วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๔๗๗

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัดถ์ลงวันที่ ๙ ที่ ๑๑ และที่ ๑๖ เดือนนี้ ได้รับประทานแล้วทั้ง ๓ ฉะบับ

ขอทูลสนองลายพระหัดถ์ ในข้อที่ตรัสถึงพระพุทธเจ้ามีพระเกตุมาลานั้นก่อน เพราะได้รับคำบอกของพระองค์เจ้าประดิษฐวรการมา เล่าถึงทูลกระหม่อมทรงพระดำริพิพักพิพ่วนในเรื่องพระเกตุมาลา ลางทีฝ่าพระบาทจะยังไม่ทรงทราบเรื่องละเอียด โดยพระราชดำริเห็นว่าไม่ควรมีพระเกตุมาลา ด้วยท่านพระอรรถกถาจารย์กล่าวความไว้เกินเหตุ ว่าเพราะทรงอัดพระอัสสาสปัสสาสบำเพ็ญเพียรเพื่อให้สำเร็จพระโพธิญาณ ลมจึงดันขึ้นไปบนกระหม่อมทำให้เกิดเปนต่อมขึ้น ทูลกระหม่อมไม่ทรงเชื่อว่าจะเปนได้ หากว่าเปนจริงหัวเปนปมก็นับว่าเปนลักษณบุรุษโทษ หาใช่ลักษณแห่งมหาบุรุษไม่ แต่ก็เหตุไฉนพระพุทธรูปที่ทำกันมาเก่าก่อน ไม่ว่าประเทศไหนย่อมทำมีพระเกตุมาลามาทั้งนั้น ทรงพระราชดำริสงสัยจนถึงทรงอธิษฐานให้ทรงพระสุบินเห็นองค์พระพุทธเจ้าที่แท้จริง ก็ได้ทรงพระสุบินสมพระราชประสงค์ แต่ในพระสุบินก็เห็นมีพระเกตุมาลาอย่างพระพุทธรูปนั้นเอง ได้ทรงค้นพระสูตต์ต่าง ๆ ก็ไม่ปรากฏว่ามีพระเกตุมาลา เช่นในพระสูตต์อันหนึ่ง ว่ามีใครต้องการอยากเฝ้าพระพุทธเจ้า หานายหน้านำเฝ้า เวลานั้นพระพุทธเจ้าประทับอยู่กับพระสงฆ์ในธรรมสภา ผู้นำชี้ให้ผู้อยากเฝ้าเข้าใจ ว่าองค์ที่นั่งอยู่ข้างเสานั้นและคือพระพุทธเจ้า ตามหลักแห่งสูตต์นี้ ทูลกระหม่อมทรงพระวินิจฉัยว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่แต่ไม่มีพระเกตุมาลาอย่างเดียว ยังปลงพระเกศาเหมือนภิกษุสาวกทั้งหลายด้วย จนรู้ไม่ได้ว่าใครเปนใครถึงต้องนำชี้ ถ้าหากว่ามีพระเกตุมาลาแล้วจะต้องชี้ทำไม บอกกันว่าองค์ที่หัวเปนปมก็แล้วกัน ตกลงในที่สุดจึงทรงตัดสินไม่ให้ทำพระเกตุมาลา

ตามที่ได้ฟังมาดังนี้ เกล้ากระหม่อมได้ลองนึกถึงว่าจะเขียนเรื่องปฐมสมโพธิ จะเขียนพระพุทธเจ้าไม่มีพระเกตุมาลาและไม่มีพระเกศาจะเปนอย่างไร ในความคิดเห็นเปนว่าไม่ได้ จะดูไม่รู้ว่าใครเปนใคร แต่ภายหลังมาได้เห็นรูปพิมพ์สมัยใหม่ที่เขาทำมาแต่อินเดีย ทำรูปพระพุทธเจ้าปลงพระเกศา พิจารณาดูก็เห็นว่าใช้ได้ ดูรู้เหมือนกันว่าเปนพระพุทธเจ้า ด้วยเขาเขียนมีเรื่องประกอบ มีอาการที่ทำให้ปรากฏอยู่ว่าองค์นั้นเปนสาสดา

วิชาบุรพประวัตินั้นลึกลับเต็มที ยากที่จะเห็นเองได้ แต่เมื่ออาจารย์อธิบายตามที่ตรัสเล่าก็รู้สึกว่าความพิเคราะห์ของเขาสำคัญ ฟังได้ความรู้ขึ้นเปนอันมาก

สมุดสิบชาติซึ่งหลานสาวต้องการกันนั้น มีอยู่พร้อมแล้วที่จะให้ได้ แต่จะส่งฝากมาทางไปรษณีย์เกรงจะยับเสียหมด หญิงโสฬศว่าจะออกมาปลายเดือนนี้ จะฝากเธอนำมา คิดว่าดีกว่าเพราะไม่ใช่การร้อน

เรื่องชื่อพงศาวดารและอะไร ๆ นั้น เปนแต่คิดแยกแยะกราบทูลเปนการเล่นเท่านั้น ไม่ใช่ได้เปรียบปรับกับโบราณคติกะปิกังอันใดเลย และไม่ตั้งใจจะเอาจริงเอาจังอะไรมิได้

พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๓ ซึ่งพิมพ์ในงานศพพระยาไพบุลย์ เกล้ากระหม่อมจะจัดให้หญิงโสฬศนำมาถวายพร้อมกับสมุดสิบชาติ

ตำราประวัติศาสตร์ว่ากรมศิลปากรกำลังเตรียมจะทำ มีความลงหนังสือพิมพ์ดั่งได้ตัดส่งมาถวายทอดพระเนตรคราวนี้ด้วย

พระยาดำรงราชพลขันธ์ ที่กราบทูลว่าบวชนั้น คือมหาคอน ตรงตามที่เข้าพระทัยแล้ว แกมาลาเกล้ากระหม่อมก็ได้ทักว่าอะไรบวชแล้วบวชอีก แกตอบว่าบวชคราวก่อนนั้นบวชเรียน คราวนี้จะบวชปฏิบัติ

เรื่องดอกเตอร์เวลส์ ได้ตรัสบอกมาก่อนคราวหนึ่งแล้ว แต่จำชื่อแกไว้ไม่ได้ เมื่อวานนี้เขาลากเอาเกล้ากระหม่อมไปแจกรางวัลกรีฑานักเรียน กลับมาถึงบ้านเกือบทุ่มหนึ่ง บ่าวมันเอาสมุดเซนชื่อเยี่ยมมาทอดไว้ให้ เปิดขึ้นดูเห็นชื่อมิสเตอร์และมิสสิสเวลสล์ หมดปัญญาไม่รู้ว่าใคร ต่ออ่านลายพระหัดถ์จึงได้รู้จักแต่ก็คลาศไม่ได้พบกัน

ตายักษนั้นน่าสงสาน ตกกะไดแล้วตกอีก แกอ้วนใหญ่เหลือเกินทั้งแก่มากแล้วด้วย ออกพักจากการงานเสียทีก็ดีแล้ว

กรมหมื่นเทววงศเกล้ากระหม่อมได้พบแล้ว ได้ถามข่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เธอก็ชี้แจงให้ฟังอย่างเป็นที่พอใจ

ชายดิศนั้นอย่างไรกัน เดิมทีว่าจะออกมาทางเรือ แล้วก็กลับความเห็นว่าจะช้าไป จะมาทางรถไฟแล้วจะกลับทางเรือ ในลายพระหัดถ์ของฝ่าพระบาทก็ว่าจะกลับทางเรือ แต่เมื่อวันเสาร์เห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวคนที่มากับรถไฟระหว่างประเทศ มีชื่อชายดิศในนั้นด้วย เปนกลับใจหนที่สอง จะเปนเพราะเหตุไรยังไม่ได้พบกับตัวเธอ

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ