วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๐

ถึง หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์

ขอให้ถือว่าจดหมายเป็นส่วนตัวต่อตัว อย่าเอาเข้าเป็นหนังสือทางราชการ ด้วยฉันไม่มีประสงค์จะสอดเข้าไปเกี่ยวข้อง

หลวงบริบาลฯ ยังคงจำได้ เมื่อไปมณฑลพายัพกับฉันครั้ง ๑ ได้เห็นวัดโบราณเป็นวัดสำคัญ ที่เมืองลำพูน ๒ วัด นอกจากวัดพระมหาธาตุหริภุญชัย เรียกวัดพระยืนวัด ๑ วัดนี้เมื่อฉันไปเมืองพม่าได้ไปเที่ยวดูเมืองพุกามอยู่ ๓ วัด ได้ความรู้ตระหนักแน่ว่าวัดพระยืนที่เมืองลำพูนนั้นเอาอย่าง “วัดอานันท” ที่เมืองพุกามมาสร้าง อีกวัด ๑ เป็นวัดร้างชาวลำพูนเขาเรียกว่า “วัดกู่กุด” (ถ้าเรียกตามภาษาไทยใต้ตรงกับว่า “วัดเจดีย์ด้วน”) เวลานั้นชาวลำพูนเขาไม่เห็นเป็นสลักสำคัญอันใด หากฉันซอกแทรกไปดูเองจึงได้เห็น เห็นเข้าก็เกิดพิศวงด้วยรูปสัณฐานพระเจดีย์เป็นแบบเมืองละโว้ทั้งนั้น เห็นชัดว่าเป็นวัดชาวละโว้สร้างครั้งสมัยนางจามเทวี จึงได้สั่งให้เปลี่ยนนามวัดกู่กุดเรียกว่าวัดจามเทวี และให้ดูแลรักษาเป็นโบราณวัตถุที่สำคัญอันหนึ่งแต่นั้นมา

ฉันได้ยินไม่ช้ามานัก เมื่อปล่อยพระศรีวิชัยกลับไปมณฑลพายัพครั้งหลัง ว่าเจ้าหลวงเมืองลำพูนนิมนต์พระศรีวิชัยให้ไปอยู่วัดจามเทวี ฉันก็รู้สึกยินดี โดยนัยหนึ่งที่วัดจามเทวีจะได้รับความทำนุบำรุงพ้นจากเป็นวัดร้าง แต่อีกนัยหนึ่งก็ยังเกิดวิตกขึ้น ด้วยเกรงพระศรีวิชัยจะไปซ่อมแปลงพระเจดีย์ละโว้ให้ผิดรูปและลักษณะของเดิม เหมือนอย่างไปซ่อมพระเจดีย์วัดสวนดอกที่เมืองเชียงใหม่ แต่ไม่ได้ยินว่ามีการซ่อมแซมวัดจามเทวีอย่างไรก็นิ่งอยู่

แต่เมื่อสองสามวันนี้ มีฝรั่งคนหนึ่งซึ่งอยู่เมืองเชียงใหม่ ผ่านมาทางเมืองปีนัง เขาเป็นคนคุ้นเคยกับฉันมาแต่ก่อน จึงแวะมาหาฉันถามเขาถึงโบราณวัตถุสถาน เขาบอกว่าพระศรีวิชัยกำลังจะปฏิสังขรณ์วัดเจดีย์เจ็ดยอดที่เมืองเชียงใหม่ ฉันได้ยินก็ตกใจ ด้วยวัดเจดีย์เจ็ดยอดที่เมืองเชียงใหม่ กับวัดพระยืนที่เมืองลำพูน เป็นหลักฐานสำหรับพิสูจน์พงศาวดารเกี่ยวข้องกับเมืองพุกาม และวัดจามเทวีเป็นหลักฐานสำหรับพิสูจน์พงศาวดารการเกี่ยวข้องกับเมืองละโว้ ถ้าแปลงรูปหรือลักษณะผิดไปเสียกับของเดิม ก็สิ้นหลักสอบพงศาวดารทั้ง ๓ แห่ง

วัดที่เป็นหลักพงศาวดารในมณฑลพายัพ ฉันอยากให้รักษาไว้ตามลักษณะอย่างเดิม เป็นแต่ป้องกันอย่าให้ชำรุดหักพัง เช่นที่วัดจามเทวีนั้นก็มีแต่พระเจดีย์กับแนวพื้นวิหารของเดิมอยู่เท่านั้น ถ้ากั้นรั้วหรือทำกำแพงแก้วล้อมพระเจดีย์กับวิหารของเดิมไว้เป็นส่วนหนึ่ง นอกเขตกำแพงแก้วออกมายอมให้พระศรีวิชัยจะสร้างโบสถ์วิหารการเปรียญและกุฏีริถานได้ตามใจก็จะดีหนักหนา วัดพระยืนนั้นเขารักษาดีอยู่แล้ว พระศรีวิชัยเห็นจะไม่ซ่อมแซม แต่ที่วัดเจดีย์เจ็ดยอดเมืองเชียงใหม่นั้นสำคัญมาก ต้องป้องกันเสียให้ทัน

ฉันได้ยินว่าเดี๋ยวนี้มีพระราชบัญญัติหรืออะไร ที่จะบังคับผู้จะปฏิสังขรณ์โบราณวัตถุให้ต้องขออนุญาตต่อรัฐบาลก่อน ถ้ามีเช่นนั้นการอนุญาตคงเป็นหน้าที่ของกรมศิลปากร เกี่ยวมาถึงตัวหลวงบริบาลฯ ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ส่วนโบราณคดี ควรบอกกำชับข้าหลวงประจำเมืองเชียงใหม่ และเมืองลำพูนให้เขารู้ว่าควรระวังอย่างไร

ท่านศรีวิชัยนั้นมีคุณมากในการปฏิสังขรณ์ เสียแต่แกอดแก้แบบของเดิมไม่ได้ ถ้าเป็นของใหม่หรือของสามัญก็ไม่พอเป็นไร แต่ถ้าแก้ของที่เป็นหลักพงศาวดาร ก็เหมือนทำให้เกิดฉิบหาย ต้องห้ามให้อยู่ แต่ห้ามโดยอัธยาศัยอย่าให้ถึงวิวาทกันจึงจะดี

หลวงบริบาลฯ อ่านจดหมายฉบับนี้คงเข้าใจได้ ว่าฉันเขียนเพราะใจรักโบราณคดีเหมือนกับหลวงบริบาลฯ จึงพูดว่ากันตัวต่อตัว.

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ