วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗

ทูล สมเด็จกรมพระนริศ ฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๗ ในจดหมายของหม่อมฉันฉะบับนี้ จะทูลสนองข้อความในลายพระหัตถ์ก่อน

ข้อที่ทรงสงสัยว่าพวกที่กำหนดอายุโลกตามคัมภีร์ใบเบลจะได้อะไรเปนเกณฑ์นั้น ข้อนี้ศาสตราจารย์คัลเลนเฟลได้บอกแล้ว แต่หม่อมฉันเผลอไปไม่ได้เขียนลงในจดหมาย เกณฑ์นั้นกำหนดตามอายุคนที่สืบสายโลหิตลงมาจากอาดัม ตามที่มีชื่อและบอกอายุไว้ในคัมภีร์ใบเบล เรื่องนี้ยังมีอนุสนธิต่อไป ด้วยเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๐ นี้ ศาสตราจารย์คัลเลนเฟลมาอีก หม่อมฉันบ่นขึ้นว่าพวกหัวหน้าในศาสนาคฤศตัง เช่น โปป เปนต้น จะดื้อไม่เชื่อหลักฐานในเรื่องก่อนประวัติศาสตร์ไปถึงไหน แกเล่าให้ฟังว่าเมื่อตัวแกเปนนักเรียน ครูเปนบาดหลวงเยซูอิสสอนวิชาประวัติศาสตร์ให้แกเปนเริ่มแรก แกได้ถามบาดหลวงคนนั้นด้วยเห็นเปนคนใจดี ว่าที่สอนว่ามนุษย์มีมาตั้งแต่หลายแสนปีแล้วนั้น ไม่เปนการฝ่าฝืนคัมภีร์ใบเบลหรือ บาดหลวงคนนั้นตอบว่า ไม่ฝ่าฝืนอย่างไรเลย ถ้าจะว่าที่แท้ วิชชาก่อนประวัติศาสตร์กลับรับรองความจริงของคัมภีร์ใบเบลเสียอีก บาดหลวงคนนั้นบอกอธิบายคำที่ว่าต่อไป ว่าคัมภีร์ใบเบลนั้นต้นเดิมเปนภาษาหิปบรูของพวกยิวส์ ความตอนต้นที่ว่าด้วยเรื่องสร้างโลกนั้น คล้ายกับเปนกาพย์กลอนเข้าใจความได้ยาก ส่อให้เห็นว่าเปนคำของมนุษย์แต่งขึ้น ถ้าหากเปนคำของพระเจ้ามนุษย์คงจะเข้าใจได้ง่าย แต่ถ้าเอาแต่เค้าความเรื่องสร้างโลกในคัมภีร์ใบเบลพิจารณา กล่าวว่าพระเจ้าสร้างโลกก่อนแล้วสร้างสัตว์และสิ่งอื่น ๆ ต่อมาเปนลำดับ จนที่สุดจึงสร้างมนุษย์ ความนี้ตรงกันกับวิชชาก่อนประวัติศาสตร์ ด้วยค้นพบหลักฐานว่ามีโลกขึ้นก่อนแล้วจึงมีสัตว์และพรรณพฤกษ์และที่สุดจึงมีมนุษย์ เหมือนเช่นกล่าวในคัมภีร์ใบเบลดังนั้น ศาสตราจารย์คัดเลนเฟลถามบาดหลวงคนนั้นต่อไป ว่าเมื่อเห็นเช่นนั้นทำไมจึงไม่ประกาศความเห็นแก่คนทั้งหลาย บาดหลวงคนนั้นตอบว่า มนุษย์ทุกวันนี้ยังโง่นัก ถ้าเอาความเช่นนั้นไปประกาศ แทนที่จะถือเปนความจริงจะกลับดูหมิ่นศาสนากลายเปนโทษยิ่งกว่ามีคุณ จึงพูดได้แต่กับผู้ที่มีความรู้ด้วยกัน

เรื่องคำ บาดหลวง ที่หม่อมฉันทูลไปขาดอธิบายไปหน่อยหนึ่ง คือบาดหลวงแรกมีเข้ามาถึงเมืองไทย มาเมื่อในรัชชกาลสมเด็จพระชัยราชาเมื่อพระราชทานที่ให้พวกโปรตุเกตตั้งบ้านเรือนที่ตำบลบ้านดิน ข้างเหนือคลองตะเคียน พวกโปรตุเกตจึงนิมนต์บาดหลวงเข้ามาสร้างวัดอยู่ในตำบลนั้น บาดหลวงที่แรกมาเปนโปรจุเกต พึงสันนิษฐานว่าพวกโปรจุเกตคงเรียกว่า Padre และไทยในสมัยนั้นก็คงเรียกว่า บาด ตามพวกโปรจุเกต แต่ชั้นนั้นพระเจ้าแผ่นดินยังไม่ได้ทรงยกย่องพวกนักพรตโรมันคาโธลิกอย่างหนึ่งอย่างใด มาจนถึงรัชชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ฝรั่งเศสส่งคณะพรตมาสืบสาสนา ผู้เปนหัวหน้าคณะพรตมียศเปน Bishop มาแต่เมืองฝรั่ง จะต้องเรียกให้ผิดกับพวกนักพรตสามัญ ซึ่งเรียกกันอยู่ว่า บาด จึงได้เติมคำ หลวง เข้าข้างท้าย คำว่าบาดหลวงน่าจะเกิดมีขึ้นในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ว่ามาแต่คำ บาหลวง หม่อมฉันเปนผู้ได้มาเอง ด้วยวันหนึ่งไปกินเลี้ยงที่สถานทูตฝรั่งเศส เขาจัดให้นั่งเคียงกับสังฆราชวีร์ ได้สนทนากันตลอดเวลาที่นั่งโต๊ะ หม่อมฉันได้ถามความ ๒ ข้อแก่สังฆราชวีร์ ข้อ ๑ ถามว่าคำที่เรียกว่า บาดหลวง มาแต่อะไร สังฆราชวีร์ตอบว่า เข้าใจว่ามาแต่บาหลวง หมายความว่าเปนนักพรตของพระเจ้าแผ่นดิน ถามอีกข้อ ๑ ว่า ศีลของนักพรตเช่นปราชิก ๔ ของพระสงฆ์ไทย ที่นักพรตตนใดละเมิดเปนขาดจากพรตมีหรือไม่ สังฆราชวีร์ตอบว่าศีลเช่นนั้นหามีไม่ เพราะการที่บวชมีเจตนาผิดกันกับพระไทย การที่บวชของนักพรตเสมือนมอบกายถวายชีวิตสำหรับทำงานของพระเปนเจ้าไปจนตาย ความประพฤติล่วงละเมิดข้อบังคับของนักพรต เปนแต่แสดงว่าเปนคนชั่ว หาขาดสัญญาที่ยอมเปนข้าทำการถวายพระเปนเจ้าไม่ จะประพฤติดีหรือประพฤติชั่ว ก็คงต้องเปนข้าของพระเปนเจ้าตามสัญญาไปจนตลอดชีวิตดังนี้

คำบาดที่เราใช้ว่า เอาบาตรใหญ่เข้าข่ม นั้น หม่อมฉันนึกว่าน่าจะมาแต่เรื่องคว่ำบาตร์ ส่วนคำว่า สังฆราชบาตร์แก้ว ยังฉงนอยู่

เรื่องทำครอบพระบรมรูป ๖๓ นั้น หม่อมฉันทูลไปใช้คำว่าครอบกระจก ก็หมายว่าจะให้ทำครอบด้วยแผ่นกระจกนั่นเอง เพราะเคยจำท่านทรงปรารภแต่ครั้งทำต้นไม้ทองเงินถวายเมื่อเลื่อนกรมว่าจะหาครอบแก้วให้เหมาะนั้นยากนัก

จดหมายถวายในสัปดาหะนี้ เดิมหม่อมฉันตั้งใจจะทูลเสนอเรื่องก่อนประวัติศาสตร์ต่ออีกสักตอน ๑ ได้ลงมือร่างแล้ว รูปที่ให้เขาถ่ายก็ได้มาแล้ว แต่เผอิญมาพบศาสตราจารย์คัลเลนเฟลเมื่อวันเสาร์นี้ ได้อธิบายของแกที่ทำให้ต้องแก้ไขเพิ่มเติม จึงต้องขอประทานรอไว้จนสัปดาหะหน้า

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ