วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๗ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๙ มกราคม ๒๔๗๗

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๓๐ เดือนก่อน ได้รับประทานแล้ว มีเรื่องที่จับใจหลายเรื่อง

เรื่องบทวลัญฉน์นั้นประหลาดหนักหนา ใต้ฝ่าพระบาททอดพระเนตรพบลักษณอย่างใดอันเปนที่สังเกตได้หรือไม่ ว่าเปนบทวลัญฉน์ทางพระพุทธศาสนาหรือทางไสยศาสตร์ ถ้าเปนทางพระพุทธศาสนาผู้ทำก็คงนึกทำให้ประกอบกับตำนานพวกพระพุทธบาทเหยียบหาดซาย

อักษรอาหรับจารึกที่เกาะตรูเตานั้น พูดตามภาษาศาสตราจารย์คัลเลนเฟลส์แล้ว ก็ต้องว่าเปนของใหม่ จารึกขึ้นภายหลังเมื่อศาสนามหมัดได้มาตั้งขึ้นในประเทศอินเดียแน่นแฟ้นแล้วจึงแผ่ส้านมาถึงหมู่เกาะชะวามะลายู

เรื่องศัพท์ “ประจัญบาน” ตามที่ทรงเลือกศัพท์บาลีขึ้นเทียบสองศัพท์นั้น ศัพท์แรก “ปจณฺทติ” เสียงใกล้ “ประจัญ” แต่ตัวอักษรไกลกัน ส่วนศัพท์หลัง “ปลโย” นั้น เราเอามาเขียนเปน “ประลัย” แบบสํสกฤต เปนคนละศัพท์กับ “ประจัญ” แน่

เกล้ากระหม่อมสงสัยว่าศัพท์ “ประจัญ” นั้น จะเปนคำเขมร จึงได้ลองพลิกดูอภิธานเขมรพบในนั้นมีสองศัพท์คือ “ประจัน” เขาแปลว่าหึงส์ และอธิบายไว้ในวงเล็บว่าความหึงส์ในระหว่างผัวเมียอันเกิดด้วยความรัก อีกศัพท์หนึ่งเปน “ผจัญ” เขาแปลไว้ว่าเอาชะนะ แก้มือได้

เปิดดูปทานุกรมของกระทรวงธรรมการ “ประจัญ” เขาแปลไว้ว่าสู้รบ ต่อสู้ ต้านทาน “ประจัญบาน” ว่ารบตะลุมบอน

ทีนี้จะกราบทูลตามความเห็นส่วนตัว อันคำ “ผจญ” “ประจญ” “ประจัญ” “ประจัน” และ “ประชัน” คิดด้วยเกล้าว่าเปนคำเดียวกัน เดิมจะเปนภาษาอะไรก็ตาม หากพูดเพี้ยนและเขียนตามใจจึงได้ต่างกันไปเปนหลายอย่าง แต่ในภาษาไทย ทุกคำย่อมใช้ในทางรบรับต่อสู้ต้านทานอะไรเทือกนั้น “ประจัญบาน” เปนสองคำประกอบกัน “บาน” ภาษาไทยแปลได้ว่า เปิด ว่า ขยาย ภาษาเขมรแปลว่า ได้ (พุํบาน ว่าไม่ได้) เพราะฉะนั้นถ้าจะแปลคำ “ประจัญบาน” ในภาษาไทยก็จะเปนว่าต่อสู้หน้าบานประตูบ้าน คือ Defence ถ้าในภาษาเขมรก็จะเปนว่าสู้ได้ เปน Defence เหมือนกัน อย่างไรก็ดี “ประจัญบาน” จะแปลว่า Defence เห็นจะไม่ผิด การแปลคำแม้จะเอาจริงจังกันแล้วเปนสิ่งที่ยากนักหนา ทั้งนี้ก็ได้แต่จะทรงพิจารณาเลือกเอาที่พอพระทัยเท่านั้น

เรื่องนายสมบุญ โชติจิตร พูดวิทยุกระจายเสียงนั้น ขอประทานเปนทนายแก้ต่างนายสมบุญ โดยเข้าใจว่าถ้อยคำที่นายสมบุญไปพูดนั้น นายสมบุญไม่ได้คิดคัดจัดสรรค์ขึ้นด้วยตนเอง มีผู้หลักผู้ใหญ่เขาเอาหนังสือส่งให้ไปอ่านกระจายเสียง เสมอด้วยพระเทศน์หนังสือสำเร็จเท่านั้น

เรื่องที่เขาเชิญพระองค์เจ้าเฉิดโฉมไปยกช่อฟ้า ทรงพระดำริคาดว่าเขาคงเชิญกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ก่อน แต่เธอเบี่ยงบ่ายให้เชิญพระองค์เจ้าเฉิดโฉมนั้น ทรงทำนายถูกเป๋งทีเดียว ความจริงเปนเช่นนั้น

เมื่อวานนี้ได้รับลายพระหัตถ์สมเด็จกรมพระสวัสดิ ว่าจะแต่งงานสมรสชายนนท์กับหญิงสุวภาพที่ปินัง ให้จัดเจ้าพนักงานนำสมุดทะเบียนสมรสลงมาปินัง เกล้ากระหม่อมจะแต่งให้มากับรถด่วนวันเสาร์

องค์หญิงขาวประชวนมาตั้งแต่เดือนธันวาคม ว่าเปนโรคไตอักเสบให้หลวงไวทเยศรางกูรรักษา เธอตั้งพระทัยจะปิดเกล้ากระหม่อมด้วย เพราะเธอนับถือหลวงไวทเยศร์ เธอเกรงว่าถ้าเกล้ากระหม่อมทราบ ประเดี๋ยวจะจัดหมออะไรไปรักษา เจ้าพระยาวรพงศหนักมาปรึกษาเกล้ากระหม่อม ตกลงกันว่าเจ้าพระยาวรพงศจะไปเยี่ยมก่อน ถ้าเห็นพระอาการหนักหนาจะมาบอกรายงาน เกล้ากระหม่อมจะสั่งให้หมอดี ๆ ไปตรวจพระอาการ แต่เจ้าพระยาวรพงศก็เงียบไป แปลว่าพระอาการคลายลง แต่มาเมื่อวานนี้เกิดโกลาหลกันขึ้น มีพระอาการมากคือเปนไข้หวัดใหญ่ซ้ำเข้า สมเด็จพระพันวัสสาเสด็จไปเยี่ยมตรัสให้กรมขุนชัยนาทจัดการในเรื่องหมอ ก็เปนการดีแล้วเธอเข้าใจในเรื่องมดหมออยู่มาก เกล้ากระหม่อมได้ให้จัดกรมวังไปอยู่ประจำฟังพระอาการส่งข่าวมา หรือว่าเมื่อต้องการสิ่งใดจะได้วิ่งเต้นให้สำเร็จไปโดยฉับพลันด้วย

คุณหญิงเหิมประยุทธการ พี่สาวนางเสนหามนตรี เข้าไปบางกอก เวียนไปมาที่บ้านคลองเตยบ่อย ๆ ตามประสาที่คุ้นเคยกันมาแต่หาดใหญ่ เมื่อคืนนี้หญิงอี่พาไปดูหนังที่โรงเฉลิมกรุง แล้วพาไปกินเลี้ยงที่ราชวงศ แกสนุกเริงใจมากทั้งนี้ทำให้เกล้ากระหม่อมคิดถึงหาดใหญ่ อันได้เคยไปอาศัยอยู่เปนสุขที่นั้น และระลึกถึงฝ่าพระบาทกับหลาน ๆ ซึ่งไปรวมขลุกขลักอยู่ด้วยกันที่นั่นด้วย หวังว่าฝ่าพระบาทจะทรงพระสำราญพร้อมด้วยหลาน ๆ ทุกคน

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ