วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร

บ้านซินนามอน ฮอลล์ ปีนัง

วันที่ ๑๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๗

ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๒ กันยายน ขอขอบพระเดชพระคุณที่ตรัสรับในเรื่องงานสมรสของชายดิศศานุวัติกับหญิงหลุย หม่อมฉันถือเอาฤกษ์เดือน ๑๒ เปนประมาณ เพราะได้ให้รั้งรอมานานแล้ว สงสารเด็กทั้ง ๒ ถ้ายังไม่เสด็จกลับในเดือน ๑๒ ก็ไม่ต้องรอ พอถึงปลายเดือนตุลาคมหม่อมฉันจะให้ชายดิศศานุวัติทำหนังสือถวายตามท่านทรงแนะนำ

เรื่องงานเฉลิมพระชันษาของสมเด็จพระพันวัสสาฯ พระองค์ท่านมีลายพระหัตถ์และส่งของมาประทานหม่อมฉัน ดูท่านทรงมีความปีติมากก็เปนการสมควรแล้ว ในลายพระหัตถ์ทรงปรารภต่อไปว่าพระชันษาจะเสมอกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกในเดือนเมษายน เดิมทรงพระราชดำริเพียงจะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลที่วัดพระเชตุพนฯ ท่านกราบทูลแนะนำว่าควรจะเสด็จไปบูชาที่พระบรมรูปด้วย ก็ทรงยินดีเตรียมจะกระทำตาม ความที่ได้ทราบจากสมเด็จพระพันวัสสาฯ เปนเหตุให้หม่อมฉันระลึกขึ้นว่า อายุของหม่อมฉันก็จะเสมอพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ในราวเดือนมกราคม เลยไปหวนคิดถึงความหลังที่ได้ทูลปรารภไว้แก่ท่าน ว่าอยากจะบริจาคทรัพย์ช่วยสร้างที่ปฐมบรมราชานุสรณ์ ซึ่งยังบกพร่องอยู่เช่นหินปูเป็นไดเปนต้นตามกำลัง หม่อมฉันนึกว่าได้เคยทูลแก่ท่านในครั้งนั้นว่าสมเด็จพระพันวัสสาฯ เปนขาใหญ่อยู่พระองค์ ๑ บางทีจะทรงศรัทธาบริจาคทรัพย์ช่วยสร้างได้มาก แต่เมื่อมาคิดในเวลานี้ก็สลดใจ ฉะเพาะถูกเวลาที่ยากจน ถึงแม้สมเด็จพระพันวัสสาฯ ก็จะไม่กล้าทรงบริจาคได้มาก และความขัดข้องน่าจะมีอีกอย่าง ๑ โดยถ้าจะทรงบริจาคทรัพย์ประทาน ใครจะเปนผู้อำนวยการได้ให้สมพระประสงค์ จึงเกรงว่าความคิดที่ได้ปรารภไว้กับท่านน่าจะไม่สำเร็จเสียแล้ว

ศาสตราจารย์คัลเลนเฟลขาดไป ๒ สัปดาหะ สัปดาหะแรกแกเปนหวัด สัปดาหะที่ ๒ มีศาสตราจารย์อะไรอีกคน ๑ มาหาแก ๆ ต้องติดต้อนรับ พึ่งมาได้เมื่อวันเสารที่ ๑๕ นี้ หม่อมฉันได้บอกแกถึงที่ท่านทรงพระดำริว่าชื่อนางประไหมสุหรี จะมาแต่ ปรเมศวรี และชื่อนางมะเดหวี จะมาแต่ มหาเทวี แกรับว่าถูกต้องแล้ว พวกนักปราชญ์ฮอลันดาเขาก็เห็นเช่นนั้นเหมือนกัน และยังมีชื่อมเหสีต่อไปอีก ๒ คน (เราว่า ๓ ดือ นาง มะโต ริกู เหมาเหลาหงี) แกว่ามีเปนภาษาสันสกฤตเหมือนกัน หญิงเหลือหูผึ่งจะซักเอาชื่อทั้ง ๒ นั้น แกบอกว่าจำไม่ได้เสียแล้ว หม่อมฉันบอกแกต่อไปถึงพระดำริของท่านในข้อพระเจดีย์บวรพุทโธ ว่าน่าจะสร้างองค์พระสถูปกลางแต่องค์เดียวไว้บนยอดเขาก่อน ต่อภายหลังมาเมื่อคนนับถือพระสถูปนั้นว่าศักดิ์สิทธิ์ จึงคิดสร้างฐานทักษิณขึ้นประกอบ แกได้ฟังร้องอือ แล้วนิ่งไปสักครู่หนึ่งจึงออกปากว่าจะจริงอย่างท่านทรงพระดำริเสียแล้ว แต่หามีใครเคยคิดไม่ แกจะนำความไปเสนอพวกนักปราชญ์ฮอลันดา แต่จะขออ้างพระนามท่านว่าเปนผู้ทรงพระดำริเช่นนั้น หม่อมฉันตอบว่าสมควรแล้วและเชื่อว่าพระองค์ท่านก็เห็นจะไม่ทรงรังเกียจที่แกเอาพระนามไปอ้าง แกเลยอวดต่อไปว่าแกได้เคยเฝ้าที่นครวัด และทราบพระเกียรติคุณอยู่แก่ใจ

หม่อมฉันถามแกต่อไปถึงเรื่องการขุดค้นวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ตำบลคัวปักกา ว่าพบอะไรแปลก ๆ อีกบ้าง แกบอกว่าตรงที่ปักไม้หมายชิ้นกระดูกไว้ เมื่อหม่อมฉันไปดูนั้น คุ้ยลงไปพบกระดูกคนมาก ชันสูตร์ตามประเภทกระดูกได้จำนวนกว่า ๑๐ คน หม่อมฉันถามแย้งว่า ทำไมกระดูกจึงจะไปรวมกันอยู่ที่ชายหาดแห่งเดียวจำนวนมากถึงเท่านั้น แกหัวเราะตอบว่าเพราะเขากินเนื้อเสียแล้วเอากระดูกไปทิ้งอย่างเดียวกับทิ้งเปลือกหอย กระดูกจึงไปรวมอยู่มากด้วยกัน เหตุอื่นที่จะเปนเช่นนั้นได้หามีไม่ ของที่แกพบใหม่อีกสิ่ง ๑ นั้น แกบอกว่าตัวแกยังรู้ไม่ได้ว่าเปนอะไรแน่ ยังส่งไปให้เปรียบเทียบกับวัตถุก่อนสมัยประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑสถานในชะวา ชิ้นนั้นเปนฟันของสัตว์ซี่ ๑ จะต้องพิสูจน์ให้รู้แน่ว่าเปนสัตว์อะไร ส่วนตัวแกเองเข้าใจว่าเปนฟันหิปเปอร์ปอตุมัส (ม้าน้ำ) ที่ในชะวาก็พบเหมือนกัน แต่จะต้องเปรียบเทียบกันเสียให้สิ้นสงสัยก่อนจึงจะแสดงได้โดยเปิดเผย เพราะจะทำให้ผิดกันมาก ด้วยวัตถุที่ได้พบแล้วไม่มีสิ่งใดอายุจะเกิน ๖,๐๐๐ ปี แต่ถ้าชิ้นที่พบใหม่เปนฟันหิปเปอร์ปอตุมัส อายุจะเลื่อนขึ้นไปถึง ๑๕,๐๐๐ ปี จึงจะออกความเห็นไม่ได้โดยง่าย หม่อมฉันอยากจะไปดูอีก แกนัดว่าข้างต้นเดือนตุลาคม จะมีศาสตราจารย์อะไรคน ๑ มาดู ให้หม่อมฉันไปพร้อมกับศาสตราจารย์คนนั้น วันอาทิตย์หน้าแกขอตัว จะมาหาไม่ได้ ด้วยจะต้องพาอังกฤษไปตรวจค้นถ้ำแห่ง ๑ ในแขวงเมืองอีโป๊ะห์ (ที่สมเด็จกรมพระสวัสดิ์ฯ ไปเกิดเหตุ) เพื่อจะขุดขุมทรัพย์ก่อนสมัยประวัติศาสตร์อีกแห่ง ๑ หม่อมฉันถามว่าการที่จะขุดนั้นเอาอันใดเปนที่สังเกตว่าขุมทรัพย์อยู่ตรงไหน แกตอบว่า ธรรมดามนุษย์แต่โบราณก็เหมือนกับมนุษย์ในปัจจุบันนี้ คือชอบรวมกันอยู่เปนหมู่ และย่อมเลือกหาที่ตั้งภูมิลำเนาโดยมีความสุข คือใกล้ลำน้ำเปนอาทิ และเลือกที่ปราศจากภัยอันตราย เช่นอยู่ในถ้ำเปนต้น เขาได้เคยพาแกไปตรวจที่ขุมทรัพย์ซึ่งเขาเชื่อว่าจะมี แต่แกไม่ยอมขุด เพราะเหตุที่ขาดทางน้ำและเปนที่ไม่คุ้มภัยอันตรายมาหลายแห่งแล้ว

หม่อมฉันกำลังศึกษาคดีก่อนประวัติศาสตร์ ด้วยได้หนังสือเจ้าเมืองปีนังให้ยืมมาเล่ม ๑ กับได้มาจากหอสมุดสำหรับเมืองปีนังอีกเล่ม ๑ ออกสนุกถึงอยากดูหัวกะโหลกมนุษย์ต่าง ๆ อยู่แล้ว แต่คดีมันยากเสียจริง ๆ อ่านตำรามักติดศัพท์ซึ่งหาในอภิธานไม่ได้เรื่อยไป เพราะเขาใช้ศัพท์ภาษาลาตินบ้าง กรีกบ้าง คิดขึ้นใหม่รู้กันแต่ในพวกนักปราชญ์บ้าง แต่ก็ยังพยายามเรื่อยมา หม่อมฉันคิดว่าเมื่อได้ความรู้พอเปนเค้าเงื่อนจะเขียนไปทูล แต่เห็นจะต้องแบ่งทูลเปนตอน ๆ ไป เพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่ศึกษามันจะพาไปถึงไหนและจะสิ้นสุดลงเมื่อใด บางทีในสัปดาหะหน้าจะทูลได้สักตอน ๑

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ