วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๔๗๗

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถฉะบับก่อน ซึ่งลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ได้ทูลสนองความมาลางข้อ ไม่หมดจดเพราะเขียนไม่ทัน และวานนี้ก็ได้รับลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคมซ้ำไปอีกฉะบับหนึ่ง ขอประทานทูลสนองต่อไปนี้

เงิน “นโม” ทรงทราบขึ้นว่าเปนเงินครั้งศรีวิชัย เช่นนั้นที่เราได้มาจากนครศรีธรรมราชก็เปนของเก๊ เปนของทำเลียน เพราะนครศรีธรรมราชเกิดทีหลังยุคศรีวิชัย

พระพุทธรูปและรูปพระโพธสัตวที่เมนดุต ตามที่ทรงพระดำริว่าเปนของทำขึ้นก่อน เดิมจะตั้งในมณฑปเครื่องไม้นั้น ข้อนี้ยังสงสัย อันรูปศิลานั้นย่อมจะเกิดพร้อมกับเรือนก่อ เมื่อยังไม่รู้จักทำเรือนก่ออยู่แต่เรือนไม้ รูปทั้งหลายย่อมจะต้องเปนรูปฉลักด้วยไม้เช่นเจว็จ หรือรูปโลหะหล่อ เห็นด้วยเกล้าไปเสียดังนี้

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็เพิ่มความสงสัยไกลขึ้นอีก ขอประทานตั้งเปนปัญหาทูลถาม คือว่าหนังสือทางพระพุทธศาสนาในชวา ปรากฏเหมือนหนังสือในอินเดียภาคใต้ จะเปนว่าพระพุทธศาสนาที่เข้าไปสู่ชวาประเทศนั้นเปนฝ่ายหีนยานใช่ไหม ถ้าเปนฝ่ายมหายาน หนังสือจะต้องเปนสํสกฤต ถ้าเปนฝ่ายหีนยานทำไมจึงมีรูปพระโพธิสัตว หีนยานยุคพระเจ้าอโศกมหาราช กับหีนยานยุคครูลังกาที่เราถืออยู่บัดนี้ เหมือนกันหรือไม่ ปัญหาเหล่านี้นึกวนเวียนไม่ตีเส้นขาดลงไปได้

เทวสถานในชวา ตามที่ตรัสเล่าว่าเขาจัดอย่างไทย เปนพระเปนเจ้าทั้งสามอยู่รวมกันนั้น ก็เปนแบบ “ตริมูร๎ติ” เห็นจะเปนแบบเก่าก่อน ที่จัดแบ่งตามครัวเรือนของพระเปนเจ้าอย่างในอินเดียทุกวันนี้ เพราะมันลอยแพกันป่นปี้ไปเสียแล้ว

เรื่องศาสนาต่างๆ กราบทูลเปนความสัตยจริง เกล้ากระหม่อมติดจะเบื่อๆ เห็นฟั่นเฝือหนัก อะไร ๆ ท่านพวกครูบาอาจารย์ก็ตกแต่งประสมประเสหลอกลวงให้เห็นเป็นงดงามไปทั้งนั้น เช่นกับไหว้ลึงค์ที่นายสีบรุ๊คได้รับคำอธิบายมาก็เปนคำที่เขาผูกขึ้นเพื่อแก้ไขให้งดงามในภายหลัง ทางฮินดูก็เหมือนกัน แม้จะค้นก็ได้แต่คำกล่าวอันฟั่นเฝือ แล้วก็หลายปากเถียงกันด้วย เอานิยมนิยายอะไรไม่ได้ แก่นของศาสนาไม่ว่าชาติใด ๆ ต้องถือ God คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เห็นไม่เข้าถึง ว่าให้ตรงก็คือ “ผี” ด้วยกันทั้งนั้น พระพุทธเจ้าเราแม้จะว่าไม่ใช่ผีก็แต่ผู้รู้ ส่วนคนทั่วไปถือเปน “ผี” อ้อนวอนบนบานกันอยู่เปนนิตย์

อ่านหนังสือพิมพ์พบอธิบายชื่อเมืองนครราชสีมาเข้าก่อน เห็นเป็นสวะก็โยนทิ้งไป ต่อมาพบอธิบายพระมาลาเซาสูงเซาเสทินเข้าอีก คิดถึงฝ่าพระบาทขึ้นมาทันที เห็นว่าควรทอดพระเนตร ได้ติดตามค้นหาบทอธิบายชื่อเมืองนครราชสิมาซึ่งทิ้งเสียแล้ว แต่เสียใจไม่พบ ใครเอาไปห่ออะไรเสียหรืออย่างไรไม่ทราบ จึงตัดได้แต่เรื่องพระมาลามาถวายทอดพระเนตร เปนละคอนตลก

เรื่องลายพระหัตถ์พระรูปและจีวร ซึ่งฝ่าพระบาทให้ส่งถวายสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นั้น สืบได้ความว่าท่านได้รับแล้วเมื่อกลับมาจากเมืองชลบุรี ตั้งใจจะแต่งคาถาส่งมาถวายพระพร แต่ทำไม่ได้ มีใครต่อใครมารบกวนทั้งติดบวชนาควันละตั้งโหลเข้าด้วย ฝ่าพระบาทยังไม่ทรงทราบ ทุกวันนี้สมเด็จพระพุทธโฆษาจะแต่งหนังสือแล้วต้องหนีออกจากวัด อย่างน้อยไปเร้นซ่อนอยู่วัดกันนมาตยชั่วเวลาหนึ่ง อย่างใหญ่ไปเมืองชลเลย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ