วันที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น

บ้านศรีสุข ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

วันที่ ๓ เมษายน ๒๔๘๐

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ฯ ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๔๗๙ พร้อมด้วยพระราชนิพนธ์เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพม่า ได้รับประทานแล้ว เป็นพระเดชพระคุณล้นเกล้า

ตั้งใจจะเขียนรายละเอียดเรียงทำศพชายถึกมาถวาย แต่เกิดเหตุขลุกขลักเอาเวลาที่ตั้งใจจะทำไปเสียหมด ด้วยคิดทำพวงหรีดเป็นโคม จะเอาไปตั้งถวายบูชาปฐมบรมราชานุสรณ์ ได้เขียนแบบเล็กให้เขาทำทางกรุงเทพฯ แล้ว แต่ตราบัวกลางพวงหรีดต้องทำดีเตลให้เขาอีก จะเขียนให้เขาที่กรุงเทพฯ ไม่ทัน จึงนัดกับเขาว่าจะไปทำที่หัวหินแล้วจะส่งมาให้ ได้ลอกตราบัวในแบบเล็กใส่กระดาษแก้วสอดไว้ในกระเป๋าหนังสือจะเอามาดูเป็นอย่างเขียนดีเตลที่หัวหิน แต่เวลารถไฟเป็นเวลาเช้ามาก ไปสถานีอย่างตาเหลือกท้องปลิ้น เลยลืมกระเป๋าหนังสือ มารู้สึกเอาเมื่อรถไฟจะออกแล้ว จึงสั่งหญิงอี่ซึ่งมาส่งว่าให้จัดส่งกระเป๋าหนังสือตามไปให้ที่หัวหิน หญิงอี่ว่าไม่เป็นไรบ่ายวันนี้จะมีรถด่วนไปอีกกระบวนหนึ่ง ยายเปลี่ยนคนของคุณนายเกษร (นางเสนหามนตรี) ซึ่งเข้ามาซื้อของจะกลับด้วยรถขบวนนั้น จะฝากยายเปลี่ยนออกไปให้คอยรับเอาที่ยายเปลี่ยน ครั้นรถไฟด่วนถึงหัวหินตามหากระเป๋าหนังสือก็ไม่ได้เรื่อง หญิงอามต้องทวนถามเข้าไปกรุงเทพฯ ได้ความว่าหญิงอี่ได้ส่งกระเป๋าไปให้คุณหญิงพิศาล ซึ่งยายเปลี่ยนพักอยู่ที่นั่น สั่งให้มอบกระเป๋าให้ยายเปลี่ยนเอามาส่ง แต่คุณหญิงพิศาลคิดจะให้ดี เปลี่ยนแปลงการเสียใหม่ด้วยไม่ไว้ใจยายเปลี่ยน ได้ฝากให้แก่ชายคนหนึ่ง ชื่อว่า นายป๊อ เขาจะเดินทางไปเมืองนอก ให้เขานำมาส่ง แต่เพราะไม่รู้กันเลยพลาดพลั้งไม่ได้รับกระเป๋า เกล้ากระหม่อมก็ร้อนใจ คิดคาดว่ากระเป๋าหายก็ได้ จึงได้เขียนดีเตลขึ้นเดาๆ เพื่อจะไม่ให้เสียการ ครั้นถึงวันอังคารมีรถไฟด่วนขาขึ้นก็ได้รับกระเป๋า พระเสนหามนตรีจัดส่งมาให้ แปลว่านายป๊อพาเอามาถึงหาดใหญ่ เสียเวลาไปพิลึก เมื่อเปิดกระเป๋าดูแบบที่ลอกเอามา เห็นผิดกันกับที่เขียนเดาๆ ไว้มากเกินกว่าที่จะเขียนแก้ไข ต้องตั้งต้นเขียนใหม่ เสียเวลาในการเขียนตราบัวเข้าไปเปล่าๆ เปลือยๆ เป็นอันมาก พระองค์เจ้าธานีจะได้มาเฝ้าฝ่าพระบาทก็ดีแล้ว คงจะทรงไล่เลียงในการทำศพชายถึกเอาความทราบฝ่าพระบาทได้มาก ข้อที่หวังพระทัยว่าจะมีญาติมิตรมาช่วยมากนั้น ก็มีมามากจริงอย่างพอใจทีเดียวและญาติมิตรที่มานั้นไม่ใช่เหลวๆ ล้วนแต่รู้จักชอบพอกับชายถึกมาทั้งนั้นเลือกเจาะเอาแต่จำเพาะคนที่รู้จักมักคุ้นกับชายถึก มีหมอความซึ่งเป็นผู้พิพากษาตุลาการมากกว่าพวกอื่นแต่นั่นไม่ประหลาด เพราะเป็นทางอาชีพของเธอ ทำให้กว้างขวางไปในพวกนั้น ที่เขามาด้วยชอบพอนับถือกันโดยเราไม่ได้ส่งใบดำไปบอกเพราะเราไม่รู้ก็มี เป็นอันว่าได้ความยินดีพอใจที่สุดแล้ว

เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ได้ไปเผาศพคุณหญิงนิ่ม ไกรเพชรรัตน์ ที่วัดประยูรวงศ์ ไปเห็นเมรุของเขาเข้า วางแผนผังอย่างกับเมรุชั้นเอก คือมีประธานเมรุประกอบด้วยจตุรมุข แต่ทำหลังคาตัด ไม่มียอดไม่มีคฤห์ดูเห็นไม่สำคัญ เป็นอันไม่มีมักใหญ่ใฝ่สูงอยู่ในที่นั้น ทำให้ได้สติรู้ขึ้นว่าความสูงศักดิ์อยู่ที่หลังคาเท่านั้นเอง หาใช่อยู่ที่แผนผังไม่

ได้ไปพบท้าวภัณฑสารเข้าในงานนั้น ทำให้นึกขึ้นมาได้ถึงรถเจ้าหวังว่าลางทีท่าจะรู้ เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่มากจึงลองถามดู ท่านบอกว่าเรียกสายพระอุททร เกล้ากระหม่อมค้านว่านั่นสายสะดือต่างหาก ท่านก็ยอมรับว่าจริงแล้ว รกนั้นไม่ทราบ ท้าวทรงกันดาลได้ยินเข้าบอกขึ้นว่าเรียกพระรก มาเมื่อวานซืนนี้หญิงอามเอาหนังสือหญิงสิบพันมาให้ดู มีความว่าพี่ธานีส่งให้บอกมาว่ารกเจ้านั้น ท้าววรคณานันท์บอกว่าเรียกพระรก เหตุที่พระองค์เจ้าธานีให้บอกมานี้ เพราะเกล้ากระหม่อมให้เธอถามคุณย่า ว่ารกเจ้านั้นเรียกอะไร ท้าววรจันทร์ก็ลา ไม่รู้ เธอจึงช่วยสืบให้ต่อไป ก็ได้ความมาดังนั้น คำพระรก เห็นจะเรียกกันขึ้นครั้งเจ้าฟ้าเพชรรัตนประสูติ ด้วยไม่รู้ว่าจะเรียกอย่างไรกันเสียแล้ว เห็นด้วยเกล้าว่าเท่ากับ พระมือ พระตีนเป็นคำที่ใช้ไม่ได้ ไม้เท้าทรงยังดีเสียกว่า อีกได้ลองถามสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระวันรัตนและสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ว่ารกภาษาบาลีเรียกอะไร หมดทั้งนั้นไม่มีองค์ใดทราบ สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ท่านกล่าวว่า บาลีก็มีแต่ธรรมเท่านั้น คิดจะดูหาพจนานุกรมภาษาอังกฤษแปลเป็นสํสกฤต แต่ก็จนแต้มที่ฝรั่งเขาเรียกรกว่าอย่างไรก็ไม่ทราบ ภายหลังนึกขึ้นได้ว่าหมอชำนาญทางสูติกรรมมีอยู่ที่บ้าน ถามเขาๆ ให้คำฝรั่งว่า Placenta เห็นเป็นคำลาติน กลัวจะไม่มีในพจนานุกรม แต่เปิดดูเผอิญมี ในนั้นให้คำสํสกฤตไว้ว่า ครรภปริเวษฎ์ ดูก็ไพเราะดี แต่เราจะเรียกกันอย่างนั้นหรือมิใช่ก็หาทราบไม่

ยังมีเมรุอีกหลัง สร้างขึ้นที่ลานหน้าวัดมกุฎกษัตริย์ทำรูปร่างชอบกลจะกราบทูลก็ยังไม่ถูก เพราะไปเห็นเมื่อทำยังไม่แล้ว สืบได้ความว่าเป็นของทหารจะเผาศพถึง ๒๗ ศพ ได้สั่งลูกชายเจริญใจไว้ให้เกริ่นกรายไปดูเมื่อเขาทำการ ถ้าได้ความประการใดจะกราบทูลบรรยายมาถวายให้วันหน้า

เรื่องสร้างศาลหลักเมืองสุพรรณบุรี ทรงพระปรารภถึงเงินทุนก็ถูกเท่านั้น ฝ่าพระบาทจะทรงชำนาญทางธุระการจึงตรัสเจาะจงลงไปถูก ก่อนที่จะคิดก่อสร้างอย่างไรจำจะต้องรู้ทอนก่อน ตามที่กราบทูลถวายความเห็นว่าควรจะก่อสร้างอย่างไรนั้น เป็นการคิดประมูลกรมศิลปกรสร้างวิมานอากาศเล่นบ้างเท่านั้น เทวรูปสามองค์ซึ่งตรัสเล่าถึง จะอย่างไรก็เชื่อว่าคงเป็นของทำมาจากอินเดีย เริ่มแรกคงจะเอาประดิษฐานไว้ในที่สามแห่ง แต่แล้วจะโยกย้ายไปที่ไหนบ้างกี่ครั้งกี่คราวไม่มีทางจะสันนิษฐานได้

เรื่องสมุดรูปท่าละครซึ่งทรงพระปรารภถึงนั้น ไม่ยากอะไร เกล้ากระหม่อมจะไปดูที่หอสมุด ถ้ารู้สึกว่าเป็นของแปลกและสำคัญก็จะอุ้มเอามาพิจารณาที่บ้านให้ถี่ถ้วน ตามที่ตรัสพรรณนานึกถึงกรมหมื่นวรวัฒน์ ท่านชี้ให้ดูหนังภาพจับของอาจารย์ใจ (ซึ่งเป็นที่พระพรหมวิจิตร) ว่าแกเขียนอย่างโขน ไม่ได้เขียนอย่างช่างเขียน ท่าโขนจับนั้นเอาแต่ดูงามและทำได้ด้วยง่าย ผิดกันกับท่าภาพจับที่ช่างเขียนผูกขึ้นนึกให้เข้ากอดปล้ำกันแน่นแฟ้นแขนขาขัดกัน เหมือนสานเสื่อ คนทำไม่ได้ตามที่ท่านอธิบายเช่นนั้นเพราะท่านเข้าพระทัยทั้งทางเล่นโขนและทางช่างเขียน ทำให้จับใจเกล้ากระหม่อมเป็นอันมาก อยากรู้อยู่เหมือนกันว่าท่าจับโขนมีกี่ท่า และมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ามีปรากฏอยู่ในสมุดเล่มนั้นเกล้ากระหม่อมก็พลอยรู้ขึ้นด้วย

อ่านเรื่องเที่ยวเมืองพม่าคราวนี้ ได้ความรู้อย่างสำคัญ ที่ว่าเขาจัดนิติสภาในเมืองพม่าอย่างไร ดูรูปปรากฏว่าเขาจัดเคล้าเข้าหาความที่เป็นไปอยู่ในบ้านเมือง แต่ความรู้ทั้งนั้นก็เป็นประโยชน์เพียงเข้าสุภาษิตว่า รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม เท่านั้น

ขอถวายรายงานการมาหัวหินคราวนี้ ดูความเป็นไปในหนทางอย่างไม่ค่อยเอื้อ สังเกตเห็นมีการเปลี่ยนแปลงไปที่ป้ายสถานีรถไฟ ซึ่งเดิมปักไว้ตามยาวแห่งรั้วต้นไม้ บัดนี้ย้ายไปปักขวางเขตหัวท้ายสถานีดีขึ้น ที่อ่านเห็นได้แต่ไกล ก่อนนี้ถ้ารถไม่หยุดที่สถานีแล้วออกจะอ่านไม่ค่อยทัน

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ