- เมษายน
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ พระยาประมวญวิชชาพูล
- —วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —วินิจฉัยเรื่องยุทธภัยระวางยี่ปุ่นกับอังกฤษ
- —วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ม.ร.ว.อี๋ นพวงศ
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —พรรณนาพิธีตั้งแต่สังฆราชโรมันคาโธลิค
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —อักษรจารึก ที่รูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดโมลีโลก
- —อักษรจารึก ที่รูปสมเด็จพระสังฆราช วัดมหาธาตุ
- —ประกาศตราตระกูล
- —สมโภชพระนครร้อยปี
- —หมายกำหนดการพระราชพิธีเชิญพระบรมรูปจากพระที่นั่งศิวาไลยมหาปราสาท
- —หมายกำหนดการฉลองพระบรมรูปพระบาทสมเดจพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แลวันที่รฦกมหาจักรี
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —ท่านทราบไหมว่า
- วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —เล่าเรื่องไปชะวา ครั้งที่ ๓
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗
- —คณะกรรมการผู้เริ่มตั้งสมาคมสถาปนิกสยาม
- วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —ร่าง ตำนานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗
- วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร (๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- มกราคม
- กุมภาพันธ์
- มีนาคม
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า (ต่อ)
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —บันทึกความสำนึกในวิธีราชาภิเษกแบบพะม่า
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —บันทึกข้อที่น่าใส่ใจในกฎมนเทียรบาลของพะม่า (ภาค ๒)
พรรณนาพิธีตั้งแต่สังฆราชโรมันคาโธลิค
ตามที่ได้เห็นครั้งตั้งบาดหลวง เดวัล
เป็นสังฆราชมะละกา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗
การทำพิธีตั้งสังฆราช (Bishop) มีข้อบังคับดังนี้ คือ
๑. ถ้ามิได้ทำพิธีในกรุงโรมอันเป็นที่สถิตย์ของโป๊ปไซร้ ต้องทำพิธีในวัดอันเป็นที่สถิตย์ตามตำแหน่งของสังฆราชองค์นั้น หรือแม้ที่สุดในวัดอันอยู่ในอาณาเขตที่สังฆราชองค์นั้นจะปกครอง
สังฆราชมะละกามีอาณาเขตได้ปกครองตลอดแหลมมลายูของอังกฤษ วัดอันเป็นที่สถิตย์ตามตำแหน่งอยู่ที่เมืองสิงคโปร์ แต่บาดหลวงเดวัลเป็นอธิการวัดอัสสัมชัญในเมืองปีนังอยู่ก่อน (ดูเหมือนจะได้เป็นผู้สร้างโบสถ์ใหม่ในวัดนั้นด้วย) จึงขอให้ทำพิธีที่วัดอัสสัมชัญ เมืองปีนัง
๒. ต้องมีสังฆราชซึ่งครองอาณาเขตอื่นมาทำพิธี ๓ องค์ (ทำนองเป็นอุปัชฌาย์องค์ ๑ เป็นกรรมวาจา ๒ องค์)
ครั้งนี้สังฆราชเปโรที่กรุงเทพฯ มาเป็นอุปัชฌาย์ สังฆราชเมืองพม่ากับสังฆราชเมืองฮ่องกงมาเป็นกรรมวาจา
๓. พิธีควรทำในวันอาทิตย์ หรือในวันอันเป็นอภิลักขิตสำหรับบูชาอรรคสาวก (Apostle) องค์ใดองค์หนึ่ง ถ้าจะทำในวันอื่นนอกจากนั้น ต้องได้รับอนุญาตพิเศษของโป๊ป จึงทำในวันฤกษ์ (Festival) อื่นได้
ครั้งนี้ทำพิธีในวันอาทิตย์ที่ ๑๕ เมษายน ค.ศ. ๑๙๓๔
๔. วันก่อนจะทำพิธีนั้น ทั้งสังฆราชที่จะเป็นอุปัชฌาย์ และผู้จะเป็นสังฆราช ควร (Fast) เว้นบริโภคอาหาร
๕. ในโบสถ์ที่จะทำพิธีให้จัดที่บูชาแยกเป็น ๒ แห่ง ที่บูชาใหญ่สำหรับสังฆราชผู้เป็นอุปัชฌาย์แห่ง ๑ ที่บูชาน้อยสำหรับผู้จะเป็นสังฆราชแห่ง ๑
ครั้งนี้ใช้ที่บูชาพระประธานเป็นที่บูชาใหญ่ ตั้งสังฆราชอาศน์ (Throne) สำหรับสังฆราชอุปัชฌาย์ไว้ข้างซ้าย จัดที่บูชาน้อยข้างขวาเป็นที่บูชาสำหรับผู้ที่จะเป็นสังฆราช
๖. เครื่องครอง (Vestments) ของสังฆราชอุปัชฌาย์นั้น แม้จะตรงกับวันสำหรับครองเครื่องสีใดก็ดี ในการพิธีนี้ต้องครองเครื่องพื้นขาว ส่วนผู้จะเป็นสังฆราช เมื่อไปเข้าพิธี ต้องแต่งอย่างบาดหลวงสามัญ
ในข้อนี้สังเกตดูเครื่องครองของสังฆราชที่แต่งทำพิธีเป็นแพรพื้นขาวปักลายทองอย่างหรูหราใหม่เอี่ยม น่าจะเป็นของสร้างขึ้นสำหรับงาน หรือมิฉะนั้นก็จะเป็นของเก็บสงวนไว้สำหรับใช้แต่งในงานเช่นนี้
ตอนที่ ๑ พิธีเบื้องต้น
๗. ในการพิธีครั้งนี้ประชุมคนมาก เชิญผู้มีบรรดาศักดิ์ตั้งแต่เจ้าเมือง กรมการ กงศุลต่างประเทศ พ่อค้า และพวกถือศาสนาโรมันคาโธลิคทุกชั้นทั้งชายหญิง ส่วนพวกนักบวชเป็นบาดหลวงหรือหลวงชีในอาณาเขต ใครมาได้เห็นจะมาทั้งนั้น มีคนแทบเต็มโบสถ์ ตั้งเก้าอี้นั่ง ๒ ข้าง ไว้ทางเดิน กลางโบสถ์ที่มุข ๒ ข้างเป็นที่พวกบริษัทในศาสนาชั้นต่ำยืนดู ที่บนเต๊งข้างหลังประตูด้านหน้าโบสถ์ พวกชาวดนตรีและนักร้องสำหรับประโคมอยู่รวมกัน ในลานวัดปักธงประดากสีต่างๆ รายตลอด รัฐบาลก็ให้โปลิศไปคอยจัดรถและกันผู้คน นับได้ว่าเป็นการใหญ่อย่างหนึ่ง
๘. ถึงเวลาเช้า ๘ นาฬิกา ลั่นระฆังใหญ่สำหรับวัดให้เสียงเป็นสัญญาเดินกระบวนแห่จากกุฏิมาเข้าโบสถ์ทางด้านหน้า ขณะนั้นชาวดนตรีก็เริ่มประโคม และกระบวนแห่นั้นมีคนถือไม้กางเขนด้ามยาวเดินนำหน้า แล้วถึงกระบวนสามเณรเดิน ๒ แถวประณมมือ แล้วถึงบาดหลวงเดินเช่นเดียวกัน (สังเกตดูพวกสามเณรมีแต่ชาวอินเดียกับจีน แต่บาดหลวงเป็นฝรั่งแทบทั้งสิ้น มีจีนสักคนหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น) ต่อนั้นถึงพวกฐานานุกรม (Deacons) ในการพิธี แล้วผู้จะเป็นสังฆราชและสังฆราชกรรมวาจาทั้ง ๒ สังฆราชอุปัชฌาย์มาที่สุดกระบวน เมื่อกระบวนแห่เข้าไปถึงเขตลานหน้าพระ พวกกระบวนหน้าแยกไป ๒ ข้าง ไปอยู่ตามตำแหน่งที่ของตน ๆ เข้าไปในลานหน้าพระตั้งแต่พวกฐานานุกรม สังฆราชกับผู้จะเป็นสังฆราชขึ้นบรรไดไปถึงลานหน้าฐานชุกชี นมัสการพระเป็นเจ้าแล้วกลับลงมา สังฆราชอุปัชฌาย์แยกไปนั่งเหนืออาศน์ทางด้านซ้ายสังฆราชกรรมวาจาเดินเคียง ๒ ข้าง ผู้จะเป็นสังฆราชพาไปยืนที่หน้าพระ ณ ที่บูชาน้อยข้างฝ่ายขวา ตลอดเวลานี้มีเสียงประโคม ลักษณะการประโคมนั้นมีแต่เครื่องดนตรีบ้าง ประสานกับเสียงขับร้องบ้าง และประโคมเป็นระยะเข้ากับการสวดบ้าง แต่โดยลำพังบ้าง บรรเลงในช่องว่างการพิธีบ้างตลอดงาน ดูเหมือนจะแก่ซ้อมทั้งร้องและดนตรีไพเราะน่าฟัง
๙. เมื่อสังฆราชอุปัชฌาย์ไปนั่งอาศน์และผู้จะเป็นสังฆราชไปยืนที่หน้าพระน้อยแล้ว ฐานานุกรมกับสามเณรผู้เป็นพนักงานไปขนเครื่องครองในการพิธีตามข้อบังคับ ซึ่งจัดวางไว้ที่หน้าพระทั้ง ๒ แห่งมาให้ท่านทั้ง ๒ นั้นผลัดเครื่องครองเดิม เมื่อจะผลัดแต่ละสิ่ง ต้องเสกและจุมพิต (Kiss) ก่อน เห็นจะเว้นแต่รองเท้าสิ่งเดียว
๑๐. เมื่อเปลี่ยนเครื่องครองแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์แต่งเครื่องยศเต็มที่ ใส่หมวกตาดปักทอง ถือไม้เท้ายาวปลายเป็นขอ ขึ้นไปนั่งบนตั่งซึ่งยกมาตั้งที่ชานฐานชุกชีเหนือคั่นบรรไดหันหน้าออกมาข้างนอก ส่วนผู้ที่จะเป็นสังฆราชและสังฆราชกรรมวาจาก็มานั่งตั่งซึ่งตั้งเรียงกัน ๓ ตัวที่ลานหน้าพระเชิงบันไดหันหน้าเข้าไปทางอุปัชฌาย์ พวกฐานานุกรมกับสามเณรที่มีหน้าที่รับใช้ต่างยืนรายรอบตามตำแหน่งของตน
๑๑. คำสวดและคำพูดในการพิธีเป็นภาษาละติน การที่สวดและพูดนอกจากที่กล่าวเพียงสั้น ๆ ใช้อ่านหนังสือทั้งนั้น มีพนักงานถือสมุดตำราและฐานานุกรมคอยพลิกหน้าสมุดให้สังฆราชเสมอ
เริ่มพิธีด้วยสังฆราชกรรมวาจาองค์เป็นอาวุโสลุกขึ้นยืนกล่าวเสนอต่อสังฆราชอุปัชฌาย์ว่า สาสนมณฑล (Church) ขอให้เจ้าคุณสถาปนา (Consecrate) บาดหลวงเดวัลองค์นี้เป็นสังฆราชผู้รับผิดชอบ (ในการรักษาศาสนา) สังฆราชอุปัชฌาย์ถามว่าได้รับอาชญามาแต่โป๊ปแล้วหรือ ผู้เสนอตอบว่าได้รับแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์จึงสั่งให้หัวหน้าฐานานุกรมอ่านอาชญาประกาศแก่ที่ประชุม ก็ในอาชญานั้นมีข้อไขอันหนึ่งว่า ผู้จะเป็นสังฆราชต้องให้ปฏิญาณสัญญาว่า จะซื่อตรง (Faithful) ต่อโป๊ป เพราะฉนั้นเมื่ออ่านอาชญาจบ ผู้จะเป็นสังฆราช ก็ลุกยืนขึ้นกระทำปฏิญาณสัญญา เป็นที่สุดแห่งพิธีเบื้องต้นเพียงนี้
ตอนที่ ๒ พิธีสอบถาม
๑๒. ทีนี้สังฆราชอุปัชฌาย์กล่าวแก่ผู้จะเป็นสังฆราชว่าตามบัญญัติของชนกาจารย์เจ้า (Holy Fathers) แต่ปางก่อนบัญญัติไว้ว่า เมื่อจะสถาปนาใครเป็นตำแหน่งสังฆราช จะต้องพิสูจน์เสียก่อนซึ่งความศรัทธามั่นคงในไตรสรณะ (Holy Trinity) และซึ่งความทรงศีลธรรมว่า สมควรแก่ตำแหน่งที่จะปกครองคณะแล้วหรืออย่างไร อีกประการหนึ่ง จะต้องสั่งสอนให้รู้หน้าที่ของผู้เป็นสังฆราชรักษาศาสนาของพระเป็นเจ้าด้วย ตัวท่านพร้อมที่จะยอมประพฤติตามบัญญัตินั้นหรือไม่ ผู้จะเป็นสังฆราชลุกยืนขึ้นกล่าวรับว่าเต็มใจที่จะประพฤติตามบัญญัติทุกประการ สังฆราชอุปัชฌาย์จึงยกข้อศีลธรรมอันเป็นวัตรปฏิบัติสำหรับสังฆราชขึ้นถาม และผู้ที่จะเป็นสังฆราชลุกยืนขึ้นรับทีละข้อ เมื่อครบ ๘ ข้อแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์จึงอำนวยพรและพวกบาดหลวงอื่นที่เป็นคณะปรกอยู่ในวงพิธีก็ร้องสาธุการ (Amen) แล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์ยกข้อคติที่นิกายโรมันคาธอลิคเชื่อถือ ผิดกับนิกายอื่นขึ้นถามเป็นความ ๘ ข้อ ผู้จะเป็นสังฆราชลุกยืนขึ้นรับว่าเชื่อมั่นในคตินั้นจนครบทุกข้อ สังฆราชอุปัชฌาย์ก็อำนวยพรและคณะปรกสาธุการเหมือนหนหลัง เมื่อหมดข้อถามทั้งปวงแล้ว ผู้จะเป็นสังฆราชเข้าไปคุกเข่าจุมพิตมือสังฆราชอุปัชฌาย์ เป็นเสร็จพิธีส่วนสอบถาม
ตอนที่ ๓ พิธีขอพร
๑๓. ต่อนี้สังฆราชอุปัชฌาย์เริ่มพิธีทำวัตรพระ (Mass) อันนิกายโรมันคาโธลิคย่อมทำเป็นนิจ แต่เมื่อเอามาทำเนื่องในการตั้งสังฆราชตัดเป็นตอน ๆ ในระวางนั้นเอาพิธีตั้งสังฆราชแทรกเข้าเรียงไปเป็นอย่าง ๆ ขณะเมื่อสังฆราชไปยังหน้าพระน้อยเปลี่ยนเครื่องครองอีกอย่างหนึ่ง (ทำนองจะเป็นเครื่องอย่างนักบุญแต่งมาแต่ก่อน คือสวมเกือกหนีบกับเท้าเปล่าเป็นต้น) แล้วไปช่วยสวดทำวัตรพระด้วย
๑๔. เมื่อสวดทำวัตรพระไปหมดระยะลง สังฆราชอุปัชฌาย์ลงนั่งตั่งที่หน้าพระเหมือนหนหลัง ผู้จะเป็นสังฆราชเข้าไปยืนตรงหน้า สังฆราชอุปัชฌาย์จึงบอกหน้าที่ ๗ อย่างของสังฆราช ว่าจะต้องกระทำกิจเหล่านี้ คือ ๑ วินิจฉัย (Judge) ความในพระคัมภีร์ (Gospel) ๒. แปล (Interpret) ความในพระคัมภีร์ ๓. สถาปนา (ความศักดิ์สิทธิ์ Consecrate) ๔. ให้บรรพชา (Ordain) ๕. บูชายันต์ (Oblation) ๖. ให้น้ำรับคนเข้าศาสนา (Baptize) ๗. รับคำมั่นของผู้ถือศาสนา (Confirmation) เมื่อบอกหน้าที่แล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์ลุกขึ้นยืนกล่าวชวนบริษัททั้งปวงให้ขอพระเป็นเจ้ากับทั้งนักบุญทั้งปวงให้ประสิทธิ์แก่ผู้จะเป็นสังฆราช
๑๕. เวลาขอพรนั้นผู้จะเป็นสังฆราชต้องนอนพังพาบ (Prostrate) บนคั่นบรรไดหน้าฐานชุกชี หันศีรษะไปทางข้างหน้าพระสังฆราชและผู้อื่นทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ชายและหญิงบรรดาที่ถือโรมันคาโธลิคลงคุกเข่าทั้งนั้น ส่วนผู้ที่มิได้ถือลัทธินั้น ที่เป็นผู้มีอัชฌาศัยก็ลุกขึ้นยืนแสดงกิริยาเคารพ แต่พวกถือลัทธิโปรเตสตันต์ที่ไม่มีอัชฌาศัยนิ่งเฉยเสียก็มี คำสวดขอพรพวกนักร้องชาวดนตรีเป็นพนักงานสวด ออกนามนักบุญรายตัว สวดอยู่ช้านานสัก ๒๐ นาที จึงจบตอนขอพร
ตอนที่ ๔ พิธีตั้ง
๑๖. เมื่อเสร็จขอพรแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์ยืนที่หน้าพระ ผู้จะเป็นสังฆราชเข้าไปคุกเข่าตรงหน้า สังฆราชอุปัชฌาย์กับสังฆราชกรรมวาจาช่วยกันเอาสมุดพระคัมภีร์มากาง แล้ววางคว่ำลงตรงคอต่อข้างหลังผู้จะเป็นสังฆราช (ให้บาดหลวงองค์หนึ่งจับไว้จนตลอดพิธีตอนนี้) แล้วสังฆราชทั้ง ๓ เอามือของตนทั้ง ๒ ข้างวางบนศีรษะผู้จะเป็นสังฆราช ออกอุทานพร้อมกันว่า “ท่านจงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์” (Holy ghost) แล้วสังฆราชอุปัชฌาย์สวดขอพรพระเป็นเจ้าอีกบทหนึ่ง แล้วสวดอารัมภกถาอ้างถึงการเริ่มตั้งบาดหลวง (High Priest) มีมาแต่ครั้งพระเป็นเจ้าทรงตั้งนักบุญโมเส ย่อมมีเครื่องครองและเครื่องหมายสำหรับสังฆราชสืบมาแต่ครั้งนั้น สำหรับใช้เมื่อกระทำการตามตำแหน่ง และบัดนี้ข้าของพระเป็นเจ้าผู้ที่ได้รับเลือกเป็นบาดหลวงจะได้รับเครื่องครองและเครื่องยศตามตำแหน่ง อันปักร้อยประดับประดาด้วยเพ็ชรพลอยและทอง ขอพระเป็นเจ้าจงบันดาลให้ของมหรรฆภัณฑ์ทั้งหลายนั้น ฉายรัศมีเข้าไปบำรุงศีลธรรม (Morals) และความประพฤติ (Deeds) ให้สำเร็จประโยชน์ รักษาศาสนาและศักดิ์สิทธิ์ (Sanctify) ด้วยน้ำมันสวรรค์ (Celestial Ointment) ที่ได้รับอภิเศกนั้น
เมื่อสังฆราชอุปัชฌาย์สวดคำนำ (Preface) แล้วให้เอาผ้าขาวม้วนพันรอบศีรษะผู้จะเป็นสังฆราช เพื่อจะมิให้น้ำมันเจิมไหลลงมาเปื้อนหน้า แล้วสังฆราชอุปัชฌาย์ชักสวดเพลงบูชา (Hymn) เข้าเครื่องดนตรีและร้องประสานเสียง กำลังสวดนั้นสังฆราชอุปัชฌาย์ไปนั่งที่ตั่ง และผู้จะเป็นสังฆราชเข้าไปคุกเข่าตรงหน้า สังฆราชอุปัชฌาย์รดน้ำมันบนศีรษะผู้จะเป็นสังฆราช
เมื่อสิ้นคำสวดตอนหนึ่งแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์สวดคำนำต่อไปอีกตอนหนึ่ง ความในตอนนี้ขอพรพระเป็นเจ้าให้บรรดาลฤทธิ์น้ำมันอภิเศกให้แล่นทั่วสรรพางค์กายของสังฆราชใหม่ ปลุกคุณธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ (พรรณนารายข้อยืดยาว) แล้วชักสวดสรรเสริญ (Anthem) ต่อไป ในเวลากำลังสวดตอนนี้ สังฆราชอุปัชฌาย์เอาน้ำมันวาดรูปไม้กางเขน ที่กลางใจมือสังฆราชใหม่ก่อน แล้วทาน้ำมันนั้นทั่วทั้งฝ่ามือ และให้เอาผ้าขาวพันมือไว้
ทีนี้สังฆราชอุปัชฌาย์เรียกเอาไม้เท้าและเครื่องยศมาเสกอำนวยพรและประน้ำมนต์ แล้วส่งมอบให้สังฆราชใหม่และให้โอวาทว่า ท่านจงรับไม้เท้าสำหรับการควบคุมคณะ (Pastorial Staffi) นี้สำหรับการชำระบาป (ของคณะ) จงใช้อำนาจนั้นอย่างเข้มงวด แต่ใช้ด้วยความกรุณาและตัดสินด้วยปราศจากโทษะ แต่นั้นเรียกเอาแหวนมาเศกประน้ำมนต์ และมอบให้สังฆราชใหม่ ด้วยคำโอวาทว่า ท่านจงรับแหวนนี้ไว้ใช้เป็นประกันความศรัทธา (Faith) และความซื่อสัตย์ ทั้งป้องกันมิให้เกิดทุจริตในคณะศาสนา อันอุปมาเหมือนภริยาของพระเป็นเจ้าฉะนั้น ต่อนี้เรียกเอาสมุดพระคัมภีร์ (ที่เอากางครอบต้นคอสังฆราชใหม่ไว้นั้น) มาเศกแล้วมอบแก่สังฆราชใหม่และให้โอวาทว่า ท่านจงรับเอาพระคัมภีร์นี้ไปสั่งสอนบริษัทของท่าน
เมื่อสังฆราชใหม่รับพระคัมภีร์แล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์และสังฆราชกรรมวาจาต่างจุมพิตสังฆราชใหม่ แล้วสังฆราชกรรมวาจาพาสังฆราชใหม่กลับไปยังหน้าพระน้อย เปลื้องผ้าพันที่ศีรษะล้างน้ำมันศีรษะและที่มือ สังฆราชอุปัชฌาย์ก็กลับไปนั่งอาศน์และล้างมือเช่นเดียวกัน พวกนักร้องและชาวดนตรีทำเพลงบูชาต่อไปอีกตอนหนึ่ง พอท่านสังฆราชต่าง ๆ ได้พักหายเหนื่อยเป็นเสร็จพิธีตั้ง
ตอนที่ ๕ พิธีสักการะ
๑๗. ตอนนี้เริ่มด้วยสังฆราชเมืองพม่าซึ่งเป็นกรรมวาจาองค์ ๑ นั้นขึ้นเทศน์บนธรรมาศน์ เทศน์ในภาษาอังกฤษกล่าวความสรรเสริญเกียรติคุณของสังฆราชองค์ใหม่ และแสดงความเที่ยงแท้ของศาสนาคริสตังตามลัทธินิกายโรมันคาโธลิคด้วยประการต่าง ๆ เทศน์อยู่ราว ๒๐ นาที
๑๘. เมื่อเทศน์จบแล้วสวดทำวัตร์ (Mass) ต่อไป ตอนนี้สังฆราชอุปัชฌาย์บูชาที่หน้าพระใหญ่ สังฆราชใหม่บูชาที่หน้าพระน้อย จนจบบทสักการะ (Offertory) หยุดอีกครั้งหนึ่ง
๑๙. สังฆราชอุปัชฌาย์ขึ้นนั่งตั่งที่หน้าฐานชุกชี สังฆราชใหม่เข้าไปคุกเข่าถวายเครื่องไทยธรรม มีเทียนไขขนาดใหญ่ ๒ เล่ม น้ำองุ่นใส่ถังขนาดย่อมพอยกได้ ๒ ถัง กับขนมปังสุกห่อตะกั่ว ๒ ก้อน
๒๐. แล้วสังฆราชอุปัชฌาย์กับสังฆราชใหม่ทำวัตรตอนปลุก ขนมปังกับน้ำองุ่น (Communion) ด้วยกันที่หน้าพระใหญ่ต่อไปจนจบพิธีตอนนี้
ตอนที่ ๖ พิธีเฉลิมศักดิ์
๒๑. สังฆราชอุปัชฌาย์ขึ้นนั่งตั่งและสังฆราชใหม่เข้าไปคุกเข่าตรงหน้าเหมือนหนหลัง ที่นี้สังฆราชอุปัชฌาย์เรียกเอาหมวกพื้นตาดมักทอง (Mitre) สำหรับสังฆราชมาเศกและพรมน้ำมนต์ แล้วสรวมศีรษะให้สังฆราชใหม่ กล่าวว่าหมวกนี้จงเป็นหมวกเกราะ (Helmet) ป้องกันตัวท่านเพื่อต่อสู้ศัตรูอันจะทำลายศาสนา แล้วเรียกเอาถุงมือขาวคู่ ๑ มาเศกและประพรมน้ำมนต์แล้วสรวมมือให้สังฆราชใหม่ กล่าวว่าถุงมือนี้ จงรักษาความสอาดปราศจากบาปอันลามกทั้งปวงอย่าให้มีในคณะศาสนา
๒๒. เมื่อให้เครื่องยศเสร็จแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์ลุกมาจูงสังฆราชใหม่ขึ้นไปนั่งบนตั่งแทนตัว ส่วนตัวเองถอยไปยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วให้สัญญาแก่นักร้องและชาวดนตรีให้ทำเพลง (Te Deum) เป็นทำนองทำขวัญ ในเวลาที่กำลังทำเพลงนั้น ให้สังฆราชกรรมวาจาทั้ง ๒ พาสังฆราชใหม่เดินอำนวยพรแก่บริษัทที่ในโบสถ์ แล้วออกไปเดินอำนวยพรแก่บริษัทที่อยู่ภายนอกจนรอบโบสถ์แล้วกลับเข้าไปนั่งที่ตั่งอย่างเดิมจนจบเพลงทำขวัญ
๒๓. ต่อนี้สังฆราชอุปัชฌาย์ให้สัญญาทำเพลงสรรเสริญ (Anthem) ในเวลาทำเพลง ให้สังฆราชใหม่เป็นประธานในการสวด สังฆราชอีก ๓ องค์ยืนเสียข้างๆ เมื่อจบแล้ว สังฆราชใหม่เดินเข้าไปคำนับสังฆราชทั้ง ๓ และทำจุมพิตแสดงสันติภาพ (Kiss of Peace) กิริยาที่จุมพิตแก่กันและกัน ในการพิธีนั้นเป็นแต่ทั้งสองฝ่ายเอาแก้มไปเคียงกันให้แลเห็นเหมือนอย่างว่าจุมพิต หาได้จูบด้วยปากไม่ และการจุมพิตสันติภาพไม่ใช้เฉพาะแต่สังฆราชต่อสังฆราชเท่านั้น จุมพิตส่งต่อกันไปในบรรดานักบวชที่ไปอยู่ในมณฑลพิธีทั่วทุกคน ต่อนี้มีการสวดพระคัมภีร์อีกเล็กน้อย พอมีเวลาตั้งกระบวนแห่แล้ว แห่กลับไปกุฏิเหมือนอย่างเมื่อเข้ามา แปลกแต่สังฆราชอุปัชฌาย์กับสังฆราชใหม่เดินเคียงคู่กันที่สุดกระบวนฯ