วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร

บ้านซินนามอน ฮอลล์ ปีนัง

วันที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๗

ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๒๕ เมษายน รู้สึกชื่นใจ ในขณะที่อ่านดูราวกับได้ไปนั่งอยู่ตำหนักปลายเนิน ได้เห็นพระองค์ท่านกับทั้งคุณโตและหลาน ๆ จึงขอขอบพระเดชพระคุณเปนพิเศษอีกส่วนหนึ่ง

ความในลายพระหัตถ์ตอนคัดโคลงโลกนิติประทานมานั้น แม้มิได้กลัว “นินทากาเล” ของทรชนก็ถูกตรงตามความรำคาญใจของหม่อมฉัน ซึ่งมีอยู่อย่างเดียวในเวลาที่มาอยู่ปีนังนี้ จะพรรณนาถวายเปนลายลักษณ์อักษรหาคำเขียนไม่ได้สดวกจึงมิได้ทูลมาแต่ก่อน และจะไม่ทูลบรรยายในจดหมายฉะบับนี้ หม่อมฉันได้คิดอยู่เนือง ๆ ว่าจะไปเที่ยวเตร่ทางเมืองอื่นหรือประเทศอื่น การที่จะไปเที่ยวเตร่จากปีนังนี้ก็ง่ายและมีที่ไปได้หลายแห่ง เปนต้นว่า เมืองลังกาเมืองพะม่าและที่สุดจนเมืองฮ่องกงและมะนิลา เพราะมีเรือรับคนโดยสารผ่านไปมาอยู่เสมอ ซื้อตั๋วลงเรือไปไม่กี่วันก็ถึงได้ทุกแห่ง แต่ยังเปนระดูร้อนไม่เปนระดูสมควรแก่การเที่ยวประเทศนั้น ๆ สืบดูเมืองในแหลมมลายู เมืองสิงคโปร์หม่อมฉันได้เคยไปแล้ว ก็ไม่สบาย เมืองอื่น ๆ ก็ได้ความว่า “เฟี้ยว” ทั้งนั้นไม่คุ้มค่าสิ้นเปลือง หม่อมฉันจึงอยู่ที่ปีนังเพราะไม่ห่างไกลกับครอบครัวมากนัก บ้านเรือนที่หาได้ก็อยู่สบาย อากาศก็ดีกินอยู่ก็ไม่แพง ความสิ้นเปลืองน้อยกว่าจะไปอยู่ที่อื่น ๆ โดยฉะเพาะถ้าไปอยู่แห่งละสี่ซ้าห้าวัน ดังเช่นที่ไปสุมาตราเมื่อคราวแล้ว ถึงกระนั้นหม่อมฉันก็ยังคิดว่าเมื่อใดระดูควรแก่การเที่ยว หมายจะไปชะวาอีกสักครั้ง ๑ ด้วยมีของโบราณที่น่าดูอยู่มากกว่าที่อื่น ทั้งจะได้ไปเยี่ยมญาติที่อยู่บันดงด้วย คิดว่าจะไปราวเดือนมิถุนายนซึ่งเปนระดูสำหรับเขาเที่ยวชะวา

หม่อมฉันยินดีที่ทราบว่าโปรดโพงอาลูมิเนียมที่ส่งไปถวายเพราะเกงไปถึง ๒ ข้อ คือเกงว่าจะไม่มีขายในกรุงเทพฯ ข้อ ๑ กับเกงว่าจะถูกพระหฤทัยอีกข้อ ๑ เพราะหม่อมฉันไม่ทราบว่าได้เคยทรงรับแบบอย่างใช้โพงมาจากพระยารัษฎา ฯ (ซิมบี้) เช่นเดียวกับที่หม่อมฉันได้รับมา และยินดีข้อหนึ่งซึ่งทราบว่าลูกแปรที่หม่อมฉันส่งไปคราวแรกได้ไปถึงคุณโต ไม่หายเสียกลางทางอย่างหม่อมฉันเข้าใจ ที่คุณโตไม่ชอบลูกมาเคสซา หม่อมฉันก็ไม่ปลาดใจอันใด ด้วยหม่อมฉันเองก็ไม่ชอบเปนแต่ลูกสาวเขาว่ามันเปนของแปลกควรจะส่งไปถวายด้วย

คราวนี้จะทูลกถามรรคสำหรับสัปดาหะนี้ต่อไป เมื่อเร็ว ๆ นี้หม่อมฉันได้รับจดหมายของ ดอกเตอร์ เวลส์ ส่งมาจากลอนดอนฉะบับ ๑ บอกว่าสมาคม Royal Asiatic Society และ School of Oriental & Studies เข้าทุนกัน จะแต่งกันให้ตัวเขาเปนหัวหน้าพนักงานออกมาตรวจหนทางที่พวกชาวอินเดียเดินมายังประเทศรามัญ ประเทศสยาม และประเทศเขมรแต่โบราณ ด้วยพวกที่สอบสวนโบราณคดีเขาลงเนื้อเห็นว่าชั้นเดิม เมื่อก่อนสมัยพระเจ้าอโศก พวกชาวอินเดียที่เริ่มมาค้าขายหรือตั้งภูมิลำเนาทางประเทศเหล่านี้มาทางบก ครั้นเมื่อพระเจ้าอโศกลงไปปราบปรามกลิงคราษฐ พวกชาวกลิงคราษฐหนีตามพวกที่มารุ่นแรก ก็มาสู่ประเทศเหล่านี้โดยทางบก เมื่อพวกอินเดียข้างฝ่ายใต้พาพระพุทธสาสนามา และพาสาสนาพระอิศวรมา ชั้นแรกก็มาทางบก ต่อถึงสมัยศรีวิชัยจึงใช้เรือแล่นข้ามทะเลมาทางเกาะสุมาตรา ดอกเตอร์ เวลส์ ประสงค์จะมาพบหม่อมฉันเพื่อปรึกษาหารือและหาความรู้ที่ยังบกพร่อง หม่อมฉันได้ตอบจดหมายไปว่ายินดีที่ได้ทราบว่าเขาจะตรวจตรา เวลานี้ตัวหม่อมฉันก็พ้นจากกิจการบ้านเมืองแล้ว แต่จะช่วยส่วนตัวได้อย่างไรก็ยินดีที่จะทำให้ เรื่องการตรวจที่เขาจะทำนี้คงจะเปนบ่อเกิดความรู้แปลก ๆ ในภายหน้า

จะทูลวินิจฉัยต่อไปถึงเรื่องศาสนาฮินดูอย่างศิเวทกับวิษณุเวท เนื่องจากที่หม่อมฉันได้ไปดูเทวสถานต่างๆ ที่เมืองปีนังตามตำนานเขาว่าสาสนาของพวกฮินดูเปน ๓ ยุค ยุคที่ ๑ เรียกว่าสาสนาเวท (Vedic) ซึ่งพวกอารยันพาเข้ามายังอินเดีย ครั้นจำเนียรกาลนานมาสาสนาเวทเข้ามาปะปนระคนกับสาสนาที่พวกชาวอินเดียถือกันอยู่แต่ก่อน เกิดเปนสาสนายุคที่ ๒ เรียกว่าสาสนาพราหมณ์ (Brahmanism) ในยุคสาสนาพราหมณ์นี้เกิดสาสนาศิเวทขึ้นแข่งพระพุทธศาสนา ถึงรบพุ่งฆ่าฟันกันอยู่นานจึงมีอาจารย์อีกพวกหนึ่งประสงค์จะโยงสาสนาทั้งปวงเข้าเปนอันหนึ่งอันเดียวกันตั้งลัทธิวิษณุเวทขึ้น สาสนาพราหมณ์จึงกลายเปน ๒ ลัทธิเกิดขึ้นใหม่ ครั้นต่อมามีสาสนาอิสลามเข้ามาแข่ง ด้วยพวกถือสาสนาอิสลามตีได้บ้านเมืองเข้ามามีอำนาจในอินเดีย พวกนั้นมาเกลี้ยกล่อมชาวอินเดียให้เข้ารีตได้มาก พวกอาจารย์สาสนาพราหมณ์จึงคิดแก้ไขลัทธิของตน เพื่อควบคุมคนชั้นต่ำด้วยให้เลื่อมใสโดยเข้าใจง่าย จึงเกิดสาสนาฮินดู (Hinduism) ขึ้นเปนยุคที่ ๓ ซึ่งยังถือกันมาจนทุกวันนี้

เมื่อพิเคราะห์ดูสาสนาไสยศาสตร์ที่ถือกันอยู่ในประเทศทางนี้ประกอบกับโบราณวัตถุที่พบปะในประเทศสยามก็ดี ในประเทศกัมพูชาก็ดี ดูเหมือนสาสนาพราหมณ์ลัทธิศิเวทจะมาถึงก่อน และนับถือกันแพร่หลายเปนเจ้าเรือนอยู่แล้ว สาสนาวิษณุเวทจึงตามมาภายหลัง เพราะฉะนั้นไม่สามารถลบล้างคติศิเวทที่ถือกันซึมทราบอยู่แล้วให้หมดไปได้ ยกตัวอย่างเช่นการนับถือศิวลึงค์ก็ติดอยู่จนเมื่อชั้นเราเปนเด็กยังต้องผูกขุนเพ็ชรรอบบั้นเอว แม้เทวสถานและการพิธีพราหมณ์ที่ทำในกรุงเทพฯ ก็ยังถือพวกพราหมณ์พิธีทางฝ่ายศิเวทเปนสำคัญ นับถือพวกพราหมณ์พฤฒิบาทฝ่ายวิษณุเวทแต่ในกระบวรคชกรรม แม้ปราสาทหินในเมืองเขมรชั้นเก่า ก็ดูเหมือนจะเปนฝ่ายศิเวททั้งนั้น ปราสาทหินที่สร้างฝ่ายวิษณุเวทเช่นนครวัดเปนต้น เปนของชั้นหลัง เพราะลัทธิศิเวทได้มาครอบงำอยู่ก่อนช้านานในประจันตประเทศ เช่นที่เกาะปีนังจึงถือสาสนาลัทธิศิเวทอยู่จนทุกวันนี้ ลัทธิวิษณุเวทคงรุ่งเรืองแต่ในที่ใกล้ราชธานีมาแต่โบราณ หม่อมฉันสันนิษฐานเห็นดังนี้ขอถวายทรงพิจารฌา

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

  1. ๑. พระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ