วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร

บ้านซินนามอน ฮอลล์ ปีนัง

วันที่ ๓๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๗

ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๒๖ ชื่อ CHATROUSSE ที่พระบรมรูปปั้นทูลกระหม่อมนั้น หม่อมฉันเชื่อว่าเปนชื่อของช่างปั้นด้วยเปนประเพณีที่เขาลงชื่อเช่นนั้น ถ้าทรงพิจารณาเหรียญที่ระลึกของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเมื่อเสด็จกลับจากยุโรป ชื่อช่างปั้นอยู่ในนั้นเหมือนกัน

จดหมายสัปดาหะนี้ หม่อมฉันจำนงจะถวายรายงานการศึกษาคดีก่อนประวัติศาสตร์ ได้ลงมือร่างมาแต่สัปดาหะก่อน แต่มันเปนเรื่องอธิบายยาก หม่อมฉันติดกึกกักไม่สดวกใจ คอยถามศาสตราจารย์คัลเลนเฟล เผอิญแกติดธุระไม่ได้มาเสียคราวหนึ่งพึ่งมาได้เมื่อวานนี้ จึงไม่สามารถแก้ไขและดีดพิมพ์ให้ทันถวายคราวเมล์วันที่ ๑ ตุลาคมนี้ได้ ต้องขอประทานผัดต่อไปอีกสัปดาหะหนึ่ง หม่อมฉันหมายว่าจะแต่งรายงานเปน ๒ ตอน ตอนที่ ๑ ว่าด้วยประวัติของโลก ตอนที่ ๒ ว่าด้วยประวัติของมนุษย์ ตอนประวัติของมนุษย์นั้นจำจะต้องมีรูปกระโหลกหัวผีต่าง ๆ หม่อมฉันจะต้องให้เขาฉายรูปฉายาลักษณ์จากสมุดตำราด้วย การแต่งรายงานที่ทูลมาเปนการสนุกเพลิดเพลินดี ไม่เดือดร้อนแก่หม่อมฉันอย่างไรเลย

ศาสตราจารย์คัลเลนเฟลมาเมื่อวานนี้ เอาตลับสังคโลกมาให้หม่อมฉันใบ ๑ บอกว่าเปนของแกขุดได้เองที่เกาะคาลิฟแถวเกาะมละกา แกว่าเขาขุดได้กันมาก เพราะคนโบราณในเกาะนั้นชอบเอาฝังไว้รอบศพ เรื่องนี้เปนอันสิ้นความสงสัยของหม่อมฉันไปข้อ ๑ เมื่อไปเห็นเตาทำเครื่องถ้วยชามที่เมืองสวรรคโลกครั้งพระร่วง เห็นมากมายใหญ่โตนัก ไม่รู้ว่าจะทำเอาไปไหน มาได้ความว่าคงเปนสินค้าสำคัญอันหนึ่งที่ไทยขายส่งลงมาต่างประเทศทางข้างใต้ ได้ขายไปจนถึงเกาะฟิลิปปิน

ฟันสัตว์ที่ขุดพบณตำบลกัวปักกานั้น ศาสตราจารย์คัลเลนเฟลบอกว่าเปนฟันหิปเปอร์ปอตุมัสแน่ แต่เปนปัญหาข้อสำคัญเกิดขึ้นซึ่งแกยังจะต้องเถียงกับพวกนักปราชญ์ทางคดีสัตวศาสตร์ ด้วยนักปราชญ์พวกนั้นได้ลงมติว่าตัวหิปเปอร์ปอตุมัสที่เคยมีทางตะวันออกนี้สูญพันธุ์เสียสักหมื่นห้าพันปีมาแล้ว แต่บรรดาวัตถุอย่างอื่นที่แกขุดพบที่ตำบลกัวปักกา อายุไม่เกินหกพันปี แกสงสัยว่าตัวหิปเปอร์ปอตุมัสจะพึ่งมาสูญพันธ์ภายหลังที่พวกนักปราชญ์สัตวศาสตร์กำหนดช้านาน.

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ