวยแกล้งเลยหลบ ไม่อยากพบไม่รอไม่ขอเห็น
อยู่ดีดีวิบากกระดากกระเด็น ไกลสักราวเก้าเส้นสิบห้าวา
นี่หากพระชนนีจะตีน้อง ดอกจึงต้องตามบังคับกลับมาหา
ถ้าหาไม่ไหนพระน้องสองสุดา จะกลับมาหาพี่ไม่มีเลย ฯ
๏ ทั้งสองนางต่างยิ้มว่าอิ่มเหลือ พระชวนเมื่อเช้าจึงไม่ได้เสวย
แต่เพียงนี้มิใช่ว่าไม่เคย มิควรพระจะว่าเฉยว่าเลยละ
คุณพระพี่ที่ลังการบข้าศึก น้องก็นึกอยู่ทุกสิ่งจริงจริงหนะ
อย่าพักร่ำลำเลิกเลยพุคะ มิใช่จะลืมพระคุณกรุณา
น้องก็รู้อยู่ในจิตว่าสิทธิ์ขาด เป็นข้าบาทบทเรศพระเชษฐา
ฆ่าก็ตายขายก็ขาดตามอาชญา จงเมตตาอย่าให้น้องนี้ต้องตี ฯ
๏ แม่สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาหนักหนานัก มิควรจักแกล้งว่าเป็นทาสี
ทีหลังถ้าว่ากล่าวเหมือนคราวนี้ จะทูลพระชนนีให้ตีน้อง
แล้วลีลามานั่งที่ตั้งเครื่อง แลชำเลืองเหลียวหลังดูทั้งสอง
นางเรียงเรียบเทียบสุวรรณภาชน์ทอง ส้อมฉลองพระหัตถ์จัดประจง
พระเห็นสองทรามวัยไม่เสวย แกล้งนิ่งเฉยเสียไม่ชวนนวลหง
นางรู้เท่าเฝ้าอ้อนวอนพระองค์ ไม่โปรดทรงเสวยบ้างเป็นอย่างไร
พระค้อนพลางทางถามทรามสงวน แม่ไม่ควรเสวยหรือถือไฉน
เมื่อตะกี้นี้สัญญาว่ากระไร ทำลืมไปเสียแล้วหรือแก้วตา ฯ
๏ นางฟังคำร่ำตรัสสุดขัดข้อง ยกชามทองมาตั้งทั้งซ้ายขวา
พระแย้มสรวลชวนน้องสองสุดา เสวยเครื่องพระกระยากับนารี
นางหยิบลงตรงไหนพระหยิบมั่ง นางหยุดยั้งยิ้มพรายชม้ายหนี
พระซักถามนามกับข้าวแกล้งเซ้าซี้ นางทูลชี้ถวายพลางต่างต่างกัน
ไก่พะแนงแกงเผ็ดกับเป็ดหั่น ห่อหมกมันจันลอนสุกรหัน
ทั้งแกงส้มต้มขิงทุกสิ่งอัน กุ้งทอดมันม้าอ้วนแกงบวนเนื้อ
พระฟังนางช่างฉลองของเล็กน้อย พลอยอร่อยรสชาติประหลาดเหลือ
จนอิ่มหนำซ้ำเสวยของหวานเจือ ค่อยชิดเชื้อชอบชื่นระรื่นใจ ฯ
๏ ครั้นสำเร็จเสร็จเสวยเหมือนเคยรัก ต่างแย้มพักตร์พจนาอัชฌาสัย
แล้วพี่น้องสองสุดาทูลลาไป พระหัสไชยสร้อยเศร้าเปล่าอุรา
ขึ้นไสยาสน์อาสน์อ่อนบรรจถรณ์แท่น ยิ่งสุดแสนเศร้าสร้อยละห้อยหา
คิดถึงน้องสองสมรแต่ก่อนมา เคยพูดจาชมเชยเช่นเคยรัก
เมื่อยังเยาว์เฝ้ากวนเฝ้าชวนพลอด ไม่พูดกอดจี้พี่จักดี้หนัก
พระนึกหลงทรงพระสรวลเสียงคักคัก คิดอายพักตร์สาวสรรค์กำนัลใน
อนาถนอนกรเกยเขนยหนุน ให้คร่ำครุ่นครวญคิดพิสมัย
จะโลมเล้าเยาวมาลย์ประการใด ยิ่งคิดให้มืดเม้นไม่เห็นทาง
จะลดเลี้ยวเกี้ยวสร้อยสุวรรณพี่ ก็กีดที่จันทร์สุดาเข้ามาขวาง
จะเกี้ยวน้องลองสักทีกีดพี่นาง ไม่เหมือนอย่างใจนึกยิ่งตรึกตรา
ดูทำนองสององค์พระนงนุช ยังซื่อสุจริตรักเราหนักหนา
แต่คราวเคราะห์เพราะมาพ้องกันสองรา ต้องเกี้ยวฝาแฝดคู่อยู่จริงจริง
การอะไรให้ทำไม่ลำบาก มันยอดยากอย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง
กระบิดกระบวนรวนเรประเวประวิง ยิ่งคิดยิ่งปั่นป่วนรัญจวนใจ ฯ
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีทั้งพี่น้อง แต่งเครื่องของตามเวลาอัชฌาสัย
เป็นกังวลปรนนิบัติพระหัสไชย นางมิให้พี่ยาอนาทร
เครื่องสุคนธ์ปนปรุงจรุงรส ดอกไม้สดสารพันใส่บรรจถรณ์
บุหรี่นางช่างพันเจือจันทน์ขจร พระศรีเจียนเซี่ยนอ่อนซอยซ้อนซับ
ถึงราตรีมีสุรางค์นางน้อยน้อย ล้วนเรียบร้อยรู้พร้อมทั้งกล่อมขับ
เป็นเวรเวียนเปลี่ยนยามสามสำรับ คอยสำหรับปรนนิบัตินวดพัดวี ฯ
๏ ฝ่ายพระสินสมุทรหน่อวรนาถ เป็นอุปราชราชการผ่านกรุงศรี
ทราบว่าหัสไชยมาถึงธานี ชวนอรุณรัศมีศรีโสภา
ไปถามข่าวเสาวคนธ์วิมลพักตร์ ช่างซื่อสัตย์ตัดรักเสียหนักหนา
นางขวยเขินเมินพักตร์ไม่พูดจา พระพี่ยายิ้มแย้มกระแอมไอ
แล้วชวนนางย่างเยื้องยุรยาตร มาทรงราชยานทองอันผ่องใส
นางทรงวอช่อฟ้าตามคลาไคล กำนัลในนางห้ามตามลีลา
ไปเฝ้าพระชนนีที่ปราสาท อภิวาทนางกษัตริย์ตรัสเรียกหา
พระบุตรีพี่น้องสองธิดา มาพร้อมหน้าทั้งกษัตริย์หัสไชย
ต่างคำนับรับหัตถ์ตรัสประภาษ อุปราชเรียกนุชามาปราศรัย
ถามถึงที่พี่นางเป็นอย่างไร พระหัสไชยทูลแถลงแจ้งกิจจา
เที่ยวสืบถามตามรอบทุกขอบเขต ทั่วประเทศใหญ่น้อยร้อยภาษา
ไม่ได้ข่าวคราวที่พระพี่ยา ทั้งเชษฐาสูญความไปตามกัน ฯ
๏ สินสมุทรคาดสังเกตว่าเหตุนี้ เพราะเทวีเสาวคนธ์เวทมนตร์ขยัน
ให้เฟือนความตามไปจึงไม่ทัน คนอื่นนั้นนึกเห็นไม่เป็นการ
สุดสาครหล่อนคงหากว่าจะปะ หน่อยก็จะคืนเขตนิเวศน์สถาน
พระน้องอย่าอาวรณ์ร้อนรำคาญ อยู่ชมบ้านเมืองพี่ให้ปรีดา
ทั้งด้าวแดนแม้นประสงค์จำนงไฉน จะหาให้สมมาดปรารถนา
ฝ่ายอรุณรัศมีว่าพี่ยา แม้รู้ว่านงเยาว์เสาวคนธ์
จะคิดหนีพี่จะได้ไปด้วยน้อง มิให้ต้องอายหญิงชาวสิงหล
จะสร้างพรตอตส่าห์บวชเรียนสวดมนต์ ก็จะพ้นอับอายสบายใจ
สินสมุทรว่านี่แน่แม่อรุณ อยากได้บุญง่ายดอกจะบอกให้
ถือศีลห้าอย่าหึงโกรธขึ้งใคร ก็จะได้โสดาไม่ช้าที
พระหน่อนาถมาตุรงค์ทรงพระสรวล นางค้อนข่วนเชษฐาเบือนหน้าหนี
ต่างพูดเล่นเจรจาจนราตรี ลาไปที่ปรางค์รัตน์ชัชวาล ฯ
๏ จะกลับกล่าวท้าวสุทัศน์ขัตติเยศ มงกุฎเกศรัตนามหาสถาน
ครองประเทศเขตแคว้นแสนสำราญ พระชนมานร้อยยี่สิบปีปลาย
ให้ลืมหลงสรงเสวยพานเลยละ ลมปะทะพระหทัยมิใคร่หาย
คนแก่เฒ่าสาวใหญ่มิให้กราย คิดระคายเคืองขัดพระหัทยา
ชอบพระทัยใช้สอยแต่สาวสาว ที่รุ่นราวรู้หลักโปรดหนักหนา
ลืมบรรทมลมจับวับวิญญาณ์ พอเวลาไก่ขันสวรรคต
ฝ่ายองค์พระมเหสีสามีม้วย ระทดระทวยทอดองค์ทรงกำสรด
สิ้นกำลังทั้งชราพิลาลด พระชนม์ปลดเปลื้องสวรรคครรไล
พระวงศาข้าเฝ้าเหล่าสนม ทุกหมู่กรมแซ่ซ้องเสียงร้องไห้
สะอึกสะอื้นครื้นเครงวังเวงใจ ทั้งข้างในข้างหน้าปรึกษากัน
เชิญศพสองท้าวไทใส่โกศรัตน์ ตามกษัตริย์ทรงเดชเจ้าเขตขัณฑ์
ไว้ปรางค์มาศราชวัติฉัตรสุวรรณ เป็นช่องชั้นซ้อนสลับประดับประดา
ประโคมยามตามอย่างนางร้องไห้ พวกชีไพรพราหมณ์บวชสวดคาถา
แล้วเสนาธิบดีผู้ปรีชา แต่งสาราเรื่องราวสองท้าวไท
ไปทูลองค์ทรงยศโอรสราช จัดอำมาตย์มีปัญญาอัชฌาสัย
ให้ถือสารคุมสำเภาเหล่าพลไกร รีบใช้ใบตามคลื่นทุกคืนวัน ฯ
๏ สามเดือนครึ่งถึงบุรีรมจักร ขึ้นหาอัครเสนาพาผายผัน
เข้าสู้ห้องท้องพระโรงทูลทรงธรรม์ อภิวันท์อ่านตามเนื้อความมี
ใบบอกว่าข้าพเจ้าเหล่าอำมาตย์ บังคมบาทบงกชบทศรี
ด้วยองค์พระชนกชนนี จอมโมลีโลกาสถาวร
เดือนแปดปีวอกตะวันสายัณห์ย่ำ สิบเอ็ดค่ำพุธวันขึ้นบรรจถรณ์
ฤกษ์อรุณทูลกระหม่อมจอมนคร สองภูธรเธอสวรรคครรไล
จึงจัดแจงแต่งพระศพครบเยี่ยงอย่าง ไว้บนปรางค์ปราสาททองอันผ่องใส
ต้องขึ้นป้อมล้อมวงระวังภัย จงทราบใต้บงกชบทมาลย์ ฯ
๏ กษัตริย์ศรีสุวรรณวงศ์ทรงสดับ หทัยวับหวั่นวิโยคโศกสงสาร
สงสัยหนักซักว่าพระอาการ ไม่ประทานบอกมาบ้างเป็นอย่างไร
อ้ายพวกแพทย์พิทยาโหราศาสตร์ มันไม่คาดชันษาอยู่หาไหน
หนึ่งแสนสาวท้าวนางพวกข้างใน ทำไมไม่รู้ที่จะนิพพาน ฯ
๏ อำมาตย์ฟังบังคมบรมนาถ เชิงฉลาดผ่อนผันตามบรรหาร
พระทรงธรรมค่ำคืนรื่นสำราญ อันอาการโรคภัยมิได้มี
หมอประจำค่ำเช้าทั้งเถ้าแก่ คอยดูแลพร้อมเหล่านางสาวศรี
พระโหรพราหมณ์รามราชก็คาดปี ถึงร้อยยี่สิบถ้วนควรบรรลัย
เมื่อวันพระจะนิพพานสำราญรื่น จนเที่ยงคืนฟังศัพท์เหมือนหลับใหล
เงียบสงัดตัดบ่วงไม่ห่วงใย ทั้งเวียงชัยชมบุญมุลิกา ฯ
๏ พระฟังคำร่ำทูลพูนเทวษ ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
ให้เลี้ยงดูผู้ถือหนังสือมา เงินเสื้อผ้าแจกให้ทั้งไพร่นาย
แล้วสั่งให้ไปทูลมูลเหตุ เชิญพระเชษฐานั้นรีบผันผาย
ว่าพวกเราเหล่าพหลพลนิกาย จะถวายบังคมลาล่วงหน้าไป
แล้วตรัสสั่งเสนีสี่ตำรวจ ให้เตรียมตรวจพลนิกายทั้งนายไพร่
ลงประจำกำปั่นจะครรไล แล้วเข้าในมนเทียรวิเชียรพราย
ทูลสนองสองกษัตริย์ให้ทราบเหตุ ทั้งอัคเรศร่วมชีวันจะผันผาย
พวกแสนสาวชาวครัวเจ้าขรัวนาย ต่างวุ่นวายวิ่งไขว่กันไปมา ฯ
๏ ฝ่ายเสนีที่ถือหนังสือบอก พอพลบออกเรือข้ามตามทิศา
ฝ่ายเสนีสี่ตำรวจต่างตรวจตรา พร้อมล้าต้าต้นหนพวกคนงาน
ลงประจำกำปั่นสุวรรณมาศ ทั้งอำมาตย์มูลนายฝ่ายทหาร
พอราตรีตีสิบเอ็ดสำเร็จการ คอยผู้ผ่านพาราริมวารี ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ ครั้นอุทัยไตรตรัดจำรัสศรี
ชวนนงลักษณ์อัคเรศร่วมชีวี พร้อมเสนีนักสนมกรมใน
ลงกำปั่นบรรดาโยธาหาญ ประโคมขานโห่ลั่นสนั่นไหว
ออกอ่าวลึกครึกครื้นเสียงปืนไฟ ต้นหนให้หันหน้าเภตราจร
ออกแล่นข้ามตามเส้นไม่เห็นฝั่ง เรือหน้าหลังดั้งกันเป็นหลั่นสลอน
ทางสามเดือนเคลื่อนคลาพลากร ไม่แรมร้อนรีบมาในสาชล
ถึงจังหวัดรัตนามหาสถาน พระวงศ์วานมาคอยรับวิ่งสับสน
พระชวนมิ่งมเหสีนีรมล ขึ้นไพชยนต์แก้วกุดั่นพรรณราย
เห็นโกศทองสองพระศพอภิวาท นึกอนาถอเนจในพระทัยหาย
สะอึกสะอื้นฝืนทรงดำรงกาย พระเนตรฟายชลนาร่ำจาบัลย์ ฯ
๏ โอ้สิ้นบุญทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ เหมือนใครตัดเกศาลูกอาสัญ
จะคลาดเคลื่อนเดือนปีทุกวี่วัน จนล่วงลับกัปกัลป์พุทธันดร
พระกล่อมเลี้ยงเลี้ยงลูกจะปลูกฝัง ถึงผิดพลั้งสารพัดได้ตรัสสอน
เวรวิบัติพลัดพรากจากนคร ให้จำจรจำพรากจำจากไป
หมายว่าพระจะสำราญผ่านสมบัติ แม้ข้องขัดคงจะแจ้งแถลงไข
ครั้งนี้พระสวรรคครรไล ไม่เห็นใจเจ้าประคุณกรุณา
พระครวญคร่ำรำพันพูนเทวษ ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
ทั้งนงลักษณ์อัคเรศเกษรา พลอยโศกากำสรดระทดใจ
ครั้นบรรเทาเศร้าหมองสองกษัตริย์ อยู่ปรางค์รัตน์รจนาที่อาศัย
ถึงเวลาว่าขานการกรุงไกร เสนาในน้อมประณตบทมาลย์
จึงตรัสสั่งทั้งสี่เสนีเอก ให้เกณฑ์เลกมหาดไทยฝ่ายทหาร
ทำพระเมรุเกณฑ์ทุกกรมระดมการ ปลูกโรงงานเต้นรำไว้สำรอง
คอยท่าองค์ทรงเดชพระเชษฐา เสด็จมาทำการงานฉลอง
พุ่มระทาราเชนทร์พระเมรุทอง ทำให้ต้องตามธรรมเนียมตระเตรียมการ ฯ
๏ อำมาตย์รับอภิวาทไปบาดหมาย สั่งไพร่นายเกณฑ์กันตามบรรหาร
บ้างกล่อมเสาสำส้างยกร่างร้าน เสียงสิ่วขวานถากฟันสนั่นไป ฯ
๏ ฝ่ายทูตถือหนังสือถึงเมืองผลึก ขึ้นอยู่ตึกตามตำแหน่งแถลงไข
พวกเสนาพาเข้าเฝ้าภูวไนย พระสั่งให้อ่านตามเนื้อความมี
ใบบอกว่าข้าพเจ้าเหล่าอำมาตย์ บังคมบาทบงกชบทศรี
ด้วยองค์พระชนกชนนี จอมโมลีโลกาสถาวร
เดือนแปดปีวอกตะวันสายัณห์ย่ำ สิบเอ็ดค่ำพุธวันขึ้นบรรจถรณ์
ฤกษ์อรุณทูลกระหม่อมจอมนิกร สองภูธรท้าวสวรรคครรไล
จึงจัดแจงแต่งพระศพครบเยี่ยงอย่าง ไว้บนปรางค์ปราสาททองอันผ่องใส
ต้องขึ้นป้อมล้อมวงระวังภัย จงทราบใต้บาทบงสุ์พระทรงยศ ฯ
๏ พระทรงฟังดังหนึ่งใจจะขาด นึกอนาถพิงพนักพระพักตร์สลด
ตะลึงองค์งงงวยระทวยระทด โศกกำสรดอุส่าห์ขืนฝืนพระทัย
ถามเสนาว่าบุรีรมจักร พระน้องรักรู้หนังสือแล้วหรือไฉน
อำมาตย์ว่าข้าพเจ้าแวะเข้าไป กราบทูลให้ทราบความตามนิพพาน
พระรีบรัดตรัสว่าเวลารุ่ง จะไปกรุงรัตนามหาสถาน
เร่งให้ข้ามาประณตบทมาลย์ เชิญพระผ่านนัคเรศไปเขตคัน ฯ
๏ พระทรงฟังสั่งสินสมุทรว่า เร่งตรวจตราเตรียมพหลพลขันธ์
เจ้าไปด้วยช่วยบรรจบสมทบกัน เกณฑ์กำปั่นยี่สิบจะรีบไป
พระสั่งเสร็จเสด็จขึ้นปรางค์ปราสาท ภูวนาถเศร้าหมองไม่ผ่องใส
บอกนงลักษณ์อัคเรศร่วมฤทัย เหมือนหนึ่งได้ข่าวมาแต่ธานี
ศรีสุวรรณนั้นหล่อนไปก่อนแล้ว กับทั้งแก้วเกษรามารศรี
พี่จะไปในเมื่อรุ่งขึ้นพรุ่งนี้ เจ้าจงอยู่บูรีแทนพี่ยา ฯ
๏ นางฟังเล่าเศร้าสร้อยพลอยสังเวช น้ำพระเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
ชลีกรวอนกษัตริย์ภัสดา จงโปรดพาน้องไปด้วยได้ช่วยการ
แม้ให้อยู่ดูเหมือนเฉยแกล้งเลยละ ข้างฝ่ายพระอนุชาจะว่าขาน
ขอให้ได้ไปประณตบทมาลย์ ส่งสการภูวเรศเหมือนเกษรา ฯ
๏ พระเล้าโลมโฉมเฉลาว่าเจ้าพี่ พระชนนีชรานักอยู่รักษา
ทั้งลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา เหมือนมณฑามาลีซึ่งมีรส
ภุมรินบินเคล้าแม้เจ้าของ ไม่ปกป้องดอกดวงจะร่วงหมด
อันน้ำตาลหวานวางไว้ข้างมด มดจะอดได้หรือน้องตรึกตรองดู
แต่เท้ามีสี่เท้ายังก้าวพลาด จะเสียชาติเสียยศได้อดสู
คำโบราณท่านว่าไว้เป็นครู เจ้าจงอยู่สอนสั่งระวังระไว ฯ
๏ นางนบนอบตอบรสพจนารถ โปรดประภาษควรความตามวิสัย
แต่ซึ่งข้อหน่อกษัตริย์หัสไชย ได้ยกให้ไว้แต่ครั้งรบลังกา
หล่อนจงรักภักดีนั้นที่สุด เหมือนหนึ่งบุตรสุดสวาทอาจอาสา
ถ้าหาไม่ไหนน้องสองธิดา จะรอดมาเหมือนกระนี้ไม่มีเลย
อนึ่งเล่าเจ้าพาราการะเวก หวังภิเษกหน่อไทเป็นไขเขย
จึงไม่ห้ามตามบุญด้วยคุ้นเคย แกล้งทำเฉยอยู่เหมือนดังแต่หลังมา
ดูท่วงทีกิริยามารยาท ก็ไม่อาจออกตัวกลัวหนักหนา
หนึ่งลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ที่จะผ่าเหล่าไปก็ไม่เป็น
จะดูวัวชั่วดีก็ที่หาง จะดูนางดูแม่เหมือนแลเห็น
แม้ลูกยางห่างต้นหล่นกระเด็น ก็จะเป็นเช่นเหล่าตามเผ่าพันธุ์ ฯ
๏ พระกลั้นยิ้มพริ้มพักตร์เห็นรักเหลือ ช่างชิดเชื้อชมเชยลูกเขยขวัญ
จึงว่าพี่นี้ก็รักหล่อนหนักครัน จะหวงกันลูกไว้ทำไมมี
แต่จะใคร่ให้งามตามกษัตริย์ มอบสมบัติอติเรกภิเษกศรี
เดี๋ยวนี้เล่าเขามาอยู่ในบูรี เจ้ากับพี่ครั้นจะพาธิดาไป
เหมือนแกล้งพรากจากกันจะรันทด โศกกำสรดเศร้าหมองไม่ผ่องใส
จะให้อยู่ดูเหมือนเช่นเราเป็นใจ จะแกล้งให้ลูกยาเป็นราคี
เจ้าอยู่ด้วยช่วยบำรุงกรุงผลึก ทั้งข้าศึกเกรงสง่ามารศรี
จัดแต่เหล่าสาวสรรค์พวกขันที ไปกับพี่แต่พอให้ช่วงใช้การ ฯ
๏ นางเห็นจริงนิ่งฟังรับสั่งตรัส สุดจะขัดคำนับรับบรรหาร
มาเลือกเหล่าสาวสรรค์พนักงาน จัดเครื่องอานตรวจตราจนราตรี ฯ
๏ ฝ่ายพระสินสมุทรมาพลับพลาน้ำ ให้แต่งกำปั่นใหญ่ใส่ใบสี
ปืนประจำลำละร้อยลอยวารี ได้ถ้วนยี่สิบลำพอย่ำฆ้อง
เหล่าล้าต้าต้นหนพลรบ ต่างจุดคบสับสนวิ่งขนของ
หน่อนรินทร์สินสมุทรกับนุชน้อง ลงเรือทองพระที่นั่งบัลลังก์ทรง
ครั้นรุ่งสายฝ่ายพระภูวนาถ ยุรยาตรลงกำปั่นสุวรรณหงส์
ทหารโห่โล้ลำตามน้ำลง พอลมส่งออกมหาชลาลึก
ต้นหนนั่งตั้งเข็มข้างทิศเหนือ ออกแล่นเรือรัวกลองเสียงก้องกึก
ลำดั้งกันลั่นปืนครื้นเครงครึก อึกทึกไปตามทางกลางคงคา
จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าทุกเช้าค่ำ เห็นแต่น้ำในทะเลกับเวหา
ทางเสด็จเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา ถึงจังหวัดรัตนาขึ้นธานี
พระอนุชาพาพระวงศ์ลงมารับ ไปประทับปรางค์มาศปราสาทศรี
เห็นศพพระชนกชนนี อัญชลีแล้วสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ
๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรทั้งนุชน้อง ก้มกราบสองพระศพซบเกศา
ทั้งสี่องค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา ชลนานองตกซกกระเซ็น ฯ
๏ พระอภัยว่าพระคุณทูลกระหม่อม นิพพานพร้อมเสียมิให้ลูกได้เห็น
เคยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูให้อยู่เย็น โอ้จำเป็นเพราะวิบากให้จากไป
สินสมุทรร่ำว่าเคยมาเฝ้า พระโปรดเกล้านัดดาตรัสปราศรัย
ครั้งนี้พระสวรรคครรไล ให้เปล่าใจนัดดาเหลืออาวรณ์
อรุณพร่ำร่ำว่านิจจาเอ๋ย เคยชมเชยหลานขวัญรำพันสอน
แต่นี้นับกัปกัลป์พุทธันดร พระภูธรมิได้ตรัสกับนัดดา
ทั้งองค์พระอภัยฤทัยระทด โศกกำสรดทั้งพระวงศ์เผ่าพงศา
ต่างจุดเทียนข้าวตอกดอกมาลา ขอสมาบิตุราชมาตุรงค์
แล้วทำบุญมุนีฤๅษีสิทธิ์ อวยอุทิศผลผลาอานิสงส์
ทั้งเสนาพฤฒามาตย์พระญาติวงศ์ ทำบุญส่งสองกษัตริย์เปลี่ยนผลัดกัน
แล้วเร่งรัดจัดเกณฑ์ทำเมรุใหญ่ สมทบไพร่พวกพหลพลขันธ์
อึกทึกครึกครื้นทุกคืนวัน แต่การนั้นยังไม่เสร็จสำเร็จการ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ