วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร

บ้านซินนามอน ฮอลล์ ปีนัง

วันที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗

ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ

หม่อมฉันมีกิจอย่างหนึ่งที่จะทูลขอพระบารมีเปนที่พึ่ง ด้วยไม่เห็นตัวผู้อื่นที่จะทำได้ กิจนั้นคือหม่อมฉันแต่งหนังสือเรื่อง “ความทรงจำ” พยายามแต่งในเวลาเช้าเสมอทุกวันพอเปนเครื่องบรรเทิงใจ เขียนมาถึงตอนต้นรัชกาลที่ ๕ เมื่อทรงพระราชดำริตั้งแบบเสื้อเฝ้าติวนิกแพรสีต่างกันตามกระทรวง เจ้านายทรงสีไพล ขุนนางกระทรวงมหาดไทย สีเขียวแก่ กลาโหมสีน้ำตาล กรมท่าสีน้ำเงินแก่ มหาดเล็กสีนกพิราบ หม่อมฉันนึกสงสัยขึ้นมาว่าเพราะก่อนนั้นเจ้านายเข้าเฝ้าคาดแพร ขุนนางคาดผ้ากราบ และขุนนางนุ่งสมปักชักพกด้วย เมื่อใช้เสื้อติวนิกเปนเสื้อเฝ้านั้นดูเหมือนเจ้านายเลิกคาดแพร แต่ใช้คาดเข็มขัดข้างนอกเสื้อแทนหรืออย่างไร ข้อนี้นึกไม่ได้แน่ คราวนี้ขุนนางเมื่อใส่เสื้อติวนิกแล้วเลิกผ้ากราบหรืออย่างไร และเลิกนุ่งสมปักทุมทามเปลี่ยนเปนนุ่งม่วงโจงกระเบนสามัญหรืออย่างไร พระองค์ท่านกับหม่อมฉันก็รุ่นราวคราวเดียวกัน ความทรงจำก็เห็นจะไล่เลี่ยกัน แต่เมื่อนึกหาผู้อื่นที่แก่กว่าและซึ่งจะจำได้เปนหลักฐาน คิดไม่เห็นมีตัวใคร เห็นอยู่แต่พระยามหานิเวศน ฯ อีกคน ๑ ด้วยเขาเปนมหาดเล็กเข้าเฝ้าในท้องพระโรงแล้วเมื่อสมัยนั้นบางทีจะจำได้ ขอท่านช่วยโปรดตรัสถามดู มีเครื่องพิศูจน์อีกอย่างหนึ่งคือรูปฉายาลักษณ์ หม่อมฉันนึกได้ว่ามีพระรูปเจ้านายต่างกรมชั้นพระเจ้าราชวรวงศ์เธอทรงเครื่องแบบอย่างนั้นหลายพระองค์ แต่รูปขุนนางแต่งเครื่องแบบอย่างนั้นนึกไม่ออกว่าเคยเห็น แต่รูปสมัยเก่านั้น หม่อมฉันได้รวบรวมไว้ในคลังรูปหอพระสมุด ฯ ถ้าท่านเสด็จไปเมื่อใดขอให้เสด็จไปถึงห้องคลังรูป ทรงเรียกหีบพระรูปเจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่แต่ก่อนมาพิจารณาดูสักที ถ้าได้เค้าเงื่อนอย่างไรโปรดให้ทราบได้จะขอบพระเดชพระคุณมาก

หม่อมฉันได้มอบสมุดตำราลายซึ่งจะถวายเป็นของขวัญวันประสูติปีนี้ ให้หญิงโหลเชิญเข้าไป เธอว่าจะไปแวะหาหญิงจงที่หัวหินแล้วจะเข้าไปกรุงเทพฯ ให้ทันไปเฝ้าในวันงาน แต่ได้เห็นในหนังสือพิมพ์ว่าก่อนั้นวันหนึ่งเกิดหยุกหยิกในการเดินรถไฟ หญิงโหลจะนำสมุดไปถวายทันในวันงานหรือไม่สงสัยอยู่ แต่ถ้าคลาดก็จะเพียงวันหนึ่งสองวัน หม่อมฉันนึกว่าปีนี้เห็นจะมีคนไปช่วยงานมาก และหวังใจว่าคงจะสำราญพระหฤทัยไม่มีขุ่นหมองในวันที่ทรงบำเพ็ญพระกุศลนั้น

กถามรรคที่จะทูลในจดหมายฉบับนี้มี ๒ เรื่อง หม่อมฉันได้เคยทูลไปแต่ก่อนว่าที่ปีนังนี้มีวัดพระพุทธศาสนาอยู่ ๕ วัดด้วยกัน แต่หม่อมฉันยังไม่พบพระสงฆ์ซึ่งสามารถทำให้หม่อมฉันเลื่อมใสใคร่จะสนทนาสมาคมด้วย จึงยังห่างเหินกับพระที่ในปีนัง เป็นแต่ได้เคยไปเที่ยวดูวัดสัก ๒-๓ แห่ง แต่ก็ไม่มีอะไรน่าชม ครั้นเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้ อธิการเลื่อนวัดปูโลติกุส ซึ่งเปนวัดเก่าก่อนวัดอื่นอยู่ไม่ห่างบ้านที่หม่อมฉันอยู่นัก มาหาหม่อมฉันบอกว่าการทำพิธีวิสาขะปีนี้กำลังพระไม่พอจะตกแต่งตามประทีปให้สมศรัทธาได้ หม่อมฉันก็รับจะช่วยตามกำลัง และได้แนะให้ไปทูลเจ้านายพระองค์อื่นที่เสด็จอยู่ปีนังในเวลานี้ด้วย เชื่อว่าคงจะช่วยเหมือนกัน เธอรับจะไปตามแนะนำ หม่อมฉันได้ให้เอาเงินไปช่วยและหมายว่าถึงวันวิสาขบูชาจะไปด้วย ครั้นเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน เวลาเย็น หม่อมฉันขึ้นรถไปเที่ยวตากอากาศตามเคย ขากลับผ่านวัดปูโลติกุสเวลาพลบค่ำเห็นจุดประทีปแต่งธงหรูหรา เมื่อมาถึงบ้านจึงให้ไปถามว่ามีงานอะไร อธิการบอกว่าทำวิสาขบูชา นายจองผู้ไปถามเคยบวชอยู่วัดเทพศิรินทรฯ ถามต่อไปว่าปีนี้มีอธิกมาสพิธีวิสาขะทำเดือน ๗ มิใช่หรือ อธิการ (ทำนองจะพึ่งรู้ว่ามีอธิกมาส) ตอบว่าทำเดือน ๖ หรือเดือน ๗ ก็เหมือนกัน และสั่งให้มาบอกหม่อมฉันว่าในวันนั้นก่อพระทราย รุ่งขึ้นวันที่ ๒๘ ตรงกับกลางเดือน ๖ จะทำพิธีเดินเทียน หม่อมฉันได้ทราบก็นึกปลงใจว่าไหว้พระเดือน ๖ หรือเดือน ๗ ก็ได้บุญเหมือนกัน ครั้นถึงวันที่ ๒๘ เวลาค่ำ จึงชวนครอบครัวไปเที่ยววัดปูโลติกุสเวลา ๑๙ นาฬิกาเศษ พอเข้าวัดก็เกิดพิสวงด้วยเห็นผู้คนไปมากราวสัก ๒๐๐ แต่มีผู้หญิงเปนพื้น เห็นแต่งตัวเปนอย่างยอหยาทั้งนั้น เปนคนชั้นมีอันจะกินโดยมาก ได้ยินเสียงพูดจึงรู้ว่าเปนไทยแต่ผู้ชายมีน้อยราวสัก ๒๐ คน เวลาเมื่อหม่อมฉันไปถึงพระประชุมกันอยู่ในการเปรียญราวสัก ๒๐ องค์ ครองผ้าพาดสังฆาฎอย่างธรรมยุติทั้งนั้น เริ่มพิธีด้วยมีเทศน์เมื่อเทศน์จบแล้วพระสงฆ์วัดนั้นยืนถือเทียนสวดคำนำเดินเทียนที่หน้าพระในการเปรียญ พระอาคันตุกะนั่งเฉยอยู่ พวกฆราวาศจุดเทียนถือนั่งอยู่ในการเปรียญและลานวัดแต่ไม่ได้สวดอะไร ครั้นพระสวดจบแล้วออกเดินเทียนนำพวกฆราวาศตาม ประทักษิณ ๓ รอบโบสถ์แล้วเอาธูปเทียนไปติดบูชาพระจุฬามณีซึ่งสร้างขึ้นด้วยเครื่องไม้ทาปูนขาว กลางหมู่พระทรายซึ่งก่อในวันก่อน เมื่อหม่อมฉันได้เข้าไปเดินเทียนกับเขาพระจึงรู้ว่าหม่อมฉันไป ครั้นเสร็จเดินเทียนก็เชิญให้มานั่งที่การเปรียญ ฟังสวดวิสาขะบูชาซึ่งพระสงฆ์วัดนั้นสวดด้วยเขียนคาถาลงแผ่นกระดาษอ่านสวดทำนองอย่างพอรู้ว่าเปนสรภัญญะ ครั้นสวดจบแล้วยะถาสัพพีต่อเปนเสร็จพิธีเพียงนั้น อธิการบอกว่ารุ่งขึ้นวันหน้ามีการเลี้ยงพระหม่อมฉันก็ให้หาของไปช่วยเลี้ยง เจ้านายพระองค์อื่นได้ยินว่าประทานเงินช่วยทั้งนั้น แต่เข้าพระทัยว่าจะทำเดือน ๗ จึงไม่มีใครได้เสด็จไป ถ้าหากหม่อมฉันไม่ได้ผ่านวัดเมื่อวันขึ้น ๑๔ ค่ำก็คงไม่ได้ไปเหมือนกัน

เมื่อได้ไปเห็นพิธีทำวิสาขะบูชาที่วัดปูโลติกุสแล้ว หม่อมฉันเกิดรู้สึกเลื่อมใสและสังเวชทั้ง ๒ สถาน เลื่อมใสที่พระสงฆ์อุตส่าห์ทำพิธีและที่ยังมีคนใจบุญมาก เกิดสังเวชนั้นด้วยเห็นความเสื่อมทราม เข้าทางปัญจอันตรธานที่ว่าในคัมภีร์ปฐมสมโพธิ หม่อมฉันได้ส่งปฏิทินหลวงไปถวายอธิการเล่ม ๑ กับสัญญาว่าจะหาหนังสือเทศน์ส่งไปไว้สำหรับวัดบ้าง การที่หม่อมฉันได้ทำบุญดังทูลมา ขอถวายพระกุศลด้วย

อีกเรื่องหนึ่งนั้นเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน หม่อมฉันขึ้นรถไปเที่ยวเล่นเช่นเคย เมื่อมาทางถนนในเมืองพบพวกฮินดูตั้งกระบวรจะแห่เทวรูปกระบวรน้อยกว่าเมื่อแห่ Thai Pusam รถที่ทรงเทวรูปก็เปนแต่จำหลักทาสีมิใช่รถหุ้มเงินเหมือนครั้งนั้น แต่กระบวรหน้ามีพวกปี่กลอง ในพวกนี้มีของแปลกซึ่งไม่เคยเห็นเปนแตรงอนรูปเหมือนตัว S สองคัน อยากจะฟังว่าเสียงเปนอย่างไร จึงสั่งให้ขับรถหลีกกระบวรมาจอดคอยอยู่ข้างหน้า ก็ได้ฟังเสียงแตรงอนไม่ไพเราะเลย ต่อนั้นก็มีธงและกลดกับอื่น ๆ ตามแบบฮินดู เทวรูปที่แห่นั้น ก็รูปพระขันธกุมารนั่นเอง ปลาดอยู่ที่เมื่อกระบวรแห่ผ่านรถหม่อมฉัน มีพวกฮินดูที่มาในกระบวรยิ้มและยกมือคำนับหม่อมฉันหลายคน แต่แรกไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด ต่อใกล้จะถึงรถเทวรูปจึงพบตายะหัมพรัม ปิลเล คนที่เคยพาหม่อมฉันไปเที่ยวดูเทวสถานเดินมาด้วยในกระบวรแห่ แกเห็นหม่อมฉันก็แวะเข้ามาหา ตาคนนี้หม่อมฉันได้พบ ๓ ครั้ง แต่งตัวผิดกันทั้ง ๓ ครั้ง ๆ แรกมาหาแต่งอย่างฝรั่ง ครั้งที่ ๒ เมื่อมาพาไปดูเทวสถานใส่เสื้อขาวนุ่งขาวอย่างฮินดู ครั้นเข้ากระบวรแห่วันนี้แกแต่งเปนปริพาชก นุ่งแต่ผ้าขาวไม่ใส่เสื้อ หม่อมฉันถามแกว่าพิธีอะไร แกบอกว่าเปนพิธีขึ้นปีใหม่ของพวกทมิฬ ในขณะที่แกกำลังพูดกับหม่อมฉันนั้นมีพวกผู้ช่วยเข้ามากระซิบ (ทำนองจะบอกว่ายังไม่ได้ถวายกระแจะ) แกพยักหน้า แล้วไปเอากระแจะที่สำหรับชะโลมหน้าผากมาให้ หม่อมฉันก็ต้องรับเจิมหน้าเหมือนหนหลัง เปนอันได้ความว่าเพราะพวกฮินดูที่ในกระบวรแห่นั้น ได้เห็นหม่อมฉันเมื่อไปดูเทวสถานมาพบเข้าอีกจึงยิ้มแย้มและคำนับ ตรงกับบทพระบาลีว่า “วิสฺสาสา ปรมาาติ” การที่ไปเทวสถานดูก็ได้บุญอยู่บ้าง.

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ