- คำนำ
- คำอธิบาย
- เนื้อเรื่องย่อ
- สมุดไทยเล่มที่ ๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๒๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๓๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๔๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๕๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๖๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๗๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๘๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๙๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๗
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๘
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๐๙
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๐
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๑
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๒
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๓
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๔
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๕
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๖
- สมุดไทยเล่มที่ ๑๑๗
สมุดไทยเล่มที่ ๕๙
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยี่สิบกรยักษี |
ครั้นเพลามัชฌิมราตรี | ก็เสด็จเข้าที่บรรทมใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เอนองค์ลงเหนือบรรจถรณ์ | ยอกรก่ายพักตร์โหยไห้ |
เย็นเยือกไปทั้งปราสาทชัย | สงัดเสียงขับไม้มโหรี |
ได้ยินแต่เสียงนางกำนัล | โศกศัลย์เซ็งแซ่อึงมี่ |
คิดถึงลูกรักร่วมชีวี | กับอสุรีกุมภกรรณน้องยา |
ความโกรธความแค้นแน่นจิต | ดั่งปืนพิษติดทรวงยักษา |
มืดไปด้วยใจอหังการ์ | ตรึกตราในที่จะชิงชัย |
แต่ผุดลุกผุดนั่งไม่บรรทม | จะเป็นสมประดีก็หาไม่ |
จนรุ่งรางสร่างแสงอโณทัย | เสด็จไปเข้าที่สรงชล ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ให้ไขท่อแก้วปทุมทอง | วารีเป็นละอองฝอยฝน |
ทรงสุคนธารสเสาวคนธ์ | ปรุงปนเกสรสุมามาลย์ |
สนับเพลาเชิงงอนช่องกระจก | ภูษาแย่งยกเครือก้าน |
ฉลององค์เกราะแก้วสุรกานต์ | ทับทรวงสังวาลทับทิมพราย |
ตาบทิศมรกตเฟื่องห้อย | รัดอกดวงลอยฉานฉาย |
ทองกรรูปวาสุกรีกราย | พาหุรัดแก้วลายอลงกรณ์ |
ทรงมหาธำมรงค์พลอยเพชร | มงกุฎเก็จเนาวรัตน์ประภัสสร |
ยี่สิบหัตถ์จับพระแสงฤทธิรอน | บทจรไปขึ้นรถทรง ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ บาทสกุณี
โทน
๏ รถเอยราชรถศึก | แอกงอนพันลึกงามระหง |
กำแก้วสลับประดับกง | ดุมวงล้วนแล้วด้วยเนาวรัตน์ |
เทียมด้วยราชสีห์สี่พัน | โลทันถือหอกแกว่งกวัด |
ขับเร็วเพียงกำลังลมพัด | ขนัดเครื่องสูงใส่ไสวมา |
พลม้าขับม้าดาแข่ง | กรแกว่งอาวุธเงื้อง่า |
พลช้างขับช้างชนะงา | เริงร่ากรายขอทั้งหมอควาญ |
พลรถขับรถผาดผัน | มือกุมเกาทัณฑ์สำแดงหาญ |
พลเท้าเผ่นโผนโจนทะยาน | เริงร่านลำพองคะนองฮึก |
ปี่กลองฆ้องขานประสานเสียง | สำเนียงโห่ร้องก้องกึก |
มืดคลุ้มชอุ่มควันพันลึก | ขับกันคึกคึกรีบไป ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ กราว
๏ ครั้นมาถึงที่สนามยุทธ์ | จึ่งให้หยุดจตุรงค์ทัพใหญ่ |
ตั้งเป็นกระบวนมั่นไว้ | ในที่ครุฑนามสถาวร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระนารายณ์สุริย์วงศ์ทรงศร |
บรรทมเหนือแท่นอลงกรณ์ | ภูธรไม่สนิทนิทรา |
ตรึกตรองไปในการณรงค์ | ที่จะล้างโคตรวงศ์ยักษา |
จนดาวเดือนเลื่อนลับเมฆา | พระสุริยาเยี่ยมยอดสัตภัณฑ์ |
สกุณาร่อนร้องถวายเสียง | สำเนียงไก่แก้วขานขัน |
แมลงภู่เชยซาบบุษบัน | จักจั่นรี่เรื่อยดั่งดนตรี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ จึ่งชำระสระสรงทรงเครื่อง | อร่ามเรืองจำรัสรัศมี |
จับพระแสงศรสิทธิ์ฤทธี | ภูมีออกหน้าพลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ พร้อมทหารชมพูขีดขิน | เสนาพานรินทร์ถ้วนหน้า |
หมอบเฝ้าเกลื่อนกลาดดาษดา | ดั่งดาวล้อมจันทราในอัมพร |
พอได้ยินสำเนียงโห่ร้อง | สะเทือนท้องมรกตสิงขร |
ผงคลีบดดวงทินกร | ภูธรจึ่งมีบัญชา |
ดูกรพิเภกขุนมาร | องค์โหราจารย์ยักษา |
อันทัพซึ่งยกออกมา | จะเป็นอสุราตนใด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พิเภกผู้มีอัชฌาสัย |
ได้ฟังบัญชาพระภูวไนย | ก็ดูไปโดยยามอัศกาล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เสร็จแล้วจึ่งบังคมทูล | นเรนทร์สูรสุริย์วงศ์มหาศาล |
บัดนี้คือองค์พญามาร | ผู้ผ่านพิภพลงกา |
ขอเชิญเสด็จบทจร | ไปต่อกรด้วยท้าวยักษา |
ฟังดูกำลังอสุรา | ในมหารณยุทธ์ราวี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระกฤษณุรักษ์เรืองศรี |
ได้ฟังพิเภกก็ยินดี | ภูมีสั่งลูกพระสุริยัน |
จงจัดโยธาพลากร | เลือกล้วนฤทธิรอนแข็งขัน |
ตัวเราจะไปปราบทศกัณฐ์ | ที่มันองอาจอหังการ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สุครีพฤทธิไกรใจหาญ |
รับสั่งสมเด็จพระอวตาร | ชุลีลาแล้วคลานออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ปฐม
ยานี
๏ เกณฑ์เป็นอินทรีพยุหบาตร | นิลราชเป็นเศียรปักษา |
นิลเอกนิลขันเป็นสองตา | ปากนั้นปิงคลาวานร |
คอคือกระบี่ทวิพัท | มหัทวิกันนั้นเป็นหงอน |
ปีกขวาวาหุโรมฤทธิรอน | ปีกซ้ายเกสรทมาลา |
เท้าซ้ายนั้นญาณรสคนธ์ | เท้าขวาคือพิมลตัวกล้า |
กายนั้นคือจอมโยธา | หางคือวานรสุรกานต์ |
เตียวเพชรเป็นเล็บปักษี | ขนคือกระบี่ทวยหาญ |
ล้วนถืออาวุธขัดอาน | แกว่งกวัดชัชวาลดั่งแสงไฟ |
แต่ละตนสำแดงฤทธิรุทร | พระสมุทรสีขรินแผ่นดินไหว |
ตั้งเป็นริ้วนอกริ้วใน | เตรียมไว้คอยเสด็จพระจักรี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
ยานี
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวหัสนัยน์โกสีย์ |
เสด็จเหนือแท่นทิพรูจี | ในที่นันทวันภิรมยา |
พร้อมฝูงอนงค์อัปสร | ทั้งเทวานิกรถ้วนหน้า |
จึ่งเล็งทิพเนตรลงมา | ก็รู้ว่าองค์พระทรงครุฑ |
ให้เตรียมพหลโยธี | กระบี่แน่นนันต์นับสมุทร |
จะยกออกไปต่อยุทธ์ | สัประยุทธ์กับด้วยทศกัณฐ์ |
จะนิ่งอยู่ดูไม่บังควรนัก | ดั่งไม่รักพระนารายณ์รังสรรค์ |
จำจะเอามหาเวไชยันต์ | ไปถวายทรงธรรม์ให้ปราบมาร ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ คิดแล้วพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ | ประกาศิตด้วยเทวบรรหาร |
สั่งวิษณุกรรมชัยชาญ | ว่าพระอวตารผู้ฤทธี |
จะยกออกไปรณรงค์ | ด้วยองค์ทศพักตร์ยักษี |
ท่านจงเอาเวไชยันต์นี้ | ไปถวายภูมีทรงจร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระวิษณุกรรมชาญสมร |
ก้มเกล้ารับเทวสุนทร | ก็รีบบทจรออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึ่งเทียมสินธพเทพบุตร | สองพันฤทธิรุทรแกล้วกล้า |
เสร็จแล้วก็ขับอาชา | มาด้วยศักดาเทวัญ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เทพบุตรพาชีสำแดงหาญ | ถีบทะยานรวดเร็วดั่งจักรผัน |
ร้องว่ามีชัยแก่กุมภัณฑ์ | สามหนพร้อมกันเป็นนิมิต |
สำเนียงกัมปนาทหวาดไหว | กึกก้องขึ้นไปถึงดุสิต |
สะเทือนเลื่อนลั่นครรชิต | ภายใต้ถึงทิศบาดาล |
เลื่อนลอยมาโดยอากาศ | โอภาสดั่งรถพระสุริย์ฉาน |
ร่อนลงตรงพักตร์พระอวตาร | ที่ประชุมทหารโยธา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์
๏ จึ่งเข้าประทับกับเกยแก้ว | อันเพริศแพร้วจำรัสพระเวหา |
ทูลว่าองค์อมรินทรา | ให้ข้าเอารถเวไชยันต์ |
ลงมาถวายเบื้องบาท | พระนารายณ์ธิราชรังสรรค์ |
ให้ทรงออกสงครามด้วยทศกัณฐ์ | ที่มันเบียดเบียนธาตรี |
รถนี้ครั้งอมรินทร์ทรง | รณรงค์อินทรชิตยักษี |
มิได้มีชัยแก่ไพรี | ด้วยพาชีบอกแพ้แต่เดิมมา |
ครั้งนี้สินธพเทเวศ | สำแดงเหตุร่านรนหรรษา |
ร้องว่ามีชัยอสุรา | เห็นมหามงคลประเสริฐนัก |
อันหมู่พาลาปัจจามิตร | จะแพ้ฤทธิ์พระองค์ทั้งไตรจักร |
สาอะไรแก่ไอ้ทศพักตร์ | ที่จะทนศรศักดิ์พระจักรี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระกฤษณุรักษ์เรืองศรี |
ฟังวิษณุกรรมก็ยินดี | จึ่งมีพระราชบัญชา |
อันซึ่งองค์อมรินทร | ครั้งก่อนก็ให้รัถา |
ขี่ข้ามมหาคงคา | งามสง่าปรากฏทั้งแดนไตร |
ครั้งนี้เอาเวไชยันต์ | อันเป็นมงคลลงมาให้ |
อันคุณเจ้าฟ้าสุราลัย | ใหญ่หลวงเป็นพ้นพันทวี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระวิษณุกรรมเรืองศรี |
ได้ฟังบรรหารพระจักรี | จึ่งมีมธุรสวาจา |
ตัวข้าขอลาเบื้องบาท | พระตรีภูวนาถนาถา |
ไปแจ้งแก่องค์อินทรา | ผ่านฟ้าค่อยอยู่สถาวร |
จงทรงศักดาวราฤทธิ์ | ปัจจามิตรพ่ายแพ้พระแสงศร |
ว่าแล้วเหาะขึ้นยังอัมพร | เขจรไปเมืองเทวัญ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | พระกฤษณุรักษ์รังสรรค์ |
ครั้นองค์พระวิษณุกรรม์ | กลับไปสวรรค์วิมานฟ้า |
จึ่งชวนพระลักษมณ์สุริย์วงศ์ | อันเป็นเอกองค์กนิษฐา |
เสด็จยุรยาตรคลาดคลา | มาเข้าที่สรงวาริน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ สองกษัตริย์ชำระสระสนาน | สุคนธ์ธารเกสรขจรกลิ่น |
สนับเพลาเชิงรูปนาคิน | เชิงงอนโกมินลอยดวง |
พระเชษฐาผ้าทิพย์พื้นตอง | พระอนุชาเครือทองพื้นม่วง |
ชายไหวประดับเพชรพวง | ชายแครงรุ้งร่วงทับทิมพราย |
ต่างทรงฉลององค์เครือขด | สังวาลมรกตสามสาย |
ตาบทิศทับทรวงจำหลักลาย | ทองกรมังกรกลายพาหุรัด |
ธำมรงค์มณีโลหิต | ชวลิตถ้วนสิบนิ้วพระหัตถ์ |
ทรงมหามงกุฎดอกไม้ทัด | กรรเจียกแก้วจำรัสอลงกรณ์ |
ขัดพระแสงขรรค์ฤทธิรงค์ | ทั้งสององค์ทรงจับธนูศร |
งามดั่งสุริยันกับจันทร | บทจรตามกันมาขึ้นรถ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถอินทร์ | กงกำโกมินอลงกต |
แอกงอนอ่อนสลวยชวยชด | บัลลังก์ลดภาพตั้งกระจังราย |
บุษบกล้วนแก้วแพรวพรรณ | ช่อฟ้าหน้าบันเฉิดฉาย |
ยอดเยี่ยมเทียมแทงโพยมพราย | ปราลีแก้วกลายอลงกรณ์ |
เทียมด้วยสินธพเทเวศ | สำแดงเดชยิ่งพญาไกรสร |
มาตุลีสารถีขับจร | พาเผ่นอัมพรดั่งลมพัด |
พระลักษมณ์นั่งหน้าประนมนิ้ว | ธงชายรายริ้วปลิวสะบัด |
อภิรุมชุมสายรายรัตน์ | ขนัดฆ้องกลองประโคมโครมครึก |
อันหมู่วานรทวยหาญ | เริงร่านลำพองคะนองศึก |
สำแดงแผลงฤทธิ์พันลึก | โห่ฮึกรีบเร่งกันไป ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ กราวนอก
๏ จึ่งแลเห็นทัพกุมภัณฑ์ | ตั้งมั่นอยู่เชิงเขาใหญ่ |
ให้หยุดพหลพลไกร | ไว้ดูกำลังอสุรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา |
ยืนรออยู่กลางโยธา | แลมาเห็นทัพวานร |
ตั้งเป็นอินทรีพยุหบาตร | ทำองอาจฮึกหาญชาญสมร |
มนุษย์เป็นจอมพลากร | ก็โกรธดั่งไฟฟอนไหม้ฟ้า |
ยี่สิบหัตถ์กวัดแกว่งอาวุธ | สำแดงฤทธิรุทรแกล้วกล้า |
ให้เร่งขับรถรัตนา | ฝ่าพลโยธาขึ้นไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ จึ่งร้องว่าเหวยรามลักษมณ์ | รู้จักพระกาลฤๅหาไม่ |
ซึ่งเอ็งอาจองทะนงใจ | มิได้เกรงเดชกุมภัณฑ์ |
วันนี้เรายกมารอนราญ | จะผลาญชีวาให้อาสัญ |
อันโยธาวานรทั้งนั้น | จะหั่นมิให้แค้นคอกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์นาถา |
ได้ฟังจึ่งตอบวาจา | ว่าเหวยทศกัณฐ์ใจพาล |
เอ็งอย่าเจรจาให้เกินพักตร์ | ทะนงศักดิ์หาวฮึกอวดหาญ |
ตั้งตัวว่าเป็นพระกาล | ขุนมารจะมาขู่ใคร |
ถึงเอ็งสิบเศียรสิบกร | ไหนจะทนศรกูได้ |
ไม่ช้าจะม้วยบรรลัย | สิ้นทั้งไพร่พลที่ออกมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวสิบพักตร์ยักษา |
ได้ฟังยิ่งกริ้วโกรธา | ยี่สิบตาดั่งดวงสุริยัน |
ทำอำนาจผาดแผดสุรเสียง | สำเนียงดั่งหนึ่งฟ้าลั่น |
ดีแล้วจะได้เห็นกัน | กูจะมล้างชีวันเสียบัดนี้ |
ว่าแล้วจึ่งมีบรรหาร | สั่งเสนามารยักษี |
เร่งเข้าหักโหมโจมตี | ฆ่าหมู่กระบี่ให้มรณา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายหมู่อสุรศักดิ์ยักษา |
รับสั่งพญาอสุรา | ก็เข้าไล่เข่นฆ่าวานร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พุ่งซัดอาวุธเป็นห่าฝน | ต่างตนต่างยิงธนูศร |
โห่ฮึกสะอึกฟันฟอน | ด้วยฤทธิรอนกุมภัณฑ์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพลวานรแข็งขัน |
รับกรรอนรุกบุกบัน | เข้าไล่โรมรันอสุรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พลลิงฉวยชิงอาวุธยักษ์ | โหมหักเขม้นเข่นฆ่า |
หมู่มารตายกลาดดาษดา | แตกมาไม่เป็นสมประดี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | สิบขุนทหารยักษี |
เห็นวานรไล่ฆ่าราวี | โกรธดังอัคคีบรรลัยกาล |
ต่างตนกวัดแกว่งอาวุธ | สำแดงฤทธิรุทรกล้าหาญ |
กระทืบบาทผาดโผนโจนทะยาน | เข้าไล่รอนราญกระบี่ไพร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ กลอกกลับสัประยุทธ์กลางพล | วานรไม่ทนกำลังได้ |
แตกร้นย่นยับทั้งทัพชัย | สิบนายรุกไล่ติดพัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | สุรเสนสุรกานต์ตัวขยัน |
เกยูรมายูรชาญฉกรรจ์ | นิลเอกนิลขันผู้ศักดา |
อีกทั้งกระบี่ทวิพัท | มหัทวิกันตัวกล้า |
วาหุโรมเกสรทมาลา | เห็นยักษาไล่รุกคลุกคลี |
วานรแตกยับสับสน | อลวนอื้ออึงคะนึงมี่ |
กริ้วโกรธพิโรธดั่งอัคคี | โจมจับอสุรีทั้งสี่นาย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ลิงแทงยักษ์ตีกระบี่ปัด | กอดฟัดล้มควํ่าล้มหงาย |
รบชิดไม่คิดตัวตาย | ต่างหมายจะล้างชีวา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สิบขุนทหารยักษา |
รับรองป้องปัดเป็นโกลา | โถมจับวานรทั้งสิบตน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ยักษ์แทงลิงชิงอาวุธ | อุตลุดวุ่นวายสับสน |
ต่างหาญต่างกล้าอดทน | ต่างตนไม่ละลดกร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | สิบทหารองค์พระทรงศร |
ต่างโผนโจนประจัญฟันฟอน | วานรโจมจับอสุรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สิบกระบี่ตีสิบกุมภัณฑ์ | ฟันด้วยอาวุธคมกล้า |
หัวขาดตัวขาดดาษดา | สิบขุนมรณาด้วยฤทธี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด โอด
๏ เมื่อนั้น | สิบรถลูกท้าวยักษี |
เห็นสิบขุนสุดสิ้นชีวี | โกรธดั่งอัคคีบรรลัยกาล |
กวัดแกว่งอาวุธกระทืบบาท | ทำอำนาจสำแดงกำลังหาญ |
ขับรถเข้าไล่รอนราญ | ขุนมารตีสิบวานร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | สุครีพหนุมานชาญสมร |
องคตผู้เรืองฤทธิรอน | อีกทั้งวานรนิลนนท์ |
เห็นสิบรถไล่ตีกระบี่มา | สี่นายโกรธากุลาหล |
กวัดแกว่งอาวุธคำรามรณ | ต่างตนออกรับกุมภัณฑ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | สิบรถฤทธิแรงแข็งขัน |
เห็นสี่วานรชาญฉกรรจ์ | เข้ามากางกั้นรถไว้ |
สี่ตนกริ้วโกรธกระทืบบาท | พสุธาอากาศหวาดไหว |
ตนหนึ่งกวัดแกว่งศรชัย | ว่าเหวยดูก่อนไอ้ลิงป่า |
กูมีศักดาวราฤทธิ์ | พระอาทิตย์ก็ขับรถหนี |
ตัวมึงจะเข้ามาราวี | ไม่ทันนาทีจะมรณา |
ตนหนึ่งกวัดแกว่งคทาธร | ว่าเหวยดูก่อนอ้ายลิงป่า |
ตัวกูผู้มีศักดา | พระอินทราก็เกรงฤทธี |
ตนหนึ่งถือหอกออกคำรณ | กูผจญเทวาทุกราศี |
แต่พระเพลิงเริงแรงราวี | ก็ขับแรดร้ายหนีไม่ต้านทาน |
ตนหนึ่งมีมือถือจักร | ว่ากูทรงสิทธิศักดิ์ห้าวหาญ |
พระพายทรงเดชชัยชาญ | ก็ขับม้าทะยานหนีไป |
มึงนี้จะมาต่อสู้ | จะทนมือกูที่ไหนได้ |
ไอ้ชาติเดียรัจฉานจังไร | จะบรรลัยไม่ทันพริบตา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สุครีพฤทธิไกรใจกล้า |
ได้ฟังจึ่งร้องตอบมา | ว่าเหวยดูก่อนไอ้ขุนยักษ์ |
ตัวกูเป็นบุตรพระทินกร | ฤทธิรอนปราบได้ทั้งไตรจักร |
มึงอย่าเจรจาให้เกินพักตร์ | ไอ้ชาติทรลักษณ์อัปรีย์ |
หนุมานชี้หน้าแล้วร้องเย้ย | ว่าเหวยดูก่อนไอ้ยักษี |
กูลูกพระพายผู้ฤทธี | จะมาเอาชีวีขุนมาร |
องคตตบมือร้องตวาด | มึงอย่าองอาจอวดหาญ |
กูเป็นหลานรักมัฆวาน | จะมาผลาญชีวิตกุมภัณฑ์ |
นิลนนท์ว่าเหวยไอ้พาลา | มึงไม่รู้ว่าจะอาสัญ |
กูคือพระเพลิงชาญฉกรรจ์ | จะมาบั่นเศียรเกล้ามึงไป |
ว่าแล้วสี่นายแผลงฤทธิ์ | ทศทิศกัมปนาทหวาดไหว |
โลดโผนโจนขึ้นรถชัย | ทะลวงไล่โจมจับอสุรี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ อันรถขุนยักษ์ทั้งสี่ตน | ไม่ทนกำลังกระบี่ศรี |
หักยับเป็นภัสมธุลี | ไกรสรสารถีก็วายปราณ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | สี่รถฤทธิไกรใจหาญ |
รบชิดติดพันประจัญบาน | โผนทะยานจับสี่วานร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แปดนายต่างรับต่างตี | ดั่งคชสีห์กับไกรสร |
ต่างกล้าต่อหาญราญรอน | ประจัญกรไม่งดลดกัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทั้งสี่วานรแข็งขัน |
โรมรุกคลุกคลีตีประจัญ | พัลวันจับสี่อสุรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฟาดลงกับพื้นดินดอน | ด้วยกำลังฤทธิรอนกระบี่ศรี |
หัวขาดตัวขาดไม่สมประดี | ทั้งสี่กุมภัณฑ์ก็มรณา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด โอด
๏ เมื่อนั้น | หกรถสุริย์วงศ์ยักษา |
เห็นสี่รถสุดสิ้นชีวา | โกรธาขับรถเข้ารอนราญ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งชามพูวราชใจหาญ |
กับนิลราชชมพูพาน | วิสันตะรานฤทธี |
ทั้งญาณรสคนธ์วิมลราช | หกนายองอาจดังไกรสีห์ |
กริ้วโกรธพิโรธดั่งอัคคี | โถมจับอสุรีทั้งหกรถ |
รัถาหกยับแหลกลาญ | หกสารถีมารก็ตายหมด |
หกกระบี่ไล่ตีไม่เงือดงด | จนใกล้หน้ารถทศกัณฐ์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | หกรถฤทธิแรงแข็งขัน |
ต่างตนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน | โถมเข้าโรมรันประจัญตี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ กลอกกลับจับกันสับสน | ต่างอดต่างทนไม่ถอยหนี |
หกยักษ์หกลิงเข้าราวี | ถ้อยทีจะล้างชีวา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | วานรหกนายใจกล้า |
เผ่นโผนโจนถีบอสุรา | ด้วยกำลังศักดาว่องไว ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ล้มลงกับพื้นปัถพี | หกกระบี่เหยียบอกไว้ได้ |
ฉีกแขนฉีกขาโยนไป | ตรงหน้ารถชัยทศกัณฐ์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด โอด
๏ เมื่อนั้น | ทศเศียรสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
เห็นสิบรถสิ้นชีพชีวัน | กุมภัณฑ์กริ้วโกรธพิโรธนัก |
กระทืบบาทผาดเสียงดังฟ้าผ่า | พระหัตถ์เงื้อง่าทรงจักร |
ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันคึกคัก | ขุนยักษ์ขว้างไปด้วยฤทธิ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ โชติช่วงดั่งดวงอโณทัย | เสียงสนั่นหวั่นไหวถึงดุสิต |
ต้องหมู่โยธาปัจจามิตร | ล้มตายอกนิษฐ์ดาษดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระตรีภพลบโลกนาถา |
เห็นทศพักตร์ขว้างจักรมา | ต้องหมู่โยธาวานร |
บ้างล้มบ้างตายเกลื่อนกลาด | จึ่งชักพลายวาตพระแสงศร |
พาดสายหมายมุ่งจะราญรอน | ภูธรก็ผาดแผลงไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ศรชัยสังหารจักรกรด | แหลกหมดไม่ทานกำลังได้ |
ทั้งพลกุมภัณฑ์ก็บรรลัย | ดาษไปกับพื้นปัถพี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยี่สิบกรยักษี |
เสียจักรเสียพลโยธี | โกรธดั่งอัคคีไหม้ฟ้า |
จึ่งชักศรสาตร์ขึ้นพาดสาย | มุ่งหมายเขม้นจะเข่นฆ่า |
น้าวหน่วงด้วยกำลังฤทธา | อสุราก็ผาดแผลงไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เต็มทั้งท้องฟ้าอากาศ | เกลื่อนกลาดไม่นับเล่มได้ |
มีเปลวร้อนแรงดั่งแสงไฟ | ล้อมรอบรถชัยพระจักรี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี |
เห็นทศกัณฐ์แผลงศรมาราวี | ก็ชักอัคนีพระแสงทรง |
พาดสายหมายล้างอสุรา | งามสง่าดั่งท้าวครรไลหงส์ |
น้าวหน่วงด้วยกำลังฤทธิรงค์ | พระภุชพงศ์ก็ผาดแผลงไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เป็นลมกาลผลาญศรยักษ์ | หักยับไม่ทนอยู่ได้ |
อันหมู่โยธีกระบี่ไพร | ที่บรรลัยก็เป็นคืนมา |
แล้วไปทำลายรถทรง | ขององค์ทศพักตร์ยักษา |
ราชสีห์สารถีก็มรณา | ด้วยศักดาเดชพระอวตาร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวราพณาสูรใจหาญ |
รถหักตกลงกับดินดาน | ขุนมารกริ้วโกรธดั่งอัคคี |
สิบปากขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน | แผดเสียงสนั่นอึงมี่ |
โลดโผนโจนไปด้วยฤทธี | ถึงที่หน้ารถพระรามา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สิบเก้าหัตถ์กวัดแกว่งอาวุธ | กรหนึ่งฉวยยุดเอารัถา |
ดั่งราหูอันใจพาลา | จับพระสุริยาในอัมพร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระรามสุริย์วงศ์ทรงศร |
ครั้นเห็นท้าวยี่สิบกร | เข้ามาราญรอนราวี |
จึ่งเสด็จจากราชรถทรง | กับองค์พระลักษมณ์เรืองศรี |
เข้าไล่บุกบันประจัญตี | ภูมีโจมจับอสุรา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เท้าซ้ายเหยียบเข่าน้าวเศียร | หันเวียนยักย้ายหลายท่า |
พระกรแกว่งศรศักดา | ตีต้องกายากุมภัณฑ์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ทศเศียรสุริย์วงศ์รังสรรค์ |
สิบมือนั้นคอยป้องกัน | สิบหัตถ์รบรันประจัญกร |
ต่างถอยต่างไล่กลอกกลับ | ต่างตีต่างรับด้วยคันศร |
อสุรีกวัดแกว่งคทาธร | เข้าราญรอนสัประยุทธ์ด้วยฤทธี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ หันเหียนเปลี่ยนท่ารอนราญ | ต่างหาญต่างกล้าไม่ถอยหนี |
ต่างหมายจะล้างชีวี | ถ้อยทีโรมรันกันไปมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระตรีภพลบโลกนาถา |
รานรุกคลุกคลีอสุรา | โจนขึ้นเหยียบบ่ายืนยัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ กรกุมมงกุฎทั้งสิบเศียร | หันเวียนว่องไวดั่งจักรผัน |
หัตถ์หนึ่งแกว่งศรโรมรัน | ตีต้องทศกัณฐ์เป็นหลายที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสิบพักตร์ยักษี |
ต้องคันศรเจ็บทั้งอินทรีย์ | อสุรีหันเหเซไป |
ขบฟันขืนองค์ดำรงกาย | จะครั่นคร้ามความตายก็หาไม่ |
กรหนึ่งฉวยชักศรชัย | พาดสายแผลงไปด้วยฤทธา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ สำเนียงดั่งเสียงลมกรด | มืดบดไปทั่วทิศา |
บัดเดี๋ยวเป็นไฟไหม้มา | ร้อนแรงแสงกล้าดั่งเพลิงกัลป์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระกฤษณุรักษ์รังสรรค์ |
เห็นศรทศเศียรกุมภัณฑ์ | เป็นเปลวควันไฟบรรลัยกาล |
จึ่งจับพลายวาตขึ้นพาดสาย | พระเนตรมุ่งหมายจะสังหาร |
น้าวหน่วงด้วยกำลังชัยชาญ | ผ่านฟ้าก็แผลงไปด้วยฤทธิ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เสียงสนั่นลั่นเลื่อนสะเทือนดิน | ไหวสิ้นถึงชั้นดุสิต |
เป็นห่าฝนสวรรค์ครรชิต | ตกดับเพลิงพิษกุมภัณฑ์ |
แล้วต้องม้ารถคชพล | วายชนม์สิ้นชีพอาสัญ |
ปักอกองค์ท้าวทศกัณฐ์ | ตรึงมั่นด้วยกำลังฤทธี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยี่สิบกรยักษี |
ต้องศรเจ็บทั่วทั้งอินทรีย์ | ดั่งหนึ่งชีวีจะมรณา |
จึ่งยอพระกรขึ้นเหนือเกศ | ไหว้คุณพรหเมศนาถา |
อุตส่าห์ดำรงกายา | หลับตาร่ายวิทยามนต์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ ครั้นจบพระเวทพิธี | อสุรีเป่าลูบลงสามหน |
ศรนั้นก็หลุดจากตน | พอพระสุริยนรอนรอน |
จะใกล้สิ้นแสงอัสดง | เลี้ยวลงลับเหลี่ยมสิงขร |
ให้เลิกโยธาพลากร | คืนเข้านครลงกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระจักรรัตน์แก้วนาถา |
ครั้นทศเศียรอสุรา | เลิกพลโยธากลับไป |
พระเสด็จขึ้นยังพิชัยรถ | พร้อมทศโยธาน้อยใหญ่ |
ให้เลิกพหลพลไกร | คืนไปพลับพลาอลงกรณ์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ท้าวทศพักตร์ชาญสมร |
ครั้นถึงลงกาพระนคร | บทจรขึ้นปราสาทรูจี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เอนองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ | กรก่ายนลาตยักษี |
แสนทุกข์แสนเทวษแสนทวี | อสุรีเศร้าสร้อยฤทัยนัก |
คิดถึงกุมภกรรณอนุชา | ลูกยาอินทรชิตสิทธิศักดิ์ |
ทั้งมังกรกัณฐ์หลานรัก | สุริย์วงศ์พงศ์ยักษ์ที่วายปราณ |
ที่นี้จะได้ใครต่อสู้ | อันหมู่ข้าศึกที่ฮึกหาญ |
แต่ตัวของกูผู้ชัยชาญ | ออกไปรอนราญด้วยมัน |
ยังต้องศรเต็มทั้งกายา | ปิ้มว่าชีวาจะอาสัญ |
เสียหมู่ม้ารถคชกรรม์ | เสียพวกพลขันธ์โยธี |
เสียทั้งสิบรถลูกรัก | สิบขุนสิทธิศักดิ์ยักษี |
อกเอ๋ยจะทำไฉนดี | จึ่งจะล้างไพรีให้บรรลัย ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ แต่ผุดลุกผุดนั่งรำพึงคิด | จะสนิทนิทราก็หาไม่ |
จนรุ่งรางสางแสงอโณทัย | คิดได้ว่าองค์สหายรัก |
อยู่ยังปางตาลนคเรศ | ฤทธิ์เดชปราบทั่วทั้งไตรจักร |
ชื่อมูลพลัมขุนยักษ์ | ร่วมรักร่วมชีพชีวัน |
จะให้เชิญมาปรึกษาก่อน | จึ่งจะยกนิกรพลขันธ์ |
ออกไปรณรงค์ด้วยกัน | ฆ่ามันให้ได้ดั่งจินดา |
คิดแล้วสระสรงทรงเครื่อง | อร่ามเรืองทั้งกายยักษา |
เสด็จยุรยาตรคลาดคลา | ออกมาพระโรงรูจี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ | พร้อมเสนามาตย์ยักษี |
ประนมกรน้อมเกล้าอัญชุลี | จึ่งมีพระราชโองการ |
สั่งเปาวนาสูรผู้ปรีชา | ให้แต่งสาราราชสาร |
ไปยังนครปางตาล | ถวายแก่พญามารสหายรัก |
ตามเรื่องซึ่งเกิดการณรงค์ | ว่าลักษมณ์รามอาจองทะนงศักดิ์ |
ยกกระบี่นิกรทรลักษณ์ | มาเคี่ยวฆ่าวงศ์ยักษ์ถึงลงกา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งเปาวนาสูรยักษา |
ก้มเกล้ารับราชบัญชา | แล้วแต่งสาราอันสุนทร |
ให้อาลักษณ์ลงแผ่นสุพรรณบัฏ | ใส่กล่องเนาวรัตน์ประภัสสร |
จึ่งให้กาลสูรฤทธิรอน | กับขุนอัสดรถือไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนายผู้มีอัชฌาสัย |
รับสารพระองค์ทรงภพไตร | บังคมไหว้แล้วคลานออกมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ต่างตนขึ้นสินธพชาติ | อันมีอำนาจแกล้วกล้า |
ขับทะยานออกจากลงกา | ตรงไปพาราปางตาล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงลงจากพาชี | อสุรีชูกล่องราชสาร |
ก็เข้าไปหาเสนามาร | แจ้งการโดยราชบัญชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนีผู้มียศถา |
ก้มเกล้ารับราชบัญชา | แจ้งว่าลงกาพระบุรี |
เกิดการสัประยุทธ์รณรงค์ | พระองค์ให้ราชสารศรี |
มาถึงพระสหายร่วมชีวี | ก็พาสองเสนีเข้าไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงที่ท้องพระโรงคัล | กุมภัณฑ์น้อมเศียรบังคมไหว้ |
ทูลว่าพระสหายผู้ร่วมใจ | ซึ่งผ่านเวียงชัยลงกา |
ใช้ให้กาลสูรฤทธิรอน | กับขุนอัสดรยักษา |
สองนายถือราชสารา | มาถวายใต้เบื้องบทมาลย์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พญามูลพลัมใจหาญ |
แจ้งว่าพระสหายชัยชาญ | ให้มีสารมาก็ยินดี |
จึ่งมีบัญชาอันสุนทร | ดูกรทั้งสองยักษี |
พระสหายผู้ร่วมชีวี | ใช้เอ็งมานี้ด้วยอันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กาลสูรผู้มีอัชฌาสัย |
ได้ฟังบรรหารพระภูวไนย | บังคมไหว้สนองพระบัญชา |
บัดนี้ลงการาชฐาน | เกิดการเคี่ยวเข็ญเข่นฆ่า |
พระญาติพระวงศ์ก็มรณา | ร้อนทุกเส้นหญ้าทุกธานี |
จึ่งให้ข้ามาเฝ้าบาทบงสุ์ | พระผู้พงศ์พันธมิตรเรืองศรี |
ทูลแล้วส่งสารสวัสดี | ให้แก่เสนีปางตาล ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | อำมาตย์ผู้ใหญ่ใจหาญ |
ก็เปิดกล่องรัตน์ชัชวาล | คลี่อ่านถวายด้วยปรีชา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ราชสารทศเศียรสุริย์วงศ์ | ผู้พงศ์พรหเมศนาถา |
เป็นจอมมงกุฎลงกา | มายังองค์พระสหายรัก |
อันสถิตยังมงคลสถาน | อุปราชปางตาลอาณาจักร |
บัดนี้ลงกากรุงยักษ์ | มีหมู่ปรปักษ์ปัจจามิตร |
คือมนุษย์ลักษมณ์รามอหังการ์ | คุมพลโยธาอกนิษฐ์ |
ล้วนเหล่าวานรมีฤทธิ์ | ข้ามมารบชิดติดพัน |
เคี่ยวฆ่าด้วยการรณรงค์ | สุริย์วงศ์อสุราอาสัญ |
อันพญาไมยราพกุมภกรรณ | ทั้งอินทรชิตนั้นก็บรรลัย |
ตัวเรายกพลออกรอนราญ | จะหักหาญเอาชัยก็ไม่ได้ |
ครั้งนี้ไม่มีผู้ใด | ที่ร่วมใจปรึกษาสงคราม |
ขอเชิญพระสหายคู่ชีวิต | ผู้เรืองฤทธิ์แกล้วหาญชาญสนาม |
มาช่วยคิดฆ่าลักษมณ์ราม | ดับความทุกข์ร้อนในลงกา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พญามูลพลัมยักษา |
ได้แจ้งแห่งราชสารา | โกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน |
ลุกขึ้นกระทืบบาทผาดเสียง | สำเนียงกึกก้องดั่งฟ้าลั่น |
เหม่เหม่มนุษย์เท่าแมงวัน | กูจะบั่นให้เป็นภัสม์ธุลี |
ว่าแล้วเสด็จยุรยาตร | ลงจากปราสาทมณีศรี |
ขึ้นเฝ้าพระองค์ทรงธรณี | ฝูงนางอสุรีก็ตามมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งถวายบังคม | องค์พระบรมเชษฐา |
ทูลว่าทศเศียรอสุรา | ซึ่งครองลงกาพระนคร |
ผู้เป็นสหายรักสนิท | ร่วมชีวิตน้องมาแต่ก่อน |
ใช้ให้กาลสูรฤทธิรอน | ถือลักษณ์อักษรมาแจ้งการ |
ว่าลงกาเกิดรณยุทธ์ | สองมนุษย์ฮึกฮักหักหาญ |
ยกพลวานรมารอนราญ | หมู่มารสิ้นชีพชีวัน |
ตัวน้องขอลาเบื้องบาท | พระเชษฐาธิราชรังสรรค์ |
ไปช่วยสงครามทศกัณฐ์ | ทรงธรรม์จงได้เมตตา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสหัสเดชะยักษา |
ได้ฟังสมเด็จพระอนุชา | อสุรานิ่งนึกตรึกไตร |
อันสองมนุษย์กับวานร | ซึ่งข้ามสาครสมุทรใหญ่ |
เห็นทีจะมีฤทธิไกร | จึ่งอาจใจมาต่อมือยักษ์ |
ทศกัณฐ์ก็พงศ์พรหเมศ | เรืองเดชทั่วไปทั้งไตรจักร |
ไฉนมาครั่นคร้ามแก่รามลักษมณ์ | เห็นศึกจะหนักพันทวี |
คิดแล้วจึ่งกล่าวสุนทร | ดูกรน้องรักของพี่ |
ซึ่งจะยกพหลโยธี | ไปยังบุรีลงกา |
ช่วยการสงครามพระสหาย | เพื่อนตายขององค์กนิษฐา |
ก็ต้องโดยยุติธรรมา | แต่พี่ยาจะไปด้วยน้องรัก |
ฆ่าเสียให้สิ้นเสี้ยนศึก | ที่ห้าวฮึกอาจองทะนงศักดิ์ |
ให้ปรากฏเกียรติไว้ในวงศ์ยักษ์ | กว่าจักสิ้นฟ้าสุธาธาร |
ว่าแล้วจึ่งมีบัญชา | สั่งกาลจักรใจหาญ |
จงจัดพหลพลมาร | กูจะไปรอนราญไพรี ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึ่งกาลจักรยักษี |
รับสั่งแล้วถวายอัญชุลี | ออกมาจากที่พระโรงคัล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ปฐม
ยานี
๏ เกณฑ์หมู่ม้ารถคชสาร | พลมารเหี้ยมแหงแข็งขัน |
ให้พระอนุชาชาญฉกรรจ์ | องค์อุปราชอันฤทธิรุทร |
เป็นกองทัพหน้าราวี | อสุรีนับสามสิบสมุทร |
ล้วนถือสาตราวราวุธ | เกลื่อนกล่นอุตลุดเป็นโกลา |
โยธาทัพหลวงล้วนสามารถ | องอาจฤทธิแรงแข็งกล้า |
ขี่มหิงส์สิงห์เสือกิเลนลา | เลียงผาโลโตจามรี |
ทั้งโคเพลาะโคกระทิงโคแดง | โคเถลิงเริงแรงเม่นหมี |
บ้างขี่คชาพาชี | แรดร้ายราวีมังกร |
ล้วนถือง้าวทวนหอกดาบ | ปืนยากำซาบธนูศร |
เตรียมทั้งรถศึกอันบวร | คอยเสด็จบทจรอสุรา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา