- คำนำ
- คำอธิบาย
- เนื้อเรื่องย่อ
- สมุดไทยเล่มที่ ๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๗
สมุดไทยเล่มที่ ๙๕
ช้า
๏ เมื่อนั้น | น้องพระหริรักษ์จักรกฤษณ์ |
ครั้นแสงทองส่องฟ้าชวลิต | โดยเบื้องบุรพทิศพรายพรรณ |
เสนาะเสียงเรไรจักจั่นแจ้ว | โกกิลไก่แก้วขานขัน |
ดาวเดือนเลื่อนลับสัตภัณฑ์ | สุริยันเยี่ยมยอดยุคุนธร |
หมู่แมลงผึ้งภุมรีทอง | เชยซาบละอองเกสร |
พระพายพากลิ่นขจายจร | ภูธรชวนองค์อนุชา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เข้าที่สระสรงทรงเครื่อง | อร่ามเรืองดั่งเทพเลขา |
กรายกรยุรยาตรคลาดคลา | ออกหน้าพลับพลาอลงการ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ร่าย
๏ เสด็จเหนืออาสน์แก้วโกมิน | พร้อมด้วยกระบินทร์ทวยหาญ |
หมอบเฝ้าประณตบทมาลย์ | ดั่งมัฆวานออกหมู่เทวัญ |
พอได้ยินสำเนียงกึกก้อง | โห่ร้องสะเทือนเลื่อนลั่น |
จึ่งถามพิเภกกุมภัณฑ์ | วันนี้ทัพใครยกมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พญาพิเภกยักษา |
รับสั่งพระองค์วงศ์เทวา | อสุราก็จับยามไป |
นับแต่อาทิตย์มาหาจันทร์ | แบ่งปันมิให้คลาดเคลื่อนได้ |
เห็นแจ้งไม่แคลงฤทัย | บังคมไหว้สนองพระวาที |
อันทัพซึ่งยกออกมา | ชื่อว่าบรรลัยจักรยักษี |
น้องสุริยาภพอสุรี | บุตรเจ้าธานีมลิวัน |
มีศรเหราเป็นอาวุธ | ฤทธิรุทรเรี่ยวแรงแข็งขัน |
หยาบช้ากล้าหาญชาญฉกรรจ์ | ปราบได้ถึงสวรรค์ชั้นฟ้า ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพรตสุริย์วงศ์นาถา |
ได้แจ้งแห่งคำโหรา | จึ่งมีพจนาบัญชาการ |
ดูก่อนลูกพระสุริยน | จงจัดรี้พลทวยหาญ |
ตัวเราจะยกไปรอนราญ | ผลาญหมู่อริราชไพรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พญาไวยวงศากระบี่ศรี |
ก้มเกล้ารับราชวาที | ถวายอัญชุลีแล้วออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ จัดเป็นกระบวนพยุหบาตร | เลือกล้วนองอาจแกล้วกล้า |
แต่ละตนเรืองฤทธิ์ศักดา | เหาะเหินเดินฟ้าได้ว่องไว |
มาตรแม้นจะช้อนแผ่นดิน | ยกพระเมรุสีขรินก็ทำได้ |
กรเดียวจะวิดสมุทรไท | ก็จะแห้งเหือดไปด้วยฤทธิ์ |
แด่ละตนเหี้ยมหาญชาญฉกรรจ์ | ขันปล้นฉ้อชั้นดุสิต |
ถึงจะเอาเดือนดวงพระอาทิตย์ | ก็จะปลิดมาได้ดั่งใจนึก |
กวัดแกว่งสาตรากุลาหล | ร่านรนลำพองคะนองศึก |
ต่างตนต่างหาญต่างฮึก | คั่งคึกคอยเสด็จบทจร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพรตสุริย์วงศ์ทรงศร |
ชวนพระอนุชาฤทธิรอน | กรายกรมาสรงวาริน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โทน
๏ สองกษัตริย์ชำระสระสนาน | สุคนธ์ธารหอมฟุ้งจรุงกลิ่น |
สนับเพลาคู่ทรงองค์อินทร์ | เชิงรูปนาคินทร์กระหนกพัน |
ทรงภูษาทิพย์ต่างสี | แย่งยกเทวครีทองคั่น |
ชายไหวก้านขดเครือสุวรรณ | ชายแครงกุดั่นจำหลักลาย |
ฉลององค์พื้นตาดพระกรน้อย | สอดสร้อยสังวาลสามสาย |
ตาบทิศทับทรวงเพชรพราย | พาหุรัดนาคกลายทองกร |
ธำมรงค์มณีโลหิต | ชวลิตแลเลื่อมประภัสสร |
ต่างทรงมงกุฎกรรเจียกจร | ดอกไม้ทัดอรชรชมพูนุท |
งามพระเชษฐาดั่งสุริยัน | พระน้องดั่งพระจันทร์เทวบุตร |
ต่างทรงศรสิทธิ์ฤทธิรุทร | ชวนพระวรนุชมาขึ้นรถ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถทรง | กำกงล้วนแล้วด้วยมรกต |
สามงอนอ่อนงามช้อยชด | ชั้นลดกระจังบัลลังก์ลอย |
รายรูปเทพนมประนมนิ้ว | ครุฑจับนาคหิ้วเศียรห้อย |
เรือนเก็จเสากาบประดับพลอย | ห้ายอดสุกย้อยอร่ามเรือง |
เทียมด้วยสินธพอาชาชาติ | งามสะอาดทั้งสี่สีเหลือง |
ประดับด้วยเนาวรัตน์ค่าเมือง | ล้วนเครื่องสำหรับพิชัยยุทธ์ |
พระอนุชานั่งหน้าประนมหัตถ์ | งามทัดเทียมองค์เทวบุตร |
ขุนรถกวัดแกว่งอาวุธ | สำแดงฤทธิรุทรขับทะยาน |
ประดับด้วยอภิรุมชุมสาย | ธงชัยธงชายธงฉาน |
เยียดยัดอัดพื้นสุธาธาร | พลลิงพลมารคะนองฮึก |
ปี่ฆ้องกลองขานประสานเสียง | สำเนียงโห่ร้องก้องกึก |
กำกงรถลั่นครั่นครึก | ขับกันคึกคึกรีบไป ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งที่สนามยุทธ์ | จึ่งให้หยุดโยธาทัพใหญ่ |
ตั้งมั่นลงที่ชายไพร | คอยดูฤทธิไกรอสุรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายบรรลัยจักรยักษี |
ยืนรถอยู่กลางโยธี | เห็นทัพกระบี่ยกมา |
โกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน | หมายมั่นเขม้นเข่นฆ่า |
กระทืบบาทมีราชบัญชา | ให้ขับรัถาขึ้นไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นใกล้จึ่งมีบรรหาร | เหวยมนุษย์ใจพาลหยาบใหญ่ |
จะมีศักดาเดชเพียงใด | ดั่งลูกไก่มาต่อพญาครุฑ |
อันในพ่างพื้นพสุธา | ทั้งชั้นฟ้าบาดาลเป็นที่สุด |
ก็เกรงเราผู้มีฤทธิรุทร | ไม่อาจต่อยุทธ์ประจัญกร |
ตัวท่านพี่น้องสองคน | หรือจะอาจทานทนกำลังศร |
จงเร่งยกพลวานร | กลับไปนครอยุธยา |
ชมซึ่งสมบัติพัสถาน | ให้แสนสุขสำราญดีกว่า |
แม้นว่ามิฟังจะมรณา | ด้วยศักดาเดชของเรานี้ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพรตทรงสวัสดิ์รัศมี |
ยิ้มแล้วจึ่งตอบวาที | เหวยเหวยอสุรีใจพาล |
ท่านดั่งหิ่งห้อยน้อยแสง | หรือจะแข่งด้วยดวงพระสุริย์ฉาน |
สำหรับจะยับบรรลัยลาญ | ด้วยศรกูผู้ชาญฤทธิไกร |
อันสุริยาภพกุมภัณฑ์ | พี่ชายตัวนั้นไปอยู่ไหน |
คิดดูบ้างก่อนก็เป็นไร | ช่างอวดได้ไม่อายแก่โยธา |
อันทัพเรายกมาครั้งนี้ | แม้นไม่ได้ธานียักษา |
อย่าสงสัยว่าจะกลับไปพารา | จะเคี่ยวฆ่าให้สิ้นทั้งเมืองมาร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรรลัยจักรฤทธิไกรใจหาญ |
ได้ฟังกริ้วโกรธดั่งเพลิงกาล | ขุนมารขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน |
เหม่เหม่ดูดู๋มนุษย์น้อย | ถ้อยคำหยาบคายโมหันธ์ |
ดีแล้วจะได้เห็นกัน | กูจะหั่นมิให้แค้นคอกา |
ว่าแล้วมีราชบรรหาร | เหวยนนทการยักษา |
เร่งขับพหลโยธา | เข้าไล่เข่นฆ่าไพรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งนนทการยักษี |
รับสั่งแล้วขับโยธี | เข้าไล่โจมตีวานร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พุ่งซัดอาวุธสับสน | ต่างตนก็ยิงธนูศร |
รบรุกบุกบันประจัญกร | ตะลุมบอนแทงฟันเป็นโกลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พวกพลวานรแกล้วกล้า |
เห็นหมู่ยักษีตีเข้ามา | ก็แยกเป็นปีกกาออกรับ |
กองหนุนหนุนเนื่องกันเข้าไป | กองหน้าโลดไล่โจมจับ |
ได้ทีตีกระหนาบทุกทัพ | พลมารตายยับไม่สมประดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นนทสูรนนทการยักษี |
เห็นวานรออกไล่ราวี | อสุรีตายกลาดดาษดา |
สองนายโกรธากุลาหล | ต่างตนเขม้นเข่นฆ่า |
เผ่นโผนโจนจ้วงทะลวงมา | กวัดแกว่งคทาเข้าราญรอน |
หวดซ้ายป่ายขวาว่องไว | เลี้ยวไล่โจมตีกลางสมร |
พลลิงไม่รอต่อกร | หนีซอนวิ่งวุ่นพัลวัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อสุรผัดนิลพัทตัวขยัน |
เห็นกระบี่เสียทีกุมภัณฑ์ | สองนายขบฟันเข้าราวี |
ฝ่ายนิลพัทก็ถาโถม | โจมจับนนทสูรยักษี |
อสุรผัดทะยานเข้าต่อตี | จับอสุรีนนทการ |
สี่นายกลอกกลับสับสน | ต่างอดต่างทนต่างหาญ |
สองนายแทงสองขุนมาร | วายปราณด้วยกำลังศักดา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายบรรลัยจักรยักษา |
เห็นสองวานรมีฤทธา | ฆ่าสองอสุราบรรลัย |
โกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน | กระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว |
ฉวยชักพระแสงศรชัย | พาดสายแผลงไปด้วยฤทธิ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เสียงสนั่นครั่นครื้นสุธาธาร | สะเทือนถึงวิมานดุสิต |
ต้องพลโยธาปัจจามิตร | สุดสิ้นชีวิตดาษดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพรตสุริย์วงศ์นาถา |
เห็นวานรตายเกลื่อนพระสุธา | ผ่านฟ้าจับศรแผลงไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ กึกก้องทั่วท้องโลกธาตุ | หมู่มารตายกลาดไม่นับได้ |
ราชสีห์สารถีก็บรรลัย | รถชัยหักยับลงทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรรลัยจักรสุริย์วงศ์ยักษี |
รถหักตกลงกับปถพี | อสุรีผุดลุกขึ้นยืนยัน |
เห็นพลตายกลาดดาษดา | ยิ่งกริ้วโกรธาตัวสั่น |
กวัดแกว่งศรชัยดั่งไฟกัลป์ | ขึ้นโรมรันบนรถไม่งดกร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสัตรุดสุริย์วงศ์ทรงศร |
รับหัตถ์ปัดป้องด้วยฤทธิรอน | ภูธรโจมจับอสุรา |
ต่างมีเดชาวราวุธ | สัประยุทธ์บนราชรัถา |
หวดด้วยพระขรรค์อันศักดา | ยักษาตกลงกับปถพี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพรตทรงสวัสดิ์รัศมี |
จับศรพาดสายทันที | ภูมีผาดแผลงไปด้วยฤทธิ์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เสียงสนั่นครั่นครื้นภพไตร | เป็นศรเกลื่อนไปอกนิษฐ์ |
ต้องตัวอสุราปัจจามิตร | ติดเต็มทั่วทั้งกายา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรรลัยจักรสุริย์วงศ์ยักษา |
ต้องศรมนุษย์อันศักดา | ดั่งหนึ่งชีวาจะวายปราณ |
ขบฟันดำรงกายไว้ | ด้วยใจอาจองทะนงหาญ |
ยอกรคิดคุณพระอาจารย์ | ขุนมารร่ายเวทด้วยฤทธี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถ้วนสามคาบก็ลูบลง | ศรหลุดจากองค์ยักษี |
ไม่มีแผลระคายอินทรีย์ | อสุรีรำพึงคะนึงคิด |
ฉิฉะมนุษย์นี้อาจหาญ | แม่นยำชำนาญด้วยศรสิทธิ์ |
ทั้งพวกโยธีก็มีฤทธิ์ | ใช้ได้ดั่งจิตจินดา |
อันหมู่อสุรกุมภัณฑ์ | สู้มันล้มตายเสียหนักหนา |
บัดนี้ก็จวนสนธยา | พ้นเวลาที่จะชิงชัย |
คิดแล้วให้เลิกทวยหาญ | แสนเสนามารน้อยใหญ่ |
ดั่งอสูรกลัวเดชหัสนัยน์ | ก็กลับไปยังราชธานี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพรตสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ครั้นบรรลัยจักรอสุรี | เลิกพลโยธีเข้าพารา |
พอพระสุริยาสายัณห์ | แสงจันทร์จำรัสเวหา |
ทรงกลดหมดเมฆจำเริญตา | ดาราเกลื่อนกลาดดาษไป |
จึ่งให้เลิกโยธาพลากร | เสนาวานรน้อยใหญ่ |
โห่สนั่นครั่นครื้นนภาลัย | คืนไปพลับพลารูจี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายบรรลัยจักรยักษี |
ครั้นถึงพิชัยธานี | ก็ขึ้นไปยังที่พระโรงคัล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งน้อมเศียรเกล้าบังคมบาท | พระบิตุรงค์ธิราชรังสรรค์ |
ท่ามกลางสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ | พร้อมกันเกลื่อนกลาดดาษดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวจักรวรรดิยักษา |
เห็นราชโอรสขึ้นมา | จึ่งมีบัญชาถามไป |
วันนี้ตัวเจ้าไปต่อยุทธ์ | กับด้วยมนุษย์เป็นไฉน |
สงครามเสียทีหรือมีชัย | จึ่งมาต่อสมัยราตรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรรลัยจักรสุริย์วงศ์ยักษี |
ได้ฟังพระราชวาที | ชุลีกรสนองพระบัญชา |
ตัวลูกนี้ยกออกไป | ได้รบพุ่งชิงชัยกันหนักหนา |
อันมนุษย์พี่น้องสองรา | ศรสิทธิ์ฤทธามันเพริศพราย |
แม้นมาตรแผลงมาแต่ละครั้ง | กำลังดั่งฟ้าฟาดสาย |
ตัวลูกเจ็บชํ้าไปทั้งกาย | ดั่งว่าจะวายชีวัน |
ทั้งพลสวาวานร | ล้วนมีฤทธิรอนแข็งขัน |
แต่ฆ่าตายยับนับพัน | แล้วมันกลับเป็นขึ้นชิงชัย |
อันสงครามครั้งนี้สามารถ | จะประมาทหมิ่นมันเห็นไม่ได้ |
ลูกขอบังคมลาไป | ชุบศรในเนินจักรวาล |
ขอให้ผู้ใดไปขัดทัพ | ตั้งรับต่อซึ่งกำลังหาญ |
สามวันจะยกมารอนราญ | ผลาญเสียให้สิ้นชีวา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวสี่พักตร์ยักษา |
ได้ฟังดั่งอำมฤตฟ้า | มาโสรจสรงกายาอสุรี |
ลูบหลังแล้วตรัสตอบไป | เจ้าผู้ดวงใจเฉลิมศรี |
อันศรเหราเล่มนี้ | สามโลกไม่มีที่เทียมทัน |
สาอะไรมนุษย์กับลิงป่า | จะไม่ม้วยชีวาอาสัญ |
เจ้าจงไปตั้งพิธีกรรม์ | ชุบศรสาตร์นั้นให้เกรียงไกร |
จะให้มารกระบิลกุมภัณฑ์ | ยกพวกพลขันธ์กระบวนใหญ่ |
ออกไปขัดทัพรับไว้ | กว่าดวงใจพ่อจะกลับมา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรรลัยจักรยักษา |
น้อมเศียรรับราชบัญชา | ชุลีลามาปราสาทรูจี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งเสด็จขึ้นยังบัลลังก์รถ | พร้อมทศโยธายักษี |
ขับทะยานผ่านฟ้าด้วยฤทธี | ไปยังคีรีจักรวาล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งลงจากอากาศ | สั่งเสนามาตย์ใจหาญ |
จงเร่งปลูกโรงพิธีการ | เก้าห้องโอฬารอลงกรณ์ |
ประดับด้วยราชวัติฉัตรธง | ตั้งลงแทบเชิงสิงขร |
จะบูชาพระเวทสถาวร | ชุบศรให้เรืองฤทธี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งเสนามารทั้งสี่ |
รับสั่งแล้วถวายอัญชุลี | ออกไปยังที่พลไกร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งกะเกณฑ์กันปันด้าน | ทุกหมู่หมวดมารน้อยใหญ่ |
ให้ปลูกโรงพิธีอำไพ | ที่ในแนวเนินบรรพตา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายนายหมวดมารซ้ายขวา |
ก็เร่งรัดพวกพลโยธา | ให้ตัดไม้ขนมาเป็นโกลี |
บางหมู่ขุดหลุมถากเสา | ปรับปรุงกล่อมเกลาอึงมี่ |
ตั้งซึ่งโรงราชพิธี | ตามที่ตำแหน่งพนักงาน |
เก้าห้องยาวรีมีเฉลียง | ราชวัติฉัตรเรียงทั้งสี่ด้าน |
เบื้องบนนั้นดาดเพดาน | ห้อยพวงกุสุมาลย์โอฬาร์ |
ท่ามกลางตั้งแท่นบัลลังก์รัตน์ | บัตรพลีบายศรีซ้ายขวา |
เทียนเงินเทียนทองรจนา | เสร็จตามบัญชาอสุรี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรรลัยจักรสุริย์วงศ์ยักษี |
ครั้นเสร็จโรงราชพิธี | ยินดีดั่งได้วิมานอินทร์ |
จึ่งเปลื้องเครื่องประดับสำหรับองค์ | ส่งให้พนักงานทั้งสิ้น |
เสด็จจากรถแก้วโกมิน | ลินลาไปสรงคงคา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ชมตลาด
๏ ขัดสีธุลีเหื่อไคล | ให้สิ้นมลทินกายยักษา |
ทรงสุคนธ์ลูบไล้ชโลมทา | นุ่งผ้าพื้นขาวรูจี |
แล้วคาดรัตโกปินำ | สอดใส่ธุหรํ่าดั่งฤๅษี |
ห่อชฎามุ่นเกล้าเมาลี | สวมประคำมณีอลงกรณ์ |
บงเฉียงศรีเศวตภูษา | จับเหราพตพระแสงศร |
พอได้ศุภฤกษ์สถาวร | บทจรเข้าโรงพิธีกรรม์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ยานี
๏ ขึ้นนั่งยังที่บัลลังก์อาสน์ | อันโอภาสพรรณรายฉายฉัน |
สง่างามดั่งเทพนักธรรม์ | มาแต่ฉ้อชั้นดุษฎี |
จึ่งจุดธูปเทียนมัสการ | องค์บรมพรหมานเรืองศรี |
กองกูณฑ์โดยกิจพิธี | อสุรีหลับเนตรภาวนา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวจักรวรรดิยักษา |
ครั้นบรรลัยจักรอสุรา | ลาไปตั้งกิจพิธีการ |
จึ่งสั่งมารกระบิลอสุรี | ตัวท่านผู้มีกำลังหาญ |
จงยกพหลพลมาร | ไปต้านทานขัดทัพรับไว้ |
มั่นอยู่แต่ในสามวัน | อย่าให้มันหักเข้ามาได้ |
กว่าโอรสรักผู้ร่วมใจ | จะเสร็จชุบศรชัยกลับมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มารกระบิลสิทธิศักดิ์ยักษา |
ก้มเกล้ารับราชบัญชา | บังคมลาออกจากพระโรงคัล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จัดพวกโยธาพลากร | เลือกล้วนฤทธิรอนแข็งขัน |
สิบหมู่ห้าวหาญชาญฉกรรจ์ | เสร็จโดยบัญชาพญามาร |
แล้วแต่งกายใส่เสื้อสำหรับศึก | ดูพิลึกงามทีชาติทหาร |
กรกุมหอกแก้วสุรกานต์ | เผ่นทะยานขึ้นหลังมโนมัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โทน
๏ ม้าเอยม้าศึก | ตัวดำพันลึกสูงใหญ่ |
ฝีเท้าเคล่าคล่องว่องไว | หนีได้ไล่ทันขยันดี |
โจมณรงค์แกล้วหาญร่านรบ | ตีนดีดปากขบไม่ถอยหนี |
เริงร้องก้องกาจเป็นโกลี | ขี่รอบจักรวาลไม่ทันพัก |
เสียงโห่คึกคึกสะอึกโผน | โจนทะยานปานปล้นเอาไตรจักร |
อันพวกทหารก็ฮึกฮัก | สำแดงฤทธิ์สิทธิศักดิ์มหึมา |
ลางมารชำแรกแทรกแผ่นดิน | บ้างบินบ้างเหาะขึ้นเวหา |
ผงคลีตลบทั้งเมฆา | รีบมายังสมรภูมิชัย ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งที่สนามยุทธ์ | จึ่งให้หยุดโยธาน้อยใหญ่ |
ตั้งเป็นทัพขันมั่นไว้ | ในที่แนวเนินคีรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระพรตสุริย์วงศ์เรืองศรี |
ไสยาสน์เหนืออาสน์รูจี | ยังที่สุวรรณพลับพลา |
ล่วงเข้าเวลาปัจจุสมัย | อโณทัยเรื่อเรืองพระเวหา |
เสนาะเสียงไก่แก้วโกญจา | มยุราร้องก้องประกาศดง |
ทั้งจักจั่นเจื้อยเฉื่อยฉาน | สำเนียงหวานจับจิตพิศวง |
เพราะเพียงเสียงนาฏอนงค์ | ผจงขับข้างที่บรรทมใน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ก็ฟื้นองค์สระสรงทรงเครื่อง | อร่ามเรืองดั่งดวงแขไข |
กับพระอนุชาผู้ร่วมใจ | เสด็จไปออกหมู่มาตยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ พร้อมด้วยท้าวพญาวานร | ประนมกรเกลื่อนกลาดถ้วนหน้า |
พอได้ยินเสียงโห่โกลา | สนั่นถึงมยุราคีรี |
จึงตรัสถามท้าวทศคิริวงศ์ | มหาวิเชียรพงศ์พรหมยักษี |
อันทัพซึ่งยกออกมานี้ | บรรลัยจักรอสุรีหรือผู้ใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พิเภกผู้มีอัชฌาสัย |
ได้ฟังบรรหารพระภูวไนย | ก็จับยามไปตามเวลา |
เห็นแจ้งดั่งหนึ่งทิพเนตร | โดยที่สังเกตของยักษา |
จึ่งน้อมเศียรสนองพระบัญชา | ซึ่งศึกยกมาเพลานี้ |
ในยามว่าเป็นทัพทหาร | ชื่อมารกระบิลยักษี |
อันตัวบรรลัยจักรอสุรี | ไปตั้งพิธีกระลาไฟ |
ชุบเหราพตแสงศร | ยังจักรวาลสิงขรเขาใหญ่ |
สามวันจะเรืองฤทธิไกร | ปราบไปได้ทั่วทศทิศ |
ท้าวจักรวรรดิอสุรา | มีราชบัญชาประกาศิต |
ใช้ให้ทหารผู้ร่วมคิด | ซึ่งมีฤทธิ์ยกพวกพลากร |
ออกมาตั้งทัพขัดไว้ | ที่ในแนวเนินสิงขร |
ขอให้นิลพัทวานร | ไปสังหารราญรอนกุมภัณฑ์ |
อสุรผัดกับลูกพาลี | ผู้เรืองฤทธีแข็งขัน |
ให้ไปทำลายพิธีกรรม์ | ของมันให้เสียวิทยา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพรตสุริย์วงศ์นาถา |
ได้ฟังพิเภกอสุรา | จึ่งบัญชาสั่งลูกพระกาล |
ตัวท่านผู้มีฤทธิรอน | จงยกวานรทวยหาญ |
ออกไปต่อกรรอนราญ | ฆ่ามารกระบิลให้บรรลัย |
อันขุนกระบี่องคต | กับโอรสหนุมานทหารใหญ่ |
จงไปล้างพิธีกระลาไฟ | ให้เสร็จแต่ในเวลานี้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | องคตหลานท้าวโกสีย์ |
อสุรผัดนิลพัทผู้ฤทธี | อัญชุลีรับราชบัญชา |
สามนายบังคมลาบาท | น้องนารายณ์ธิราชนาถา |
ก็พากันรีบออกมา | จากสุวรรณพลับพลาอลงกรณ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายนิลพัทก็จัดพล | เลือกล้วนฤทธิรณชาญสมร |
พื้นพวกชมพูพระนคร | วานรครบสิบสมุทรไท |
สองนายสอดเครื่องพิชัยยุทธ์ | สำแดงฤทธิรุทรแผ่นดินไหว |
ต่างตนก็แยกกันไป | โดยในพระบัญชาการ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายนิลพัทผู้ศักดา | ยกพวกโยธาทวยหาญ |
เยียดยัดอัดพื้นสุธาธาร | ปานดั่งสายน้ำในสาคร |
ครั้นมาถึงที่สนามยุทธ์ | ก็หยุดอยู่แทบเชิงสิงขร |
ตั้งในชัยภูมิสถาวร | คอยดูฤทธิรอนอสุรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มารกระบิลสิทธิศักดิ์ยักษา |
เห็นทัพวานรยกมา | อสุราจึ่งร้องถามไป |
เหวยไอ้เดียรัจฉานทั้งหลาย | มนุษย์นายมึงนั้นอยู่ไหน |
จึ่งให้แต่เหล่าลิงไพร | ยกพวกพลไกรมาทั้งนี้ |
อันผู้เป็นจอมโยธา | สมญาชื่อไรกระบี่ศรี |
องอาจออกมาราวี | กับกูผู้มีฤทธิรอน |
ดูดั่งหนึ่งลูกมฤคชาติ | จะมาต่อฤทธิ์ราชไกรสร |
สำหรับแต่จะยับลงกับกร | สิ้นทั้งวานรพลไกร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นิลพัทชัยชาญทหารใหญ่ |
ได้ฟังจึ่งร้องตอบไป | เหวยไอ้จังไรอหังการ์ |
กูเป็นทหารพระจักรรัตน์ | ชื่อพญานิลพัทแกล้วกล้า |
อุปราชชมพูนครา | อานุภาพเลิศลบธาตรี |
บัดนี้น้องพระภุชพงศ์ | ทรงนามพระพรตเรืองศรี |
ให้กูยกพลโยธี | มาเอาชีวีของมึงไป |
เอ็งอย่าอวดฤทธิ์ว่ากล้าหาญ | จะทานฝีมือกูที่ไหนได้ |
สำหรับจะม้วยชีวาลัย | แต่ในนาทีไม่พริบตา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มารกระบิลสิทธิศักดิ์ยักษา |
ได้ฟังจึ่งตอบวาจา | มึงหรือชื่อว่านิลพัท |
ดั่งเด็กน้อยไม่รู้กลัวตาย | จะเอากายมาพานที่จักรผัด |
หัวจะขาดจากกายพรายพลัด | ด้วยหัตถ์ของกูผู้ฤทธี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นิลพัทผู้ชาญชัยศรี |
ได้ฟังวาจาอสุรี | ชี้หน้าว่าเหวยไอ้จังไร |
เย่อหยิ่งเจรจาให้เกินพักตร์ | จะรู้จักพระกาลก็หาไม่ |
อย่าโอหังอ้างอวดฤทธิไกร | เดี๋ยวนี้จะได้เห็นกัน |
ว่าแล้วชักตรีออกกวัดแกว่ง | สำแดงฤทธิไกรไหวหวั่น |
ขับหมู่วานรทั้งนั้น | ให้เข้าโรมรันอสุรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพลนิกรกระบี่ศรี |
แยกกันออกไล่ราวี | ตีทัพกุมภัณฑ์วุ่นไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ปากกัดตีนถีบมือตบ | แล่นตลบถาโถมโจมไล่ |
หักเอาด้วยกำลังฤทธิไกร | มิได้เงือดงดลดกร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พวกโยธามารชาญสมร |
แยกกันออกจับวานร | ตะลุมบอนโรมรุกคลุกคลี |
ยิงแย้งแทงฟันกันสับสน | ทรหดอดทนไม่ถอยหนี |
กอดกัดฟัดกันประจัญตี | อสุรีไม่คิดตัวตาย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พวกพลวานรทั้งหลาย |
โถมหักเอาด้วยกำลังกาย | ไพร่นายหนุนเนื่องกันเข้าไป |
พลลิงชิงเอาอาวุธ | ฟันแทงแย้งยุทธ์หางดไม่ |
พลมารตายแตกทั้งทัพชัย | วานรรุกไล่ตีประดา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มารกระบิลฤทธิไกรใจกล้า |
เห็นพลตายยับก็โกรธา | ขับม้าแกว่งหอกเข้าลุยแทง |
เลี้ยวไล่ซ้ายขวาหน้าหลัง | ด้วยกำลังศักดากล้าแข็ง |
กระบี่ตายกลาดลงกลางแปลง | อสุราไล่แทงวุ่นไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งลูกพระกาลทหารใหญ่ |
เห็นยักษาแทงหมู่กระบี่ไพร | โกรธาออกไล่ทะลวงตี |
มือซ้ายฉวยหักคอม้า | มือขวาชิงหอกยักษี |
แทงอาชาสิ้นชีวี | อสุรีตกพื้นสุธาธาร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มารกระบิลฤทธิไกรใจหาญ |
เสียม้าเสียหอกสุรกานต์ | ขุนมารประหวั่นพรั่นใจ |
แล้วคิดมานะอหังการ์ | โกรธาผุดลุกขึ้นได้ |
ฉวยชักคทาด้วยว่องไว | กวัดแกว่งเข้าไล่ราญรอน |
ตีซ้ายป่ายขวาอุตลุด | ด้วยกำลังฤทธิรุทรชาญสมร |
ต่างแข็งต่างขันประจัญกร | ตะลุมบอนรอนรับกันไปมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นิลพัทชาญชัยใจกล้า |
ผาดโผนโจนไปด้วยศักดา | ฉวยหักคทาเสียทันที |
แล้วแกว่งตรีเพชรดั่งเพลิงกาล | ทะยานเข้าโถมแทงยักษี |
ล้มลงกับพื้นปถพี | อสุรีก็สิ้นชีวาลัย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นเสร็จซึ่งล้างมารกระบิล | จึ่งนิลพัททหารใหญ่ |
ก็ยกพหลพลไกร | กลับไปสุวรรณพลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายว่าองคตทหารกล้า |
กับอสุรผัดผู้นัดดา | ครั้นมาถึงเนินจักรวาล |
แลไปเห็นโรงพิธี | ข้างเชิงคีรีสูงตระหง่าน |
มีพวกอสูรหมู่มาร | ทุกด้านตระเวนรอบไป |
สองนายกวัดแกว่งอาวุธ | สำแดงฤทธิรุทรแผ่นดินไหว |
ลงจากอากาศด้วยว่องไว | เข้าไล่ฆ่าพลกุมภัณฑ์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ หัวขาดตัวขาดมือขาด | ล้มกลาดกลิ้งกลางพนาสัณฑ์ |
บรรดาโยธาที่เหลือนั้น | วิ่งแยกแตกกันเป็นโกลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เห็นบรรลัยจักรชูศร | ประนมกรร่ายเวทคาถา |
อสุรผัดเผ่นโผนมา | ฉวยจิกเกศาอสุรี |
องคตหลานท้าวหัสนัยน์ | ทะยานไปถีบต้องยักษี |
ตกจากบัลลังก์รูจี | สองนายรุมตีขุนมาร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรรลัยจักรฤทธิไกรใจหาญ |
ตกลงยังพื้นสุธาธาร | ขุนมารลืมเนตรขึ้นแลไป |
เห็นวานรกับอสุรา | โกรธาดั่งหนึ่งเพลิงไหม้ |
ผุดลุกขึ้นแกว่งศรชัย | เข้าไล่ถาโถมโรมรัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | องคตฤทธิแรงแข็งขัน |
แกว่งพระขรรค์ชัยดั่งไฟกัลป์ | ถอยรับกุมภัณฑ์รอมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายอสุรผัดก็ร้องเย้ย | เหวยบรรลัยจักรยักษา |
วานนี้มึงทำอหังการ์ | อวดกล้าเย่อหยิ่งไปชิงชัย |
กับน้องพระภุชพงศ์ทรงครุฑ | ผู้มีฤทธิรุทรแผ่นดินไหว |
วันนี้เอ็งคิดประการใด | ไม่ยกพลไกรไปต่อตี |
หรือกลัวจะม้วยมรณา | จึ่งมามุดหัวอยู่ที่นี่ |
ให้น้องสมเด็จพระจักรี | คอยทีจะต่อฤทธิรอน |
จึ่งใช้กูชื่ออสุรผัด | มาเร่งรัดให้มึงชุบศร |
เสร็จแล้วจงยกพลนิกร | ไปต่อด้วยภูธรอันศักดา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรรลัยจักรสุริย์วงศ์ยักษา |
ได้ฟังยิ่งกริ้วโกรธา | ชี้หน้าแล้วร้องตอบไป |
เหม่ไอ้ส่ำสามทรลักษณ์ | จะเป็นยักษ์เป็นลิงก็มิใช่ |
ด้านหน้าว่าได้ไม่อายใจ | ไอ้ชาติจังไรสาธารณ์ |
หัวมึงจะขาดกลิ้งอยู่ | ด้วยมือกูผู้ทรงกำลังหาญ |
ว่าแล้วโลดโผนโจนทะยาน | ขุนมารเข้าไล่โรมรัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนายฤทธิแรงแข็งขัน |
ต่างหนีต่างไล่พัลวัน | เย้ยหยันล้อเลียนอสุรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นแล้วทั้งสองอาหลาน | ถีบทะยานผ่านขึ้นเวหา |
กลับไปสุวรรณพลับพลา | พร้อมพญานิลพัทผู้ฤทธี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงสามนายเข้าไปเฝ้า | น้อมเกล้าประณตบทศรี |
น้องพระหริรักษ์จักรี | ทูลความตามที่ได้โรมรัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพรตฤทธิรงค์รังสรรค์ |
ฟังสามทหารชาญฉกรรจ์ | ทรงธรรม์ชื่นชมด้วยสมคิด |
พักตร์ผ่องดั่งดวงจันทรา | จึ่งมีบัญชาประกาศิต |
มิเสียแรงปรีชาญชำนาญฤทธิ์ | ทศทิศไม่มีใครต่อกร |
ควรแล้วที่ท่านเป็นทหาร | องค์พระอวตารทรงศร |
ไว้ชื่อลือเดชขจายจร | ให้ถาวรไปชั่วกัปกัลป์ |
ตรัสแล้วเสด็จจากอาสน์ | งามดั่งเทวราชในสวรรค์ |
กรายกรย่างเยื้องจรจรัล | เข้ายังสุวรรณพลับพลา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายบรรลัยจักรยักษา |
ครั้นเสียตบะกิจวิทยา | อสุรากริ้วโกรธดั่งเพลิงกาล |
ฉิฉะอ้ายพวกปัจจามิตร | ทะนงฤทธิ์ติดตามมาหักหาญ |
ฆ่าหมู่พหลพลมาร | บรรลัยลาญแตกยับทั้งทัพชัย |
ดีแล้วจะได้เห็นกัน | กูจะล้างชีวันเสียให้ได้ |
ว่าพลางก็เลิกพลไกร | เหาะกลับไปราชธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ลงยังทวารนัคเรศ | พบกองคอยเหตุยักษี |
รู้ว่ามารกระบิลสิ้นชีวี | ด้วยมือกระบี่อันศักดา |
ตกใจดั่งหนึ่งมัจจุราช | มาฟันฟาดตัดกรเบื้องขวา |
ยืนขึงตะลึงทั้งกายา | อสุรานิ่งนึกตรึกไตร |
ฉิฉะไพรีนี้สามารถ | องอาจแยกทหารก็ทำได้ |
คิดแล้วก็พากันเข้าไป | ยังในพระโรงโอฬาร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงน้อมเศียรบังคมคัล | พระปิ่นเกล้ามลิวันราชฐาน |
ต่างทูลมูลเหตุเภทพาล | ซึ่งเสียการเสียชัยแก่ไพรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวจักรวรรดิยักษี |
แจ้งว่าโอรสเสียพิธี | มารกระบิลอสุรีก็บรรลัย |
ตกใจนั่งขึงตะลึงคิด | ถอนจิตร้อนทรวงดั่งเพลิงไหม้ |
นิ่งอยู่เป็นครู่แล้วตรัสไป | อันไพรีทำได้ดั่งใจนึก |
เพราะไอ้พิเภกยักษา | มันเป็นโหราตาศึก |
บอกกลแนะนำลํ้าลึก | ปัจจามิตรจึ่งฮึกอหังการ |
สงครามครั้งนี้หนักนัก | พลลิงพลยักษ์ก็อาจหาญ |
ตัวเจ้าผู้มีปรีชาชาญ | จะคิดอ่านล้างมันประการใด ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรรลัยจักรผู้มีอัชฌาสัย |
ได้ฟังบรรหารภูวไนย | บังคมไหว้สนองพระบัญชา |
อันสงครามมนุษย์แลวานร | ถึงจะมีฤทธิรอนแกล้วกล้า |
ตัวลูกก็ทรงศักดา | ใต้ฟ้าย่อมนับว่าชายชาญ |
มาตรแม้นถึงเสียพิธี | ใช่ที่จะเกรงกำลังหาญ |
พรุ่งนี้จะยกไปรอนราญ | มิให้เคืองบทมาลย์พระบิดร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวจักรวรรดิชาญสมร |
ฟังพระโอรสฤทธิรอน | ภูธรค่อยคลายสบายใจ |
สี่ปากสำรวลสรวลสันต์ | แปดหัตถ์ตบสนั่นหวั่นไหว |
ลูบหน้าลูบหลังแล้วตรัสไป | เจ้าผู้ดวงใจของบิดา |
จงทรงเดชาวราฤทธิ์ | ดั่งพระอาทิตย์แสงกล้า |
อันศัตรูหมู่พวกพาลา | จงแพ้ศรเหราของเจ้านี้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึ่งบรรลัยจักรยักษี |
ก้มเกล้ารับพรด้วยยินดี | ถวายอัญชุลีแล้วลาไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงปราสาทสุรกานต์ | จึ่งสั่งเสนามารผู้ใหญ่ |
พรุ่งนี้กูจะยกไปชิงชัย | จงเกณฑ์พลไว้ให้พร้อมกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีธิบดีคนขยัน |
รับสั่งลูกเจ้ามลิวัน | บังคมคัลแล้วรีบออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี
๏ เกณฑ์พวกทหารชำนาญศึก | สี่หมู่ห้าวฮึกแกล้วกล้า |
ขุนช้างขี่ช้างชนะงา | ถือของ้าวง่ากระหยับฟัน |
ขุนม้าขี่ม้าอาชาชาติ | กวัดแกว่งทวนมาศดั่งจักรผัน |
ขุนรถขี่รถเรือนสุวรรณ | กรกุมเกาทัณฑ์ประลองยุทธ์ |
ขุนพลเร่งรัดจัดพล | สับสนแน่นนันต์นับสมุทร |
ล้วนถือเครื่องสรรพอาวุธ | กวัดแกว่งอุตลุดทั้งไพร่นาย |
ต่างประกวดอวดฤทธิ์คะนองฮึก | ดูพิลึกดั่งจะพลิกแผ่นดินหงาย |
กองหนึ่งมีธงสามชาย | ตั้งรายตามแถวรัถยา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | บรรลัยจักรสุริย์วงศ์ยักษา |
ครั้นใกล้ศุภฤกษ์เวลา | เสด็จมาที่สรงสาคร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โทน
๏ ชำระสระสนานสำราญองค์ | ทรงสุคนธ์ปนปรุงเกสร |
สอดใส่สนับเพลาเชิงงอน | ภูษารูปกินนรกระหนกพัน |
ชายไหวแก้วประพาฬก้านขด | ชายแครงมรกตทับทิมคั่น |
ฉลององค์พื้นตาดเครือวัลย์ | เกราะแก้วกุดั่นทับทิมพราย |
ตาบทิศทับทรวงดวงผลึก | ทรงสังวาลศึกสามสาย |
รัดองค์เฟื่องห้อยพลอยราย | ทองกรมังกรกลายพาหุรัด |
ธำมรงค์เรือนเก็จเพชรแพร้ว | มงกุฎแก้วสุรกานต์กาบสะบัด |
กุณฑลมาลัยดอกไม้ทัด | กรรเจียกจำรัสอลงกรณ์ |
แล้วจับเมฆสูรจักรกรด | สะพักเหราพตพระแสงศร |
งามทรงดั่งองค์พระบิดร | บทจรขึ้นรถสุวรรณพราย ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยรถทรง | กำกงเนาวรัตน์จำรัสฉาย |
งอนระหงปักธงสามชาย | บัลลังก์เก็จเพชรพรายอลงการ |
กาบซุ้มสุวรรณบันกระหนก | ชั้นเหมบุษบกมุกดาหาร |
ห้ายอดสอดดวงแก้วประพาฬ | แลลํ้าวิมานทินกร |
เทียมด้วยสีหราชสองพัน | โลทันมือถือธนูศร |
มยุรฉัตรพัดโบกจามร | ทอนตะวันกลดกลิ้งกระชิงทอง |
เสียงฆ้องกลองประโคมโครมครึก | แตรสนั่นพันลึกกึกก้อง |
ธงทิวริ้วเรียบไปตามกอง | โห่ร้องขับแข่งกันไป ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งที่สนามยุทธ์ | จึ่งให้หยุดโยธาทัพใหญ่ |
ตั้งมั่นลงตามชายไพร | ในที่ชัยภูมิสถาวร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ