วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๗๗

ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๖ กุมภาพันธ์แล้ว ที่จดหมายของหม่อมฉันกับหม้อน้ำมนต์ฮินดูที่ส่งไปถวาย ไปเถลไถลอยู่หลายวันและที่สุดได้ทรงรับจากกรมราชเลขาธิการนั้น ปลาดน่าพิศวงนักหนา คงเปนด้วยหม้อน้ำมนต์เปนต้นเหตุพาจดหมายไถลไปด้วย ถึงกระนั้นดูก็ยังเปนการลึกลับ แต่เมื่อได้ทรงรับแล้วก็เปนแล้วไป

ทางที่ภาษาสันสกฤตเข้าไปเมืองไทยนั้น ไปจากประเทศศรีวิชัยด้วยอีกทาง ๑ เปนแน่ไม่มีที่สงสัย

เรื่องพระพรหมพิจิตร์ไปพูดวิทยุแสดงเรื่องการช่างนั้น ลูกหญิงของหม่อมฉันได้อ่านในหนังสือพิมพ์แล้วมาบอกให้หม่อมฉันทราบ ได้ปรารภกันว่านี่จะไปทูลหารือท่านก่อนหรือไม่ มาได้ความในลายพระหัตถ์ว่าไม่ได้ไปทูลหารือ ลูกหญิงเล่าเนื้อความปาฐกของพระพรหมพิจิตร์ แกว่าฝีมือช่างเดี๋ยวนี้เลวกว่าฝีมือช่างโบราณ ข้อนี้ทำให้หม่อมฉันนึกขึ้นถึงวิชชาความรู้อย่างอื่น ๆ ดูมันมีเวลาเจริญและเสื่อมเปนยุคเปนคราวคล้ายกับสัณฐานลูกคลื่น จะยกอุทาหรณ์ดังเช่นความรู้ภาษามคธ เมื่อตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาเลวลงเพียงใด เห็นได้ในศุภอักษร “สาขานาวา” ที่มีไปลังกาทวีป มาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร อาศัยทูลกระหม่อมเปนสำคัญความรู้ภาษามคธก็กลับคืนดีขึ้นได้ ว่าต่อไปถึงบทกลอน ที่ปรากฏตัวอย่างอยู่ก็แต่งดีเปนยุค ๆ คือยุคยวนพ่ายแล้วถึงยุคสมุทรโฆษ ครั้นมาถึงตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาแรกชอบเล่นกลอนเพลงยาวกันขึ้น สืบมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์สำนวนจับดียิ่งตั้งแต่รัชชกาลที่ ๒ มาจนตลอดรัชชกาลที่ ๓ แล้วก็เสื่อมลง กระบวรช่างก็จะเปนในทำนองเดียวกัน มียุคดีและยุคเลวตามเหตุการณ์ในสมาคมสมัยนั้น ๆ แต่มีข้อสำคัญอย่างหนึ่งอยู่ที่ความนิยม สมัยใดการอันใดความนิยมเสื่อมลง การอันนั้นก็เสื่อมลง แต่คนสมัยนั้นเองก็ยังถือการที่เสื่อมว่าเปนดีและเลวในการที่เสื่อมด้วยกัน ดูเปนธรรมดาดังนี้

ในสัปดาหะที่ล่วงมาเปนเวลาตรุสจีน หม่อมฉันสังเกตพวกจีนที่ปีนัง ทำพิธีตรุสจิีนผิดกับจีนในกรุงเทพ ฯ หลายอย่าง จะเปนด้วยรัฐบาลฝ่ายอังกฤษเข้าเกี่ยวข้องห้ามปรามหรืออย่างไรหม่อมฉันไม่ทราบ เปนต้นว่าการจุดประทัดจุดกันฉะเพาะเวลาสองยามวันซิวอิ๊ด นอกจากนั้นมีการเส้นสรวงบรรพบุรุษทำในบ้านเรือน ต่อนั้นก็ไปเยี่ยมเยียนกันในวันปีใหม่ การตกแต่งบ้านเรือนแต่งผิดกันตามชั้นบุคคล บ้านผู้มีทรัพย์แขวนผ้าปักทอง (อย่างเช่นแขวนหน้ามุ้ง) ที่ประตูเรือน ถ้าเปนคนชั้นขัดสนลงไปก็ขึงผ้าแดงแทน ต่อชั้นเลวจึงปิดกระดาษแดงเขียนตัวหนังสือ เพราะตามบ้านผู้สูงศักดิ์เขามีป้ายลงรักปิดทองแขวนประจำที่บนหลังประตูอยู่แล้ว หม่อมฉันได้ไปเยี่ยมจีนพวกพ้อง ลักษณการเยี่ยมนั้นแขกเอาการ์ดไปส่งใบ ๑ ฝ่ายเจ้าของบ้านหาเครื่องว่างไว้สำหรับเลี้ยง สิ้นเขตต์พิธีใน ๕ วัน.

เวลานี้ละคอนม้าฮาร์มสตัน (Harmston) มาเล่นอยู่ที่ปีนัง เกิดปัญหาปรึกษากันในครัวเรือนว่าจะไปดูหรือไม่ หม่อมฉันไม่ไว้ใจว่าจะมีอะไรแปลกปลาดน่าดู จึงให้ชายใหม่พาหลานสองคนที่ยังไม่เคยเห็นละคอนม้าไปดูก่อน กลับมาเล่าให้ฟังเห็นขันด้วยเล่นตามเคย จนชวนให้คิดถึงหม่อมราโชทัยเลยตกลงไม่ไปดู.

เมื่อสองสามวันมานี้หม่อมฉันอ่านหนังสือฝรั่งคน ๑ ชื่อ แฮริส เปนผู้ส่งข่าวหนังสือพิมพ์ไตมส์มาแต่ก่อน เล่าเรื่องไปเที่ยวเมืองพะม่า พรรณนาถึงเมืองมันดเล ว่าครั้งพระเจ้าเมงดงสร้างเมืองมันดเลเมื่อ ปีวอก พ.ศ. ๒๔๐๓ นั้น สร้างแต่ตัวเมืองส่วนปราสาทราชมณเฑียรให้รื้อของเก่าที่เมืองอมรบุระมาสร้าง เพราะฉะนั้นปราสาทราชมณเฑียรเปนของเก่ากว่าเมืองมันดเลดังนี้ ท่านได้เคยเสด็จไปทอดพระเนตร์เห็น ได้ทรงทราบและสังเกตหรือไม่ แม้เปนของสร้างเมื่อเมืองอมรบุระเปนราชธานี ก็ไม่ใช่แปลว่าเปนของเก่าก่อนขึ้นไปอีกเท่าใดนัก เพราะเมืองอมรบุระนั้นพระเจ้าปดุงสร้าง ตรงกับรัชชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทรเท่านั้นเอง.

หม่อมฉันพบเรื่องที่จะทูลเสนออีกเรื่อง ๑ ด้วยเมื่อเร็ว ๆ นี้ไปดูหนังฉายเรื่องนางเคลโอปาตราเมืองอียิปต์ เมื่อดูมาแล้วเกิดอยากรู้เรื่องประวัติของนางเคลโอปาตราให้พิสดารขึ้น จึงไปยืมหนังสือที่หอสมุดสำหรับเมืองปีนังมาอ่าน ได้ความรู้เปนสาขาแปลกข้อ ๑ ว่าตามคติสาสนาของพวกชาวอียิปต์ แต่เดิมนับถือว่าเทพเจ้าอวตารลงมาเปนสัตว์เดรัจฉาน เพราะฉะนั้นชั้นเดิมชอบบูชาสัตว์เดรัจฉานที่สำคัญว่าทรงเทพเจ้าเปนสรณะ และทำรูปสัตว์เหล่านั้นด้วยศิลาเปนเจดีย์มีรูปเหยี่ยว รูปจรเข้ รูปแกะ รูปลิง รูปงู รูปโค แม้จนรูปแมว เปนต้น ครั้นเมื่อล่วงพุทธกาลสัก ๒๐๐ ปี พระเจ้าอาเล็กซานเดอร์มหาราชเปนกรีคมะซิโดเนีย มีอานุภาพขึ้นในยุโรปยกกองทัพไปเที่ยวปราบปรามนานาประเทศ ได้เมืองอียิปต์และเมืองอื่น ๆ ในยุโรปทางตะวันออก ตลอดจนเมืองเปอร์เซียและคันธารราษฐ์ในอินเดีย ไว้ในราชอาณาเขตต์ ตั้งแม่ทัพคนสำคัญกับทั้งพวกพลกรีคอยู่ปกครองประเทศนั้น ๆ ทุกประเทศ เมื่อพระเจ้าอาเล็กซานเดอร์สิ้นพระชนม์มีราชบุตร์ยังเยาว์อยู่ ๓ องค์ ยกขึ้นเปนพระเจ้าแผ่นดินก็ถูกทำร้ายเปนลำดับกันมา จนหมดสิ้นเชื้อสายของพระเจ้าอาเล็กซานเดอร์ พวกนายพลที่ได้เปนอุปราชครองอาณาเขตต์ไหน ต่างก็ตั้งตัวขึ้นเปนเจ้าแผ่นดินแยกอาณาเขตต์กันปกครอง พวกกรีคที่มาตั้งอาณาเขตต์ในคันธารราษฐ์มาเลื่อมใสในพระพุทธสาสนาได้นามว่า ชาวโยนก นายพลกรีคที่ปกครองประเทศอียิปต์ชื่อปะโตเลมี ตั้งราชธานีอยู่เมืองอาเล็กซานเดรียชายทะเลมิเตอเรเนียนที่ปากน้ำไนล์ ครองราชสมบัติสืบวงศลงมา ๑๔ ชั่วกษัตริย์ตลอดเวลากว่า ๓๐๐ ปี ในระวางนั้นมีพวกกรีคพากันไปตั้งภูมิลำเนาเลยเปนพลเมืองอยู่มาก เมืองอียิปต์จึงมีพลเมืองพวกใหญ่เปน ๒ พวก คือพวกกรีคและพวกอียิปต์ พวกกรีคพาสาสนาของตนที่นับถือเทพเจ้าต่าง ๆ โดยทำรูปอย่างมนุษย์ไปถือในอียิปต์ ครั้นจำเนียรกาลนานมา เมื่อพวกกรีคและพวกอียิปต์ได้ต้องเสพสมาคมคุ้นกันหนักขึ้น การถือคติสาสนาก็เกิดปะปนกัน กลายเปนถือว่ารูปเทพเจ้าที่จุติมาบังเกิดในโลกผิดกับมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน จึงเกิดความคิดทำเทวรูปตัวเปนคน หน้าเปนสัตว์ต่าง ๆ เปนเหยี่ยวบ้าง เปนจรเข้บ้าง หรือมิฉะนั้นหน้าเปนคนตัวเปนสัตว์เดรัจฉาน เช่น สฟิงค์ เปนต้น เปนของเกิดมีขึ้นต่อเมื่อพวกกรีคไปอยู่ปะปนกับพวกอียิปต์ด้วยประการฉะนี้ รูปเช่นว่าเราได้เห็นกันอยู่จนชินตา แต่หม่อมฉันยังไม่ทราบมูลเหตุพึ่งมาทราบ ในจดหมายนี้จึงทูลมาให้ทรงทราบด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ