วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๗๗

ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ

หม่อมฉันเขียนจดหมายฉะบับนี้ในเวลากำลังพวกฮินดูทำพิธีไธปูสัมเปนงานประจำปี ซึ่งหม่อมฉันได้เคยทูลเสนอรายงานไปเมื่อคราวปีกลายนี้ แต่คราวนี้มีใครคน ๑ แต่งอธิบายส่งไปลงพิมพ์ในหนังสือ Straits Echo เมื่อวันที่ ๑๙ หม่อมฉันอ่านได้ความรู้พิสดารขึ้นกว่าที่ได้ทูลไปแล้ว จึงเห็นควรจะทูลเสนอเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

๑. พิธีไธปูสัมนี้ เปนพิธีของพวกถือลัทธิศิเวส (เหมือนพราหมณ์พิธีและพราหมณ์โหรดาจารย์ของเรา) ทำกลางเดือนยี่ทุกปี กำหนดงานเปน ๔ วัน ๆ ที่ ๑ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ) แห่รูปพระเปนเจ้าไปยังโรงพิธี วันที่ ๒ เปนวันใช้บนสำหรับคนที่ได้บนบวงไว้ไปแก้บน วันที่ ๓ เปนวันฉลองมงคล มีการฟ้อนรำและเลี้ยงคนทั้งหลาย วันที่ ๔ แห่พระเปนเจ้ากลับ มีจุดดอกไม้ไฟบูชา พิเคราะห์ดูตรงกับพิธีโล้ชิงช้าและแห่พระนเรศวรของเรานั่นเอง

๒. พวกฮินดูที่ไปในงานนี้ งดความรังเกียจกันแลกันด้วยต่างวรรณ แม้จำพวกคนจัณฑาลจะถูกต้องเสียดสีกับพราหมณ์ก็ได้ไม่ถือกัน ส่วนบุคคลต่างชาติต่างภาษาใครจะไป พวกฮินดูก็ยินดีต้อนรับเปนแขกไม่รังเกียจ และไม่บังคับเช่นให้ถอดรองเท้าเปนต้น ยอมให้เข้าไปในเทวสถานได้โดยสดวก

๓. เหตุใดพวกฮินดูในปีนัง จึงแห่และบูชารูปพระขันธกุมารเรียกว่า สุพรมนียัม (Subramniam) เปนประธานนั้น อธิบายว่าพวกอื่นแห่รูปพระศิว แต่พวกเจติชาวอินเดียฝ่ายใต้ที่มาเปนเศรษฐีด้วยตั้งธนาคาร ให้คนกู้เงินตามเมืองในแหลมมลายูนี้ ว่าในกาลครั้ง ๑ พระขันธกุมารได้เคยแบ่งภาคลงมาเกิดในตระกูลเจติ เปนเหตุให้มีความเจริญรุ่งเรือง จึงพากันนับถือพระขันธกุมารด้วยประการฉะนี้

๔. ประเพณีของพวกเจตินั้น แม้จะร่ำรวยสักเท่าหนึ่งเท่าใดก็ไม่แต่งตัวเหมือนพวกอื่น ชอบโกนศีร์ษะใช้แต่ผ้าขาวนุ่งผืน ๑ ห่มผืน ๑ แต่มักเอาผ้าห่มคาดพุงอยู่ตัวเปล่า ต่อจำเปนจึงใส่เสื้อ เครื่องประดับชอบแต่มีสร้อยทองคล้องคอกับใส่แหวนเพ็ชร์ การกินอยู่ก็เปนอย่างมัธยัต นัยว่านอนบนหลังหีบไม่อยู่บ้านเรือนใหญ่โต และไม่มีออฟฟิศที่ทำการ ถ้าจะต้องประชุมกันหรือจะต้องมีที่ทำการต่างหาก ก็พากันไปทำที่เทวสถาน เพราะฉะนั้น พวกเจติไปตั้งที่ไหน พอมีกำลังก็สร้างเทวสถานเปนที่ทำการกุศล และประกอบกิจธุระของตนไปด้วยกัน ใช่แต่เท่านั้นการทำพิธีเช่นพิธีไธปูสัมนี้ พวกเจติเปนผู้ออกเงินทั้งนั้น จึงเสมอว่าเปนผู้อุปถัมภ์พวกฮินดูทั้งปวงด้วย

๕. หม่อมฉันได้พาหลานแมวกับหลานน้อยไปดูแห่เทวรูปอีกครั้ง ๑ เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ การแห่ก็เหมือนอย่างได้ทูลไปแล้วเมื่อปีกลายนี้ ได้ฟังเสียงแตรกัมพูอีกครั้ง ๑ ดูเหมือนคนที่เป่าจะเปนผู้ชำนาญ เสียงคล้ายช้างร้องจริงอย่างท่านทรงปรารภมาในลายพระหัตถ์ เครื่องประดับรถเงินสิ่ง ๑ ซึ่งท่านเคยทรงสังเกต ในรูปฉายาลักษณ์ที่หม่อมฉันถ่ายส่งไปถวายปีกลายนี้ ว่าเปนฉัตรนั้น วันนี้หม่อมฉันได้เห็นถนัดเปนของแขวน หาใช่มีคันปักกับพื้นไม่ แต่ก็มาจากฉัตร์นั่นเอง ของที่ได้เห็นแปลกมีอีก ๓ อย่างคือมีคบไฟใส่กรวยเงินเปนด้ามมือถือนำกระบวรแห่อย่าง ๑ มีพวกชายหนุ่มฟ้อนรำนำรถอย่าง ๑ โคคู่ที่เทียมรถแต่งเครื่องหรูหราผ้าปักคลุมเขาแต่งดอกไม้สดและเท้าใส่กำไลเงินอย่าง ๑

๖. หม่อมฉันเข้าไปในเทวสถาน ไปยืนดูพวกฮินดูเคารพพระเปนเจ้า เห็นมีกิริยาเคารพต่าง ๆ หลายอย่างอยู่ข้างจะแปลก นอกจากประณมมือไหว้และกราบอย่างเบญจางคประดิษฐ์ และอัษฎางคประดิษฐ์ ยังมีกิริยาไหว้อย่างอื่น บางคนพบไปยืนประณมมือไหว้แล้วเอาแขนไคว่กัน เอามือประที่หน้าผากและที่แก้มของตนทั้ง ๒ ข้างย่อเข่าเยิ่นๆ หลายครั้ง แล้วยกมือประณมส่งไปถึงท้ายทอยในเวลาบริกรรมจนจบ ดูแปลกกว่าที่ได้เคยเห็นมาแล้ว

วันจันทรพรุ่งนี้ พราหมณ์ยะหัมพรัมรับจะมาพาหม่อมฉันไปดูงานส่วนฉลองบุญในเวลาค่ำ ถ้าเห็นอะไรแปลกจะถวายรายงานต่อไปในจดหมายฉะบับหน้า พร้อมกับฉายาลักษณ์ที่ได้ถ่ายในวันแห่ซึ่งยังกำลังพิมพ์อยู่ จะส่งกับจดหมายฉะบับนี้ไม่ทัน

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๖ เรื่องพระยาดำรงราชพลขันธ์ถวายเครื่องราชอิสสริยาภรณ์เปนพุทธบูชานั้น หม่อมฉันนึกว่าเจตนาของเธอก็เพื่อจะแสดงว่าจะบวชจนตลอดอายุและบางทีจะให้เปนเครื่องห้ามใจตัวเองมิให้คิดศึก แต่พิเคราะห์ตามทางนีตตินัยดูชอบกลอยู่ ด้วยเครื่องราชอิสสริยาภรณ์เปนเครื่องหมายศักดิ์ อันจะพรากจากตัวได้ด้วยเวนคืนหรือเรียกคืน หรือที่สุดถึงมรณภาพ พระยาดำรงราชพลขันธ์จะเอาศักดิ์นั้นไปโอนให้ผู้อื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่ถวายเปนพุทธบูชาเปนแต่ถวายแพรแถบท่อน ๑ กับเงินที่ทำดวงตรา ส่วนเครื่องราชอิสสริยาภรณ์ยังอยู่กับตัวพระยาดำรงราชพลขันธ์โดยนีตตินัย อีกประการ ๑ ที่เอาเครื่องราชอิสสริยาภรณ์ไปห้อยพระประธานไว้เช่นนี้ เปนทางที่จะเกิดโจทก์กันอื้อฉาวให้ร้อนใจ และของอาจจะหายไปได้โดยง่าย ถ้าเอาใส่หีบหรือใส่ตู้ไว้ยังจะดีกว่า

ในระวางสัปดาหะนี้ แต่งงานเจ้าชายนนทิยาวัดกับเจ้าหญิงสุวภาพเพราพรรณ หม่อมฉันเข้าใจว่าพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรคงจะไปทูลรายงานให้ทรงทราบแล้ว จึงไม่เขียนในจดหมายฉะบับนี้

เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ นี้ คุณนายเกสร เสน่หามนตรี พาลูกสาวมาส่งโรงเรียน คุณหญิงเหิมฯ ก็มาด้วย ได้มาหาหม่อมฉันทั้ง ๒ คน คุณหญิงเหิม ฯ มาพักอยู่ที่ Cinnamon Hall เหมือนมาคราวก่อน แต่คุณนายเกสร มีลูกเต้ามาด้วยหลายคนไปพักอยู่ที่อื่น คุณหญิงเหิมฯ ว่ากลับออกมาจากกรุงเทพ ฯ ได้ ๒ วันก็ออกมาปีนัง เล่าถึงหญิงอี่พาไปเที่ยวดูสนุกพอใจมาก

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ