- คำนำ
- คำอธิบาย
- เนื้อเรื่องย่อ
- สมุดไทยเล่มที่ ๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๗
สมุดไทยเล่มที่ ๕๗
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสิทธิศักดิ์ยักษี |
ได้ยินเสียงสำเนียงโกลี | อสุรีลืมเนตรเห็นพระลักษมณ์ |
ยกพวกโยธาพลากร | ตามมาราญรอนหาญหัก |
ทำลายพิธีขุนยักษ์ | ลูกท้าวทศพักตร์ตะลึงไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | คำแหงหนุมานทหารใหญ่ |
ยืนอยู่ตรงหน้ารถชัย | ตบมือไยไพอสุรา |
เหวยเหวยดูกรอินทรชิต | ทะนงฤทธิ์อวดตัวว่าแกล้วกล้า |
ทำศึกดีแต่มารยา | ลอบลักลวงฆ่าราวี |
ไหนว่าจะยกพลไกร | ไปอยุธยาบุรีศรี |
อันถ้อยคำของท่านพาที | ดั่งหนึ่งสตรีมิใช่ชาย |
ไม่มีความอัปยศอดสู | แก่หมู่ไตรโลกทั้งหลาย |
ถ้าเอ็งรักตัวกลัวตาย | จงน้อมกายน้อมเศียรอสุรา |
กราบลงแทบเบื้องบาทบงสุ์ | น้องพระหริวงศ์นาถา |
พระองค์ผู้ทรงศักดา | จะประทานชีวาขุนมาร ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตฤทธิไกรใจหาญ |
ฟังวานรกล่าวเป็นคำพาล | โกรธดั่งเพลิงกาลมาจ่อใจ |
จึ่งผุดลุกขึ้นกระทืบบาท | พสุธาอากาศหวาดไหว |
เหม่เหม่ดูดู๋ไอ้ลิงไพร | เหตุใดมากล่าวอหังการ์ |
ลืมไปแล้วหรือไอ้วานร | แต่กลิ้งอยู่ด้วยกรยักษา |
เกลื่อนกลาดดาษพื้นพสุธา | ทั้งเจ้าทั้งข้าด้วยกัน |
หากได้พิเภกเป็นคู่คิด | หาไม่ชีวิตจะอาสัญ |
พวกมึงดั่งหนึ่งแมลงวัน | หรือจะครั่นมือกูผู้ฤทธี |
ว่าพลางกวัดแกว่งศรทรง | ไล่พวกจัตุรงค์ยักษี |
ให้เข้าหักโหมโจมตี | กับพลโยธีวานร ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งพวกพลมารชาญสมร |
ได้ฟังลูกท้าวยี่สิบกร | ต่างแผลงฤทธิรอนเข้าราวี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บ้างยิงบ้างแย้งแทงฟัน | พัลวันกับพวกกระบี่ศรี |
รับรองป้องกันในที | ต่างหนีต่างไล่วุ่นไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | โยธาวานรน้อยใหญ่ |
ผาดโผนโจนวับว่องไว | ทะลวงไล่รบรุกบุกบัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ลิงสิบจับยักษ์ร้อยตน | อลวนกลอกกลับดั่งจักรผัน |
บ้างตบกัดฟัดฟาดแทงฟัน | กุมภัณฑ์ตายกลาดดาษดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | จึ่งหมู่อสุรศักดิ์ยักษา |
ยิ่งตายยิ่งต้อนกันเข้ามา | ตีตอบโยธาวานร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พุ่งซัดอาวุธดั่งห่าฝน | ลางตนก็ยิงธนูศร |
ต่างกล้าต่างหาญราญรอน | ประจัญกรไม่ละลดกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | พวกพลกระบี่แข็งขัน |
วิ่งผลุนหมุนเข้าโรมรัน | โห่สนั่นครั่นครื้นสุธาธาร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ลางลิงฉวยชิงอาวุธยักษ์ | ไล่หักเอาด้วยกำลังหาญ |
ต่างตนฟันฟอนรอนราญ | พลมารตายแตกไม่สมประดี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสิทธิศักดิ์ยักษี |
เห็นวานรไล่ฆ่าโยธี | ต่างหนีอุตลุดวุ่นไป |
โกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน | กระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว |
จับวิษณุปาณัมศรชัย | พาดสายแผลงไปด้วยฤทธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นบรรพต | เป็นเพลิงกรดร้อนแรงแสงกล้า |
ต้องพลวานรมรณา | เกลื่อนกลาดดาษป่าพนาดอน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | น้องพระอวตารชาญสมร |
เห็นอินทรชิตฤทธิรอน | แผลงศรมาเป็นเพลิงกาล |
ต้องหมู่กระบี่รี้พล | วายชนม์สิ้นชีพสังขาร |
กลิ้งกลาดดาษพื้นสุธาธาร | ผ่านฟ้ากริ้วโกรธดั่งอัคคี |
จึ่งจับอัคนิวาตพาดสาย | หมายล้างอาวุธยักษี |
น้าวหน่วงด้วยกำลังฤทธี | น้องพระจักรีก็แผลงไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เปรี้ยงเปรี้ยงดั่งเสียงฟ้าฟาด | เกลื่อนกลาดไม่นับเล่มได้ |
เกิดเป็นห่าฝนดับไฟ | ไล่ล้างศรชัยอสุรา |
เป็นภัสมธุลีแหลกลง | แล้วไปต้ององค์ยักษา |
ติดเต็มทั่วทั้งกายา | ด้วยฤทธาน้องพระสี่กร |
บรรดาวานรที่วายชนม์ | ต้องฝนลมเกิดด้วยแสงศร |
ก็เป็นขึ้นด้วยกำลังฤทธิรอน | ตบกรโห่เย้ยอสุรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ลูกท้าวทศพักตร์ยักษี |
ต้องศรเจ็บทั่วทั้งอินทรีย์ | ร้อนดั่งอัคคีบรรลัยกัลป์ |
แล้วกระบี่เย้ยเยาะจำเพาะพักตร์ | ขุนยักษ์กริ้วโกรธตัวสั่น |
อุตส่าห์แข็งใจขบฟัน | ก็ร่ายพระเวทอันฤทธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ ครั้นถ้วนเจ็ดคาบก็เป่าลง | ลูบไปทั่วองค์ยักษา |
ศรนั้นก็หลุดดั่งจินดา | อสุราคิดแค้นแน่นใจ |
กระทืบบาทผาดแผลงสิงหนาท | พสุธาอากาศหวาดไหว |
โลดโผนโจนจ้วงทะลวงไป | เข้าไล่เข่นฆ่าวานร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ตีซ้ายป่ายขวาอุตลุด | สำแดงฤทธิรุทรดั่งไกรสร |
จนหน้ารถน้องพระสี่กร | โผนเข้าจับงอนด้วยฤทธี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี |
เห็นอินทรชิตอสุรี | ไล่ตีวานรเข้ามา |
พระกรกวัดแกว่งศรทรง | หวดไปต้ององค์ยักษา |
โจนจากรถแก้วแววฟ้า | ปีนขึ้นเหยียบบ่ากุมภัณฑ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สองจับสัประยุทธ์สับสน | อลวนกลอกกลับดังจักรผัน |
ต่างคล่องว่องไวด้วยกัน | ตีรันไม่ละลดกร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ลูกท้าวทศกัณฐ์ชาญสมร |
รับรองป้องปัดด้วยฤทธิรอน | แกว่งศรเข้าไล่ราวี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เท้าหนึ่งเหยียบเข่าพระอนุชา | มือขวานั้นเงื้อศรศรี |
เปลี่ยนท่าง่ารับกันในที | ต่างปัดต่างตีพัลวัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระลักษมณ์สุริย์วงศ์รังสรรค์ |
ต่อกรรอนรบกุมภัณฑ์ | ไล่รุกบุกบันประจัญบาน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ หวดด้วยพระแสงศรทรง | ต้ององค์อินทรชิตใจหาญ |
ซวนไปถูกเขาจักรวาล | เสียงสะท้านสะเทือนปัถพี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสิทธิศักดิ์ยักษี |
มิได้เจ็บชํ้าอินทรีย์ | อสุรีผุดลุกขึ้นยืนยัน |
จึงชักแสงศรนาคบาศ | อันมีอำนาจแผ่นดินลั่น |
ประนมกรเหนือเศียรกุมภัณฑ์ | อภิวันท์ร่ายเวทวิทยา |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพญาพิเภกยักษา |
เห็นลูกทศเศียรอสุรา | บูชานาคบาศพรหมาน |
จึ่งทูลน้องพระหริวงศ์ | ว่าองค์อินทรชิตใจหาญ |
จับศรนาคบาศชัยชาญ | อ่านเวทจะแผลงมาราวี |
พระองค์ผู้ทรงฤทธิรอน | จงระวังล้างศรยักษี |
ให้ยับเป็นภัสมธุลี | แม้นไม่ทันทีจะเสียการ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระลักษมณ์ผู้ปรีชาชาญ |
ได้ฟังพิเภกขุนมาร | ก็เตรียมการระวังปัจจามิตร |
จึ่งชักพลายวาตขึ้นพาดสาย | พระเนตรหมายจะล้างศรสิทธิ์ |
ของอสุรินทร์อินทรชิต | ทรงฤทธิ์เขม้นไม่วางตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษา |
ครั้นเสร็จอ่านเวทวิทยา | อสุราพาดสายแผลงไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สำเนียงเสียงดั่งลมกรด | บรรพตจักรวาลสะท้านไหว |
เป็นนาคาแผลงฤทธิไกร | เกลื่อนกลาดทั้งในอัมพร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | น้องพระหริรักษ์ชาญสมร |
แลเห็นอินทรชิตฤทธิรอน | วางศรมาเป็นนาคา |
แต่ละตัวสำแดงแผลงฤทธิ์ | พ่นพิษควันกลุ้มเวหา |
จึ่งน้าวหน่วงศิลป์ชัยอันศักดา | ผ่านฟ้าก็แผลงไปทันที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พลายวาตสำแดงฤทธิรุทร | กลายเป็นครุฑราชปักษี |
เกลื่อนกลาดถาบถาราวี | เข้าจิกนาคีวุ่นไป |
โฉบฉาบคาบคั้นนาคบาศ | ตายกลาดไม่ทนกำลังได้ |
ศรยักษ์พ่ายแพ้ด้วยฤทธิไกร | ละเอียดไปไม่ทันพริบตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ลูกท้าวทศพักตร์ยักษา |
เห็นศรพระลักษมณ์แผลงมา | เป็นพญาครุฑาฤทธิรอน |
ถาโถมโจมจับนาคบาศ | ทำอำนาจดั่งพญาไกรสร |
พ่ายแพ้ตายสิ้นในอัมพร | โกรธดั่งไฟฟอนจ่อใจ |
จึ่งชักพรหมาสตร์ศรทรง | ขององค์พระอิศวรประสาทให้ |
ทูลขึ้นเหนือเศียรเกล้าไว้ | สำรวมใจร่ายเวทวิทยา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพญาพิเภกยักษา |
แลเห็นลูกเจ้าลงกา | บูชาพรหมาสตร์อันเรืองฤทธิ์ |
จึ่งน้อมเศียรเกล้าบังคมทูล | น้องพระนเรนทร์สูรจักรกฤษณ์ |
บัดนี้อสุรินทร์อินทรชิต | ปลุกฤทธิ์พรหมาสตร์ศรชัย |
พระองค์จงระวังกายา | ล้างศิลป์อสุราเสียให้ได้ |
ตัวมันก็จะแพ้ฤทธิไกร | ด้วยไม่มีสิ่งใดจะโรมรัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระลักษมณ์สุริย์วงศ์รังสรรค์ |
ได้ฟังพิเภกกุมภัณฑ์ | ทรงธรรม์ชื่นชมยินดี |
จึ่งชักพรหมาสตร์มาพาดสาย | ตาหมายเขม้นดูยักษี |
หวังว่ามิให้เสียที | แก่ศรอสุรีพาลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตฤทธิไกรใจกล้า |
ครั้นเสร็จร่ายเวทวิทยา | อสุราก็ผาดแผลงไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เสียงสนั่นครั่นครื้นกึกก้อง | สะเทือนท้องจักรวาลเขาใหญ่ |
เป็นสรรพอาวุธเกรียงไกร | เต็มในอากาศด้วยฤทธี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี |
เห็นอินทรชิตอสุรี | แผลงศรศรีมาเป็นอาวุธ |
เกลื่อนกลาดดาษพื้นเมฆา | จะนับคณนาไม่สิ้นสุด |
จึ่งแผลงพรหมาสตร์ฤทธิรุทร | ไปล้างอาวุธกุมภัณฑ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เปรี้ยงเปรี้ยงดั่งเสียงอสุนี | ธาตรีสะเทือนเลื่อนลั่น |
เกิดเป็นพายุลมกัลป์ | พัดอาวุธนั้นละเอียดไป |
แล้วต้องม้ารถคชสาร | จัตุรงค์ทวยหาญน้อยใหญ่ |
ตายกลาดดาษป่าพนาลัย | สิ้นทั้งทัพชัยอสุรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษา |
เห็นศรแพ้ศรพระอนุชา | ให้เร่าร้อนวิญญาณ์ดั่งเพลิงกาล |
ยิ่งสลดระทดฤทัยนัก | ขุนยักษ์สุดสิ้นกำลังหาญ |
สิ้นทั้งอาวุธจะรอนราญ | สิ้นพวกพลมารจะต่อยุทธ์ |
ผู้เดียวสิ้นรู้สิ้นฤทธิ์ | สิ้นคิดหิวโหยเป็นที่สุด |
ครั้นจะอยู่ต่อด้วยมนุษย์ | ก็ต้องอาวุธลำบากใจ |
ชอกชํ้าเจ็บปวดทั้งอินทรีย์ | เห็นจะทานฤทธีนั้นไม่ได้ |
น่าที่จะม้วยบรรลัย | จำจะกลับเข้าไปยังลงกา |
ลาองค์สมเด็จพระบิตุเรศ | พระชนนีเกิดเกศเกศา |
สั่งนางสุวรรณกันยุมา | แล้วจะยกโยธามาราวี |
คิดพลางจับจักรฤทธิรงค์ | ทรงนามเมฆสูรเรืองศรี |
จบเหนือเศียรเกล้าเมาลี | เสร็จแล้วอสุรีก็ขว้างไป ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ สำเนียงดั่งลมเพชรหึง | อื้ออึงกัมปนาทหวาดไหว |
มืดมิดปิดดวงอโณทัย | ก็เหาะไปยังกรุงลงกา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระลักษมณ์สุริย์วงศ์นาถา |
ขึ้นศรจะล้างอสุรา | เห็นดินฟ้ามืดมัวไปทั่วทิศ |
ไม่ปรากฏกายกุมภัณฑ์ | ทรงธรรม์จึ่งมีประกาศิต |
ดูกรพิเภกผู้ร่วมคิด | เหตุใดอินทรชิตอสุรี |
รณรงค์กันอยู่แล้วไปไหน | จึ่งไม่เห็นกายยักษี |
หรือจะคิดกลศึกมาราวี | เรานี้ฉงนในวิญญาณ์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พญาพิเภกยักษา |
ได้ฟังพระราชบัญชา | อสุรากราบทูลสนองไป |
วันนี้อินทรชิตมาต่อยุทธ์ | พลสี่สิบสมุทรหาเหลือไม่ |
สิ้นทั้งอาวุธจะชิงชัย | เปลี่ยวใจสิ้นคิดขุนมาร |
จึ่งขว้างเมฆสูรจักรกรด | ให้บังบดซึ่งแสงสุริย์ฉาน |
ตัวมันไปโดยคัคนานต์ | คืนเข้าราชฐานลงกา |
หวังจะสั่งมารดาบิตุรงค์ | ญาติวงศ์ลูกเมียยักษา |
เสร็จแล้วจะยกโยธา | ออกมาเข่นฆ่าราวี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี |
ได้ฟังพิเภกอสุรี | ภูมีไม่ไว้วางใจ |
พระกรกุมศรพรหมาสตร์ | จะประมาทพระทัยก็หาไม่ |
คอยทีอยู่ที่จะชิงชัย | ระวังมิใคร่จะวางตา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายองค์อินทรชิตยักษา |
ครั้นถึงพิชัยลงกา | อสุราไปเฝ้าพระชนนี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โอ้ร่าย
๏ กราบลงกับเบื้องบทเรศ | ชลนัยน์นองเนตรยักษี |
อาดูรพูนเทวษพันทวี | อสุรีซบพักตร์กับบาทา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นางมณโฑเยาวยอดเสน่หา |
เห็นโอรสผู้ร่วมชีวา | โลหิตติดมาทั้งกาย |
ตระหนกตกใจด้วยความรัก | นงลักษณ์ตัวสั่นขวัญหาย |
สวมสอดกอดองค์พระลูกชาย | โฉมฉายจึ่งตรัสถามไป |
ตัวเจ้าสิทำพิธีการ | ยังเนินจักรวาลเขาใหญ่ |
แม่นี้เห็นเป็นประหลาดใจ | เหตุใดบาดเจ็บทั้งอินทรีย์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษี |
ได้ฟังสมเด็จพระชนนี | ชุลีกรสนองพระวาจา |
ลูกไปตั้งตบะชำระกาย | ยังเนินทรายจักรวาลภูผา |
ไม่ทันเสร็จกิจวิทยา | ข้าศึกนั้นตามไปรอนราญ |
ได้รบกับองค์พระลักษมณ์ | สงครามนั้นหนักหักหาญ |
พลสี่สิบสมุทรบรรลัยลาญ | ด้วยมือพวกพาลไพรี |
สิ้นสุดรถรัตน์อัสดร | อีกทั้งกุญชรราชสีห์ |
ต้องศรบาดเจ็บทั้งอินทรีย์ | ปิ้มว่าชีวีจะบรรลัย |
สิ้นฤทธิ์สิ้นคิดสิ้นอาวุธ | จะต่อกรมนุษย์นั้นไม่ได้ |
ผู้เดียวสุดที่จะชิงชัย | จึ่งหนีไพรีเข้ามา |
หวังจะลาบาทพระแม่เจ้า | อันบังเกิดเกล้าเกศา |
กับองค์สมเด็จพระบิดา | แล้วจะยกโยธาไปราวี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
โอ้
๏ เมื่อนั้น | นวลนางมณโฑมารศรี |
ได้ฟังเพียงสิ้นสมประดี | โศกีกอดองค์พระลูกรัก |
ชลนัยน์อาบพักตร์อัคเรศ | แสนเทวษพ่างเพียงอกหัก |
สองกรค่อนทรวงเข้าฮักฮัก | นงลักษณ์ครวญครํ่ารํ่าไร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าเจ้าดวงนัยนา | แม่บำรุงเลี้ยงมาจนใหญ่ |
มิให้ระคายเท่ายองใย | หวังจะได้สืบวงศ์พรหมาน |
เดิมทีแม่นี้ก็ได้ห้าม | ไม่ฟังความขืนอวดกำลังหาญ |
ออกไปต่อกรรอนราญ | ด้วยใจเป็นพาลอหังการ์ |
ทั้งนี้เพราะองค์พระบิตุเรศ | ฟังเหตุเชื่อสำมนักขา |
พระลักษมณ์พระรามจึ่งตามมา | เคี่ยวฆ่าสังหารราญรอน |
อินทรชิตลูกรักของแม่เอ๋ย | ทรามเชยจงงดอยู่ก่อน |
แม่จะขึ้นไปทูลพระบิดร | อ้อนวอนผ่อนปรนให้พ้นภัย |
รํ่าพลางพิศพักตร์พระโอรส | แสนระทดทอดถอนใจใหญ่ |
แสนทุกข์แสนโศกาลัย | อรไทเพียงสิ้นสมประดี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ แล้วพาลูกรักยุรยาตร | ลงจากปราสาทมณีศรี |
ขึ้นเฝ้าสมเด็จพระสามี | ในที่สิริไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงน้อมเศียรบังคมทูล | นเรนทร์สูรปิ่นภพยักษา |
ว่าอินทรชิตอสุรา | ยกพลโยธาพลากร |
ออกไปตั้งกิจพิธีการ | ยังเนินจักรวาลสิงขร |
พระลักษมณ์กับพวกวานร | ตามไปราญรอนถึงบรรพต |
ยกเข้าหักโหมโจมตี | ทำลายพิธีเสียได้หมด |
สิ้นทั้งคชาม้ารถ | ทั้งทศโยธาก็วายปราณ |
แต่ลูกรักผู้เดียวเคี่ยวฆ่า | สุดปัญญาจะต่อกำลังหาญ |
สิ้นสุดอาวุธจะรอนราญ | ปิ้มเสียชนมานแก่ไพรี |
จึ่งกลับเข้ามาบังคมบาท | พระบิตุรงค์ธิราชเรืองศรี |
พระองค์ผู้ทรงธรณี | ใช่ที่จะไร้อนงค์ใน |
อย่าพะวงด้วยสีดาโฉมงาม | ผัวเขามาตามจงส่งให้ |
สงครามก็จะระงับไป | ลูกเราจะไม่มรณา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา |
ได้ฟังองค์อัครชายา | จะให้ส่งสีดายุพาพาล |
ความโกรธความแค้นนั้นสุดคิด | ดั่งเอาปืนพิษมาสังหาร |
ปักลงที่ทรวงพญามาร | จึ่งมีโองการตรัสไป |
ดูดู๋มนโฑเทวี | ควรหรือพาทีฉะนี้ได้ |
จะให้ส่งสีดาอรไท | ด้วยใจเกียดกันฉันทา |
เจ้ากลัวจะเรียงเคียงพักตร์ | จึ่งแค้นนักเคียดขึ้งหึงสา |
ช่างอุบายถ่ายเทด้วยมารยา | เจรจาให้เห็นเป็นว่าดี |
ใช่เราเป็นคนโง่เง่า | จะไม่รู้ทันเท่าโฉมศรี |
อันนางสีดานารี | ดั่งดวงชีวีดวงใจ |
มาตรแม้นถึงพรหมลิขิต | สู้เสียชีวิตไม่ส่งให้ |
รักลูกจงเชิญลูกไว้ | ตัวกูจะไปรอนราญ ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางมณโฑเยาวยอดสงสาร |
เห็นพระองค์กริ้วโกรธดั่งเพลิงกาล | เยาวมาลย์เพียงสิ้นชีวัน |
ชลนัยน์ไหลอาบพักตรา | สุดปัญญาที่จะคิดผ่อนผัน |
แสนโศกโศกาจาบัลย์ | กัลยาไม่เป็นสมประดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษี |
เห็นพระมารดาโศกี | ชุลีกรกราบบาทแล้วทูลไป |
ตัวลูกเกิดมาเป็นชายชาญ | จะกลัวการสงครามกระไรได้ |
ถึงกรรมแล้วจำจะบรรลัย | ไม่คิดเสียดายชีวา |
มาตรแม้นถึงตายจะไว้ยศ | ให้ปรากฏเกียรติไปภายหน้า |
ลูกรักจะถวายบังคมลา | พระมารดาอย่าทรงโศกี |
ขอฝากยามลิวันกันยุเวก | เอกองค์หลานน้อยทั้งสองศรี |
กับสุวรรณกันยุมาเทวี | ทั้งอนงค์นารีกำนัลใน |
ผิดพลั้งจงช่วยสั่งสอน | พระมารดรโปรดเกล้าเอาใจใส่ |
ทั้งศฤงคารบริวารข้าไท | ขอถวายไว้ใต้บาทา |
สั่งแล้วน้อมเศียรบังคมทูล | นเรนทร์สูรบิตุเรศยักษา |
ตัวลูกก็เป็นชาติอาชา | จะกลัวมรณาอย่าพึงคิด |
อันซึ่งเกิดมาเป็นรูปกาย | ไม่เว้นตายด้วยพรหมลิขิต |
จะอาสาพระองค์ทรงฤทธิ์ | กว่าจะสิ้นชีวิตในครั้งนี้ |
ขอฝากสมเด็จพระมารดา | ของข้าไว้ใต้บทศรี |
ภายหลังจงได้ปรานี | อย่าให้มีราคีภัยพาล ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทศเศียรสุริย์วงศ์ใจหาญ |
ฟังโอรสร่วมชนมาน | ดั่งสุธาธารทิพย์มารดกาย |
พักตร์ผ่องเพียงดวงจันทรา | ที่กริ้วโกรธานั้นสูญหาย |
สวมสอดกอดองค์พระลูกชาย | สายสวาทของพ่อผู้ยอดรัก |
ตัวเจ้าก็ทรงอานุภาพ | ปราบไปได้ทั่วทั้งไตรจักร |
แต่โกสีย์ที่มีฤทธิ์นัก | ยังหักเสียได้ด้วยเดชา |
ทำไมกับมนุษย์เดินดิน | กับพวกพานรินทร์กระบี่ป่า |
ไหนจะต้านทานกรของลูกยา | ไม่ช้าก็จะม้วยบรรลัย |
ว่าแล้วจึ่งองค์พญามาร | หยิบศรสุรกานต์ประทานให้ |
ศรนี้เลิศลบภพไตร | ผู้ใดไม่ต้านทานฤทธิ์ |
ขององค์สมเด็จพระอัยกา | ผ่านฟ้าปราบได้ถึงดุสิต |
เจ้าอย่าเกรงมือปัจจามิตร | เร่งคิดออกไปราวี |
ฆ่าเสียให้สิ้นเสี้ยนศึก | ซึ่งห้าวฮึกดูหมิ่นยักษี |
ให้ปรากฏเกียรติไว้ในธาตรี | ศรีสวัสดิ์จงมีแก่ลูกยา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษา |
รับศรกับพรพระบิดา | ด้วยเกรงอาชญาก็จำใจ |
พิศพักตร์สมเด็จพระชนนี | อสุรีทอดถอนใจใหญ่ |
ถวายบังคมลาคลาไคล | ไปยังปราสาทอลงกรณ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
โอ้
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ | ในห้องทิพมาศประภัสสร |
นั่งแนบแอบองค์บังอร | ทอดถอนฤทัยอาลัยนัก |
ชลนัยน์คลอคลองนองเนตร | แสนเทวษพ่างเพียงอกหัก |
สวมสอดกอดองค์นงลักษณ์ | พิศพักตร์แล้วมีวาที |
ดูกรสุวรรณกันยุมา | แก้วตาแสนสุดสวาทพี่ |
วันนี้อริราชไพรี | ยกพวกกระบี่ไปราญรอน |
ทำลายล้างกิจพิธีการ | ถึงเนินจักรวาลสิงขร |
สังหารโยธาพลากร | ตายยับซับซ้อนทั้งทัพชัย |
ตัวพี่ผู้เดียวออกต่อยุทธ์ | จนสิ้นอาวุธหาเหลือไม่ |
ต้องศรมนุษย์วุฒิไกร | ยับไปทั่วทั้งกายา |
เข้ามาหวังว่าจะสั่งเจ้า | ยุพเยาว์ผู้ยอดเสน่หา |
จำเป็นจำจากวนิดา | แก้วตาค่อยอยู่จงดี |
อุตส่าห์เลี้ยงสองโอรสราช | อย่าประมาทหลงลืมคำพี่ |
ฝากกายพระชนกชนนี | อย่าให้มีราคีแผ้วพาน |
โอ้ว่าตั้งแต่จะแลลับ | เหมือนเดือนดับอับแสงสุริย์ฉาน |
ขอฝากฝูงสนมบริวาร | เยาวมาลย์จงได้เมตตา |
ว่าพลางอุ้มสองพระลูกรัก | ขึ้นไว้เหนือตักยักษา |
จุมพิตพิศพักตร์แล้วโศกา | ดั่งว่าจะสิ้นสมประดี ฯ |
ฯ ๑๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณกันยุมาโฉมศรี |
ได้ฟังพระราชสามี | เทวีตระหนกตกใจ |
ซบพักตร์สะอื้นแสนเทวษ | ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
กอดข้อพระบาทเข้าไว้ | อรไทรำพันโศกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระจอมมงกุฎเมือง | เรืองเดชปราบได้ทุกทิศา |
แต่โกสีย์เป็นเจ้าแก่เทวา | ยังว่าไม่ต้านทานฤทธิ์ |
ครั้งนี้ควรหรือมาเสียที | แต่กระบี่มนุษย์กระจิหริด |
จนถึงสุดสิ้นชีวิต | คิดเห็นเป็นน่าอนาถใจ |
พระทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ย | กรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้ |
จะผินพักตร์ไปพึ่งผู้ใด | เหมือนองค์ภูวไนยเลี้ยงมา |
แต่นี้จะแสนทุกข์ทุกคํ่าเช้า | จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าโทมนัสสา |
เคยเฝ้ามิได้เฝ้าบาทา | จะมีแต่โศกาอาวรณ์ |
จะหาไหนได้เหมือนพระทรงฤทธิ์ | หนักเบาชอบผิดช่วยสั่งสอน |
พระคุณพ่างเพียงบิดร | สว่างร้อนร่มเกล้าเมาลี |
พระองค์จงทรงพระเมตตา | โปรดข้าผู้รองบทศรี |
งดอยู่สักสามราตรี | อย่าเพ่อกรีพลออกราญรอน |
กว่าจะสิ้นที่พระเคราะห์ร้าย | ซึ่งโหรทำนายไว้แต่ก่อน |
จึ่งยกโยธาพลากร | ไปราญรอนข้าศึกให้มรณา |
ตัวข้าจะได้พึ่งบาทบงสุ์ | องค์พระลูกเจ้าไปภายหน้า |
รํ่าพลางทางทรงโศกา | กัลยาเพียงสิ้นสมประดี ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | ฝูงนางกำนัลสาวศรี |
เห็นสองกษัตริย์ทรงโศกี | ด้วยจะสิ้นชีวีจากกัน |
บรรดาอนงค์นางใน | ตกใจหน้าซีดไม่มีขวัญ |
ตีอกโศกาจาบัลย์ | รำพันรํ่ารักอสุรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระหน่อสุริย์วงศ์ | พงศ์พรหมธิราชนาถา |
พระเดชเคยปกเกศมา | ดั่งฉัตรรัตนาอลงกรณ์ |
อกเอ๋ยจะพึ่งผู้ใดเล่า | ให้ร่มเกล้าเหมือนองค์พระทรงศร |
จะแสนทุกข์แสนเทวษอาวรณ์ | แสนโศกเร่าร้อนไม่รู้วาย |
ตั้งแต่วันนี้จะแลลับ | ประทีปแก้วจะดับสูญหาย |
น่าที่จะกระจัดพลัดพราย | ไม่มีสิ่งสบายสักนาที |
ทีนี้เวียงวังจะเย็นเยียบ | สงัดเงียบพิณพาทย์ดีดสี |
จะมีแต่แสนโศกโศกี | อึงมี่ไม่เว้นเวลา |
ยามกินจะกินแต่ชลเนตร | พูนเทวษเศร้าโทมนัสสา |
รํ่าพลางกลิ้งเกลือกโศกา | ดั่งว่าจะสิ้นสมประดี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษี |
เห็นองค์อัครราชเทวี | กับสนมนารีรํ่าไร |
ความทุกข์ความอาลัยนั้นสุดคิด | ร้อนจิตดั่งหนึ่งเพลิงไหม้ |
สวมสอดกอดนางเข้าไว้ | รับขวัญปลอบไปด้วยวาจา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าอย่าโศกาอาวรณ์ | ทุกข์ร้อนนักเลยฟังพี่ว่า |
บรรดาที่สัตว์เกิดมา | น่าที่ไม่พ้นความตาย |
แต่เขาพระเมรุอันสูงสุด | เป็นมงกุฎหลักโลกทั้งหลาย |
ต้องบรรลัยกัลป์อันตราย | ย่อมแตกทำลายไปเหมือนกัน |
ตัวเราเป็นวงศ์พรหเมศ | เลื่องชื่อลือเดชทั้งสรวงสวรรค์ |
สู้ตายไม่เสียดายชีวัน | ขวัญเมืองค่อยอยู่สวัสดี |
เจ้าจงรักอายเสียดายหน้า | จำคำพี่ว่านะโฉมศรี |
ทั้งฝูงอนงค์นารี | อย่าให้มีราคีติดไป |
ว่าพลางลูบหลังนงลักษณ์ | พิศพักตร์ทอดถอนใจใหญ่ |
ให้พะวงด้วยอนงค์นางใน | อาลัยพูนเพิ่มพันทวี |
กลับคิดมานะฮึกหาญ | ด้วยอหังการยักษี |
ขืนใจเสด็จจรลี | ออกมาจากที่ไสยา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ | พร้อมเสนามาตย์ซ้ายขวา |
จึ่งมีพระราชบัญชา | สั่งกาลจักรกุมภัณฑ์ |
จงจัดม้ารถคชสาร | พลมารเรี่ยวแรงแข็งขัน |
สรรพด้วยอาวุธครบครัน | ให้ทันศุภฤกษ์นาที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งกาลจักรยักษี |
รับสั่งถวายอัญชุลี | อสุรีก็รีบออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ประถม
ยานี
๏ เกณฑ์หมู่ทหารชาญณรงค์ | สี่หมู่อาจองแกล้วกล้า |
ขุนช้างขี่ช้างชนะงา | ขุนม้าขี่ม้าอัสดร |
ขุนรถก็ขี่รถศึก | เทียมโตโคถึกไกรสร |
ขุนพลตรวจพลนิกร | ตีต้อนขับไล่กันวุ่นวาย |
ได้แต่ตัวนายไพร่หลบ | บ้างพบแต่ไพร่นายหาย |
พลมารซุกซอนซ่อนกาย | กลัวตายไม่อาจไปประจญ |
บ้างฉุดแม่ยายลูกเมียมา | ตีด่าเร่งกันกุลาหล |
จึ่งครบตามที่บาญชีพล | อลวนคอยท่าเสด็จจร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสุริย์วงศ์ทรงศร |
ครั้นเสร็จซึ่งจัดพลากร | บทจรมาสรงชลธาร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ให้ไขท่อแก้วปทุมทอง | นํ้าทิพย์เป็นละอองหอมหวาน |
สุคนธ์ปนปรุงสุมามาลย์ | สนับเพลาก้านกระหนกนกกลาย |
ภูษาโขมพัสตร์พื้นแดง | เครือแย่งทองประสานฉานฉาย |
ชายไหวชายแครงสะบัดปลาย | ฉลององค์เป็นลายรูปสุบรรณ |
เกราะแก้วสุรกานต์โชติช่วง | รัดอกเพชรพวงดวงกุดั่น |
ตาบทิศทับทรวงสังวาลวัลย์ | ทองกรมังกรพันพาหุรัด |
ธำมรงค์เรือนเก็จเพชรเหลือง | อร่ามเรืองรายถ้วนนิ้วพระหัตถ์ |
ทรงมหามงกุฎดอกไม้ทัด | กรรเจียกแก้วจำรัสอลงกรณ์ |
พิศทรงดั่งองค์เทวราช | งามลํ้าประหลาดกว่าแต่ก่อน |
พระหัตถ์จับศรสิทธิ์ฤทธิรอน | บทจรไปเฝ้าพระมารดา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงน้อมเศียรบังคมบาท | พระชนนีธิราชยักษา |
ทูลว่าลูกรักจักขอลา | ยกหมู่โยธาพลากร |
ออกไปรณรงค์ด้วยพวกพาล | ยังเนินจักรวาลสิงขร |
พระองค์ค่อยอยู่สถาวร | อย่าทุกข์ร้อนโศกาอาลัย |
อันตัวของลูกครั้งนี้ | ที่จะรอดชีวีนั้นหาไม่ |
แม้นได้ประมาทสิ่งใด | ให้เคืองใต้เบื้องบาทา |
ด้วยกายวาจามโนกรรม | ซึ่งจะนำให้ทุกข์ไปภายหน้า |
พระแม่เจ้าจงได้เมตตา | อย่าให้มีเวราแก่ลูกรัก |
ทูลพลางสะท้อนถอนใจ | อาลัยพ่างเพียงอกหัก |
ชลนัยน์ไหลลงอาบพักตร์ | ขุนยักษ์แสนโศกโศกี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นวลนางมณโฑมารศรี |
เห็นลูกรักร่วมชีวี | พาทีโศกาอาลัย |
ให้เร่าร้อนฤทัยดั่งไฟพิษ | ปิ้มจะสิ้นชีวิตลงด้วยได้ |
สวมสอดกอดลูกเข้าไว้ | สะอื้นไห้ครวญครํ่ารำพัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ นิจจาเอ๋ยเจ้าดวงนัยน์เนตร | จอมเกศของแม่เฉลิมขวัญ |
เวราสิ่งใดมาตามทัน | ให้พลัดพรากจากกันอนาถนัก |
เสียแรงเป็นวงศ์พรหมินทร์ | เลื่องชื่อลือสิ้นทั้งไตรจักร |
ไม่ได้อยู่สืบสุริย์วงศ์ยักษ์ | มาตายด้วยปรปักษ์ปัจจามิตร |
ควรหรือสมเด็จพระบิดา | แม่ว่าโดยดีเอาเป็นผิด |
จำให้เจ้าสิ้นชีวิต | สุดคิดแม่แล้วในครั้งนี้ |
เสียดายพิภพอสุรินทร์ | จะเสื่อมสิ้นวงศายักษี |
รํ่าพลางกอดลูกเข้าโศกี | ดั่งหนึ่งชีวีจะมรณา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษา |
เห็นองค์สมเด็จพระมารดา | โศกาครวญครํ่ารำพัน |
ให้เป็นห่วงบ่วงใยอาลัยนัก | เพียงจักสิ้นชีพอาสัญ |
เร่าร้อนฤทัยดั่งไฟกัลป์ | กุมภัณฑ์อุตส่าห์แข็งใจ |
ทูลว่าพระองค์อย่าทุกข์ร้อน | อาวรณ์นักเลยหาควรไม่ |
ลูกนี้จะกราบลาไป | ชิงชัยด้วยราชไพรี |
แม้นว่าบุญมีไม่มรณา | จะกลับมารองเบื้องบทศรี |
ทูลแล้วย่างเยื้องจรลี | จากที่ปราสาทพระมารดร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | นางสุวรรณกันยุมาดวงสมร |
กับฝูงอนงค์นิกร | อาวรณ์วิ่งตามเสด็จไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ งามดั่งฝูงนางราชหงส์ | อันลงจากจิตรกูฏเขาใหญ่ |
ต่างตนเข้ากอดพระบาทไว้ | ร้องไห้ว่าวอนอสุรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ กันยุมาว่าโอ้พระยอดรัก | จงผินพักตร์ดูข้าบทศรี |
มาทิ้งเมียไว้ผู้เดียวนี้ | จะมีแต่สิ่งเดือดร้อน |
พระองค์จงเอาพระแสงขรรค์ | มาพิฆาตฟาดฟันเมียเสียก่อน |
จึ่งค่อยยกโยธาพลากร | ออกไปราญรอนด้วยพวกภัย |
กำนัลว่าโอ้พระปิ่นเกล้า | ถึงตายแล้วเกิดเล่าไม่หาได้ |
บำรุงเลี้ยงข้าทั้งนี้ไว้ | ไม่มีลำเอียงให้เสียธรรม์ |
มาตรแม้นถึงผิดก็สั่งสอน | ให้ถาวรเป็นสุขเกษมสันต์ |
แก้วแหวนเงินทองรางวัล | ให้ถ้วนหน้ากันด้วยเมตตา |
กันยุมาว่าโอ้ครั้งนี้ | จะมีแต่เศร้าโทมนัสสา |
สงสารทั้งสองพระลูกยา | จะเป็นกำพร้าพระบิดร |
จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าสร้อยละห้อยใจ | ไม่มีผู้ใดจะสั่งสอน |
ยามกินจะกลับเป็นยามนอน | แม่ลูกทุกข์ร้อนไม่วายวัน |
นางสนมว่าโอ้พระสุริย์วงศ์ | พงศ์พรหมธิราชรังสรรค์ |
จะทิ้งข้าผู้เป็นกำนัล | ให้พากันทนทุกข์ทุกข์ใจ |
ตั้งแต่วันนี้จะไกลบาท | แสนอนาถเพียงเลือดตาไหล |
รํ่าพลางต่างโศกาลัย | ไม่เป็นสติสมประดี ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษี |
เห็นสุวรรณกันยุมาเทวี | กับสนมนารีมารํ่าไร |
ให้สลดระทดพระทัยนัก | ความรักมิใคร่จะจากได้ |
กลับมาสวมกอดนางไว้ | รับขวัญปลอบไปด้วยวาจา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ สุดเอยสุดสวาท | นุชนาฏผู้ยอดเสน่หา |
อย่าแสนโศกนักเลยนะแก้วตา | ฟังคำพี่ว่าเถิดน้องรัก |
เป็นกรรมแล้วจำจะพลัดพราก | จากกันครั้งนี้เพียงอกหัก |
ให้เป็นห่วงหน่วงใจอาลัยนัก | ด้วยนงลักษณ์ของพี่ทุกนางใน |
ค่อยปกป้องครองกันจงดี | อย่าให้มีราคีสิ่งใดได้ |
ตัวพี่จะลาเจ้าไป | ดวงใจค่อยอยู่สถาวร ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ สั่งแล้วเสด็จยุรยาตร | ดั่งองค์เทวราชชาญสมร |
ออกจากสุรางค์นิกร | บทจรขึ้นรถมณี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ กราว
๏ จึ่งให้เลิกจัตุรงค์ทวยหาญ | แสนเสนามารยักษี |
บ่ายหน้าไปทิศหรดี | โดยนาทีฤกษ์ยาตรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ร่าย
๏ ครั้นออกนอกทวารพระนิเวศน์ | เหลือบแลแปรเนตรซ้ายขวา |
เห็นปราสาทแก้วแววฟ้า | ของพระบิดามารดร |
งามเพียงไพชยนต์พิมานมาศ | โอภาสจำรัสประภัสสร |
คิดถึงสองกษัตริย์แล้วอาวรณ์ | จึ่งยอกรเหนือเกล้าเมาลี |
โอ้ว่าตั้งแต่จะแลลับ | มิได้กลับมารองบทศรี |
พระองค์จงอยู่สวัสดี | ข้าบาทนี้ขอบังคมลา |
อกเอ๋ยแม้นหาลูกไม่ | จะใช้ใครให้ออกไปเข่นฆ่า |
จะต้องร้อนถึงองค์พระบิดา | ยกพวกโยธาออกโรมรัน |
โอ้ว่าสงสารพระแม่เจ้า | จะอาวรณ์ร้อนเร่าโศกศัลย์ |
จะทุกข์ตรอมผอมเพียงสิ้นชีวัน | ด้วยพระทัยอันกรุณาลูกรัก |
ทั้งสุวรรณกันยุมาเทวี | จะโศกีพ่างเพียงอกหัก |
รํ่าพลางรีบเร่งพลยักษ์ | ผันพักตร์ไปตามมรคา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นออกมานอกนคเรศ | พูนเทวษเศร้าโทมนัสสา |
ให้เปลี่ยวเปล่าเยือกเย็นในอุรา | ดั่งมาแต่องค์อสุรี |
อันโลทันซึ่งขับราชรถ | ก็ปรากฏเป็นเพศกระบี่ศรี |
ไกรสรกลับกลายอินทรีย์ | เป็นหน้าพาชีทุกตัวไป |
ทั้งพระพายก็พัดสกัดหน้า | เสียงโยธาโห่ดั่งร้องไห้ |
แร้งกาโฉบฉาบธงชัย | กลาบาตตกในหน้ารถ |
หมู่วิหคจับเจ่าเหงาสงัด | สารพัดเป็นลางประหลาดหมด |
บรรดาเครื่องสูงสำหรับยศ | ก็ปรากฏรุ่งโรจน์ดั่งเปลวควัน |
ขุนมารครั้นเห็นนิมิต | ตะลึงคิดวิตกอกสั่น |
จนล่วงเขตเข้าสัตภัณฑ์ | ถึงเนินบรรพตจักรวาล ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ จึ่งให้หยุดจตุรงคโยธา | แสนสุรเสนาทวยหาญ |
ตั้งลงริมแนวนทีธาร | เหนือลานทรายแก้วอลงกรณ์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ