สมุดไทยเล่มที่ ๒

ร่าย

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงอสุรพรหมใจหาญ
สถิตยังไพชยนต์สุรกานต์ เนินเขาจักรวาลคีรี
ปรารถนาจะใคร่เป็นใหญ่ เเก่เทพไททุกราศี
เเต่ทำเพียรเวียนเฝ้าพระศุลี หลายปีประมาณนานมา
ครั้นถึงเวลาก็อ่าองค์ ทรงเครื่องจำรัสพระเวหา
ออกจากวิมานรัตนา ไปมหาไกรลาสคีรี ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ กราว

๏ ครั้นถึงจึงถวายอภิวาทน์ เบื้องบาทพระอิศวรเรืองศรี
ท่ามกลางเทวานาคี อสุรีก็ทูลเจ้าโลกา
ตัวข้านี้รองเบื้องบาท พระตรีภูวนาถนาถา
เป็นนิจนิรันดร์ทุกวันมา ผ่านฟ้าไม่ประทานสิ่งใด
บัดนี้จะขอคทาธร กับพรอย่าให้ใครต่อได้
พระองค์ผู้ทรงภพไตร ภูวไนยจงโปรดปรานี ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระสยมภูวญาณเรืองศรี
ได้ฟังวาจาอสุรี ภูมีก็ทรงพระเมตตา
จึ่งประทานคทาเพชรเรืองฤทธิ์ เเล้วประสิทธิพรให้เเก่ยักษา
จงเป็นใหญ่ทั้งไตรโลกา อย่าเเพ้ฤทธาผู้ใด ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น อสุรพรหมผู้มีอัชฌาสัย
รับพรพระทรงภพไตร ได้คทาเพชรเเล้วก็ลามา ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ

๏ ออกจากหิรัญไกรลาส ทําอำนาจผาดเเผลงสำเเดงกล้า
เหาะฟ้อนร่อนเล่นในเมฆา ไปมหาวิมานรูจี ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น มาลีวัคคพรหมเรืองศรี
เห็นพระอิศโรโมลี ให้พรอสุรีอาธรรม์
ทั้งเทพศัสตราคทาธร ฤทธิรอนปราบทั่วสรวงสวรรค์
ตกใจดั่งใครมาฟาดฟัน ด้วยกุมภัณฑ์หยาบช้าสาธารณ์
ยิ่งจะอิ่มเอิบกําเริบจิต ดั่งอสรพิษตัวหาญ
จะเที่ยวไล่บุกรุกราน อยู่ในมือมารทั้งธาตรี
ครั้นจะนิ่งเสียดั่งไม่รู้ เอ็นดูวงศ์นารายณ์เรืองศรี
คิดเเล้วนบนิ้วดุษฎี ทูลพระศุลีด้วยปรีชา
ซึ่งพระองค์ประทานคทาธร ทั้งพรประสิทธิ์ให้ยักษา
ตัวเพื่อนเป็นคนหยาบช้า จะเบียนโลกาให้ร้อนใจ
ถึงว่าองค์ท้าวอัชบาล ซึ่งผ่านอยุธยาไม่ต่อได้
พระองค์ผู้ทรงภพไตร ภูวไนยจงได้ปรานี
ขอเทพอาวุธไปประทาน องค์ท้าวอัชบาลเรืองศรี
ให้ชนะอสุระตนนี้ ธาตรีจะได้พึ่งเดชา ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสยมภูวญาณนาถา
ได้ฟังจึ่งตอบวาจา ท่านว่านี้ชอบขอบใจ
อนิจจาเอ๋ยวงศ์พระจักรกฤษณ์ ต่อว่าจึ่งคิดขึ้นได้
เดิมเราให้อโนมาไป อยู่ในทวีปชมพู
บัดนี้ก็ถึงสวรรคต โอรสขึ้นผ่านสมบติอยู่
ชื่อว่าอัชบาลก็พึ่งรู้ ดูดู๋กูลืมไปช้านาน
ตรัสเเล้วให้พรกับพระขรรค์ ทั้งไตรโลกนั้นอย่าต่อต้าน
จงชนะคทาเพชรชัยชาญ ซึ่งเราประทานอสุรา
ตัวท่านเร่งรีบเอาลงไป ส่งให้อัชบาลนาถา
ไว้ปราบศัตรูหมู่พาลา ซึ่งจะเบียนโลกาธาตรี ฯ

ฯ ๑๐ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น มาลีวัคคพรหมเรืองศรี
รับพระขรรค์กับพรด้วยยินดี ถวายอัญชุลีเเล้วเหาะไป ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงซึ่งศรีอยุธยา มหานคเรศกรุงใหญ่
เลื่อนลอยอยู่ตรงบัญชรชัย ร้องไปด้วยคําอันสุนทร
ดูราอัชบาลสุริย์วงศ์ ผู้พงศ์หริรักษ์ชาญสมร
บัดนี้พระอิศวรฤทธิรอน ภูธรตรัสใช้ให้เรามา ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวอัชบาลนาถา
เสด็จเหนือเเท่นเเก้วเเววฟ้า ได้ฟังวาจาพาที
ออกนามพระสยมภูวนาถ มงกุฎไกรลาสคีรีศรี
ก็เยี่ยมบัญชรรัตนมณี เห็นเทวัญผู้มีฤทธิไกร
จึงกล่าวมธุรสพจนารถ ว่าพระจอมไกรลาสเขาใหญ่
ดำรัสตรัสสั่งประการใด ขอเชิญเทพไทลงมา ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น มาลีวัคคพรหมนาถา
ก็ลอยเลื่อนลงจากเมฆา เข้ามายังท้องพระโรงคัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งนั่งร่วมอาสน์ อันโอภาสพรรณรายฉายฉัน
ต่างองค์ก็มิได้อภิวันท์ เคารพกันด้วยความสวัสดี ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวอัชบาลเรืองศรี
ปราศรัยด้วยราชไมตรี เเล้วมีบัญชาถามไป
ซึ่งพระอิศราประกาศิต กิจจานุกิจเป็นไฉน
ตัวท่านนี้นามกรใด จึ่งได้รับสั่งเทวบัญชา ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น พรหเมศผู้มียศถา
จึงตอบมธุรสวาจา ข้าชื่อมาลีพรหมาน
ไปเฝ้าพระอิศวรบรมนาถ ยังเขาไกรลาสราชฐาน
พออสุรพรหมใจพาล อหังการกราบทูลขอพร
ให้ปราบได้ไปทั่วทั้งสิบทิศ ปัจจามิตรเกรงเดชดั่งไกรสร
กับทั้งคทาฤทธิรอน ภูธรประทานเเก่ขุนยักษ์
เราทูลว่ามันหยาบช้า จะเบียดเบียนเทวาในไตรจักร
ถึงพระองค์ผู้พงศ์หริรักษ์ อสุรพักตร์ก็จะทําย่ำยี
จึ่งประทานพระขรรค์ฤทธิรอน ให้ชนะคทาธรยักษี
กับพระประสิทธิ์สวัสดี ตรัสใช้เรานี้นำมา
ว่าเเล้วก็ส่งพระขรรค์ให้ ด้วยใจเเสนโสมนัสสา
จงมีชัยเเก่อสุระพาลา เหมือนเจ้าโลกาประทานพร ฯ

ฯ ๑๒ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวอัชบาลชาญสมร
รับพระขรรค์แก้วฤทธิรอน กับทั้งพระพรด้วยยินดี
จี่งบ่ายหน้ามายังไกรลาส บังคมบาทอิศวรเรืองศรี
แล้วกล่าวมธุรสวาที คุณท่านครั้งนี้เป็นพ้นไป
เราสองจะครองสุจริต เป็นพันธมิตรพิสมัย
ไปกว่าจะสิ้นชีวาลัย สิ่งใดอย่าเเหนงเเคลงกัน ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น มาลีวัคคพรหมรังสรรค์
รับสัตย์ปฏิญาณผูกพัน เทวัญจึงกล่าวสุนทร
ค่อยอยู่เถิดพระสหายรัก ตัวเรานี้จักลาก่อน
ว่าเเล้วเหาะขึ้นยังอมพร เขจรไปวิมานรูจี ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายอสุรพักตร์ยักษี
เเต่ได้คทาเพชรฤทธี องค์พระศุลีประทานมา
ยิ่งคิดโลภล้นพ้นนัก หมายจักปราบทศทิศา
ให้อยู่ในอำนาจอสุรา ด้วยอานุภาพชัยชาญู
คิดแล้วอ่าองค์ทรงเครื่อง อร่ามเรืองด้วยเเก้วมุกดาหาร
ออกจากยอดเขาจักรวาล เหาะทะยานมาโดยเมฆา ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ กราว

๏ สำเเดงแกว่งกวัดคทาเพชร ระเห็จหันผันแล่นในเวหา
เเสงเป็นไฟพรายกระจายฟ้า เเล้วมีวาจาประกาศไป
ตัวกูผู้ชื่ออสุรพักตร์ ศักดาไม่มีใครเปรียบได้
จะล้างตรีโลกให้บรรลัย ด้วยฤทธิไกรบัดนี้ ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ

๏ ว่าเเล้วสำแดงเดชา ไล่หมู่เทวาทุกราศี
ทั้งคนธรรพ์คนธรรพนาคี มุนีชีป่าวุ่นไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ฝูงเทพเทวาน้อยใหญ่
ครุฑานาคีชีไพร ตกใจประหวั่นขวัญบิน
ด้วยกลัวศักดาคทาเพชร ให้คิดคร้ามขามเข็ดไปสิ้น
ทั่วทั้งเมืองเเมนเเดนดิน เกรงเดชอสุรินทร์พาลา
บ้างหนีไปนอกขอบเขต เเสนเทวษข้ามห้วยเหวผา
ลางหมู่ฤๅษีเทวา เหาะไปอยุธยาธานี ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงเเจ้งเหตุการณ์ แก่ท้าวอัชบาลเรืองศรี
ว่าอสุรพรหมมายํ่ายี ไล่ตีฝูงเทพนิกร
บัดนี้ยังทำสิงหนาท อยู่เชิงเมรุมาศสิงขร
ขอพระองค์ผู้ทรงฤทธิรอน ช่วยดับร้อนให้เย็นโลกา ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ เจรจา

ร่าย

๏ เมื่อนั้น ท้าวอัชบาลนาถา
ฟังเทพนักสิทธ์วิทยา จึงมีบัญชาตรัสไป
ดูดู๋ไอ้อสูรอสุรพักตร์ ฮึกฮักกำเริบหยาบใหญ่
จะสังหารผลาญูเสียให้บรรลัย มิให้เป็นเสี้ยนธาตรี
ว่าเเล้วจึงมีบัญชาหาร สั่งนายรัถยานทั้งสี่
จงเตรียมรถเเก้วมณี จะไปปราบอสุรีพาลา ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ

๏ บัดนั้น ขุนรถผู้มียศถา
รับสั่งพระองค์ทรงศักดา ถวายบังคมลาเเล้วรีบจร ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ เสมอ

๏ จึงเเต่งพิชัยรถแก้ว อันเพริศเเพร้วจํารัสประภัสสร
เทียมด้วยสินธพอัสดร สิบคู่ฤทธิรอนดั่งลมพัด
ผูกเครื่องกุดั่นดาวราย เฉิดฉายเยื้องย่างยืนหยัด
ประทับกับเกยเนาวรัตน์ คอยองค์จักรพรรดิจะยาตรา ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น องคท้าวอัชบาลนาถา
เสด็จจากเเท่นเเก้วอลงการ์ กรายกรมาสรงวาริน ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ เสมอ

โทน

๏ สุหร่ายมาศโปรยปรายดั่งสายฝน ทรงสุคนธ์เกสรขจรกลิ่น
สนับเพลารายพลอยโกมิน ภูษารูปกินรีรํา
ชายแครงแก้วประพาฬก้านขด ชายไหวมรกตเขียวขํา
ฉลององค์ทรงประพาสพื้นดำ ประจำยามเครือเเย่งฉลุลาย
ตาบทิศทับทรวงประดับบุษย์ สังวาลชมพูนุทสามสาย
พาหุรัดทองกรมังกรกลาย ธํามรงค์เพชรพรายเรือนสุบรรณ
ทรงมหามงกุฎดอกไม้ทัด กรรเจียกจรเนาวรัตน์ฉายฉัน
งามทรงดั่งองค์พระสุริยัน จับพระขรรค์บทจรมาขึ้นรถ ฯ

ฯ ๘ คํา ฯ เสมอ

โทน

๏ รถเอยรถทรง ดุมวงล้วนเเล้วด้วยมรกต
เเปรกงอนอ่อนงามช้อยชด บัลลังก์ลดช่อตั้งกระจังราย
ฉลุเเก้วเครือสุวรรณคั่นภาพ บุษบกเก็จกาบบัวหงาย
ห้ายอดสอดบันสุพรรณพราย งามคล้ายวิมานพระสุริยน
เทียมด้วยพลาหกตัวหาญ เผ่นทะยานผ่านขึ้นโพยมหน
สารถีขับเเข่งลมบน เทเวศร์เป็นพลนําจร
ประดับด้วยอภิรุมชุมสาย ธงทิวริ้วรายปลายสลอน
ปี่กลองฆ้องขานเเตรงอน เร็วร่อนไปพระเมรุคีรี ฯ

ฯ ๘ คํา ฯ เชิด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายอสุรพักตร์ยักษี
เเลเห็นรถเเก้วมณี มีหมู่เทวัญล้อมมา
ใครหนออาจองทะนงฤทธิ์ ไม่คิดว่าจะสิ้นสังขาร์
อสุรีโกรธกริ้วดั่งไฟฟ้า โถมเข้าขวางหน้ารถไว้ ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ คุกพาทย์

๏ เเล้วร้องประกาศด้วยวาที เหวยเหวยใครนี้มาเเต่ไหน
เชื้อชาตินามกรชื่อใด อาจใจมาทำอหังการ์
ไม่เกรงกูผู้ชื่ออสุรพักตร์ อันทรงสิทธิศักดิ์เเกล้วกล้า
ทั่วทั้งสามโลกโลกา ก็กลัวเดชาไม่ต่อฤทธิ์
ตัวเอ็งเป็นเเต่มนุษย์น้อย เปรียบดั่งหิ่งห้อยกระจิริด
หรือจะมาแข่งเเสงพระอาทิตย์ ชีวิตจะม้วยไม่พริบตา ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจอมภพลบโลกนาถา
ได้ฟังถ้อยคำอสุรา ผ่านฟ้าจึงร้องตอบไป
เอ็งหรือชื่อว่าอสุรพักตร์ ทะนงศักดิ์อหังการหยาบใหญ่
อย่าพักอ้างอวดฤทธิไกร เราไม่เกรงเดชอสุรี
ตัวมึงดังหนึ่งมฤคา กูคือพญาราชสีห์
ทรงนามอัชบาลธิบดี ผ่านบุรีอยุธยาสุธาธาร
ฤๅษีเทวาสุราลัย เชิญกูมาให้สังหาร
เพราะมึงประพฤติใจพาล ขุนมารจะม้วยชีวัน ฯ

ฯ ๘ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น อสุรพักตร์ฤทธิเเรงเเข็งขัน
ได้ฟังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สองตานั้นเเดงดั่งไฟพราย
กรเเกว่งคทาเพชรวับวาบ เเสงปลาบดั่งฟ้าฟาดสาย
โผนขึ้นรถเเก้วพรรณราย ตีซ้ายป่ายขวาราวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ท้าวอัชบาลเรืองศรี
กวัดเเกว่งพระขรรโมลี งามทีดั่งองค์พระสี่กร
ป้องปัดฟาดด้วยพระเเสงเพชร ถูกคทาขาดเด็ดเป็นสองท่อน
โรมรันประจัญฟันฟอน อสุราม้วยมรณ์ด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ เชิด โอด

๏ เมื่อนั้น ฝูงเทพเทวาทุกราศี
เห็นวงศ์พระหริรักษ์จักรี สังหารอสุรีวายปราณ
มีความชื่นชมโสมนัส สรวลเเซ่ตบพระหัตถ์ฉัดฉาน
ทั้งเทพธิดายุพาพาล เผยวิมานเยี่ยมพักตร์อภิวันท์
บ้างโปรยปรายทิพย์มาลาลาศ เกลื่อนกลาดตกมาเเต่สวรรค์
แซ่ซ้องอวยพรนี่นัน เสียงสนั่นไปทั่วโลกา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวอัชบาลนาถา
ครั้นเสร็จสังหารอสุรา ก็ตัดเศียรยักษาใส่ท้ายรถ
ให้ขับสินธพขึ้นอัมพร งามดั่งทินกรทรงกลด
เหาะข้ามสัตภัณฑ์บรรพต พระทรงยศตรงมาธานี ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ เชิด

๏ จึ่งเอาเศียรมารนั้นเสียบไว้ เเล้วสาปให้เฝ้าสวนศรี
ด้วยวาจาสิทธิ์พระภูมี อสุรีก็เป็นตามบัญชา ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ เจรจา

๏ ครั้นสำเร็จเสร็จสาปเศียรมาร พระผู้ผ่านพิภพนาถา
เสด็จลงจากรถรัตนา ขึ้นมหาปราสาทอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายมาลีวัคคพรหมชาญสมร
ร่วมวงศ์จัตุรพักตร์ฤทธิรอน เจ้านครลงกาสุธาธาร
ตั้งเเต่ได้เป็นสหาย เพื่อนตายร่วมชีพสังขาร
กับองค์ท่านท้าวอัชบาล ผู้ผ่านกรุงศรีอยุธยา
ตั้งอยู่ในสัตย์สุจริต มิได้คิดฉันทาโทสา
จึ่งเสด็จไปเฝ้าพระอิศรา ยังมหาไกรลาสบรรพต ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ เชิด

๏ มาถึงพร้อมหมู่เทวัญ คนธรรพ์นาคาดาบส
คลานเข้าไปใกล้พระทรงยศ ยอกรประณตเเล้วทูลไป
ข้าบาทจะถวายบังคมลา ไปอยู่ยอดฟ้าเนินไศล
จะขอวาจาสิทธิ์ฤทธิไกร พระองค์จงได้ปรานี ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น พระสยมภูวนาถเรืองศรี
ได้ฟังองค์ท้าวมาลี ภูมีตริตรึกนึกไป
พรหมนี้มีสัตย์สุจริต ควรกูจะประสิทธิ์พรให้
คิดเเล้วองค์เจ้าภพไตร ก็อวยชัยโดยเทพบัญชา
ท่านประสงค์จงได้เหมือนใจนึก ดั่งเหล็กเพชรจารึกเเผ่นผา
เเล้วให้นามตามเทพสมญา ชื่อมาลีวราชฤทธิรอน
จงเป็นใหญ่เเก่ฝูงคนธรรพ์ เทวากุมภัณฑ์ในสิงขร
เสวยสุขอยู่ทุกนิรนดร โดยพรเราประสิทธิ์ประสาทไป ฯ

ฯ ๘ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวมาลีผู้มีอัชฌาสัย
ยอกรรับพรใส่เศียรไว้ ด้วยใจโสมนัสยินดี
แล้วถวายบังคมบรมบาท พระอิศโรราชเรืองศรี
เหาะขึ้นอากาศด้วยฤทธี ตรงไปคีรียอดฟ้า ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ กลม

ช้า

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงสหมลิวันยักษา
ซึ่งผ่านทวีปรังกา หนีพระจักราไปบาดาล
เป็นวงศ์บรมพรหเมศ ทรงเดชศักดากล้าหาญ
แจ้งว่าสหบดีปรีชาญ มาสร้างราชฐานรังกา
ให้แก่ธาดาฤทธิรงค์ อันร่วมสุริย์วงศ์พงศา
เสวยสมบัติสวรรยา ทรงนามมหาจัตุรพักตร์
มีความชื่นชมโสมนัส ดั่งได้สมบัติในไตรจักร
อันธาดาองค์นี้ประเสริฐนัก จะเป็นหลักพงศ์พรหมสืบไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ บัดนั้น จึ่งเสนามารยักษา
รับสั่งพญาอสุรา ถวายบังคมลาแล้วรีบจร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

ยานี

๏ จึงจัดพยุหะทวยหาญ เลือกล้วนชำนาญชาญสมร
สี่หมู่พื้นมีฤทธิรอน กรกุมเครื่องสรรพอาวุธ
ตั้งเป็นกระบวนหน้าหลัง คับคั่งอื้ออึงอุตลุด
ล้วนกล้าหาญในการรณยุทธ์ แหวกสมุทรก็ได้ดั่งใจ
ถึงจะเหาะเหินเดินอากาศ ก็องอาจรวดเร็วไปได้
ห้อมล้อมบุษบกรอบไป เตรียมไว้คอยเสด็จอสุรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหมลิวันยักษี
เสด็จจากแท่นรัตน์มณี มาเข้าที่สรงชลธาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ชําระสระสนานสำราญองค์ ทรงสุคนธาทิพย์หอมหวาน
สอดใส่สนับเพลาอลงการ ภูษาเครือก้านกระหนกพัน
ชายไหวไหวพริ้งชายเเครง ฉลององค์ลายเเย่งสังเวียนคั่น
เกราะเเก้วรัดอกสังวาลวัลย์ ตาบทิศกุดั่นทับทรวง
พาหุรัดรูปวาสุกรีพด ทองกรมรกตรุ้งร่วง
ธํามรงค์พลอยเพชรชิงดวง มงกุฎเเก้วห้อยห่วงกรรเจียกจร
จับพระขรรค์คู่ทรงเทวราช รัศมีโอภาสประภัสสร
มาขึ้นบุษบกบวร พร้อมหมู่นิกรพลไกร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ บาทสกุณี

โทน

๏ บุษเอยบุษบกเเก้ว เลิศเเล้วนึกไหนก็ไปได้
ลอยเลื่อนเคลื่อนจากเวียงชัย เร็วเรื่อยเลื่อยไปดั่งลมพัด
ตรงมาสะดือมหาสมุทร ผุดผันวันเวียนเฉวียนฉวัด
ขึ้นจากทะเลหลวงล่วงลัด เเสงตรัสดั่งแก้วสุรกานต์
พ้นยอดเยี่ยมฟ้าอากาศ นพรัตน์โอภาสฉายฉาน
ลอยลิ่วปลิวไปในคัคนานต์ เเลล้ำวิมานอินทรา
สำเนียงก้องกึกครึกครั่น ไหวหวั่นทั่วทศทิศา
โพยมพยับอับเเสงพระสุริยา เร่งพลโยธารีบไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ กราว

๏ ครั้นถึงลงการาชฐาน พญามารผู้มีอัชฌาสัย
ก็ขับบุษบกแก้วเเววไว ลงในหน้าพระลานรูจี ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ คุกพาทย์

๏ เมื่อนั้น ท้าวจัตุรพักตร์ยักษี
เสด็จออกเเสนสุรเสนี ยังที่มุขเด็จอําไพ
เเลเห็นสหมลิวัน อันเป็นพันธุมิตรพิสมัย
โสมนัสตรัสเชิญเเต่ไกล ลงไปรับเสด็จอสุรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ จูงกรขึ้นสู่พิมานมาศ อันโอภาสจำรัสรัศมี
ให้นั่งเหนือเเท่นทิพย์รูจี สองกษัตริย์ยินดีปรีดา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สหมลิวันยักษา
สวมสอดกอดองค์เจ้าลงกา ชลนาคลอเนตรเเล้วตรัสไป
อันตัวของข้านี้ได้ยาก เเสนลำบากปิ้มเลือดตาไหล
ด้วยองค์พระนารายณ์เรืองชัย มีใจโมหันธ์ฉันทา
เห็นเราเป็นใหญ่ในธาตรี มาราวีเคี่ยวเข็ญเข่นฆ่า
จนใจจึ่งหนีจากรังกา พากันไปอยู่ยังบาดาล
แจ้งว่าองค์ท้าวสหบดี มาสร้างธานีราชฐาน
ให้ท่านผู้วงศ์พรหมาน อยู่ผ่านสวรรยาราชัย
ความเรายินดีปรีดา เหมือนสิ้นชีวาเเล้วเกิดใหม่
จึ่งขึ้นมาหาเจ้าผู้ร่วมใจ ด้วยช้านานมิได้เห็นกัน ฯ

ฯ ๑๐ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจัตรุพักตร์รังสรรค์
ได้ฟังสหมลิวัน บรรยายความยากเเต่หลังมา
มิอาจจะกลั้นโศกได้ ชลนัยน์คลอเนตรทั้งซ้ายขวา
จึ่งมีมธุรสพจนา อนิจจาเป็นได้ถึงเพียงนี้
อันพระองค์ผู้พงศ์พรหเมศ เเสนเทวษเร่าร้อนดั่งเพลิงจี้
คิดถึงท่านทุกทิวาราตรี จึ่งมาสร้างธานีลงกา
หวังจะให้สืบสุริย์วงศ์ ยืนยาวมั่นคงไปภายหน้า
จึ่งให้เราครองพารา ท่านมาจงอยู่ด้วยกัน
บำรุงไพร่ฟ้าประชากร ให้ถาวรเป็นสุขเกษมสันต์
จะได้พร้อมญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ ที่ในเขตขัณฑ์ลงกา ฯ

ฯ ๑๐ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น สหมลิวันยักษา
ได้ฟังดั่งอำมฤตฟ้า อสุราสวมกอดเเล้วจูบพักตร์
มิเสียเเรงที่ร่วมพรหมพงศ์ อารีรักวงศ์ประยูรศักดิ์
ขอบคุณของเจ้าพ้นนัก เเต่เราจักลากลับไป
อันบุษบกแก้วมณี ของพระศุลีประทานให้
เรืองฤทธิ์ดั่งมีจิตใจ จะไปไหนก็ได้ดั่งจินดา
เว้นเเต่สตรีที่เป็นม่าย สามีวอดวายสังขาร์
ขึ้นขี่มิได้เลื่อนลอยฟ้า ด้วยว่าต้องสาปพระศุลี
เจ้าจงเอาไว้ต่างพักตร์ สําหรับเมืองยักษ์เฉลิมศรี
ว่าเเล้วสองกษัตริย์ธิบดี เสด็จไปที่พระลานรัตนา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจัตุรพักตร์นาถา
เห็นบุษบกแก้วแววฟ้า งามดั่งมหาเวไชยันต์
เครื่องประดับซับซ้อนล้วนแก้ว รุ้งร่วงช่วงเเววฉายฉัน
สลับเเสงเเข่งสีรวีวรรณ สารพันพิศเพลินจําเริญใจ
จึ่งมีมธุรสพจนารถ ซึ่งพระบาทเอามาประทานให้
พระคุณล้ำลบภพไตร ดั่งได้สมบัติในชั้นฟ้า ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น สหมลิวันยักษา
จึ่งมีสุนทรบัญชา ค่อยอยู่เป็นผาสุกใจ
จงทรงศักดาวราฤทธิ์ ทุกทิศอย่ารอต่อได้
อันซึ่งตัวข้าจะลาไป ยังกรุงพิชัยบาดาล
สั่งแล้วก็เลิกโยธา ออกจากลงการาชฐาน
ชำเเรกเเทรกพื้นสุธาธาร พญามารตรงไปยังธานีฯ

ฯ ๔ คํา ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ท้าวจตุรพักตร์ยักษี
เสวยสบบัติหกหมื่นปี ภูมีสวรรคาลัย
องค์ลัสเตียนกุมาร ได้ผ่านลงกาเป็นใหญ่
ในมหาเศวตฉัตรชัย ไอศูรย์สมบูรณ์ดั่งเมืองฟ้า
มีพระมเหสีห้าองค์ ล้วนทรงศุภลักษณ์ดั่งเลขา
องค์หนึ่งชื่อชาลีสุมณฑา ถัดมาชื่อจิตรมาลี
นางหนึ่งชื่อสุวรรณมาลัย หนึ่งชื่อประไพโฉมศรี
หนึ่งชื่อรัชดาเทวี มีศุภลักษณ์เลิศเพริศเพรา
ห้าองค์ทรงเบญจกัลยา ดั่งเทเวศร์รจนาหล่อเหลา
เเสนสวาทนาฏนุชนงเยาว์ เทียมเท่าดวงเนตรดวงใจ
พระครอบครองอสุราพลากร ลือขจรฟากฟ้าดินไหว
เกียรติยศปรากฏทั่วไป ทั้งในไตรภพธาตรี ฯ

ฯ ๑๒ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวมาลีวราชเรืองศรี
สถิตยังยอดฟ้าคีรี มีจิตคิดถึงจัตุรพักตร์
อันครองลงกามหานิเวศ วงศ์บรมพรหเมศสูงศักดิ์
จึ่งสั่งคนธรรพ์นันทยักษ์ เราจักไปกรุงลงกา ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ

๏ บัดนั้น คนธรรพ์ฤทธิไกรใจกล้า
ก้มเกล้ารับราชบัญชา ถวายบังคมลาออกไป ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ เสมอ

ยานี

๏ เกณฑ์เป็นกระบวนพยุหบาตร พลเเห่เกลื่อนกลาดไม่นับได้
กองหน้าล้วนถือธงชัย ปลายปลิวไสวในอัมพร
หมู่หนึ่งนั้นพื้นถือดาบดั้ง ยืนสะพรั่งตามเนินสิงขร
หมู่หนึ่งล้วนถือโตมร กรายกรกลับกลอกไปมา
หมู่หนึ่งถือพวงดอกไม้มาศ ยืนเรียงเคียงราชรัถา
กองหลังถือสรรพศัสตรา เกลื่อนกลาดดาษดาพร้อมกัน ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวมาลีวราชรังสรรค์
ครั้นรุ่งเเสงสีรวีวรรณ ทรงธรรม์เข้าที่สรงชล ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ

โทน

๏ น้ำทิพย์ธารทิพย์บุปผา เป็นละอองตกมาดั่งฝอยฝน
ทรงสุคันธารสเสาวคนธ์ ปรุงปนเกสรสุมามาลย์
สนับเพลาเครือแก้วเเวววาว ภูษาขาวเชิงยกกระหนกก้าน
ชายแครงเครือหงส์อลงการ ชายไหวชัชวาลทับทิมพราย
ฉลององค์ขาวกรองทองคั่น สังวาลวัลย์มรกตสามสาย
ตาบทิศทับทรวงจำหลักลาย ทองกรมังกรกลายพาหุรัด
ธํามรงค์เรือนเก็จเพชรเหลือง มงกุฏแก้วเแก้วเรืองกาบสะบัด
กรรเจียกจรกุณฑลดอกไม้ทัด พระหัตถ์จับพระขรรค์ขึ้นรถ ฯ

ฯ ๘ คํา ฯ

โทน

๏ รถเอ๋ยรถเเก้ว พราวแพร้วเเพร้วพรายด้วยมรกต
เเปรกอ่อนอ่อนสลวยชวยชด บัลลังก์ลดลดชั้นพรรณราย
ดุมเแก้วแก้วประกับประกํากง เเอกงอนงอนระหงเฉิดฉาย
ธงทองทองอร่ามสามชาย ปักปลายปลายสะบัดชัชวาล
ม้าเทียมเทียมเทพพลาหก โผนผกผกผยองเริงร่าน
เครื่องสูงสูงไสวโอฬาร ฉัตรเเก้วเเก้วประพาฬจำรัสฟ้า
พัดโบกโบกบังสุริย์ฉาย ธงริ้วริ้วรายซ้ายขวา
คลายเคลื่อนเคลื่อนเทพโยธา เทวาเเห่แหนเเน่นไป ฯ

ฯ ๘ คํา ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงลงการาชฐาน พร้อมพวกพลหาญน้อยใหญ่
จึงให้เคลื่อนรถเแก้วเเววไว ลงในหน้าพระลานรูจี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ คุกพาทย์

๏ เมื่อนั้น องคท้าวลัสเตียนยักษี
เสด็จยังบัญชรแก้วมณี เห็นท้าวมาลีบิตุลา
เลื่อนลอยมาโดยอัมพร งามดั่งทินกรในเวหา
มีความยินดีปรีดา ลงมารับองค์ภูวไนย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงประณตบทบงสุ์ กราบลงเเล้วถอนใจใหญ่
ทูลเชิญเสด็จขึ้นไป ยังปราสาทชัยพรายพรรณ ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ เสมอ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น ท้าวมาลีวราชรังสรรค์
สถิตเหนืออาสน์เเก้วเเกมสุวรรณ จึ่งมีบัญชาถามไป
อันองค์สมเด็จพระบิตุเรศ ทรงเดชไปอยู่หนไหน
ลุงคิดฉงนสนเท่ห์ใจ แต่ไรไม่เป็นเหมือนวันนี้ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวลัสเตียนยักษี
ได้ฟังมธุรสวาที ชุลีกรสนองพระบัญชา
อันพระบิตุรงค์ทรงฤทธิ์ สุดสิ้นชีวิตสังขาร์
ทูลพลางกอดบาทบิตุลา ชลนานองพักตร์โศกี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ท้าวมาลีวราชเรืองศรี
ได้ฟังตะลึงทั้งอินทรีย์ ภูมีสังเวชสลดใจ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ นิจจาเอ๋ยเกิดมาในสงสาร ใครจะพ้นพระกาลนั้นหาไม่
ทั้งสามภพจบฟ้าสุราลัย ก็จะสิ้นสูญไปเหมือนกัน
ตั้งแต่วันนี้จะแลลับ ดั่งเดือนดับสิ้นแสงรังสรรค์
ถึงตัวพี่ยังมีชีวัน ก็จะบรรลัยตามอนุชา
ตรัสพลางทางมีโอวาท เจ้าผู้ร่วมราชวงศา[2]
จงครอบครองสมบัติของบิดา ให้เป็นผาสุกสถาวร
บำรุงไพร่ฟ้าอาณาจักร ลุงจะลาหลานรักไปก่อน
ว่าแล้วเลิกเทพนิกร ไปสิงขรยอดฟ้าคีรี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

ช้า

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงตรีบูรัมยักษี
ครอบครองโสฬสธานี มีอานุภาพเกรียงไกร
ทั่วทั้งทศทิศเข็ดขาม ครั่นคร้ามไม่ต่อฤทธิ์ได้
จึงคิดดำริตริไป ด้วยใจอหังการ์ราวี
ตัวกูก็มีฤทธิรุทร กว่ามนุษย์เทวาฤๅษี
สุบรรณคนธรรพ์นาคี ตรีภพก็กลัวเดชา
แต่องค์พระนารายณ์สี่กร รุ่งเรืองฤทธีรอนแกล้วกล้า
แม้นมาเบียดเบียนบีฑา เห็นว่าจะสิ้นชีวาลัย
อย่าเลยจะทำพิธี ขอพรพระศุลีจงได้
ให้เรืองฤทธิ์กำลังเกรียงไกร มีชัยแก่องค์พระจักรา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ คิดแล้วจึ่งมีบรรหาร สั่งเสนามารซ้ายขวา
กูจะไปตั้งกิจวิทยา รักษาเมืองไว้ให้จงดี
สั่งแล้วเสด็จยุรยาตร เข้ายังปราสาทมณีศรี
ชำระสระสรงวารี สำราญอินทรีย์กุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ทรงภูษาเขียวเขียวขจิต สไบเขียวชวลิตฉายฉัน
ผูกชฎาสอดใส่สังวาลวัลย์ จุณจันทน์เจิมพักตร์เป็นโยคี
ถือประคำมรกตไข่ครุฑ ดูดุจดั่งเทพฤๅษี
จับธนูสิทธิ์ฤทธี อสุรีเหาะไปในเมฆา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ มาถึงสารภูกระแสสินธุ์ วารินไหลลั่นฉานฉ่า
ริมฝังเลี่ยนลาดสะอาดตา มีแท่นศีลาอลงการ
อยู่ที่ภายใต้ร่มรัง ใบบังมิดแสงสุริย์ฉาน
สนุกดั่งนันทวันอุทยาน ขุนมารก็ตรงเข้าไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ นั่งลงกองกูณฑ์กาลา โดยในตำราคัมภีร์ไสย
หลับเนตรอ่านเวทสำรวมใจ จนได้เจ็ดปีเจ็ดวัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

๏ เมื่อนั้น พระอิศวรบรมรังสรรค์
เสด็จเหนืออาสน์แก้วแพร้วพรรณ ในสวรรค์พิมานอลงกรณ์
พร้อมด้วยฝูงเทพอนงค์นาฏ บำเรอบาทเป็นสุขสโมสร
ดั่งดาวล้อมดวงศศิธร ให้บันดาลร่านร้อนทั้งอินทรีย์
จึ่งเล็งทิพเนตรลงมาดู ก็เห็นอสูรยักษี
ตั้งกรรมทำกิจพิธี ใกล้ที่สารภูชลธาร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ จึ่งเสด็จย่างเยื้องจากอาสน์ อันโอภาสด้วยแก้วมุกดาหาร
มาทรงอุศุภราชชัยชาญ เหาะทะยานไปยังอสุรา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งยืนอยู่ตรงพักตร์ ตรีบูรัมสิทธิศักดิ์ยักษา
แล้วมีเทวราชบัญชา ว่าเหวยดูก่อนขุนมาร
เหตุใดมาทรมานกาย กองกูณฑ์เพลิงพรายฉายฉาน
เป็นหลายปีมาช้านาน จะต้องการสิ่งใดอสุรา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ตรีบูรัมสิทธิศักดิ์ยักษา
ได้ฟังจึ่งลืมนัยนา เห็นเจ้าโลกาก็ยินดี
น้อมเศียรลงถวายอภิวาทน์ แทบบาทพระอิศวรเรืองศรี
ทูลว่าข้าเพียรมาทั้งนี้ จะขอพรให้มีฤทธิไกร
ถึงพระหริรักษ์จักรกฤษณ์ อย่าให้ล้างชีวิตข้าได้
พระองค์ผู้ทรงภพไตร ภูวไนยจงได้โปรดปราน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจอมไกรลาศราชฐาน
ได้ฟังวาจาขุนมาร ผ่านฟ้ามีราชบัญชา
อันพรศักดาวราฤทธิ์ กูประสิทธิ์ให้แก่ยักษา
แต่เอ็งครองยุติธรรมา อย่ายํ่ายีโลกาให้เดือดร้อน
สิ่งใดที่ชั่วอย่ากลั้วกรรม จงจำซึ่งคำกูสอน
จึงจะเป็นศรีสวัสดิ์สถาพร ในโสฬสนครธานี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ตรีบูรัมสิทธิศักดิ์ยักษี
ก้มเกล้ารับพรพระศุลี อสุรีสนองพระบัญชา
ซึ่งพระองค์ประทานโอวาท ข้าบาทขอรับใส่เกศา
จะครองทศธรรมกษัตรา ไปจนกว่าชีวันจะบรรลัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระปิ่นไกรลาสเขาใหญ่
ครั้นประสาทโอวาทพรชัย ให้ตรีบูรัมอสุรา
แล้วขับพญาอุศุภราช เผ่นผาดขึ้นยังพระเวหา
ดั้นหมอกออกกลีบเมฆา ตรงมาวิมานรูจี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ตรีบูรัมสิทธิศักดิ์ยักษี
ครั้นสำเร็จเสร็จการพิธี ก็คืนเข้าธานีโสฬส ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

ช้า

๏ เสด็จเหนือแท่นที่ทิพอาสน์ พร้อมเสนามาตย์ทั้งปวงหมด
กำเริบไปในอิสริยยศ ล่วงพจนารถเจ้าโลกา
หยาบคาบร้ายกาจไม่เกรงใคร ทำตามอำเภอใจยักษา
ทศทิศไม่ต่อฤทธา กลัวเดชเดชากุมภัณฑ์
มีจิตมิจฉาทรลักษณ์ จะร่วมรสรักนางสวรรค์
อันเป็นบริจาเทวัญ ทุกชั้นทั่วทิพย์วิมาน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ คิดแล้วอ่าองค์ทรงเครื่อง อร่ามเรืองด้วยดวงมุกดาหาร
กรจับกระบองแก้วสุรกานต์ กวัดแกว่งทะยานเหาะไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ถึงชั้นจาตุมหาราช ทำอำนาจสะท้านสะเทือนไหว
ไล่หมู่เทวาสุราลัย ตกใจอื้ออึงทั้งเมืองฟ้า
เชยชิดพิศวาสนางสวรรค์ แล้วไปชั้นดาวดึงสา
ล่วงขึ้นไปชั้นยามา จนพิภพดุสิดาอันโอฬาร
อีกชั้นนิมมานรดิศ ทั้งปาระนิมิตไพศาล
คว้าไขว่นางฟ้ายุพาพาล ร้องหวีดวิ่งพล่านไม่สมประดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ ครั้นสำเร็จเสร็จสมดั่งจินดา จึ่งองค์พญายักษี
ผาดแผลงสำแดงฤทธี เหาะมาบุรีด้วยว่องไว ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระจอมเมรุมาศเขาใหญ่
ทั้งฝูงเทวาสุราลัย ในหกห้องสวรรค์ชั้นฟ้า
เห็นตรีบูรัมขุนยักษ์ ทะนงศักดิ์หยาบคายไม่เกรงหน้า
อับอายเดือดร้อนทุกเทวา ก็พากันมาเฝ้าพระศุลี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เหาะ

๏ ต่างถวายอภิวาทน์บาทบงสุ์ ทูลองค์พระอิศวรเรืองศรี
บัดนี้ตรีบูรัมอสุรี มันเที่ยวราวีอหังการ
ถึงพิภพเมืองแมนแดนสวรรค์ ฉ้อชั้นยามามหาสถาน
ไล่รุกบุกบันทุกวิมาน ได้ความรำคาญทั้งเมืองฟ้า ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ