สมุดไทยเล่มที่ ๕๗

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสิทธิศักดิ์ยักษี
ได้ยินเสียงสำเนียงโกลี อสุรีลืมเนตรเห็นพระลักษมณ์
ยกพวกโยธาพลากร ตามมาราญรอนหาญหัก
ทำลายพิธีขุนยักษ์ ลูกท้าวทศพักตร์ตะลึงไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น คำแหงหนุมานทหารใหญ่
ยืนอยู่ตรงหน้ารถชัย ตบมือไยไพอสุรา
เหวยเหวยดูกรอินทรชิต ทะนงฤทธิ์อวดตัวว่าแกล้วกล้า
ทำศึกดีแต่มารยา ลอบลักลวงฆ่าราวี
ไหนว่าจะยกพลไกร ไปอยุธยาบุรีศรี
อันถ้อยคำของท่านพาที ดั่งหนึ่งสตรีมิใช่ชาย
ไม่มีความอัปยศอดสู แก่หมู่ไตรโลกทั้งหลาย
ถ้าเอ็งรักตัวกลัวตาย จงน้อมกายน้อมเศียรอสุรา
กราบลงแทบเบื้องบาทบงสุ์ น้องพระหริวงศ์นาถา
พระองค์ผู้ทรงศักดา จะประทานชีวาขุนมาร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตฤทธิไกรใจหาญ
ฟังวานรกล่าวเป็นคำพาล โกรธดั่งเพลิงกาลมาจ่อใจ
จึ่งผุดลุกขึ้นกระทืบบาท พสุธาอากาศหวาดไหว
เหม่เหม่ดูดู๋ไอ้ลิงไพร เหตุใดมากล่าวอหังการ์
ลืมไปแล้วหรือไอ้วานร แต่กลิ้งอยู่ด้วยกรยักษา
เกลื่อนกลาดดาษพื้นพสุธา ทั้งเจ้าทั้งข้าด้วยกัน
หากได้พิเภกเป็นคู่คิด หาไม่ชีวิตจะอาสัญ
พวกมึงดั่งหนึ่งแมลงวัน หรือจะครั่นมือกูผู้ฤทธี
ว่าพลางกวัดแกว่งศรทรง ไล่พวกจัตุรงค์ยักษี
ให้เข้าหักโหมโจมตี กับพลโยธีวานร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งพวกพลมารชาญสมร
ได้ฟังลูกท้าวยี่สิบกร ต่างแผลงฤทธิรอนเข้าราวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บ้างยิงบ้างแย้งแทงฟัน พัลวันกับพวกกระบี่ศรี
รับรองป้องกันในที ต่างหนีต่างไล่วุ่นไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น โยธาวานรน้อยใหญ่
ผาดโผนโจนวับว่องไว ทะลวงไล่รบรุกบุกบัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ลิงสิบจับยักษ์ร้อยตน อลวนกลอกกลับดั่งจักรผัน
บ้างตบกัดฟัดฟาดแทงฟัน กุมภัณฑ์ตายกลาดดาษดา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น จึ่งหมู่อสุรศักดิ์ยักษา
ยิ่งตายยิ่งต้อนกันเข้ามา ตีตอบโยธาวานร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พุ่งซัดอาวุธดั่งห่าฝน ลางตนก็ยิงธนูศร
ต่างกล้าต่างหาญราญรอน ประจัญกรไม่ละลดกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น พวกพลกระบี่แข็งขัน
วิ่งผลุนหมุนเข้าโรมรัน โห่สนั่นครั่นครื้นสุธาธาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ลางลิงฉวยชิงอาวุธยักษ์ ไล่หักเอาด้วยกำลังหาญ
ต่างตนฟันฟอนรอนราญ พลมารตายแตกไม่สมประดี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสิทธิศักดิ์ยักษี
เห็นวานรไล่ฆ่าโยธี ต่างหนีอุตลุดวุ่นไป
โกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว
จับวิษณุปาณัมศรชัย พาดสายแผลงไปด้วยฤทธา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นบรรพต เป็นเพลิงกรดร้อนแรงแสงกล้า
ต้องพลวานรมรณา เกลื่อนกลาดดาษป่าพนาดอน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น น้องพระอวตารชาญสมร
เห็นอินทรชิตฤทธิรอน แผลงศรมาเป็นเพลิงกาล
ต้องหมู่กระบี่รี้พล วายชนม์สิ้นชีพสังขาร
กลิ้งกลาดดาษพื้นสุธาธาร ผ่านฟ้ากริ้วโกรธดั่งอัคคี
จึ่งจับอัคนิวาตพาดสาย หมายล้างอาวุธยักษี
น้าวหน่วงด้วยกำลังฤทธี น้องพระจักรีก็แผลงไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เปรี้ยงเปรี้ยงดั่งเสียงฟ้าฟาด เกลื่อนกลาดไม่นับเล่มได้
เกิดเป็นห่าฝนดับไฟ ไล่ล้างศรชัยอสุรา
เป็นภัสมธุลีแหลกลง แล้วไปต้ององค์ยักษา
ติดเต็มทั่วทั้งกายา ด้วยฤทธาน้องพระสี่กร
บรรดาวานรที่วายชนม์ ต้องฝนลมเกิดด้วยแสงศร
ก็เป็นขึ้นด้วยกำลังฤทธิรอน ตบกรโห่เย้ยอสุรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ลูกท้าวทศพักตร์ยักษี
ต้องศรเจ็บทั่วทั้งอินทรีย์ ร้อนดั่งอัคคีบรรลัยกัลป์
แล้วกระบี่เย้ยเยาะจำเพาะพักตร์ ขุนยักษ์กริ้วโกรธตัวสั่น
อุตส่าห์แข็งใจขบฟัน ก็ร่ายพระเวทอันฤทธา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ ครั้นถ้วนเจ็ดคาบก็เป่าลง ลูบไปทั่วองค์ยักษา
ศรนั้นก็หลุดดั่งจินดา อสุราคิดแค้นแน่นใจ
กระทืบบาทผาดแผลงสิงหนาท พสุธาอากาศหวาดไหว
โลดโผนโจนจ้วงทะลวงไป เข้าไล่เข่นฆ่าวานร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ตีซ้ายป่ายขวาอุตลุด สำแดงฤทธิรุทรดั่งไกรสร
จนหน้ารถน้องพระสี่กร โผนเข้าจับงอนด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
เห็นอินทรชิตอสุรี ไล่ตีวานรเข้ามา
พระกรกวัดแกว่งศรทรง หวดไปต้ององค์ยักษา
โจนจากรถแก้วแววฟ้า ปีนขึ้นเหยียบบ่ากุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ สองจับสัประยุทธ์สับสน อลวนกลอกกลับดังจักรผัน
ต่างคล่องว่องไวด้วยกัน ตีรันไม่ละลดกร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ลูกท้าวทศกัณฐ์ชาญสมร
รับรองป้องปัดด้วยฤทธิรอน แกว่งศรเข้าไล่ราวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เท้าหนึ่งเหยียบเข่าพระอนุชา มือขวานั้นเงื้อศรศรี
เปลี่ยนท่าง่ารับกันในที ต่างปัดต่างตีพัลวัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์สุริย์วงศ์รังสรรค์
ต่อกรรอนรบกุมภัณฑ์ ไล่รุกบุกบันประจัญบาน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ หวดด้วยพระแสงศรทรง ต้ององค์อินทรชิตใจหาญ
ซวนไปถูกเขาจักรวาล เสียงสะท้านสะเทือนปัถพี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสิทธิศักดิ์ยักษี
มิได้เจ็บชํ้าอินทรีย์ อสุรีผุดลุกขึ้นยืนยัน
จึงชักแสงศรนาคบาศ อันมีอำนาจแผ่นดินลั่น
ประนมกรเหนือเศียรกุมภัณฑ์ อภิวันท์ร่ายเวทวิทยา

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพญาพิเภกยักษา
เห็นลูกทศเศียรอสุรา บูชานาคบาศพรหมาน
จึ่งทูลน้องพระหริวงศ์ ว่าองค์อินทรชิตใจหาญ
จับศรนาคบาศชัยชาญ อ่านเวทจะแผลงมาราวี
พระองค์ผู้ทรงฤทธิรอน จงระวังล้างศรยักษี
ให้ยับเป็นภัสมธุลี แม้นไม่ทันทีจะเสียการ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ผู้ปรีชาชาญ
ได้ฟังพิเภกขุนมาร ก็เตรียมการระวังปัจจามิตร
จึ่งชักพลายวาตขึ้นพาดสาย พระเนตรหมายจะล้างศรสิทธิ์
ของอสุรินทร์อินทรชิต ทรงฤทธิ์เขม้นไม่วางตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษา
ครั้นเสร็จอ่านเวทวิทยา อสุราพาดสายแผลงไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ สำเนียงเสียงดั่งลมกรด บรรพตจักรวาลสะท้านไหว
เป็นนาคาแผลงฤทธิไกร เกลื่อนกลาดทั้งในอัมพร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น น้องพระหริรักษ์ชาญสมร
แลเห็นอินทรชิตฤทธิรอน วางศรมาเป็นนาคา
แต่ละตัวสำแดงแผลงฤทธิ์ พ่นพิษควันกลุ้มเวหา
จึ่งน้าวหน่วงศิลป์ชัยอันศักดา ผ่านฟ้าก็แผลงไปทันที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ พลายวาตสำแดงฤทธิรุทร กลายเป็นครุฑราชปักษี
เกลื่อนกลาดถาบถาราวี เข้าจิกนาคีวุ่นไป
โฉบฉาบคาบคั้นนาคบาศ ตายกลาดไม่ทนกำลังได้
ศรยักษ์พ่ายแพ้ด้วยฤทธิไกร ละเอียดไปไม่ทันพริบตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ลูกท้าวทศพักตร์ยักษา
เห็นศรพระลักษมณ์แผลงมา เป็นพญาครุฑาฤทธิรอน
ถาโถมโจมจับนาคบาศ ทำอำนาจดั่งพญาไกรสร
พ่ายแพ้ตายสิ้นในอัมพร โกรธดั่งไฟฟอนจ่อใจ
จึ่งชักพรหมาสตร์ศรทรง ขององค์พระอิศวรประสาทให้
ทูลขึ้นเหนือเศียรเกล้าไว้ สำรวมใจร่ายเวทวิทยา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ ตระ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพญาพิเภกยักษา
แลเห็นลูกเจ้าลงกา บูชาพรหมาสตร์อันเรืองฤทธิ์
จึ่งน้อมเศียรเกล้าบังคมทูล น้องพระนเรนทร์สูรจักรกฤษณ์
บัดนี้อสุรินทร์อินทรชิต ปลุกฤทธิ์พรหมาสตร์ศรชัย
พระองค์จงระวังกายา ล้างศิลป์อสุราเสียให้ได้
ตัวมันก็จะแพ้ฤทธิไกร ด้วยไม่มีสิ่งใดจะโรมรัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์สุริย์วงศ์รังสรรค์
ได้ฟังพิเภกกุมภัณฑ์ ทรงธรรม์ชื่นชมยินดี
จึ่งชักพรหมาสตร์มาพาดสาย ตาหมายเขม้นดูยักษี
หวังว่ามิให้เสียที แก่ศรอสุรีพาลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตฤทธิไกรใจกล้า
ครั้นเสร็จร่ายเวทวิทยา อสุราก็ผาดแผลงไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เสียงสนั่นครั่นครื้นกึกก้อง สะเทือนท้องจักรวาลเขาใหญ่
เป็นสรรพอาวุธเกรียงไกร เต็มในอากาศด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
เห็นอินทรชิตอสุรี แผลงศรศรีมาเป็นอาวุธ
เกลื่อนกลาดดาษพื้นเมฆา จะนับคณนาไม่สิ้นสุด
จึ่งแผลงพรหมาสตร์ฤทธิรุทร ไปล้างอาวุธกุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เปรี้ยงเปรี้ยงดั่งเสียงอสุนี ธาตรีสะเทือนเลื่อนลั่น
เกิดเป็นพายุลมกัลป์ พัดอาวุธนั้นละเอียดไป
แล้วต้องม้ารถคชสาร จัตุรงค์ทวยหาญน้อยใหญ่
ตายกลาดดาษป่าพนาลัย สิ้นทั้งทัพชัยอสุรา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษา
เห็นศรแพ้ศรพระอนุชา ให้เร่าร้อนวิญญาณ์ดั่งเพลิงกาล
ยิ่งสลดระทดฤทัยนัก ขุนยักษ์สุดสิ้นกำลังหาญ
สิ้นทั้งอาวุธจะรอนราญ สิ้นพวกพลมารจะต่อยุทธ์
ผู้เดียวสิ้นรู้สิ้นฤทธิ์ สิ้นคิดหิวโหยเป็นที่สุด
ครั้นจะอยู่ต่อด้วยมนุษย์ ก็ต้องอาวุธลำบากใจ
ชอกชํ้าเจ็บปวดทั้งอินทรีย์ เห็นจะทานฤทธีนั้นไม่ได้
น่าที่จะม้วยบรรลัย จำจะกลับเข้าไปยังลงกา
ลาองค์สมเด็จพระบิตุเรศ พระชนนีเกิดเกศเกศา
สั่งนางสุวรรณกันยุมา แล้วจะยกโยธามาราวี
คิดพลางจับจักรฤทธิรงค์ ทรงนามเมฆสูรเรืองศรี
จบเหนือเศียรเกล้าเมาลี เสร็จแล้วอสุรีก็ขว้างไป ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด

๏ สำเนียงดั่งลมเพชรหึง อื้ออึงกัมปนาทหวาดไหว
มืดมิดปิดดวงอโณทัย ก็เหาะไปยังกรุงลงกา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์สุริย์วงศ์นาถา
ขึ้นศรจะล้างอสุรา เห็นดินฟ้ามืดมัวไปทั่วทิศ
ไม่ปรากฏกายกุมภัณฑ์ ทรงธรรม์จึ่งมีประกาศิต
ดูกรพิเภกผู้ร่วมคิด เหตุใดอินทรชิตอสุรี
รณรงค์กันอยู่แล้วไปไหน จึ่งไม่เห็นกายยักษี
หรือจะคิดกลศึกมาราวี เรานี้ฉงนในวิญญาณ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษา
ได้ฟังพระราชบัญชา อสุรากราบทูลสนองไป
วันนี้อินทรชิตมาต่อยุทธ์ พลสี่สิบสมุทรหาเหลือไม่
สิ้นทั้งอาวุธจะชิงชัย เปลี่ยวใจสิ้นคิดขุนมาร
จึ่งขว้างเมฆสูรจักรกรด ให้บังบดซึ่งแสงสุริย์ฉาน
ตัวมันไปโดยคัคนานต์ คืนเข้าราชฐานลงกา
หวังจะสั่งมารดาบิตุรงค์ ญาติวงศ์ลูกเมียยักษา
เสร็จแล้วจะยกโยธา ออกมาเข่นฆ่าราวี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
ได้ฟังพิเภกอสุรี ภูมีไม่ไว้วางใจ
พระกรกุมศรพรหมาสตร์ จะประมาทพระทัยก็หาไม่
คอยทีอยู่ที่จะชิงชัย ระวังมิใคร่จะวางตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายองค์อินทรชิตยักษา
ครั้นถึงพิชัยลงกา อสุราไปเฝ้าพระชนนี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โอ้ร่าย

๏ กราบลงกับเบื้องบทเรศ ชลนัยน์นองเนตรยักษี
อาดูรพูนเทวษพันทวี อสุรีซบพักตร์กับบาทา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นางมณโฑเยาวยอดเสน่หา
เห็นโอรสผู้ร่วมชีวา โลหิตติดมาทั้งกาย
ตระหนกตกใจด้วยความรัก นงลักษณ์ตัวสั่นขวัญหาย
สวมสอดกอดองค์พระลูกชาย โฉมฉายจึ่งตรัสถามไป
ตัวเจ้าสิทำพิธีการ ยังเนินจักรวาลเขาใหญ่
แม่นี้เห็นเป็นประหลาดใจ เหตุใดบาดเจ็บทั้งอินทรีย์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษี
ได้ฟังสมเด็จพระชนนี ชุลีกรสนองพระวาจา
ลูกไปตั้งตบะชำระกาย ยังเนินทรายจักรวาลภูผา
ไม่ทันเสร็จกิจวิทยา ข้าศึกนั้นตามไปรอนราญ
ได้รบกับองค์พระลักษมณ์ สงครามนั้นหนักหักหาญ
พลสี่สิบสมุทรบรรลัยลาญ ด้วยมือพวกพาลไพรี
สิ้นสุดรถรัตน์อัสดร อีกทั้งกุญชรราชสีห์
ต้องศรบาดเจ็บทั้งอินทรีย์ ปิ้มว่าชีวีจะบรรลัย
สิ้นฤทธิ์สิ้นคิดสิ้นอาวุธ จะต่อกรมนุษย์นั้นไม่ได้
ผู้เดียวสุดที่จะชิงชัย จึ่งหนีไพรีเข้ามา
หวังจะลาบาทพระแม่เจ้า อันบังเกิดเกล้าเกศา
กับองค์สมเด็จพระบิดา แล้วจะยกโยธาไปราวี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

โอ้

๏ เมื่อนั้น นวลนางมณโฑมารศรี
ได้ฟังเพียงสิ้นสมประดี โศกีกอดองค์พระลูกรัก
ชลนัยน์อาบพักตร์อัคเรศ แสนเทวษพ่างเพียงอกหัก
สองกรค่อนทรวงเข้าฮักฮัก นงลักษณ์ครวญครํ่ารํ่าไร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้ว่าเจ้าดวงนัยนา แม่บำรุงเลี้ยงมาจนใหญ่
มิให้ระคายเท่ายองใย หวังจะได้สืบวงศ์พรหมาน
เดิมทีแม่นี้ก็ได้ห้าม ไม่ฟังความขืนอวดกำลังหาญ
ออกไปต่อกรรอนราญ ด้วยใจเป็นพาลอหังการ์
ทั้งนี้เพราะองค์พระบิตุเรศ ฟังเหตุเชื่อสำมนักขา
พระลักษมณ์พระรามจึ่งตามมา เคี่ยวฆ่าสังหารราญรอน
อินทรชิตลูกรักของแม่เอ๋ย ทรามเชยจงงดอยู่ก่อน
แม่จะขึ้นไปทูลพระบิดร อ้อนวอนผ่อนปรนให้พ้นภัย
รํ่าพลางพิศพักตร์พระโอรส แสนระทดทอดถอนใจใหญ่
แสนทุกข์แสนโศกาลัย อรไทเพียงสิ้นสมประดี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ แล้วพาลูกรักยุรยาตร ลงจากปราสาทมณีศรี
ขึ้นเฝ้าสมเด็จพระสามี ในที่สิริไสยา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงน้อมเศียรบังคมทูล นเรนทร์สูรปิ่นภพยักษา
ว่าอินทรชิตอสุรา ยกพลโยธาพลากร
ออกไปตั้งกิจพิธีการ ยังเนินจักรวาลสิงขร
พระลักษมณ์กับพวกวานร ตามไปราญรอนถึงบรรพต
ยกเข้าหักโหมโจมตี ทำลายพิธีเสียได้หมด
สิ้นทั้งคชาม้ารถ ทั้งทศโยธาก็วายปราณ
แต่ลูกรักผู้เดียวเคี่ยวฆ่า สุดปัญญาจะต่อกำลังหาญ
สิ้นสุดอาวุธจะรอนราญ ปิ้มเสียชนมานแก่ไพรี
จึ่งกลับเข้ามาบังคมบาท พระบิตุรงค์ธิราชเรืองศรี
พระองค์ผู้ทรงธรณี ใช่ที่จะไร้อนงค์ใน
อย่าพะวงด้วยสีดาโฉมงาม ผัวเขามาตามจงส่งให้
สงครามก็จะระงับไป ลูกเราจะไม่มรณา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา
ได้ฟังองค์อัครชายา จะให้ส่งสีดายุพาพาล
ความโกรธความแค้นนั้นสุดคิด ดั่งเอาปืนพิษมาสังหาร
ปักลงที่ทรวงพญามาร จึ่งมีโองการตรัสไป
ดูดู๋มนโฑเทวี ควรหรือพาทีฉะนี้ได้
จะให้ส่งสีดาอรไท ด้วยใจเกียดกันฉันทา
เจ้ากลัวจะเรียงเคียงพักตร์ จึ่งแค้นนักเคียดขึ้งหึงสา
ช่างอุบายถ่ายเทด้วยมารยา เจรจาให้เห็นเป็นว่าดี
ใช่เราเป็นคนโง่เง่า จะไม่รู้ทันเท่าโฉมศรี
อันนางสีดานารี ดั่งดวงชีวีดวงใจ
มาตรแม้นถึงพรหมลิขิต สู้เสียชีวิตไม่ส่งให้
รักลูกจงเชิญลูกไว้ ตัวกูจะไปรอนราญ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางมณโฑเยาวยอดสงสาร
เห็นพระองค์กริ้วโกรธดั่งเพลิงกาล เยาวมาลย์เพียงสิ้นชีวัน
ชลนัยน์ไหลอาบพักตรา สุดปัญญาที่จะคิดผ่อนผัน
แสนโศกโศกาจาบัลย์ กัลยาไม่เป็นสมประดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษี
เห็นพระมารดาโศกี ชุลีกรกราบบาทแล้วทูลไป
ตัวลูกเกิดมาเป็นชายชาญ จะกลัวการสงครามกระไรได้
ถึงกรรมแล้วจำจะบรรลัย ไม่คิดเสียดายชีวา
มาตรแม้นถึงตายจะไว้ยศ ให้ปรากฏเกียรติไปภายหน้า
ลูกรักจะถวายบังคมลา พระมารดาอย่าทรงโศกี
ขอฝากยามลิวันกันยุเวก เอกองค์หลานน้อยทั้งสองศรี
กับสุวรรณกันยุมาเทวี ทั้งอนงค์นารีกำนัลใน
ผิดพลั้งจงช่วยสั่งสอน พระมารดรโปรดเกล้าเอาใจใส่
ทั้งศฤงคารบริวารข้าไท ขอถวายไว้ใต้บาทา
สั่งแล้วน้อมเศียรบังคมทูล นเรนทร์สูรบิตุเรศยักษา
ตัวลูกก็เป็นชาติอาชา จะกลัวมรณาอย่าพึงคิด
อันซึ่งเกิดมาเป็นรูปกาย ไม่เว้นตายด้วยพรหมลิขิต
จะอาสาพระองค์ทรงฤทธิ์ กว่าจะสิ้นชีวิตในครั้งนี้
ขอฝากสมเด็จพระมารดา ของข้าไว้ใต้บทศรี
ภายหลังจงได้ปรานี อย่าให้มีราคีภัยพาล ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ใจหาญ
ฟังโอรสร่วมชนมาน ดั่งสุธาธารทิพย์มารดกาย
พักตร์ผ่องเพียงดวงจันทรา ที่กริ้วโกรธานั้นสูญหาย
สวมสอดกอดองค์พระลูกชาย สายสวาทของพ่อผู้ยอดรัก
ตัวเจ้าก็ทรงอานุภาพ ปราบไปได้ทั่วทั้งไตรจักร
แต่โกสีย์ที่มีฤทธิ์นัก ยังหักเสียได้ด้วยเดชา
ทำไมกับมนุษย์เดินดิน กับพวกพานรินทร์กระบี่ป่า
ไหนจะต้านทานกรของลูกยา ไม่ช้าก็จะม้วยบรรลัย
ว่าแล้วจึ่งองค์พญามาร หยิบศรสุรกานต์ประทานให้
ศรนี้เลิศลบภพไตร ผู้ใดไม่ต้านทานฤทธิ์
ขององค์สมเด็จพระอัยกา ผ่านฟ้าปราบได้ถึงดุสิต
เจ้าอย่าเกรงมือปัจจามิตร เร่งคิดออกไปราวี
ฆ่าเสียให้สิ้นเสี้ยนศึก ซึ่งห้าวฮึกดูหมิ่นยักษี
ให้ปรากฏเกียรติไว้ในธาตรี ศรีสวัสดิ์จงมีแก่ลูกยา ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษา
รับศรกับพรพระบิดา ด้วยเกรงอาชญาก็จำใจ
พิศพักตร์สมเด็จพระชนนี อสุรีทอดถอนใจใหญ่
ถวายบังคมลาคลาไคล ไปยังปราสาทอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

โอ้

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ ในห้องทิพมาศประภัสสร
นั่งแนบแอบองค์บังอร ทอดถอนฤทัยอาลัยนัก
ชลนัยน์คลอคลองนองเนตร แสนเทวษพ่างเพียงอกหัก
สวมสอดกอดองค์นงลักษณ์ พิศพักตร์แล้วมีวาที
ดูกรสุวรรณกันยุมา แก้วตาแสนสุดสวาทพี่
วันนี้อริราชไพรี ยกพวกกระบี่ไปราญรอน
ทำลายล้างกิจพิธีการ ถึงเนินจักรวาลสิงขร
สังหารโยธาพลากร ตายยับซับซ้อนทั้งทัพชัย
ตัวพี่ผู้เดียวออกต่อยุทธ์ จนสิ้นอาวุธหาเหลือไม่
ต้องศรมนุษย์วุฒิไกร ยับไปทั่วทั้งกายา
เข้ามาหวังว่าจะสั่งเจ้า ยุพเยาว์ผู้ยอดเสน่หา
จำเป็นจำจากวนิดา แก้วตาค่อยอยู่จงดี
อุตส่าห์เลี้ยงสองโอรสราช อย่าประมาทหลงลืมคำพี่
ฝากกายพระชนกชนนี อย่าให้มีราคีแผ้วพาน
โอ้ว่าตั้งแต่จะแลลับ เหมือนเดือนดับอับแสงสุริย์ฉาน
ขอฝากฝูงสนมบริวาร เยาวมาลย์จงได้เมตตา
ว่าพลางอุ้มสองพระลูกรัก ขึ้นไว้เหนือตักยักษา
จุมพิตพิศพักตร์แล้วโศกา ดั่งว่าจะสิ้นสมประดี ฯ

ฯ ๑๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณกันยุมาโฉมศรี
ได้ฟังพระราชสามี เทวีตระหนกตกใจ
ซบพักตร์สะอื้นแสนเทวษ ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล
กอดข้อพระบาทเข้าไว้ อรไทรำพันโศกา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้ว่าพระจอมมงกุฎเมือง เรืองเดชปราบได้ทุกทิศา
แต่โกสีย์เป็นเจ้าแก่เทวา ยังว่าไม่ต้านทานฤทธิ์
ครั้งนี้ควรหรือมาเสียที แต่กระบี่มนุษย์กระจิหริด
จนถึงสุดสิ้นชีวิต คิดเห็นเป็นน่าอนาถใจ
พระทูลกระหม่อมของเมียเอ๋ย กรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
จะผินพักตร์ไปพึ่งผู้ใด เหมือนองค์ภูวไนยเลี้ยงมา
แต่นี้จะแสนทุกข์ทุกคํ่าเช้า จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าโทมนัสสา
เคยเฝ้ามิได้เฝ้าบาทา จะมีแต่โศกาอาวรณ์
จะหาไหนได้เหมือนพระทรงฤทธิ์ หนักเบาชอบผิดช่วยสั่งสอน
พระคุณพ่างเพียงบิดร สว่างร้อนร่มเกล้าเมาลี
พระองค์จงทรงพระเมตตา โปรดข้าผู้รองบทศรี
งดอยู่สักสามราตรี อย่าเพ่อกรีพลออกราญรอน
กว่าจะสิ้นที่พระเคราะห์ร้าย ซึ่งโหรทำนายไว้แต่ก่อน
จึ่งยกโยธาพลากร ไปราญรอนข้าศึกให้มรณา
ตัวข้าจะได้พึ่งบาทบงสุ์ องค์พระลูกเจ้าไปภายหน้า
รํ่าพลางทางทรงโศกา กัลยาเพียงสิ้นสมประดี ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น ฝูงนางกำนัลสาวศรี
เห็นสองกษัตริย์ทรงโศกี ด้วยจะสิ้นชีวีจากกัน
บรรดาอนงค์นางใน ตกใจหน้าซีดไม่มีขวัญ
ตีอกโศกาจาบัลย์ รำพันรํ่ารักอสุรา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้ว่าพระหน่อสุริย์วงศ์ พงศ์พรหมธิราชนาถา
พระเดชเคยปกเกศมา ดั่งฉัตรรัตนาอลงกรณ์
อกเอ๋ยจะพึ่งผู้ใดเล่า ให้ร่มเกล้าเหมือนองค์พระทรงศร
จะแสนทุกข์แสนเทวษอาวรณ์ แสนโศกเร่าร้อนไม่รู้วาย
ตั้งแต่วันนี้จะแลลับ ประทีปแก้วจะดับสูญหาย
น่าที่จะกระจัดพลัดพราย ไม่มีสิ่งสบายสักนาที
ทีนี้เวียงวังจะเย็นเยียบ สงัดเงียบพิณพาทย์ดีดสี
จะมีแต่แสนโศกโศกี อึงมี่ไม่เว้นเวลา
ยามกินจะกินแต่ชลเนตร พูนเทวษเศร้าโทมนัสสา
รํ่าพลางกลิ้งเกลือกโศกา ดั่งว่าจะสิ้นสมประดี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษี
เห็นองค์อัครราชเทวี กับสนมนารีรํ่าไร
ความทุกข์ความอาลัยนั้นสุดคิด ร้อนจิตดั่งหนึ่งเพลิงไหม้
สวมสอดกอดนางเข้าไว้ รับขวัญปลอบไปด้วยวาจา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เจ้าอย่าโศกาอาวรณ์ ทุกข์ร้อนนักเลยฟังพี่ว่า
บรรดาที่สัตว์เกิดมา น่าที่ไม่พ้นความตาย
แต่เขาพระเมรุอันสูงสุด เป็นมงกุฎหลักโลกทั้งหลาย
ต้องบรรลัยกัลป์อันตราย ย่อมแตกทำลายไปเหมือนกัน
ตัวเราเป็นวงศ์พรหเมศ เลื่องชื่อลือเดชทั้งสรวงสวรรค์
สู้ตายไม่เสียดายชีวัน ขวัญเมืองค่อยอยู่สวัสดี
เจ้าจงรักอายเสียดายหน้า จำคำพี่ว่านะโฉมศรี
ทั้งฝูงอนงค์นารี อย่าให้มีราคีติดไป
ว่าพลางลูบหลังนงลักษณ์ พิศพักตร์ทอดถอนใจใหญ่
ให้พะวงด้วยอนงค์นางใน อาลัยพูนเพิ่มพันทวี
กลับคิดมานะฮึกหาญ ด้วยอหังการยักษี
ขืนใจเสด็จจรลี ออกมาจากที่ไสยา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ พร้อมเสนามาตย์ซ้ายขวา
จึ่งมีพระราชบัญชา สั่งกาลจักรกุมภัณฑ์
จงจัดม้ารถคชสาร พลมารเรี่ยวแรงแข็งขัน
สรรพด้วยอาวุธครบครัน ให้ทันศุภฤกษ์นาที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งกาลจักรยักษี
รับสั่งถวายอัญชุลี อสุรีก็รีบออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ประถม

ยานี

๏ เกณฑ์หมู่ทหารชาญณรงค์ สี่หมู่อาจองแกล้วกล้า
ขุนช้างขี่ช้างชนะงา ขุนม้าขี่ม้าอัสดร
ขุนรถก็ขี่รถศึก เทียมโตโคถึกไกรสร
ขุนพลตรวจพลนิกร ตีต้อนขับไล่กันวุ่นวาย
ได้แต่ตัวนายไพร่หลบ บ้างพบแต่ไพร่นายหาย
พลมารซุกซอนซ่อนกาย กลัวตายไม่อาจไปประจญ
บ้างฉุดแม่ยายลูกเมียมา ตีด่าเร่งกันกุลาหล
จึ่งครบตามที่บาญชีพล อลวนคอยท่าเสด็จจร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสุริย์วงศ์ทรงศร
ครั้นเสร็จซึ่งจัดพลากร บทจรมาสรงชลธาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ให้ไขท่อแก้วปทุมทอง นํ้าทิพย์เป็นละอองหอมหวาน
สุคนธ์ปนปรุงสุมามาลย์ สนับเพลาก้านกระหนกนกกลาย
ภูษาโขมพัสตร์พื้นแดง เครือแย่งทองประสานฉานฉาย
ชายไหวชายแครงสะบัดปลาย ฉลององค์เป็นลายรูปสุบรรณ
เกราะแก้วสุรกานต์โชติช่วง รัดอกเพชรพวงดวงกุดั่น
ตาบทิศทับทรวงสังวาลวัลย์ ทองกรมังกรพันพาหุรัด
ธำมรงค์เรือนเก็จเพชรเหลือง อร่ามเรืองรายถ้วนนิ้วพระหัตถ์
ทรงมหามงกุฎดอกไม้ทัด กรรเจียกแก้วจำรัสอลงกรณ์
พิศทรงดั่งองค์เทวราช งามลํ้าประหลาดกว่าแต่ก่อน
พระหัตถ์จับศรสิทธิ์ฤทธิรอน บทจรไปเฝ้าพระมารดา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงน้อมเศียรบังคมบาท พระชนนีธิราชยักษา
ทูลว่าลูกรักจักขอลา ยกหมู่โยธาพลากร
ออกไปรณรงค์ด้วยพวกพาล ยังเนินจักรวาลสิงขร
พระองค์ค่อยอยู่สถาวร อย่าทุกข์ร้อนโศกาอาลัย
อันตัวของลูกครั้งนี้ ที่จะรอดชีวีนั้นหาไม่
แม้นได้ประมาทสิ่งใด ให้เคืองใต้เบื้องบาทา
ด้วยกายวาจามโนกรรม ซึ่งจะนำให้ทุกข์ไปภายหน้า
พระแม่เจ้าจงได้เมตตา อย่าให้มีเวราแก่ลูกรัก
ทูลพลางสะท้อนถอนใจ อาลัยพ่างเพียงอกหัก
ชลนัยน์ไหลลงอาบพักตร์ ขุนยักษ์แสนโศกโศกี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นวลนางมณโฑมารศรี
เห็นลูกรักร่วมชีวี พาทีโศกาอาลัย
ให้เร่าร้อนฤทัยดั่งไฟพิษ ปิ้มจะสิ้นชีวิตลงด้วยได้
สวมสอดกอดลูกเข้าไว้ สะอื้นไห้ครวญครํ่ารำพัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ นิจจาเอ๋ยเจ้าดวงนัยน์เนตร จอมเกศของแม่เฉลิมขวัญ
เวราสิ่งใดมาตามทัน ให้พลัดพรากจากกันอนาถนัก
เสียแรงเป็นวงศ์พรหมินทร์ เลื่องชื่อลือสิ้นทั้งไตรจักร
ไม่ได้อยู่สืบสุริย์วงศ์ยักษ์ มาตายด้วยปรปักษ์ปัจจามิตร
ควรหรือสมเด็จพระบิดา แม่ว่าโดยดีเอาเป็นผิด
จำให้เจ้าสิ้นชีวิต สุดคิดแม่แล้วในครั้งนี้
เสียดายพิภพอสุรินทร์ จะเสื่อมสิ้นวงศายักษี
รํ่าพลางกอดลูกเข้าโศกี ดั่งหนึ่งชีวีจะมรณา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษา
เห็นองค์สมเด็จพระมารดา โศกาครวญครํ่ารำพัน
ให้เป็นห่วงบ่วงใยอาลัยนัก เพียงจักสิ้นชีพอาสัญ
เร่าร้อนฤทัยดั่งไฟกัลป์ กุมภัณฑ์อุตส่าห์แข็งใจ
ทูลว่าพระองค์อย่าทุกข์ร้อน อาวรณ์นักเลยหาควรไม่
ลูกนี้จะกราบลาไป ชิงชัยด้วยราชไพรี
แม้นว่าบุญมีไม่มรณา จะกลับมารองเบื้องบทศรี
ทูลแล้วย่างเยื้องจรลี จากที่ปราสาทพระมารดร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น นางสุวรรณกันยุมาดวงสมร
กับฝูงอนงค์นิกร อาวรณ์วิ่งตามเสด็จไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ งามดั่งฝูงนางราชหงส์ อันลงจากจิตรกูฏเขาใหญ่
ต่างตนเข้ากอดพระบาทไว้ ร้องไห้ว่าวอนอสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

โอ้

๏ กันยุมาว่าโอ้พระยอดรัก จงผินพักตร์ดูข้าบทศรี
มาทิ้งเมียไว้ผู้เดียวนี้ จะมีแต่สิ่งเดือดร้อน
พระองค์จงเอาพระแสงขรรค์ มาพิฆาตฟาดฟันเมียเสียก่อน
จึ่งค่อยยกโยธาพลากร ออกไปราญรอนด้วยพวกภัย
กำนัลว่าโอ้พระปิ่นเกล้า ถึงตายแล้วเกิดเล่าไม่หาได้
บำรุงเลี้ยงข้าทั้งนี้ไว้ ไม่มีลำเอียงให้เสียธรรม์
มาตรแม้นถึงผิดก็สั่งสอน ให้ถาวรเป็นสุขเกษมสันต์
แก้วแหวนเงินทองรางวัล ให้ถ้วนหน้ากันด้วยเมตตา
กันยุมาว่าโอ้ครั้งนี้ จะมีแต่เศร้าโทมนัสสา
สงสารทั้งสองพระลูกยา จะเป็นกำพร้าพระบิดร
จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าสร้อยละห้อยใจ ไม่มีผู้ใดจะสั่งสอน
ยามกินจะกลับเป็นยามนอน แม่ลูกทุกข์ร้อนไม่วายวัน
นางสนมว่าโอ้พระสุริย์วงศ์ พงศ์พรหมธิราชรังสรรค์
จะทิ้งข้าผู้เป็นกำนัล ให้พากันทนทุกข์ทุกข์ใจ
ตั้งแต่วันนี้จะไกลบาท แสนอนาถเพียงเลือดตาไหล
รํ่าพลางต่างโศกาลัย ไม่เป็นสติสมประดี ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น อินทรชิตสุริย์วงศ์ยักษี
เห็นสุวรรณกันยุมาเทวี กับสนมนารีมารํ่าไร
ให้สลดระทดพระทัยนัก ความรักมิใคร่จะจากได้
กลับมาสวมกอดนางไว้ รับขวัญปลอบไปด้วยวาจา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ สุดเอยสุดสวาท นุชนาฏผู้ยอดเสน่หา
อย่าแสนโศกนักเลยนะแก้วตา ฟังคำพี่ว่าเถิดน้องรัก
เป็นกรรมแล้วจำจะพลัดพราก จากกันครั้งนี้เพียงอกหัก
ให้เป็นห่วงหน่วงใจอาลัยนัก ด้วยนงลักษณ์ของพี่ทุกนางใน
ค่อยปกป้องครองกันจงดี อย่าให้มีราคีสิ่งใดได้
ตัวพี่จะลาเจ้าไป ดวงใจค่อยอยู่สถาวร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ สั่งแล้วเสด็จยุรยาตร ดั่งองค์เทวราชชาญสมร
ออกจากสุรางค์นิกร บทจรขึ้นรถมณี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ กราว

๏ จึ่งให้เลิกจัตุรงค์ทวยหาญ แสนเสนามารยักษี
บ่ายหน้าไปทิศหรดี โดยนาทีฤกษ์ยาตรา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้ร่าย

๏ ครั้นออกนอกทวารพระนิเวศน์ เหลือบแลแปรเนตรซ้ายขวา
เห็นปราสาทแก้วแววฟ้า ของพระบิดามารดร
งามเพียงไพชยนต์พิมานมาศ โอภาสจำรัสประภัสสร
คิดถึงสองกษัตริย์แล้วอาวรณ์ จึ่งยอกรเหนือเกล้าเมาลี
โอ้ว่าตั้งแต่จะแลลับ มิได้กลับมารองบทศรี
พระองค์จงอยู่สวัสดี ข้าบาทนี้ขอบังคมลา
อกเอ๋ยแม้นหาลูกไม่ จะใช้ใครให้ออกไปเข่นฆ่า
จะต้องร้อนถึงองค์พระบิดา ยกพวกโยธาออกโรมรัน
โอ้ว่าสงสารพระแม่เจ้า จะอาวรณ์ร้อนเร่าโศกศัลย์
จะทุกข์ตรอมผอมเพียงสิ้นชีวัน ด้วยพระทัยอันกรุณาลูกรัก
ทั้งสุวรรณกันยุมาเทวี จะโศกีพ่างเพียงอกหัก
รํ่าพลางรีบเร่งพลยักษ์ ผันพักตร์ไปตามมรคา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นออกมานอกนคเรศ พูนเทวษเศร้าโทมนัสสา
ให้เปลี่ยวเปล่าเยือกเย็นในอุรา ดั่งมาแต่องค์อสุรี
อันโลทันซึ่งขับราชรถ ก็ปรากฏเป็นเพศกระบี่ศรี
ไกรสรกลับกลายอินทรีย์ เป็นหน้าพาชีทุกตัวไป
ทั้งพระพายก็พัดสกัดหน้า เสียงโยธาโห่ดั่งร้องไห้
แร้งกาโฉบฉาบธงชัย กลาบาตตกในหน้ารถ
หมู่วิหคจับเจ่าเหงาสงัด สารพัดเป็นลางประหลาดหมด
บรรดาเครื่องสูงสำหรับยศ ก็ปรากฏรุ่งโรจน์ดั่งเปลวควัน
ขุนมารครั้นเห็นนิมิต ตะลึงคิดวิตกอกสั่น
จนล่วงเขตเข้าสัตภัณฑ์ ถึงเนินบรรพตจักรวาล ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ จึ่งให้หยุดจตุรงคโยธา แสนสุรเสนาทวยหาญ
ตั้งลงริมแนวนทีธาร เหนือลานทรายแก้วอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ