พรรณนาพิธีตั้งแต่สังฆราชโรมันคาโธลิค

ตามที่ได้เห็นครั้งตั้งบาดหลวง เดวัล

เป็นสังฆราชมะละกา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗

การทำพิธีตั้งสังฆราช (Bishop) มีข้อบังคับดังนี้ คือ

๑. ถ้ามิได้ทำพิธีในกรุงโรมอันเป็นที่สถิตย์ของโป๊ปไซร้ ต้องทำพิธีในวัดอันเป็นที่สถิตย์ตามตำแหน่งของสังฆราชองค์นั้น หรือแม้ที่สุดในวัดอันอยู่ในอาณาเขตที่สังฆราชองค์นั้นจะปกครอง

สังฆราชมะละกามีอาณาเขตได้ปกครองตลอดแหลมมลายูของอังกฤษ วัดอันเป็นที่สถิตย์ตามตำแหน่งอยู่ที่เมืองสิงคโปร์ แต่บาดหลวงเดวัลเป็นอธิการวัดอัสสัมชัญในเมืองปีนังอยู่ก่อน (ดูเหมือนจะได้เป็นผู้สร้างโบสถ์ใหม่ในวัดนั้นด้วย) จึงขอให้ทำพิธีที่วัดอัสสัมชัญ เมืองปีนัง

๒. ต้องมีสังฆราชซึ่งครองอาณาเขตอื่นมาทำพิธี ๓ องค์ (ทำนองเป็นอุปัชฌาย์องค์ ๑ เป็นกรรมวาจา ๒ องค์)

ครั้งนี้สังฆราชเปโรที่กรุงเทพฯ มาเป็นอุปัชฌาย์ สังฆราชเมืองพม่ากับสังฆราชเมืองฮ่องกงมาเป็นกรรมวาจา

๓. พิธีควรทำในวันอาทิตย์ หรือในวันอันเป็นอภิลักขิตสำหรับบูชาอรรคสาวก (Apostle) องค์ใดองค์หนึ่ง ถ้าจะทำในวันอื่นนอกจากนั้น ต้องได้รับอนุญาตพิเศษของโป๊ป จึงทำในวันฤกษ์ (Festival) อื่นได้

ครั้งนี้ทำพิธีในวันอาทิตย์ที่ ๑๕ เมษายน ค.ศ. ๑๙๓๔

๔. วันก่อนจะทำพิธีนั้น ทั้งสังฆราชที่จะเป็นอุปัชฌาย์ และผู้จะเป็นสังฆราช ควร (Fast) เว้นบริโภคอาหาร

๕. ในโบสถ์ที่จะทำพิธีให้จัดที่บูชาแยกเป็น ๒ แห่ง ที่บูชาใหญ่สำหรับสังฆราชผู้เป็นอุปัชฌาย์แห่ง ๑ ที่บูชาน้อยสำหรับผู้จะเป็นสังฆราชแห่ง ๑

ครั้งนี้ใช้ที่บูชาพระประธานเป็นที่บูชาใหญ่ ตั้งสังฆราชอาศน์ (Throne) สำหรับสังฆราชอุปัชฌาย์ไว้ข้างซ้าย จัดที่บูชาน้อยข้างขวาเป็นที่บูชาสำหรับผู้ที่จะเป็นสังฆราช

๖. เครื่องครอง (Vestments) ของสังฆราชอุปัชฌาย์นั้น แม้จะตรงกับวันสำหรับครองเครื่องสีใดก็ดี ในการพิธีนี้ต้องครองเครื่องพื้นขาว ส่วนผู้จะเป็นสังฆราช เมื่อไปเข้าพิธี ต้องแต่งอย่างบาดหลวงสามัญ

ในข้อนี้สังเกตดูเครื่องครองของสังฆราชที่แต่งทำพิธีเป็นแพรพื้นขาวปักลายทองอย่างหรูหราใหม่เอี่ยม น่าจะเป็นของสร้างขึ้นสำหรับงาน หรือมิฉะนั้นก็จะเป็นของเก็บสงวนไว้สำหรับใช้แต่งในงานเช่นนี้

ตอนที่ ๑ พิธีเบื้องต้น

๗. ในการพิธีครั้งนี้ประชุมคนมาก เชิญผู้มีบรรดาศักดิ์ตั้งแต่เจ้าเมือง กรมการ กงศุลต่างประเทศ พ่อค้า และพวกถือศาสนาโรมันคาโธลิคทุกชั้นทั้งชายหญิง ส่วนพวกนักบวชเป็นบาดหลวงหรือหลวงชีในอาณาเขต ใครมาได้เห็นจะมาทั้งนั้น มีคนแทบเต็มโบสถ์ ตั้งเก้าอี้นั่ง ๒ ข้าง ไว้ทางเดิน กลางโบสถ์ที่มุข ๒ ข้างเป็นที่พวกบริษัทในศาสนาชั้นต่ำยืนดู ที่บนเต๊งข้างหลังประตูด้านหน้าโบสถ์ พวกชาวดนตรีและนักร้องสำหรับประโคมอยู่รวมกัน ในลานวัดปักธงประดากสีต่างๆ รายตลอด รัฐบาลก็ให้โปลิศไปคอยจัดรถและกันผู้คน นับได้ว่าเป็นการใหญ่อย่างหนึ่ง

๘. ถึงเวลาเช้า ๘ นาฬิกา ลั่นระฆังใหญ่สำหรับวัดให้เสียงเป็นสัญญาเดินกระบวนแห่จากกุฏิมาเข้าโบสถ์ทางด้านหน้า ขณะนั้นชาวดนตรีก็เริ่มประโคม และกระบวนแห่นั้นมีคนถือไม้กางเขนด้ามยาวเดินนำหน้า แล้วถึงกระบวนสามเณรเดิน ๒ แถวประณมมือ แล้วถึงบาดหลวงเดินเช่นเดียวกัน (สังเกตดูพวกสามเณรมีแต่ชาวอินเดียกับจีน แต่บาดหลวงเป็นฝรั่งแทบทั้งสิ้น มีจีนสักคนหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น) ต่อนั้นถึงพวกฐานานุกรม (Deacons) ในการพิธี แล้วผู้จะเป็นสังฆราชและสังฆราชกรรมวาจาทั้ง ๒ สังฆราชอุปัชฌาย์มาที่สุดกระบวน เมื่อกระบวนแห่เข้าไปถึงเขตลานหน้าพระ พวกกระบวนหน้าแยกไป ๒ ข้าง ไปอยู่ตามตำแหน่งที่ของตน ๆ เข้าไปในลานหน้าพระตั้งแต่พวกฐานานุกรม สังฆราชกับผู้จะเป็นสังฆราชขึ้นบรรไดไปถึงลานหน้าฐานชุกชี นมัสการพระเป็นเจ้าแล้วกลับลงมา สังฆราชอุปัชฌาย์แยกไปนั่งเหนืออาศน์ทางด้านซ้ายสังฆราชกรรมวาจาเดินเคียง ๒ ข้าง ผู้จะเป็นสังฆราชพาไปยืนที่หน้าพระ ณ ที่บูชาน้อยข้างฝ่ายขวา ตลอดเวลานี้มีเสียงประโคม ลักษณะการประโคมนั้นมีแต่เครื่องดนตรีบ้าง ประสานกับเสียงขับร้องบ้าง และประโคมเป็นระยะเข้ากับการสวดบ้าง แต่โดยลำพังบ้าง บรรเลงในช่องว่างการพิธีบ้างตลอดงาน ดูเหมือนจะแก่ซ้อมทั้งร้องและดนตรีไพเราะน่าฟัง

๙. เมื่อสังฆราชอุปัชฌาย์ไปนั่งอาศน์และผู้จะเป็นสังฆราชไปยืนที่หน้าพระน้อยแล้ว ฐานานุกรมกับสามเณรผู้เป็นพนักงานไปขนเครื่องครองในการพิธีตามข้อบังคับ ซึ่งจัดวางไว้ที่หน้าพระทั้ง ๒ แห่งมาให้ท่านทั้ง ๒ นั้นผลัดเครื่องครองเดิม เมื่อจะผลัดแต่ละสิ่ง ต้องเสกและจุมพิต (Kiss) ก่อน เห็นจะเว้นแต่รองเท้าสิ่งเดียว

๑๐. เมื่อเปลี่ยนเครื่องครองแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์แต่งเครื่องยศเต็มที่ ใส่หมวกตาดปักทอง ถือไม้เท้ายาวปลายเป็นขอ ขึ้นไปนั่งบนตั่งซึ่งยกมาตั้งที่ชานฐานชุกชีเหนือคั่นบรรไดหันหน้าออกมาข้างนอก ส่วนผู้ที่จะเป็นสังฆราชและสังฆราชกรรมวาจาก็มานั่งตั่งซึ่งตั้งเรียงกัน ๓ ตัวที่ลานหน้าพระเชิงบันไดหันหน้าเข้าไปทางอุปัชฌาย์ พวกฐานานุกรมกับสามเณรที่มีหน้าที่รับใช้ต่างยืนรายรอบตามตำแหน่งของตน

๑๑. คำสวดและคำพูดในการพิธีเป็นภาษาละติน การที่สวดและพูดนอกจากที่กล่าวเพียงสั้น ๆ ใช้อ่านหนังสือทั้งนั้น มีพนักงานถือสมุดตำราและฐานานุกรมคอยพลิกหน้าสมุดให้สังฆราชเสมอ

เริ่มพิธีด้วยสังฆราชกรรมวาจาองค์เป็นอาวุโสลุกขึ้นยืนกล่าวเสนอต่อสังฆราชอุปัชฌาย์ว่า สาสนมณฑล (Church) ขอให้เจ้าคุณสถาปนา (Consecrate) บาดหลวงเดวัลองค์นี้เป็นสังฆราชผู้รับผิดชอบ (ในการรักษาศาสนา) สังฆราชอุปัชฌาย์ถามว่าได้รับอาชญามาแต่โป๊ปแล้วหรือ ผู้เสนอตอบว่าได้รับแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์จึงสั่งให้หัวหน้าฐานานุกรมอ่านอาชญาประกาศแก่ที่ประชุม ก็ในอาชญานั้นมีข้อไขอันหนึ่งว่า ผู้จะเป็นสังฆราชต้องให้ปฏิญาณสัญญาว่า จะซื่อตรง (Faithful) ต่อโป๊ป เพราะฉนั้นเมื่ออ่านอาชญาจบ ผู้จะเป็นสังฆราช ก็ลุกยืนขึ้นกระทำปฏิญาณสัญญา เป็นที่สุดแห่งพิธีเบื้องต้นเพียงนี้

ตอนที่ ๒ พิธีสอบถาม

๑๒. ทีนี้สังฆราชอุปัชฌาย์กล่าวแก่ผู้จะเป็นสังฆราชว่าตามบัญญัติของชนกาจารย์เจ้า (Holy Fathers) แต่ปางก่อนบัญญัติไว้ว่า เมื่อจะสถาปนาใครเป็นตำแหน่งสังฆราช จะต้องพิสูจน์เสียก่อนซึ่งความศรัทธามั่นคงในไตรสรณะ (Holy Trinity) และซึ่งความทรงศีลธรรมว่า สมควรแก่ตำแหน่งที่จะปกครองคณะแล้วหรืออย่างไร อีกประการหนึ่ง จะต้องสั่งสอนให้รู้หน้าที่ของผู้เป็นสังฆราชรักษาศาสนาของพระเป็นเจ้าด้วย ตัวท่านพร้อมที่จะยอมประพฤติตามบัญญัตินั้นหรือไม่ ผู้จะเป็นสังฆราชลุกยืนขึ้นกล่าวรับว่าเต็มใจที่จะประพฤติตามบัญญัติทุกประการ สังฆราชอุปัชฌาย์จึงยกข้อศีลธรรมอันเป็นวัตรปฏิบัติสำหรับสังฆราชขึ้นถาม และผู้ที่จะเป็นสังฆราชลุกยืนขึ้นรับทีละข้อ เมื่อครบ ๘ ข้อแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์จึงอำนวยพรและพวกบาดหลวงอื่นที่เป็นคณะปรกอยู่ในวงพิธีก็ร้องสาธุการ (Amen) แล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์ยกข้อคติที่นิกายโรมันคาธอลิคเชื่อถือ ผิดกับนิกายอื่นขึ้นถามเป็นความ ๘ ข้อ ผู้จะเป็นสังฆราชลุกยืนขึ้นรับว่าเชื่อมั่นในคตินั้นจนครบทุกข้อ สังฆราชอุปัชฌาย์ก็อำนวยพรและคณะปรกสาธุการเหมือนหนหลัง เมื่อหมดข้อถามทั้งปวงแล้ว ผู้จะเป็นสังฆราชเข้าไปคุกเข่าจุมพิตมือสังฆราชอุปัชฌาย์ เป็นเสร็จพิธีส่วนสอบถาม

ตอนที่ ๓ พิธีขอพร

๑๓. ต่อนี้สังฆราชอุปัชฌาย์เริ่มพิธีทำวัตรพระ (Mass) อันนิกายโรมันคาโธลิคย่อมทำเป็นนิจ แต่เมื่อเอามาทำเนื่องในการตั้งสังฆราชตัดเป็นตอน ๆ ในระวางนั้นเอาพิธีตั้งสังฆราชแทรกเข้าเรียงไปเป็นอย่าง ๆ ขณะเมื่อสังฆราชไปยังหน้าพระน้อยเปลี่ยนเครื่องครองอีกอย่างหนึ่ง (ทำนองจะเป็นเครื่องอย่างนักบุญแต่งมาแต่ก่อน คือสวมเกือกหนีบกับเท้าเปล่าเป็นต้น) แล้วไปช่วยสวดทำวัตรพระด้วย

๑๔. เมื่อสวดทำวัตรพระไปหมดระยะลง สังฆราชอุปัชฌาย์ลงนั่งตั่งที่หน้าพระเหมือนหนหลัง ผู้จะเป็นสังฆราชเข้าไปยืนตรงหน้า สังฆราชอุปัชฌาย์จึงบอกหน้าที่ ๗ อย่างของสังฆราช ว่าจะต้องกระทำกิจเหล่านี้ คือ ๑ วินิจฉัย (Judge) ความในพระคัมภีร์ (Gospel) ๒. แปล (Interpret) ความในพระคัมภีร์ ๓. สถาปนา (ความศักดิ์สิทธิ์ Consecrate) ๔. ให้บรรพชา (Ordain) ๕. บูชายันต์ (Oblation) ๖. ให้น้ำรับคนเข้าศาสนา (Baptize) ๗. รับคำมั่นของผู้ถือศาสนา (Confirmation) เมื่อบอกหน้าที่แล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์ลุกขึ้นยืนกล่าวชวนบริษัททั้งปวงให้ขอพระเป็นเจ้ากับทั้งนักบุญทั้งปวงให้ประสิทธิ์แก่ผู้จะเป็นสังฆราช

๑๕. เวลาขอพรนั้นผู้จะเป็นสังฆราชต้องนอนพังพาบ (Prostrate) บนคั่นบรรไดหน้าฐานชุกชี หันศีรษะไปทางข้างหน้าพระสังฆราชและผู้อื่นทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ชายและหญิงบรรดาที่ถือโรมันคาโธลิคลงคุกเข่าทั้งนั้น ส่วนผู้ที่มิได้ถือลัทธินั้น ที่เป็นผู้มีอัชฌาศัยก็ลุกขึ้นยืนแสดงกิริยาเคารพ แต่พวกถือลัทธิโปรเตสตันต์ที่ไม่มีอัชฌาศัยนิ่งเฉยเสียก็มี คำสวดขอพรพวกนักร้องชาวดนตรีเป็นพนักงานสวด ออกนามนักบุญรายตัว สวดอยู่ช้านานสัก ๒๐ นาที จึงจบตอนขอพร

ตอนที่ ๔ พิธีตั้ง

๑๖. เมื่อเสร็จขอพรแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์ยืนที่หน้าพระ ผู้จะเป็นสังฆราชเข้าไปคุกเข่าตรงหน้า สังฆราชอุปัชฌาย์กับสังฆราชกรรมวาจาช่วยกันเอาสมุดพระคัมภีร์มากาง แล้ววางคว่ำลงตรงคอต่อข้างหลังผู้จะเป็นสังฆราช (ให้บาดหลวงองค์หนึ่งจับไว้จนตลอดพิธีตอนนี้) แล้วสังฆราชทั้ง ๓ เอามือของตนทั้ง ๒ ข้างวางบนศีรษะผู้จะเป็นสังฆราช ออกอุทานพร้อมกันว่า “ท่านจงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์” (Holy ghost) แล้วสังฆราชอุปัชฌาย์สวดขอพรพระเป็นเจ้าอีกบทหนึ่ง แล้วสวดอารัมภกถาอ้างถึงการเริ่มตั้งบาดหลวง (High Priest) มีมาแต่ครั้งพระเป็นเจ้าทรงตั้งนักบุญโมเส ย่อมมีเครื่องครองและเครื่องหมายสำหรับสังฆราชสืบมาแต่ครั้งนั้น สำหรับใช้เมื่อกระทำการตามตำแหน่ง และบัดนี้ข้าของพระเป็นเจ้าผู้ที่ได้รับเลือกเป็นบาดหลวงจะได้รับเครื่องครองและเครื่องยศตามตำแหน่ง อันปักร้อยประดับประดาด้วยเพ็ชรพลอยและทอง ขอพระเป็นเจ้าจงบันดาลให้ของมหรรฆภัณฑ์ทั้งหลายนั้น ฉายรัศมีเข้าไปบำรุงศีลธรรม (Morals) และความประพฤติ (Deeds) ให้สำเร็จประโยชน์ รักษาศาสนาและศักดิ์สิทธิ์ (Sanctify) ด้วยน้ำมันสวรรค์ (Celestial Ointment) ที่ได้รับอภิเศกนั้น

เมื่อสังฆราชอุปัชฌาย์สวดคำนำ (Preface) แล้วให้เอาผ้าขาวม้วนพันรอบศีรษะผู้จะเป็นสังฆราช เพื่อจะมิให้น้ำมันเจิมไหลลงมาเปื้อนหน้า แล้วสังฆราชอุปัชฌาย์ชักสวดเพลงบูชา (Hymn) เข้าเครื่องดนตรีและร้องประสานเสียง กำลังสวดนั้นสังฆราชอุปัชฌาย์ไปนั่งที่ตั่ง และผู้จะเป็นสังฆราชเข้าไปคุกเข่าตรงหน้า สังฆราชอุปัชฌาย์รดน้ำมันบนศีรษะผู้จะเป็นสังฆราช

เมื่อสิ้นคำสวดตอนหนึ่งแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์สวดคำนำต่อไปอีกตอนหนึ่ง ความในตอนนี้ขอพรพระเป็นเจ้าให้บรรดาลฤทธิ์น้ำมันอภิเศกให้แล่นทั่วสรรพางค์กายของสังฆราชใหม่ ปลุกคุณธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ (พรรณนารายข้อยืดยาว) แล้วชักสวดสรรเสริญ (Anthem) ต่อไป ในเวลากำลังสวดตอนนี้ สังฆราชอุปัชฌาย์เอาน้ำมันวาดรูปไม้กางเขน ที่กลางใจมือสังฆราชใหม่ก่อน แล้วทาน้ำมันนั้นทั่วทั้งฝ่ามือ และให้เอาผ้าขาวพันมือไว้

ทีนี้สังฆราชอุปัชฌาย์เรียกเอาไม้เท้าและเครื่องยศมาเสกอำนวยพรและประน้ำมนต์ แล้วส่งมอบให้สังฆราชใหม่และให้โอวาทว่า ท่านจงรับไม้เท้าสำหรับการควบคุมคณะ (Pastorial Staffi) นี้สำหรับการชำระบาป (ของคณะ) จงใช้อำนาจนั้นอย่างเข้มงวด แต่ใช้ด้วยความกรุณาและตัดสินด้วยปราศจากโทษะ แต่นั้นเรียกเอาแหวนมาเศกประน้ำมนต์ และมอบให้สังฆราชใหม่ ด้วยคำโอวาทว่า ท่านจงรับแหวนนี้ไว้ใช้เป็นประกันความศรัทธา (Faith) และความซื่อสัตย์ ทั้งป้องกันมิให้เกิดทุจริตในคณะศาสนา อันอุปมาเหมือนภริยาของพระเป็นเจ้าฉะนั้น ต่อนี้เรียกเอาสมุดพระคัมภีร์ (ที่เอากางครอบต้นคอสังฆราชใหม่ไว้นั้น) มาเศกแล้วมอบแก่สังฆราชใหม่และให้โอวาทว่า ท่านจงรับเอาพระคัมภีร์นี้ไปสั่งสอนบริษัทของท่าน

เมื่อสังฆราชใหม่รับพระคัมภีร์แล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์และสังฆราชกรรมวาจาต่างจุมพิตสังฆราชใหม่ แล้วสังฆราชกรรมวาจาพาสังฆราชใหม่กลับไปยังหน้าพระน้อย เปลื้องผ้าพันที่ศีรษะล้างน้ำมันศีรษะและที่มือ สังฆราชอุปัชฌาย์ก็กลับไปนั่งอาศน์และล้างมือเช่นเดียวกัน พวกนักร้องและชาวดนตรีทำเพลงบูชาต่อไปอีกตอนหนึ่ง พอท่านสังฆราชต่าง ๆ ได้พักหายเหนื่อยเป็นเสร็จพิธีตั้ง

ตอนที่ ๕ พิธีสักการะ

๑๗. ตอนนี้เริ่มด้วยสังฆราชเมืองพม่าซึ่งเป็นกรรมวาจาองค์ ๑ นั้นขึ้นเทศน์บนธรรมาศน์ เทศน์ในภาษาอังกฤษกล่าวความสรรเสริญเกียรติคุณของสังฆราชองค์ใหม่ และแสดงความเที่ยงแท้ของศาสนาคริสตังตามลัทธินิกายโรมันคาโธลิคด้วยประการต่าง ๆ เทศน์อยู่ราว ๒๐ นาที

๑๘. เมื่อเทศน์จบแล้วสวดทำวัตร์ (Mass) ต่อไป ตอนนี้สังฆราชอุปัชฌาย์บูชาที่หน้าพระใหญ่ สังฆราชใหม่บูชาที่หน้าพระน้อย จนจบบทสักการะ (Offertory) หยุดอีกครั้งหนึ่ง

๑๙. สังฆราชอุปัชฌาย์ขึ้นนั่งตั่งที่หน้าฐานชุกชี สังฆราชใหม่เข้าไปคุกเข่าถวายเครื่องไทยธรรม มีเทียนไขขนาดใหญ่ ๒ เล่ม น้ำองุ่นใส่ถังขนาดย่อมพอยกได้ ๒ ถัง กับขนมปังสุกห่อตะกั่ว ๒ ก้อน

๒๐. แล้วสังฆราชอุปัชฌาย์กับสังฆราชใหม่ทำวัตรตอนปลุก ขนมปังกับน้ำองุ่น (Communion) ด้วยกันที่หน้าพระใหญ่ต่อไปจนจบพิธีตอนนี้

ตอนที่ ๖ พิธีเฉลิมศักดิ์

๒๑. สังฆราชอุปัชฌาย์ขึ้นนั่งตั่งและสังฆราชใหม่เข้าไปคุกเข่าตรงหน้าเหมือนหนหลัง ที่นี้สังฆราชอุปัชฌาย์เรียกเอาหมวกพื้นตาดมักทอง (Mitre) สำหรับสังฆราชมาเศกและพรมน้ำมนต์ แล้วสรวมศีรษะให้สังฆราชใหม่ กล่าวว่าหมวกนี้จงเป็นหมวกเกราะ (Helmet) ป้องกันตัวท่านเพื่อต่อสู้ศัตรูอันจะทำลายศาสนา แล้วเรียกเอาถุงมือขาวคู่ ๑ มาเศกและประพรมน้ำมนต์แล้วสรวมมือให้สังฆราชใหม่ กล่าวว่าถุงมือนี้ จงรักษาความสอาดปราศจากบาปอันลามกทั้งปวงอย่าให้มีในคณะศาสนา

๒๒. เมื่อให้เครื่องยศเสร็จแล้ว สังฆราชอุปัชฌาย์ลุกมาจูงสังฆราชใหม่ขึ้นไปนั่งบนตั่งแทนตัว ส่วนตัวเองถอยไปยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วให้สัญญาแก่นักร้องและชาวดนตรีให้ทำเพลง (Te Deum) เป็นทำนองทำขวัญ ในเวลาที่กำลังทำเพลงนั้น ให้สังฆราชกรรมวาจาทั้ง ๒ พาสังฆราชใหม่เดินอำนวยพรแก่บริษัทที่ในโบสถ์ แล้วออกไปเดินอำนวยพรแก่บริษัทที่อยู่ภายนอกจนรอบโบสถ์แล้วกลับเข้าไปนั่งที่ตั่งอย่างเดิมจนจบเพลงทำขวัญ

๒๓. ต่อนี้สังฆราชอุปัชฌาย์ให้สัญญาทำเพลงสรรเสริญ (Anthem) ในเวลาทำเพลง ให้สังฆราชใหม่เป็นประธานในการสวด สังฆราชอีก ๓ องค์ยืนเสียข้างๆ เมื่อจบแล้ว สังฆราชใหม่เดินเข้าไปคำนับสังฆราชทั้ง ๓ และทำจุมพิตแสดงสันติภาพ (Kiss of Peace) กิริยาที่จุมพิตแก่กันและกัน ในการพิธีนั้นเป็นแต่ทั้งสองฝ่ายเอาแก้มไปเคียงกันให้แลเห็นเหมือนอย่างว่าจุมพิต หาได้จูบด้วยปากไม่ และการจุมพิตสันติภาพไม่ใช้เฉพาะแต่สังฆราชต่อสังฆราชเท่านั้น จุมพิตส่งต่อกันไปในบรรดานักบวชที่ไปอยู่ในมณฑลพิธีทั่วทุกคน ต่อนี้มีการสวดพระคัมภีร์อีกเล็กน้อย พอมีเวลาตั้งกระบวนแห่แล้ว แห่กลับไปกุฏิเหมือนอย่างเมื่อเข้ามา แปลกแต่สังฆราชอุปัชฌาย์กับสังฆราชใหม่เดินเคียงคู่กันที่สุดกระบวนฯ

สิ้นเรื่องพิธีตั้งสังฆราชเท่านี้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ