วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๗ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๗

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัดถ์ลงวันที่ ๑๐ ได้รับประทานทราบความทุกประการแล้ว

พระพรหมพิจิตรแกไปฐลกว่ากะไรลงหนังสือพิมพ์อะไร เกล้ากระหม่อมไม่ได้พบไม่ได้เห็น ตามที่ทรงรู้สึกว่าวิชาความรู้ดูเปนมีเวลาเจริญและเสื่อมเปนยุคเปนคราวคล้ายกับสัณฐานลูกคลื่นนั้นถูกแล้ว คลื่นย่อมเจริญด้วยลมฉันใด วิชาก็ย่อมเจริญด้วยความต้องการฉันนั้น กระบวรช่างทางศิลป (อารติสติก) นั้น อย่าหาแต่เราเลย ฝรั่งก็บ่นกันเหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้เสื่อมลง เพราะไปวุ่นกันเสียในทางวิทยาศาสตร์ มีเครื่องบินเปนต้น พูดถึงศิลปเกล้ากระหม่อมอ่อนใจไปเสียอีกทางหนึ่ง คำว่าศิลปเดี๋ยวนี้ ออกจะเข้าใจกันไปกลายเปนว่าผู้หญิงแก้ผ้า

เรื่องตรุสจีน ฝ่าพระบาทประทับอยู่ปินังได้ช่องดีที่จะพึงทอดพระเนตรเห็นหลายอย่าง เพราะที่ปีนังมีจีนอยู่หลายชั้น ในกรุงเทพ ฯ ไม่มีช่องที่จะได้เห็นจีนชะนิดอื่น นอกจากจีนที่อยู่ตามโรงแถว

เรื่องเมืองมัณฑเลนั้น รู้สึกโดยตาเห็นว่าเปนของใหม่ ด้วยว่าอะไร ๆ ก็เปนสี่เหลี่ยมจตุรัศรเรียบไปหมด เห็นได้ว่าเปนของกะสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่ของค่อยเปนค่อยไป ได้ทักในข้อนี้เขาก็บอกให้ว่าเพิ่งสร้างใหม่จริง อินชเนียชาติอิตาลีเปนผู้กะอำนวยการสร้าง แต่เขาไม่ได้บอกว่าปราสาทราชมนเทียรนั้นรื้อเอามาจากอมรปุระ แม้เกล้ากระหม่อมได้เห็นปราสาทราชมนเทียรทั้งนั้นก็จริง แต่ไม่มีความรู้ในชั้นเชิงฝีมือช่างทางพะม่าก็ย่อมทราบไม่ได้ ว่าอะไรเปนเก่าเปนใหม่

จะทูลให้ทรงทราบอย่างหนึ่ง โดยได้ทรงทราบแล้วว่าที่เรียกเมืองปะกันนั้นตรงกับที่เราเรียกเมืองพุกาม กรมหมื่นวิวิธทรงอธิบายว่า เรียกปะกัน แต่เขียน ปะกัม จึงเปน พุกาม เกล้ากระหม่อมฟังตรัสก็เข้าใจ อำนาจแห่งนฤคหิต จะอ่านเปน กัง ก็ได้ กัน ก็ได้ หรือ กัม ก็ได้

เรื่องรูปภาพอียิปต์ ซึ่งตัวเปนคนหัวเปนสัตว์ หรือตัวเปนสัตวหัวเปนคน ซึ่งผู้แต่งตำนานว่าเกิดขึ้นต่อเมื่อพวกกรีคเข้าปะปนกับอียิปต์นั้น ยังสงสัยอยู่มาก ว่าสงสัยยังอ่อนไป ที่แท้ไม่เชื่อทีเดียว ได้เคยเห็นแบบวัดเก่า ๆ ซึ่งร้างอยู่ในแถวแม่น้ำไนล์เขาถ่ายมา ลวดลายที่มีรูปคนหัวเปนนกเปนหมาป่ามีแล้วเปนแน่นอน จะว่าให้แน่ยิ่งกว่านั้นขึ้นไปอีก มีวิหารเทวดาองค์หนึ่ง เรียกชื่ออะไรก็นึกไม่ออกเสียแล้ว ว่ากันว่าเก่าแก่และมีศักดิสิทธิมาก มีรูปใหญ่จำหลักด้วยศิลาตั้งเปนประธานอยู่ในวิหาร เปนรูปคนหัวเปนสิงห์ แม้สฟิงตัวใหญ่ที่ใต้ฐานเปนวิหารนั้น ก็ทำก่อนยุคกรีโค - อียิปเตียน

เมื่อวันที่ ๑๐ หญิงมารยาตรนำลายพระหัดถ์กับส้มอียิปต์ของประทานไปให้ เห็นผลส้มก่อนอ่านลายพระหัดถ์ ไม่รู้จักว่าผลอะไร ดูรูปร่างราวกับผลมะงั่ว ถามหญิงมารยาตรได้ความว่าส้มอียิปต์ แปลกมาก ได้ให้ไปปอกมารับประทานเดี๋ยวนั้น ชุ่มอร่อยมากถูกปากเกล้ากระหม่อม เพราะเกล้ากระหม่อมชอบผลไม้ที่เจือเปรี้ยว ขอบพระเดชพระคุณเปนล้นเกล้า ขอถวายบังคมฝ่าพระบาท

เมื่อวันที่ ๑๗ ไปเผาศพคุณหญิงธรรมสารเนต ที่วัดประยุรวงศ เขาแจกหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร รัชชกาลที่ ๔ พอใจมาก เจ้าภาพเขาจะส่งมาถวายฝ่าพระบาทด้วยหรือเปล่าไม่ทราบ ถ้าไม่ได้ทรงรับเกล้ากระหม่อมจะจัดหาส่งมาถวายเล่มหนึ่ง เกล้ากระหม่อมจะเล่าถึงความเก่าแก่งุ่มง่ามของเกล้ากระหม่อมถวาย ในงานเผาศพรายนี้ ทีแรกนึกว่าจะเอาเรืออะไรไป ขอเรือยนต์กระทรวงวังเขาสักลำหนึ่งหรือ ฮึ ไม่จำเปนกวนเขาเปล่า ๆ ไปเรือจ้างก็ได้ ทีนี้นึกว่าจะข้ามที่ไหนดี ท่าวัดเลียบหรือ อะพุทโธ่ สะพานพระพุทธยอดฟ้ามีแล้ว ไม่ต้องเรือเลย ควรหรือเปนไปได้ดั่งนี้ แล้วแต่จะโปรด

วันที่ ๑๘ พระองค์ขาวสิ้นพระชนม์ สรงน้ำแล้วเชิญพระศพเข้าไปไว้ณหอธรรมสังเวช ในพระบรมมหาราชวัง (อยู่ตรงหอเก่า) มีความยินดีที่ทรงทำพินัยกรรมไว้ มีหมอความถือต้องตามแบบแผน ตัดความลำบากเบาไปได้ถนัดทีเดียว

เมื่อวันที่ ๑๙ ท่านโป๊ะถึงชีพิตักษัย น่าอเนจอนาถเหลือเกิน เจ็บเปนโรคหืดประจำตัวมานานแล้ว หมู่นี้หนาวกลับมาอีก จึงทำให้อาการของเธอกำเริบขึ้นโดยปัจจุบัน อาบน้ำศพแล้วนำไปพักไว้วัดมงกุฎ ว่าจะฝัง

ข่าวคราวมีแต่อัปปมงคล ขอประทานยุติเท่านั้น

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

  1. ๑. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๔ พระองค์เจ้าจันทรทัตจุฑาธาร กรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา ประสูติ ๑๑ ธันวาคม ๒๔๐๓ สิ้นพระชนม์ ๑๐ ตุลาคม ๒๔๗๕ ต้นราชสกุล “จันทรทัต”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ