- เมษายน
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ พระยาประมวญวิชชาพูล
- —วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —วินิจฉัยเรื่องยุทธภัยระวางยี่ปุ่นกับอังกฤษ
- —วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ม.ร.ว.อี๋ นพวงศ
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —พรรณนาพิธีตั้งแต่สังฆราชโรมันคาโธลิค
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —อักษรจารึก ที่รูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดโมลีโลก
- —อักษรจารึก ที่รูปสมเด็จพระสังฆราช วัดมหาธาตุ
- —ประกาศตราตระกูล
- —สมโภชพระนครร้อยปี
- —หมายกำหนดการพระราชพิธีเชิญพระบรมรูปจากพระที่นั่งศิวาไลยมหาปราสาท
- —หมายกำหนดการฉลองพระบรมรูปพระบาทสมเดจพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แลวันที่รฦกมหาจักรี
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —ท่านทราบไหมว่า
- วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —เล่าเรื่องไปชะวา ครั้งที่ ๓
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗
- —คณะกรรมการผู้เริ่มตั้งสมาคมสถาปนิกสยาม
- วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —ร่าง ตำนานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗
- วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร (๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- มกราคม
- กุมภาพันธ์
- มีนาคม
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า (ต่อ)
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —บันทึกความสำนึกในวิธีราชาภิเษกแบบพะม่า
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —บันทึกข้อที่น่าใส่ใจในกฎมนเทียรบาลของพะม่า (ภาค ๒)
วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
บ้านซินนามอน ฮอลล์ ปีนัง
วันที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๗
ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ
จดหมายคราวนี้มีเรื่องทูลบันเล็ง เปนเรื่องที่หม่อมฉันได้ทูลสัญญาไว้แต่ก่อน คือเรื่องตั้งสังฆราชโรมันคาโธลิค หม่อมฉันได้ไปดูเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายนเรื่อง ๑ กับเรื่องเทวสถานต่าง ๆ หม่อมฉันได้ไปดูเมื่อวันที่ ๑๖ อีกเรื่อง ๑ พิธีตั้งสังฆราชพิลึกกึกกือจริงดังเคยได้ยินเขาว่า และครั้งนี้ประจวบเหมาะด้วยเขาแปลตำราตั้งสังฆราชเปนภาษาอังกฤษพิมพ์แจกในงานนั้น เปนเหตุให้รู้อธิบายถ้วนถี่ดีขึ้นด้วย ถึงจะเขียนเปนบันทึกเล่าถวาย หม่อมฉันกำลังแต่งอยู่จะส่งถวายพร้อมกับจดหมายฉะบับนี้ไม่ทัน จึงขอทูลรายงานแต่เรื่องไปดูเทวสถานก่อน
หม่อมฉันได้คิดใคร่จะไปดูเทวสถานต่าง ๆ ที่ในปีนังนี้มาตั้งแต่ได้เห็นพวกพราหมณ์ทำพิธี Thai Pusam เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ดังได้ทูลไปแล้ว แต่ยังหาผู้พาไม่ได้ต้องรอมาจนเมื่อเดือนเมษายนนี้ หม่อมฉันไปรู้จักกับกัปตันดิกกินสัน ผู้บังคับการโปลิศเมืองปีนัง เขาเปนคนมีอัชฌาศัยปวารณาถามหม่อมฉันว่าจะให้เขาทำอันใดให้บ้าง หม่อมฉันได้โอกาสจึงบอกว่าอยากไปดูเทวสถานต่าง ๆ ของพวกพราหมณ์ในเมืองปีนังนี้ แต่ยังหาตัวผู้พาไม่ได้ ถ้าเขาช่วยหาคนฮินดูที่รู้ภาษาอังกฤษเปนผู้พาหม่อมฉัน และช่วยขออนุญาตที่จะเข้าไปดูให้ได้จะขอบใจมาก เขารับจะเปนธุระให้สมประสงค์ ต่อมาเขาได้หาฮินดูคน ๑ ดูเหมือนจะเปนพราหมณ์ชื่อ ยะคัมพรัม ปิลเล มาให้เปนผู้นำทาง และได้จัดการบอกกล่าวกับผู้ปกครองเทวสถานที่จะไปดู กำหนดวันให้ไปวันจันทรที่ ๑๖ เมษายน เพราะเปนวันนักขัตฤกษ์อย่างหนึ่งของเขา ตอนเช้าไปดูเทวสถานบนไหล่เขาอันเปนที่คนแก้บนในพิธี Thai Pusam ตอนค่ำไปดูเทวสถานในเมืองอีก ๒ สถาน เขาว่ามีสถานใหญ่ที่น่าดูเพียงเท่านี้ เปน ๔ แห่งทั้งสถานถนนน้ำตกที่หม่อมฉันได้ไปดูแล้วเมื่อทำพิธี Thai Pusam นอกจากนั้นเปนแต่สถานเล็กน้อยไม่มีอะไรน่าดู หม่อมฉันได้ถามเขาถึงเรื่องชื่อเทวสถาน ได้ความว่าเรียกชื่อกันเปนภาษาทมิฬ เปนชื่อสถานอยู่ข้างหน้ากับชื่อผู้สร้างอยู่ข้างหลัง ไม่เปนประโยชน์ที่จะจดมา
สถานที่ไหล่เขานั้นเปนสถานอุททิศต่อพระขันธกุมาร ที่เชิงบรรไดขึ้นเขามีสถานน้อย ในนั้นมีตรีศูลทำด้วยสัมฤทธิ์ปักไว้เปนประธาน เขาบอกอธิบายว่าเปนเครื่องศัสตราของพระขันธกุมาร สำหรับกีดกันยักษมารไม่ให้มาย่ำยี ขึ้นบรรไดไปเกือบ ๒๐๐ คั่นจึงถึงสถานพระขันธกุมาร ก่อเปนวิหารหลังคาโรงมีประตูเข้าทางด้านสกัดข้างหน้า ในวิหารตั้งรูปพระขันธกุมารสูงสักศอกหนึ่งเปนประธาน รูปนั้นห่มผ้าโหมดตาด คลุมเสียหมด เห็นแต่หน้าดูก็ไม่งดงามฉันใด ข้างหน้าวิหารมีที่ประชุมสัปรุษทำนองเดียวกับโบสถ์วัดพิชัยญาติฯ สองข้างบรรไดเข้าวิหารมีซุ้มตั้งเทวรูปพระคเณศรซุ้ม ๑ พระรามซุ้ม ๑ และมีที่ตั้งเทวรูปอยู่ข้าง ๆ อีกซุ้ม ๑ เปนรูปเด็ก หม่อมฉันสำคัญว่าพระกฤษณ แต่ผู้พาเขาว่าไม่ใช่เขาว่าเปนรูปพระขันธกุมารแบ่งภาค
การที่หม่อมฉันไปนั้น เขาได้ไปบอกกล่าวกันเตรียมรับรองและทำขวัญให้ด้วย พอขึ้นบรรไดไปใกล้จะถึงก็มีคนเป่าปี่ ๒ ตีกลองแขก ๑ มารับแล้วประโคมนำขึ้นไปยังสถาน ที่สถานนั้นมีพวกฮินดูอยู่สัก ๑๐ คน เปนพนักงานทำพิธี ๒ คน คนหนึ่งดูเหมือนจะเปนบิดาอายุกว่า ๗๐ อีกคนหนึ่งเปนบุตรอายุราว ๓๐ เศษ หม่อมฉันไปกับหญิงพิลัยหญิงเหลือแต่หญิงพูนถ่ายยาไม่ได้ไป เมื่อไปถึงประตูหน้าวิหาร หม่อมฉันกับหญิงพิลัย กระทำเคารพต่อเทวรูปด้วยก้มศีร์ษะคำนับ แต่หญิงเหลือนั้นคม บอกว่าเพราะได้ครอบจากครูละคอน เคยคมพระขันธกุมารมาแล้ว เมื่อแสดงความเคารพแล้วพนักงานเขาก็เริ่มทำพิธีทำขวัญ คนลูกเปนคนทำพิธีบูชามากระซิบถามผู้นำว่าเรียกชื่อหม่อมฉันอย่างไร บอกให้แล้วก็เริ่มร่ายมนต์ที่หน้าพระคเณศร์ก่อน เวลาที่ร่ายมนต์นั้นมือถือกระชุใส่ใบมะตูมควัก ใบมะตูมประพรมด้วย ร่ายมนต์จบตาพ่อก็เอาตะเกียงมีกิ่งสัก ๙ กิ่ง แต่ละกิ่งมีจานสำหรับจุดไฟบรรจุการบูนจะประสมกับอะไรอีกหาทราบไม่สีขาว ๆ ตาพ่อเอาเข้าไปจุดไฟที่ในวิหารแล้วมาส่งให้ลูก ลูกยกตะเกียงขึ้นชูบูชาที่หน้าพระ ในเวลาที่ชูตะเกียงนี้เปนเวลาสำคัญที่สุดในการพิธี บรรดาผู้อยู่ในที่นั้นต้องไหว้นบเทพเจ้าทุกตัวคน ชาวประโคมก็ประโคมนี่นันท์ สังเกตดูกิริยาที่พวกฮินดูไหว้นบเทพเจ้าดูมีหลายอย่าง อย่างต่ำยืนประณมมือ อย่างต่อขึ้นมาเอาสองแขนไขว้กันอย่างพระรำพึง มือจับหัวไหล่แล้วย่อเข่าลง ๓ หน อีกอย่างหนึ่งโค้งตัวลงจนปลายนิ้วทั้ง ๒ ข้างถึงพื้น อีกอย่างหนึ่งกราบอย่างเบญจางคประดิษฐ์ และอย่างที่สุดลงนอนคว่ำเหยียดยาวทำอัษฎางคประดิษฐ์ เมื่อบูชาไฟแล้วเปนเสร็จ ย้ายไปร่ายมนต์ทำพิธีเช่นเดียวกันที่หน้าเทวรูปพระขันธกุมารอีกครั้ง ๑ แล้วทำที่หน้าเทวรูปพระรามอีกครั้ง ๑ เปนอันครบ ๓ ครั้ง หมายความว่ากระทำบูชาแทนพวกหม่อมฉัน ต่อนี้พวกพนักงานนำของขวัญมาให้ อธิบายว่าเปนของพระเปนเจ้าประทานตอบแทน ของขวัญนั้นคือ สิ่งที่ ๑ จะเปนเข้าตูหรืออะไรไม่ทราบแน่สีเหลืองๆ ผู้พาบอกว่าทำด้วยเข้ากับสิ่งอื่นประสมกัน จับดูหยาบๆ คล้ายกับทราย พวกฮินดูรับไปกินหน่อยหนึ่ง โรยบนศีร์ษะหน่อยหนึ่ง แต่พวกหม่อมฉันเปนแต่รับโรยบนศีร์ษะเล็กน้อยพอเปนกิริยาบุญ สิ่งที่ ๒ กระแจะจันทน์ ทำเปนผงที่พวกฮินดูชอบทาหน้าผากและชะโลมตัว พวกหม่อมฉันรับแล้วเจิมที่หน้า สิ่งที่ ๓ ชาดหรคุณสำหรับเอานิ้วจิ้มมาเจิมที่หว่างคิ้ว พวกหม่อมฉันก็รับจิ้ม สิ่งที่ ๔ ปัญจโคเวีย เขาบอกว่าเปนนมโค แต่พวกหม่อมฉันขอเว้น สิ่งที่ ๕ คือมะพร้าวผ่าซีก ในนั้นมีกล้วยและใบพลู เมื่อให้ของขวัญแล้วเอาพวงมาลัยดอกมลิ ร้อยสลับกับทองอังกฤษสีต่าง ๆ มาสวมคอให้หม่อมฉัน เปนเสร็จการพิธีแล้วลากลับมา
ตอนค่ำจวน ๒๐ นาฬิกา ผู้นำมาพาไปดูเทวสถานอีก ๒ แห่ง แห่งที่ ๑ เปนสถานใหญ่และดูเหมือนจะเก่าก่อนสถานอื่น ๆ ทำถูกแบบตั้งเทวรูปนางทุรคะเปนประธานในปรางค์ใหญ่ มีซุ้มสองข้างตั้งรูปพระอิศวรปางนัฏราช กับรูปพระอุมาข้าง ๑ ตั้งรูปอาจารย์ ๔ คนเห็นจะเปนผู้ที่เคยเปนสมภารวัดนั้นมาแต่ก่อนข้าง ๑ ต่อออกไปมีซุ้มปรางค์ ตั้งรูปพระคเณศร์ข้าง ๑ รูปพระขันธกุมารข้าง ๑ ชักหลังคาเชื่อมถึงกันหมดในสถานจุดโคมไฟฟ้าและตะเกียงใส่โคมหวดแขวนสว่างไสว เมื่อพวกหม่อมฉันอันมีหญิงพูนเพิ่มขึ้นอีกคน ๑ ไปถึงมีชาวประโคมคอยรับ พอเข้าไปในประตูมีพวกปริพาชกที่เปนอาจารย์ประจำสถานมาคอยรับหลายคน พวกนี้โกนศีร์ษะ โกนหนวด นุ่งและคาดผ้าขาวไม่ใส่เสื้อ (พวกปริพาชกครั้งพุทธกาล จะเปนเช่นพวกนี้นั้นเอง) พอเข้าประตูเดินไปถึงชั้นลานปรางค์ ตาปริพาชกให้ถามหม่อมฉันว่าจะถอดรองเท้าได้หรือไม่ หม่อมฉันได้ตอบว่าถอดไม่ได้ ถ้าจะให้ถอดรองเท้าก็จะอยู่แต่เพียงนี้ ตาปริพาชกคนนั้นใจดีจับแขนหม่อมฉันจูงเข้าไปในลานปรางค์ทั้งใส่รองเท้า ก็เปนอันเรียบร้อย มีพิธีทำขวัญอีกเพียงให้ของขวัญ หาถึงร่ายมนต์บูชาอย่างตอนเช้าไม่
สถานที่ ๒ ที่ไปดูย่อมกว่าสถานที่ ๑ แต่เปนสถานสร้างใหม่ พึ่งฉลองเมื่อปีกลายนี้ ตาคนนำแกเปนเจ้าของสถานจึงได้ขอให้ไปดู เปนสถานสร้างอุททิศต่อพระขันธกุมาร มีปรางค์แต่ไม่มีอะไรแปลกปลาดจากที่ได้พรรณนามาแล้ว ถึงตอนนี้ผู้นำทางชวนให้ไปดูเทวรูปองค์ที่แห่เมื่อทำพิธี Thai Pusam อันรักษาไว้ที่บ้านแห่ง ๑ ว่าแต่งเครื่องเพ็ชรนิลจินดามีค่ามาก หม่อมฉันจะไม่ไปด้วยว่าเคยเห็นเทวรูปองค์นั้นแล้วเมื่อเชิญแห่ไปไว้ที่สถานถนนน้ำตก แกบอกว่าขอให้ไปสักหน่อย ด้วยเขาเตรียมรับรองร้อยพวงมาลัยไว้ให้ก็ต้องจำไป แต่การที่ไปตาผู้พาขึ้นรถยนต์นำไปหยุดอยู่ที่ชายทะเล หม่อมฉันถามว่าทำไมมาหยุดเสียที่นี่ แกบอกว่าพวกชาวประโคมมันมีชุดเดียว จะต้องเดินจากสถานที่รับหม่อมฉันไปแล้วไปประโคมณะที่จะไปอีก รออยู่สัก ๑๕ นาทีจึงได้แล่นรถต่อไปถึงตึกแถว ๒ ห้องที่ไว้เทวรูปนั้น เข้าไปถึงห้องชั้นล่างไปเกิดความ ด้วยพวกรักษาเทวรูปเกี่ยงจะให้ถอดรองเท้าเมื่อขึ้นไปห้องไว้เทวรูป หม่อมฉันไม่ยอมยืนกรานกันทั้ง ๒ ข้าง ลงปลายพวกรักษาเทวรูปลงมาสวมพวงมาลัยให้ที่ห้องชั้นล่าง แล้วหม่อมฉันก็กลับมา เปนอันสิ้นเรื่องที่ไปดูเทวสถานต่าง ๆ ได้ความว่าพวกฮินดูที่มาอยู่ปีนังมาแต่อินเดียข้างใต้ ถือสาสนาฮินดูลัทธิศิเวทนับถือพระอิศวรแทบทั้งนั้น หม่อมฉันยังไม่ได้พบวัดวิษณุเวทที่แห่งใด นอกจากรูปพระรามที่มีณเทวสถานที่เชิงเขา
หม่อมฉันฟังเกตดูพวกชาวอินเดียใต้ที่มาอยู่ในปีนังนี้ ถ้าว่าโดยรูปพรรณผิดกันเปน ๒ จำพวก ผิวดำจัดพวก ๑ ผิวคล้ามไม่ดำนักพวก ๑ ถ้าว่าโดยชื่อที่เรียกกันก็เปน ๒ พวกคือ ทมิฬพวก ๑ กลิงพวก ๑ แต่ถ้าว่าโดยภาษาดูใช้ภาษาทมิฬเปนพื้น สืบหาหลักฐานที่จะชี้ขาดว่าชนชาติทมิฬกับชนชาติกลิงผิดกันอย่างไรยังไม่ได้ ออกคิดถึงตาพราหมณ์ที่หอพระสมุดฯ ถ้าท่านพบตัวขอให้ตรัสถามอธิบายแกดูสักที ข้อสำคัญนั้นพวกทมิฬเปนมนุษย์พวกดราวีเดียนมิใช่อารยัน จะเปนพราหมณ์ได้อย่างไร ในเวลาไปดูเทวสถานหม่อมฉันนึกขึ้นถึงชื่อตาพราหมณ์ที่หอพระสมุดฯ ว่า สุประนันยา ศาสตรี ลองถามผู้ที่พาหม่อมฉันไปว่าแปลความอย่างไร เขาบอกอธิบายว่าไม่ใช่ชื่อตัวคนเปนชื่อเกียรติคุณ ศาสตรี-หมายความว่าเปนผู้ทรงศาสตราคม สุประนันยา-ก็หมายสกุล ขอให้ทรงลองถามพราหมณ์ดูถึงเรื่องประเพณีที่เขาให้ชื่อกันทางอินเดียข้างใต้ด้วย ได้ความอย่างไรโปรดให้หม่อมฉันทราบได้ จะขอบพระเดชพระคุณเปนอันมาก
หม่อมฉันหวังใจว่าจะทรงเปนสุขสบายดีอยู่.
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด