วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๔๘๐

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์วันที่ ๒๑ ตุลาคม ได้รับประทานแล้ว ได้ทราบความตามในลายพระหัตถ์นั้นว่า หนังสือถึงหญิงพิลัยก็ช้าคลาดไปเมล์หนึ่ง เป็นแน่ว่าที่กรมไปรษณีย์มีการขัดข้องอะไรไปอย่างหนึ่ง แต่ไม่สูญหายเสียก็ดีพอแล้ว

นึกวินิจฉัยถึงรูปต่างๆ ที่มาทางโหราศาสตร์ตามที่ตรัสอ้างถึง

๑. เทวดาสัตตเคราะห์ อัฐเคราะห์ นพเคราะห์ เป็นเทวดาแบบมาแต่อินเดีย เป็นหลักของพวกโหร สันนิษฐานว่าเป็นพวกพราหมณ์เก่า เทวดาพระเคราะห์เห็นจะเป็นสิ่งที่นับถือเป็นใหญ่มาก่อนพระอิศวรพระนารายณ์เกิด

๒. เทพธิดามหาสงกรานต์ ได้พบแต่ตำราในเมืองไทยเรานี้ ว่าเป็นบุตรท้าวกบิลมหาพรหม ผลัดกันมาเชิญเศียรพระบิดาในถ้ำเขาคันธธุลี อยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ ชื่อก็แปลก พาหนะก็แปลก แล้วมีทัดดอกไม้ มีภักษาหาร เห็นได้ว่าไม่ได้พะพงกับสิ่งอันใด ซึ่งจะพอสังเกตได้ว่ายืมสิ่งนั้นมา เชื่อว่าเป็นตำรามาตรงจากอินเดีย แต่ตั้งใจดูตำราทางอินเดียมากแล้วก็หาได้พบไม่ เลยประหลาดใจอยู่มาก

๓. ท้าวเวสวัณ เหตุใดจึงเอามาเขียนรูปแขวนเปลเด็ก ข้อนี้พบที่มาว่า ท้าวเวสวัณนั้นพาหนะเป็นคน คือคนทั้งหลายเรานี้ เป็นพาหนะของท้าวเวสวัณทั้งสิ้น โดยที่มามีเช่นนี้จึงสันนิษฐานว่า ชะรอยเมื่อเด็กเกิดใหม่ คือพาหนะของท่านมีมาใหม่ จึงเขียนรูปท่านให้รับรู้ปกปักรักษาพาหนะใหม่ของท่านให้ปราศจากภยันตราย

๔. แม่ซื้อ ทำไมจึงชื่อว่าแม่ซื้อ ซื้ออะไร ประเพณีของเรามีเอาเบี้ยใส่ถุงเข้าสู่การพิธี จะเป็นเมื่อเด็กเกิดหรือเมื่อคนตาย หรือทั้งสองอย่างด้วยกันก็หาได้กำหนดใจจำไม่ แต่นั่นเป็นลักษณะการซื้อจะเป็นแบบที่นำมาแต่ประเทศอินเดีย หรือเป็นแบบในเมืองเราเองก็ไม่ทราบ ถ้าดูทางเอาหัวสัตว์พาหนะเทวดาสัตตเคราะห์มาปรุง ท่วงทีก็โมเมเป็นอย่างไทย ถ้านึกถึงวิธีอันหนึ่งซึ่งเอาข้าวย้อมสีขว้างข้ามหลังคาเช่นแม่ซื้อ ท่วงทีก็เป็นอินเดีย เพราะข้าวย้อมสีมีวิธีใช้เซ่นผีในการแต่งงานทางมลายู ซึ่งหญิงพิลัยตัดหนังสือพิมพ์ส่งไปให้ และพราหมณ์โรยแป้งแต่งภัทรบิฐก็มีข้าวย้อมสีโรย เป็นเรื่องที่ยังไม่รู้ทั้งสิ้น จะต้องหาตำราเรียนให้จงได้

คราวนี้จะกราบทูลถึงคำที่เรียกว่ามนุษย์ มีที่ควรสังเกตแห่งหนึ่งที่วินัยของพระ ถ้าฆ่ามนุษย์ตายต้องอาบัติปาราชิกใช้คำว่า มนุสฺสวิคฺคห ถ้าฆ่ายักษ์ตายต้องอาบัติถุลลัจจัย จะใช้คำบาลีว่ากระไรไม่ทราบ ได้ฟังแต่ท่านอ่านบุพพสิกขาแปล ได้นึกขันในใจ ว่าภิกษุสามัญก็อาจฆ่ายักษ์ตายได้ ไม่จำเป็นต้องไปเชิญพระรามปราบ ถ้าฆ่าสัตว์เดียรฉานตายต้องอาบัติปาจิตตี ท่านวางโทษไว้เป็นชั้นลดดั่งนี้ เห็นได้ว่าฆ่ายักษ์คืออมนุษย์ โทษเบากว่าฆ่ามนุษย์ ที่ถามคนซึ่งมาเพื่ออุปสมบทว่าเป็นมนุษย์หรือนั้น ส่อว่ามนุษย์กับอมนุษย์เหมือนกันมากที่สุดจนสังเกตเห็นด้วยตาไม่ได้ ยิ่งไปกว่าเด็กคะนังเสียอีกจึงต้องถาม ถ้าหากจะเปรียบกับภาษาเราทุกวันนี้ ที่ถามว่ามนุษย์หรือนั้น เห็นจะเท่ากับถามว่าเป็นคนไทยในบังคับสยามหรือดอกกระมัง มีอย่างมาแล้ว เช่นครั้งพระมหาเอี่ยมรับมิสเตอร์ไปยาบวช เพียงแต่บวชเณรเท่านั้น ยังติเตียนกันปากยาวๆ แปลว่าเห็นกันเป็นอมนุษย์ ไม่ควรรับเข้าบวช อันคำภาษาบาลีนั้นยากที่จะเข้าใจนัก ประเทศโน้นครั้งโน้นท่านหมายความอย่างหนึ่ง มาถึงเราเข้าใจความไปอีกอย่างหนึ่ง ก็ทำให้เขวไป อันตำนานนิทานต่างๆ นั้น เป็นของฟังไม่ได้ ผู้ผูกตำนานขึ้นก็ผูกขึ้นด้วยความไม่เข้าใจไม่รู้นั่นเอง

พระดำรัสเรื่องเขียนไตรภูมิโลกสัณฐานไว้ที่ผนังโบสถ์ ทำให้นึกขึ้นได้ถึงที่ได้เห็นมาแห่งหนึ่ง จะเป็นที่วัดเขารูปช้างกึ่งทางไปพิจิตร หรือที่วัดไหนก็จำได้ไม่แม่นเสียแล้ว เขาเขียนผสมดีเต็มที คือทางด้านอุดหลังเขียนไตรภูมิโลกสัณฐานตามเคย แต่เอาพระเจ้าลงบันไดจากสวรรค์ไปทับเข้าที่เขาพระสุเมรุ ต้องยกมือไหว้จำไว้เป็นครู แต่ยังไม่ได้ทำตามนั้นที่ไหนเลย

ตามที่ทรงพระปรารภว่า ของแบบไทยสองอย่าง คือเรือนกับเกวียนเป็นของประหลาดอย่างยิ่งนั้นถูกแล้ว

ในเรื่องเรือน ตามที่หลวงอุดรภัณฑ์พานิชกราบทูลว่า ตั้งโรงจักรทำฝาเรือนขายนั้น ยังคิดตามไม่เห็นสำเร็จได้ ด้วยธรรมดาเครื่องจักรย่อมทำได้แต่ของเป็นเรกุลา แต่ฝ่าเรือนเป็นของอีเรกุลาอย่างเอก เพราะเรือนไทยปักเสาโคนตากปลายรวมเข้า เพราะฉะนั้นฝาก็ต้องโย้เย้ไปตามเสา ห้องไหนก็ต้องห้องนั้น จะใส่สับเปลี่ยนกันไป เช่นด้านขื่อมีสองฝา จะสับเอาฝาซ้ายไปใส่ขวา เอาฝาขวาไปใส่ซ้าย เท่านั้นก็หาได้ไม่ ถ้าจ้างเจ๊กช่างไม้ไปตั้งกองทำฝาด้วยมือขาย โรงจักรเป็นแต่จักไม้ให้เจ๊ก นั่นแหละเป็นสำเร็จแน่

เรื่องเกวียน เกล้ากระหม่อมเคยได้อยู่ใกล้ชิดกับมันมาเป็นที่สุดเมื่อไปเที่ยว ในแขวงโคราช พระยาเพชรดาจัดให้เหมือนท่านไปตรวจราชการมณฑล คือกินนอนอยู่ในเกวียนเสร็จ ไม่ต้องเกณฑ์ชาวบ้านปลูกพลับพลาให้เดือดร้อน นอนในเกวียนทำให้นึกถึงพระอนิรุธที่ไปนอนในรถ รู้สึกว่านอนรถนี่สบายเช่นนี้เทียวหนอ เวลาฝนไม่ตกก็ขี่ม้าขี่ช้างไป ให้เกวียนล่วงหน้าไปรับ ณ ที่พักนอน ถ้าฝนตกก็ขี่เกวียนไปทีเดียวร่มฝนดี เมื่ออยู่กับเกวียนก็พิจารณามันไปและไต่ถามคนขับเขาก็ชี้แจงให้ทุกส่วน เห็นเป็นความคิดอันดีล้ำเลิศ แต่ไม่มีอะไรจะทูลอีก เพราะทรงทราบเสียสิ้นแล้ว ยังมีอีกอย่างเดียวที่ประทุนซึ่งยังไม่ได้ตรัสถึง เป็นความคิดอันดีมากเหมือนกัน ที่ทำหน้าท้ายเตี้ยหลังก่งสูง เพราะว่าลอดกิ่งไม้ได้สะดวก แล้วครู่ยกกิ่งไม้ไปได้ในตัวเอง พวกชาวกรุงเทพฯ ชั้นผู้ลากมากดีขึ้นไปคิดแก้ ทำเป็นเก๋งอย่างรถเก๋งในกรุงเทพฯ ไปไม่ได้เท่าไรกิ่งไม้ก็ระเก๋งพังหมด

เรือแม่ปะก็อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งชาวกรุงเทพฯ ขึ้นไปคิดเปลี่ยนแปลง ทำเป็นเก๋งเอาอย่างเรือปิกนิก แต่ไม่สำเร็จเหมือนกัน กีดกับคนถ่อแล้วก็ทำให้หนักไป ด้วยเรือแม่ปะก็เป็นของคิดดีเลิศ เครื่องใช้มีครบครันอย่างน่าประหลาด อาจจอดที่ไหนก็ได้ และอุบัติจะมีมาประการใดก็รับรองได้ทั้งสิ้น เสียแต่ใช้ได้ดีเพียงในแม่น้ำพิงเท่านั้น ถ้าอยู่ในแม่น้ำพิงเปรียบเหมือนราชสีห์ ถ้าไปสู่แม่น้ำอื่นที่น้ำลึกก็เท่ากับแมงกะพรุน

ได้เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ เขาว่าเจ้าฟ้าเชียงตุงถูกยิงตายเสียแล้วให้นึกสงสารเป็นอันมาก แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรยังหาได้ข่าวไม่

หญิงจงกลับเข้าไปให้พบกันแล้วบอกว่าฝ่าพระบาททรงพระปีติมาก ในการที่ได้ทรงฉลองพระแอ๊ว เป็นการที่ไม่ผิดคาด

ในวันอภิลักขิตสมัย คล้ายวันสวรรคตในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกล้ากระหม่อมได้นิมนต์พระสงฆ์วัดเบญจมบพิตรมาฉัน แล้วสดับพระธรรมเทศนา อุทิศกุศลถวาย และได้ไปถวายสักการะที่พระบรมรูปเบญจมราชานุสรณ์ และเข้าไปถวายบังคมพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินี ที่ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเชิญออกประดิษฐานทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย ได้จัดผ้าไตรไปสดับปกรณ์ตามเคยมา ขอถวายพระกุศลแด่ฝ่าพระบาทด้วย

บ่ายวันนี้ เกล้ากระหม่อมจะไปทอดกฐินพระราชทาน ณ วัดราชประดิษฐ์

มีข่าวว่าพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์เสด็จจะมาขึ้นที่ปีนัง แล้วเข้าไปกรุงเทพฯ กำหนดถึงกรุงเทพฯ วันที่ ๖ พฤศจิกายน รายการรับรอง ได้ยินว่าเขาลงหนังสือพิมพ์ หวังว่าฝ่าพระบาทคงจะได้ทรงทราบตลอดแล้ว.

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ