วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๔๗๗

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ฝ่าพระบาทคงได้ทรงทราบแล้ว ในเรื่องที่มีฝรั่งคนหนึ่งบวชเปนภิกษุในพระพุทธศาสนา ตั้งฉายาตนเองว่า “โลกนาถ” นึกก็รำคาญหูตั้งแต่ได้ยินมาแล้ว แล้วก็ตั้งตัวเปนหัวคณะ จะพาภิกษุสามเณรไทยออกไปนมัสการพุทธเจดียฐานที่ประเทศอินเดีย เลยไปเทศนาสั่งสอนสัตวจนถึงเมืองโรม มีภิกษุสามเณรสมัคไปด้วยตั้งร้อย ตั้งฉายาแห่งคณะนั้นว่า “มหาจาริก” ก็ช่างเจ้ากูเถิด ในการปฏิบัติเช่นนั้นไม่เห็นเปนไร ไม่สู้ได้เอาใจใส่นัก

แต่ภายหลังได้เห็นจดหมายเหตุการเดินทางของคณะมหาจาริกนั้น เขาลงในหนังสือพิมพ์เสรีภาพ อ่านดูก็ติดใจให้เห็นขัน ดูเหมือนภิกษุโลกนาถนั้นคิดตั้งตัวเปนพระพุทธเจ้า ผู้แต่งจดหมายเหตุนั้นเขาว่าเปนภิกษุ ทีก็จะจริงดูรู้หน้าที่แห่งภิกษุผิดกว่าชนสามัญ อย่างไรก็ดี ผู้แต่งจดหมายนั้นมีใจเปนกลาง มิได้เข้าได้ออกแก่ฝ่ายใดน่าเลื่อมใส พูดตามความจริงใจน่าฟังอยู่มาก อ่านแล้วรำลึกถึงฝ่าพระบาท จึงได้ตัดเอารวมไว้ ได้ส่งมาถวายฝ่าพระบาทต่างหากโดยทางวัดถุหนังสือพิมพ์ ฝ่าพระบาททรงได้ไม่ใช่สวะ เสียใจแต่ว่าต้องค้างอยู่เพียงเท่านั้น เพราะหนังสือพิมพ์เสรีภาพถูกปิดเสียแล้ว

เรื่องพวกเถร ซึ่งยังข้องพระทัยอยู่ว่ามีสำนักครูบาอาจารย์สั่งสอนบวชเรียนกันอย่างไร ตรัสสั่งให้ถามสมเด็จพระวันรัตนต่อไปนั้น เกล้ากระหม่อมไปถวายเครื่องสักการแก่ท่านในกาลเข้าวรรษา จึงได้ถามท่าน ท่านชี้แจงว่าเถรนั้น ที่แท้จริงเกิดแต่ภิกษุพวกที่ใส่ใจในทางวิปัสสนาธุระ เมื่อทำไปมีอินทรียแก่กล้าก็หลีกจากคณะไปหาที่วิเวกอยู่สันโดฐตามอัธยาศรัย พวกนี้แหละที่เรียกกันว่าเถร ลางรูปก็ดูเปนว่าได้สำเร็จอภิญญาสามารถทำอะไรได้อย่างศักดิสิทธิมีคนนับถือ เช่นเถรเกดเปนต้น เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) นับถือยิ่งนัก นิมนต์มาเลี้ยงไว้ที่วัดจักรวรรดิให้ลงเครื่องพิชัยสงครามทุกอย่าง ลางรูปก็ไม่สำเร็จเงียบหายไป ลางรูปก็ใส่ไคล้ล่อลวงให้คนนับถือเพื่อประโยชน์ลาภผล ลางคนก็ทำเปนไปหาที่วิเวกอยู่อย่างพวกวิปัสสนา เพื่อให้ลับตาคนแล้วก็ลอบทำลามกต่าง ๆ พวกที่พอใจในวิธีนั้นเห็นว่าเปนสุขสนุกสบายก็ทำบ้าง เมื่อคนเขารู้แกวหน้าก็ด้านเข้าเลยไม่ซ่อนเร้นความลามก ตกเปนพวกอลัชชีที่ท่านเปรียบว่าวิฆาสาท อย่างที่กราบทูลมาคราวก่อนแล้ว ท่านว่าเปนคนที่ซัดเซพเนจรมาแต่ไหน ๆ ไม่ใช่เปนผู้มีกำเนิดในวัด ที่พวกนั้นมาปรากฏตัวอยู่ ไม่เห็นมีครูบาอาจารย์ ชะรอยจะทำชั่วในวัดนี้แล้วก็หนีไปวัดโน้น สุดแต่จะหาลาภผลได้คล่อง ที่ท่านว่าแต่ก่อนที่วัดสระเกศมีมากก็เพราะมีป่าช้า อาจหาลาภผลได้ง่ายจากคนที่แปลกหน้ามาทำศพผี ในป่าช้าผีดิบมีกุฎที่บำเพญกรรมฐานปลูกไว้เปนแถว ท่านพวกเถรได้อาศัยสบาย

ตามคำบรรยายของสมเด็จพระวันรัตนเช่นนี้ มีหลักสมจริงอยู่ที่พระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนา มีชื่อตามราชทินนามลงท้ายเปน “เถร” ทั้งนั้น โดยอาศัยเหตุที่ภิกษุผู้บำเพญทางวิปัสสนาธุระเรียกกันอยู่ว่า “เถร”

เรื่องประวัติเจ้าดาราซึ่งตรัสสั่งให้สืบหาตัวผู้แต่งจริงนั้น สืบได้ความมาว่าเจ้าราชภาคิไนย ที่เคยเปนผู้พิพากษามาก่อนนั้นเปนผู้แต่ง

ดุษฎีดิศได้แต่งงานสมรสแล้วเมื่อวันที่ ๑๓ เดือนนี้ หม่อมแช่มมาปาบ ๆ จะลากเอาตัวไปสวมมงคลและรดน้ำประเดิม แต่ฤกษบ่าย ๓ โมงหมดปัญญาอยู่ในระหว่างเวลาราชการ ติดราชการไปไม่ได้ ต้องขอตัวเขาเลื่อนเปนไปรดทีหลังนอกฤกษ ได้ไปในเวลาบ่าย ๕ โมง แขกเหลื่อไม่มีแล้วจะหรูหรากันอย่างไรบ้างไม่เห็น

พระยาไพบุลย์ตายแล้ว รดน้ำศพเมื่อวานนี้ ได้พระราชทานเครื่องประดับยศศพเหมือนพระยาไตรเพชร (แฉ่) พระยามนตรี (ชื่น)

ได้รับลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๘ ตรัสแจ้งข่าวให้ทราบว่า พระบรมรูปที่ส่งไปถวายได้ทรงรับแล้ว มีความยินดีที่ต้องพระทัย ทั้งทรงประดิษฐานไว้เหมือนอย่างนึก มีความระลึกถึงฝ่าพระบาทกับหลานเปนล้นพ้น

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

  1. ๑. หม่อมราชวงศ์ดุษฎีดิศ ดิศกุล สมรสกับนางสาวมัณฑนา กุญชร ณ อยุธยา

  2. ๒. พระยาไพบูลย์สมบัติ (เดช บุนนาค)

  3. ๓. พระยาไตรเพชรรัตนสงคราม (แฉ่ บุนนาค)

  4. ๔. พระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชื่น บุนนาค)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ