สมุดไทยเล่มที่ ๓๗

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวทศพักตร์ยักษา
เสวยสุขอยู่ทุกทิวา ในทวีปลงกากรุงไกร
ประกอบด้วยจัตุรงค์ทวยหาญ ศฤงคารบริวารไม่นับได้
ทรงอานุภาพปราบไป ทั่วในสามภพธาตรี
เป็นมหาดิเรกเอกองค์ กว่าเหล่าสุริย์วงศ์ยักษี
ร้อยเอ็ดกษัตริย์อสุรี ถึงปีมาถวายบรรณาการ
ราตรีเข้าที่ไสยาสน์ กับมณโฑอัครราชยอดสงสาร
ในที่ห้องรัตน์ชัชวาล พญามารก็เคลิ้มหลับไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ครั้นเวลาล่วงปัจฉิมยาม เรืองอร่ามด้วยแสงแขไข
เหตุซึ่งจะสิ้นชีวาลัย ให้เกิดนิมิตอัศจรรย์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ตกใจตื่นจากไสยาสน์ หวั่นหวาดตรึกไปด้วยความฝัน
ครั้นรุ่งแสงสีรวีวรรณ กุมภัณฑ์สระสรงสาคร
ประดับเครื่องสำหรับกษัตริย์ทรง อลงกตจำรัสประภัสสร
เสด็จย่างเยื้องบทจร กรายกรออกพระโรงรูจี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ อันโอภาสด้วยแก้วสลับสี
พร้อมหมู่อสูรเสนี สุริย์วงศ์กวีโหรา
งามดั่งดวงดารากร แวดล้อมจันทรในเวหา
จึ่งมีพระราชบัญชา แก่พญาพิเภกกุมภัณฑ์
คืนนี้ใกล้รุ่งราตรีกาล บันดาลนิมิตความฝัน
ว่ามีพญาแร้งชาญฉกรรจ์ ขนนั้นขาวผ่องทั้งอินทรีย์
บินมาแต่เบื้องบูรพทิศ สำแดงฤทธิ์ดั่งราชปักษี
ข้ามมหาคงคาวารี ร่อนอยู่ตรงที่หน้าพระลาน
ปะกับแร้งดำตัวกล้า อันมาบัจจิมทิศาล
ตีกันในกลางคัคนานต์ แร้งดำตัวหาญนั้นเสียชัย
ตกลงยังพื้นปัถพี สกุณีไม่บินไปได้
กลิ้งเกลือกเสือกสิ้นชีวาลัย กลายไปเป็นรูปอสุรา
แล้วว่าเอากะลาน้ำมันยาง ใส่ไส้วางลงเหนือหัตถา
ยังมีหญิงหนึ่งพาลา วิ่งเข้ามาจุดอัคคี
น้ำมันแห้งสิ้นไส้ชวลิต กะลาไหม้ไฟติดมือพี่
พิษเพลิงร้อนทั่วอินทรีย์ ฝันนี้ดีร้ายประการใด ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พิเภกผู้มีอัชฌาสัย
พิเคราะห์ตามความฝันก็พรั่นใจ ทอดถอนฤทัยคะนึงคิด
เสียดายพิภพกุมภัณฑ์ แสนสนุกดั่งชั้นดุสิต
จะแหลกลาญด้วยหมู่ปัจจามิตร อันมาแต่ทิศบูรพา
คิดแล้วยอกรบังคม ทูลพระบรมเชษฐา
อันซึ่งฝันว่ากะลา ได้แก่ลงกากรุงไกร
เชื้อไส้นั้นได้แก่พระองค์ นํ้ามันคือพระวงศ์น้อยใหญ่
เพลิงพลุ่งรุ่งโรจน์ลามไป ได้แก่นวลนางสีดา
อันหญิงซึ่งวิ่งมาจุดไฟ ได้แก่นางสำมนักขา
แร้งเผือกซึ่งโบยบินมา คือว่าพระรามจักรี
แร้งดำนั้นคือพระองค์ ผู้วงศ์พรหเมศเรืองศรี
จะได้รณรงค์ราวี ด้วยสามีสีดานงลักษณ์
ฝันนี้มิได้สถาวร จะร้อนทั่วลงกาอาณาจักร
ทั้งพวกอสูรหมู่ยักษ์ จะซบพักตร์รํ่าร้องรักกัน ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวยี่สิบกรรังสรรค์
ได้ฟังดั่งใครมาฟาดฟัน หวาดหวั่นฤทัยรำพึงคิด
แสนทุกข์ทุกข์ถึงชีวา แล้วมีบัญชาประกาศิต
เจ้าผู้ร่วมวงศ์ชีวิต นิมิตสิอัปมงคล
จะเสียเคราะห์สะเดาะประการใด จึ่งจะได้จำเริญสถาผล
จงเร่งคิดอ่านผ่อนปรน ให้พ้นโทษร้ายราคี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พิเภกสุริย์วงศ์ยักษี
ได้ฟังพระราชวาที น้อมเศียรชุลีแล้วทูลไป
ซึ่งจะเสียเคราะห์สะเดาะนาม ตามในคัมภีร์หามีไม่
อันจะผ่อนปรนให้พ้นภัย มิให้อันตรายชีวิต
จะได้ก็ด้วยสัตย์ธรรม์ ถือมั่นในความสุจริต
จงตั้งอยู่ในทศพิธ ดับจิตโมหันธ์ฉันทา
อย่าโลภหลงงงงวยด้วยรสรัก คิดหักซึ่งความเสน่หา
จงส่งองค์นางสีดา ไปให้สามีอรไท
ก็จะสิ้นอันตรายภัยพาล ดับการรณรงค์เสียได้
พระองค์ผู้ทรงฤทธิไกร ไม่ไร้อัคเรศบังอร
แม้นมาตรปรารถนาจะเชยชิด จะแสนสนิทนางเทพอัปสร
ก็จะได้ด้วยเดชภูธร อย่าอาวรณ์ในหญิงที่ผัวมี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศเศียรยักษี
ได้ฟังอนุชาพาที โกรธดั่งอัคคีบรรลัยกาล
สิบปากแผดผาดตวาดร้อง กึกก้องนิเวศน์วังสถาน
เหม่เหม่ดูดู๋ไอ้สาธารณ์ อหังการองอาจเจรจา
มิได้อยู่ในกตัญญู มาดูหมิ่นกูผู้เชษฐา
เสียทีที่เลี้ยงมึงมา รักดั่งดวงตาดวงใจ
คิดว่าเกิดร่วมอุทร จะร่วมทุกข์ร่วมร้อนกันได้
มิรู้ทรลักษณ์จังไร กลับไปเป็นพวกไพรี
จะให้ส่งสีดาโฉมงาม ไปแก่พระรามเรืองศรี
มึงช่างว่าได้ถึงเพียงนี้ ดั่งกูไม่มีศักดา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาพิเภกยักษา
เห็นองค์สมเด็จพระพี่ยา โกรธาคือไฟบรรลัยกัลป์
ความเกรงความกลัวเป็นสุดคิด ดั่งหนึ่งชีวิตจะอาสัญ
นบนิ้วประนมบังคมคัล กุมภัณฑ์กราบทูลสนองไป
น้องนี้จงรักภักดี จะคิดว่าเป็นพี่นั้นหาไม่
หมายเหมือนบิตุรงค์เรืองชัย อันได้ก่อเกล้าแต่ก่อนกาล
จึงทูลทำนายทายฝัน สำคัญว่าจะให้เป็นแก่นสาร
มิได้ทรยศต่อบทมาลย์ เข้าด้วยพวกพาลไพรี
พระองค์อย่าแหนงแคลงใจ ในข้าผู้รองบทศรี
ว่านี้โดยสัจจวาที ภูมีจงได้เมตตา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศเศียรยักษา
ได้ฟังถ้อยคำอนุชา ดั่งเอาสาตรามาแทงกรรณ
ผุดลุกขึ้นยืนกระทืบบาท ร้องตวาดผาดเสียงดั่งฟ้าลั่น
มึงอย่าแต่งว่าไอ้อาธรรม์ ขาดพี่น้องกันในวันนี้
ซึ่งเอ็งยกยอรามลักษมณ์ หนักยิ่งกว่าวงศ์ยักษี
ว่ากูชั่วช้าไม่ดี มึงนี้อย่าอยู่ในเมืองมาร
ว่าพลางฉวยชักพระขรรค์ ขบฟันเงือดเงื้อจะสังหาร
โจนจากแท่นแก้วสุรกานต์ โถมทะยานไล่องค์อนุชา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาพิเภกยักษา
ตกใจกลัวจะม้วยชีวา อสุราหลบหลีกพัลวัน
เข้าไปแอบองค์อินทรชิต ร้องขอชีวิตตัวสั่น
ครั้นเชษฐาไล่จะใกล้ทัน วิ่งหากุมภกรรณอสุรี
อันหมู่สุริย์วงศ์พงศา เสนาโยธายักษี
วิ่งพะปะกันไม่สมประดี อึงมี่ล้มลุกคลุกคลาน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ใจหาญ
มิได้ฟันฟอนรอนราญ พญามารจึ่งสั่งเสนา
จงริบไอศูรย์สมบัติ สารพัดเป็นเครื่องยศถา
แล้วขับเสียจากพารา ให้สมน้ำหน้าไอ้กาลี
อันอีตรีชาดาเมียนั้น ใช้มันเป็นทาสทาสี
ให้รักษาสีดาเทวี อยู่ที่ในสวนอุทยาน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น จึ่งเปาวนาสูรใจหาญ
ก้มเกล้ารับราชโองการ พาพิเภกขุนมารออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาพิเภกยักษา
เดินตามมหาเสนา โศกาครวญครํ่ารํ่าไร
โอ้ว่าตัวกูครั้งนี้ ความผิดจะมีก็หาไม่
กตัญญูโดยจริงทุกสิ่งไป ควรหรือมาได้อัประมาณ
เสียแรงรู้ไตรเพทเวทมนตร์ จะช่วยตนไม่รอดสังขาร
ดูดั่งทรลักษณ์สาธารณ์ ไม่เห็นการจะเป็นถึงเพียงนี้
คิดพลางสะท้อนถอนใจ ชลนัยน์อาบพักตร์ยักษี
ก้มหน้าย่างเยื้องจรลี ไปยังที่อยู่กุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งกอดเมียรัก สะพักไว้แล้วก็รับขวัญ
แสนโศกโศกาจาบัลย์ รำพันสะอื้นอาลัย
โอ้เจ้าดวงเนตรของพี่เอ๋ย กรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
จะจำจากพรากพลัดกันไป จำเป็นจำไกลกันทั้งรัก
เหตุด้วยพญายักษา ปิ่นเกล้าลงกาอาณาจักร
นิมิตฝันร้ายทรลักษณ์ ให้พี่ทายทักว่าร้ายดี
กตัญญูทูลโดยสัตย์ธรรม์ ให้ช่วยชีวันยักษี
มิให้อันตรายราคี กลับกริ้วโกรธพี่จะรอนราญ
ให้ริบสวรรยาราชัย ขับไล่เสียจากราชฐาน
อันซึ่งตัวเจ้าเยาวมาลย์ ประทานให้องค์นางสีดา
ตั้งแต่วันนี้จะแลลับ ไหนจะได้กลับมาเห็นหน้า
จะแสนทุกข์ไปทุกเวลา กินแต่นํ้าตาไม่ราวัน
รํ่าพลางโอบอุ้มลูกรัก พิศพักตร์จูบจอมถนอมขวัญ
แม่ลูกอุตส่าห์รักษากัน สั่งแล้วกุมภัณฑ์ก็โศกี ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นางตรีชาดายักษี
อันเป็นองค์อัครเทวี ทั้งพระบุตรีเบญกาย
แม่ลูกครั้นได้แจ้งเหตุ แสนทุกข์แสนเทวษใจหาย
ดั่งพระกาลมาผลาญชีวาวาย โฉมฉายกอดบาทเข้าโศกี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ เมียรักว่าโอ้พระทรงเดช พระคุณเคยปกเกศเกศี
เป็นสุขทุกทิวาราตรี ควรหรือภูมีจะจากไป
ข้าบาทไร้ญาติอนาถนัก จะผินพักตร์ไปพึ่งผู้ใดได้
มีแต่จะชอกชํ้าระกำใจ ด้วยไกลเบื้องบาทพระภูธร
เบญกายว่าโอ้พระบิตุเรศ พระองค์เคยปกเกศมาแต่ก่อน
ทรงคุณกว้างลึกกว่าสาคร เช้าคํ่าพรํ่าสอนลูกรัก
อยู่หลังจะตั้งแต่แสนโศก แสนวิโยคพ่างเพียงอกหัก
เคยเห็นมิได้เห็นพักตร์ น่าที่ลูกรักจะวายปราณ
ตรีชาดาว่าโอ้อกเอ๋ย พระองค์เคยเป็นสุขเกษมศานต์
พร้อมหน้าสาวสนมบริวาร ในที่ราชฐานวังจันทน์
ตัวข้าได้รองสนองบาท พระสามีธิราชรังสรรค์
ทีนี้จะแลลับไม่เห็นกัน ดั่งสุริยันเลี้ยวเหลี่ยมเมรุไกร
บุตรีว่าโอ้พระบิดร เวราแต่ก่อนมาซัดให้
พระองค์จะจากลูกไป มิได้แทนคุณที่เลี้ยงมา
สามกษัตริย์แสนโศกรักกัน รำพันเศร้าโทมนัสสา
ต่างองค์ต่างทรงโศกา ดั่งว่าจะสิ้นสมประดี ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น ฝ่ายหมู่เสนายักษี
บรรดามาริบอสุรี ต่างทำบาญชีสอบกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เครื่องต้นเครื่องทรงอลงการ์ เงินทองเสื้อผ้าทุกสิ่งสรรพ์
แก้วแหวนเครื่องใช้รูปพรรณ กำนัลทาสาข้าไท
จึ่งให้ขนหีบปัดข้าวของ ส่งเข้ายังท้องพระคลังใหญ่
บ้างพานางตรีชาดาไป ให้เป็นข้าใช้นางสีดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เสร็จแล้วจึ่งเปาวนาสูร ทูลพญาพิเภกยักษา
พระองค์ก็ทรงปรีชา จะแสนโศกโศกาไยมี
เชิญไปเสียจากกรุงมาร ตามโองการท้าวยักษี
อย่าให้ล่วงเวลาราตรี ข้านี้จะมีโทษทัณฑ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พิเภกสุริย์วงศ์รังสรรค์
สะท้อนถอนใจจาบัลย์ ผันพักตร์มาดูเบญกาย
ชลนัยน์ไหลนองคลองเนตร แสนทุกข์แสนเทวษใจหาย
ลงจากปราสาทแก้วแพรวพราย บ่ายไปตามมรคา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น หญิงชายชาวเมืองถ้วนหน้า
ครั้นเห็นพิเภกอสุรา เดินมาผู้เดียวก็อาลัย
ต่างพิศดูแล้วสงสาร หมู่มารไม่กลั้นน้ำตาได้
บ้างยอกรค่อนทรวงเข้ารำไร อึงไปทั้งราชธานี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาพิเภกยักษี
ครั้นออกมานอกพระบูรี โศกีกำสรดระทดใจ
โอ้ว่าอนิจจาตัวกู จะบ่ายหน้าไปอยู่ด้วยใครได้
จะพึ่งสุริย์วงศ์องค์ใด ก็อยู่ในอำนาจทศกัณฐ์
ตั้งแต่นี้ไปจะทนทุกข์ เสื่อมสุขสิ้นความเกษมสันต์
น่าที่จะม้วยชีวัน อยู่ในอรัญกันดาร
เสียแรงเกิดเป็นกษัตรา สุริย์วงศ์พรหมามหาศาล
ดั่งชาติทรลักษณ์จัณฑาล รํ่าพลางขุนมารดำเนินจร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงท่าฝั่งพระสมุทร ก็หยุดอยู่แทบเชิงสิงขร
จึ่งพิเคราะห์ชันษาพยากรณ์ พฤหัสนั้นจรมาต้องจันทร์
ให้โทษเพียงจากถิ่นฐาน แต่ไม่ถึงกาลอาสัญ
จะได้ที่อุปถัมภ์สำคัญ ท่านนั้นคือองค์พระจักรา
มาตั้งอยู่ฝั่งอุดรทิศ ก็มีจิตแสนโสมนัสสา
หมายมั่นเขาคันธกาลา แล้วบ่ายหน้าเหาะข้ามสมุทรไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ลอยลิ่วปลิวมาในอัมพร ล่วงมหาสาครกว้างใหญ่
เห็นเนินทรายชายป่าพนาลัย ก็ลงในพ่างพื้นสุธาธาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ผู้เดียวดัดดั้นอรัญเวศ ทางทุเรศข้ามห้วยเหวละหาน
แสนยากลำบากกันดาร ขุนมารก็รํ่าโศกี
โอ้ว่าเสียแรงกูเกิดมา ในวงศ์พรหมาเรืองศรี
นับเนื่องแต่ท้าวสหบดี ครั้งนี้ไม่มีที่พึ่งใคร
เดชะความสัตย์ข้าสุจริต จะอิจฉาญาติมิตรก็หาไม่
ขอเทวัญบันดาลดลใจ ให้ไปพบองค์พระสี่กร
รํ่าพลางบ่ายหน้าจรจรัล สู่คันธกาลาสิงขร
เลี้ยวลัดดัดดั้นพนาดร บทจรไปตามมรรคา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายหมู่วานรทัพหน้า
ผลัดกันตระเวนอยู่อัตรา เที่ยวมาตามทางพนาลัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เหลือบแลไปเห็นอสุรี เดินโศกโศกีละห้อยไห้
ออกนามสมเด็จพระภูวไนย ประหลาดใจจึ่งวิ่งวุ่นมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บ้างเข้าล้อมหน้าล้อมหลัง คับคั่งรอบกายซ้ายขวา
บ้างยุดไหล่ยุดกรอสุรา วานรฉุดคร่าไม่ปรานี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษี
ตกใจตะลึงทั้งอินทรีย์ จึ่งมีวาจาถามไป
ดูก่อนโยธาวานร มาฉุดกรลากคร่าเราไปไหน
หยาบช้าสามารถบังอาจใจ เราผิดสิ่งไรจงบอกมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นิลเอกนายใหญ่ใจกล้า
ได้ฟังจึ่งมีวาจา ว่าเหวยอสุราอาธรรม์
ตัวเราเหล่านี้เป็นทหาร องค์พระอวตารรังสรรค์
บัดนี้พระองค์ทรงสุบรรณ ยกพวกพลขันธ์โยธี
จะข้ามไปเกาะลงกา มล้างเหล่าพาลายักษี
ตัวท่านเป็นพวกอสุรี เรานี้จะจับเอาไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พิเภกผู้มีอัชฌาสัย
แจ้งความออกนามพระภูวไนย มีใจชื่นชมด้วยสมคิด
จึ่งกล่าววาจาว่าวอน ดูก่อนทหารพระจักรกฤษณ์
เรานี้มิใช่ปัจจามิตร ตั้งใจสุจริตเสาะมา
ท่านจงช่วยพาเข้าไปเฝ้า พระเป็นเจ้าสามภพนาถา
จะเป็นข้าใต้เบื้องบาทา ไปกว่าชีวันจะบรรลัย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นิลเอกผู้เป็นนายใหญ่
ได้ฟังจะแจ้งไม่แคลงใจ ก็พาไปที่ประชุมโยธี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงน้อมเกล้าอภิวันท์ ลูกพระสุริยันเรืองศรี
แจ้งความตามพบอสุรี ข้านี้จับเอาตัวมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุครีพผู้มียศถา
ครั้นเหลือบแลเห็นอสุรา จึ่งมีวาจาถามไป
ว่าเหวยดูก่อนยักษี เอ็งนี้บ้านเมืองอยู่ไหน
นามวงศ์พงศ์เผ่าผู้ใด เหตุไรโศกาจาบัลย์
ออกนามสมเด็จพระหริวงศ์ ผู้พงศ์อิศเรศรังสรรค์
ประสงค์สิ่งใดกุมภัณฑ์ ไม่กลัวชีวันมรณา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษา
ได้ฟังจึ่งตอบวาจา อันตัวของข้าอสุรี
ชื่อข้าพิเภกกุมภัณฑ์ เป็นน้องทศกัณฐ์ยักษี
ร่วมพระบิตุเรศชนนี อยู่ในบูรีลงกา
พระยามารนั้นฝันเห็นร้าย ให้ทำนายโดยสุบินยักษา
กริ้วโกรธให้ริบสวรรยา แล้วขับมาจากเวียงชัย
รำลึกตรึกดูไม่เล็งเห็น ผู้ใดจะเป็นที่พึ่งได้
จึ่งร้องไห้หาพระภูวไนย ตั้งใจเป็นข้าพระจักรี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาสุครีพกระบี่ศรี
แต่ซักไซ้ไล่เลียงอสุรี จนสิ้นที่กินแหนงแคลงการ
แล้วพาคำแหงวายุบุตร กับสิบแปดมงกุฎทวยหาญ
นิลพัทองคตชมพูพาน คลานเข้าไปเฝ้าพระสี่กร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งน้อมเศียรเกล้าบังคมทูล นเรนทร์สูรสุริย์วงศ์ทรงศร
วันนี้โยธาวานร เที่ยวจรตระเวนพนาลี
จับได้อสูรกุมภัณฑ์ นามมันพิเภกยักษี
เป็นน้องทศกัณฐ์อสุรี พี่ชายขับหนีจากลงกา
ตั้งใจมาเป็นข้าบาท พระตรีภูวนาถนาถา
แม้นพระองค์มิทรงพระเมตตา อสุราจะถวายชีวัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระกฤษณุรักษ์รังสรรค์
ได้ฟังโอรสพระสุริยัน ทรงธรรม์มีราชวาที
นิลเอกจงกลับออกไป พาไอ้พิเภกยักษี
เข้ามายังหน้าพลับพลานี้ กูจะดูท่วงทีขุนมาร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นิลเอกผู้ปรีชาหาญ
รับสั่งสมเด็จพระอวตาร กราบกับบทมาลย์แล้วออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งบอกแก่พิเภกขุนยักษ์ พระนารายณ์ทรงจักรให้หา
ว่าพลางกุมกรอสุรา พาเข้าไปเฝ้าทันที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษี
น้อมเศียรถวายอัญชุลี อสุรีคอยฟังพระโองการ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระตรีภพลบโลกทุกสถาน
พินิจพิศดูขุนมาร ผ่านฟ้าจึ่งตรัสถามไป
ดูก่อนพิเภกกุมภัณฑ์ คำเอ็งว่านั้นกูสงสัย
อันพี่น้องร่วมท้องร่วมใจ เป็นที่รักใคร่กันมา
ข้อความก็แต่เพียงนี้ ผิดทีกับทำโทษา
หรือแกล้งแต่งกลมารยา ตัวเอ็งจงว่าแต่จริงไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พิเภกผู้มีอัชฌาสัย
ได้ฟังพจนารถภูวไนย จับใจดั่งอมฤตรส
น้อมเศียรลงถวายอภิวาทน์ แล้วทูลฉลองบาทบงกช
ตัวข้ามิได้ทรยศ คิดคดเป็นกลอุบายมา
ทศพักตร์ไม่ตั้งอยู่ในธรรม์ โมหันธ์ทุจริตอิจฉา
ฝันร้ายทำนายตามตำรา ว่าจะสิ้นชีพชีวี
ให้ส่งองค์สีดาวรนาฏ มาถวายเบื้องบาทบทศรี
กลับกริ้วโกรธาจะฆ่าตี ริบราชย์ขับหนีจากเวียงชัย
ตัวข้าไม่มีที่พึ่ง ซึ่งจะช่วยชีวิตไว้ได้
ทั้งไม่มีกำลังฤทธิไกร รู้แต่ไตรเพทโหรา
จึ่งตั้งใจมาเป็นข้าบาท พระตรีภูวนาถนาถา
ไปกว่าจะสิ้นชีวา ผ่านฟ้าจงโปรดปรานี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรรัตน์แก้วเรืองศรี
ได้ฟังพิเภกอสุรี ภูมีนิ่งนึกตรึกไป
แล้วมีมธุรสพจนารถ แก่เสนามาตย์น้อยใหญ่
บัดนี้อสุรีหนีภัย ตั้งใจมาฝากชีวา
ไม่ควรจะเลี้ยงขุนยักษ์ หรือจักเลี้ยงได้ให้เร่งว่า
ตัวมันก็รู้โหรา แต่เป็นอนุชาทศกัณฐ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุครีพลูกพระสุริย์ฉัน
ท้าวพญาวานรทั้งนั้น ได้ฟังบรรหารพระจักรี
ต่างตนถวายอภิวาทน์ กราบลงแทบบาทบทศรี
ก็ปรึกษาพร้อมกันทันที ถ้วนถี่โดยบทพระอัยการ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เสร็จแล้วจึ่งกราบบังคมทูล นเรนทร์สูรสุริย์วงศ์มหาศาล
อันซึ่งพิเภกขุนมาร ให้การยั่งยืนแต่เดิมมา
เห็นจริงว่าผิดกับพี่ชาย กลัวตายจึ่งหนีมาหา
โดยสัตย์สุจริตอสุรา ไม่เป็นมารยาพิราใน
ถึงกระนั้นก็พวกปัจจามิตร จะวางจิตว่าดีก็มิได้
ชอบให้ทำสัตย์สาบานไว้ ต่อใต้เบื้องบาทพระจักรี
แล้วจึ่งเอาใช้ในสงคราม จะเกรงขามอะไรแก่ยักษี
แม้นไม่จงรักภักดี จึ่งมล้างชีวีให้มรณา
ถ้าว่าสุจริตซื่อตรง การณรงค์จะทำไปภายหน้า
เกลือกจะขัดสนสิ่งใดมา จะได้ถามกิจจาอสุรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
ฟังคำปรึกษาเสนี ดั่งทิพย์วารีมาเจือใจ
จึ่งมีพระราชบัญชา สั่งพญาสุครีพทหารใหญ่
จงเอาพรหมาสตร์ศรชัย สรงน้ำตั้งไว้เป็นประธาน
แล้วให้พิเภกอสุรี ทำสัจจวาทีพิษฐาน
โดยขนบธรรมเนียมโบราณ ต่อหน้าทหารพร้อมกัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ลูกพระสุริยารังสรรค์
รับสั่งพระองค์ทรงสุบรรณ บังคมคัลเชิญศรมาทันที
วางลงเหนือบนพานแก้ว แล้วยกทูนเกล้าเกศี
ก็พาพิเภกอสุรี ไปที่ประชุมวานร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งเอานํ้าหอมใสสะอาด โสรจสรงพรหมาสตร์พระแสงศร
ให้น้องทศพักตร์ฤทธิรอน ชุลีกรตั้งความสัตยา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษา
น้อมเศียรกราบลงด้วยปรีดา อสุราตั้งสัตย์สาบาน
ขอฝูงอมรเทเวศร์ อันเรืองเดชสถิตทุกสถาน
ทั้งหกสวรรค์ชั้นวิมาน จงเป็นทิพพยานครั้งนี้
แม้นข้ามิตรงต่อเบื้องบาท พระนารายณ์ธิราชเรืองศรี
เข้าด้วยพวกพาลไพรี มีจิตคิดคดเป็นกลมา
ขอให้พระแสงศรสิทธิ์ สังหารชีวิตของข้า
แล้วรับพระพิพัฒน์สัตยา จบเหนือเกศาดื่มกิน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น สุครีพเจ้าเมืองขีดขิน
ครั้นเสร็จสาบานอสุรินทร์ สิ้นที่กินแหนงในวิญญาณ์
จึ่งมีวาจาอันสุนทร ดูก่อนพิเภกยักษา
ตัวท่านเป็นน้องเจ้าลงกา สุริย์วงศ์พรหมาเลิศไกร
เราเป็นอนุชาพาลี หน่อพระรวีสูงใหญ่
ครอบครองขีดขินเวียงชัย โภไคศวรรยาเสมอกัน
เราสองได้รองธุลีบาท พระตรีภูวนาถรังสรรค์
ล้วนตั้งอยู่ในสัตย์ธรรม์ เกียรตินั้นจะชั่วกัลปา
จะฉลองบทมาลย์ในการยุทธ์ ไปกว่าจะสุดสังขาร์
ควรเป็นสหายร่วมชีวา ครองความสัจจาด้วยกันไป ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พิเภกผู้มีอัชฌาสัย
ฟังขุนกระบี่ก็ดีใจ ดั่งได้ช่อชั้นดุษฎี
จึ่งกล่าววาจาอันสุนทร ดูก่อนท่านผู้จำเริญศรี
อันซึ่งว่ามาทั้งนี้ ตัวข้ายินดียิ่งนัก
มิเสียทีที่ตั้งใจมา รองเบื้องบาทาพระทรงจักร
เราสองควรครองความรัก ภักดีสุจริตกันไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุครีพผู้มีอัชฌาสัย
ทั้งน้องท้าวเจ้าลงกากรุงไกร ต่างตนมีใจปรีดา
จึ่งตั้งสัตยาสาบาน ท่ามกลางทหารพร้อมหน้า
เป็นสหายรักร่วมชีวา ไม่มีฉันทาราคี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษี
พิศดูทหารพระจักรี ล้วนเหล่ากระบี่นิกร
ลางตนประดับกายา ด้วยมหาเนาวรัตน์ประภัสสร
เขี้ยวเพชรสังวาลกรรเจียกจร พื้นพงศ์พานรอันเรืองยศ
ทั้งสิบแปดมงกุฎเสนี ล้วนมีเครื่องทรงอลงกต
เยียดยัดอัดกันเป็นหลั่นลด จะกำหนดก็พ้นคณนา
จึ่งถามสุครีพผู้สหาย ว่าองค์นารายณ์นาถา
จะยกไปยังกรุงลงกา มล้างหมู่อสุราสาธารณ์
อันพวกทศพักตร์ยักษี ล้วนมีฤทธากล้าหาญ
ทั้งหกห้องฟ้าบาดาล หมู่มารเที่ยวปราบราบไป
อันวานรในเบื้องบทเรศ มีศักดาเดชเป็นไฉน
แต่หนุมานชาญชัย ได้เห็นฤทธิ์เมื่อไปลงกา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุครีพผู้มียศถา
ได้ฟังจึ่งตอบวาจา อันโยธาทั้งสองบูรี
ล้วนสามารถอาจเอื้อมพระอาทิตย์ ปลิดดาวเดือนได้ในราศี
ฝ่ายชมพูพานเสนี กับกระบี่หนุมานชาญฉกรรจ์
องค์พระอิศวรบรมนาถ ประสาทพระพรรังสรรค์
ศักดาดั่งดวงพระสุริยัน ใครมล้างชีวันไม่บรรลัย
อันท้าวพญาพานรินทร์ พลกบินทร์นิกรน้อยใหญ่
เลื่องชื่อลือฤทธิ์เกรียงไกร ล้วนใจทรหดอดทน
มาตรแม้นถึงม้วยมรณา พระพายพัดมาต้องเส้นขน
ก็คืนเป็นขึ้นทุกตน กลับเข้าผจญไพรี
ทำไมกับอสุรหมู่ยักษ์ ไหนจักทานฤทธิ์กระบี่ศรี
ท่านจะสงสัยไปไยมี พระศุลีบังคับให้เกิดมา
ว่าแล้วทั้งสองสหาย กับวานรตัวนายถ้วนหน้า
ออกจากที่ตั้งสัตยา ไปยังพลับพลาอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ต่างตนน้อมเศียรอภิวาทน์ พระตรีภูวนาถทรงศร
ดั่งดาราล้อมจันทร ซับซ้อนเยียดยัดอัดกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น พระกฤษณุรักษ์รังสรรค์
เสด็จเหนือแท่นแก้วแพรวพรรณ ยังสุวรรณพลับพลารูจี
จึ่งมีพระราชบรรหาร ถามพิเภกขุนมารยักษี
พลในลงกาธานี จะมีมากน้อยสักเพียงใด
แม้นมาตรจะยกพลขันธ์ เข้าโรมรันบันบุกรุกไล่
หักเอาด้วยกำลังฤทธิ์ไกร จะได้หรือไม่อสุรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษา
ได้ฟังพระราชบัญชา กราบกับบาทาแล้วทูลไป
อันพลลงกาธานี พ้นที่จะคณนาได้
มากกว่าวานรในทัพชัย ว่องไวเชี่ยวชาญชำนาญยุทธ์
แปลงกายหายตัวก็ได้สิ้น ทั้งดำดินเหาะเหินเดินสมุทร
จะหักเอาด้วยกำลังไวยวุฒิ สุดที่จะหมายกำหนดการ
ด้วยยังไม่เห็นฤทธิรอน โยธาวานรทวยหาญ
ในใต้เบื้องบาทพระอวตาร ไม่รู้ที่จะประมาณมือกัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรรัตน์แก้วรังสรรค์
ได้ฟังพิเภกกุมภัณฑ์ ทูลแจ้งพลขันธ์อสุรี
จึ่งสั่งลูกพระสุริย์ฉาน ตัวท่านผู้ชาญชัยศรี
จงนำวานรเสนี กระบี่จงเตรียมโยธา
ออกไปริมเนินพระสมุทร สำแดงฤทธิรุทรจงพร้อมหน้า
ให้พญาพิเภกอสุรา ดูกำลังศักดาวานร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาสุครีพชาญสมร
รับสั่งน้อมเกล้าประนมกร พากันบทจรออกไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงเนินทรายชายสมุทร พร้อมหมู่พลยุทธ์น้อยใหญ่
ลูกพระสุริยาปรีชาไว ประกาศไปแก่พลโยธา
ดูราพานรินทร์ทวยหาญ ผู้ชำนาญชาญณรงค์แกล้วกล้า
ท่านจงสำแดงฤทธา ให้ขจรฟากฟ้าธาตรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ท้าวพญาเสนากระบี่ศรี
ทหารทั้งสองธานี มีความยินดีด้วยสมคิด
ชวนกันโห่ร้องก้องกึก เสียงสนั่นครั่นครึกถึงดุสิต
ต่างตนสำแดงแผลงฤทธิ์ นิมิตกายาต่างกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ บ้างเหาะเหินเดินโดยอัมพร ไปชูช้อนเอาดวงสุริย์ฉัน
บ้างเหยียบยุคุนธรยืนยัน กรนั้นหน่วงพระเมรุคีรี
บางตนเอาทิพย์พิมานรัตน์ มาวางบนหัตถ์กระบี่ศรี
บ้างแทรกลงในพื้นปัถพี จับพญานาคีขึ้นมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ บ้างทำเป็นลมบรรลัยกาล พัดพานทั่วทศทิศา
บ้างนิมิตเป็นดวงดารา ตกสาดลงมาจากอัมพร
บ้างดำลงอัคนิรุทร ผุดขึ้นพระเมรุสิงขร
บ้างทำสี่พักตร์แปดกร ชูช้อนซึ่งพื้นปัถพี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ บ้างเดินน้ำดำสมุทรแหวกวน จับปลาอานนท์ขึ้นมาขี่
บ้างไปวิมานฉิมพลี จับสุบรรณปักษีลงมา
บ้างช้อนเอาเขาจักรวาล เหาะทะยานขึ้นจากเวหา
บ้างทำเปรี้ยงเปรี้ยงดังเสียงฟ้า ฝนตกลงมาอึงอล
บ้างง้างเอาเขาทิ้งกัน ศิลานั้นกระจายทุกแห่งหน
เป็นประกายพรายพื้นโพยมบน มืดมนกึกก้องธาตรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวทศพักตร์ยักษี
เสด็จออกหมู่มุขมนตรี ยังที่สิงหาสน์ไพชยนต์
ได้ยินสำเนียงกัมปนาท โลกธาตุมืดมิดทุกแห่งหน
แสงพรายไปในโพยมบน ดั่งฟ้าฝนอื้ออึงอนธการ
ศิลาลอยมาตกลง เกลื่อนกลาดที่ตรงหน้าฉาน
ประหลาดจิตพิศเพ่งอยู่ช้านาน จึ่งสั่งสุกรสารเสนา
อัศจรรย์วันนี้ดูประหลาด ไฉนจึ่งกัมปนาททุกทิศา
จงไปดูให้รู้ประจักษ์ตา จะว่าเหตุผลประการใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุกรสารเสนาผู้ใหญ่
รับสั่งพระองค์ทรงภพไตร บังคมไหว้แล้วคลานออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ดูไปทั่วทั้งแปดทิศ พินิจเหลือบแลซ้ายขวา
เห็นเหตุข้างเบื้องบูรพา อสุรานิมิตอินทรีย์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

๏ กลับกลายกายนั้นเป็นเหยี่ยว เรี่ยวแรงดั่งราชปักษี
บินขึ้นอากาศด้วยฤทธี ข้ามมหาวารีรีบไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ แผละ

๏ มาใกล้เขาคันธกาลา เห็นโยธาวานรน้อยใหญ่
สำแดงแผลงฤทธิ์เกรียงไกร หวั่นไหวดั่งเกิดลมกาล
บ้างง้างภูเขาทุ่มซัด แตกกระจัดปลิวทั่วทุกสถาน
ต้องปีกเจ็บเพียงบรรลัยลาญ ขุนมารก็ตกลงทันที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ให้คิดประหวั่นพรั่นใจ ด้วยกลัวฤทธิไกรกระบี่ศรี
แม้นจะเป็นเหยี่ยวอยู่ดั่งนี้ น่าที่ไม่รอดชีวา
อย่าเลยจำกูจะกลับกลาย นิมิตกายเป็นเพศลิงป่า
คิดแล้วร่ายเวทอันศักดา อสุราจำแลงอินทรีย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ ครั้นถ้วนคำรบสามหน ตนนั้นกลายเป็นกระบี่ศรี
ก็เข้าปลอมหมู่โยธี อสุรีวิ่งวุ่นไปด้วยกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น พิเภกสุริย์วงศ์รังสรรค์
พิศดูโยธาพระทรงธรรม์ ฤทธิ์นั้นเลิศลบโลกา
บังเกิดขนพองสยองเกล้า บรรเทาทุกข์แสนโสมนัสสา
ยิ้มแล้วจึ่งกล่าววาจา ดูราสหายร่วมชีวี
อันพวกอสูรหมู่มาร ทหารทศพักตร์ยักษี
ที่เอกจัดเอาอสุรี เปรียบกับกระบี่ที่อ่อนฤทธิ์
ก็ไกลกันดั่งดินกับฟ้า อสุราหรือจะรอต่อติด
ดั่งหิ่งห้อยกับดวงพระอาทิตย์ ผิดที่จะทัดเทียมกัน
แต่บัดนี้ยักษีมันแปลงตน เข้ามาปลอมปนพลขันธ์
ว่าพลางก็รีบจรจรัล มายังสุวรรณพลับพลา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงน้อมเศียรอภิวาทน์ ทูลพระภูวนาถนาถา
บัดนี้อสุรีแปลงมา เข้าปลอมโยธาวานร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์สุริย์วงศ์ทรงศร
ได้ฟังน้องท้าวยี่สิบกร ภูธรมีราชโองการ
ซึ่งว่ากุมภัณฑ์มันแปลงตน ปลอมปนวานรทวยหาญ
เราจะให้จับขุนมาร จะสังเกตสัณฐานประการใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พิเภกผู้มีอัชฌาสัย
ประนมกรแล้วกราบทูลไป อันเพศวิสัยอสุรา
เงานั้นไม่มีตามตัว ทั่วไปทุกหมู่ยักษา
ทั้งมันก็ไม่พริบตา ประหลาดกว่าสัตว์ในธาตรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
ได้ฟังพิเภกอสุรี จึ่งมีพระราชโองการ
ดูก่อนวายุบุตรศักดา ท่านผู้ปรีชากล้าหาญ
จงไปจับอสุราสาธารณ์ มาทำประจานให้สาใจ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น คำแหงหนุมานทหารใหญ่
รับสั่งพระตรีภูวไนย บังคมไหว้แล้วเหาะขึ้นเมฆา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นแล้วจึ่งแจ้งแก่น้าชาย ว่าองค์พระนารายณ์นาถา
ให้ข้ามาจับอสุรา ที่ปลอมโยธาพลากร
ว่าแล้วนบนิ้วอภิวาทน์ พระจอมไกรลาสสิงขร
อ่านเวทอันเรืองฤทธิรอน วานรนิมิตกายา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ กายใหญ่เท่าเขาจักรวาล สูงตระหง่านเงื้อมงํ้าเวหา
มือหนึ่งนั้นครอบโยธา ให้ออกมาแล้วดูสำคัญ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด เจรจา

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ