- เมษายน
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ พระยาประมวญวิชชาพูล
- —วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —วินิจฉัยเรื่องยุทธภัยระวางยี่ปุ่นกับอังกฤษ
- —วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ม.ร.ว.อี๋ นพวงศ
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —พรรณนาพิธีตั้งแต่สังฆราชโรมันคาโธลิค
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —อักษรจารึก ที่รูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดโมลีโลก
- —อักษรจารึก ที่รูปสมเด็จพระสังฆราช วัดมหาธาตุ
- —ประกาศตราตระกูล
- —สมโภชพระนครร้อยปี
- —หมายกำหนดการพระราชพิธีเชิญพระบรมรูปจากพระที่นั่งศิวาไลยมหาปราสาท
- —หมายกำหนดการฉลองพระบรมรูปพระบาทสมเดจพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แลวันที่รฦกมหาจักรี
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —ท่านทราบไหมว่า
- วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —เล่าเรื่องไปชะวา ครั้งที่ ๓
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗
- —คณะกรรมการผู้เริ่มตั้งสมาคมสถาปนิกสยาม
- วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —ร่าง ตำนานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗
- วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร (๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- มกราคม
- กุมภาพันธ์
- มีนาคม
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- วันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
- —กฎมณเฑียรบาลพะม่า (ต่อ)
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —บันทึกความสำนึกในวิธีราชาภิเษกแบบพะม่า
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น
- —บันทึกข้อที่น่าใส่ใจในกฎมนเทียรบาลของพะม่า (ภาค ๒)
วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร
บ้านซินนามอน ปีนัง
วันที่ ๓๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗
ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ
ในสัปดาหะที่ล่วงมาหม่อมฉันได้ไปดู “บทวลัญช์” ซึ่งมีอยู่ในเกาะปีนังนี้ เดิมกรมหลวงสิงห์ ฯ ได้ไปทอดพระเนตร์นานมาแล้ว มาตรัสบอกหม่อมฉันว่าเปนของน่าดู แต่หม่อมฉัน “เชื่อ” แล้วนิ่งมา ในระวางนั้นเมื่อเจ้าคุณพระประยูรวงศ์มาท่านก็ได้ไปดู ครั้นหม่อมฉันเกิดนึกอยากจะไปดูบ้างก็ไปเกิดขัดข้องกลางทาง เหตุด้วยสะพานแห่งหนึ่งถูกน้ำพัดพังไปในระวางนั้น รถไปไม่ได้ต้องรอมากว่า ๔ เดือน จนเขาถมที่ทำสะพานแล้ว จึงได้ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ “บทวลัญช์” ที่ว่าอยู่ริมทะเลที่ตำบลบาตูเมาข้างใต้ ห่างเมืองปีนังสัก ๑๐ ไมล์ ไปรถจนถึงสนามบินแล้วเลี้ยวลงไปสัก ๒ ไมล์ ถึงบ้านชาวประโมงค์ต้องลงเดินผ่านบ้านปีนก้อนหินต่อไปจึงถึงที่รอย “บทวลัญช์” อยู่บนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง มีแต่กระถางธูปจีนตั้งไว้กระถาง ๑ นอกจากนั้นไม่ได้มีใครทำอะไร แต่ตัวรอยนั้นแปลกอยู่ ผิดกับรอยพระบาทที่เคยเห็นอื่น ๆ เปนรอยเท้าซ้ายเหยียบหินลึกลงไป ขนาดเท้าเห็นจะเท่าขนาดรอยพระบาทพระชินสีห์ เปนรอยเกลี้ยงเกลาไม่สมกับจะเปนเอง เขาบอกว่ายังมีรอยเท้าขวาอยู่ที่เกาะตรงตำบลน้ำใต้ในทะเลอีกรอยหนึ่ง ใจหม่อมฉันอันวิชชาบุรพประวัติศาสตร์เข้าสิงอยู่แล้ว ก็นึกสันนิษฐานว่าน่าจะเปนของคทำขึ้นแต่โบราณ เหมือนอย่างตัวอักษรอาหรับที่จารึกไว้ในถ้ำคูหาจารึก ณ เกาะตรูเตาข้างเหนือขึ้นไป บางทีพวกชาวอินเดียแต่ก่อนเก่าที่แล่นเรือมาค้าขายทางนี้จะได้ทำไว้.
ชายใหม่มาบอกหม่อมฉันว่าเพื่อนนักเรียนในประเทศอังกฤษคน ๑ สั่งมาให้สืบถามว่าคำ “ประจัญบาน” มาแต่อะไร หม่อมฉันก็ไม่เคยค้นมาแต่ก่อน ลองเปิดอภิธานบาลีของอาจารย์กิลเดอร์ดู พบศัพท์ปจัณทติ (Pacandati) แปลว่าความโกรธแค้น (to be Furious) กับปลโย (Palayo) แปลว่าทำให้เปนอันตราย (destruction) หรือทำลาย (dessolution) หรือตาย (death) ดูใกล้กับความหมายของศัพท์ประจัญบานที่เราใช้กัน แต่หม่อมฉันก็ไม่กล้ายืนยัน จึงขอทูลปรึกษาหารือท่านได้เคยทรงสันนิษฐานไว้อย่างไรบ้างหรือไม่.
มีเรื่องที่ควรทูล ๓ เรื่อง เมื่อวันที่ ๒๔ หม่อมฉันทราบว่าวันประสูติของสมเด็จกรมพระสวัสดิ์ ฯ ครบก่อนนั้นวัน ๑ จึงไปถวายพรที่ตำหนัก สังเกตดูเห็นขุ่นหมอง กลับมาปรารภกับลูกจึงได้ความว่าเจ้าชายพีรยศยุคลลูกชายของเธอที่มีกับหญิงฉวี ซึ่งส่งไปศึกษา ณ ประเทศเบลเยี่ยมกลับมาถึงพาเมียแหม่มกลับมาด้วย เธอขัดพระทัยตัดรอนและห้ามมิให้ใคร ๆ คบ เด็กทั้ง ๒ นั้นยังค้างอยู่ที่ปีนังนัยว่าคิดจะกลับไปหากินที่เมืองเบลเยี่ยม แต่หม่อมฉันก็ยังไม่ได้พบตัว อีกเรื่องหนึ่งหลวงวุฒิสารฯ กงสุลสยามที่เมืองสิงคโปร์มาปีนัง เขาแวะมาหาหม่อมฉัน หลวงวุฒิสารฯ คนนี้เปนลูกพระยาอรรคราชวราทร (ภัสดา บุรณศิริ) หม่อมฉันคุ้นเคยแต่กับบิดาเขา หม่อมฉันไม่เคยรู้จักตัวพึ่งได้พบคราวนี้ เปนอันได้พบคนดีชั้นสมัยใหม่เปนครั้งแรก แต่หญิงพูนกับหญิงเหลือรู้จักกันมาแต่ยังเล็ก เพราะเขาอยู่ที่ตำหนักพระวิมาดามาด้วยกัน สนทนากันโดยทางไมตรีด้วยเขาเปนคนมีอัธยาศรัยสุภาพ หม่อมฉันเปนอันได้ทราบอัธยาศรัยและความคิดสมัยใหม่เปนครั้งแรก อดนึกปลงใจตัวเองไม่ได้ว่า “ไอ้เรานี้มันเก่าเกินสมัยเสียมากแล้ว” ท่านจะได้ทรงปลงพระหฤทัยเช่นนั้นบ้างหรือไม่ หม่อมฉันยังไม่ทราบ.
อีกเรื่อง ๑ ลูกสาวเขาอ่านหนังสือพิมพ์วารศัพท์ฉะบับวันที่ ๒๕ แล้ว มาบอกหม่อมฉันว่ามีผู้แต่งหนังสือไปลงพิมพ์ติเตียนนายสมบุญ โชติจิตร ของหม่อมฉันขนานใหญ่ในการที่ไปพูดวิทยุกระจายเสียง หม่อมฉันอดนึกสงสารไม่ได้ ด้วยการที่นายสมบุญไปพูดวิทยุกระจายเสียงนั้น หม่อมฉันเข้าใจว่าด้วยผู้ใหญ่มีคำสั่งให้ไปพูด ฝ่ายนายสมบุญไม่มีความรู้อะไรเปนทุน นอกจากที่ได้รู้ไปจากหม่อมฉัน ก็เอาเรื่องที่หม่อมฉันแต่งไว้ไปแสดง เปนแต่ไม่กล้าบอกว่าเปนถ้อยคำของหม่อมฉัน เรื่องมันเท่านั้นเอง มีนายสมบุญที่ตำหนักเชิงเนินอีกคน ๑ บางทีจะมีผู้เชิญให้ไปแสดงเรื่องการช่างในประเทศสยาม ถ้าเช่นนั้นหวังใจว่าจะระวังไม่ให้พลาดพลั้งเหมือนอย่างนายสมบุญ โชติจิตร ของหม่อมฉัน.
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๒๖ หม่อมฉันรู้สึกยินดีอนุโมทนาในการที่กรมศิลปากรซ่อมพระที่นั่งศิวโมกขพิมานเสร็จแล้ว ต้องยอมให้เปนความดีของกรมหมื่นพิทยาลงกรณ ด้วยเธอเปนผู้ขวนขวายให้ตกลงในการซ่อมพระที่นั่งวังหน้าที่เปนพิพิธภัณฑสถานต่อมา ข้อที่เชิญเสด็จพระองค์เฉิดโฉมไปยกช่อฟ้านั้นดูก็เปนการสมควร เพราะเปนอาวุโสอยู่ในเจ้านายวังหน้า หม่อมฉันคาดว่าเขาคงเชิญกรมหมื่นพิทยาลงกรณ แต่เธอเบียงบ่ายให้เชิญพระองค์เฉิดโฉม.
เรื่องชื่อแตรงอนนั้น หม่อมฉันได้นึกแต่แรกได้ยินว่ามันไปพ้องกับคำ กัมพูฉัตร แต่จะเอาเข้ากันไม่ได้ เห็นจะมาแต่ กัมโป เช่นทรงพระดำริ แต่ไม่ใช่มาแต่กัมพุชนั้นเปนแน่ เพราะฉัตร์ก็คือร่ม ร่มเปนของชาวเมืองร้อน หรือแม้ชาวเมืองหนาวใช้กันแทบทั่วทุกประเทศ และธรรมดาร่มก็ต้องมีโครง กัมพู จะเอาเปนของเขมรไม่ได้ หม่อมฉันยังคอยถ่ายรูปแตรงอนอยู่ ตาพราหมณ์รับไปยืมยังไม่ได้มาจนบัดนี้.
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด