วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๗ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๗๗

ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ

เมื่อคราวเมล์วันศุกร์ที่ ๑๕ หม่อมฉันได้ฝากส้มเข้าไปถวายซึ่งหวังใจว่าจะได้ทรงรับแล้ว แต่ที่ทูลไปในจดหมายว่าเปนส้มอียิปต์นั้นผิดไป เขามาบอกว่าส้มอียิปต์ก็เขียนไปตามเขาบอก ต่อมาเห็นกระดาษห่อส้มเมื่อภายหลังจึงทราบว่าเปนส้มเมืองจัฟฟา อันเปนท่าเรือขึ้นไปเมืองจะรูชาเลม ในอาณาเขตต์ปาเลสตินส์ ส้มจัฟฟานี้ขึ้นชื่อลือเลื่องอยู่ในยุโรป หม่อมฉันพึ่งทราบว่าส่งออกมาขายถึงทางนี้

อนึ่งเมื่อสองสามวันมานี้คนขับรถยนต์ของหม่อมฉัน ไปซื้อตุ๊กตายี่ปุ่นทำอย่างหนึ่งเปนตัวหอย มาให้หลานหม่อมฉันเล่น หม่อมฉันเห็นเข้าออกพิสวง จะมีขายที่ในกรุงเทพ ฯ แล้วหรืออย่างไรไม่ทราบ เห็นเปนของปลาดช่างคิดจึงซื้อส่งมาถวาย ๓ ตัว ตุ๊กตานั้นภายนอกเปนแต่กาบหอย ลักษณะจะเล่น ต้องเอาน้ำใส่ถ้วยแก้วอย่างสูงหรือขวดโหลให้มีน้ำสูงสัก ๒๐ เซนติเมตรหรือกว่านั้น เอาหอยทิ้งลงไปคราวละตัว ๑ แล้วคอยดูมันแผลงฤทธิ์ ถ้าลูกหญิงที่ยังไม่เคยเล่นตุ๊กตาอย่างนี้คงชอบ

มีเรื่องแปลกที่จะทูลบันเลงในสัปดาหะนี้อีกเรื่อง ๑ คือที่ชายทะเลตรงหน้าบ้านหม่อมฉันออกไปสัก ๕ เส้น เขาทำเขื่อนและถนนเอสเปลเนด ปักเสาไฟฟ้าเปนระยะยาวเกือบ ๑๐ เส้น สำหรับเปนที่คนนั่งเล่นเดินเล่น เดี๋ยวนี้เปนที่ประชุมชนทำนองเดียวกับถนนราชวงศ์ เวลาตอนเย็นไปจนค่ำคืนมีของกินต่าง ๆ ขายและมีคนไปเที่ยวเตร่กันมาก วันหนึ่งหม่อมฉันเดินออกไปเที่ยวเล่นกับหญิงเหลือเที่ยวดูหาบของกินที่ทำขาย ไปเห็นเจ๊กขายขนมจีนน้ำยาอยู่หาบ ๑ มีคนซื้อนั่งล้อมกินกันอยู่ดูเอร็จอร่อย นึกปลาดใจด้วยขนมนั้นแม้เรียกชื่อว่าขนมจีนก็ไม่เคยเห็นจีนทำขายมาแต่ก่อน ออกสงสัยว่าขนมจีนที่เรากินกันในเมืองไทยจะเปนของทำขายไทยอย่างหมี่ท่าช้าง เมื่อมาเห็นเข้าที่นี่นึกจะลองกิน แต่เห็นกระบวรที่เจ๊กเจ้าของหาบปรุงขายไม่สอาดก็เกิดรังเกียจ แต่นึกขึ้นในขณะนั้นว่าจะต้องไต่สวนทำรายงานเรื่องขนมจีนน้ำยาของเจ๊กทูลท่าน จึงแต่งคนให้ไปซื้อเครื่องขนมจีนนั้นแยกเปนอย่าง ๆ มาพิจารณาเมื่อเวลาจะกินอาหารเย็น ตัวเส้นขนมจีนเหมือนกับที่ขายในเมืองไทยไม่มีผิด เหมือดนั้นมีหอมหัวใหญ่อย่าง ๑ แตงกวาอย่าง ๑ ผักกาดอย่าง ๑ ดอกบัวอย่าง ๑ หั่นเปนชิ้นเล็ก ๆ มีน้ำพริกหรืออะไรอย่าง ๑ ดูเหมือนกับน้ำพริกลูกมะมาดของเรา ส่วนตัวน้ำยานั้น หม่อมฉันเอามาดมดูกลิ่นเหมือนแกงต้มส้มต้มกะปิ วานให้หญิงเหลือชิมรส พอจิบเข้าไปพักตร์เหยบอกว่ารับไม่อยู่ ได้ชัณสูตร์เพียงนั้น ถ้าจะลงความสันนิษฐานดูเหมือนขนมจีนจะเปนของจีนจริง แต่เหมือดกับน้ำยาหรือน้ำพริก จะมาคิดแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามชอบใจของชาวเมืองทางนี้ จึงต่างกันดังทูลมา

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๓ หม่อมฉันนึกเรื่องตำนานเสาธงได้อีก จึงขอทูลสนองและเสนอต่อไป เสาธงชั้นทวดที่ท่านทรงพรรณนามานั้นถูกต้องกับที่หม่อมฉันจำได้ทุกอย่าง หม่อมฉันลืมเสียอย่าง ๑ ที่เสาธงจีนชักโคมคู่ในเวลาค่ำ ต่อเห็นอธิบายที่ประทานมาจึงนึกขึ้นได้ คราวนี้จะทูลตามที่นึกได้ต่อไป ธงตราแผ่นดิน ๓ รัชชกาลก่อนนั้นมีเปน ๒ สี ถ้าชักในวันประสูติพื้นสีแดง ถ้าชักวันสวรรคตพื้นสีน้ำเงินแก่ เสาธงชั้นทวดยังมีต่อออกไปตามป้อมหลังคาตัดบนกำแพงพระบรมมหาราชวัง จะเปนกี่ป้อมจำไม่ได้ โดยปกติจะชักธงพระจอมเกล้า เสมอทุกวันหรืออย่างไรก็จำไม่ได้ จำได้แต่ว่าวันประสูติและวันสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวในรัชชกาลก่อน ๆ ชักธงตราแผ่นดินเช่นทูลมา ตามป้อมเหล่านั้นและมีธงบริวารด้วย ยังมีเรื่องตำนานเสาธงต่อไปอีก (หม่อมฉันจะได้ ทราบจากที่ไหนเวลานี้นึกไม่ออก) ว่าเมื่อมีเสาชักธงขึ้นที่ในพระบรมมหาราชวังและพระบวรราชวังแล้ว คนทั้งหลายก็เข้าใจกันว่าเสาธงนั้นเปนเครื่องหมายพระราชอำนาจ ครั้นต่อมาเมื่อฝรั่งเข้ามาทำหนังสือสัญญาและตั้งกงสุลอังกฤษ กงสุลอเมริกัน กงสุลฝรั่งเศส ที่ในกรุงเทพ ฯ พวกกงสุลเหล่านั้นพากันตั้งเสาชักธงชาติของตน ณ สถานกงสุล เหมือนอย่างทำที่เมืองจีน คนทั้งหลายเห็นพากันตกใจลือกันว่ากงสุลจะเข้ามาตั้งประชันพระราชอำนาจ ความทราบถึงทูลกระหม่อมทรงพระราชดำริแก้ไขความตื่นเต้นนั้น ด้วยดำรัสสั่งให้เจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่ทำเสาธงชักธงช้างขึ้นตามวังและตามบ้าน เมื่อมีเสาชักธงแพร่หลายความตื่นเต้นก็สงบลง เรื่องนี้มีหลักฐานที่หม่อมฉันจะอ้างได้ ด้วยเมื่อหม่อมฉันรับมรดกบ้านเรือนของคุณตา (ที่ใกล้เชิงสะพานดำรงสถิตย์) เวลานั้นเสาธงยังมีอยู่ ตอนบนผุคุณตาเอาลงเสียแล้วเหลือแต่ตอนล่าง และหม่อมฉันยังนึกจำได้ว่าเคยเห็นเสาธงที่วังเจ้านายและบ้านขุนนางแห่งอื่นอีกบ้าง บางทีท่านก็จะทรงจำได้บ้างดอกกะมัง ข้อที่พระองค์ธานียอมตกเรื่องประวัติเสาธงในพระบรมมหาราชวังนั้น พระชันษาของเธอจะราว ๕๐ ปี ขอให้ทรงลองสืบสาวต่อไปถึงคนชั้นอายุระวาง ๕๐ จป ๖๐ จะมีคนจำได้เพียงชั้นไหน

หม่อมฉันนึกว่าเสาธงที่ตรงหน้าพระที่นั่งจักรีนั้น จะต้องถึงชั้นอายุ ๗๐ ปีจึงจะจำได้ แต่เสาธงอยู่ตรงหน้าหอรัษฎาช้านาน คนชั้นอายุ ๕๐ ควรจะจำได้ หรือจะเปนเพราะเสาธงอยู่ห่างถนนหนทาง คนที่เดินเข้าออกกับพระบรมมหาราชวัง จะไม่ได้เอาใจใส่สังเกตก็เปนได้ดอกกะมัง

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

  1. ๑. พระยาอัพภันติกามาตย์ (ดิศ โรจนดิศ)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ