สมุดไทยเล่มที่ ๒๐

๏ เมื่อนั้น นางไกยเกษีเสน่หา
นั่งอยู่ยังที่ทวารา สอดตาแลดูพระทรงธรรม์
เห็นนางเกาสุริยานงลักษณ์ ซบพักตร์ลงทรงกันแสงศัลย์
พิไรร่ำคร่ำครวญรำพัน กัลยาแน่นิ่งสลบไป
มีความแสนโสมนัสนัก ผิวพักตร์ผ่องเพียงแขไข
มิได้เอื้อเฟื้ออาลัย ในองค์พระราชสามี
จึ่งจัดผ้าเปลือกไม้คากรอง เครื่องครองสำหรับฤๅษี
ส่งให้นางค่อมกุจจี เทวีจึ่งกล่าววาจา
เอ็งจงเอาของนี้ไป ให้พระรามทรงพรตเป็นชีป่า
แล้วเร่งออกจากพารา อย่าให้ล่วงเวลาสายัณห์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ บัดนั้น นางกุจจีค่อมคนขยัน
รับเครื่องสำหรับพระนักธรรม์ ถวายบังคมคัลแล้วรีบไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ

๏ ครั้นถึงสมเด็จพระหริวงศ์ นั่งลงนบนิ้วประนมไหว้
ทูลว่าบัดนี้อรไท นางไกยเกษีวิไลวรรณ
ขอสัตย์พระปิ่นสุธาธาร ยกพระพรตให้ผ่านไอศวรรย์
ให้พระองค์ออกจากวังจันทน์ ไปอยู่อรัญสิบสี่ปี
ใช้ข้ามาถวายเครื่องผนวช ให้ลูกเจ้าเร่งบวชเป็นฤๅษี
เชิญเสด็จจากเมืองในวันนี้ ตามพระเสาวนีย์สั่งมา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระรามสุริย์วงศ์นาถา
รับเอาซึ่งเครื่องจรรยา แล้วมีบัญชาตรัสไป
เอ็งจงกราบทูลพระแม่เจ้า ว่าเราบังคมประนมไหว้
อันสัตย์พระบิตุรงค์ทรงชัย กูนี้มิให้เสียธรรม์
อย่าว่าแต่ไปสิบสี่ปี จะถวายชีวีจนอาสัญ
ให้เป็นที่สรรเสริญแก่เทวัญ ว่ากตัญญูต่อบิดา
ซึ่งน้องเราจะผ่านพระนคร ให้ถาวรบรมสุขา
วันนี้จะถวายบังคมลา อย่าให้พระแม่ร้อนใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น กุจจีผู้มีอัชฌาสัย
รับสั่งแล้วลาคลาไคล ไปยังปราสาทชัยนางเทวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ ทูลองค์นางไกยเกษี
ตามคำพระรามจักรี ถ้วนถี่เสร็จสิ้นทุกสิ่งอัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์องค์นารายณ์รังสรรค์
ให้คิดสลดจิตจาบัลย์ พระทรงธรรม์สังเวชวิญญาณ์
แล้วกลับดำริตริการ ด้วยหมู่พวกพาลริษยา
เบียดเบียนฤๅษีเทวา จึ่งเชิญเรามาให้ราญรอน
ปางนี้ควรที่จะไปปราบ มวลหมู่สัตว์บาปให้ราบก่อน
ไตรโลกจะได้สถาวร ขจรเกียรติยศสืบไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

ยานี

๏ คิดแล้วจึ่งเปลื้องเครื่องกษัตริย์ จะอาลัยสมบัติก็หาไม่
ทรงผ้าคากรองครองสไบ ด้วยใจโสมนัสยินดี
เจิมจุณมุ่นชฎาประคำทรง งามดั่งองค์เทพฤๅษี
ระงับจิตสำรวมอินทรีย์ ตามเพศโยคีปรีชา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ สาธุการ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายองค์พระลักษมณ์กนิษฐา
แจ้งว่าสมเด็จพระพี่ยา ไม่ได้ครองไพร่ฟ้าประชาชี
ทรงพรตจะออกไปอยู่ไพร เพราะด้วยนางไกยเกษี
ก็กริ้วโกรธพิโรธดั่งอัคคี จับศิลป์อันมีฤทธิรอน
กวัดแกว่งสำแดงเดชา องอาจดั่งพญาไกรสร
ลงจากปราสาทอลงกรณ์ บทจรไปยังสนามจันทน์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งมีสิงหนาท กระทืบบาทสะเทือนเลื่อนลั่น
เหวยใครอิจฉาอาธรรม์ ด้วยใจโมหันธ์ฉันทา
ทุจริตโลภล้นพ้นประมาณ สาธารณ์จงจิตริษยา
ใฝ่สูงให้เกินพักตรา ขับพี่ยากูไปอยู่ไพร
จะยกลูกมันผู้น้อง ให้ขึ้นครองเมืองก็เป็นได้
อีชาติทรลักษณ์จังไร กูจะฆ่าให้ม้วยชีวี
ว่าพลางขึ้นศิลป์ลองฤทธิ์ เสียงสนั่นครรชิตทุกราศี
หวั่นไหวทั้งในธาตรี พระรวีบดคลุ้มชอุ่มควัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ คุกพาทย์

๏ เมื่อนั้น พระกฤษณุรักษ์รังสรรค์
ฟังเสียงเพียงไฟประลัยกัลป์ ผันพักตร์มาทอดทัศนา
จึงเห็นพระลักษมณ์สุริย์วงศ์ จับศรขึ้นก่งเงื้อง่า
ตกใจตะลึงทั้งกายา เอะไฉนอนุชามาก่อการณ์
แม้นกูจะนิ่งเสียบัดนี้ น่าที่น้องรักจักแผลงผลาญ
โลกาจะไหม้บรรลัยลาญ ผ่านฟ้าก็รีบเสด็จมา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงเข้ากุมเอาคันศร งดก่อนจงฟังพี่ว่า
อย่าเพ่อหุนหันโกรธา จะเล่ากิจจาให้แจ้งใจ
เดิมองค์สมเด็จพระบิตุราช ออกโอษฐ์ประสาทพรให้
แก่นางไกยเกษีทรามวัย ครั้งไปล้างปทูตกุมภัณฑ์
บัดนี้เขาขอความสัตย์ ให้ลูกผ่านสมบัติไอศวรรย์
ขับพี่ไปอยู่อารัญ ในกำหนดนั้นสิบสี่ปี
เราจะรักษาสัตย์พระบิตุเรศ อันพระคุณเกิดเกศเกศี
ให้ปรากฏไว้ในธาตรี เจ้าพี่อย่าได้โกรธา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งองค์พระลักษมณ์กนิษฐา
วางศรกับกรพระจักรา กอดเบื้องบาทาแล้วโศกี
ดูดู๋ทำได้ช่างไม่คิด นํ้าจิตอีไกยเกษี
จังทานจะผลาญชีวี ให้พระพี่ม้วยบรรลัย
น้องขอถวายชีวัน แก้แค้นแทนมันให้จงได้
ถึงชาวไกยเกษกรุงไกร จะมาชิงชัยทั้งพารา
น้องเดียวจะเคี่ยวรณรงค์ ให้สิ้นโคตรวงศ์พงศา
ต้องการอะไรพระพี่ยา จะออกไปอยู่ป่าพนาลี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์องค์นารายณ์เรืองศรี
สวมสอดกอดน้องเข้าพาที เจ้าว่าทั้งนี้ไม่ต้องการ
ตัวพี่จะช่วยบำรุงสัตย์ ไม่ควรรักสมบัติพัสถาน
ถ้าบิดาเสียสัตย์ปฏิญาณ จะได้อัประมาณในแดนไตร
ฝ่ายเขาเขาทำก็ตามที จะมีใครว่าดีก็หาไม่
เรารักษาธรรม์ให้มั่นไว้ จึ่งจะเป็นเกียรติไปในโลกา
เจ้าค่อยอยู่เถิดจะลาแล้ว น้องแก้วพี่ยอดเสน่หา
สั่งเสร็จเสด็จยาตรา กลับมาปราสาทมณี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
แสนเทวษแสนโศกแสนทวี โศกีครวญคร่ำรำพัน
โอ้อนิจจาพระทรงเดช จะทุเรศองค์เดียวในไพรสัณฑ์
ตัวกูผู้น้องร่วมชีวัน จะทิ้งพระทรงธรรม์เสียกลใด
ถึงมาตรจะอยู่ในธานี จะดูหน้ากาลีกระไรได้
แม้นจะเสียชีวาไม่อาลัย จะตามไปเป็นเพื่อนพระพี่ยา
ยากไร้จะได้เห็นกัน ที่ในอรัญแนวป่า
คิดแล้วก็รีบเสด็จมา ยังมหาปราสาทรูจี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

ชมตลาด

๏ จึ่งเปลื้องเครื่องกษัตริย์สำหรับองค์ ทรงผ้าคากรองเป็นฤๅษี
มุ่นชฎาห่มหนังพยัคฆี สวมประคำมณีอลงกรณ์
พักตราเฉลิมเจิมจันทน์ พระหัตถ์ขวาทรงคันธนูศร
สำรวมอินทรีย์สังวร บทจรมายังพระรามา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น พระตรีภูวนาถนาถา
ครั้นเห็นพระลักษมณ์อนุชา บวชเป็นดาบสก็ตกใจ
จึ่งว่าดูรานะเจ้าพี่ ทรงพรตมานี้จะไปไหน
จะทิ้งพระชนกมารดาไว้ ผู้ใดจะรองบทมาลย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ผู้ปรีชาหาญ
สะอื้นพลางทางทูลพระอวตาร ผ่านเกล้าจงได้เมตตา
พระจะรักษาสัตย์บิตุเรศ จะสู้ทนเทวษไปอยู่ป่า
ตัวข้าผู้เป็นอนุชา ขอถวายชีวาพระสี่กร
โดยเสด็จไปรองสนองบาท ยังอรัญหิมวาตสิงขร
จะอยู่ไปที่ในพระนคร จะถาวรเป็นสุขเมื่อไรมี
อย่าปรารมภ์ถึงองค์พระบิตุเรศ พระชนนีก่อเกศเกศี
โรคาสิ่งใดไม่ยายี ด้วยอยู่ในบูรีภิรมยา
พระพรตเขาได้เศวตฉัตร ก็จะปรนนิบัติรักษา
นี่พระองค์องค์เดียวเอกา อนาถาสารพัดจะกันดาร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรีผู้ปรีชาหาญ
ได้ฟังน้องรักพจมาน ปานอมฤตรสมาเจือใจ
มิเสียแรงเจ้ารักเชษฐา ทั่วทั้งโลกาไม่หาได้
ตรัสพลางพลางกอดพระน้องไว้ ชลนัยน์คลอพักตร์โศกี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นวลนางสีดามารศรี
แจ้งว่าสมเด็จพระสามี ไม่ได้ผ่านบูรีภิรมยา
บัดนี้ก็บวชเป็นดาบส จะออกไปสร้างพรตอยู่ในป่า
ฝ่ายองค์พระลักษมณ์อนุชา ก็บวชตามเชษฐาด้วยอาลัย
ชลเนตรคลอเนตรบังอร โศกาอาวรณ์ละห้อยไห้
อกเอ๋ยครั้งนี้จะพึ่งใคร จะได้เหมือนองค์พระสามี
อันหญิงซึ่งไร้ภัสดา ถึงจะมียศถาศักดิ์ศรี
ก็ไม่งามแก่ตาในธาตรี เหมือนมณีไร้เรือนสุวรรณ
แม้นตายเสียดีกว่าจากบาท พระภัสดาธิราชรังสรรค์
จะตามไปที่ในอารัญ กว่าชีวันจะม้วยมรณา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ คิดแล้วจึ่งเปลื้องเครื่องประดับ สำหรับอัคเรศเสน่หา
ออกจากพระกายกัลยา ทรงเพศเป็นดาบสินี
เสด็จจากแท่นแก้วสุรกานต์ งามปานนางฟ้าในราศี
ชลนัยน์นองเนตรเทวี จรลีจากห้องอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงจึ่งถวายอภิวาทน์ พระสามีธิราชทรงศร
ทูลว่าข้าบาทบังอร ขอตามเสด็จจรพระทรงฤทธิ์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระหริรักษ์จักรกฤษณ์
ได้ฟังอัครราชร่วมชีวิต พิศพักตร์สะอื้นอาลัย
รับขวัญแล้วกล่าวสุนทร ดวงสมรผู้ยอดพิสมัย
ซึ่งเจ้าจะตามพี่ไป จะลำบากยากใจแสนทวี
อันในหิมเวศราวป่า ล้วนโขมดมารยาภูตผี
ฝูงสัตว์จตุบาทพยัคฆี แรดร้ายราชสีห์สาธารณ์
หนทางดำเนินนั้นเดินยาก แสนลำบากข้ามห้วยเหวละหาน
สารพัดเป็นที่กันดาร เยาวมาลย์จงอยู่ในบุรี
จะได้เป็นเพื่อนพระมารดร บังอรจงฟังคำพี่
เจ้าอย่าแสนโศกโศกี ถ้วนสิบสี่ปีจะกลับมา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดเสน่หา
ได้ฟังดั่งต้องสายฟ้า กัลยากอดบาทร่ำไร
โอ้อนิจจาพระทรงเดช จะโปรดเกศเมียบ้างก็หาไม่
น้องจากมิถิลากรุงไกร มาพึ่งใต้ธุลีพระสี่กร
แม้นไม่เมตตาข้าบาท จงพิฆาตฟาดฟันเสียก่อน
จึ่งค่อยเสด็จบทจร ไปจากนครวังจันทน์
น้องจึงจะสิ้นความโศก ที่วิโยคจากจอมไอศวรรย์
ซึ่งจะทิ้งข้าไว้ผู้เดียวนั้น จะรู้ที่ผันพักตร์ไปพึ่งใคร
พระบิตุเรศมารดาทั้งสอง จะได้ครองพาราก็หาไม่
แม้นอยู่จะช้ำระกำใจ จะตามไปสนองพระบาทา
ถ้าพระองค์มิพาไปด้วย จะสู้ม้วยมิให้คนเห็นหน้า
ดีกว่าที่ไกลพระภัสดา ผ่านฟ้าจงได้ปรานี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรรัตน์แก้วเรืองศรี
ฟังนางรำพันโศกี ภูมีสะท้อนถอนใจ
ปลอบพลางพลางเช็ดชลนา แก้วตาอย่ากันแสงไห้
เมื่อเจ้ามิอยู่ในเวียงชัย ก็ตามแต่พระทัยเทวี
โอ้อนิจจาเจ้าเพื่อนยาก จะมาพลอยลำบากด้วยพี่
กรรมเวรสิ่งใดแต่หลังมี ครั้งนี้จึ่งมาตามทัน
ให้เราต้องจากนคเรศ แสนเทวษไปในไพรสัณฑ์
สามกษัตริย์โศกาจาบัลย์ ดั่งหนึ่งชีวันจะบรรลัย ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ ครั้นค่อยสะสร่างสว่างโศก พระปิ่นโลกผู้มีอัชฌาสัย
พาสองกษัตริย์อันร่วมใจ ไปยังชนนีอนุชา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น นวลนางสมุทรเสน่หา
เห็นองค์พระลักษมณ์พระรามา กับนางสีดายุพาพาล
บวชเป็นโยคีชีไพร ตกใจเพียงจะสิ้นสังขาร
เสด็จจากแท่นรัตน์ชัชวาล เยาวมาลย์มารับทันที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งถามพระราชโอรส ไฉนมาทรงพรตเป็นฤๅษี
ทั้งสามองค์ผู้ทรงสวัสดี แม่นี้ฉงนสนเท่ห์ใจ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรีผู้มีอัชฌาสัย
บังคมก้มเกล้าแล้วทูลไป ว่าแม่ไกยเกษีโสภา
สั่งว่าสมเด็จพระบิตุเรศ ให้ลูกทรงเพศเป็นชีป่า
ออกไปสร้างพรตจรรยา อยู่ในหิมวาสิบสี่ปี
ให้พระพรตขึ้นครองสมบัติ ทรงเศวตฉัตรเฉลิมศรี
บำรุงไพร่ฟ้าประชาชี เป็นปิ่นโมลีกรุงไกร
อันองค์พระลักษมณ์อนุชา กับสีดาผู้ยอดพิสมัย
สององค์ทรงโศกาลัย จะไปเป็นเพื่อนข้าในดงดอน
โปรดด้วยช่วยแจ้งพระชนนี ว่าลูกนี้ขอลาไปก่อน
ครั้นจะคอยดุษฎีชุลีกร ก็ร้อนตัวด้วยกลัวพระอาชญา
พระแม่ค่อยอยู่จำเริญสุข อย่าตรอมทุกข์โทมนัสสา
แม้นบุญลูกไม่มรณา จะกลับมาทูลเบื้องบทมาลย์ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสมุทรเยาวยอดสงสาร
ได้ฟังเร่าร้อนดั่งเพลิงกาฬ นงคราญข้อนทรวงเข้ารำพัน
อนิจจาเอ๋ยนางไกยเกษี จะแกล้งฆ่าชีวีให้อาสัญ
ทำได้ด้วยใจอาธรรม์ มืดมัวโมหันธ์ฉันทา
โอ้อนิจจาสีดาเอ๋ย ทรามเชยแม่ยอดเสน่หา
ถึงผัวเจ้ากับองค์อนุชา จะต้องไปเดินป่าพนาลี
ก็เป็นชายอาจองทรงฤทธิ์ แม่ไม่คิดวิตกเหมือนโฉมศรี
ตัวเจ้าเป็นยอดสตรี ไม่เคยจรลีด้วยบาทบงสุ์
เคยทรงแต่สีพิกากาญจน์ จะทรมานเดินในไพรระหง
บุกแฝกแขมคาระคายองค์ จงฟังมารดาเจ้าอย่าไป
อยู่ด้วยแม่เถิดนะลูกรัก นงลักษณ์ผู้ยอดพิสมัย
อันผัวขององค์อรไท สิบสี่ปีก็จะได้คืนมา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางสีดาเสน่หา
ได้ฟังกราบลงกับบาทา กัลยาสนองพระวาที
ซึ่งพระองค์เมตตาการุญ พระคุณควรไว้เหนือเกศี
อันจะให้ลูกอยู่ในธานี จะมีแต่ความทุกข์ทุกนิรันดร์
ด้วยจะแสนตรอมใจเพราะไกลบาท พระสามีธิราชรังสรรค์
ถึงจะยากลำบากในไพรวัน จะสู้ดั้นโดยเสด็จพระทรงฤทธิ์
ขุกไข้จะได้ปรนนิบัติ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
แม้นตายไม่เสียดายชีวิต ให้ทศทิศประจักษ์ว่าภักดี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางสมุทรมารศรี
ได้ฟังสุณิสาพาที เทวีสะท้อนถอนใจ
มิอาจจะกลั้นโศกา ชลนาแถวถั่งหลั่งไหล
สวมกอดสีดาเข้าไว้ ร่ำไรเพียงจะสิ้นชีวัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ สร่างโศกจึงตรัสแก่พระลักษมณ์ ดวงจักษุแม่เฉลิมขวัญ
เจ้าจะไปเพื่อนพี่ในอรัญ พ่อระวังกันให้จงดี
พระขรรค์ศิลป์ชัยอย่าไกลองค์ มิณรงค์สู้ตายก่อนพี่
อันโฉมนางสีดาเทวี จงคิดว่าชนนีของลูกรัก
สามองค์จงไปสถาวร ให้ขจรฤทธิไกรทั้งไตรจักร
บรรดาศัตรูหมู่ยักษ์ อย่าต้านต่อรอพักตร์ลูกยา
สิบสี่ปีจึ่งกลับมาครองเมือง สืบเรื่องจักรพรรดินาถา
จะรับเอาพรของมารดา เป็นมหามงคลสวัสดี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สามองค์ทรงสวัสดิ์รัศมี
ก้มเกล้ารับพรพระชนนี ถวายอัญชุลีแล้วจรจรัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงนางนมสาวสรรค์
หญิงชายข้าสามกรมนั้น เห็นพระพงศ์เทวัญเสด็จไป
ต่างคนตกใจก็วิ่งตาม ความรักไม่กลั้นน้ำตาได้
บ้างกอดบาทสามกษัตริย์ไว้ บ้างเดินรำไรไห้ตามมา
โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมเอ๋ย พระคุณเคยปกเกล้าเกศา
ได้อยู่เป็นสุขทุกเวลา จะพากันหนีข้าไปเดินไพร
แต่นี้ตั้งแต่จะแลลับ จะนับวันครวญคร่ำร่ำไห้
ต่างตนต่างแสนโศกาลัย เกลือกกลิ้งนิ่งไปไม่สมประดี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น สามกษัตริย์สุริย์วงศ์เรืองศรี
เห็นข้าหญิงชายนั้นโศกี จึ่งมีสุนทรวาจา
ท่านจงค่อยอยู่ให้เป็นสุข อย่าแสนทุกข์เศร้าโทมนัสสา
อันเกิดมาในไตรโลกา ย่อมเป็นอนิจจาเหมือนกัน
ตัวเราจะไปสิบสี่ปี ใช่ที่จะม้วยอาสัญ
ตรัสพลางพระทางจรจรัล ข้าเฝ้าทั้งนั้นก็ตามไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ ถึงหน้าปราสาทพระบิตุรงค์ สามกษัตริย์นั่งลงบังคมไหว้
ชลเนตรคลอเนตรถอนใจ ร่ำไรโศกาอาวรณ์
โอ้ว่าพระจอมมงกุฎเกศ ทรงเดชเลี้ยงลูกมาแต่ก่อน
สิ่งใดมิให้อนาทร เช้าคํ่าพร่ำสอนไม่เว้นวัน
หวังจะให้สืบสุริย์วงศ์ ในพงศ์จักรพรรดิรังสรรค์
เวรหลังติดตามมาทัน บันดาลจำพรากให้จากไป
ทีนี้ตั้งแต่จะแลลับ เหมือนเดือนดับสิ้นแสงแขไข
ลูกขอลาบาทพระทรงชัย ภูวไนยค่อยอยู่สวัสดี
ทั้งองค์พระชนนีเจ้า อันบังเกิดเกล้าเกศี
พระคุณลํ้าฟ้าธาตรี พ้นที่จะนับคณนา
ยังมิได้สนองเท่ายองใย จะไกลพระองค์ไปอยู่ป่า
แม้นลูกไม่ม้วยมรณา จะกลับมารองบาทพระทรงธรรม์
ร่ำพลางฟูมฟายชลเนตร แสนเทวษพ่างเพียงจะอาสัญ
แข็งใจเยื้องย่างตามกัน จรจรัลจากปราสาทสุรกานต์ ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

โอ้ร่าย

๏ สามกษัตริย์ผันพักตร์ทอดพระเนตร ดูมหานิเวศน์วังสถาน
เห็นสามปราสาทโอฬาร งามล้ำวิมานเมืองอินทร์
พระตรัสแก่พระลักษมณ์อนุชา อนิจจาเราจะละเสียสิ้น
บรรดาสมบัติทั้งแดนดิน ทั่วทุกนครินทร์ไม่เทียมทัน
เสียดายทั้งท้องสนามประลองศร เราเคยซ้อมกรพลขันธ์
ลองม้าลองรถคชกรรม์ ครบสิ่งสารพันวิชาการ
เสียดายพระนครอยุธยา สนุกดั่งเมืองฟ้ามหาสถาน
ครื้นเครงไปทุกทิวาวาร ด้วยการมโหรสพไม่เว้นวาย
ทีนี้จะได้ยินแต่เสียงสัตว์ สิงห์ขนัดเนื้อนกทั้งหลาย
เสียดายห้องแก้วอันแพร้วพราย อร่ามรายด้วยประทีปชวาลา
อกเอ๋ยจะเห็นแต่แถวเถื่อน กับดาวเดือนเลื่อนลอยในเวหา
ที่เคยเล่นเคยชมภิรมยา จะนิราแรมพรากจากจร
สิบสี่ปีตั้งแต่จะทนทุกข์ ไม่มีสิ่งสุขเหมือนแต่ก่อน
สงสารสมเด็จพระมารดร จะเร่าร้อนถึงลูกทุกนาที
โอ้ว่าทีนี้จะไกลแล้ว ปราสาทแก้วที่เคยเกษมศรี
ทั้งวงศาข้าเฝ้าผู้ภักดี พระจักรีครวญพลางเสด็จไป ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ พญาโศก

๏ เมื่อนั้น พระวสิษฐ์สวามิตรอาจารย์ใหญ่
ทั้งคณะฤๅษีชีไพร ไพร่ฟ้าเสนาโยธี
แลไปเห็นสามสุริย์วงศ์ ทรงชฎาห่อเกล้าเป็นฤๅษี
ต่างตระหนกตกใจเป็นโกลี อึงมี่ไปทั้งพารา
ฝ่ายพระมหาสวามิตร พระวสิษฐ์ผู้ทรงสิกขา
ให้คิดสงสัยในวิญญาณ์ ลางองค์ก็พากันออกไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งถามพระจักรี ทรงพรตดั่งนี้เป็นไฉน
เหตุผลต้นปลายประการใด จึ่งมิได้ครองพระนคร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์อวตารชาญสมร
ได้ฟังพระองค์ทรงสังวร ชุลีกรแจ้งความแต่ต้นไป
หลานนี้ขึ้นเฝ้าพระบิตุรงค์ จะได้พบพระองค์ก็หาไม่
นางไกยเกษีห้ามไว้ ว่าได้รับสั่งพระบิดา
ให้ข้านี้บวชเป็นดาบส ออกไปสร้างพรตอยู่ในป่า
ถ้วนสิบสี่ปีจึ่งกลับมา ให้ออกจากพาราวันนี้
จึ่งให้พระพรตขึ้นผ่านเมือง สืบเรื่องจักรพรรดิเรืองศรี
อันพระลักษมณ์นางสีดาเทวี แสนโศกโศกีร่ำไร
ต่างองค์ต่างบวชตามมา จะไปเพื่อนข้าในป่าใหญ่
พระอาจารย์ค่อยอยู่สำราญใจ หลานจะลาไปบัดนี้ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น จึ่งสองพระมหาฤๅษี
ตรึกความตามคำพระจักรี เห็นต้องที่อวตารลงมา
ยินดีจะให้ไปปราบมาร แต่สงสารจะต้องไปเดินป่า
ครั้งนี้อสุรพาลา จะมรณาด้วยฤทธิ์พระสี่กร
คิดแล้วจึ่งห้ามพระหริวงศ์ หลานจงอยู่ท่าที่นี่ก่อน
ตาจะไปให้พบพระภูธร สั่งแล้วรีบจรไปทันที ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งสองพระดาบส เห็นท้าวทศรถเรืองศรี
กับนางเกาสุริยาเทวี โศกีอยู่ในที่ไสยา
จึ่งมีวาจาถามไป เป็นไฉนบรมนาถา
จะมอบสมบัติพระรามา แล้วทรงโศกาจาบัลย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถรังสรรค์
ได้ฟังพระมหานักธรรม์ วันทาแล้วกล่าววาที
โยมแสนโศกาอาลัย เพราะด้วยอีไกยเกษี
มันแกล้งจะผลาญชีวี ข้านี้ให้สิ้นชนมา
ยกสัตย์เมื่อครั้งไปสังหาร รอนราญปทูตยักษา
จะให้ลูกมันครองสวรรยา ถ้อยคำหยาบช้าพ้นใจ
ขับให้พระรามจากธานี จะผัดรุ่งราตรีก็ไม่ได้
อับอายไพร่ฟ้าทั้งเวียงชัย จะใคร่สังหารชีวิตมัน
ผ่าอกยกจิตมาแล่สับ ให้สมกับนํ้าหน้าอีโมหันธ์
เสียดายความสัตย์จะเสียธรรม์ ตรีโลกทั้งนั้นจะนินทา
ด้วยเหตุฉะนี้พระอาจารย์ จะสู้เสียชนมานดีกว่า
มิให้อดสูหมู่พาลา ทั้งสวรรค์ชั้นฟ้าธาตรี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ทั้งสองพระมหาฤๅษี
ฟังท้าวทศรถพาที มีความตระหนกตกใจ
แสนรักแสนเสียดายพ้นปัญญา ดั่งจะกลั้นนํ้าตามิใคร่ได้
สังเวชเพทนาอาลัย ฤทัยเร่าร้อนดั่งอัคคี
จึ่งผินพักตร์มากล่าวสุนทร ดูกรนางไกยเกษี
อันพระองค์ผู้ทรงธรณี ภูมีรักเจ้าดั่งดวงตา
จงคิดถึงคุณพระองค์บ้าง อย่าดูอย่างคนร้ายริษยา
อันสมบัติในกรุงอยุธยา ก็ได้ดั่งปรารถนาทรามวัย
ขออย่าให้พระรามไปลำบาก ทนทุกข์ตกยากในป่าใหญ่
พระภัสดาจะม้วยบรรลัย จะหาไหนได้เหมือนพระภูมี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น โฉมนวลนางไกยเกษี
ได้ฟังจึ่งตอบวาที ความนี้ใช่กิจพระอาจารย์
ถึงมาตรดีชั่วก็ช่างเขา ใครใช้ให้เข้ามาว่าขาน
ใช่การมาเก็บเอาเป็นการ ใช่ที่ใช่ฐานจะพาที
รุกรานเข้ามาถึงห้องใน ใครไปนิมนต์พระฤๅษี
อัชฌาอาสัยก็ไม่มี ทำดีแล้วหรือพระนักพรต ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ทั้งสองพระมหาดาบส
ฟังนางพาทีไม่มีรส หยาบช้าสาหสพ้นคิด
จึ่งว่าเป็นไฉนนางเทวี กูว่าดีกลับเอาเป็นผิด
อันพระองค์ผู้ทรงทศพิธ คุณดั่งบิตุเรศเลี้ยงมา
ควรหรือทุจริตคิดคด ทรยศใจหยาบบาปหนา
จะฆ่าผัวไม่กลัวเวรา ใครจะนับหน้าคนสาธารณ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น นางไกยเกษียอดสงสาร
เจ็บในวาจาพระอาจารย์ จึ่งตอบด้วยคำพาลดึงดัน
เป็นชีไม่อยู่ประสาชี มาอาจเอื้อมพาทีด้วยโมหันธ์
ความสัตย์เขาปฏิญาณกัน จะทำให้ฟั่นเฟือนเปื้อนไป
นี่หรือตั้งตัวเป็นนักสิทธ์ จะรู้จักชอบผิดก็หาไม่
เร่งไปแม้นอยู่จะขัดใจ ใครเขาไม่ฟังวาที ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถเรืองศรี
ได้ฟังยิ่งแค้นแสนทวี ครั้นจะฆ่าตีก็จนใจ
จึ่งยอกรถวายมัสการ สองพระอาจารย์ผู้ใหญ่
พระองค์จะว่าแก่มันไย อีคนจังไรทรลักษณ์
ถ้อยคำหยาบช้าเป็นพ้นคิด โยมนี้เจ็บจิตดั่งต้องจักร
อยู่ไปจะชํ้าใจนัก เพราะอีอัปลักษณ์สาธารณ์
วันใดพระรามจากพารา ตัวข้าก็จะสิ้นสังขาร
ไปเกิดในทิพวิมาน พระอาจารย์จงอยู่สำราญใจ
อันซึ่งซากศพของโยมนี้ อย่าให้อีกาลีมันต้องได้
แม่ลูกอย่าให้เข้าจุดไฟ ข้าสั่งไว้เป็นความสัตยา
ว่าพลางสะท้อนถอนจิต พระทรงฤทธิ์เศร้าโทมนัสสา
ซบพักตร์ลงแสนโศกา ดั่งว่าจะสิ้นชีวี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ทั้งสองพระมหาฤๅษี
ได้ฟังพระองค์ทรงธรณี โศกีครวญคร่ำรำพัน
ฝากศพสั่งไว้เป็นความสัตย์ โทมนัสสุดที่จะอดกลั้น
ชลเนตรคลอเนตรพระนักธรรม์ จึ่งสนองบัญชาภูวไนย
พระองค์จะช่วยบำรุงโลก แสนจะโศกสิ้นชีพหาควรไม่
เดิมทีให้รูปทั้งห้าไป เชิญไทหริรักษ์จักรา
อวตารลงมาดับเข็ญ ให้เย็นทั่วทศทิศา
ถึงยุคจะไปล้างพาลา จะต้องเดินป่าสิบสี่ปี
นัยจะคืนมาครองสมบัติ สืบวงศ์จักรพรรดิเรืองศรี
ใช่ว่าจะสิ้นชีวี ภูมีจงถวิลจินดา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระบิตุรงค์องค์นารายณ์นาถา
ได้ฟังจึ่งมีบัญชา ข้าแจ้งอยู่แล้วพระอาจารย์
อันพระรามสำหรับจะดับเข็ญ ให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกสถาน
แต่ยังไม่ควรแก่การ ซึ่งจะไปปราบมารในครั้งนี้
ชอบจะเสวยรมย์ชมสมบัติ ให้ไพบูลย์พูนสวัสดิ์เกษมศรี
นัยจะได้ไปปราบอสุรี ตามที่ซึ่งไวกูณฐ์มา
นี่มันริษยาทรยศ จะให้อัปยศทุกทิศา
สุดอายสุดแค้นสุดปัญญา ถึงจะมีชีวาไม่ต้องการ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระมุนีผู้ปรีชาหาญ
ฟังท้าวทศรถพจมาน สุดที่จะทัดทานต่อไป
อนิจจานางไกยเกษี ทำถึงเพียงนี้ก็เป็นได้
ชั่วช้ากว่าหญิงทั้งแดนไตร แกล้งฆ่าผัวให้มรณา
เห็นแต่จะได้สมบัติ ควรหรือตัดขาดเสน่หา
ว่าแล้วก็พากันลงมา จากปราสาทรัตนารูจี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งแจ้งข้อความ แก่องค์พระรามเรืองศรี
อันตัวของตาทั้งสองนี้ เข้าไปถึงที่ข้างใน
เห็นพระบิตุเรศมารดา สองกษัตริย์โศการ่ำไห้
ว่าเจ้าออกจากเวียงชัย วันใดจะม้วยชีวี
ตานี้สงสารพระภูธร ได้ว่าวอนนางไกยเกษี
มันกลับหยาบช้าพาที สุดที่จะตอบวาจา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระจักรรัตน์แก้วนาถา
ได้ฟังทั้งสองพระสิทธา อุราเร่าร้อนดั่งเพลิงกาล
ชลนัยน์ไหลนองคลองพักตร์ แสนรักแสนโศกสงสาร
พ่างเพียงชีวิตจะวายปราณ ผ่านฟ้ารำพันโศกี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

โอ้

๏ โอ้ว่าสมเด็จพระบิตุเรศ พระชนนีก่อเกศเกศี
พระคุณลํ้าฟ้าธาตรี ครั้งนี้จะจากพระองค์ไป
ตั้งแต่จะไกลเบื้องบาท ดั่งภานุมาศเลี้ยวลับเหลี่ยมไศล
กตัญญูจะสู้ไปเดินไพร ไม่คิดอาลัยแก่ชีวา
เกิดมามิได้สนองคุณ ซึ่งการุญบำรุงรักษา
ถึงกระไรแต่ได้บังคมลา กราบบาทบาทาจะคลายใจ
สุดคิดสุดปัญญาจะผ่อนผัน จะผัดวันอยู่ช้าก็ไม่ได้
อกเอ๋ยจะทำประการใด จนใจเป็นพ้นพันทวี
เสียแรงเกิดในสุริย์วงศ์ จักรพรรดิฤทธิรงค์เรืองศรี
ดูดั่งทรลักษณ์อัปรีย์ พระจักรีร่ำพลางทางโศกา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ แล้วหักใจดับความอาวรณ์ ประนมกรเหนือเกล้าเกศา
ลาพระมหาสิทธา สามกษัตริย์ก็พากันเดินไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ บัดนั้น สุมันตันเสนีผู้ใหญ่
โศกาดั่งหนึ่งจะขาดใจ อาลัยในองค์พระจักรา
ไม่มีพวกพลจตุรงค์ แต่สามองค์จะต้องไปเดินป่า
แสนยากลำบากกายา เวทนาเป็นพ้นพันทวี
ตัวกูจะไปรองบาท พระนารายณ์ธิราชเรืองศรี
คิดแล้วก็เกณฑ์หมู่โยธี เทียมรถมณีอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นเสร็จให้เคลื่อนทวยหาญ ขับรถสุรกานต์ประภัสสร
ต่างคนโศกาอาวรณ์ บทจรรีบตามเสด็จมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งทูลพระหริวงศ์ เชิญทรงพิชัยรัถา
ข้าจะตามเสด็จพระจักรา ไปกว่าจะสิ้นชีวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระพิษณุรักษ์เรืองศรี
ได้ฟังสุมันตันเสนี ก็ชวนพระลักษมีเยาวมาลย์
กับพระอนุชาสุริย์วงศ์ ขึ้นทรงรถแก้วมุกดาหาร
สุมันตันเสนีปรีชาชาญ ขึ้นนั่งหมอบกรานมาท้ายรถ
สารถีขับสินธพชาติ เผ่นผาดรี่เร็วดั่งลมกรด
โยธาแน่นนันต์เป็นหลั่นลด บทจรมาตามรัถยา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น ไพร่ฟ้าประชากรถ้วนหน้า
เห็นสามสุริย์วงศ์กษัตรา บวชเป็นชีป่าพนาลัย
เสด็จทรงรถรัตน์มณี โยธีแวดล้อมแผ่นดินไหว
ต่างคนตระหนกตกใจ เอิกเกริกวุ่นไปทั้งนั้น
ข้าหลวงสามกรมก็อาดูร พูนเทวษแสนเศร้าโศกศัลย์
เยียดยัดอัดแอแจจัน พากันตามเสด็จพระจักรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น ฝ่ายนายรัถาสารถี
จึ่งขับรถแก้วมณี ออกมาถึงที่ทวารา
เทวัญบันดาลดลใจ ให้ไปทักษิณทิศา
ตรงเกาะพิชัยลงกา หวังให้เข่นฆ่าอาธรรม์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระรามสุริย์วงศ์รังสรรค์
เห็นไพร่ฟ้าประชากรทั้งนั้น พากันตามมาวุ่นไป
จึ่งมีวาจาอันสุนทร ดูกรสุมันตันผู้ใหญ่
อันเสนาไพร่ฟ้าทั้งเวียงชัย มาตามเราไยดั่งนี้
ผู้ใดจะรองฉลองบาท พระบิตุรงค์ธิราชเรืองศรี
จงพากันคืนเข้าบูรี เรานี้จะลาท่านไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น สุมันตันผู้มีอัชฌาสัย
ก้มเกล้ากราบทูลพระภูวไนย พระองค์จงได้เมตตา
ซึ่งจะให้ข้าคืนนคเรศ แต่ทรงเดชจะเสด็จไปป่า
พระบิตุรงค์จะทรงพระโกรธา จะลงโทษโทษาพันทวี
ประการหนึ่งเหมือนข้าไม่จงรัก ภักดีต่อเบื้องบทศรี
จะขอโดยเสด็จจรลี ไปกว่าชีวีจะวายปราณ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระตรีภพลบโลกทุกสถาน
ได้ฟังสุมันตันปรีชาชาญ ไม่ตอบพจมานประการใด
จึ่งสั่งนายรัถาสารถี ให้ขับพาชีเป็นอย่างใหญ่
รีบเร่งราชรถเร็วไป โดยในมรคาพนาวัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ผ่านทุ่งวุ้งป่าท่าธาร ถึงที่อุทยานสวนขวัญ
พอพระสุริยาสายัณห์ พระทรงธรรม์ให้หยุดรถชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น สุมันตันเสนาผู้ใหญ่
จึ่งให้นั่งยามตามไฟ นอกในกำชับตรวจตรา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ต่างคนโศกาอาวรณ์ ทุกข์ร้อนเศร้าโทมนัสสา
เทวัญบันดาลให้โยธา นิทราหลับสิ้นไม่สมประดี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์เรืองศรี
เสด็จเหนือรถรัตน์มณี มีแต่ทุกข์ร้อนอาวรณ์ใจ
ถึงพระมารดาบิตุรงค์ ซบพักตร์ลงทรงกันแสงไห้
จนปฐมยามล่วงไป มิได้เข้าที่นิทรา
ครั้นเห็นฝูงคนหลับสนิท มีจิตแสนโสมนัสสา
จึ่งชวนทั้งสองกษัตรา ลงจากรัถาทันที ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ ค่อยเสด็จเยื้องย่างบทจร หลีกพลนิกรลอบหนี
เข้าในพนมพนาลี ดั่งพญาสีหราชยาตรา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

ชมดง

๏ เดินทางตามหว่างพนาเวศ พระทรงเดชพิศพรรณพฤกษา
เรียบเรียงสองข้างมรคา ดวงผกากลีบแย้มเบิกบาน
โรยร่วงเสาวรสเกสร กลิ่นขจรตลบหอมหวาน
แสงจันทร์แจ่มแจ้งดงดาน พระพายพัดพานรวยริน
นํ้าค้างเป็นละอองตกมา เย็บซาบกายาพระทรงศิลป์
กระต่ายเต้นเล่นเล็มระบัดกิน สกุณาโบยบินวุ่นไป
เพรียกพร้องร้องร่ำถวายเสียง สำเนียงเสนาะทั้งป่าใหญ่
จักจั่นรี่เรื่อยจับใจ เหมือนแกล้งให้คลายทุกข์ร้อน
พระตรัสชี้ชวนวนิดา ชมช่อผกาเกสร
พระลักษมณ์เด็ดดวงแก้วขจายจร ถวายองค์บังอรวิไลวรรณ
พระหริวงศ์ทรงเด็ดสาวหยุด ส่งให้วรนุชแล้วรับขวัญ
สามกษัตริย์ย่างเยื้องจรจรัล พากันล่วงด่านผ่านมา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น สุมันตันผู้มียศถา
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงสุริยา ก็ผวาตื่นจากรถชัย
จึ่งแหวกม่านทองมองดู จะเห็นเสด็จอยู่ก็หาไม่
ทั้งพระลักษมณ์นางสีดาก็หายไป ตกใจเพียงสิ้นชีวี
แล้วคิดถวิลจินดา ก็รู้ว่าสามกษัตริย์แกล้งหนี
มิให้พวกพลมนตรี ทั้งนี้ติดตามเสด็จจร
จำเป็นจะกลับเข้านิเวศน์ ทูลพระบิตุเรศให้แจ้งก่อน
คิดแล้วจึ่งสั่งพลนิกร ว่าภูธรจะคืนเข้าพารา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายหมู่โยธีถ้วนหน้า
บรรดาที่ตามเสด็จมา ไม่รู้กลเสนาสุมันตัน
คิดว่าพระจะคืนกรุงไกร ต่างต่างมีใจเกษมสันต์
สำรวลสรวลเพรียกเรียกกัน ยกหัตถ์อภิวันท์พระสี่กร
ฝ่ายว่าข้าหลวงสามกรม ชื่นชมโสมนัสสโมสร
บ้างก็อวยชัยถวายพร สิ้นทุกข์สิ้นร้อนด้วยดีใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น สุมันตันผู้มีอัชฌาสัย
ให้ขับรถรัตนามัย คืนเข้ายังในพารา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น หญิงชายชาวเมืองถ้วนหน้า
เห็นรถนั้นขับกลับมา บันเทิงเริงร่าทั้งโยธี
สำคัญว่าองค์พระทรงเดช คืนเข้านัคเรศบุรีศรี
ต่างตนชื่นชมยินดี วิ่งตามรถมี่อึงไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสมุทรเยาวยอดพิสมัย
แสนโศกเร่าร้อนอาวรณ์ใจ อยู่ในห้องแก้วแพร้วพรรณ
ได้ยินว่าสามกษัตรา คืนมานิเวศน์ไอศวรรย์
สงสัยก็พานางกำนัล ทั้งนั้นรีบเร่งเสด็จมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงซึ่งที่ปราสาทชัย นางไกยเกษีเสน่หา
ตรงเข้ายังห้องไสยา คอยฟังกิจจาพระภูธร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุมันตันเสนาชาญสมร
ครั้นเข้ามาถึงพระนคร ให้หยุดอัสดรโยธี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ลงจากพิชัยราชรถ ยิ่งรันทดร้อนใจดั่งไฟจี่
ขึ้นไปเฝ้าองค์พระภูมี ยังที่ปราสาทรัตนา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถนาถา
กับนวลนางเกาสุริยา สองกษัตริย์โศกาจาบัลย์
ถึงองค์สมเด็จพระลูกรัก อันจากนัคเรศเขตขัณฑ์
ได้ยินเสียงอึงนี่นัน ทรงธรรม์ฉงนสนเท่ห์ใจ
จึ่งเยี่ยมพระแกลแลเห็น สุมันตันซึ่งเป็นผู้ใหญ่
มีพระบัญชาถามไป มาด้วยอันใดนะเสนา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุมันตันผู้มียศถา
ก้มเกล้ากราบลงแล้วโศกา ทูลสนองบัญชาพระภูมี
ด้วยสองพระโอรสยศยง กับองค์สุณิสามารศรี
วานนี้ทรงพรตเป็นโยคี สามกษัตริย์จรลีเข้าไพรวัน
ข้าได้โดยเสด็จบทมาลย์ ถึงในอุทยานสวนขวัญ
ครั้นคํ่าจำรัสแสงจันทร์ พระพากันเสด็จหนีไป
สุดคิดสุดที่จะตามหา ไม่รู้ว่าจะไปหนไหน
โทษข้าถึงสิ้นชีวาลัย ภูวไนยจงได้ปรานี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวทศรถเรืองศรี
ได้ฟังดั่งจะม้วยชีวี ภูมีครวญคร่ำรำพัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้อนิจจาพระลูกรัก ดวงจักษุพ่อเฉลิมขวัญ
แต่นี้จะไม่เห็นกัน นับวันจะแลลับไป
เพราะด้วยอีไกยเกษี มันเป็นไพรีศัตรูใหญ่
ฆ่าพ่อขับลูกให้จำไกล ไปเดินอรัญกันดาร
ได้ยากลำบากทุกข์ทน มีแต่ผลไม้เป็นอาหาร
ยามนอนก็จะนอนทรมาน กับพื้นดินดานอนาถนัก
เสียทีที่ได้ไวกูณฐ์ เกิดในประยูรพญาจักร
พ่อถนอมบำรุงผดุงรัก จะให้เป็นปิ่นปักโลกา
แม้นมาตรจะหาแก้วมณี ดวงเท่าคีรีก็พอหา
ถึงจะเอาเดือนดาวในท้องฟ้า เห็นว่าจะได้ดั่งใจ
อันจะหาโอรสให้เหมือนเจ้า ตายแล้วเกิดเล่าไม่หาได้
คิดว่าจะฝากชีวาลัย ไปกว่าจะสิ้นชนมาน
ก็ไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย ด้วยอีแสนร้ายมาตามผลาญ
มันนี้คือพวกพระกาล แกล้งประหารชีวิตของบิดา
แม้นมาตรถึงพ่อจะบรรลัย เจ้าได้เห็นใจก็ไม่ว่า
ร่ำพลางทอดองค์ลงโศกา อัดอั้นนาสาสะท้อนกาย
สิ้นเสียงสุดสิ้นพระวาตะ อัสสาสะประสาทก็ขาดหาย
สิ้นกระแสภวังค์ทำลาย ไปเกิดฝ่ายชั้นดุษฎี ฯ

ฯ ๑๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นางเกาสุริยามเหสี
ทั้งโฉมนางสมุทรเทวี ฝูงสนมนารีกำนัล
เห็นพระองค์สุดสิ้นพระชนม์ ต่างคนตกใจไม่มีขวัญ
แสนโศกโศกาจาบัลย์ รำพันร่ำรักภูวไนย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

โอ้

๏ นางเกาสุริยาว่าโอ้พระทรงภพ จบสกลโลกาไม่หาได้
ควรหรือมาม้วยบรรลัย หนีข้าน้อยไปเมืองฟ้า
พระคุณพ่างเพียงบิตุเรศ ได้เย็นเกศเป็นบรมสุขา
ตั้งแต่วันนี้จะลับตา จะมีแต่โศกาจาบัลย์
อกเอ๋ยจากลูกแล้วมิหนำ พระปิ่นเกล้ามาซ้ำอาสัญ
จะแสนทุกข์ไปทุกคืนวัน สารพันจะได้อัประมาณ
นางสมุทรว่าโอ้พระจอมเกศ เรืองเดชดั่งดวงพระสุริย์ฉาน
เป็นหลักโลกาสุธาธาร ทั่วทั้งจักรวาลไม่เดือดร้อน
ตั้งแต่นี้ไปจะได้ทุกข์ ไม่มีสิ่งสุขเหมือนแต่ก่อน
เช้าเย็นเคยเฝ้าพระภูธร สโมสรชื่นชมภิรมยา
เวรใดจำให้ไกลบาท พระสามีธิราชนาถา
ยามกินจะกินแต่น้ำตา เวทนาเป็นพ้นพันทวี
นางสนมว่าโอ้ทูลกระหม่อม จอมเกศข้าบาทบทศรี
พระคุณลํ้าฟ้าธาตรี สุดที่จะร่ำรำพัน
มิได้อาธรรมลำเอียง ชุบเลี้ยงเป็นสุขเกษมสันต์
เงินทองแก้วแหวนแพรพรรณ ให้ปันทั่วหน้ากันไป
อันจะหาเหมือนองค์พระทรงฤทธิ์ ไตรภพจบทิศไม่หาได้
ร่ำพลางทางโศกาลัย นางในเพียงสิ้นชีวา ฯ

ฯ ๑๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น สองพระอาจารย์ฌานกล้า
ทั้งสุมันตันเสนา อำมาตย์มาตยานอกใน
ครั้นรู้ว่าพระองค์สวรรคต ต่างคนกำสรดสะอื้นไห้
ก็ตามพระสิทธาขึ้นไป ยังไพชยนต์รัตน์รูจี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงห้องแก้วสุรกานต์ องค์พระอาจารย์ทั้งสองศรี
ให้เอาสุคนธวารี อันมีกลิ่นตลบโอฬาร์
ใส่สาครรัตน์โสรจสรง ชำระศพบรมวงศ์นาถา
ประดับเครื่องทรงอลงการ์ โดยศพมหาจักรพรรดิ
ครั้นเสร็จเชิญเข้าพระโกศแก้ว แล้วตั้งภายใต้เศวตฉัตร
เหนือแท่นพรายพรรณสุวรรณรัตน์ เครื่องสูงเป็นขนัดรูจี
นางสนมหกหมื่นสี่พัน โศกาจาบัลย์อึงมี่
ชาวประโคมก็ประโคมทุกนาที มิได้เว้นว่างเวลา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ สาธุการ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายพระหริรักษ์นาถา
กับโฉมนวลนางสีดา พระลักษมณ์อนุชาวิลาวัณย์
เสด็จแต่เวลาราตรี จนรวีแจ่มแจ้งแสงฉัน
ก็พ้นแดนบ้านด่านอารัญ พากันเข้าดงพงไพร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ร้อนแรมมาหลายราตรี ถึงฝั่งนัทีกว้างใหญ่
ชื่อว่าสะโตงคงคาลัย นํ้าไหลลึกพ้นประมาณ
สามกษัตริย์ก็เข้าหยุดพัก สำนักร่มไทรไพศาล
คิดที่จะข้ามชลธาร กันดารพ่วงแพนาวา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ