วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๐ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๘๐

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ประทานแสตมป์ที่ระลึกการราชาภิเษกพระเจ้ายอชที่ ๖ ราคา ๔ เซ็นต์ไปด้วยอันหนึ่ง ได้รับประทานแล้ว เป็นพระเดชพระคุณล้นเกล้า สแตมป์ที่ได้ไปอันเดียวยังไม่พอใจ อยากได้อย่างละครบทั้งชุดที่เขาทำออก แต่เมื่อออฟฟิศไปรษณีย์เขายังไม่ได้รับครบทุกอย่าง ก็หวังว่าจะได้รับประทานในกาละอื่นเมื่อเขาได้มาครบแล้ว

เรื่องวัดบวรสถานยังไม่สิ้นสงสัย เพราะวัดบวรสถานไม่ได้ทำลักษณะเป็นโบสถ์วิหาร อันจะตั้งพระพุทธรูปนั่งหรือยืนองค์โตๆ ในที่สุดด้านหลัง แต่ทำลักษณะเป็นปราสาท อันจะต้องตั้งสิ่งที่เป็นประธานซึ่งดูได้รอบตัวในท่ามกลางเช่นบุษบกตั้งบนชั้นเป็นต้น ถ้าเป็นบุษบกแล้ว พระพุทธรูปก็ต้องเป็นองค์เล็กที่จะเข้าในบุษบกได้ จะหล่อพระพุทธรูปองค์เล็กๆ ขึ้นใหม่สำหรับเป็นประธาน นึกเห็นกร่อยเต็มที น่าจะมีหมายที่จะใช้พระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งซึ่งติดจะสำคัญ แต่เห็นจะไม่บังอาจมามุ่งหมายเอาพระพุทธสิหิงค์

เรื่องพระคชาธารนั้น คิดไต่ตามกระแสพระดำริเห็นว่าชอบแล้วแน่ใจว่าถูกต้อง จะกราบทูลแต่เรื่องถวายพระกลดพระมหากษัตริย์อันเสด็จประทับอยู่เหนือหลังช้าง หากกว่าทรงคอแล้วน่าจะถวายได้โดยปกติ เพราะคิดดูถึงทรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราก็จะไม่ผิดกับทรงช้างมากนัก คนหามพระราชยานก็สูงราว ๓ ศอก ตัวพระราชยานสูงประมาณ ๒ ศอกรวมกันก็เป็น ๕ ศอกหรือหย่อนหน่อย ช้างสามัญอย่างใหญ่ก็สูงไม่เกิน ๕ ศอกไม่ผิดอะไรกัน ย่อมจะถวายพระกลดได้เช่นเดียวกัน ที่ตรัสเล่าถึงว่าต่อด้ามพระกลดและผูกระยางนั้น เป็นการส่งเดชแก้ไขที่จะถวายเมื่อประทับสัปคับพระที่นั่งพุดตาลให้ได้ เป็นการทำพิเศษขึ้น ไม่ใช่ปกติ ระยางร่มเห็นจะมีนานแล้วฝ่าพระบาทคงทรงระลึกได้ ช่างเขียนๆ ฉัตรกัน มีฉัตรท้ายรถเป็นต้น เขาเขียนเป็นผ้าห้อยผูกไว้ที่คันฉัตรใต้กำภูปลิวอยู่่สองชาย นึกแปลอยู่เป็นนานว่าอะไรก็คิดไม่ออก จนกระทั่งได้เห็นสมุดพระธรรมเขียนครั้งกรุงเก่า ฉัตรที่เขียนไว้ในนั้นเขาเขียนมีผ้าห้อยสองสายผูกแต่ยอดฉัตรห้อยลอดลงมาปลิวอยู่ใต้ฉัตร จึงทำให้เข้าใจได้ว่าเหมือนกับสัปทนของจีน เขามีแถบผูกแต่ยอดห้อยปลิวอยู่สองสายเหมือนกัน และนึกว่าอาจมีประโยชน์เมื่อต้องลมจัดแล้ว คนจะเข้ายึดผ้าแถบนั้นช่วยคนถือได้ด้วย

ตามพระดำรัสเล่าถึงการเลี้ยงที่บ้านเจ้าเมืองและเรือรบ ทำให้นึกแปลไปว่าประเพณีเก่ามันจะกลับมาออกกระมัง ด้วยนึกได้ว่าสมเด็จกรมพระยาเทววงศ์เคยตรัสบอกว่า ตาโยน (ราชทูตอังกฤษครั้ง ๑๑๒) แกดินเนอร์เวลาบ่าย ๔ โมงแบบอังกฤษเก่า แล้วนึกไปถึงหมอดิไกเซอ ด้วยหมอไรเตอสั่งไว้เมื่อแกจะออกไปเยี่ยมบ้าน ว่าถ้าต้องการหมอแล้วให้ติดต่อด้วยหมอดิไกเซอ กาลหนึ่งเกล้ากระหม่อมไม่สบาย จึงไปหาหมอดิไกเซอที่บ้านเขาให้ตรวจ ไปหาเวลาจวนสองทุ่มแล้ว เห็นโต๊ะที่กินอาหารตั้งจานเล็กไว้ มีถ้วยน้ำชาคว่ำ ได้นึกสงสัยดูท่วงทีไปไม่ใช่กินข้าว เป็นกินน้ำชา แล้วก็ตัดสินในใจเห็นว่าจะกินข้าวเวลาเย็นอย่างตาโยน เวลาค่ำก็กินน้ำชา ตามที่ตรัสเล่าก็ไปเข้ารูปนั้น เขาจะเปลี่ยนประเพณีกันอย่างเก่ากินข้าวเสียแต่เวลาเย็น กินขนมเวลากลางคืนเป็นสัปเปอร์เสียดอกกระมัง

ข้อที่ตรัสเล่าถึงพวกโฮเต็ลและเรือนแรมที่ปีนัง ขาดทุนกันแห่งละมากๆ ในงานราชาภิเษกสมโภชนั้น เกล้ากระหม่อมเข้าใจดี เพราะตาสรร (หลวงนรเศรษฐสนิท) แกเคยสอนไว้ให้รู้ แกว่าการค้าขายก็เหมือนกับเล่นการพนันนั่นแหละพิเจ้าข้า ถ้าเก็งผิดก็ฉิบหาย ตามที่ตรัสเล่าก็เข้ารูปตามที่แกว่านั้น คือเก็งว่าคนจะมีมามากแต่แล้วก็มีมาน้อย ซ้ำเก็งว่าคนจะมีเงินติดกระเป๋ามาคนละ ๔ บาท แต่ที่จริงมีติดกระเป๋าแต่คนละบาทเดียว มันก็ขาดทุนฉิบหายไปหมดด้วยกันเท่านั้น

ชายใหม่ไปลา ว่าจะออกมาปีนังวันที่ ๑๙ เดือนนี้ เกล้ากระหม่อมจะฝากหนังสือ อิลลุสเตรเตด ลอนดอน นิวส์ ซึ่งทรงพระเมตตาโปรดประทานไปให้ดู ๒ ฉบับกลับมาถวายคืน

เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ได้รับลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ส่งโดยไปรษณีย์อากาศ ตรัสแนะนำให้ไปเข้าขอดเจ้าแขกชวา โดยประสงค์ของหลานๆ ขอประทานกราบทูลให้ทรงทราบว่า ไม่สู้เป็นการง่ายอย่างที่หลานๆ คิด เรื่องแต่งตัวนั้นก็เรื่องหนึ่ง เรื่องให้เข้าขอดเจ้าแขก ก็จะต้องไปเข้าขอดเกาวนาฝรั่งวิลันดาอีกด้วย เพราะทราบว่าแข่งรัศมีกัน มิฉะนั้นก็จะเกิดความเป็นทางการเมือง เกล้ากระหม่อมกราบถวายบังคมลาก็ถวายสัญญาว่าจะไปในฐานเป็นคนสามัญ ไม่ให้เกี่ยวข้องในทางราชการงานเมือง จะเสือกไปเที่ยวเข้าขอดต่างๆ จะมีผิดหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่เกล้ากระหม่อมก็เป็นคนเขลา ไม่สันทัดชัดเจนในทางฝรั่งมังค่า ได้ทูลกระหม่อมชายไว้ว่าจะไปให้ถึงชวาเป็นแล้ว ต่อนั้นไปก็แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรด จะโปรดให้เป็นอย่างไรก็แล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ออกจากกรุงเทพฯ มาแต่วันที่ ๒๖ เดือนก่อนว่าจะเที่ยวตามหัวเมืองปักษ์ใต้ แล้วจะเลยออกมาถึงปีนัง หวังว่าเมื่อท่านออกมาถึงคงจะทำให้ฝ่าพระบาทปีติพระทัยเป็นอย่างยิ่ง

พระยานครพระรามถึงอนิจกรรมเสียแล้ว เป็นโรคอะไรก็ไม่ทราบ

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ