- เมษายน
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ พระยาประมวญวิชชาพูล
- —วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —วินิจฉัยเรื่องยุทธภัยระวางยี่ปุ่นกับอังกฤษ
- —วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ม.ร.ว.อี๋ นพวงศ
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —พรรณนาพิธีตั้งแต่สังฆราชโรมันคาโธลิค
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —อักษรจารึก ที่รูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดโมลีโลก
- —อักษรจารึก ที่รูปสมเด็จพระสังฆราช วัดมหาธาตุ
- —ประกาศตราตระกูล
- —สมโภชพระนครร้อยปี
- —หมายกำหนดการพระราชพิธีเชิญพระบรมรูปจากพระที่นั่งศิวาไลยมหาปราสาท
- —หมายกำหนดการฉลองพระบรมรูปพระบาทสมเดจพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แลวันที่รฦกมหาจักรี
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —ท่านทราบไหมว่า
- วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —เล่าเรื่องไปชะวา ครั้งที่ ๓
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗
- —คณะกรรมการผู้เริ่มตั้งสมาคมสถาปนิกสยาม
- วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —ร่าง ตำนานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗
- วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร (๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- มกราคม
- กุมภาพันธ์
- มีนาคม
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า (ต่อ)
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —บันทึกความสำนึกในวิธีราชาภิเษกแบบพะม่า
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —บันทึกข้อที่น่าใส่ใจในกฎมนเทียรบาลของพะม่า (ภาค ๒)
วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
บ้านซินนามอน ฮอลล์ ปีนัง
วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗
ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ
ในจดหมายฉะบับนี้หม่อมฉันจะทูลรายงานส่วนที่ได้ไปดูของโบราณในชะวา คือได้ไปดูพิพิธภัณฑสถานที่เมืองบัตเตเวียเมื่อไปถึงครั้ง ๑ เมื่อวันจะกลับอีกครั้ง ๑ ได้ไปดูเจดียสถานที่พระพุทโธ และเมนดุดในแขวงเมืองยกยาแห่ง ๑ ได้ไปดูเจดียสถานจันดีกาลสันจันดีเสวู และเทวสถานพรหมานันท์ในแขวงเมืองยกยาเหมือนกันอีกแห่ง ๑ นอกจากนั้น ได้ไปเห็นโบราณวัตถุที่เขาเก็บเอาไปตั้งประดับไว้ตามที่อื่นอีกบ้าง
พิพิธภัณฑสถานที่เมืองบัตเตเวียเปนของรัฐบาลบำรุง และมีราชบัณฑิตยสภาเรียกว่า Koninklijk Bataviaasch Genootschap van Kunstenen Wetenschappen อำนวยการเหมือนอย่างของเราที่เปนอยู่แต่ก่อน พอกงสุลไปบอกว่าหม่อมฉันจะไปดู ท่านพวกราชบัณฑิตยสภาก็เอะอะเรียกประชุมกันรับรอง เพราะเคยได้ยินชื่อหม่อมฉันเมื่อครั้งเปนนายกราชบัณฑิตยสภา พอไปถึงก็เชิญเข้านั่งห้องประชุม ขอให้ลงชื่อในสมุดหลังทองสำหรับผู้ทรงคุณวิเศษที่ไปเยี่ยมแล้วจึงพาดูพิพิธภัณฑสถาน (ต่อมาเมื่อหม่อมฉันกลับมาถึงปีนังแล้วได้รับจดหมายของดอกเตอรวันกัน นายกราชบัณฑิตยสภา บอกมาว่าเมื่อถึงคราวประชุมแรก เขาได้พร้อมกันเลือกหม่อมฉันเปนสมาชิกกิตติมศักดิ์ของราชบัณฑิตยสภาที่เมืองบัตเตเวียด้วย) หม่อมฉันบอกเขาว่าเวลามีน้อย จะขอดูแต่ฉะเพาะของโบราณครั้งเมื่อพวกชะวายังถือพระพุทธสาสนาและสาสนาพราหมณ์ เขาจึงพาดูแต่ ๓ ห้อง คือห้องของมหัครภัณฑ์ห้อง ๑ ห้องเครื่องทองสัมฤทธิ์ห้อง ๑ กับห้องเครื่องศิลาห้อง ๑
ห้องของมหัครภัณฑ์ ทำที่รักษาและทางเข้าออกมีคนเฝ้ากวดขันมีของเครื่องเงินทองเพ็ชรพลอยมากอยู่ แต่เปนของสมัยอิสลามเสียเปนพื้น ของครั้งสมัยศรีวิชัยมีแต่พระพุทธรูปทองคำหลายองค์ กับรูปพระโพธิสัตว์หล่อด้วยเงิน ที่เขาจำลองถวายพระเจ้าอยู่หัวมาเปนที่ระลึก เขาบอกว่าเมื่อเอกซหิบิเชนที่เมืองฝรั่งเศสคราวหลัง ได้ส่งของมหัครภัณฑ์ไปแสดงหลายสิ่ง เกิดไฟไหม้สถานของประเทศฮอแลนด์ ของเหล่านั้นสูญไปเสียมาก ว่า “รู้งี้” ก็จะส่งแต่ของเลวๆ และต่อไปเห็นจะไม่ยอมส่งอีก หม่อมฉันพิจารณาดูของมหัครภัณฑ์สมัยศรีวิชัยออกเสียใจด้วยไม่มีของฝีมือดี ได้ปรารภกับพวกราชบัณฑิตย์ฮอลันดาว่า พวกเศรษฐีแต่โบราณ เห็นจะมีแต่ความศรัทธายิ่งกว่าความรู้และนิยมในศิลปศาสตร์ เขารับรองว่าเขาก็เห็นเช่นนั้น หม่อมฉันบอกเขาว่าในประเทศของเราก็เหมือนกัน
ห้องเครื่องทองสัมฤทธิ์มีของดี ๆ น่าชมมาก แต่ว่าเปนของชะวาสมัยศรีวิชัยแทบทั้งนั้น มีของฝีมือประเทศอื่นซึ่งเปนของแปลกแต่พระพุทธรูปห่มจีวรจีบแบบอมรวดีองค์เดียว เปนของปลาดที่ปรากฏว่าพระแบบนี้นอกจากอินเดียมีแต่ ๔ องค์ อยู่ในพิพิธภัณฑสถานเมืองโคลัมโบในลังกาทวีปองค์ ๑ อยู่ในพิพิธภัณฑสถานเมืองฮานอยในตังเกี๋ยองค์ ๑ อยู่ในพิพิธภัณฑสถานเมืองบัตเตเวียองค์ ๑ กับอยู่ในพิพิธภัณฑสถานกรุงเทพ ฯ องค์ ๑ ล้วนขุดได้ในประเทศนั้น ๆ เองทั้ง ๔ องค์ ของเราได้มาจากนครราชสีมา แต่ของทองสัมฤทธิ์สมัยศรีวิชัย ต้องยอมเขาราบว่าไม่มีที่ไหนมากกว่า หรือแปลกๆ กว่าที่เขามีในพิพิธภัณฑสถานเมืองบัตเตเวีย ชิ้นใดที่เรามี ๑ ในพิพิธภัณฑสถานกรุงเทพ ฯ เขามีตั้ง ๒ ตั้ง ๓ แต่ปลาดอยู่อย่างหนึ่ง (ที่ทูลนี้ไม่ใช่ตาเห็นเปนสีลาน ได้กระซิบชวนกันพิจารณาทั้งลูกด้วยอีก ๓ คน เห็นต้องกันว่ารูปภาพทองสัมฤทธิ์) ทั้งพระพุทธรูปและรูปพะโพธิสัตว์สมัยศรีวิชัย บรรดามีในพิพิธภัณฑสถานเมืองบัตเตเวีย ไม่มีที่พระพักตร์จะงามถึงรูปพระโพธิสัตว์เมืองไชยาที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานกรุงเทพ ฯ สักองค์เดียว หม่อมฉันเข้าใจว่า พวกฝรั่งซึ่งเปนนักท่องเที่ยวเคยเห็นหลายแห่ง ก็เห็นเช่นนั้นเหมือนกัน หนังสือเรื่องของโบราณจึงเอารูปพระโพธิสัตว์เมืองไชยา ออกแสดงเปนตัวอย่างโดยมาก
ห้องเครื่องศิลานั้นตั้งเรียงไว้ที่ระเบียงและกลางชาลา ล้วนเปนของสมัยศรีวิชัย มีของงามดีไม่มีที่ไหนสู้ ที่เก็บเอามาไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานดูไม่เปนการรีบรัดขวนขวาย เพราะเดี๋ยวนี้รัฐบาลเขาจัดการรักษาโบราณสถานหมดทุกแห่ง รูปศิลายังมีอยู่ตามโบราณสถานอีกนับตั้งร้อย นอกจากนั้นที่เก็บเอาไปไว้ที่อื่น ๆ เช่นที่เมืองโสโลก็ยังมีอีกมาก เอาเปนว่าเขามีรูปภาพศิลาที่เปนชิ้นงามดีนับไม่ถ้วน
ห้องรูปิยะ หม่อมฉันดูเมื่อขากลับ ไม่มีอะไรน่าดูนัก แต่ได้ความรู้ข้อ ๑ ว่าเงินรูปสี่เหลี่ยมกดตราเปนดอก ๔ แฉกที่ได้มาจากเมืองไชยากับเงินตรานโม เปนเงินสมัยศรีวิชัย
เจดียสถานพระพุทโธ เมนดุด และเทวสถานพรหมานนท์ไม่ต้องพรรณนาทูลให้ถ้วนถี่ เพราะได้ทรงทอดพระเนตรเห็นรูปถ่ายมากกว่ามากแล้ว จะทูลแต่หัวข้อที่ไปคิดเห็นเมื่อไปดูคราวนี้ คือบรรดาเจดียสถานในพระพุทธสาสนา ตั้งใจทำเปนพระมหาสถูปแต่พระพุทโธแห่งเดียว เห็นจะเปนเพราะทำไม่สำเร็จต้องแก้ไขเมื่อภายหลัง สถานที่ทำต่อไปทำแต่เปนมณฑป เอาพระสถูปเปนเครื่องประดับยอดอย่างพระธาตุไชยาหมดทุกแห่ง ที่เมนดูดนั้นหม่อมฉันสันนิษฐานว่าพระพุทธรูปกับรูปพระโพธสัตว์ ๒ องค์ที่ตั้งเปนประธานเปนของทำขึ้นก่อน เดิมเห็นจะตั้งในมณฑปเครื่องไม้ มณฑปศิลาที่ปรากฎอยู่ทุกวันนี้เปนของทำต่อชั้นหลัง ปรารภกับพวกฮอลันดาก็เห็นเช่นเดียวกัน พรหมานันท์เปนเทวสถานแห่งเดียวที่มีในเมืองเดียวกัน ทำเปนมณฑปเช่นเดียวกันกับสถานในพระพุทธสาสนา เปนแต่เปลี่ยนเครื่องหมายทางพุทธไปเปนทางไสย ยกตัวอย่างดังพระสถูปที่ตั้งประดับเปนเครื่องยอดเทวสถานก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน เปนแต่แก้องค์ระฆังเปนรูปอย่างลูกมะยม แก้ยอดเปนศิวลึงค์ พิจารณาดูเทวรูปที่ตั้งเปนประธานก็เห็นชอบกลผิดกับเทวสถานในอินเดียหรือในเมืองเขมร มาคล้ายกับคติของไทยเราที่นับถือพระเปนเจ้าทั้ง ๓ องค์ด้วยกัน มณฑปใหญ่ที่อยู่กลางเปนสถานพระอิศวร มีคูหาทั้ง ๔ ด้าน ๆ หน้ารูปพระอิศวร ด้านใต้รูปศิวกุรุค คือพระอิศวรไว้เคราอย่างเช่นรูปพระอิศวรเมืองกำแพงเพ็ชร ด้านตะวันตกรูปพระคเณศวร ด้านเหนือรูปนางทูรคะแต่ทำให้สะสวยไม่น่ากลัวเหมือนอย่างพวกฮินดูทำ มณฑปย่อมลงไปหน่อยหนึ่งอยู่ทางฝ่ายเหนือเปนสถานพระวิษณุอีกหลัง ๑ เหมือนกันอยู่ทางฝ่ายใต้เปนสถานพระพรหม ข้อที่เห็นว่าสร้างเมื่อนับถือพระเปนเจ้าทั้ง ๓ ด้วยกันนั้น เพราะตามข้างในพนักกำแพงแก้วรอบฐานทักษิณสถานพระอิศวรกับสถานพระพรหมจำหลักเรื่องรามายณ สถานพระวิษณุจำหลักเรื่องพระกฤษณ มีมณฑปอย่างย่อมลงมาอยู่ข้างหน้าอีก ๓ หลัง ๆ ตรงสถานพระอิศวรไว้รูปโค หลังตรงสถานพระนารายน์ไว้รูปครุธ หลังตรงสถานพระพรหมไม่มีอะไร สันนิษฐานว่าเดิมคงไว้รูปหงส์และมีมณฑปเล็กลงไปอีก ๒ หลัง ไว้รูปพระอาทิตย์หลัง ๑ พระจันทร์หลัง ๑ รัฐบาลเขาทำการซ่อมแซมมาช้านาน เขาซ่อมมณฑปพระจันทร์สำเร็จได้ตามรูปเดิมหลัง ๑ (หม่อมฉันได้ส่งรูปถวายมากับจดหมายฉะบับนี้) เดี๋ยวนี้กำลังซ่อมมณฑปพระอิศวร การเข้าไปดูมหาเจดีย์พระพุทโธและเทวสถานพรหมานันท์ เดี๋ยวนี้รัฐบาลเรียกค่าธรรมเนียมคนละ ๕๐ สตางค์ และมีคนคอยพาเที่ยวดู เสียแต่พูดกันไม่เข้าใจ แต่เดี๋ยวนี้มีพวกชาวลังกามาตั้งเปนบริษัทรับจ้างพาคนท่องเที่ยวขึ้นในชะวาพวก ๑ ล้วนพูดภาษาอังกฤษได้ เจ้าของโฮเตลที่เมืองยกยาเขาจัดให้พาหม่อมฉันคน ๑ แกพยายามที่จะบอกอธิบายเรื่องโบราณสถานต่างๆ อย่างเหลวแหลก จนลูกออกปากว่ารู้สู้ลูกศิษย์ของเสด็จพ่อก็ไม่ได้
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม มีความยินดีรู้สึกชื่นใจ เหมือนกับไปไหนมาแล้วกำลังร้อนได้กินน้ำแข็ง เรื่องนี้ชอบกล เมื่อไปชะวาเจ้านายลูกทูลกระหม่อมชาย ปรารภกับลูกหม่อมฉันว่าแต่ก่อนสังเกตกรมหลวงทิพยรัตน ฯ ออกจะซึมอย่างคนแก่ พอหม่อมฉันไปถึงดูท่านกระปรี้กระเปร่าแข็งแรงขึ้น ข้อนี้มันเห็นจะเปนด้วยเรื่องคนชั้นเดียวกันนั้นเอง
เมื่ออยู่ชะวาหม่อมฉันได้รับจดหมายเณรงั่ว บอกว่าจะอุปสมบทมีความยินดีตั้งใจจะหาของอะไรถวาย ไม่ยักได้อะไรที่พอใจ ได้แต่ซองบุหรี่ใบเดียวส่งไปถวายแต่ยังจะคิดหาต่อไป เมื่อพูดถึงบวชพระงั่วมีอะไรอีกเรื่องหนึ่งซึ่งหม่อมฉันออกจะแปลกใจ ด้วยเมื่อก่อนหม่อมฉันจะไปชะวาได้สั่งให้ทำบุญฉลองอายุครบ ๖ รอบทางกรุงเทพ ฯ คือได้มีจดหมายของหม่อมฉันฉะบับ ๑ ส่งรูปฉายาลักษณ์ของหม่อมฉันกับจีวรเนื้อดี ให้ลูกเอาไปถวายพระมหาเถรตั้งแต่สมเด็จพระสังฆราชเปนต้น จนชั้นธรรมในวันที่ ๒๑ มิถุนายน เมื่อหม่อมฉันกลับมาจากชะวาได้รับหนังสือตอบอนุโมทนาของพระมหาเถรหมดทุกองค์ เว้นแต่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย ซึ่งท่านจะนิ่งเสียนั้นเห็นว่าเปนไปไม่ได้ จะเปนด้วยของที่ถวายไปไม่ถึงท่าน หรือลิขิตของท่านจะส่งมาไม่ถึงหม่อมฉันอย่างไรอย่างหนึ่งนี้ ถ้าท่านทรงสืบประทานได้จะขอบพระคุณเปนอันมาก
ลูก ๆ เขามีจดหมายบอกมาว่าเสด็จอาว์ดูทรงสบายดี หม่อมฉันทราบก็ยินดี ด้วยรู้สึกห่วงอยู่เสมอตามธรรมดา
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด