- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพม่า ตอนที่ ๑๐ (ต่อ)
- วันที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —จดหมายแต่งการศพหม่อมเจ้าตระหนักนิธิผล
- วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- พฤษภาคม
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ลักษณะนุ่งผ้าขี่ม้า
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร (๒)
- วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๕/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
- วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —หนังสือแถลงการณ์คณะสงฆ์ เรื่องแก้ไขถวายอติเรก
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๗/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๕๐ วัน
- วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๘/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศลวันที่ระลึกรัชกาลที่ ๕
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๙/๒๔๘๐ หมายกำหนดการ พระกฐินหลวง
- วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๐/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๑๐๐ วัน
- วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วิจารณ์ขนบธรรมเนียมในราชสำนักครั้งกรุงศรีอยุธยา
- ธันวาคม
- วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —บันทึกการตรวจพระวิจารณ์ หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙
- วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วิจารณ์หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๑/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีเปิดประชุมสมัยสามัญสภาผู้แทนราษฎร
- —ที่ ๑๒/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญ
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —บันทึกทักพระวิจารณ์ลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ (ท่อนที่ ๒)
- —ขอมติมหาชนในเรื่องแบบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ลักษณะอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี ผูกขึ้นตามความคิด ๗ อย่าง
- —ข่าวกรมศิลปากร
- วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- มกราคม
- วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายยศศักดิ์ของไทย
- วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาของพระยาอินทรมนตรี (๒)
- วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาของพระยาอินทรมนตรี (๓)
- วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๕
- วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๓/๒๔๘๐ หมายกำหนดการ พระราชพิธีก่อพระฤกษ์กรีฑาสถานแห่งชาติ
- —ที่ ๑๔/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศลมาฆบูชา
- วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๖
- วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๕/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีทักษิณานุปทาน
- มีนาคม
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —ตอบคำถามที่ ๗ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาที่ ๘ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาที่ ๙ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาพระยาอินทรมนตรีที่ ๑๐
- วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๖/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีตะรุษะสงกรานต์
- วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
บ้านซินนามอน ปีนัง
วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๐
ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ทรงเขียนในเรือ Tusman ของบริษัท K.P.M. ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน ประทานมากับไปรษณียบัตรด้วย ๒ แผ่น สังเกตว่าคงทรงเขียนเมื่อเรือลำนั้นแล่นในปากอ่าวสยาม ยังไม่ถึงสิงคโปร์ มีความยินดีขอบพระทัยที่ทรงระลึกถึง ฝ่ายข้างหม่อมฉันก็ได้ปรารภด้วยกันกับลูกมาตั้งแต่วันที่ ๙ ว่า “ป่านนี้เสด็จอาว์คงเสด็จออกจากกรุงเทพฯ ไปในเรือแล้ว” และปรารภถึงคุณโตด้วย ว่าน่ากลัวจะเมาคลื่น เมื่ออ่านลายพระหัตถ์จึงทราบว่าหญิงอี่กับหญิงอามพลอยเมาไปด้วยอีก ๒ คน ดีหนักหนาที่หญิงไอไม่เมาพอได้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
เมื่อหญิงมารยาตรของหม่อมฉันออกไปชวาเล่ามา ว่าเมื่อออกจากกรุงเทพฯ ต้องไปลงเรือช่วงที่เมืองสมุทรปราการแล่นข้ามสันดอนไปลงเรือใหญ่ที่เกาะสีชัง ดูประดักประเดิดเต็มที่ ฤดูนี้ในทะเลปากอ่าวตอนนั้นก็เป็นฤดูมรสุมมีคลื่นใหญ่ แต่ต่อลงไปข้างใต้เรือเขามักแล่นใกล้ทางแหลมมลายูบังคลื่นไม่ค่อยมีเท่าใดนัก ตั้งแต่สิงคโปร์ไปเรือไปในช่องเกาะเรียวและเกาะบังกาทะเลราบคาบ ถ้าจะถูกคลื่นก็ตอนพ้นเกาะบังกาผ่านทะเลชวาวันหนึ่ง หน้านี้คลื่นก็ไม่ใหญ่โตเท่าใดนัก เมื่อครั้งรับจดหมายฉบับนี้คงจะเสด็จขึ้นบกท่องเที่ยวเพลิดเพลินอยู่ในชวาแล้ว
หม่อมฉันอยากจะทูลให้ทรงคอยสังเกตอย่างหนึ่งในเวลาประทับอยู่ที่บันดุง เมืองนั้นมีภูเขาสูงล้อมรอบ บางเวลาดูจากตำหนักทูลกระหม่อมชาย เหมือนมีเมฆลอยอยู่ตอนกลางภูเขา แลเห็นบ้านเรือนเรือกสวนที่อยู่กับแผ่นดินจนถึงแนวเมฆที่บัง เปรียบเหมือนมนุษยโลกกับฟ้า ครั้นเงยหน้าดูเหนือแนวเมฆขึ้นไป เห็นบ้านเรือนเรือกสวนตอนยอดเขามีอีกชั้นหนึ่ง เป็นภาพงามน่าดูยิ่งนัก ราวกับเห็นเมืองสวรรค์กับเมืองมนุษย์พร้อมกัน ขอให้ทรงสังเกตเถิด
อาศัยโอกาสและความคิดถึงเมื่อได้เห็นลายพระหัตถ์ หม่อมฉันจะเลยเขียนตอบลายพระหัตถ์เวรที่ประทานมาแต่กรุงเทพฯ ฉบับลงวันที่ ๕ มิถุนายน ด้วยมีวินิจฉัยเป็นข้อสำคัญที่จะทูลสนองพระปรารภในลายพระหัตถ์ฉบับนั้นว่าโบสถ์วัดบวรสถาน แผนผังเป็นจตุรมุข อาจจะคิดตั้งพระประธานขนาดย่อมไว้ในบุษบกที่ศูนย์กลาง ทำให้หม่อมฉันรำลึกขึ้นถึงความหลังครั้งขึ้นไปตรวจราชการมณฑลอุดรและอิสานในรัชกาลที่ ๕ เมื่อหม่อมฉันพักอยู่ที่เมืองหนองคาย พวกกรมการชั้นสูงอายุเขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพตีได้เมืองเวียงจันทร์แล้ว โปรดให้เชิญ “พระเสิม” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญของเมืองเวียงจันทร์ ขนาดหน้าตักสัก ๒ ศอก มาไว้ที่วัดโพธิ์ชัยเมืองหนองคาย พระเสิมค้างอยู่ที่นั่นจนถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้เชิญลงมากรุงเทพฯ ที่วัดโพธิ์ชัยยังมีฐานซึ่งกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพทรงสร้าง เป็นตั้งที่พระเสิมปรากฏอยู่ หม่อมฉันไปดูก็เห็นฐานทำด้วยไม้จำหลักปิดทองล่องชาด แบบอย่างลวดลายเป็นฝีมือช่างกรุงเทพฯ สมจริงดังเขาบอก แล้วนึกขึ้นได้อีกข้อหนึ่ง ว่าดูเหมือนมีพระราชนิพนธ์ของทูลกระหม่อมตรัสเล่าเรื่องพระเสิมและพระพุทธรูปองค์อื่นๆ ที่เชิญมาจากมณฑลอุดรและอิสาน อยู่ในหนังสือ “พระบรมราชาธิบาย” ซึ่งพิมพ์ในงานทำศพพระองค์ศรีนากเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ เผอิญหม่อมฉันมีสมุดพระราชนิพนธ์เรื่องนั้นอยู่ที่ซินนามอนฮอล จึงเอาตรวจก็พบเรื่องเป็นลายพระราชหัตถเลขาตอบกรมหลวงวงศาธิราชสนิทกับเสนาบดี เข้าชื่อกันทำฎีกาทูลเกล้าฯ ถวาย กราบทูลว่ามีคนบ่นกันมากว่าเกิดเหตุฝนแล้งเมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๔๐๑ เพราะเชิญพระเสิมกับพระใสลงมาไว้ในกรุงเทพฯ (แต่ในฎีกาจะทูลขอให้ส่งคืนกลับไปเมืองหนองคายหรือให้ย้ายออกไปไว้เสียวัดนอกพระนครอย่างไรไม่ปรากฏ) ในพระราชหัตถเลขาทูลกระหม่อมตรัสเล่าถึงเรื่องพระเสิมว่าเมื่อ (ปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๐๐) พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เชิญลงมาก็ไม่ได้กราบทูล ครั้นทรงทราบพระราชดำริว่าพระเสิมเป็นพระพุทธรูปที่ผู้คนนับถือมาก จึงเสด็จขึ้นไปทำพิธีสักการะบูชาที่พระบวรราชวัง พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ กราบบังคมทูลว่าที่ให้เชิญพระเสิมลงมานั้น ด้วยทรงเจตนาจะตั้งเป็นพระประธานที่วัดบวรสถานสุทธาวาศ ส่วนพระใสนั้น แต่ก่อนก็เก็บรักษาไว้ที่วัดโพธิชัย เมืองหนองคาย ด้วยกันกับพระเสิม พระองค์เองโปรดให้เชิญลงมาเมื่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๐๑ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานที่ในพระอุโบสถวัดปทุมวัน เพราะพระสงฆ์วัดนั้นและราษฎรที่อยู่แถวนั้นเป็นลาวเป็นพื้นจะได้ยินดี ได้ทรงแถลงความเห็นของเสนาบดี แต่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฯ หาทรงเห็นชอบด้วยไม่
ความ ๒ ข้อที่ปรากฏดังกล่าวมา คือที่กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ ให้เชิญพระเสิมจากเมืองเวียงจันทร์มาพักไว้ที่วัดโพธิชัยเมืองหนองคาย ข้อ ๑ กับที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ โปรดให้เชิญพระเสิมลงมากรุงเทพฯ ด้วยทรงเจตนาจะประดิษฐานเป็นพระประธานวัดบวรสถานฯ ข้อ ๑ ชวนให้คิดเห็นเรื่องต่อกันมาแต่เบื้องต้น ดังจะทูลสันนิษฐานต่อไปนี้
๑. เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพตีได้เมืองเวียงจันทร์ น่าจะทรงปรารภว่าเมื่อสมเด็จพระบรมชนกนาถ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกตีได้เมืองเวียงจันทร์ ในสมัยกรุงธนบุรี เชิญพระแก้วมรกตลงมา ครั้นได้เสวยราชย์โปรดฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามประดิษฐานไว้ในพระราชวัง พระองค์ตีเมืองเวียงจันทร์ได้เหมือนอย่างสมเด็จพระบรมชนกนาถ และได้พระเสิมซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญของเมืองเวียงจันทร์ จึงทรงดำริ “เจริญรอยสมเด็จพระบรมชนกนาถ” สร้างวัดขึ้นในพระราชวังบวรแล้วเชิญพระเสิมลงมาประดิษฐานเป็นพระประธาน เหมือนอย่างพระแก้วมรกตทางวังหลวง จึงตรัสสั่งให้เชิญพระเสิมลงมารักษาไว้ที่วัดโพธิชัยเมืองหนองคาย จนกว่าจะสร้างวัดบวรสถานแล้วจึงจะเชิญลงมากรุงเทพฯ ข้อที่ว่ามานี้อาจจะเป็นมูลเหตุที่สร้างวัดบวรสถานฯ แต่กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพสวรรคตเสียแต่พระอุโบสถยังไม่แล้ว พระเสิมจึงตกค้างอยู่ที่เมืองหนองคาย
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ จะเป็นแต่ทรงแสวงหาพระพุทธรูปโบราณ และมีใครกราบทูลชมโฉมว่าพระเสิมเป็นพระงามอย่างยิ่งองค์ ๑ หรือจะทรงปรารภถึงวัดบวรสถานที่พระอุโบสถยังค้างอยู่ และมีใครกราบทูลให้ทรงทราบพระดำริเดิมของกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ จึงโปรดให้เชิญลงมาเพื่อจะประดิษฐานเป็นพระประธานวัดบวรสถาน ข้อนี้ไม่ปรากฏ ปรากฏแต่ว่าเมื่อเชิญลงมาถึงกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ โปรดให้ประดิษฐานไว้บนพระแท่นเศวตฉัตร ที่ในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย แต่การที่ทรงเจตนาจะตั้งเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดบวรสถานนั้น คงระงับด้วยทูลกระหม่อมทรงแนะนำว่า ตั้งพระพุทธสิหิงค์จะดีกว่า พระเสิมก็คงตั้งอยู่บนแท่นเศวตฉัตรที่ในพระที่นั่งอิสราวินิจฉัยต่อมา ปรากฏว่าต่อมาถึงปีชวด พ.ศ. ๒๔๐๗ เสนาบดีเข้าชื่อกันถวายฎีกาอีกครั้ง ๑ ว่าฝนแล้ง ๓ ปีติดๆ กัน คนพากันโทษว่าเพราะเอา “พระลาวบ้านแตกเมืองร้าง” มาไว้ในกรุงเทพฯ ถึงไปลงหนังสือพิมพ์ก็มี ครั้งนี้โปรดให้คืนพระบางไปไว้ณเมืองหลวงพระบาง แต่พระเสิมนั้นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ไม่ทรงยอมให้ย้ายไป จนพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าสวรรคต ทูลกระหม่อมจึงโปรดฯ ให้เชิญพระเสิมจากพระบวรราชวังไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารหลวงวัดปทุมวัน ยังอยู่ที่นั่นสืบมาจนบัดนี้
รวมความตามวินิจฉัยที่กล่าวมา เห็นว่ากรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพทรงสร้างวัดบวรสถานพุทธาวาศ ด้วยทรงเจตนาจะตั้งพระเสิมเป็นพระประธานด้วยประการฉะนี้
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด