สมุดไทยเล่มที่ ๒๗

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายสำมนักขายักษี
ครั้นทูษณ์ขรตรีเศียรอสุรี สิ้นชีพชีวีก็ตกใจ
ความกลัวพระลักษมณ์พระทรงศิลป์ ดั่งจะแทรกแผ่นดินลงไปได้
ก็ออกจากโรมคัลกรุงไกร ลุยสมุทรข้ามไปลงกา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โล้

๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นจากฝั่ง รีบเดินด้วยกำลังยักษา
ระเสิดระสังซังเซมา เข้าในทวาราเวียงชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น ฝ่ายหมู่อสุราน้อยใหญ่
หญิงชายซึ่งอยู่ในกรุงไกร แลไปเห็นองค์นางเทวี
มือด้วนตีนกุดปากแหว่ง เป็นริ้วแร่งทรลักษณ์บัดสี
หูขาดจมูกขาดไม่สมประดี อสุรีแปลกองค์กัลยา
สยายผมนมยานถึงชายพก ต่างตระหนกตกใจถ้วนหน้า
บ้างว่าภูตพรายเข้ามา บ้างว่าแม่ห่าผีไพร
ลูกเด็กเล็กน้อยชายหญิง บ้างล้มบ้างวิ่งไม่ดูได้
ร้องตรีดหวีดหวาดวุ่นไป ด้วยไม่รู้จักนางเทวี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น นางสำมนักขายักษี
อุตส่าห์ดำรงอินทรีย์ ตรงไปที่เฝ้าเจ้าลงกา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งกอดบาทบงสุ์ องค์พระบรมเชษฐา
ชลเนตรอาบพักตร์กัลยา โศกาเพียงสิ้นชีวัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์รังสรรค์
เห็นน้องท้าวแสนโศกจาบัลย์ กุมภัณฑ์ตระหนกตกใจ
ทั้งเห็นโอษฐ์กรรณจมูกขาด กรบาทด้วนสิ้นเป็นหนองไหล
พญายักษ์กริ้วโกรธคือไฟ อันไหม้ทั่วทั้งจักรวาล
โจนจากแท่นแก้วบัลลังก์ทรง เรียกหมู่จัตุรงค์ทวยหาญ
แล้วแผลงฤทธิไกรชัยชาญ ด้วยกำลังขุนมารอันศักดา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์

๏ กลับเป็นสิบพักตร์ยี่สิบกร สูงเงื้อมอัมพรเวหา
กายนั้นใหญ่หลวงมหิมา ดูดั่งภูผาอัศกรรณ
สิบพักตร์เปล่งเนตรยี่สิบดวง โชติช่วงดั่งแสงสุริย์ฉัน
สิบปากกระดากลิ้นเคี้ยวฟัน เสียงสนั่นดั่งเขาพระเมรุทรุด
กระทืบบาทผาดโผนโจนร้อง กึกก้องฟากฟ้าอึงอุด
มือหนึ่งจับศรฤทธิรุทร มือสองนั้นยุดพระขรรค์ชัย
มือสามจับจักรกวัดแกว่ง มือสี่จับพระแสงหอกใหญ่
มือห้าจับตรีแกว่งไกว มือหกฉวยได้คทาธร
มือเจ็ดนั้นจับง้าวง่า มือแปดคว้าได้พะเนินขอน
มือเก้ากุมเอาโตมร กรสิบนั้นหยิบเกาทัณฑ์
อาวุธครบทั้งยี่สิบหัตถ์ แกว่งกวัดไวว่องดั่งจักรผัน
ใครทำน้องกูมาสู้กัน จะหํ้าหั่นมิให้แค้นคอกา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ พิราพรอน

๏ โกรธพลางทางมีพจมาน บรรหารถามสำมนักขา
เหตุผลสิ่งใดกัลยา จึ่งมาเป็นได้ถึงเพียงนี้
มันผู้ซึ่งทำน้องรัก เป็นยักษ์หรือมนุษย์ฤๅษี
หรือเทพบุตรครุฑาวาสุกรี จงพาพี่ไปผลาญราญรอน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสำมนักขาดวงสมร
ได้ฟังบัญชาพระภูธร ประนมกรทูลเป็นมารยา
เดิมน้องนี้ไม่สบายใจ จึ่งลาพระองค์ไปเล่นป่า
พบพระรามพระลักษมณ์นางสีดา บวชอยู่โคทาวารี
นางนั้นทรงโฉมอรชร ยิ่งเทพอัปสรในราศี
ตัวข้าอุ้มองค์นางเทวี จะพาหนีมาถวายภูวไนย
พระลักษมณ์ตามทันที่กลางทาง ชิงนางสีดาไว้ได้
ทำโทษข้าปิ้มจะบรรลัย ดั่งไร้สุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์
ตัวน้องจึ่งไปแจ้งความ สามพระเชษฐารังสรรค์
โกรธายกพลไปโรมรัน มนุษย์นั้นกลับผลาญมรณา
ขอเชิญพระองค์ไปชิงชัย ฆ่าให้สิ้นชีพสังขาร์
แล้วจงพาองค์นางสีดา มาไว้เป็นศรีเมืองมาร ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ใจหาญ
ได้ฟังน้องท้าวเล่าอาการ ไฟราคร่านร้อนพันทวี
ซับซาบทุกเส้นโลมา เสน่หารุมรึงดั่งเพลิงจี่
ซึ่งกริ้วโกรธาจะฆ่าตี ยินดีก็ละลายหายไป
อาวุธที่ถือนั้นตกลง จะทันรู้พระองค์ก็หาไม่
แต่คะนึงถึงโฉมประโลมใจ ฤทัยเดือดดิ้นแดยัน
จึงถามว่ารูปนางสีดา ซึ่งงามลํ้านางฟ้าสรวงสวรรค์
กับมณโฑโสภาวิลาวัณย์ จะละม้ายคล้ายกันประการใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น น้องท้าวผู้มีอัชฌาสัย
ทูลว่าอันหญิงทั้งแดนไตร ถึงจะงามก็ไม่พร้อมเพรา
ซึ่งจะเอาพี่นางมณโฑเปรียบ เทียมเทียบไกลกันสักพันเท่า
เปรียบขนงแพ้ขนงนงเยาว์ เปรียบทรงศอเล่าก็ไกลกัน
เปรียบปรางสีดาก็น่าชม เปรียบเนตรเนตรคมคมสัน
เปรียบพักตร์ผ่องแผ้วดั่งดวงจันทร์ เปรียบถันดั่งปทุมละอองนวล
เปรียบนาสานางงามแฉล้ม เปรียบโอษฐ์เห็นแย้มเป็นที่สรวล
เปรียบทรงแพ้ทรงโดยกระบวน เปรียบนวลแพ้นวลนางสีดา
เปรียบทั้งมารยาทก็แพ้ด้วย ทรวดสวยเป็นที่เสน่หา
เลิศลักษณ์ทรงเบญจกัลยา ทั้งโลกาจะเปรียบก็ไม่มี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศพักตร์ยักษี
ได้ฟังน้องท้าวพาที ดั่งวารีทิพย์มารดลง
ยิ่งแสนพิศวาสจะขาดใจ ราคร้อนฤทัยใหลหลง
จึ่งว่าเจ้าชมนางโฉมยง กับองค์มณโฑว่าไกลกัน
ถ้าจะเปรียบกับโฉมพระอุมา พระลักษมีโสภาสาวสวรรค์
พระสุรัสวดีวิลาวัณย์ ทั้งสามองค์นั้นเห็นใครดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสำมนักขายักษี
จึ่งทูลว่านางสีดานี้ มีสิริเสาวภาคย์จำเริญตา
จะเปรียบพระลักษมีศรีสวัสดิ์ พระสุรัสวดีเสน่หา
ทั้งโฉมสมเด็จพระอุมา น้องเห็นดีกว่าทั้งสามองค์
จะจัดงามสามนางประมวลเข้า ไม่เทียมเท่าสีดานวลหง
แม้นใครได้เห็นนางโฉมยง จะงวยงงหลงลืมสมประดี
มีตาสองตานี้สุดรู้ ที่จะดูสิ้นงามมารศรี
ควรเป็นปิ่นสนมนารี พระพี่เร่งตรึกตราอย่าช้าวัน
ทูลพลางนางหลงเล่าความ ถึงพระลักษมณ์พระรามรังสรรค์
ทั้งสององค์ทรงโฉมละกลกัน ยิ่งกว่าเทวัญทุกชั้นฟ้า
แม้นได้พระมาร่วมห้อง น้องจะสงวนชมทั้งซ้ายขวา
ครั้นได้สมประดีคืนมา กัลยาเขินใจไม่พาที ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษี
ยิ่งฟังยิ่งเฟือนสมประดี ที่ในรูปทรงนางสีดา
ตั้งแต่น้องท้าวมากล่าวถึง ให้คะนึงในความเสน่หา
แสนรักสุดรักกัลยา อสุราคลั่งคลุ้มกลุ้มใจ
แล้วว่าพระรามผู้สามี จะเปรียบงามกับพี่นี้ไฉน
ถ้าได้มาร่วมภิรมย์ใน เห็นจะรักใคร่นะบังอร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสำมนักขาดวงสมร
ฟังพระเชษฐาฤทธิรอน ออกนามภูธรก็ยินดี
เคลิ้มใจใหลหลงเจรจา เมตตาน้องเถิดพระโฉมศรี
อันมือด้วนตีนกุดเพียงนี้ ภูมีอย่าปรารมภ์ใจ
แม้นพระจะภิรมย์สมสนิท น้องจะนิมิตกายใหม่
จะงามกว่าสีดาทรามวัย ให้พระพิสมัยทั้งสององค์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศพักตร์พงศ์ท้าวครรไลหงส์
ได้ยินออกนามนางโฉมยง เคลิ้มหลงสิ้นสมประฤดี
จึ่งสรวมสอดกอดนางน้อง ประคองขึ้นใส่ตักยักษี
จะอายเหนียมเรียมไยเทวี บุญเจ้ากับพี่ได้สร้างมา
ตระโบมโลมลูบจูบพักตร์ ผลักพี่เสียไยกนิษฐา
ครั้นเพ่งพิศก็ผิดนางสีดา อนิจจาเจ้าพี่พี่หลงไป
ให้คิดขวยเขินสะเทิ้นจิต จะพิศดูหน้าน้องก็ไม่ได้
พญามารร่านร้อนอาวรณ์ใจ ฝันใฝ่ถึงองค์นางเทวี
แต่ผุดลุกผุดนั่งคลั่งคลุ้ม ไฟราครึงรุมดั่งเพลิงจี่
ทอดถอนฤทัยไม่สมประดี ก็จรลีเข้าห้องอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์ ตรัสแก่มณโฑดวงสมร
ตามสำมนักขาบังอร ทูลแจ้งภูธรแต่ต้นมา
อันลักษมณ์รามหยาบหยามหมิ่นกัน ความแค้นพี่นั้นหนักหนา
ดั่งน้องเราประดาษชาติช้า สุริย์วงศ์พงศาไม่มี
ตัดจมูกตัดโอษฐ์ทำโทษกร รอนตีนสินมือโฉมศรี
มิหนำซ้ำผลาญชีวี ทูษณ์ขรตรีเศียรมรณา
ครั้นจะไปฟาดฟันให้บรรลัย ก็อายใจด้วยมันเป็นชีป่า
ไตรโลกจะล่วงนินทา ว่าฆ่ามนุษย์เท่าแมงวัน
นิ่งเสียก็จะอัปยศนัก แก่ฝูงสุรารักษ์ในสวรรค์
ทั้งหมู่นักสิทธ์คนธรรพ์ จะชวนกันเยาะเย้ยไยไพ
พี่คิดจะลักเอาเมียมา ให้แสนโศกาเลือดตาไหล
แก้แค้นทำแทนให้ถึงใจ เจ้าจะเห็นกระไรนางเทวี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางมณโฑมารศรี
ได้ฟังพระราชวาที ชุลีกรสนองบัญชา
อันเหตุนี้อัศจรรย์นัก ถึงได้โหมหักเข่นฆ่า
จนสามพระน้องมรณา เป็นน่าหลากใจพ้นคิด
ชะรอยน้องท้าวไปก่อความ จึงเกิดสงครามต่อติด
ถ้าเจ็บแค้นจะแทนปัจจามิตร ชอบคิดณรงค์ต่อกัน
ซึ่งจะไปลักเมียเขามา โลกาจะสำรวลเย้ยหยัน
ถึงชอบก็เห็นเป็นเสียธรรม์ อย่าหุนหันให้ผิดประเวณี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษี
ได้ฟังจึ่งตอบวาที เจ้าว่ามานี้ก็แจ้งใจ
อันซึ่งกลความกลศึก ลับลึกจึ่งเอาชนะได้
จะด่วนรบรากันด้วยอันใด แต่ลักเมียมาไว้จะมรณา
ตรีโลกหรือจะล่วงติฉิน ใช่จะยินดีด้วยเสน่หา
พี่ตัดต้นกลศึกด้วยปรีชา จะกลัวนินทาก็ใช่การ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางมณโฑเยาวยอดสงสาร
ยอกรสนองพจมาน ผ่านฟ้าตริตรองให้จงดี
อันพระลักษมณ์พระรามสุริย์วงศ์ หลานองค์อัชบาลเรืองศรี
พงศ์พระหริรักษ์จักรี ฤทธีเลิศลบโลกา
ลืมไปแล้วหรือเมื่อครั้งก่อน เสด็จยังบัญชรกับข้า
นกกระจอกผัวเมียบินมา ชมกันที่หน้าพระแกลชัย
สิบปากพระขับให้บินหนี สกุณีจะกลัวก็หาไม่
ข้าจึ่งนบนิ้วบังคมไป ออกนามท่านไทอัชบาล
พระขรรค์ลอยมาแต่อากาศ ตัดเศียรนกขาดกับหน้าฉาน
แต่พระนามท่านยังเชี่ยวชาญ จะมาดูหมิ่นหลานก็ผิดที ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศกัณฐ์ยักษี
ได้ฟังคั่งแค้นแสนทวี อสุรีมิได้จำนรรจา
เบือนพักตร์นิ่งนึกตรึกตะลึง ถึงโฉมนางสีดาเสน่หา
ครั้นคํ่ายํ่าแสงสนธยา อสุราเข้าที่บรรทมใน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

ช้า

๏ เอนองค์ลงเหนือบรรจถรณ์ ยอกรก่ายพักตร์โหยไห้
ราคร้อนดั่งนอนในไฟ อาลัยถึงโฉมนางเทวี
หลับเนตรให้เห็นเป็นสีดา คล้ายมาแอบองค์ยักษี
คว้าไขว่ด้วยใจยินดี พบเขนยข้างที่อลงกรณ์
เกี่ยวกระหวัดรัดแนบแอบชิด คิดว่าสีดาดวงสมร
ลืมเนตรไม่เห็นบังอร พระกรกอดหมอนเอนองค์
ก็ผลักเสียจากกายา อสุราครวญคิดพิศวง
ทำไฉนจะได้นางโฉมยง มาเป็นปิ่นอนงค์นารี
แต่ผุดลุกผุดนั่งไม่ไสยาสน์ จนภานุมาศเรื่อแรงแสงสี
โกกิลไก่แก้วสกุณี ร้องมี่เร้าเร่งอโณทัย ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ กล่อม

ร่าย

๏ จึ่งคิดได้ว่าลูกกากนา มารีศผู้มีอัชฌาสัย
จะให้ไปล่อลวงทรามวัย เห็นว่าจะได้ดั่งใจคิด
ตริแล้วสระสรงทรงเครื่อง อร่ามเรืองกรกุมศรสิทธิ์
เสด็จจากปราสาทแก้วชวลิต ทรงฤทธิ์ออกท้องพระโรงคัล ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์เหนือแท่นเนาวรัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรฉายฉัน
พร้อมหมู่อสุรกุมภัณฑ์ ก้มเกล้าอภิวันท์ดุษฎี
จึ่งมีพระราชบรรหาร แก่มารีศมารยักษี
บัดนี้พี่น้องสองชี กับนารีหนึ่งชื่อสีดา
มาอยู่ที่โคทาสาคร ตัดกรนางสำมนักขา
ทั้งทูษณ์ขรตรีเศียรอสุรา มันล้างชีวาบรรลัย
ครั้นจะไปพิฆาตฟาดฟัน จะมีเกียรติยศนั้นก็หาไม่
จำจะผลาญด้วยการกลใน ให้มันได้ทุกข์แสนทวี
ท่านจงจำแลงเป็นกวางทอง ผิวพรรณผุดผ่องจำรัสศรี
ไปยังอรัญกุฎี ล่อลวงเทวีด้วยมารยา
ให้นางมีจิตพิศวง ลุ่มหลงในกลยักษา
แล้วทำเดินร่ายชายมา แทบใกล้ศาลาอรไท
แม้นว่าลักษมณ์รามไปตามกวาง เราจะลักนางมาให้ได้
ตัวท่านจงเร่งรีบไป อย่าช้าแต่ในเวลานี้ ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญามารีศยักษี
ได้ยินออกนามพระจักรี อสุรีตกใจเป็นพ้นนัก
ดั่งหนึ่งพญามัจจุราช มาพิฆาตตัดเศียรด้วยคมจักร
จึ่งสนองบัญชาพญายักษ์ พระปิ่นปักนัคเรศจงเมตตา
อันซึ่งพระรามองค์นี้ คือพระสี่กรนาถา
อวตารมาบำรุงโลกา ปรากฏพระยศเกรียงไกร
พระอนุชาทั้งสามไปยงยุทธ์ พลสี่สิบสมุทรหาเหลือไม่
แม่ข้ากับพี่ก็บรรลัย กากนาหมดไปด้วยฤทธี
ตัวข้าก็แทบประดาตาย ด้วยศรพระนารายณ์เรืองศรี
หนีได้จึ่งรอดชีวี พระภูมีก็ทราบบาทา
ครั้งนี้จะให้กลับไป ฆ่าชีวาลัยเสียดีกว่า
ถ้าพระองค์มิทรงพระเมตตา น่าที่จะม้วยชีวัน ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรพงศ์พรหมรังสรรค์
ได้ฟังดั่งตรีแทงกรรณ กุมภัณฑ์กริ้วโกรธโกรธา
ผุดลุกขึ้นจากบัลลังก์อาสน์ กระทืบบาทผาดร้องดั่งฟ้าผ่า
เหวยเหวยมารีศอสุรา มากลัวชีป่าอันสัญจร
จึ่งแกล้งสรรเสริญมนุษย์ ว่านารายณ์ฤทธิรุทรทรงศร
ญาติวงศ์บรรลัยไม่อาวรณ์ มาลวงหลอนกูด้วยอันใด
เสียแรงนับถือว่าเป็นน้า จะเจรจาจริงก็หาไม่
ถึงมันจะมีฤทธิไกร ข้ามสมุทรมาได้เมื่อไรมี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น มารีศสิทธิศักดิ์ยักษี
ได้ฟังพญาอสุรี นบนิ้วชุลีแล้วทูลไป
อันพระวงศ์พงศ์พันธุ์มรณา ใช่ว่าไม่แค้นนั้นหาไม่
แต่ข้าคิดเห็นจะเป็นภัย จึงได้ทูลทัดบทมาลย์
ด้วยพระองค์ผู้วงศ์พรหเมศ เป็นปิ่นเกศกษัตรามหาศาล
ประกอบด้วยพระสนมบริวาร จะต้องการอะไรแก่สีดา
ให้ได้เดือดร้อนเพราะนางเดียว จะเกิดศึกขับเคี่ยวไปวันหน้า
พระองค์ก็ทรงพระปัญญา จงตรึกตราโดยธรรมประเวณี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวยี่สิบกรยักษี
ได้ฟังกริ้วโกรธคืออัคคี จึ่งมีสีหนาทตวาดไป
เพียงหนึ่งปราสาทราชฐาน จะหักพังไม่ทานทนได้
เหวยเหวยมารีศจังไร ถึงจะเกิดศึกใหญ่ไม่กลัวกัน
แม้นมิไปตามประกาศิต กูจะล้างชีวิตให้อาสัญ
ลูกเมียโคตรวงศ์พงศ์พันธุ์ อันจะเหลืออยู่นั้นอย่าสงกา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พญามารีศยักษา
เห็นท้าวทศกัณฐ์โกรธา ความกลัวอาญาเป็นพ้นคิด
ตัวสั่นหน้าซีดไม่สมประดี อสุรีอัดอั้นตันจิต
จะไปก็กลัวพระทรงฤทธิ์ จะอยู่กลัวชีวิตจะวายปราณ
ทั้งญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ จะพากันสิ้นชีพสังขาร
จำจะสู้เสียชนมาน ไปตามบุราณกรรมมี
คิดแล้วประณตบทบงสุ์ ทูลองค์พญายักษี
ซึ่งข้าทานทัดทั้งนี้ ด้วยภักดีต่อองค์ภูวไนย
เห็นผิดจากธรรมทศพิธ จะแกล้งคิดบิดผันนั้นหาไม่
เมื่อมิฟังแล้วก็จนใจ จะทำตามในพระบัญชา
แต่ซึ่งจะออกไปนั้น ชีวันจะม้วยสังขาร์
พระองค์จงทรงพระเมตตา เลี้ยงลูกเมียข้าผู้ภักดี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวทศพักตร์ยักษี
ได้ฟังดั่งทิพวารี มาโสรจสรงอินทรีย์ขุนมาร
จึ่งกล่าวมธุรสอันสุนทร ดูกรมารีศใจหาญ
ตัวท่านก็ปรีชาชาญ อันจะวายปราณนั้นผิดไป
แม้นว่าทำการสำเร็จ ยศศักดิ์บำเหน็จจะแทนให้
ทั้งบุตรภรรยาอย่าอาลัย จะเลี้ยงไว้ให้สุขสวัสดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น มารีศสิทธิศักดิ์ยักษี
รับสั่งแล้วถวายอัญชุลี ไปยังที่อยู่อสุรา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงห้องทองไสยาสน์ อันโอภาสด้วยลายเลขา
กรกอดนางแก้วเจษฎา แสนโศกโศกาจาบัลย์
สะอื้นพลางพลางกล่าวสุนทร ดูกรเยาวยอดเฉลิมขวัญ
ตั้งแต่วันนี้จะจากกัน เวรทันพี่แล้วนางเทวี
เหตุด้วยอีสำมนักขา มายอโฉมสีดามารศรี
บัดนี้พญาอสุรี จะให้พี่แปลงกายเป็นกวางไป
ล่อลวงองค์พระหริรักษ์ แล้วจะลักนางมาพิสมัย
ครั้นว่าทานทัดก็ขัดใจ จะฆ่าให้สิ้นวงศ์พงศ์พันธุ์
สุดคิดพี่แล้วนะโฉมตรู จะสู้เสียชนมาอาสัญ
ครั้งก่อนปิ้มม้วยชีวัน หากว่าหนีทันจึ่งรอดมา
ครั้งนี้น่าที่พี่จะตาย ด้วยศรพระนารายณ์นาถา
โอ้ว่าเจ้าดวงนัยนา กัลยาค่อยอยู่จงดี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอ้

๏ เมื่อนั้น นางแก้วเจษฎาโฉมศรี
ได้ฟังพระราชสามี เทวีตีอกเข้าทันใด
ดั่งหนึ่งพระกาลพาลราช มาพิฆาตตัดเศียรไปได้
ซบพักตร์ลงกอดพระบาทไว้ อรไทครวญคร่ำรำพัน
โอ้ว่าพระปิ่นปกเกศ ได้พึ่งเดชเป็นสุขเกษมสันต์
ควรหรือมาวิบัติพลัดกัน จนถึงชีวันมรณา
เสียแรงพระองค์ฝากกาย หมายจะพึ่งท้าวยักษา
ควรหรือยังไม่เมตตา แกล้งฆ่าให้สิ้นชีวี
ตั้งแต่วันนี้จะทนทุกข์ เสื่อมสุขจากความเกษมศรี
จะกินน้ำตาทุกราตรี มีแต่จะได้เดือดร้อน
พระองค์จงพิฆาตฟาดฟัน ผลาญชีวันเมียเสียก่อน
จึ่งจะสิ้นอาลัยอาวรณ์ บังอรร่ำพลางทางโศกา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พญามารีศยักษา
ได้ฟังองค์อัครชายา ซบพักตร์วอนว่ายิ่งอาลัย
ชลนัยน์คลอคลองนองเนตร แสนเทวษทอดถอนใจใหญ่
กรกอดประทับกับอกไว้ เจ้าผู้ดวงใจอย่าโศกี
อันเกิดมาในภพสงสาร ใครจะพ้นพระกาลก็ใช่ที่
ถึงเขาพระสุเมรุคีรี ก็มีที่บรรลัยด้วยไฟกัลป์
อันพรหมลิขิตติดตัวมา หรือจะไม่มรณาอาสัญ
เจ้าอย่าแสนโศกาจาบัลย์ ขวัญเมืองค่อยอยู่สถาวร
จงระวังความผิดคิดกลัว ฝากตัวนุชนาฏสายสมร
แก่องค์ท้าวยี่สิบกร สั่งแล้วบทจรขึ้นมา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงนบนิ้วบังคม พระพงศ์พรหมธิราชยักษา
ท่ามกลางอสูรเสนา คอยฟังบัญชาอสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษี
ครั้นเห็นมารีศก็ยินดี มีพักตร์ผ่องเพียงจันทรา
ดั่งได้สีดาเยาวลักษณ์ มาร่วมรสรักเสน่หา
สรวลยิ้มพริ้มพรายจำนรรจา อสุราสำราญฤทัย
จึ่งมีพระราชบรรหาร เหวยเสนามารผู้ใหญ่
จงจัดโยธาอันร่วมใจ ที่ว่องไวปรีชากล้าฤทธิ์
ให้ได้สักห้าสิบตน อันอาจปลอมปล้นถึงดุสิต
เตรียมทั้งรถแก้วชวลิต กูจะไปโดยทิศอัมพร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งเปาวนาสูรชาญสมร
รับสั่งพระองค์ทรงฤทธิรอน ชุลีกรแล้วรีบออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ประถม

ยานี

๏ จัดพลทหารชำนาญยุทธ์ เลือกล้วนฤทธิรุทรแกล้วกล้า
แต่ละตนมีกำลังกายา สู้ข้าศึกได้เป็นหมื่นพัน
เติบโตลํ่าสันสามารถ องอาจเรี่ยวแรงแข็งขัน
ห้าวฮึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กรนั้นกวัดแกว่งอารุธ
ต่างตนต่างว่าเราเท่านี้ ถึงจะพบไพรีนับสมุทร
จะอาสาพระองค์ออกยงยุทธ์ ฆ่าให้ม้วยมุดด้วยศักดา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศพักตร์ยักษา
ครั้นรุ่งสร่างสว่างเวลา เสด็จมาเข้าที่สรงชล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ให้ไขท่อแก้วปทุมทอง ปทุมทิพย์เป็นละอองฝอยฝน
ฝอยฟุ้งจรุงรสสุคนธ์ รสคันธ์ปรุงปนสุมามาลย์
สุมามาศสนับเพลาภูษา ภูษิตรจนาเครือก้าน
เครือเกี้ยวชายไหวโอฬาร โอฬาร์ชัชวาลชายแครง
ชายครุยเกราะแก้วกาบกระหนก กาบกระหนาบรัดอกเครือแย่ง
เครือยกทับทรวงลายแทง ลายทิพพรายแสงสังวาลวัลย์
สังวาลแววทองกรพาหุรัด พาหุเรืองจำรัสทับทิมคั่น
ทับทิมควงธำมรงค์เรือนสุบรรณ เรือนสะบัดเพชรพรรณอลงกรณ์
อลงกตมงกุฎดอกไม้ทัด ดอกไม้ทิศเนาวรัตน์ประภัสสร
ประภัสศรีสุวรรณกรรเจียกจร กรกุมศรชัยจรลี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ บาทสกุณี

๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นพิชัยรถ อลงกตจำรัสรัศมี
ให้พญามารีศอสุรี นั่งที่หน้าราชรถทรง ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

โทน

๏ รถเอยราชรถแก้ว กงเพริศกำแพร้วงอนระหง
ทูบแอบท้ายอ่อนยรรยง ดุมวงดูวับจับกัน
กาบแก้วแวววามบัลลังก์รัตน์ สีจำรูญแสงจำรัสฉายฉัน
เทียบสัตว์เทียมสิงห์สองพัน ตัวกลั่นต่างกล้าเริงรณ
ขุนรถขับรีบผันผยอง ลอยทางเลื่อนท้องเวหน
เมฆกลับหมอกเกลื่อนอำพน ลมบนเกลื่อนบังอโณทัย
ยักษีย่อมแสนสามารถ เคียงองค์ข้างอาสน์อยู่ไสว
รีบขับรถข้ามสมุทรไป อำไพเอี่ยมเพียงสุริยน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ กราว

๏ ครั้นถึงฝั่งฟากสาคร ก็ลอยร่อนลงจากเวหน
ซุ่มอยู่ที่ชายอารญ ต้นทางโคทาวารี
จึ่งกำชับปากเสียงพลไกร อย่าไอจามพูดจาอึงมี่
แล้วให้มารีศอสุรี แปลงอินทรีย์เป็นมฤคา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น มารีศสิทธิศักดิ์ยักษา
รับสั่งแล้วถวายบังคมลา ก็เข้าไปในป่าพนาวัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ยอกรประนมเหนือเกศ คิดคุณพรหเมศรังสรรค์
อ่านเวทแปลงกายกุมภัณฑ์ ด้วยฤทธีอันมหิมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

๏ บัดเดี๋ยวก็เป็นกวางทอง ผิวผ่องเพียงเทพเลขา
สองเขาดั่งแก้วมุกดา สองตาดั่งดวงมณีนิล
สองหูดั่งกลีบบุษบัน สี่เท้ายืนยันจบกลิ่น
เยื้องย่องทำนองดั่งหงส์บิน งามสิ้นทั่วสรรพางค์กาย
เสร็จแล้วคะนองลองเชิง ร่ายเริงระเหิดเฉิดฉาย
ปีปเปรี้ยงดั่งเสียงกวางทราย เยื้องกรายมายังอสุรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เพลง

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศพักตร์ยักษา
เห็นมารีศนิมิตกายา เป็นกวางทองโสภาวิลาวัณย์
น่าเชยน่าชมน่ารัก พญายักษ์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
จึ่งลงจากรถแก้วแพรวพรรณ กุมภัณฑ์ลูบทั่วอินทรีย์
แล้วมีพระราชบรรหาร สั่งมารีศมารยักษี
ท่านจงรีบไปยังกุฎี ทำทีล่อลวงนางสีดา
เห็นหลงด้วยกลอุบาย แล้วเดินชายเข้าดงพงป่า
แม้นผัวนางติดตามมา จงร้องด้วยมารยาอสุรี
ให้ประจักษ์ดั่งเสียงพระราม น้องชายก็จะตามไปช่วยพี่
เราจึ่งจะลักนางเทวี หนีไปลงกาพระนคร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น มารีศขุนมารชาญสมร
รับสั่งพระองค์ทรงฤทธิรอน บทจรตรงไปยังศาลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา
เห็นกวางทองย่องตามมรคา อสุราก็สะกดรอยไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นใกล้ยังอาศรมสถาน ขุนมารผู้มีอัชฌาสัย
เข้าแอบอยู่ชายพนาลัย นัยน์เนตรเขม้นคอยที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น มารีศกวางทองยักษี
ครั้นมาถึงหน้ากุฎี ทำทีเป็นกวางพนาวัน
แกล้งเดินเหยาะเหย่าเข้าใกล้ ทำตกใจตื่นโจนโผนผัน
ลำพองลองเชิงยืนยัน ตานั้นเหลือบดูกัลยา
เห็นนางแลมาก็ทำร้อง เยื้องย่องประหนึ่งจะเข้าหา
แล้วโลดโผนโจนไปโจนมา ก้มเงยกินหญ้าเป็นที ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์

๏ เมื่อนั้น นวลนางสีดามารศรี
อยู่กับพระลักษมณ์พระจักรี ที่หน้าพระบรรณศาลา
เหลือบแลไปเห็นพญากวาง เยื้องย่างมาตามชายป่า
สีเหลืองเรืองรองดั่งทองทา รจนาพริ้งเพราทั้งกาย
ปากเท้าแดงดั่งปัทมราช งามประหลาดกว่ากวางทั้งหลาย
แสนสวาทดั่งจะขาดใจตาย จึ่งทูลพระนารายณ์สามี
พระองค์ผู้ทรงศักดาเดช จงโปรดเกศข้าบาทบทศรี
ช่วยจับสุวรรณมฤคี มาเลี้ยงไว้ที่ศาลา
น้องรักจักได้เชยชม ให้เป็นบรมสุขา
แม้นตายจงเอาหนังมา ตัวข้าจะลาดเป็นอาสน์นอน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงศร
ได้ฟังอัครราชบังอร ภูธรพิศดูมฤคี
เยื้องย่องทำนองดั่งยนต์ งามขนงามเขางามสี
งามรัดงามเรียวทั้งอินทรีย์ มีความสงสัยในวิญญาณ์
จึ่งกล่าวพจนารถอันสุนทร ดูกรเยาวยอดเสน่หา
กวางนี้ใช่กวางอรัญวา เห็นจะเป็นมารยากุมภัณฑ์
ครั้นจะซึ่งหน้ามาต่อฤทธิ์ กลัวว่าชีวิตจะอาสัญ
ไม่อาจหักโหมโรมรัน มันจึ่งแกล้งแปลงเป็นกวางมา
หวังจะล่อลวงให้ติดตาม ด้วยกลสงครามของยักษา
แม้นพี่ไปจากศาลา เห็นว่าจะมีเหตุการณ์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดสงสาร
ได้ฟังบัญชาพระอวตาร กราบกับบทมาลย์แล้วทูลไป
พระองค์ผู้ทรงศักดาฤทธิ์ ทั่วทั้งทศทิศก็ปราบได้
อันกวางสุวรรณอำไพ ในหิมวาลัยก็ย่อมมี
แต่หากไม่ทรงพระเมตตา จึ่งแกล้งว่ามารยายักษี
แม้นมิได้พญามฤคี ข้านี้จะม้วยชีวัน
ทูลพลางสะอื้นซบพักตร์ กับตักพระนารายณ์รังสรรค์
แสนเทวษวิงวอนรำพัน กัลยากลิ้งเกลือกเสือกไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์ทรงฤทธิ์แผ่นดินไหว
เห็นนางแสนโศกร่ำไร เพียงชีวาลัยจะมรณา
สองกรช้อนองค์อัคเรศ ลูบเช็ดชลเนตรซ้ายขวา
รับขวัญแล้วมีบัญชา แก้วตาอย่าทรงโศกี
ตัวเจ้าก็เป็นเพื่อนยาก สู้แสนลำบากมาด้วยพี่
ไฉนจะไม่รักนางเทวี มารศรีอย่าร้อนรนใจ
ซึ่งเจ้าประสงค์กวางทอง จะจับมาให้น้องอย่าร้องไห้
ปลอบพลางลูบหลังอรไท แล้วตรัสไปแก่องค์อนุชา
เจ้าผู้ร่วมทุกข์ร่วมยาก ร่วมลำบากร่วมชีพสังขาร์
พี่จะไปจับมฤคา จงอยู่รักษานางเทวี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
จึ่งสนองพจนารถวาที ภูมีจงยั้งพระทัยคิด
อันซึ่งสุวรรณมฤคา ท่วงทีกิริยานั้นเห็นผิด
จะเป็นอสุราแกล้งนิมิต เหมือนทรงฤทธิ์มีราชโองการ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดสงสาร
ฟังพระอนุชาทัดทาน นงคราญขัดแค้นแน่นอุรา
จึ่งว่าขอบใจเจ้าลักษมณ์ ภักดีต่อองค์พระเชษฐา
ตัวพี่เป็นบาทบริจา ได้ความยากมาด้วยกัน
ตั้งแต่วันจากพระบุรี ไม่มีสิ่งสุขเกษมสันต์
วันนี้พบกวางสุวรรณ ผิวพรรณเป็นที่จำเริญตา
พี่จะใคร่ได้ไว้ชมเล่น ตามประสาเข็ญใจที่ในป่า
ให้คลายวายทุกข์เวทนา อนิจจาควรหรือไม่ปรานี
จะทูลห้ามไยเล่านะน้องรัก จงชักพระขรรค์มาฟันพี่
ว่าพลางแสนโศกโศกี เทวีเพียงสิ้นชีวัน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์รังสรรค์
เห็นนางโศการำพัน ดั่งหนึ่งชีวันจะวายปราณ
จึ่งโอบอุ้มองค์ขึ้นใส่ตัก พิศพักตร์แล้วคิดสงสาร
ตระโบมโลมปลอบนงคราญ เจ้าดวงชนมานของพี่ยา
อย่าแสนโศกาอาวรณ์ ทุกข์ร้อนเศร้าโทมนัสสา
พี่จะไปจับมฤคา มาให้แก้วตายาใจ
ว่าแล้วตรัสสั่งพระลักษมณ์ น้องรักผู้มีอัชฌาสัย
จงอยู่รักษาอรไท อย่าให้มีเหตุเภทพาล
ตรัสพลางจับศรอันศักดา งามสง่าดั่งพระสุริย์ฉาน
ยุรยาตรจากอาสน์อลงการ ผ่านฟ้าหมายมุ่งมฤคี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายพญามารีศยักษี
เห็นพระหริรักษ์จักรี จรลีออกจากศาลา
ทำแกล้งผาดโผนโจนร้อง ลำพองลองเชิงแล้วกินหญ้า
ล่อให้พระเสด็จตามมา ด้วยกลมารยากุมภัณฑ์
ครั้นว่าเห็นใกล้ก็ชายหนี ทำทีโลดโจนโผนผัน
เดินร่ายตามชายพนาวัน หวังให้ไกลบรรณศาลา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิดฉาน

๏ เมื่อนั้น พระตรีภูวนาถนาถา
เลี้ยวไล่สุวรรณมฤคา โดยแถวแนวป่าพนาลี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ พระเร่งรีบติดตามกวางไป จนอุทัยร้อนแรงแสงสี
พิโรธโกรธกริ้วดั่งอัคคี ภูมีขึ้นศรจะรอนราญ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พญามารีศใจหาญ
โลดโผนโจนข้ามห้วยธาร ผ่านขึ้นบนเนินบรรพตา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ วิ่งพลางเหลียวหลังไม่ยั้งหยุด จนสุดกำลังยักษา
ลืมตัวด้วยกลัวพระจักรา ก็กลายกลับเป็นหน้ากุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระกฤษณุรักษ์รังสรรค์
แลเห็นพญากวางสุวรรณ หน้านั้นกลับเป็นยักษ์ไป
ก็รู้ว่าอสูรแปลงเพศ ทรงเดชกริ้วโกรธดั่งเพลิงไหม้
จึ่งประกาศสีหนาทเกรียงไกร เหวยไอ้มารีศอสุรี
ครั้งเมื่อแม่มึงเป็นกา ไปโฉบศาลาพระฤๅษี
ตัวกูสังหารผลาญชีวี สวาหุพี่มึงก็บรรลัย
มึงนี้กูไว้ชีวิต จะรู้คุณสักนิดก็หาไม่
ไอ้ชาติทรลักษณ์จังไร ครั้งนี้กูไม่ไว้ชีวา
ว่าแล้วชักศรพาดสาย ชำเลืองเยื้องกรายเงื้อง่า
เขม้นหมายซึ่งกายมฤคา ผ่านฟ้าผาดแผลงไปด้วยฤทธิ์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ พระเมรุสัตภัณฑ์ก็หวั่นไหว สนั่นไปถึงชั้นดุสิต
ต้องตัวอสุราปัจจามิตร โลหิตไหลดาษสุธาธาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญามารีศใจหาญ
ต้องศรเจ็บเพียงบรรลัยลาญ ขุนมารร้องขึ้นด้วยมารยา
โอ้ว่าเจ้าลักษมณ์ผู้ร่วมใจ กวางนี้มิใช่กวางป่า
มันกลายไปเป็นอสุรา เข้าต่อฤทธาราวี
น้องรักจงเร่งมาช่วย แม้นช้าพี่จะม้วยด้วยยักษี
ร้องพลางล้มลงกับปัถพี อสุรีสุดสิ้นชีวัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

ช้า

๏ เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดสาวสวรรค์
ได้ยินสำเนียงกุมภัณฑ์ ร้องนั้นเหมือนเสียงพระสี่กร
ตกใจดั่งสายสุนีบาต มาฟอนฟาดกายาดวงสมร
แสนทุกข์แสนเทวษอาวรณ์ บังอรตรัสแก่อนุชา
ได้ยินแล้วหรือน้องรัก เสียงพระทรงจักรเรียกหา
ให้เจ้าผู้ร่วมชีวา ไปช่วยเข่นฆ่าอสุรี
พ่อจงรีบไปให้ทัน จะได้โรมรันกับยักษี
แม้นช้าพระองค์จะเสียที เจ้าพี่อย่านิ่งนอนใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ผู้มีอัชฌาสัย
ฟังพระเสาวนีย์อรไท ประนมไหว้กราบทูลด้วยปรีชา
อันองค์พระนารายณ์อวตาร หรือจะแพ้พวกพาลยักษา
แต่ทูษณ์ขรตรีเศียรอันศักดา โยธานับสมุทรไม่ทานฤทธิ์
ถึงไพรีเพียบพื้นแผ่นดิน ก็จะบรรลัยสิ้นด้วยศรสิทธิ์
เสียงนี้เป็นเสียงปัจจามิตร ผิดเสียงสมเด็จพระจักรี
แม้นน้องไปตามพระภุชพล ก็จะต้องด้วยกลยักษี
พระพี่นางจะอยู่ผู้เดียวนี้ ภายหลังจะมีภัยพาล ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดสงสาร
ได้ฟังดั่งพิษเพลิงกาฬ มาเผาผลาญร้อนทั่วกายา
จึ่งว่าอนิจจาเจ้าลักษมณ์ นี่หรือว่ารักพระเชษฐา
จะให้ตามไปช่วยพระจักรา มากลับคิดร้ายไม่อายใจ
แสร้งว่าอสุราอุบายร้อง จะเลียมลองใจข้าหรือไฉน
จะละให้พระองค์บรรลัย คิดไยฉะนี้อนุชา
แม้นเจ้ามิออกไปตามพี่ วันนี้เราจะม้วยสังขาร์
ว่าพลางซบพักตร์ลงโศกา กัลยาครวญคร่ำรำพัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ โอ้อนิจจาตัวกูเหมือนคนชั่ว ใช้ผัวไปม้วยอาสัญ
ดังหญิงแพศยาอาธรรม์ สิ้นกัปสิ้นกัลป์ไม่ว่าดี
โอ้ว่าสมเด็จพระหริวงศ์ ทรงคุณยิ่งฟ้าราศี
รักเมียไม่เสียดายชีวี จึ่งเสียทีด้วยกลอสุรา
เสียแรงที่ได้อวตาร หรือมาแพ้แก่มารยักษา
ร่ำพลางตีอกเข้าโศกา ดั่งว่าจะสิ้นชีวัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์สุริย์วงศ์รังสรรค์
ฟังนางตัดพ้อรำพัน ดั่งอาวุธฟาดฟันกายา
จึ่งยอกรประนมเหนือเกศ ทูลองค์อัคเรศเสน่หา
ซึ่งพระเสาวนีย์ตรัสมา ไม่ควรแก่ข้าผู้ภักดี
ตัวน้องจงรักพระพี่เจ้า ดั่งมารดาเกิดเกล้าเกศี
ซึ่งจะให้โดยเสด็จพระจักรี ข้านี้ขัดสนจนใจ
เมื่อพระองค์จะไปตามกวาง ผ่านฟ้าหาวางพระทัยไม่
ให้ข้ารักษาพี่นางไว้ กว่าพระภูวไนยจะกลับมา
แม้นไปภายหลังมีเหตุ ทรงเดชจะลงโทษา
ด้วยล่วงพระราชบัญชา ตัวข้าก็จะสิ้นสุดปราณ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดสงสาร
ยิ่งฟังยิ่งแค้นแน่นวิญญาณ จึงมีพจมานตรัสไป
ถึงพระองค์ให้อยู่รักษาพี่ เมื่อมีเหตุมาจะทำไฉน
จะเป็นโทษทัณฑ์ด้วยอันใด หากแกล้งใส่ไคล้เจรจา
ทั้งนี้เพื่อจิตเจ้าคิดคด ทรยศต่อองค์พระเชษฐา
เพราะอยู่แต่สองในศาลา แสร้งบิดเบือนว่าทุกสิ่งไป
ถึงมาตรตัวเราจะเป็นม่าย ที่จะหมายพึ่งเจ้านั้นหาไม่
สู้เสียชีวิตชีวาลัย ตายไปตามองค์พระสี่กร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์สุริย์วงศ์ทรงศร
ฟังพระเสาวนีย์ตัดรอน ให้รุ่มร้อนพระทัยดั่งไฟกัลป์
ครั้นจะไปกลัวล่วงบรรหาร องค์พระอวตารรังสรรค์
จะอยู่ตามบัญชาพระทรงธรรม์ ก็เกรงพี่นางนั้นจะโกรธา
แต่ถอนทอดฤทัยถอยคิด ร้อนจิตเพียงสิ้นสังขาร์
ชลเนตรคลอดวงนัยนา กราบกับบาทาเทวี
ตัวน้องขอลาบาทบงสุ์ ไปตามองค์พระนารายณ์เรืองศรี
พี่นางจงอยู่สวัสดี อย่าโศกีเร่าร้อนฤทัย
ทูลแล้วยอกรขึ้นเหนือเกศ ฝากฝูงเทเวศร์น้อยใหญ่
อินทร์พรหมยมเรศทั้งแดนไตร พระไพรเจ้าป่าพนาลี
อันอยู่ทั่วทิพวิมาน ทุกห้วยธารเถื่อนถํ้าคีรีศรี
ทั้งองค์นางพระธรณี ข้านี้ขอฝากนางกัลยา
อันเป็นมเหสีทรงลักษณ์ ของพระหริรักษ์นาถา
ฝากแล้วจับศรศักดา บ่ายหน้าย่างเยื้องจรจรัล ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ เพลง

๏ เดินพลางพระทางหยุดอยู่ ดูพระพี่นางแล้วโศกศัลย์
ให้หนักอกหนักใจจาบัลย์ กลับมาอภิวันท์แล้วโศกี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ รื้อขืนอารมณ์ข่มจิต ทรงฤทธิ์ประณตบทศรี
ออกจากอรัญกุฎี จรลีไปตามมรคา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ