สมุดไทยเล่มที่ ๑๓

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวทศรถเรืองศรี
ครั้นครบกำหนดราตรี มีความยินดีปรีดา
จึ่งพาอัคเรศทั้งสามองค์ อันทรงลักษณ์เลิศดั่งเลขา
ลงจากปราสาทแก้วแววฟ้า ตรงมาเข้าโรงราชพิธี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งน้อมเศียรเกล้าอภิวาทน์ แทบบาทพระมหาฤๅษี
ถวายเครื่องบูชามาลี ในทิ่ท่ามกลางพระนักพรต ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระกไลโกฏดาบส
ครั้นเห็นองค์ท้าวทศรถ จึ่งมีพจนารถวาจา
อันซึ่งการกิจพิธี บัดนี้เสร็จดั่งปรารถนา
บังเกิดข้าวทิพย์อันโอชา ด้วยอานุภาพตบะกรรม์
แต่มีกากนาสาธารณ์ บินทะยานโฉบไปครึ่งปั้น
ต้องคำพระอิศวรทรงธรรม์ สามก้อนกึ่งนั้นไม่ราคิน
ว่าแล้วหยิบเอาสุธาโภชน์ ปั้นหนึ่งเอมโอชด้วยรสกลิ่น
ให้เกาสุริยายุพาพิน กินเถิดจำเริญสวัสดี
แล้วหยิบปั้นหนึ่งส่งให้ แก่โฉมนางไกยเกษี
อันนางสมุทรเทวี ให้ปั้นหนึ่งกับที่เหลือกา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สามพระมเหสีเสน่หา
รับเอาข้าวทิพย์นั้นมา กัลยาเสวยสำราญใจ
อันกลิ่นรสากระยาหาร หอมหวานไม่มีที่เปรียบได้
ซับซาบอาบอิ่มทั่วไป ทั้งในสกนธ์อินทรีย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายห้าพระมหาฤๅษี
กับพวกคณะโยคี ครั้นเสร็จพิธีก็อวยพร
พระองค์จงอยู่ให้สำราญ รูปผู้อาจารย์จะลาก่อน
ว่าแล้วพากันบทจร ออกจากพระนครอยุธยา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถนาถา
สมคิดเหมือนจิตเจตนา ปรีดาดั่งได้โสฬส
จึ่งพาสามองค์ทรงลักษณ์ ผ่องพักตร์เอี่ยมองค์อลงกต
ทอดกรอ่อนงามช้อยชด บทจรมาปราสาทมณี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายองค์พระนารายณ์เรืองศรี
ครั้นได้ศุภฤกษ์สวัสดี อัญชุลีลาเจ้าโลกา
ชวนพระลักษมีศรีสมร บังอรเยาวยอดเสน่หา
ทั้งพญาอนันตนาคา มาเราจะพากันไป
ตรัสแล้วเสด็จอวตาร สามโลกสะท้านสะเทือนไหว
ลงสู่พระครรภ์ทรามวัย ในองค์นางเกาสุริยา
จักรแก้วเข้าครรภ์เทวี นางไกยเกษีเสน่หา
คทาสังข์บัลลังก์นาคา มาเข้าครรภ์สมุทรนงคราญ
องค์พระลักษมีประไพพักตร์ ร่วมรักคู่ชีพสังขาร
เข้าครรภ์มณโฑเยาวมาลย์ พร้อมวันอวตารพระจักรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ สาธุการ

สระบุหร่ง

๏ เมื่อนั้น เทพบุตรนางฟ้าทุกราศี
เห็นพระนารายณ์ฤทธี กับพระลักษมีร่วมใจ
ทั้งคทาจักรสังข์บัลลังก์นาค อวตารจากเกษียรสมุทรใหญ่
ไปเป็นมนุษย์วุฒิไกร พวกภัยจะม้วยด้วยฤทธา
ต่างองค์โปรยทิพย์มาลาลาศ อภิวาทน์อวยพรถ้วนหน้า
เป่าสังข์ดังสนั่นลั่นฟ้า เทวาก็จับระบำบัน
ยักย้ายถ่ายเทเล่ห์กล แยบยลชั้นเชิงบิดผัน
ตีวงลดเลี้ยวเกี้ยวพัน เทวัญกั้นกางนางไว้
ฉวยฉุดยุดชายสไบทรง แทรกเปลี่ยนเวียนวงขวักไขว่
สาวสวรรค์หันหลีกเลี่ยงไป เทวัญกระชั้นไล่ตามมา
นางเทพอัปสรเวียนซ้าย เทเวศร์เรียงร่ายเวียนขวา
สาวสวรรค์หันล่อเทวา ทำท่ามิให้ใกล้ชิด
นางเทพอัปสรศรี แต่ชม้อยคอยทีจะเบี่ยงบิด
สลัดปัดกรสุราฤทธิ์ แสนสำราญบานจิตทุกเทวา ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

ปลิ่ม

๏ เมื่อนั้น ฝูงนางอัปสรเสน่หา
รำล่อคลอเคียงเข้ามา นัยนาชม้อยคอยที
ครั้นเทวัญกระชั้นเข้าชิด นางฟ้าทำจริตบิดหนี
รำร่ายกรายท่าม้าตีคลี มารศรีล่อเลี้ยวให้ติดพัน
เปลี่ยนกรร่อนรำเยื้องไหล่ เทพบุตรเข้าใกล้ก็บิดผัน
เยื้องยักผลักมือเทวัญ หันวงเวียนไปข้างซ้าย
เทเวศร์ก็รำย้ายท่า มยุราฟ้อนหางเฉิดฉาย
นางรำเรียงหมอนกรกราย ชม้ายม่ายเมียงเคียงไป
เทพบุตรรำท่าเลียบถํ้า นางรำผาลาเพียงไหล่
เทวารำเคล้าเย้ายั่วใจ นางในสุขเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

พระทอง

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายฝูงเทวาในราศี
รำเคล้านางเทพนารี ทำทีไขว่คว้าเลียมลวน
แล้วแซงเยื้องย่างเข้ากางกั้น ทอดสนิทติดพันแย้มสรวล
ฝูงเทพธิดาทำกระบวน รำทวนล่อร่ายชายตา
เทวารำภุมรีเคล้า สัพยอกหยอกเย้าแล้วเวียนขวา
นางรำสอดสร้อยมาลา วงมาเบื้องซ้ายเทวินทร์
เทพบุตรเปลี่ยนท่าเยื้องกราย เหราเล่นสายกระแสสินธุ์
อัปสรร่อนรำเป็นหงส์บิน ผันผินคอยทีป้องกัน
เทเวศร์รำเคล้าเข้าให้ใกล้ เลี้ยวไล่ไขว่คว้านางสวรรค์
ต่างฉวยต่างปัดพัลวัน เกษมสันต์บันเทิงพันทวี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

เบ้าหลุด

๏ เมื่อนั้น ฝูงเทพธิดามารศรี
รำล่อสุราลัยในที ชายหนีโดยกระบวนระบำบัน
ครั้นเทพบุตรเลี้ยวไล่ นางฟ้าค้อนให้แล้วผินผัน
เทวาแทรกเปลี่ยนพัลวัน นางสวรรค์หลีกล่อรอมา
กรายกรร่อนร้องโอดครวญ โหยหวนงอนจริตประดิษฐ์ท่า
ทำทีเลี้ยวล่อเทวา ด้วยมารยาแยบยลกลใน
เห็นเทเวศร์เวียนขวาเข้ามากั้น ทอดสนิทติดพันคว้าไขว่
นางสวรรค์เวียนซ้ายชายไป มิให้สุราลัยเข้าชิด
อันเทวานางฟ้าก็ชื่นบาน ด้วยนารายณ์อวตารสำราญจิต
ถวายพระศุลีมีฤทธิ์ อันประสิทธิ์ประเสริฐเลิศธาตรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง

ช้าปี่

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายสามอัคเรศมเหสี
ครั้นเสวยข้าวทิพย์พิธี อันมีเสาวรสโอฬาร
ให้อิ่มอาบซาบทรวงดวงจิต ลืมคิดเสพรสกระยาหาร
แสนสุขแสนเกษมสำราญ พอรุ่งสุริย์ฉานเวลา
ก็จำเริญส่งศรีฉวีวร ดั่งจันทรทรงกลดในเวหา
นวลละอองผ่องเพียงทองทา ทั้งสามกัลยาก็ทรงครรภ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถรังสรรค์
เสวยสุขอยู่ทุกทิวาวัน ด้วยสามนางแก้วกัลยาณี
พระองค์ผู้ทรงเทวราช จะใคร่ไปประพาสพนาศรี
จึ่งชวนสามอัครราชเทวี เจ้าพี่ผู้ดวงนัยนา
มาจะไปเที่ยวเล่นด้วยกัน ยังอรัญหิมเวศราวป่า
ชมไม้ชมหมู่สกุณา ให้เป็นผาสุกสำราญ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น สามอนงค์เยาวยอดสงสาร
ได้ฟังพระบัญชาการ กราบกับบทมาลย์แล้วทูลไป
ซึ่งพระองค์จะพาข้าบาท ไปประพาสพฤกษาในป่าใหญ่
พระคุณลํ้าลบภพไตร จะได้ชมเล่นเป็นขวัญตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระปิ่นภพลบโลกนาถา
ครั้นเสร็จชวนสามกัลยา ก็ออกมาพระโรงรูจี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรเฉลิมศรี
จึ่งมีพระราชวาที ตรัสสั่งเสนีผู้ร่วมใจ
จงเตรียมม้ารถคชสาร โยธาทวยหาญน้อยใหญ่
กูจะไปเที่ยวเล่นพนาลัย ในเวลารุ่งสุริยัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุมันตันเสนาคนขยัน
รับสั่งพระผู้พงศ์เทวัญ บังคมคัลแล้วคลานออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ยานี

๏ เกณฑ์หมู่จัตุรงค์โยธี แสนสุรเสนีแกล้วกล้า
ขุนช้างขี่ช้างชนะงา ถือของ้าวง่ากรายกร
ขุนม้าขี่ม้าอาชาชาติ คาดแล่งมือถือธนูศร
ขุนรถขี่รถงามงอน ปักธงมังกรโบกบน
มือถือเกาทัณฑ์เงื้อง่า ยืนขับอาชากุลาหล
ขุนพลเลือกสรรจัดพล ล้วนแต่คงทนอาวุธ
ใส่เสื้ออย่างน้อยกรีดกราย มือถือทองปลายอึงอุด
บ้างถือคาบศิลาครบชุด อุตลุดโอ่อวดประกวดกัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระพงศ์จักรพรรดิรังสรรค์
ชวนสามอัคเรศวิไลวรรณ จรจรัลไปสรงวาริน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ สุหร่ายแก้วโปรยปรายดั่งสายฝน ทรงสุคนธ์หอมฟุ้งจรุงกลิ่น
สนับเพลาเชิงรูปนาคินทร์ ภูษาทรงข้าวบิณฑ์พื้นดำ
นางทรงภูษิตพื้นทอง สไบกรองสอดสีเขียวขำ
พระทรงสร้อยบุษราคัม ประจำยามตาบทิศสังวาลวัลย์
นางทรงทับทรวงสะอิ้งแก้ว แล้วสอดสร้อยทับประดับถัน
พระทรงรัดองค์กระหนกพัน พาหุรัดกุดั่นทองกร
ต่างทรงธำมรงค์เรือนเก็จ พื้นเพชรจำรัสประภัสสร
มงกุฎแก้วกุณฑลกรรเจียกจร ดอกไม้ทัดอรชรทั้งสี่องค์
พระจอมภพจับพระขรรค์เทวราช งามวิลาสดั่งท้าวครรไลหงส์
สามพระมเหสีสุริย์วงศ์ ตามเสด็จบาทบงสุ์ดำเนินมา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง

๏ ขึ้นยังรถทรงอลงการ ให้เลิกทวยหาญซ้ายขวา
ออกจากทวารพารา ไปตามมรรคาพนาวัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

โทน

๏ รถเอยรถมรกต แอกงอนอ่อนชดฉายฉัน
กงกำล้วนแก้วประกับกัน ลดชั้นบัลลังก์อลงกรณ์
จตุรมุขงามแม้นพิมานรัตน์ ครุฑอัดสิงห์หยัดไกรสร
เทียมสินธพชาติอัสดร บทจรย่างเยื้องกรีดกราย
สารถีขี่ขับสำทับเที่ยง ร่ายเรียงเคียงคู่เฉิดฉาย
มยุรฉัตรพัดโบกสุพรรณพราย ธงนำปลิวปลายสะบัดบน
ปี่กลองฆ้องขานประสานกัน แตรสนั่นกึกก้องกุลาหล
โยธาเยียดยัดอึงอล เร่งพลเร่งรถจรลี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

ร่าย

๏ ครั้นถึงป่าระหงดงดอน ทรายอ่อนราบรื่นพนาศรี
ให้หยุดพหลโยธี อยู่ที่ร่มไม้ริมธาร
จึ่งเสด็จย่างเยื้องยุรยาตร จากอาสน์รถแก้วฉายฉาน
งามดั่งองค์ท้าวมัฆวาน ไปเล่นอุทยานในเมืองฟ้า ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

ชมไพร

๏ ชวนสามอัคเรศมเหสี เที่ยวชมสกุณีในป่า
สาลิกาจับกรรณิการ์ นกหว้าจับหว้าริมทาง
สัตวาจับพะวาพูดแจ้ว แก้วจับกิ่งแก้วแล้วไซ้หาง
ยางเจ่าเหงาจับปลายยาง นกลางไต่ลางลิงจร
นวลจันทร์จับจันทน์จิกผลกิน ขมิ้นจับขมิ้นแล้วบินร่อน
นกเปล้าจับกิ่งเปล้านอน ยูงจับยูงฟ้อนชมกัน
รังนานจับไม้รังใหญ่ ไก่จับพุ่มไผ่กระพือขัน
อังชันจับต้นชิงชัน เบญจวรรณจับวัลย์รายเรียง
ช่างทองจับต้นทองป่า นกคล้าจับคล้าส่งเสียง
พระพาสามวนิดาประคองเคียง เที่ยวฟังสำเนียงสกุณี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงเหรันตทูตยักษี
อยู่เขาหิมพานต์คีรี มีอานุภาพมหิมา
เที่ยวจับมนุษย์สิงห์สัตว์ ไล่สกัดเอาเป็นภักษา
อหังการร้ายราญเทวา ทั่วสวรรค์ชั้นฟ้าไม่กลัวใคร
อันในดงแดนขุนยักษ์ ใครจักเข้ามาก็ไม่ได้
ออกนามขามเข็ดฤทธิไกร ทั้งในชั้นฟ้าบาดาล ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ คิดจะใคร่ชมพนาเวศ ก็สำแดงเดชกำลังหาญ
กรหนึ่งแกว่งศรชัยชาญ ทะยานไปด้วยฤทธิ์อสุรา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ กราวใน

๏ ครั้นถึงซึ่งกลางหิมวันต์ กุมภัณฑ์เหลือบซ้ายแลขวา
เห็นหมู่โคถึกมฤคา กาสรสิงห์ขนัดจามรี
ทักกะทอนรสิงห์เสือสาง แรดช้างไกรสรคชสีห์
มีความชื่นชมยินดี ก็ไล่ด้วยฤทธีขุนมาร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ จับตัวมาได้ก็ฟาดฟัด เคี้ยวกัดกินเล่นเป็นอาหาร
แล้วเตร็ดเตร่ไปในดงดาน ด้วยใจสาธารณ์อหังการ์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ พิราพรอน

๏ จึ่งเห็นพวกพลมานุษย์ ล้วนถืออาวุธเกลื่อนป่า
ใครหนอบังอาจเข้ามา กูจะฆ่าให้ม้วยบรรลัย
เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันทำอำนาจ ร้องตวาดกึกก้องแผ่นดินไหว
ผาดโผนโจนจ้วงทะลวงไป เข้าบุกรุกไล่โยธา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พวกพลทหารกองหน้า
เหลือบแลไปเห็นอสุรา เข้ามาเข่นฆ่าราวี
ต่างคนตระหนกตกใจ ด้วยกลัวฤทธิไกรยักษี
ลั่นปืนยืนยิงคนละที ก็วิ่งหนีเข้าป่าพนาวัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระพงศ์หริรักษ์รังสรรค์
เห็นโยธาแตกยับทับกัน ทรงธรรม์เหลือบแลแปรไป
จึ่งเห็นอสุรยักษา แกว่งศรศักดารุกไล่
พระองค์ฉวยชักพระขรรค์ชัย ออกไปขวางหน้าอสุรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เหรันตทูตยักษี
โลดโผนโจนไล่โยธี มาถึงที่ชายพนาวัน
เห็นมนุษย์ยืนขวางมรคา กรขวากวัดแกว่งพระแสงขรรค์
ทำทีฮึกหาญชาญฉกรรจ์ กุมภัณฑ์ขัดแค้นแน่นใจ
ใครหนอทะนงองอาจ พานางมาประพาสป่าใหญ่
งามยิ่งนางฟ้าสุราลัย พักตร์เพียงแขไขในเมฆา
อย่าเลยจะฆ่าผัวเสีย พาเมียไปร่วมเสน่หา
คิดแล้วจึ่งร้องถามมา ว่าเหวยมนุษย์อหังการ
ตัวเป็นสุริย์วงศ์พงศ์ไหน นามกรชื่อใดจึ่งอวดหาญ
ไม่เกรงเดชกูผู้ชัยชาญ พาพวกบริวารโยธี
มาในจังหวัดหิมเวศ อันเป็นขอบเขตของยักษี
เอ็งนี้องอาจว่าตัวดี กูจะผลาญชีวีให้วายปราณ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระปิ่นอยุธยาราชฐาน
ได้ฟังอสุราสาธารณ์ ผ่านฟ้าจึ่งร้องตอบไป
เหวยเหวยดูก่อนขุนยักษ์ ทะนงศักดิ์เจรจาหยาบใหญ่
ตัวกูผู้มีฤทธิไกร หน่อไทอัชบาลธิบดี
วงศ์พระภุชพงศ์ทรงยศ ชื่อว่าทศรถเรืองศรี
ผ่านกรุงอยุธยาธานี เป็นที่พักพึ่งแก่โลกา
กูมาเที่ยวเล่นหิมเวศ ไม่รู้ว่าขอบเขตของยักษา
ตัวเอ็งชื่อไรอหังการ์ จะมาต่อกรรอนราญ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เหรันตทูตใจหาญ
ได้ฟังกริ้วโกรธดั่งเพลิงกาฬ ตบหัตถ์ฉัดฉานแล้วร้องมา
เหม่เหม่ดูดู๋ไอ้มนุษย์ อ้างอวดฤทธิรุทรว่าแกล้วกล้า
ตัวกูผู้มีศักดา ชื่อว่าเหรันตเรืองฤทธิ์
อันในแผ่นพื้นสุธาธาร จนถึงวิมานดุสิต
เกรงกลัวกูทั่วทั้งสิบทิศ ปัจจามิตรพินาศขยาดกร
ตัวเอ็งคือลูกมฤคี ฤๅจะต่อฤทธีด้วยไกรสร
สามนางดั่งเทพกินนร เห็นไม่พ้นกรอสุรา
ทั้งหมู่รี้พลสกลไกร จะจับไปกินเล่นเป็นภักษา
ว่าแล้วร่ายเวทอันศักดา นิมิตกายากุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ ตระ

๏ กลับกลายเป็นสองอสุรี อินทรีย์โตดำลํ่าสัน
สองตาแดงดั่งแสงไฟกัลป์ ขบฟันเขี้ยวขาวยาวงอน
รูปนิมิตนั้นถือคทา อสุรานั้นถือธนูศร
อันรูปนิมิตฤทธิรอน เข้าต่อกรหักโหมโจมตี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์พงศ์นารายณ์เรืองศรี
รับหัตถ์ปัดป้องอสุรี ถ้อยทีกลับกลอกไปมา
พระองค์เงือดเงื้อพระแสงขรรค์ กุมภัณฑ์โจมจับหัตถา
ได้ทีตีด้วยคทา ผ่านฟ้าปัดกรรอนราญ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น เหรันตทูตใจหาญ
กระทืบบาทผาดโผนโจนทะยาน ไล่สามเยาวมาลย์ด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ฉวยผิดนางเกาสุริยา กลับคว้านางไกยเกษี
ไม่ได้ก็ไล่คลุกคลี นางสมุทรเทวีวุ่นวาย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น สามอัคเรศโฉมฉาย
วิ่งหนีอสุรีพลัดพราย ปิ้มว่าจะวายชีวัน
หน้าซีดร้องหวีดวุ่นไป ภูวไนยจงช่วยเมียขวัญ
ด้วยบุญพระกุมารในครรภ์ อสุราไม่ทันเทวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถเรืองศรี
ได้ฟังดั่งต้องอสุนี ภูมีกริ้วโกรธคือไฟ
ฟาดด้วยพระขรรค์อันเรืองฤทธิ์ ต้องรูปนิมิตไม่เข้าใกล้
พระองค์ผู้ทรงภพไตร ก็กลับไปหาสามกัลยา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ จึงมีมธุรสพจนารถ สายสวาทอย่ากลัวยักษา
ถึงโกฏิแสนแม้นมากกว่านี้มา พี่จะฆ่ามันให้วายปราณ
ว่าพลางกวัดแกว่งพระแสงแก้ว เป็นประกายพรายแพรวแสงฉาน
เผ่นโผนโจนจับขุนมาร รอนราญกลับกลอกไปมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น เหรันตทูตยักษา
กับรูปนิมิตมารยา อสุราช่วยกันประจัญตี
หวดซ้ายป่ายขวากุลาหล ทรหดอดทนไม่ถอยหนี
สามหาญสามกล้าราวี ถ้อยทีไม่ละลดกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถรังสรรค์
กลอกกลับจับสองกุมภัณฑ์ เหยียบบ่าเหรันตอสุรี
บาทซ้ายเหยียบเข่ามารยา กรขวาง้างเศียรยักษี
ติดพันหันเวียนเปลี่ยนที บ้างฟันบ้างตีวุ่นไป
อาวุธเป็นประกายดั่งไฟกัลป์ เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นแผ่นดินไหว
ฟันต้องเหรันตกระเด็นไกล รูปนิมิตหายไปด้วยฤทธา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น เหรันตทูตยักษา
เจ็บปวดรวดเร้าทั้งกายา อสุราขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
จึ่งชักศรสิทธิ์ขึ้นพาดสาย มาตรหมายจะฆ่าให้อาสัญ
แผลงไปด้วยกำลังกุมภัณฑ์ เสียงสนั่นลั่นฟ้าสุธาธาร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ศรนั้นไปเป็นถ่านเพลิง แสงเถกิงเริงโรจน์ฉายฉาน
ตกกลาดดาษพื้นดินดาน ร้อนแรงดั่งกาลอัคคี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถเรืองศรี
เห็นศรเหรันตอสุรี รัศมีตลบเป็นเปลวควัน
จึงกวัดแกว่งพระแสงเทเวศร์ อันเรืองเดชปราบได้ทั้งสรวงสวรรค์
ขว้างไปด้วยกำลังชาญฉกรรจ์ เสียงดั่งฟ้าลั่นคำรามรณ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ พระขรรค์ล้างศรอสุรา ดับเพลิงแสงกล้าด้วยห่าฝน
แล้วสังหารเหรันตวายชนม์ ดั่งขุนพลแก้วไปราวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด โอด

ยานี

๏ เมื่อนั้น เทพบุตรนางฟ้าทุกราศี
ทั้งรุกขเทวาพนาลี เทพไทคีรีคนธรรพ์
ทั่วทิพย์สถานพิมานมาศ สถิตในหิมวาตสรวงสวรรค์
ครั้นเห็นอสุราเหรันต์ สุดสิ้นชีวันวายปราณ
เอิกเกริกแซ่ซ้องโสมนัส เยี่ยมแกลตบหัตถ์ฉัดฉาน
โปรยทิพย์บุปผาสุมามาลย์ สาธุการอำนวยอวยพร
จงทรงสุรภาพปราบยุค จำเริญสุขภิญโญสโมสร
ด้วยสามอัครราชบังอร ให้ขจรยศทั่วสุธาธาร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ สาธุการ

๏ บัดนั้น พวกพลโยธาทวยหาญ
แจ้งว่าอสุราวายปราณ ก็วิ่งพล่านออกจากพนาลี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาเห็นเหรันตบรรลัย กายาใหญ่เท่าคีรีศรี
ประนมกรสรรเสริญฤทธี เลียงมี่อื้ออึงเป็นโกลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์เทเวศร์นาถา
ครั้นเสร็จสังหารอสุรา ก็ชวนสามกัลยาวิลาวัณย์
ขึ้นยังรถรัตนามัย งามดั่งหัสนัยน์รังสรรค์
อันทรงมหาเวไชยันต์ ให้เลิกพลขันธ์เข้าธานี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ถึงวังตั้งประทับกับเกยแก้ว แล้วพาอัคเรศมเหสี
ลงจากรถรัตน์มณี จรลีขึ้นปราสาทอลงการ์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น สามพระมเหสีเสน่หา
ตั้งแต่ทรงครรภ์พระลูกยา พระวงศาบำรุงพยาบาล
เสมอนางแก้วคู่จักรพรรดิ ด้วยสิริสมบัติพัสถาน
โรคาราคีไม่มีพาล แสนสนุกสำราญทุกคืนวัน
จนถ้วนกำหนดทศมาส จะคลอดโอรสราชรังสรรค์
ลมกัมมัชวาตรัญจวนครรภ์ กัลยาเจ็บทั่วทั้งอินทรีย์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพระกำนัลสาวศรี
นางท้าวเก้าแก่ขันที อุตลุดอึงมี่ทั้งวังใน
บ้างเข้าฝืนท้องประคองครรภ์ ช่วยกันผันแปรแก้ไข
บ้างวิ่งหาหมอวุ่นไป นางในไม่เป็นสมประดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

ยานี

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวหัสนัยน์เรืองศรี
เสด็จเหนือแท่นทิพย์มณี ในที่วิมานเวไชยันต์
พร้อมด้วยสุรางคนิกร ฟ่ายฟ้อนบรรเลงเพลงสวรรค์
ให้ร้อนพระทัยดั่งไฟกัลป์ พันเนตรเล็งทิพเนตรมา
รู้ว่าสามองค์นงลักษณ์ จะคลอดลูกรักเสน่หา
ก็ชวนนางอนงค์สุชาดา กับเทพกัลยาเหาะไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เหาะ

ร่าย

๏ ครั้นถึงจึ่งเสด็จบทจร กับเทพอัปสรน้อยใหญ่
กับนางสุชาดายาใจ เข้าในพระโรงรูจี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระพงศ์จักรพรรดิเรืองศรี
เห็นท้าวหัสนัยน์ธิบดี พาเทพนารีลงมา
มีความชื่นชมโสมนัส พระหัตถ์ประนมเหนือเกศา
เชิญเสด็จองค์อมรินทรา ขึ้นมหาปราสาทพรายพรรณ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น หัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงศ์สวรรค์
เสด็จเหนือแท่นแก้วแกมสุวรรณ ทรงธรรม์มีเทวบัญชา
พระผู้ดำรงทศพิธ อย่าร้อนจิตเศร้าโทมนัสสา
จะช่วยสามองค์วนิดา มิให้กัลยาราคี
ตรัสแล้วมีเทวสุนทร แก่สี่อัปสรมเหสี
จงไปช่วยสามเทวี ในที่ประสูติพระกุมาร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สี่นางเยาวยอดสงสาร
นบนิ้วรับเทวโองการ ก็พาฝูงบริวารจรจรัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ

๏ ครั้นถึงห้องแก้วไสยาสน์ สุชาดาวรนาฏสาวสวรรค์
กับหมู่นางฟ้าวิลาวัณย์ เข้าแปรครรภ์นางเกาสุริยา
อันไกยเกษียุพาพักตร์ สุจิตรานงลักษณ์รักษา
ฝ่ายสุธรรมาสุนันทา มาช่วยนางสมุทรเทวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นมัชฌิมยามเงียบสงัด ศศิธรจำรัสรัศมี
ทรงกลดหมดเมฆไม่ราคี เทวาราศีประชุมลัคน์
สถิตพร้อมกันในเมษ อุดมเดชดั่งชะตาพญาจักร
เป็นมหาศุภฤกษ์ประเสริฐนัก องค์อัครชายาวิลาวัณย์
ทรงนามนางเกาสุริยา ประสูติพระจักรารังสรรค์
รัศมีสีเขียวพรายพรรณ คล้ายกันกับนิลมณี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ มโหรี

๏ ครั้นพระอุทัยใสสว่าง จึ่งนวลนางไกยเกษี
ประสูติพระโอรสสวัสดี รัศมีดั่งทับทิมพราย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นสามนาฬิกาห้าบาท นางสมุทรเยาวราชโฉมฉาย
ประสูติพระโอรสพรรณราย สีกายนั้นเหลืองดั่งทองทา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นล่วงเข้าสี่โมงเศษ อัคเรศซํ้าคลอดโอรสา
ส่งสีม่วงอ่อนโสภา ลักขณาพริ้มพร้อมทั้งอินทรีย์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวหัสนัยน์เรืองศรี
เห็นหน่อท้าวทศรถธิบดี ทั้งสี่วิไลประไพพักตร์
ก็เป่าวิชัยยุทธ์มหาสังข์ เสียงดั่งฟ้าลั่นอาณาจักร
ฝูงนางอนงค์ทรงลักษณ์ ทั่วทุกพนักงานดนตรี
ก็ชวนกันประโคมบำเรอราช พิณพาทย์ดุริยางค์ดีดสี
ข้างหน้าลั่นฆ้องเข้าสามที กาหลอึงมี่เป็นโกลา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ มโหรี

๏ เมื่อนั้น นางสุชาดาเสน่หา
อีกทั้งสามนางเทพธิดา อัปสรกัลยาพร้อมกัน
บ้างถือพานทองทิพรัตน์ รองทุกุลพัสตร์ฉายฉัน
รับพระสุริย์วงศ์เทวัญ สามโอรสนั้นลำดับมา
เชิญให้สรงสาครแก้ว นํ้าทิพย์ธารแล้วด้วยบุปผา
เสร็จสรงวางลงให้ไสยา เหนือพานรัตนาอลังการ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ กล่อม

๏ เมื่อนั้น พระจอมเมรุมาศราชฐาน
ทั้งหมู่ฝูงเทพบริวาร เกษมศานต์อำนวยอวยพร
โรคันอันตรายอย่าบีฑา จงทรงเดชเดชาด้วยศิลป์ศร
ปัจจามิตรจะคิดราญรอน อย่าต่อกรได้ทั้งธาตรี
ครั้นเสร็จเสด็จยุรยาตร จากอาสน์สุวรรณเรืองศรี
พร้อมด้วยเทพบุตรนารี เหาะไปสู่ที่วิมานฟ้า ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถนาถา
เห็นสี่สมเด็จพระลูกยา ดวงพักตร์ลักขณาวิไลวรรณ
มีพระทัยใสแสนโสมนัส ดั่งได้สมบัติสรวงสวรรค์
แสนรักแสนสวาทผูกพัน เสมอกันกับดวงชีวี
จึ่งให้จัดพี่เลี้ยงนางนม อุดมด้วยรูปทรงส่งศรี
เจ้าขรัวยายพงศ์พันธุ์พญารี ที่มีสติปัญญา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ท้าวนางผู้มียศถา
ก้มเกล้ารับราชบัญชา คลานออกมาจากพระโรงคัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งจัดนางนมประโลมเลี้ยง ทรงโฉมพิศเพียงสาวสวรรค์
ล้วนลูกสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ กายนั้นเว้นโทษหกประการ
คือสูงตํ่าดำขาวพีผอม เลือกลักขณาพร้อมนํ้านมหวาน
หกสิบสี่องค์นงคราญ พี่เลี้ยงพนักงานจำเริญตา
อีกเจ้าขรัวยายประยูรวงศ์ ถวายพระภุชพงศ์เชษฐา
กับสามสมเด็จพระอนุชา ตามประกาศิตพระภูมี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถเรืองศรี
ครั้นถ้วนสามราษราตรี จึ่งสั่งเสนีสุมันตัน
กูจะสมโภชพระกุมาร จงจัดการมงคลเฉลิมขวัญ
ออกไปนิมนต์พระนักธรรม์ ทั้งสี่องค์นั้นเข้ามา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุมันตันผู้มียศถา
รับสั่งพระองค์วงศ์เทวา ถวายบังคมลาแล้วออกไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ยานี

๏ จึ่งให้จัดมหาปราสาท โดยราชตำรับพิธีใหญ่
ปูพรมกั้นฉากอำไพ ผูกม่านสองไขโอฬาร์
ตั้งทั้งบายศรีนากทอง เงินงามเรืองรองลายเลขา
พานสุวรรณรองแว่นรัตนา สุคนธาเทียนชัยรูจี
ท่ามกลางนั้นตั้งบัลลังก์รัตน์ ปักเศวตฉัตรเฉลิมศรี
เพดานห้อยพวงมาลี อัจกลับมณีอลงการ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ แล้วสั่งสังฆการีให้ออกไป ยังหิมวาลัยไพรสาณฑ์
นิมนต์ทั้งสี่พระอาจารย์ กับหมู่บริวารเข้ามา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น สังฆการีผู้มียศถา
ได้ฟังก้มเกล้าชุลีลา รีบไปยังป่าพนาลี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงก็กราบมัสการ พระมหาอาจารย์ทั้งสี่
แจ้งว่าสามอัครเทวี บัดนี้ประสูติพระโอรส
รับสั่งให้ข้าบาทบงสุ์ ออกมาเชิญองค์พระดาบส
กับหมู่คณะพระนักพรต กำหนดให้ทันเวลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระอาจารย์ฌานกล้า
ได้ฟังมีความปรีดา ดั่งว่าได้ทิพวารี
จึ่งบอกกล่าวกันโดยอันดับ ให้ครองเครื่องสำหรับฤๅษี
เสร็จแล้วก็ออกจากกุฎี มายังธานีอยุธยา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นบนปราสาท อันโอภาสจำรัสพระเวหา
นั่งโดยลำดับกันมา เหนือแท่นรัตนาพรายพรรณ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถรังสรรค์
เห็นพระสิทธามาพร้อมกัน ทรงธรรม์ถวายมัสการ
บูชาธูปเทียนบุปผา สุคนธากลั้วกลิ่นหอมหวาน
แล้วมีมธุรสพจมาน แจ้งการซึ่งสมอารมณ์คิด
บัดนี้โยมได้โอรส โดยพจนาประกาศิต
แห่งพระอิศโรโมลิศ ด้วยพิธีกิจพระมุนี
ตรัสแล้วจึ่งมีโองการ ให้เชิญองค์พระกุมารทั้งสี่
ออกมาถวายอัญชุลี พระมหาฤๅษีผู้ปรีชา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ท้าวนางผู้มียศถา
รับสั่งถวายบังคมลา มายังห้องแก้วแพร้วพรรณ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ

๏ จึ่งเชิญสมเด็จพระภุชพงศ์ กับสามองค์อนุชารังสรรค์
พี่เลี้ยงสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ กำนัลก็ตามเสด็จจร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งวางพระกุมาร เหนือแท่นสุรกานต์ประภัสสร
ภายใต้เศวตฉัตรอลงกรณ์ งามดั่งศศิธรในเมฆา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สี่พระอาจารย์ฌานกล้า
พินิจพิศดูกุมารา งามพักตร์ลักขณาทั้งสี่องค์
ต่างต่างชื่นชมยินดี ดั่งวารีทิพรสมาโสรจสรง
ครั้งนี้ยักษีจะสิ้นวงศ์ ด้วยพระภุชพงศ์สี่กร
ทั้งสามภพจบสกลโลกา จะได้พึ่งเดชาพระทรงศร
ดั่งฉัตรแก้วกั้นบนอัมพร บังร้อนซึ่งแสงอโณทัย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ปุโรหิตพฤฒาผู้ใหญ่
ได้ฤกษ์ก็จุดเทียนชัย ติดในแว่นแก้วรจนา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

สระบุหร่ง

๏ เวียนเอยเวียนเทียน ให้เวียนแต่ซ้ายไปขวา
โหรเฒ่าลั่นฆ้องสามครา ประโคมทั้งกาหลดนตรี
ขับไม้ขับขานประสานเสียง ดุริยางค์จำเรียงอึงมี่
ราชครูปุโรหิตเสนี พระศรีสุริย์วงศ์พร้อมกัน
เจ็ดรอบชอบราชตำรับ จึ่งดับเทียนชัยเฉลิมขวัญ
ชีพ่อจบหัตถ์แล้วโบกควัน ให้พระพงศ์เทวัญกุมารา
เอาจุณเจิมเฉลิมพระนลาฏ สี่องค์อัครราชโอรสา
แล้วโอมอ่านพระเวทพรหมา ถวายอาเศียรพาทสวัสดี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระดาบสทั้งสี่
จึ่งให้นามตามศาสตร์พระศุลี โดยศรีชันษาพยากรณ์
พระเชษฐาคือนารายณ์เทเวศร์ ชื่อพระราเมศทรงศร
ที่สองคือจักรฤทธิรอน นามกรพระพรตกุมารา
ที่สามคือบัลลังก์กับสังข์ทรง ชื่อพระลักษมณ์สุริย์วงศ์กนิษฐา
คทาวุธที่สุดอันดับมา ชื่อว่าพระสัตรุดกุมาร
แล้วจึ่งอำนวยอวยพรให้ จงเรืองฤทธิไกรกล้าหาญ
อันศัตรูหมู่พวกภัยพาล ทั่วทั้งจักรวาลอย่าทานกร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เสร็จแล้วสี่พระดาบส ลาท้าวทศรถชาญสมร
ลุกจากแท่นแก้วบวร บทจรไปบรรณศาลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระปิ่นภพลบโลกนาถา
ครั้นเสร็จสมโภชก็ปรีดา จึ่งบัญชาสั่งเสนี
จงจัดกุมารมีตระกูล สมบูรณ์รูปทรงส่งศรี
สี่หมื่นพื้นพงศ์พญารี กับพี่เลี้ยงสุริย์วงศ์อันทรงยศ
ให้องค์พระรามหน่อนาถ สำหรับรองบาทบงกช
กับสามพระราชโอรส กำหนดให้เป็นอันดับกัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุมันตันเสนาคนขยัน
รับสั่งพระพงศ์เทวัญ ถวายบังคมคัลแล้วออกไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ เจรจา

๏ จัดพระพี่เลี้ยงสิบหกองค์ พื้นพงศ์กษัตริย์สูงใหญ่
กับกุมารน้อยน้อยจำเริญใจ สี่หมื่นพื้นได้สิบสองปี
เสร็จแล้วก็พาไปถวาย พระนารายณ์ธิราชเรืองศรี
กับสามอนุชาร่วมชีวี ตามมีโองการพระทรงธรรม์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ