- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพม่า ตอนที่ ๑๐ (ต่อ)
- วันที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —จดหมายแต่งการศพหม่อมเจ้าตระหนักนิธิผล
- วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- พฤษภาคม
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ลักษณะนุ่งผ้าขี่ม้า
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร (๒)
- วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- มิถุนายน
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- กันยายน
- วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๕/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
- วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —หนังสือแถลงการณ์คณะสงฆ์ เรื่องแก้ไขถวายอติเรก
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๗/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๕๐ วัน
- วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๘/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศลวันที่ระลึกรัชกาลที่ ๕
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๙/๒๔๘๐ หมายกำหนดการ พระกฐินหลวง
- วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๐/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศล ๑๐๐ วัน
- วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วิจารณ์ขนบธรรมเนียมในราชสำนักครั้งกรุงศรีอยุธยา
- ธันวาคม
- วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —บันทึกการตรวจพระวิจารณ์ หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙
- วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —วิจารณ์หนังสือลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๑/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีเปิดประชุมสมัยสามัญสภาผู้แทนราษฎร
- —ที่ ๑๒/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญ
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —บันทึกทักพระวิจารณ์ลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๙ (ท่อนที่ ๒)
- —ขอมติมหาชนในเรื่องแบบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ลักษณะอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี ผูกขึ้นตามความคิด ๗ อย่าง
- —ข่าวกรมศิลปากร
- วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- มกราคม
- วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายยศศักดิ์ของไทย
- วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาของพระยาอินทรมนตรี (๒)
- วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาของพระยาอินทรมนตรี (๓)
- วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๕
- วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๓/๒๔๘๐ หมายกำหนดการ พระราชพิธีก่อพระฤกษ์กรีฑาสถานแห่งชาติ
- —ที่ ๑๔/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชกุศลมาฆบูชา
- วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —อธิบายตอบคำถามพระยาอินทรมนตรี ตอนที่ ๖
- วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๕/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีทักษิณานุปทาน
- มีนาคม
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —ตอบคำถามที่ ๗ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาที่ ๘ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาที่ ๙ ของพระยาอินทรมนตรี
- วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
- —คำตอบปัญหาพระยาอินทรมนตรีที่ ๑๐
- วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ น
- —ที่ ๑๖/๒๔๘๐ หมายกำหนดการพระราชพิธีตะรุษะสงกรานต์
- วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร
บ้านซินนามอน ปีนัง
วันที่ ๒๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐
ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉบับลงวันที่ ๑๙ มีนาคม แล้ว
เรื่อง เมืองพระประแดง กับทั้งศาลเจ้าพระประแดงซึ่งทรงปรารภนั้น หม่อมฉันเคยพบเงื่อนพอจะทูลเรื่องเดิมได้ เมืองพระประแดงนั้นเป็นเมืองตั้งเมื่อสมัยพวกขอมครองเมืองละโว้ สำหรับรักษาปากน้ำ ปากน้ำในสมัยนั้นก็เรียกว่า “ปากน้ำพระประแดง” ยังปรากฏอยู่ในหนังสือพระราชพงศาวดาร (ฉบับพระราชหัตถ์เลขา เล่ม ๑ หน้า ๑๐๑) ตอนรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ตัวเมืองพระประแดงตั้งที่ริมแม่น้ำฟากตะวันออก อยู่ใกล้ๆ กับวัดมหาธาตุและศาลเจ้าพระประแดงดังทรงพระดำริ และเคยเป็นเมืองมีปราการก่ออิฐ ข้อนี้ปรากฏอยู่ในหนังสือ พระราชพงศาวดาร (ฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม ๓ หน้า ๕๘) ว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีให้ไปรื้อเอาอิฐกำแพงเมืองพระประแดงมาก่อปราการพระนคร เมื่อแรกตั้งเมืองพระประแดงนั้น ชายทะเลเห็นจะยังอยู่ใกล้เมืองพระประแดง แต่จำเนียรกาลนานมาแผ่นดินงอกรุกชายทะเลห่างเมืองพระประแดงลงไปโดยลำดับ จนเมืองพระประแดงไม่เหมาะสำหรับรักษาปากน้ำ จึงตั้งเมืองสมุทรปราการขึ้นแทนในสมัยกรุงศรีอยุธยา และเรียกปากน้ำ เปลี่ยนชื่อไปเป็น “ปากน้ำบางเจ้าพระยา” (ปรากฏในหนังสือ “ประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ในลังกาทวีป” หน้า ๓๙๑) เพราะตั้งเมืองสมุทรปราการที่บางเจ้าพระยา เมื่อย้ายพนักงานปกครองเมืองลงไปอยู่ที่เมืองสมุทรปราการแล้ว เมืองพระประแดงเดิมก็เป็นเมืองร้างต่อมา
เรื่องศาลเจ้าพระประแดงนั้น มีเค้าในพงศาวดารชัดเจนทีเดียว ปรากฏ (ในหนังสือพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม ๑ หน้า ๑๓) ว่าเมื่อปีมะเมีย จุลศักราช ๘๖๐ (พ.ศ. ๒๐๕๑) ขุดชำระคลองสำโรง ได้เทวรูปทองสัมฤทธิ์ ๒ องค์ตรงที่คลองสำโรงต่อคลองทับนาง และเทวรูปนั้นมีอักษรจารึกชื่อว่าพระยาแสนตาองค์ ๑ บาทสังขกรองค์ ๑ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ โปรดให้สร้างศาลประดิษฐานไว้ที่เมืองพระประแดง (ยังเป็นเมืองอยู่ในสมัยนั้น) ต่อมา (ปรากฏในพงศาวดารเล่มเดียวกันนั้นหน้า ๑๐๐) เมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชครองราชสมบัติ พระยาละแวก (เจ้ากรุงกัมพูชา) ยกกองทัพเรือมาตีกรุงศรีอยุธยา ในปีมะแม จุลศักราช ๙๒๑ (พ.ศ. ๒๑๐๒) ตีไม่ได้ดังปรารถนา เมื่อล่าทัพกลับไป ให้เอาเทวรูป ๒ องค์ที่เมืองพระประแดงไปเมืองเขมรด้วย คนนับถือเทวรูปนั้นมาก จึงยังพากันไปบวงสรวงที่ศาลเดิม ครั้นศาลเดิมหักพังก็สร้างศาลขึ้นแทนจึงเปลี่ยนรูปมาต่างๆ แต่ประหลาดอยู่ที่คนยังนับถือเจ้าพ่อพระประแดงยิ่งกว่าเจ้าผีตนอื่นมาจนทุกวันนี้
แต่นี้จะทูลวินิจฉัยเรื่องพระนามพระเจ้าแผ่นดินครั้งกรุงศรีอยุธยา ว่าด้วยพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏต่อไป ที่หม่อมฉันทูลผัดเขียน อธิบายพระนามพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยามาหลายนัดนั้น ไม่ใช่แต่เพราะติดแต่งหนังสืออื่นเท่านั้น ติดในตัววินิจฉัยเองด้วยยิ่งค้นหนังสือมากเรื่องขึ้น ก็ยิ่งเห็นอธิบายในหนังสือต่างๆ แตกต่างกันหนักขึ้น จึงไม่รู้ว่าจะลงความเห็นยุติอย่างไร จะทูลได้แต่พอเป็นเค้า
อันพระนามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏนั้น ดูความแยกกันได้เป็น ๓ ตอน คือต้นพระนามตอน ๑ สร้อยพระนามตอน ๑ ท้ายพระนามตอน ๑
ต้นพระนามเช่นคำว่า “สมเด็จพระรามาธิบดี” นี้ เชื่อได้เป็นแน่ว่า ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อพระเจ้าอู่ทองประกาศตั้งอาณาเขตกรุงศรีอยุธยาเป็นอิสระ จึงถวายพระนามว่า “พระรามาธิบดี” เทียบกับพระนารายณ์รามาวตารครองกรุงอโยธยาแต่ก่อนมา เพราะพระนามรามาธิบดีเกี่ยวกับชื่อกรุงศรีอยุธยาดังนี้ พระเจ้าแผ่นดินซึ่งครองกรุงศรีอยุธยาต่อมา ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องเปลี่ยนต้นพระนามเป็นอย่างอื่น ก็คงใช้พระนามรามาธิบดีอยู่ตามเดิม เปลี่ยนแต่สร้อยพระนาม มีตัวอย่างเช่น พระนามสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในบานแผนกกฎมนเทียรบาลใช้ว่า “สมเด็จพระรามาธิบดีศรีบรมไตรโลกนาถ” ดังนี้ พระนามที่เปลี่ยนจากรามาธิบดีในครั้งแรกน่าจะเป็นเมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชครองกรุงศรีอยุธยา เปลี่ยนใช้ต้นพระนามว่า “สมเด็จพระศรีสรรเพชญ์” พระนามนี้ทูลกระหม่อมทรงใช้ในหนังสือพระราชพงศาวดารพระราชหัตถเลขา คงเป็นเพราะทรงพบหลักฐานมาแต่แห่งใดแห่งหนึ่ง ซึ่งหม่อมฉันไม่ทราบ หลักฐานที่หม่อมฉันทราบนั้น คือชั้นแรกพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองตั้งพระมหาธรรมราชา เมื่อยังครองเมืองพิษณุโลก เป็น “เจ้าฟ้าสองแคว” (อันเปนชื่อเดิมของเมืองพิษณุโลก) ต่อมาเมื่อพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองตีได้กรุงศรีอยุธยา ให้ราชาภิเษกพระมหาธรรมราชาเป็นพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา คงให้มีพระนามอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งมิใช่รามาธิบดี แต่ยังไม่รู้พระนามนั้น มาจนในรัชกาลที่ ๕ เมื่อเจ้าฟ้าลื้อเมืองเชียงแขง ซึ่งเคยขึ้นอยู่กับพม่ามาขอสามิภักดิ์ ในศุภอักษรใช้นามว่า “เจ้าหม่อมมหาศรีสัพเพชัง กุลวงศา” สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงตรัสทักขึ้นก่อนว่า คำ “ศรีสัพเพชัง” นั้นตรงกับที่ไทยเราเขียนว่า “ศรีสรรเพชญ์” นั่นเอง จึงคิดเห็นว่า พระเจ้าบุเรงนองคงเอาคำนี้เอง มาตั้งเป็นต้นพระนามในพระสุพรรณบัฏของสมเด็จพระมหาธรรมราชา ต่อนั้นมามีพระนามอื่นอีกพระนามหนึ่ง ซึ่งใช้ในบานแผนกกฎหมายและพระราชโองการ คือพระนามว่า “สมเด็จพระเอกาทศรถ” พระนามนี้ใช้ตั้งแต่พระเจ้าทรงธรรม (อันสอบได้หลักฐานเมื่อภายหลัง ว่าเป็นราชบุตรพระองค์ ๑ ของสมเด็จพระเอกาทศรถ มิใช่พระราชาคณะที่เป็นตำแหน่งพระพิมลธรรม ดังกล่าวในหนังสือพระราชพงศาวดาร) พระเจ้าแผ่นดินในราชวงศ์ปราสาททองแม้สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก็ใช้พระนามขึ้นว่า “สมเด็จพระเอกาทศรถ” มาทุกพระองค์ มาถึงราชวงศ์บ้านพลูหลวง พระเจ้าบรมโกศก็ใช้พระนามว่า “สมเด็จพระเอกาทศรถ” (มีอยู่ในศุภอักษรซึ่งมีในเมืองลังกาพิมพ์ไว้ในหนังสือเรื่องประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ในลังกาทวีป) พระเจ้ากรุงธนบุรีก็ใช้พระนามว่า “สมเด็จพระเอกาทศรถ” (มีอยู่ในพระราชโองการตั้งเจ้านครศรีธรรมราช พิมพ์ไว้ในหนังสือเทศาภิบาล) มีพระนามอีกอย่าง ๑ ว่า “พระบรมราชาธิราช” คงใช้ขึ้นต้นพระนามพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาบางพระองค์ แต่ยังจับไม่ได้ว่าพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไหนใช้พระนาม บรมราชาธิราชขึ้นต้นพระสุพรรณบัฏเป็นทีแรก เห็นในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า (หน้า ๒๔๕) ลงพระนามพระเอกทัศไว้แต่ต้นจนตลอดสร้อย (ตามพม่าเขียน เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง) แต่ขึ้นต้นพระนามเข้าใจได้ชัดว่า “บรมราชาธิราช” ถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ใช้ขึ้นต้นพระนามในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี” ทุกพระองค์ ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ จนรัชกาลที่ ๓ ว่าโดยย่อเดิมมามีพระนามที่ขึ้นต้นพระสุพรรณบัฏแต่ ๕ พระนามคือ รามาธิบดี ๑ ศรีสรรเพชญ์ ๑ เอกาทศรถ ๑ บรมราชาธิราช ๑ บรมราชาธิราชรามาธิบดี ๑ ในจดหมายฉบับนี้ทูลเพียงเท่านี้ที ฉบับหน้าจะถวายวิสัชนาว่าด้วยสร้อยพระนามกับท้ายพระนามต่อไป
กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร เสด็จกลับเข้าไปกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ด้วยได้รับลายพระหัตถ์ของพระองค์หญิงประเวศตรัสบอกมา ว่าคุณจอมมารดาทับทิมบ่นถึงเกือบจะทุกชั่วโมง และอาการป่วยของคุณจอมมารดาทับทิมนั้นดูยังก้ำกึ่งอยู่ ทางข้างเสียมีอยู่ด้วยอายุมากถึง ๘๒ ปี อุจจาระไปวันละ ๒ หน ๓ หน ธาตุผิดปรกติ หัวใจอ่อนและมือบวมเท้าบวม แต่ทางข้างยังดีนั้นยังนอนหลับเป็นปรกติไม่เบื่ออาหาร ขึ้นไปพักอยู่ที่บางปะอินเพราะเป็นที่เธอชอบไปแต่ไรๆ โดยว่าสบายกว่ากรุงเทพฯ ไม่ให้ไปก็ขัดใจ จึงพาไปรักษาพยาบาลที่บางปะอิน
พระยาพิชัยรณรงค์สงคราม เขาฝากหนังสือตำราต้นไม้ดัดที่เขาแต่งขึ้นใหม่ และพิมพ์แจกในงานศพภรรยาให้หม่อมฉันกับลูกหญิงคนละเล่ม อ่านดูเขาอุตส่าห์พยายามมาก มีตำราที่เข้าใจง่ายพิมพ์ขึ้นใหม่เช่นนี้ เห็นจะชักนำให้คนเล่นต้นไม้ดัดมากขึ้น
หม่อมฉันแต่งคำตอบปัญหาพระยาอินทรมนตรีที่ ๑๐ เป็นเสร็จคำถามของแกไปตอน ๑ ทั้งหมดได้ส่งสำเนาไปถวายทอดพระเนตรด้วยแล้ว ออกสงสารที่แกพูดมาในจดหมาย ว่าข้อความที่แกอยากรู้เหล่านี้ไม่รู้ว่าจะไปถามใครจริงๆ จึงมารบกวนหม่อมฉัน แต่รู้อยู่ว่าทำความลำบากให้หม่อมฉันที่ต้องเขียนตอบ แกคิดจะหาโอกาสออกมาเช่าบ้านอยู่ที่ปีนังสักเดือนหนึ่ง สำหรับมาถามความที่แกอยากรู้ต่อหม่อมฉัน จะได้บอกอธิบายเพียงด้วยวาจาไม่ต้องเขียนหนังสือ แต่ความลำบากของแกมีพิกล ด้วยตัวแกจักษุมืดต้องมีคนจูง ออกมาปีนังจะต้องพาคุณหญิงอินทรมนตรีมาด้วย สำหรับจะได้ปฏิบัติและจูงพาไปไหนๆ แต่ขากลับเกรงจะเกิดลำบากด้วยคุณหญิง เพราะกฎหมายคนเข้าเมืองต้องสอบความรู้ คุณหญิงเป็นไทยโดยกำเนิด แต่สัญชาติเป็นอังกฤษโดยสมรส ถ้าถูกถือว่าเป็นคนอังกฤษ สอบภาษาอังกฤษ คุณหญิงไม่รู้ก็จะกลับเข้าไปไม่ได้ ขัดข้องอยู่อย่างนี้ หม่อมฉันก็มิรู้ที่จะช่วยแก้ไขอย่างไร